เนหะมีย์ 2-6
New Thai Version
กษัตริย์ส่งเนหะมีย์ไปยูดาห์
2 ในเดือนนิสาน ปีที่ยี่สิบแห่งการครองราชย์ของกษัตริย์อาร์ทาเซอร์ซีส เมื่อเป็นเวลาถวายเหล้าองุ่น ข้าพเจ้าก็รับเหล้าองุ่นมาถวายกษัตริย์ ข้าพเจ้าไม่เคยเศร้าโศกต่อหน้าท่านมาก่อน 2 กษัตริย์กล่าวกับข้าพเจ้าว่า “ทำไมเจ้าจึงหน้าเศร้า ในเมื่อเจ้าก็ไม่ได้เจ็บป่วย นี่คงไม่ใช่อะไรอื่น แต่เป็นความทุกข์ใจ” 3 ข้าพเจ้าตอบกษัตริย์ว่า “ขอให้กษัตริย์มีชีวิตยิ่งยืนนานเถิด หน้าข้าพเจ้าจะไม่เศร้าได้อย่างไร ในเมื่อเมืองซึ่งเป็นที่ฝังศพของบรรพบุรุษของข้าพเจ้า เหลือแต่ซากปรักหักพัง และประตูเมืองก็ถูกไฟไหม้เสียหาย” 4 กษัตริย์จึงกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าต้องการขอสิ่งใด” ดังนั้นข้าพเจ้าจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ 5 และข้าพเจ้าตอบกษัตริย์ว่า “ถ้าหากว่าเป็นที่พอใจของกษัตริย์ และถ้าผู้รับใช้ของท่านเป็นที่พอใจของท่าน ขอท่านโปรดให้ข้าพเจ้าไปยังยูดาห์ เมืองซึ่งเป็นที่ฝังศพของบรรพบุรุษของข้าพเจ้าเถิด เพื่อข้าพเจ้าจะสร้างเมืองขึ้นใหม่” 6 ราชินีนั่งข้างกษัตริย์ และกษัตริย์กล่าวกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าจะไปนานแค่ไหน เมื่อไหร่เจ้าจะกลับมา” เมื่อข้าพเจ้ากำหนดวันเวลา กษัตริย์ก็พอใจที่ให้ข้าพเจ้าไป 7 ข้าพเจ้าตอบกษัตริย์ว่า “ถ้ากษัตริย์จะโปรด กรุณาให้ข้าพเจ้าถือจดหมายไปยังผู้ว่าราชการของแคว้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส เพื่อพวกเขาจะอนุญาตให้ข้าพเจ้าเดินทางผ่านไปจนถึงยูดาห์ 8 และจดหมายถึงอาสาฟผู้รักษาป่าไม้ของกษัตริย์ เพื่อเขาจะได้มอบไม้ทำคานค้ำประตูป้อมปราการที่ข้างพระวิหาร และก่อกำแพงเมือง และก่อสร้างบ้านที่ข้าพเจ้าจะได้อาศัยอยู่” กษัตริย์ก็ประทานสิ่งที่ข้าพเจ้าขอ ด้วยว่ามืออันประเสริฐของพระเจ้าของข้าพเจ้าสถิตกับข้าพเจ้า
เนหะมีย์สำรวจกำแพงเยรูซาเล็ม
9 ข้าพเจ้าไปหาบรรดาผู้ว่าราชการแคว้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส และยื่นจดหมายของกษัตริย์ให้แก่พวกเขา กษัตริย์ได้ให้พวกกองทัพทหารและทหารม้าไปกับข้าพเจ้าด้วย 10 แต่เมื่อสันบาลลัทชาวโฮโรน และโทบียาห์เจ้าหน้าที่ชาวอัมโมน ทราบเรื่องนี้ จึงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ที่มีคนเข้ามาสนใจทุกข์สุขของชาวอิสราเอล
11 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงไปยังเยรูซาเล็ม และอยู่ที่นั่น 3 วัน 12 ข้าพเจ้ากับชายอีกสองสามคนที่มาด้วยก็เริ่มปฏิบัติงานในเวลากลางคืน ข้าพเจ้าไม่ได้บอกผู้ใดว่า พระเจ้าของข้าพเจ้าดลใจข้าพเจ้าให้ทำอะไรเพื่อเยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าไม่ได้นำสัตว์อื่นไปด้วย ยกเว้นสัตว์ตัวที่ข้าพเจ้าขี่ไป 13 ในเวลากลางคืนข้าพเจ้าออกไปข้างประตูหุบเขา ไปยังน้ำพุมังกรและประตูมูลสัตว์ และข้าพเจ้าสำรวจกำแพงเยรูซาเล็มที่พังลง และประตูเมืองที่ถูกไฟเผา 14 และข้าพเจ้าเลยไปดูที่ประตูน้ำพุและสระน้ำของกษัตริย์ แต่สัตว์ที่ข้าพเจ้าขี่นั้น ผ่านเข้าไปไม่ได้ 15 แล้วในเวลากลางคืนข้าพเจ้าก็ขึ้นไปข้างหุบเขา และสำรวจกำแพง และกลับเข้ามาทางประตูหุบเขา 16 พวกเจ้าหน้าที่ไม่ทราบว่าข้าพเจ้าไปไหนหรือไปทำอะไร และข้าพเจ้าก็ยังไม่ได้บอกชาวยิว บรรดาปุโรหิต ขุนนาง เจ้าหน้าที่ และคนอื่นๆ ที่จะทำการก่อสร้าง
17 แล้วข้าพเจ้าพูดกับพวกเขาว่า “พวกท่านก็เห็นว่าพวกเราตกอยู่ในความลำบาก เยรูซาเล็มเหลือแต่ซาก ประตูเมืองถูกเผา เรามาสร้างกำแพงเยรูซาเล็มกันเถิด พวกเราจะได้ไม่ต้องเผชิญกับการดูหมิ่นอีกต่อไป” 18 และข้าพเจ้าบอกพวกเขาเรื่องที่พระเจ้าของข้าพเจ้าได้คุ้มครองข้าพเจ้าตลอดมา และเรื่องที่กษัตริย์ได้กล่าวกับข้าพเจ้า พวกเขาจึงตอบว่า “เรามาเริ่มสร้างกันใหม่เถิด” ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมตัวกันทำงานที่ดีนั้น 19 แต่เมื่อสันบาลลัทชาวโฮโรน โทบียาห์เจ้าหน้าที่ชาวอัมโมน และเกเชมชาวอาหรับทราบเรื่อง จึงเยาะเย้ยและดูหมิ่นเรา และพูดว่า “พวกเจ้าทำอะไรกันนี่ พวกเจ้าต่อต้านกษัตริย์หรือ” 20 ข้าพเจ้าจึงตอบว่า “พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์จะทำให้พวกเราประสบความสำเร็จ และพวกเราเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ และเราจะเริ่มสร้างกำแพงขึ้นใหม่ แต่พวกท่านไม่มีส่วน ไม่มีสิทธิ และไม่สามารถเรียกร้องสิ่งใดในเยรูซาเล็ม”
สร้างกำแพงขึ้นใหม่
3 ครั้นแล้ว เอลียาชีบมหาปุโรหิตและพี่น้องของเขาที่เป็นปุโรหิตจึงสร้างประตูแกะ พวกเขาทำประตูให้บริสุทธิ์ และติดตั้งบานประตู พวกเขาก่อกำแพงไกลจนถึงหอคอยหนึ่งร้อยและหอคอยฮานันเอล และทำให้สิ่งที่สร้างขึ้นใหม่บริสุทธิ์ 2 ชายชาวเยรีโคสร้างถัดจากเขาไป และศัคเคอร์บุตรอิมรีสร้างถัดจากพวกเขาไป
3 บรรดาบุตรของหัสเส-นาอาห์สร้างประตูปลา พวกเขาวางคาน และตั้งบานประตู สลักกลอนและดาลประตู 4 เมเรโมทบุตรอุรียาห์ผู้เป็นบุตรฮักโขส ซ่อมแซมถัดจากพวกเขาไป เมชุลลามบุตรเบเรคิยาห์ผู้เป็นบุตรเมเชซาเบล ซ่อมแซมถัดจากพวกเขาไป ศาโดกบุตรบาอานาซ่อมแซมถัดจากพวกเขาไป 5 ชาวเทโคอาซ่อมแซมถัดจากพวกเขาไป แต่เหล่าเจ้านายของพวกเขาไม่ยอมลดตัวลงรับใช้นายงานของเขา
6 โยยาดาบุตรปาเสอัค และเมชุลลามบุตรเบโสไดอาห์ ซ่อมแซมประตูเยชานา พวกเขาวางคาน และตั้งบานประตู สลักกลอนและดาลประตู 7 และเมลาติยาห์ชาวกิเบโอน และยาโดนชาวเมโรโนทซ่อมแซมถัดจากพวกเขาไป โดยชายชาวกิเบโอนและมิสปาห์อยู่ใต้การควบคุมของข้าราชการแคว้นทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส 8 อุสซีเอลบุตรฮาร์ฮายาห์ช่างทองซ่อมแซมถัดจากพวกเขาไป ฮานันยาห์หนึ่งในบรรดาผู้ปรุงน้ำมันหอมซ่อมแซมส่วนที่ถัดไป พวกเขาฟื้นฟูเยรูซาเล็มไกลไปจนถึงกำแพงกว้าง 9 เรไฟยาห์บุตรฮูร์ ผู้ปกครองครึ่งอาณาเขตเยรูซาเล็มซ่อมแซมถัดจากพวกเขาไป 10 เยดายาห์บุตรฮารุมัฟซ่อมแซมถัดจากพวกเขาไป ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านของเขาเอง ฮัทธัชบุตรฮาชับเนยาห์ซ่อมแซมส่วนที่ถัดไป 11 มัลคิยาห์บุตรฮาริม และหัสชูบบุตรปาหัทโมอับ ซ่อมแซมอีกส่วนหนึ่งและหอคอยเตาอบ 12 ชัลลูมบุตรฮัลโลเหช ซึ่งเป็นผู้ปกครองครึ่งอาณาเขตเยรูซาเล็ม กับบรรดาบุตรหญิงของเขาซ่อมแซมส่วนที่ถัดไป
13 ฮานูนและผู้อาศัยอยู่ในเมืองศาโนอาห์ซ่อมแซมประตูหุบเขา คือพวกเขาสร้างประตูขึ้นใหม่ และตั้งบานประตู สลักกลอนและดาลประตู และซ่อมกำแพง 1,000 ศอกไกลไปจนถึงประตูมูลสัตว์
14 มัลคิยาห์บุตรเรคาบ ซึ่งเป็นผู้ปกครองอาณาเขตเบธฮัคเคเรมซ่อมแซมประตูมูลสัตว์ เขาสร้างประตูขึ้นใหม่ และตั้งบานประตู สลักกลอนและดาลประตู
15 ชัลลูมบุตรคลโฮเซห์ ซึ่งเป็นผู้ปกครองอาณาเขตมิสปาห์ซ่อมแซมประตูน้ำพุ เขาสร้างขึ้นใหม่ และตั้งบานประตู สลักกลอนและดาลประตู และเขาสร้างกำแพงสระน้ำเชลาห์ที่สวนของกษัตริย์ ไกลไปจนถึงบันไดที่ลงไปจากเมืองของดาวิด 16 คนต่อมาคือเนหะมีย์บุตรอัสบูก ซึ่งเป็นผู้ปกครองครึ่งอาณาเขตเบธซูร์ ซ่อมแซมไปจนถึงจุดที่อยู่ตรงข้ามที่เก็บศพของดาวิด ไกลไปจนถึงสระขุดและที่พักอาศัยของทหารกล้า 17 คนต่อมาคือชาวเลวี ซึ่งเป็นผู้ซ่อมแซมภายใต้การควบคุมของเรฮูมบุตรของบานี ฮาชาบิยาห์เป็นผู้ปกครองครึ่งอาณาเขตเคอีลาห์ ซึ่งเป็นผู้ซ่อมแซมให้อาณาเขตของเขาเอง 18 คนต่อมาคือบาวัยบุตรเฮนาดัดพี่น้องของเขา ซึ่งเป็นผู้ปกครองครึ่งอาณาเขตเคอีลาห์ ซ่อมแซมส่วนที่ถัดไป 19 คนถัดไปคือเอเซอร์บุตรเยชูอา ซึ่งเป็นผู้ปกครองอาณาเขตมิสปาห์ ซ่อมแซมส่วนหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามทางขึ้นคลังอาวุธที่ฐานหินยันกำแพง 20 คนต่อมาคือบารุคบุตรศับบัย ซ่อมแซมส่วนหนึ่งจากฐานหินยันกำแพง ไปจนถึงประตูบ้านของเอลียาชีบมหาปุโรหิต 21 คนต่อมาคือเมเรโมทบุตรอุรียาห์ ผู้เป็นบุตรฮักโขส ซ่อมแซมส่วนหนึ่งจากประตูบ้านของเอลียาชีบ ไปจนถึงท้ายบ้านของเอลียาชีบ 22 คนต่อมาที่ซ่อมแซมคือบรรดาปุโรหิตที่มาจากรอบๆ บริเวณนั้น 23 คนต่อจากพวกเขาคือเบนยามินและหัสชูบซ่อมแซมตรงข้ามบ้านของพวกเขา คนต่อจากพวกเขาคืออาซาริยาห์บุตรมาอาเสยาห์ ผู้เป็นบุตรอานานิยาห์ ซ่อมแซมข้างบ้านของตน 24 คนต่อจากเขาคือบินนุยบุตรเฮนาดัด ซ่อมแซมส่วนหนึ่ง ตั้งแต่บ้านของอาซาริยาห์จนถึงฐานหินยันกำแพง และจนถึงหัวมุมกำแพง 25 ปาลาลบุตรอุซัย ซ่อมแซมที่ตรงข้ามกับฐานหินยันกำแพงและหอคอยที่ยื่นจากวังชั้นบนของกษัตริย์ ใกล้ลานทหารยาม คนต่อจากเขาคือเปดายาห์บุตรปาโรช 26 และบรรดาผู้รับใช้พระวิหารที่อาศัยอยู่บนเนินเขาโอเฟล ซ่อมแซมไปจนถึงจุดตรงข้ามประตูน้ำทางทิศตะวันออกและยื่นจากหอคอย 27 คนต่อจากเขาคือชาวเทโคอา ซ่อมแซมส่วนหนึ่งตรงข้ามหอคอยใหญ่ที่ยื่นออกไปไกลจนถึงกำแพงของโอเฟล
28 บรรดาปุโรหิตซ่อมแซมเหนือประตูม้า แต่ละคนซ่อมส่วนที่อยู่หน้าบ้านของตน 29 คนต่อจากเขาคือศาโดกบุตรอิมเมอร์ ซ่อมส่วนที่อยู่หน้าบ้านของตน คนต่อจากเขาคือเชไมยาห์บุตรเชคานิยาห์ คนเฝ้าประตูตะวันออก ซ่อมแซมส่วนที่ถัดไป 30 คนต่อจากเขาคือฮานันยาห์บุตรเชเลมิยาห์ ฮานูนบุตรคนที่หกของศาลาฟ ซ่อมแซมส่วนหนึ่ง คนต่อจากเขาคือเมชุลลามบุตรเบเรคิยาห์ ซ่อมแซมส่วนตรงข้ามกับห้องของเขา 31 คนต่อจากเขาคือมัลคิยาห์ช่างทองคนหนึ่ง ซ่อมแซมไปไกลจนถึงบ้านของบรรดาผู้รับใช้พระวิหารและของพ่อค้า ตรงข้ามกับประตูตรวจพินิจ เขาซ่อมไปไกลจนถึงห้องชั้นบนที่มุมกำแพง 32 บรรดาช่างทองและพ่อค้าซ่อมแซมกำแพงระหว่างห้องชั้นบนที่มุมกำแพงกับประตูแกะ
ผู้ขัดขวางงาน
4 เมื่อสันบาลลัททราบว่า พวกเรากำลังสร้างกำแพง เขาก็โกรธและเดือดดาลยิ่งนัก และเขาเย้ยหยันชาวยิว 2 เขาพูดต่อหน้าพวกพ้องและกองทัพสะมาเรียว่า “พวกยิวที่อ่อนแอเหล่านี้ทำอะไรกัน พวกเขาจะฟื้นฟูสิ่งต่างๆ ให้ตัวเองหรือ เขาจะถวายเครื่องสักการะหรือ เขาจะสร้างเสร็จในวันเดียวหรือ พวกเขาจะรื้อหินไหม้ดำจากกองขยะออกมาใช้ใหม่อย่างนั้นหรือ” 3 โทบียาห์ชาวอัมโมนอยู่ข้างๆ เขา จึงพูดว่า “แค่มีสุนัขจิ้งจอกสักตัวกระโดดขึ้นไปบนสิ่งที่พวกเขากำลังสร้างอยู่ กำแพงหินก็จะพังลงมา” 4 โอ พระเจ้าของเรา โปรดฟัง เพราะพวกเราถูกดูแคลน ขอให้การสบประมาทของพวกเขาย้อนกลับไปหาตัวเขาเอง และให้พวกเขาถูกจับไปเป็นเชลย 5 ขอพระองค์อย่าปกป้องความผิดของพวกเขา และอย่ากำจัดบาปของพวกเขาให้พ้นไปจากสายตาของพระองค์ เพราะพวกเขายั่วโทสะพระองค์ต่อหน้าต่อตาบรรดาผู้ก่อสร้าง
6 พวกเราจึงสร้างกำแพง และกำแพงเชื่อมต่อกันจนสูงได้ครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะประชาชนล้วนมีกำลังใจที่จะทำงาน
7 แต่เมื่อสันบาลลัทและโทบียาห์กับชาวอาหรับ ชาวอัมโมน และชาวอัชโดด ทราบว่าการซ่อมแซมกำแพงเยรูซาเล็มดำเนินต่อไป และส่วนที่พังทลายลงก็ได้รับการซ่อมแซมขึ้นใหม่ พวกเขาจึงโกรธมาก 8 พวกเขาทุกคนจึงร่วมกันวางแผนที่จะมาโจมตีเยรูซาเล็ม เพื่อทำให้เกิดความวุ่นวาย 9 พวกเราจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าของเรา และวางยามคุ้มกันทั้งวันทั้งคืน
10 มีคนพูดกันในยูดาห์ว่า “พวกขนของกำลังอ่อนแรงลง มีซากปรักหักพังอยู่มากมาย ลำพังพวกเราก็ไม่สามารถสร้างกำแพงขึ้นใหม่ได้” 11 ศัตรูของพวกเราพูดว่า “พวกเขาจะไม่ทันรู้ตัวจนเราเข้ามาประชิดตัว ฆ่าพวกเขา งานก็จะต้องหยุดลง” 12 ในเวลานั้น พวกชาวยิวที่อาศัยอยู่ในหมู่พวกเขามาจากรอบด้าน พูดกับเรานับเป็นสิบครั้งได้ว่า “ไม่ว่าท่านหันไปทางไหน พวกเขาจะโจมตีพวกเรา” 13 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงวางยามจากประชาชนตามตระกูล พร้อมดาบ หอก และคันธนู ในบริเวณหลังกำแพงส่วนที่ต่ำสุดและที่ๆ ยังเปิดอยู่ 14 ข้าพเจ้ามองดูและลุกขึ้น และพูดกับบรรดาขุนนาง เจ้าหน้าที่ และกับประชาชนทั้งปวงว่า “อย่ากลัวพวกเขา จงระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม และต่อสู้เพื่อพี่น้อง ลูกชายลูกสาว ภรรยา และบ้านเมืองของท่าน”
ทำงานต่อไปอีก
15 เมื่อศัตรูของพวกเราทราบว่า พวกเรารู้ถึงแผนการ และพระเจ้าทำให้แผนการของพวกเขาล้มเหลว พวกเรากลับไปที่กำแพง ต่างก็ทำงานของตนต่อไป 16 จากนั้นต่อมา ครึ่งหนึ่งของผู้รับใช้ของข้าพเจ้าปฏิบัติงานก่อสร้าง และอีกครึ่งหนึ่งถือหอก โล่ คันธนู และเสื้อเกราะ และบรรดาผู้นำคอยยืนคุ้มกันข้างหลังพงศ์พันธุ์ยูดาห์ทั้งหมด 17 ซึ่งกำลังสร้างกำแพงอยู่ บรรดาผู้ที่แบกของก็ใช้มือเดียวทำงาน และอีกมือถืออาวุธ 18 ช่างก่อสร้างแต่ละคนมีดาบคาดข้างตัวขณะทำงาน ชายที่เป่าแตรงอนอยู่เคียงข้างข้าพเจ้า 19 และข้าพเจ้าพูดกับบรรดาขุนนาง เจ้าหน้าที่ และกับประชาชนทั้งปวงว่า “เรามีงานล้นมือและยังขยายกว้างออกไปอีก พวกเราแยกกันทำงานบนกำแพง และอยู่ห่างกันมาก 20 ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เมื่อได้ยินเสียงแตรงอน ก็จงเข้ามารวมตัวกันกับพวกเราที่นั่น พระเจ้าจะต่อสู้เพื่อพวกเรา”
21 ดังนั้น พวกเราจึงทำงานต่อไป ครึ่งหนึ่งของคนงานถือหอก ตั้งแต่ฟ้าสางจนถึงเวลาดาวปรากฏ 22 เวลานั้น ข้าพเจ้าสั่งประชาชนว่า “ให้ทุกคนกับผู้รับใช้ของเขาอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มตอนกลางคืน เพื่อพวกเขาจะเป็นยามให้เราในตอนกลางคืน และทำงานตอนกลางวัน” 23 ดังนั้น ข้าพเจ้าและพี่น้อง บรรดาผู้รับใช้และคนเฝ้ายาม ที่คอยติดตามข้าพเจ้า ไม่มีใครถอดเครื่องแต่งกายออก มือขวาก็ถืออาวุธไว้ตลอดเวลา
เนหะมีย์ไม่ให้บีบคั้นคนยากไร้
5 ขณะนั้น ผู้ชายบางคนกับภรรยาของเขาส่งเสียงร้องเอ็ดอึงต่อต้านพี่น้องชาวยิว 2 เพราะมีคนพูดว่า “พวกเรามีทั้งลูกชายและลูกสาวหลายคน ขอให้เราได้ข้าวมาเพื่อประทังชีวิตเถิด” 3 บางคนก็พูดว่า “เราจะจำนองไร่นา สวนองุ่น และบ้านของพวกเราเพื่อจะได้ข้าวเพราะเกิดความอดอยาก” 4 บางคนพูดว่า “พวกเราได้ขอยืมเงินมาเพื่อจ่ายค่าภาษีที่นาและสวนองุ่นของเราแก่กษัตริย์ 5 เนื้อหนังของพวกเราก็เหมือนกับเนื้อหนังของพวกเขา ลูกหลานของเราก็เหมือนกับลูกหลานของพวกเขา ถึงกระนั้นเราก็ยังต้องบังคับลูกชายลูกสาวของเราให้เป็นทาส และลูกสาวของพวกเราบางคนก็ถูกขายไปเป็นทาสแล้ว แต่เราไม่มีสิทธิ์ทำอะไรได้เลย เพราะคนอื่นได้ยึดที่นาและสวนองุ่นไปครอบครองเสียแล้ว”
6 ข้าพเจ้าโกรธมากเมื่อได้ยินเสียงร้องทุกข์ของพวกเขา 7 ข้าพเจ้าไตร่ตรองเรื่องนี้และกล่าวฟ้องร้องบรรดาขุนนางและเจ้าหน้าที่ ข้าพเจ้าพูดกับพวกเขาว่า “พวกท่านแต่ละคนเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราจากพวกพี่น้องของตนเอง” และข้าพเจ้าเรียกประชุมเพื่อกระทำต่อพวกเขา 8 และพูดกับพวกเขาว่า “เท่าที่พวกเราจะทำได้ เราได้ซื้อพี่น้องชาวยิวของเราคืนมาจากความเป็นทาส พวกเขาถูกขายให้แก่บรรดาประชาชาติ แต่ท่านกลับขายพี่น้องของท่าน เพื่อให้พวกเราซื้อพวกเขาคืนมา” พวกเขาจึงเงียบและไม่ทราบว่าจะโต้ตอบอย่างไร 9 ข้าพเจ้าจึงพูดว่า “สิ่งที่ท่านทำนั้นไม่ดี ไม่ควรหรือที่พวกท่านจะดำเนินชีวิตด้วยความเกรงกลัวในพระเจ้าของเรา เพื่อไม่ให้บรรดาประชาชาติที่เป็นศัตรูของเราตำหนิได้ 10 ยิ่งกว่านั้น ข้าพเจ้าและบรรดาพี่น้องกับผู้รับใช้ของข้าพเจ้า กำลังให้พวกเขายืมเงินและธัญพืช ให้เราลืมเรื่องการเก็บดอกเบี้ยเสียเถิด 11 และในวันนี้ขอท่านคืนที่นา สวนองุ่น สวนมะกอก บ้านเรือน เงิน ธัญพืช เหล้าองุ่น และน้ำมันที่ท่านได้เก็บเป็นดอกเบี้ยเกินอัตราจากพวกเขา” 12 พวกเขาจึงตอบว่า “เราจะจ่ายคืนพวกเขาไป และจะไม่เก็บสิ่งใดจากพวกเขาอีก เราจะทำตามที่ท่านพูด” ข้าพเจ้าจึงเรียกบรรดาปุโรหิตมาสาบานตนตามที่ได้สัญญาไว้ 13 ข้าพเจ้าจึงสลัดเสื้อและพูดว่า “ขอพระเจ้าสลัดทุกคนที่ไม่รักษาสัญญาให้ออกจากบ้านของเขา และจากทุกสิ่งที่เขาลงแรงหามา ฉะนั้นขอให้เขาถูกสลัดทิ้งและสิ้นเนื้อประดาตัว” แล้วที่ประชุมก็พูดว่า “อาเมน” และสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า และประชาชนก็ทำตามที่เขาได้สัญญาไว้
ความใจกว้างของเนหะมีย์
14 ยิ่งกว่านั้น นับจากปีที่ยี่สิบของรัชสมัยกษัตริย์อาร์ทาเซอร์ซีส เมื่อข้าพเจ้าได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าราชการของพวกเขาในยูดาห์ จนถึงปีที่สามสิบสองของท่าน คือเป็นเวลา 12 ปี ทั้งข้าพเจ้าและพี่น้องข้าพเจ้าไม่ได้รับประทานอาหารประจำตำแหน่งของผู้ว่าราชการ 15 แต่บรรดาผู้ว่าราชการก่อนหน้าข้าพเจ้าบีบบังคับประชาชนให้จ่ายเงินหนัก 40 เชเขล[a] รวมทั้งอาหารและเหล้าองุ่น แม้แต่บรรดาผู้รับใช้ของพวกเขาก็ได้เอาเปรียบประชาชน แต่ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำเช่นนั้น เพราะข้าพเจ้าเกรงกลัวพระเจ้า 16 ข้าพเจ้าถวายตัวสร้างกำแพงนี้ และไม่ได้เรียกร้องเอาที่ดินจากผู้ใด คนของข้าพเจ้าทุกคนไปร่วมกันทำงานที่นั่น 17 นอกจากบรรดาประชาชาติรอบข้างที่มาอยู่กับพวกเรา ก็ยังมีชาวยิวและเจ้าหน้าที่ 150 คนที่รับประทานร่วมโต๊ะกับข้าพเจ้า 18 แต่ละวันมีคนเตรียมโค 1 ตัว แกะอ้วนพี 6 ตัว และเป็ดไก่ นำมาให้ข้าพเจ้า และทุกๆ 10 วันก็มีเหล้าองุ่นมากมายหลายชนิด ถึงกระนั้น ข้าพเจ้าก็ยังไม่เคยเรียกร้องอาหารประจำตำแหน่งผู้ว่าราชการ เพราะการเรียกร้องสิ่งเหล่านี้เป็นภาระหนักต่อประชาชน 19 โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า ขอพระองค์ระลึกถึงความดีทั้งสิ้นที่ข้าพเจ้าได้ทำเพื่อประชาชนเหล่านี้
แผนการกบฏต่อเนหะมีย์
6 ครั้นสันบาลลัท โทบียาห์ เกเชมชาวอาหรับ และศัตรูอื่นๆ ของพวกเราทราบว่า ข้าพเจ้าได้ซ่อมกำแพง และไม่มีช่องโหว่เหลืออยู่ แม้ว่าในเวลานั้น ข้าพเจ้ายังไม่ได้ติดตั้งบานประตูกำแพง 2 สันบาลลัทและเกเชมใช้คนมาบอกข้าพเจ้าว่า “ขอเชิญท่านมาพบกับเราที่เคฟีริมในที่ราบโอโน” แต่จริงๆ แล้วพวกเขาตั้งใจจะทำร้ายข้าพเจ้า 3 ข้าพเจ้าให้ผู้ส่งข่าวไปบอกว่า “ข้าพเจ้ากำลังทำงานใหญ่ ลงมาพบท่านไม่ได้ จะให้ข้าพเจ้าหยุดงานและมาหาท่านอย่างนั้นหรือ” 4 พวกเขาแจ้งข้าพเจ้ามาเหมือนเดิม 4 ครั้ง และข้าพเจ้าก็ตอบกลับไปเหมือนเดิมทุกครั้ง 5 สันบาลลัทให้ผู้รับใช้ของเขาถือจดหมายที่ไม่ได้ผนึกมาหาข้าพเจ้าเป็นครั้งที่ห้า ด้วยข้อความอย่างเดียวกัน 6 จดหมายมีข้อความว่า “มีรายงานท่ามกลางบรรดาประชาชาติ และเกเชมก็พูดด้วยว่า ท่านและชาวยิวไม่ยอมอยู่ใต้การปกครอง ท่านจึงสร้างกำแพง และตามคำรายงานดังกล่าว ท่านปรารถนาจะเป็นกษัตริย์ของพวกเขา 7 และท่านได้เตรียมบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ให้ประกาศในเยรูซาเล็มว่า ‘มีกษัตริย์ในยูดาห์’ ซึ่งก็หมายถึงตัวท่าน คราวนี้กษัตริย์จะทราบเรื่องที่เรารายงานไป ฉะนั้น บัดนี้เรามาปรึกษากันเถิด”
8 ข้าพเจ้าจึงตอบเขาไปว่า “สิ่งที่ท่านกล่าวนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่ท่านสร้างเรื่องขึ้นมาเอง” 9 ด้วยว่าพวกเขาทุกคนต้องการทำให้เราตกใจ และเขาคิดว่า “พวกเขาจะได้วางมือจากงาน และงานก็จะไม่สำเร็จ” แต่บัดนี้ โอ พระเจ้า ขอพระองค์เสริมกำลังแก่ข้าพเจ้าเถิด
10 เมื่อข้าพเจ้าไปยังบ้านของเชไมยาห์บุตรเดไลยาห์ ผู้เป็นบุตรเมเหทาเบล เขาถูกกักตัวอยู่แต่ในบ้าน และพูดว่า “เรามาพบกันในพระตำหนักของพระเจ้า ในพระวิหารเถิด เราควรปิดประตูพระวิหาร เพราะพวกเขากำลังจะมาฆ่าท่านตอนกลางคืน” 11 แต่ข้าพเจ้าตอบว่า “คนอย่างข้าพเจ้าควรจะหนีหรือ และคนอย่างข้าพเจ้าควรจะเข้าไปในพระวิหารเพื่อให้รอดตายหรือ ข้าพเจ้าจะไม่เข้าไปในนั้น” 12 ข้าพเจ้าเข้าใจและเห็นว่า พระเจ้าไม่ได้ใช้เขามา แต่เขากล่าวเผยความต่อต้านข้าพเจ้า เพราะโทบียาห์และสันบาลลัทได้จ้างเขา 13 เขาถูกจ้างเพื่อทำให้ข้าพเจ้าหวาดกลัว และทำบาปโดยการทำตามคำพูดของเขา เพื่อข้าพเจ้าจะเสียชื่อเสียง ไม่เป็นที่เชื่อถือต่อไป 14 โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า ขอพระองค์ระลึกว่าโทบียาห์และสันบาลลัทได้กระทำสิ่งเหล่านี้ และโปรดระลึกว่าโนอัดยาห์หญิงผู้เผยคำกล่าว และบรรดาผู้เผยคำกล่าวอื่นๆ อีก ที่พยายามทำให้ข้าพเจ้าหวาดหวั่น
สร้างกำแพงเสร็จ
15 กำแพงก็เสร็จในวันที่ยี่สิบห้าของเดือนเอลูล เป็นเวลา 52 วัน 16 เมื่อพวกศัตรูทั้งปวงทราบเรื่อง บรรดาประชาชาติรอบข้างเราต่างหวาดกลัวและเสียขวัญ เพราะพวกเขาเห็นชัดว่า งานนี้สำเร็จได้ด้วยความช่วยเหลือของพระเจ้า 17 ยิ่งกว่านั้น ในเวลานั้นบรรดาขุนนางของยูดาห์ส่งจดหมายหลายฉบับถึงโทบียาห์ และโทบียาห์ก็มีจดหมายถึงพวกเขา 18 เพราะมีหลายคนในยูดาห์ที่ได้สาบานกับเขา เนื่องจากเขาเป็นบุตรเขยของเชคานิยาห์ ผู้เป็นบุตรอาราห์ และเยโฮฮานันบุตรโทบียาห์ ได้แต่งงานกับบุตรหญิงของเมชุลลาม ผู้เป็นบุตรเบเรคิยาห์ 19 คนเหล่านี้พูดถึงสิ่งดีงามของโทบียาห์ให้ข้าพเจ้าฟัง และบอกเขาว่าข้าพเจ้าได้พูดอะไรไว้บ้าง และโทบียาห์ก็ส่งจดหมายขู่เพื่อทำให้ข้าพเจ้าหวาดหวั่น
Footnotes
- 5:15 1 เชเขล หนักประมาณ 11.4 กรัม
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation