สดุดี 41-45
Thai New Testament: Easy-to-Read Version
คำอธิษฐานของคนป่วย
ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
1 คนที่เอาใจใส่คนยากจน ถือว่ามีเกียรติจริงๆ
เมื่อคนนั้นตกทุกข์ได้ยาก พระยาห์เวห์จะช่วยเหลือเขา
2 พระยาห์เวห์จะปกป้องเขาและช่วยรักษาชีวิตเขาไว้
เขาจะได้รับพระพรในแผ่นดินนี้
และพระองค์จะไม่มอบเขาไปให้พวกศัตรูของเขาทำตามใจชอบ
3 เมื่อเขานอนป่วยอยู่บนเตียง พระยาห์เวห์จะทำให้เขาแข็งแรง
เมื่อเขาป่วย พระองค์ก็รักษาให้เขาหายเหมือนเดิม
4 ข้าพเจ้าพูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าได้ทำบาปต่อพระองค์
แต่โปรดเมตตาข้าพเจ้าและรักษาข้าพเจ้าด้วยเถิด”
5 แต่พวกศัตรูพากันพูดเรื่องร้ายๆเกี่ยวกับข้าพเจ้าว่า
“เมื่อไหร่มันจะตายสักที จะได้ถูกลืมไปซะ”
6 และถ้ามีใครมาเยี่ยมเยียนข้าพเจ้า
พวกเขาแกล้งพูดอย่างเป็นห่วงเป็นใย
แต่อันที่จริงมาเพื่อเก็บรวบรวมข่าวร้ายเกี่ยวกับข้าพเจ้า
เพื่อออกไปกระจายข่าวลือนั้น
7 ทุกคนที่เกลียดข้าพเจ้าซุบซิบกัน
คาดหวังว่าข้าพเจ้าจะต้องแย่แน่ๆ
8 พวกเขาพูดว่า
“เขาถูกโรคร้ายซัดเข้า ไม่มีทางลุกขึ้นมาจากเตียงนั้นได้แน่”
9 ขนาดเพื่อนสนิท ที่ข้าพเจ้าเคยไว้วางใจ
คนที่เคยกินอยู่กับข้าพเจ้า ยังหักหลังข้าพเจ้าเลย[a]
10 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอโปรดเมตตาด้วยเถิด
ช่วยข้าพเจ้าให้ลุกขึ้น เพื่อกลับไปแก้แค้นคนพวกนั้น
11 แล้วข้าพเจ้าจะได้รู้ว่าพระองค์พอใจข้าพเจ้า
เพราะศัตรูไม่ได้โห่ร้องมีชัยเหนือข้าพเจ้า
12 พระองค์พยุงข้าพเจ้าไว้ เพราะข้าพเจ้าบริสุทธิ์
และตั้งข้าพเจ้าให้อยู่ต่อหน้าพระองค์ตลอดไป
13 สรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ผู้ที่ดำรงอยู่มาตั้งแต่ในอดีตกาลและจะดำรงอยู่ตลอดไปชั่วนิรันดร์
อาเมน และ อาเมน
หนังสือเล่มที่สอง
(สดุดี 42-72)
คิดถึงบ้านพระเจ้า
ถึงหัวหน้านักร้อง บทกวีแห่งมัสคิล[b] สำหรับคนของตระกูลโคราห์
1 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้ากระหายหาพระองค์
เหมือนกับกวางที่กระหายหาน้ำในลำธารที่ไหลเย็น
2 ข้าพเจ้าโหยหาพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่
เมื่อไหร่หนอข้าพเจ้าถึงจะได้เข้าเฝ้าพระเจ้าอีก
3 ข้าพเจ้าต้องกินน้ำตาต่างอาหารทั้งวันทั้งคืน
ในขณะที่คนเหล่านี้ถามข้าพเจ้าไม่หยุดหย่อนว่า
“พระเจ้าของแกอยู่ไหนล่ะ”
4 ข้าพเจ้าคิดถึงเรื่องเหล่านี้
และระบายความในใจออกมา
ข้าพเจ้าคิดถึงตอนที่เดินอยู่กับฝูงชน
และนำหน้าขบวนพวกเขาขึ้นไปยังวิหารของพระเจ้า
ข้าพเจ้าฟังเสียงโห่ร้องยินดีและเพลงที่ร้องสรรเสริญพระเจ้า
ในขณะที่ฝูงชนกำลังเฉลิมฉลองงานเทศกาลกัน
5 ข้าพเจ้าถามตัวเองว่าทำไมข้าพเจ้าถึงโศกเศร้านัก
ทำไมข้าพเจ้าถึงวุ่นวายใจอย่างนี้
ข้าพเจ้าควรจะฝากความหวังไว้กับพระเจ้า ใช่แล้ว ข้าพเจ้าจะได้มีเหตุที่จะสรรเสริญพระองค์อีกครั้ง
พระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้าและเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า
6 ข้าพเจ้าโศกเศร้าเหลือเกิน
ข้าพเจ้าถึงระลึกถึงพระองค์จากยอดเขามิซาร์ซึ่งอยู่ในเทือกเขาเฮอร์โมน
ในแคว้นอันเป็นจุดเริ่มต้นของแม่น้ำจอร์แดน
7 พวกมหาสมุทรลึกร้องเรียกหากัน ร่วมกันกับเสียงของน้ำตก
คลื่นปัญหาลูกใหญ่น้อยจากพระองค์กระหน่ำซัดลงบนหัวของข้าพเจ้า
8 พระยาห์เวห์แสดงความรักมั่นคงของพระองค์ต่อข้าพเจ้าวันแล้ววันเล่า
แล้วข้าพเจ้าร้องเพลงให้กับพระองค์ในตอนกลางคืน
และข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระเจ้าผู้ให้ชีวิตข้าพเจ้า
9 ข้าพเจ้าจะพูดกับพระเจ้าผู้เป็นหินกำบังของข้าพเจ้าว่า
“ทำไมพระองค์ถึงลืมข้าพเจ้า
ทำไมข้าพเจ้าถึงต้องร้องไห้คร่ำครวญ
เพราะความโหดร้ายของศัตรูข้าพเจ้า”
10 พวกศัตรูพากันเยาะเย้ยข้าพเจ้า
แล้วมันแทงเข้าไปในกระดูกดำของข้าพเจ้า
เมื่อพวกเขาถามอยู่ตลอดว่า
“พระเจ้าของแกอยู่ที่ไหน”
11 ข้าพเจ้าถามตัวเองว่า ทำไมข้าพเจ้าถึงโศกเศร้านัก
ทำไมข้าพเจ้าถึงวุ่นวายใจอย่างนี้
ข้าพเจ้าควรจะฝากความหวังไว้กับพระเจ้า ใช่แล้ว ข้าพเจ้าจะมีเหตุที่จะสรรเสริญพระองค์อีกครั้ง
พระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้าและเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า[c]
1 [d] ข้าแต่พระเจ้า ช่วยตัดสินคดีว่าข้าพเจ้าเป็นฝ่ายถูกด้วย
ช่วยสู้คดีให้กับข้าพเจ้ากับคนต่างชาติพวกนี้ที่ไม่ได้จงรักภักดีต่อพระองค์ด้วย
ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนพวกนี้ที่เหลี่ยมจัดและชั่วช้าด้วยเถิด
2 เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
ทำไมพระองค์ถึงทอดทิ้งข้าพเจ้า
ทำไมข้าพเจ้าถึงต้องร้องไห้คร่ำครวญ
เพราะความโหดร้ายของศัตรูข้าพเจ้า
3 โปรดแสดงแสงสว่างของพระองค์และความซื่อสัตย์ของพระองค์
เพื่อสิ่งเหล่านั้นจะได้นำทางข้าพเจ้า
ขอให้สิ่งเหล่านั้นนำข้าพเจ้าไปยังวิหารของพระองค์
ที่อยู่บนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
4 แล้วข้าพเจ้าจะได้เข้าถึงแท่นบูชาของพระเจ้า
และเข้าถึงพระเจ้าผู้ทำให้ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีด้วยความสุขล้น
ข้าแต่พระเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณ
5 ข้าพเจ้าถามตัวเองว่าทำไมข้าพเจ้าถึงโศกเศร้านัก
ทำไมข้าพเจ้าถึงวุ่นวายใจอย่างนี้
ข้าพเจ้าควรจะฝากความหวังไว้กับพระเจ้า ใช่แล้ว ข้าพเจ้าจะมีเหตุที่จะสรรเสริญพระองค์อีกครั้ง
พระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้าและเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า
อธิษฐานให้พระเจ้าปกป้องชาติ
ถึงหัวหน้านักร้อง บทกวีแห่งมัสคิล[e] สำหรับคนของตระกูลโคราห์
1 ข้าแต่พระเจ้า พวกเราได้ยินกับหูของพวกเราเอง
ถึงเรื่องราวต่างๆที่บรรพบุรุษเล่าให้พวกเราฟัง
พวกเขาเล่าถึงสิ่งต่างๆที่พระองค์ทำในชั่วชีวิตของเขา
ในสมัยก่อนโน้น
2 พวกเขาเล่าให้ฟังว่า ด้วยมือของพระองค์ พระองค์ขับไล่ชนชาติต่างๆออกไป
และปลูกฝังบรรพบุรุษของเราแทน
พระองค์ทำลายชนชาติเหล่านั้น
และปล่อยให้บรรพบุรุษของพวกเราเป็นอิสระ
3 พวกเขาเล่าว่าไม่ใช่ดาบหรือแขนอันแข็งแกร่งของพวกเขาหรอกนะ
ที่ทำให้พวกเขาชนะและได้แผ่นดินมา
แต่เป็นมือขวาและแขนของพระองค์
และรัศมีจากใบหน้าของพระองค์ต่างหาก
เพราะพระองค์พอใจในพวกเขา
4 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์เป็นกษัตริย์ของข้าพเจ้า
ขอพระองค์ออกคำสั่งที่จะทำให้ยาโคบชนะ
5 เราสามารถผลักดันคนเหล่านั้นให้ถอยล่นไปโดยพึ่งในพระองค์
เราเหยียบย่ำคนเหล่านั้นที่ลุกฮือขึ้นต่อต้านเราโดยพึ่งชื่อของพระองค์
6 ข้าพเจ้าไม่ได้ฝากความไว้วางใจไว้กับธนูของข้าพเจ้า
และมันก็ไม่ใช่ดาบของข้าพเจ้าที่นำชัยชนะมาให้กับข้าพเจ้า
7 ข้าแต่พระองค์ พระองค์ทำให้เรามีชัย
พระองค์ทำให้คนพวกนั้นที่เกลียดพวกเราอับอายขายหน้า
8 ข้าแต่พระเจ้า พวกเราถวายเกียรติแด่พระองค์วันยังค่ำ
และเราสรรเสริญชื่อของพระองค์อย่างไม่หยุดหย่อน เซลาห์
9 แต่พระองค์ได้ทอดทิ้งพวกเราทำให้พวกเราอับอาย
และไม่ยอมออกไปสนามรบด้วยกันกับพวกเรา
10 พระองค์ทำให้เราต้องถอยหนีจากศัตรู
พระองค์ทำให้คนเหล่านั้นที่เกลียดเราปล้นสะดมของเราไป
11 พระองค์ปล่อยให้พวกเราเป็นเหมือนแกะที่จะถูกนำไปฆ่า
พระองค์ทำให้พวกเรากระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางชนชาติอื่นๆ
12 พระองค์ขายประชาชนของพระองค์ให้ไปเป็นทาส
ขายไปถูกๆอย่างกับให้เปล่า พระองค์ไม่ต่อรองราคาเสียด้วยซ้ำ
13 พวกเพื่อนบ้านของพวกเรา เห็นสิ่งที่พระองค์ทำ
แล้วตอนนี้ พวกเขาพากันเยาะเย้ยและหัวเราะเยาะพวกเรา
14 พระองค์ทำให้พวกเรากลายเป็นตัวตลกในท่ามกลางประเทศเพื่อนบ้านของเรา
พวกเขาพากันหัวเราะเยาะและส่ายหัวใส่เรา
15 ข้าพเจ้ารู้สึกอับอายทั้งวัน
ความอัปยศอดสูคลุมหน้าของข้าพเจ้าไว้
16 ข้าพเจ้าซ่อนอยู่ในความอับอาย เพราะเสียงเยาะเย้ย
และคำดูหมิ่นของพวกศัตรู ที่เฝ้ารอคอยแก้แค้นข้าพเจ้า
17 ข้าแต่พระเจ้า สิ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับพวกเรา
ทั้งๆที่พวกเราไม่ได้ลืมพระองค์หรือทำผิดต่อสัญญาของพระองค์
18 จิตใจของพวกเราไม่ได้หันไปจากพระองค์
และย่างเท้าของเราไม่ได้หันเหไปจากทางของพระองค์
19 แต่พระองค์กลับบดขยี้เราในถิ่นของฝูงหมาป่า
และปกคลุมเราด้วยความมืดมิด
20 ถ้าพวกเราลืมชื่อพระเจ้าของพวกเรา
แล้วยกมือขึ้นอธิษฐานต่อพระอื่น
21 พระเจ้าจะไม่รู้เชียวหรือ
เพราะพระองค์หยั่งรู้ถึงความลับในจิตใจ
22 แต่เพราะเราเป็นของพระองค์ พวกเราถูกฆ่าไม่หยุด
และเพราะเราเป็นของพระองค์ คนมองว่าเราเป็นเหมือนแกะที่จะถูกนำไปฆ่า
23 ตื่นเถิด องค์เจ้าชีวิต พระองค์นอนหลับอยู่ได้ยังไง
ลุกขึ้นเถิด อย่าได้ละทิ้งพวกเราตลอดไป
24 ทำไมพระองค์ถึงได้เมินหน้าไปจากเรา
ทำไมพระองค์ถึงได้เมินเฉยต่อความทุกข์และการกดขี่ข่มเหงที่พวกเราได้รับ
25 พวกเราจมดินแล้ว
ท้องแนบไปกับพื้นแล้ว
26 ช่วยลุกขึ้นและรีบมาช่วยเหลือพวกเรา
ช่วยกู้พวกเราด้วยเถิดเพื่อแสดงความรักที่มั่นคงของพระองค์
เพลงงานวิวาห์ของกษัตริย์
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องโดยใช้ทำนองเพลงดอกพลับพลึง สำหรับคนของตระกูลโคราห์ บทกวีแห่งมัสคิล เพลงรัก
1 จิตใจของข้าพเจ้าเต็มล้นไปด้วยถ้อยคำที่ไพเราะ
ในขณะที่ข้าพเจ้าเขียนถ้อยคำเหล่านี้ให้กับกษัตริย์
ลิ้นของข้าพเจ้าเป็นเหมือนปากกาของนักเขียนผู้เชี่ยวชาญ
2 พระองค์หล่อเหลากว่าชายอื่นใด
ถ้อยคำที่ไพเราะออกมาจากปากของพระองค์
เห็นชัดๆว่าพระเจ้าอวยพรพระองค์ตลอดกาล
3 กษัตริย์ผู้เกรียงไกร เหน็บดาบของพระองค์ไว้ข้างกายเถิด
พระองค์ใส่ชุดเต็มยศเต็มไปด้วยสง่าราศีและบารมี
4 ด้วยบารมีของพระองค์ ให้ขี่รถม้ามุ่งออกไปสู่ชัยชนะ
เพื่อคงความสัตย์ซื่อไว้ ปกป้องคนต่ำต้อย และรักษาความยุติธรรม
ขอให้มือขวาของพระองค์ทำกิจกรรมอันน่าเกรงขาม
5 ลูกธนูของพระองค์ได้ลับมาจนแหลมคม
แทงทะลุเข้าไปในหัวใจของเหล่าศัตรูของกษัตริย์
ชนชาติต่างๆพากันล้มลงใต้เท้าของพระองค์
6 ข้าแต่พระเจ้า[f] บัลลังก์ของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป
พระองค์จะปกครองคนของพระองค์อย่างยุติธรรม
7 พระองค์รักความยุติธรรมและเกลียดชังความชั่วร้าย
นั่นเป็นเหตุที่พระเจ้า พระเจ้าของพระองค์ถึงแต่งตั้งพระองค์[g]เป็นกษัตริย์
และเทน้ำมันลงบนศีรษะของพระองค์ทำให้พระองค์มีความสุขมากกว่าเพื่อนๆ
8 เสื้อผ้าของพระองค์มีกลิ่นหอมของกำยาน ว่านหางจระเข้ และการบูร
เหล่านักดนตรีบรรเลงเพลงให้พระองค์ฟังอย่างมีความสุขภายในวังที่ตกแต่งด้วยงาช้าง
9 บุตรสาวของเหล่ากษัตริย์ ก็อยู่ในหมู่หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ของพระองค์
และราชินีก็ยืนอยู่เบื้องขวาของพระองค์ นางสวมเครื่องประดับทองคำจากเมืองโอฟีร์
10 ลูกสาวสุดที่รักเอ๋ย ฟังเราไว้ สังเกตดีๆ เอียงหูมาฟัง
ตอนนี้ เธอจะต้องลืมชนชาติของเธอ และครอบครัวของพ่อเธอ
11 แล้วกษัตริย์ถึงจะได้หลงใหลในความงดงามของเธอ
เพราะตอนนี้ พระองค์เป็นนายของเธอแล้ว และเธอต้องก้มกราบพระองค์
12 ผู้คนจากเมืองไทระ จะนำของกำนัลมาให้
เศรษฐีจากชนชาตินั้นพยายามจะเอาใจเธอ
13 เจ้าหญิงอยู่ในห้องของนาง
แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ถักทอด้วยทองคำ
14 เจ้าหญิงในชุดสวยงามนี้ จะถูกนำตัวไปเข้าเฝ้ากษัตริย์
และนางก็จะมีเพื่อนเจ้าสาวที่ยังเป็นสาวพรหมจารีตามหลังเธอไปด้วย พวกเขาถูกนำตัวมาเข้าเฝ้าพระองค์
15 พวกเธอถูกนำเข้าไปในวังของกษัตริย์
ด้วยความชื่นชมยินดี
16 พระองค์จะมีบุตรชายหลายคน
เพื่อเป็นกษัตริย์สืบทอดบัลลังก์ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของพระองค์
พระองค์จะตั้งพวกเขาแต่ละคนให้ไปครอบครองแผ่นดิน
17 ข้าพเจ้าจะทำให้ผู้คนรุ่นต่อๆไปจดจำชื่อของพระองค์
เพื่อว่าชนชาติต่างๆจะสรรเสริญพระองค์ตลอดไป
Footnotes
- 41:9 ยังหักหลังข้าพเจ้าเลย หรือแปลตรงๆได้ว่า “ยังยกส้นตีนใส่ข้าพเจ้าเลย”
- สดุดี 42 มัสคิล เป็นภาษาฮีบรู เราไม่รู้ความหมายที่แน่นอน อาจหมายถึง “บทกวีแห่งการใคร่ครวญ” “บทกวีแห่งการสั่งสอน” หรือ “บทกวีที่เขียนขึ้นด้วยความชำนาญ”
- 42:11 ข้อนี้เหมือนกับข้อที่ 42:5
- 43:1 ตอนเริ่มแรก หนังสือสดุดี 42 และ 43 น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของเพลงเดียวกัน
- สดุดี 44 มัสคิล เป็นภาษาฮีบรู เราไม่รู้ความหมายที่แน่นอน อาจหมายถึง “บทกวีแห่งการใคร่ครวญ” หรือ “บทกวีแห่งการสั่งสอน” หรือ “บทกวีที่เขียนขึ้นด้วยความชำนาญ”
- 45:6 พระเจ้า ในที่นี้อาจจะเป็นตำแหน่งของกษัตริย์ หรือ อาจจะแปลได้อีกอย่างหนึ่งว่า “บัลลังก์ของพระองค์ที่มาจากพระเจ้า”
- 45:7 แต่งตั้งพระองค์ หรือแปลตรงๆได้ว่า “เจิมพระองค์” ดูคำว่า “เจิม” เพิ่มเติมได้จากคำอธิบายศัพท์ท้ายเล่ม
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International