Add parallel Print Page Options

อับราฮัมสิ้นชีวิต

25 อับราฮัมมีภรรยาอีกคนชื่อเคทูราห์ นางให้กำเนิดบุตรชื่อ ศิมราน โยกชาน เมดาน มีเดียน อิชบาก และชูอัค โยกชานมีบุตรชื่อ เช-บา และเดดาน บุตรของเดดานคือชาวอัชชูร์ เลทูช และเลอุม มีเดียนมีบุตรชื่อ เอฟาห์ เอเฟอร์ ฮาโนค อาบีดา และเอลดาอาห์ คนเหล่านี้เป็นผู้สืบเชื้อสายของเคทูราห์ อับราฮัมให้ทุกสิ่งที่ท่านมีแก่อิสอัค แต่อับราฮัมให้ของขวัญแก่บรรดาบุตรของภรรยาน้อยของท่าน และขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่ ท่านให้พวกเขาไปอยู่ในที่ซึ่งห่างไกลจากอิสอัคบุตรของท่าน ไปทางทิศตะวันออกยังดินแดนของชาติตะวันออก

อับราฮัมมีชีวิตอยู่นานถึง 175 ปี อับราฮัมหมดลมหายใจและสิ้นชีวิตเมื่อชราภาพ เป็นคนชราที่มีอายุยืนนาน และถูกบรรจุรวมไว้กับญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว อิสอัคกับอิชมาเอลบุตรทั้งสองก็ได้บรรจุร่างท่านไว้ในถ้ำมัคเป-ลาห์ ในทุ่งนาของเอโฟรนบุตรของโศหาร์ชาวฮิต ซึ่งอยู่ใกล้มัมเร 10 อันเป็นทุ่งนาที่อับราฮัมได้ซื้อจากพวกชาวฮิต อับราฮัมถูกบรรจุไว้ที่นั่นกับซาราห์ภรรยาของท่าน 11 หลังจากที่อับราฮัมเสียชีวิตแล้ว พระเจ้าก็ได้ให้พรแก่อิสอัคบุตรของท่าน และอิสอัคอาศัยอยู่ที่เบเออลาไฮรอย

ลำดับเชื้อสายอิชมาเอล

12 ต่อไปนี้เป็นลำดับเชื้อสายของอิชมาเอล บุตรของอับราฮัมกับนางฮาการ์ชาวอียิปต์ที่เป็นหญิงรับใช้ของซาราห์ 13 อิชมาเอลมีบุตร ชื่อเรียงตามลำดับการเกิดดังนี้ เนบาโยทบุตรหัวปีของอิชมาเอล เคดาร์ อัดบีเอล และมิบสัม 14 มิชมา ดูมาห์ และมัสสา 15 ฮาดัด เท-มา เยทูร์ นาฟิช และเคเดมาห์ 16 คนเหล่านี้เป็นบุตรของอิชมาเอล และมีชื่อดังกล่าวนับตามหมู่บ้านและตามค่ายของพวกเขา ทั้ง 12 คนอยู่ในระดับปกครองชั้นสูงตามเผ่าของเขา 17 (อิชมาเอลมีอายุถึง 137 ปี หมดลมหายใจและสิ้นชีวิต ถูกบรรจุรวมไว้กับญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว) 18 บรรดาบุตรเหล่านี้อาศัยอยู่ในอาณาเขตระหว่างฮาวิลาห์และชูร์ ซึ่งอยู่ใกล้ประเทศอียิปต์ทางไปอัชชูร์ และเขาเหล่านั้นมุ่งร้ายต่อญาติพี่น้องทุกคน

ยาโคบกับเอซาวเผชิญการแก่งแย่งเป็นครั้งแรก

19 ต่อไปนี้เป็นลำดับเชื้อสายของอิสอัคบุตรของอับราฮัม อับราฮัมเป็นบิดาของอิสอัค 20 อิสอัคมีอายุ 40 ปีเมื่อได้เรเบคาห์มาเป็นภรรยา เรเบคาห์เป็นบุตรหญิงของเบธูเอลชาวอารัม[a]แห่งปัดดานอารัม เป็นน้องสาวของลาบันชาวอารัม 21 อิสอัคอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้าให้ภรรยาของตน เพราะนางเป็นหมัน และพระผู้เป็นเจ้าก็ตอบคำอธิษฐานของท่าน เรเบคาห์ภรรยาของท่านจึงตั้งครรภ์ 22 ทารกในครรภ์ผลักกันอยู่ในครรภ์ของนาง และนางพูดว่า “ทำไมฉันต้องเผชิญกับเรื่องอย่างนี้” นางจึงถามพระผู้เป็นเจ้า

23 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวตอบนางว่า

“สองประชาชาติอยู่ในครรภ์ของเจ้า
    และสองชนชาติซึ่งเกิดจากเจ้าจะถูกแยกกัน
ชนพวกหนึ่งจะมีกำลังมากกว่าอีกพวกหนึ่ง
    คนพี่จะรับใช้คนน้อง”[b]

24 เมื่อนางครบกำหนดคลอด ดูเถิด ลูกแฝดอยู่ในครรภ์ของนาง 25 คนแรกคลอดออกมาผิวแดง มีขนดกตามตัวดั่งเสื้อคลุม เขาจึงมีชื่อว่า เอซาว 26 น้องชายของเขาตามออกมา โดยมือบีบส้นเท้าของเอซาวอยู่ เขาจึงมีชื่อว่า ยาโคบ อิสอัคมีอายุ 60 ปีเมื่อบุตรทั้งสองถือกำเนิดออกมา

27 เมื่อเด็ก 2 คนโตเป็นหนุ่ม เอซาวเป็นนายพรานมือหนึ่ง ชอบใช้ชีวิตในทุ่งกว้าง ฝ่ายยาโคบเป็นคนเงียบๆ ชอบอยู่แต่ในกระโจม 28 อิสอัครักเอซาว เพราะท่านชอบรับประทานเนื้อที่ล่าได้ แต่เรเบคาห์รักยาโคบ

29 มาวันหนึ่งขณะที่ยาโคบกำลังต้มสตูอยู่ เอซาวเข้ามาจากทุ่งอย่างหิวโซ 30 เอซาวจึงพูดกับยาโคบว่า “ขอกินสตูแดงบ้าง เพราะฉันหิวเหลือเกิน” (เขาจึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า เอโดม[c]) 31 ยาโคบตอบว่า “ขายสิทธิของลูกหัวปี[d]ของพี่ให้ฉันก่อนสิ” 32 เอซาวพูดว่า “ในเมื่อฉันเกือบจะตายอยู่แล้ว สิทธิของลูกหัวปีจะใช้อะไรได้สำหรับฉัน” 33 ยาโคบตอบว่า “สาบานให้ฉันก่อน” เขาจึงสาบานและขายสิทธิของบุตรหัวปีของตนแก่ยาโคบ 34 ยาโคบจึงให้ขนมปังกับสตูถั่วเลนเทิ้ลแก่เอซาว เขากินและดื่มเสร็จก็ลุกขึ้น แล้วออกไป เอซาวไม่ไยดีกับสิทธิของบุตรหัวปีเลย

อิสอัคกับอาบีเมเลค

26 เกิดทุพภิกขภัยขึ้นในแผ่นดินอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ได้เกิดขึ้นมาก่อนแล้วในสมัยของอับราฮัม และอิสอัคไปยังเมืองเก-ราร์ซึ่งอาบีเมเลคกษัตริย์แห่งฟีลิสเตียอยู่ พระผู้เป็นเจ้าปรากฏแก่อิสอัคและกล่าวว่า “อย่าลงไปยังประเทศอียิปต์ แต่จงตั้งค่ายอยู่ในแผ่นดินที่เราจะบอกให้เจ้ารู้ จงอาศัยอยู่ในดินแดนนี้ แล้วเราจะอยู่กับเจ้า และจะให้พรแก่เจ้า เราจะให้แว่นแคว้นเหล่านี้แก่เจ้าและแก่บรรดาผู้สืบเชื้อสายของเจ้า และเราจะรักษาสัญญาที่ได้ปฏิญาณกับอับราฮัมบิดาของเจ้า เราจะเพิ่มผู้สืบเชื้อสายจำนวนมากมายราวกับดวงดาวบนฟ้าให้แก่เจ้า และจะให้แว่นแคว้นเหล่านี้แก่บรรดาผู้สืบเชื้อสายของเจ้า ประชาชาติทั้งปวงในโลกจะได้รับพรโดยผ่านผู้สืบเชื้อสายของเจ้า[e] เพราะอับราฮัมเชื่อฟังเรา และได้ทำตามคำสั่งของเรา บัญญัติของเรา กฎเกณฑ์ของเรา และกฎบัญญัติของเรา”

ดังนั้น อิสอัคจึงอาศัยอยู่ในเก-ราร์ เมื่อพวกผู้ชายของเมืองนั้นถามท่านเกี่ยวกับภรรยาของท่าน ท่านก็ตอบว่า “นางเป็นน้องสาวของข้าพเจ้า” เหตุที่ท่านไม่กล้าพูดว่า “ภรรยาของข้าพเจ้า” เพราะคิดว่า “กลัวว่าพวกผู้ชายของเมืองจะเข่นฆ่าฉันเพราะเรเบคาห์” เพราะว่านางโฉมงามนัก เมื่ออิสอัคอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน อาบีเมเลคกษัตริย์แห่งฟีลิสเตียมองจากช่องหน้าต่าง เห็นอิสอัคกำลังคลอเคลียอยู่กับเรเบคาห์ภรรยาของตน อาบีเมเลคจึงเรียกอิสอัคมาพบ และกล่าวว่า “แท้จริงแล้วนางก็เป็นภรรยาของท่าน แล้วท่านพูดได้อย่างไรว่า ‘นางเป็นน้องสาวของข้าพเจ้า’” อิสอัคพูดกับท่านว่า “เพราะข้าพเจ้าคิดว่า ‘กลัวว่าข้าพเจ้าอาจจะตายเพราะนาง’” 10 อาบีเมเลคกล่าวว่า “ท่านทำอะไรกับเรา อาจจะมีใครสักคนในเมืองไปนอนกับภรรยาของท่านไปแล้วก็ได้ และท่านก็จะทำให้เราต้องมีความผิดไปด้วย” 11 ดังนั้นอาบีเมเลคจึงเตือนทุกคนว่า “ใครก็ตามที่แตะต้องตัวชายผู้นี้หรือภรรยาของเขา จะต้องมีโทษถึงตาย”

12 อิสอัคหว่านพืชในดินแดนนั้น และในปีนั้นก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ผลเป็นร้อยเท่า พระผู้เป็นเจ้าให้พรแก่ท่าน 13 ท่านจึงกลายเป็นคนร่ำรวยและมีความเจริญยิ่งๆ ขึ้น จนเป็นมหาเศรษฐี 14 ท่านเป็นเจ้าของฝูงแพะแกะ และโค อีกทั้งผู้รับใช้มากมาย จนกระทั่งชาวฟีลิสเตียอิจฉา 15 (เมื่ออับราฮัมบิดาของท่านยังมีชีวิตอยู่ พวกผู้รับใช้ของท่านได้ขุดบ่อน้ำไว้ มาบัดนี้พวกฟีลิสเตียเอาดินถมบ่อทุกบ่อ) 16 อาบีเมเลคกล่าวกับอิสอัคว่า “จงไปจากพวกเรา เพราะว่าท่านมีกำลังเกินกว่าพวกเราแล้ว”

17 อิสอัคจึงออกไปจากที่นั่น ท่านตั้งค่ายอยู่ที่ลุ่มน้ำเก-ราร์ และอาศัยอยู่ที่นั่น 18 แล้วอิสอัคขุดบ่อน้ำเดิมที่เคยขุดไว้แล้วในสมัยของอับราฮัมบิดาของท่าน แต่ชาวฟีลิสเตียได้ถมบ่อเสียหลังจากอับราฮัมสิ้นชีวิตลง และท่านตั้งชื่อบ่อเป็นชื่อเดียวกันกับที่บิดาของท่านได้ตั้งไว้ 19 เมื่อพวกผู้รับใช้ของอิสอัคขุดบ่อที่ลุ่มน้ำก็พบว่ามีน้ำไหล 20 พวกคนเลี้ยงสัตว์ของเก-ราร์จึงวิวาทกับคนเลี้ยงสัตว์ของอิสอัค โดยพูดว่า “น้ำเป็นของพวกเรา” ท่านจึงตั้งชื่อบ่อนั้นว่า เอเสก[f] เพราะพวกเขาวิวาทกับท่าน 21 แล้วพวกเขาก็ขุดอีกบ่อหนึ่ง และวิวาทกันเรื่องบ่อนั้นอีก ท่านจึงตั้งชื่อว่า สิตนาห์[g] 22 แล้วท่านก็ได้ย้ายไปจากที่นั่น และไปขุดอีกบ่อหนึ่ง คราวนี้ไม่มีการวิวาทกันเรื่องบ่ออีก ท่านจึงตั้งชื่อว่า เรโหโบท[h]โดยพูดว่า “บัดนี้พระผู้เป็นเจ้าได้ให้พวกเรามีที่กว้างขวาง และเราจะได้ผลทวีขึ้น”

23 ท่านจากที่นั่นไป และขึ้นไปยังเบเออร์เช-บา 24 ในคืนวันนั้นพระผู้เป็นเจ้าปรากฏแก่ท่าน และกล่าวว่า “เราเป็นพระเจ้าของอับราฮัมบิดาของเจ้า อย่ากลัวเลย เพราะว่าเราอยู่กับเจ้า และจะให้พรแก่เจ้า พร้อมทั้งเพิ่มจำนวนผู้สืบเชื้อสายของเจ้าเพื่ออับราฮัมผู้รับใช้ของเรา” 25 ดังนั้น ท่านจึงสร้างแท่นบูชาขึ้นที่นั่น ร้องเรียกพระนามของพระผู้เป็นเจ้า และตั้งกระโจมอยู่ที่นั่น พวกผู้รับใช้ของอิสอัคก็ขุดบ่อน้ำอีก

26 ขณะนั้นอาบีเมเลคกับอาหุสซัทผู้ปรึกษาออกไปจากเก-ราร์ พร้อมด้วยฟีโคล์ผู้บังคับกองพันทหารของท่าน 27 อิสอัคพูดกับพวกเขาว่า “ทำไมพวกท่านจึงมาหาข้าพเจ้า ในเมื่อท่านเกลียดชังข้าพเจ้า และให้ข้าพเจ้าไปจากพวกท่านแล้ว” 28 พวกเขาตอบว่า “พวกเราเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน พวกเราจึงตัดสินใจว่าเราควรร่วมสาบานกันระหว่างท่านและเรา ให้พวกเราทำพันธสัญญากับท่านเถิด 29 ว่าท่านจะไม่ทำสิ่งเลวร้ายใดๆ ต่อพวกเรา เช่นเดียวกับที่เราไม่ได้แตะต้องตัวท่าน หากแต่ทำสิ่งดีๆ ให้แก่ท่าน และให้ท่านจากไปอย่างสันติ บัดนี้ท่านก็ได้รับพระพรจากพระผู้เป็นเจ้า 30 อิสอัคจึงจัดเลี้ยงให้พวกเขา เขาก็รับประทานและดื่มกัน 31 พอรุ่งเช้าเขาทั้งหลายลุกขึ้นแต่เช้าตรู่เพื่อสาบานต่อกันและกัน แล้วอิสอัคล่ำลาชายทั้งสาม พวกเขาได้จากไปโดยสันติ 32 ในวันเดียวกันนั้น พวกผู้รับใช้ของอิสอัคมาบอกท่านเรื่องบ่อน้ำที่ได้ขุดกันไว้ และบอกท่านว่า “พวกเราพบน้ำแล้ว” 33 ท่านเรียกชื่อบ่อว่า ชิบาห์ ฉะนั้นชื่อเมืองจึงเป็น เบเออร์เช-บา

34 เมื่อเอซาวมีอายุ 40 ปี เขาได้ยูดิธบุตรหญิงของเบเออรีชาวฮิต และบาเสมัทบุตรหญิงของเอโลนชาวฮิตเช่นกันเป็นภรรยา 35 หญิงทั้งสองทำให้ชีวิตของอิสอัคและเรเบคาห์มีแต่ความทุกข์

ยาโคบรับพรจากอิสอัค

27 เมื่ออิสอัคชราลง ตามัวจนมองไม่เห็น ท่านได้เรียกเอซาวบุตรชายหัวปีของท่านมา และกล่าวว่า “ลูกเอ๋ย” เขาก็ตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่” ท่านพูดว่า “ดูสิ พ่อแก่แล้ว เมื่อไหร่จะถึงวันตายก็ไม่รู้ เอาล่ะ เจ้าเอาอาวุธของเจ้าออกไป เอาแล่งธนูและคันธนูของเจ้าไปในทุ่ง แล้วล่าเนื้อมาให้พ่อ จงเตรียมอาหารอร่อยๆ ที่พ่อชอบ แล้วเอามาให้พ่อกิน พ่อจะได้ให้พรแก่เจ้าก่อนตาย”

ขณะที่อิสอัคพูดกับเอซาวบุตรของตนอยู่ เรเบคาห์ก็แอบฟัง ดังนั้น เมื่อเอซาวออกไปในทุ่งเพื่อล่าเนื้อ เรเบคาห์พูดกับยาโคบบุตรของนางว่า “แม่ได้ยินพ่อของเจ้าพูดกับเอซาวพี่ชายของเจ้าว่า ‘เอาเนื้อมาให้พ่อ เตรียมอาหารอร่อยๆ ให้พ่อกิน แล้วพ่อจะให้พรแก่เจ้าต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าก่อนพ่อตาย’ มาเถิด ลูกแม่ จงเชื่อฟังคำของแม่ตามที่แม่สั่งเจ้า จงไปที่ฝูงแพะแกะ เลือกลูกแพะดีๆ มาให้แม่ 2 ตัว จะได้เตรียมอาหารอร่อยๆ ที่พ่อของเจ้าชอบ 10 แล้วเจ้าจะเป็นคนเอาอาหารไปให้พ่อของเจ้ากิน ท่านจะได้ให้พรแก่เจ้าก่อนตาย” 11 แต่ยาโคบพูดกับเรเบคาห์มารดาของตนว่า “ดูสิ เอซาวพี่ชายของลูกเป็นคนมีขนดก แต่ลูกขนไม่ดก 12 พ่ออาจจะจับตัวลูก ท่านจะเห็นว่าลูกพยายามหลอกลวงท่าน แล้วจะสาปแช่งลูกแทนการให้พร” 13 มารดาพูดกับเขาว่า “ให้การสาปแช่งของเจ้าตกเป็นของแม่ ลูกเอ๋ย เพียงแต่เชื่อฟังคำของแม่ ไปเถิด หาลูกแพะมาให้แม่”

14 ดังนั้น เขาจึงไปเอาลูกแพะมาให้มารดา และนางก็เตรียมอาหารอร่อยๆ ที่บิดาของเขาชอบ 15 ครั้นแล้วเรเบคาห์ก็หยิบเสื้อผ้าชุดดีที่สุดของเอซาวบุตรหัวปีของนางมา เป็นเสื้อที่นางเก็บไว้ที่บ้าน นางสวมใส่ให้ยาโคบบุตรคนเล็ก 16 นางหุ้มมือและคอที่เกลี้ยงเกลาของเขาด้วยหนังลูกแพะ 17 และยื่นอาหารอร่อยๆ กับขนมปังที่เตรียมไว้ให้กับมือของยาโคบบุตรของนาง

18 เขาก็เข้าไปหาบิดา และพูดว่า “พ่อท่าน” ท่านตอบว่า “พ่ออยู่นี่ เจ้าเป็นใคร ลูกหรือ” 19 ยาโคบพูดกับบิดาของตนว่า “ลูกเป็นเอซาวลูกหัวปีของพ่อ ลูกทำตามที่พ่อบอก พ่อลุกขึ้นนั่งรับประทานเนื้อที่ลูกล่ามาได้เถิด พ่อจะได้ให้พรแก่ลูก” 20 แต่อิสอัคถามบุตรของตนว่า “ลูกเอ๋ย เจ้าหาเนื้อมาเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร” เขาตอบว่า “เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพ่อช่วยหาให้ลูก” 21 แล้วอิสอัคพูดกับยาโคบว่า “เข้ามาใกล้ๆ สิ พ่อจะได้จับตัวเจ้า ลูกเอ๋ย พ่อจะได้รู้ว่าเจ้าเป็นเอซาวลูกของพ่อจริงหรือเปล่า” 22 ยาโคบจึงเข้าไปใกล้อิสอัคบิดาของตน ท่านจับตัวเขาและพูดว่า “เสียงก็เป็นเสียงของยาโคบ แต่มือเป็นมือของเอซาว” 23 ท่านจำเขาไม่ได้ เพราะมือของเขามีขนดกเหมือนมือเอซาวพี่ชายของเขา ดังนั้นท่านจึงให้พรแก่เขา 24 ท่านถามว่า “เจ้าเป็นเอซาวลูกของพ่อจริงหรือ” เขาตอบว่า “จริง” 25 แล้วท่านพูดว่า “เอามาให้พ่อสิ พ่อจะได้กินเนื้อที่ลูกหามา แล้วจะให้พรแก่เจ้า” ยาโคบเอาอาหารมาให้ท่าน ท่านก็รับประทาน เขาเอาเหล้าองุ่นมาให้ท่าน และท่านก็ดื่ม

26 แล้วอิสอัคบิดาของเขาพูดกับเขาว่า “ลูกเอ๋ย เข้ามาใกล้ๆ และจูบแก้มพ่อ” 27 เขาจึงเข้าไปใกล้และจูบแก้มท่าน ท่านดมได้กลิ่นเสื้อผ้าของเอซาว แล้วให้พรแก่ยาโคบพลางพูดว่า

“โอ กลิ่นลูกชายของฉัน
    ช่างเหมือนกลิ่นทุ่งที่
    พระผู้เป็นเจ้าได้อวยพร
28 ขอให้พระเจ้าโปรดให้เจ้าได้รับน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์
    ได้รับความอุดมจากแผ่นดิน
    รวมทั้งธัญพืชและเหล้าองุ่นอย่างเปี่ยมล้น
29 ให้ชนชาติทั้งหลายรับใช้เจ้า
    และบรรดาประชาชาติก้มลงนอบน้อมเจ้า
จงเป็นนายเหนือญาติพี่น้องของเจ้า
    ให้บรรดาลูกชายของมารดาของเจ้าก้มลงนอบน้อมเจ้า
ทุกคนที่สาปแช่งเจ้าจะถูกสาปแช่ง
    และทุกคนที่อวยพรเจ้าจะได้รับพร”

30 ทันทีที่อิสอัคให้พรแก่ยาโคบจบ ยาโคบเพิ่งจะออกไปพ้นหน้าอิสอัคบิดาของเขา เอซาวพี่ชายของเขาก็กลับเข้ามาจากการล่าเนื้อ 31 เขาทำอาหารอร่อยมาด้วย และกำลังนำมาให้บิดา เขาพูดกับบิดาว่า “ท่านพ่อลุกขึ้นรับประทานเนื้อที่ลูกของท่านล่ามาได้เถิด แล้วท่านจะได้ให้พรแก่ลูก” 32 อิสอัคบิดาของเขากล่าวว่า “เจ้าเป็นใคร” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นลูกของพ่อ เอซาวลูกหัวปีของพ่อไง” 33 อิสอัคก็ตัวสั่นเทา พลางพูดว่า “แล้วใครเล่าที่ล่าเนื้อ แล้วนำมาให้พ่อ พ่อก็กินหมดก่อนที่เจ้าจะเข้ามา พ่อให้พรแก่เขาแล้วด้วย ใช่แล้ว เขาจะได้รับพรแน่” 34 เมื่อเอซาวได้ยินคำพูดของบิดา เขาก็ร้องตะโกนเสียงลั่นด้วยความขมขื่น และพูดกับบิดาว่า “โอ พ่อของลูก ให้พรแก่ลูกเถิด ให้พรแก่ลูกด้วย” 35 แต่ท่านกล่าวว่า “น้องชายของเจ้ามาหลอกลวงพ่อ แล้วเขาเอาพรของเจ้าไปแล้ว” 36 เอซาวพูดว่า “ยาโคบช่างเป็นชื่อที่เหมาะสมกับเขาเสียจริง เพราะเขาสวมรอยลูกมา 2 หนแล้ว เขาชิงเอาสิทธิของลูกหัวปีของลูกไปแล้ว ดูนี่สิ คราวนี้เขาชิงเอาพรของลูกไป” แล้วเขาพูดต่ออีกว่า “พ่อไม่มีพรสำรองไว้ให้ลูกบ้างเลยหรือ” 37 อิสอัคตอบเอซาวว่า “ดูสิ พ่อทำให้เขาเป็นนายของเจ้า และพ่อให้ญาติพี่น้องของเขาเป็นผู้รับใช้เขา พ่อให้เขามีธัญพืชและเหล้าองุ่นสะสมไว้มากมาย ลูกของพ่อเอ๋ย แล้วพ่อจะช่วยอะไรเจ้าได้เล่า” 38 เอซาวพูดกับบิดาของเขาว่า “พ่อของลูก พ่อมีเพียงพรเดียวเท่านั้นหรือ ให้พรแก่ลูกเถิด ให้พรแก่ลูกด้วย โอ พ่อของลูก” เอซาวแผดเสียงขึ้น แล้วก็ร้องไห้

39 แล้วอิสอัคบิดาของเขาตอบเขาว่า

“ฟังนะ บ้านเรือนของเจ้า
    จะอยู่ไกลจากแผ่นดินอันอุดม
    อยู่ไกลจากน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์เบื้องบน
40 เจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการใช้คมดาบ
    และเจ้าจะรับใช้น้องของเจ้า
แต่เมื่อเจ้าฮึดสู้
    เจ้าจะสลัดแอกของเขา
    หลุดจากคอของเจ้า”

41 เอซาวเกลียดชังยาโคบ เพราะบิดาของเขาได้ให้พรแก่เขา เอซาวจึงรำพันขึ้นว่า “วันที่จะต้องร้องคร่ำครวญถึงพ่อใกล้จะถึงแล้ว แล้วฉันจะฆ่ายาโคบน้องชายของฉัน” 42 แต่มีคนไปบอกนางเรเบคาห์ถึงสิ่งที่เอซาวบุตรคนโตของนางกำลังจ้องที่จะทำ นางจึงให้คนไปเรียกยาโคบบุตรคนเล็กของนางมา และบอกว่า “ดูสิ เอซาวพี่ชายของเจ้าปลอบใจตัวเองโดยมีแผนจะฆ่าเจ้า 43 ฉะนั้นลูกเอ๋ย ตอนนี้เจ้าจงเชื่อฟังแม่ ไปเถิด หนีไปหาลาบันพี่ชายของแม่ที่ฮาราน 44 และอยู่กับเขาสักพักหนึ่ง จนกว่าพี่ชายของเจ้าจะคลายความฉุนเฉียว 45 เมื่อพี่ชายเจ้าหายโกรธจนลืมว่าเจ้าทำอะไรกับเขาไว้ แล้วแม่จะส่งคนไปรับตัวเจ้ามาจากที่นั่น แม่ไม่อยากเสียลูกทั้งสองคนในวันเดียว”

46 แล้วเรเบคาห์พูดกับอิสอัคว่า “ฉันเอือมระอากับผู้หญิงชาวฮิตเหลือเกิน ถ้ายาโคบหาภรรยาได้จากพวกผู้หญิงชาวฮิต คือผู้หญิงจากดินแดนนี้ ฉันก็คงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว”

Footnotes

  1. 25:20 อารัม คือประเทศซีเรียในปัจจุบัน
  2. 25:23 โรม 9:12
  3. 25:30 เอโดม มีความหมายว่า แดง
  4. 25:31 บุตรชายหัวปีเป็นหัวหน้าครอบครัว และมีสิทธิ์รับสมบัติเป็นสองเท่าของบุตรชายคนต่อๆ ไป
  5. 26:4 ปฐมกาล 22:18; กิจการของอัครทูต 3:25; กาลาเทีย 3:8
  6. 26:20 เอเสก มีความหมายว่า วิวาท
  7. 26:21 สิตนาห์ มีความหมายว่า ฝ่ายค้าน
  8. 26:22 เรโหโบท มีความหมายว่า กว้างขวาง