อพยพ 25-31
Thai New Contemporary Bible
เครื่องถวายสำหรับพลับพลา(A)
25 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 2 “จงสั่งชนอิสราเอลให้นำสิ่งของมาถวายเรา เจ้าจงรับของที่ทุกคนนำมาถวายเราด้วยความสมัครใจ 3 เจ้าจงรับของถวายที่เขานำมามอบให้ได้แก่ ทองคำ เงิน และทองสัมฤทธิ์ 4 ด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง และสีแดง ผ้าลินินเนื้อดี ขนแพะ 5 หนังแกะตัวผู้ย้อมสีแดง หนังพะยูน ไม้กระถินเทศ 6 น้ำมันมะกอกสำหรับจุดประทีป เครื่องเทศสำหรับปรุงน้ำมันเพื่อใช้เจิมและสำหรับเครื่องหอม 7 โกเมนและอัญมณีอื่นๆ สำหรับฝังในเอโฟดและทับทรวง
8 “แล้วให้ประชากรอิสราเอลสร้างสถานนมัสการให้เรา และเราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขา 9 จงสร้างพลับพลาและทำอุปกรณ์ตกแต่งทุกอย่างตามรูปแบบที่เราจะสำแดงแก่เจ้า”
หีบพันธสัญญา(B)
10 “จงให้พวกเขาทำหีบด้วยไม้กระถินเทศขนาดยาว 2.5 ศอก[a] กว้างและสูงเท่ากัน 1.5 ศอก[b] 11 หุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์ทั้งด้านในและด้านนอก และใช้ทองคำทำเป็นคิ้วทับโดยรอบ 12 จงหล่อห่วงทองคำสี่ห่วงติดไว้ที่มุมทั้งสี่ของขอบหีบ โดยมีสองห่วงอยู่ทางด้านหนึ่งและอีกสองห่วงอยู่อีกด้านหนึ่ง 13 จากนั้นจงทำคานหามสองอันจากไม้กระถินเทศหุ้มด้วยทองคำ 14 สอดคานลอดห่วงทั้งสองด้านของหีบไว้สำหรับหาม 15 อย่าชักคานนี้ออกจากห่วงเลย ให้คงไว้เช่นนั้นตลอดไป 16 แล้วนำแผ่นศิลาจารึกพันธสัญญาซึ่งเราจะให้แก่เจ้าใส่ไว้ในหีบนั้น
17 “และจงทำฝาหีบพันธสัญญา (คือพระที่นั่งกรุณา)[c] จากทองคำบริสุทธิ์ขนาดยาว 2.5 ศอก กว้าง 1.5 ศอก[d] 18 แล้วเคาะทองคำบริสุทธิ์เป็นเครูบสองตนที่ปลายทั้งสองด้านของพระที่นั่งกรุณา 19 เครูบทั้งสองนี้ติดเข้าเป็นเนื้อเดียวกับพระที่นั่งกรุณา 20 หันหน้าเข้าหากัน มองมายังพระที่นั่งกรุณา และคลี่ปีกจดกันเหนือพระที่นั่งกรุณา 21 จงตั้งพระที่นั่งกรุณานี้ไว้บนหีบ และจงบรรจุแผ่นศิลาซึ่งเราจะให้เจ้าไว้ในหีบ 22 เราจะมาพบเจ้าเหนือพระที่นั่งกรุณาระหว่างเครูบทั้งสองที่อยู่เหนือหีบพันธสัญญา และแจ้งคำบัญชาทั้งหมดของเราสำหรับประชากรอิสราเอลแก่เจ้า
โต๊ะเครื่องถวายเบื้องพระพักตร์(C)
23 “แล้วจงใช้ไม้กระถินเทศทำโต๊ะตัวหนึ่งขนาดยาว 2 ศอก กว้าง 1 ศอก และสูง 1.5 ศอก[e] 24 หุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์และใช้ทองคำทำเป็นคิ้วโดยรอบ 25 คิ้วรอบขอบโต๊ะนี้กว้างหนึ่งฝ่ามือ[f] และมีลวดลายเป็นทองคำทาบลงไปโดยรอบอีกครั้ง 26 จงทำห่วงทองคำสี่ห่วงติดไว้ที่มุมด้านนอกของขาโต๊ะทั้งสี่ขา 27 ห่วงเหล่านั้นจะอยู่ใกล้กับขอบบนสำหรับสอดคานเพื่อหามโต๊ะ 28 จงทำคานจากไม้กระถินเทศหุ้มด้วยทองคำเพื่อใช้หามโต๊ะ 29 แล้วจงทำภาชนะด้วยทองคำบริสุทธิ์ได้แก่ จานและชาม คนโทและอ่างสำหรับใช้เทเครื่องดื่มบูชา 30 และจงวางขนมปังเบื้องพระพักตร์บนโต๊ะนี้ต่อหน้าเราตลอดเวลา
คันประทีป(D)
31 “จงทำคันประทีปอันหนึ่งจากทองคำบริสุทธิ์เคาะให้เป็นตัวคันประทีปและลวดลายทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวกัน คือทั้งฐาน ลำคันประทีป ถ้วยรองตะเกียงลักษณะคล้ายดอกไม้ และดอกไม้ทั้งตูมและบาน 32 มีหกกิ่งแยกจากลำคันประทีป ข้างละสามกิ่งขนานกัน 33 ทำกิ่งแต่ละกิ่งคล้ายดอกอัลมอนด์ทั้งตูมและบานอย่างละสามดอก บนยอดของแต่ละกิ่งนั้นทำเป็นถ้วยรองตะเกียงมีลักษณะคล้ายดอกอัลมอนด์เช่นกัน 34 ลำคันประทีปทำเป็นดอกอัลมอนด์ทั้งตูมและบานอย่างละสี่ดอก บนยอดของลำคันประทีปทำเป็นถ้วยรองตะเกียงลักษณะคล้ายดอกอัลมอนด์เช่นกัน 35 ให้ทำดอกตูมดอกหนึ่งรองรับกิ่งขนานคู่แรก อีกดอกหนึ่งรองรับกิ่งขนานคู่ที่สอง และอีกดอกหนึ่งรองรับกิ่งขนานคู่ที่สาม 36 ลวดลายที่ตกแต่งทั้งหมดรวมทั้งกิ่งและตัวคันประทีปล้วนเป็นเนื้อเดียวกัน เคาะจากทองคำบริสุทธิ์
37 “แล้วจงทำตะเกียงเจ็ดดวงวางไว้บนถ้วยรองเหล่านั้นเพื่อให้ความสว่างหน้าคันประทีป 38 กรรไกรตัดไส้ตะเกียงและถาดรองทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ 39 จะต้องใช้ทองทั้งหมดหนักประมาณ 34 กิโลกรัม[g] สำหรับคันประทีปและเครื่องประกอบทั้งหมด 40 จงทำสิ่งเหล่านี้ตามแบบที่เราได้สำแดงแก่เจ้าบนภูเขานั้น
พลับพลา(E)
26 “จงทำพลับพลาด้วยม่านผ้าลินินเนื้อดีสิบผืน ให้ช่างฝีมือผู้ชำนาญคนหนึ่งปักลวดลายด้วยด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดงเป็นภาพเหล่าเครูบไว้บนม่านเหล่านั้น 2 ม่านทุกผืนมีขนาดเดียวกันคือกว้าง 4 ศอก ยาว 28 ศอก[h] 3 ต่อม่านเป็นสองแถบ แถบละห้าผืน 4 จงใช้ผ้าสีน้ำเงินทำหูที่ขอบของผ้าม่านทั้งสองแถบ 5 แถบละห้าสิบหูตรงกัน 6 แล้วทำตะขอทองคำห้าสิบอันเกี่ยวหูของแถบม่านทั้งสองเข้าด้วยกันเพื่อให้เป็นพลับพลาเดียวกัน
7 “ให้ทำม่านขนแพะสิบเอ็ดผืนสำหรับทำเป็นเต็นท์เพื่อคลุมพลับพลาไว้ 8 ม่านทุกผืนมีขนาดเดียวกัน คือ กว้าง 4 ศอก ยาว 30 ศอก[i] 9 ต่อม่านเป็นสองแถบ แถบหนึ่งใช้ห้าผืน อีกแถบหนึ่งใช้หกผืน ให้พับผืนที่หกทบไว้ด้านหน้าเต็นท์ 10 จงทำหูห้าสิบหูติดที่ขอบของแถบผ้าม่านทั้งสองแถบ 11 แล้วใช้ตะขอทองสัมฤทธิ์เกี่ยวหูเต็นท์ให้เข้าเป็นเต็นท์เดียวกัน 12 ส่วนความยาวที่เหลือ ครึ่งหนึ่งของผ้าเต็นท์ให้ห้อยไว้ทางด้านหลังของพลับพลา 13 ผ้าเต็นท์นี้จะมีความยาวยื่นออกมาข้างละ 1 ศอก[j]เพื่อคลุมพลับพลาไว้ 14 จงคลุมเต็นท์ด้วยหนังแกะตัวผู้ย้อมสีแดงและใช้หนังพะยูนคลุมทับไว้อีกชั้นหนึ่ง
15 “จงตั้งฝาผนังพลับพลาซึ่งทำจากไม้กระถินเทศ 16 ไม้ฝาแต่ละแผ่นกว้าง 1.5 ศอก สูง 10 ศอก[k] 17 ไม้ฝาแต่ละแผ่นมีสลักสองชุดขนานกันสำหรับประกบเข้าด้วยกัน จงทำฝาผนังพลับพลาทั้งหมดแบบนี้ 18 จงทำไม้ฝายี่สิบแผ่นสำหรับด้านทิศใต้ของพลับพลา 19 และทำฐานของไม้ฝาแต่ละแผ่นด้วยเงินแผ่นละสองฐาน รวมสี่สิบฐาน แต่ละฐานรองรับสลักแต่ละอัน 20 ทางด้านทิศเหนือของพลับพลาให้ตั้งไม้ฝาขึ้นยี่สิบแผ่น 21 และมีฐานเงินรองรับไม้ฝาแผ่นละสองฐาน รวมสี่สิบฐาน 22 จงทำไม้ฝาหกแผ่นสำหรับด้านทิศตะวันตกซึ่งเป็นส่วนหลังของพลับพลา 23 และทำไม้ฝาอีกสองแผ่นสำหรับมุมทั้งสองข้างของส่วนหลัง 24 ไม้ฝาหัวมุมทั้งสองด้านต้องประกบกันสนิทตั้งแต่บนจรดล่าง และด้านบนสุดยึดด้วยห่วงหนึ่งวง ไม้ฝาหัวมุมทั้งสองด้านจะต้องทำอย่างนี้ 25 ฉะนั้นที่ส่วนหลังของพลับพลาจะมีไม้ฝาทั้งหมดแปดแผ่น และมีฐานเงินรองรับสิบหกฐาน แผ่นละสองฐาน
26 “จงทำคานขวางด้วยไม้กระถินเทศ พาดขวางฝาผนังพลับพลาด้านทิศเหนือห้าเส้น 27 ด้านทิศใต้ห้าเส้นและอีกห้าเส้นสำหรับด้านทิศตะวันตกซึ่งเป็นส่วนหลังของพลับพลา 28 คานขวางอันกลางพาดผ่านตรงกลางฝาผนังตลอดแนว 29 จงหุ้มไม้ฝาทุกแผ่นด้วยทองคำและทำห่วงทองคำยึดคานขวางเหล่านั้นไว้ ไม้คานเหล่านั้นให้หุ้มด้วยทองคำเช่นกัน
30 “จงตั้งพลับพลาขึ้นตามแบบที่เราได้แจ้งแก่เจ้าบนภูเขา
31 “จงทำม่านด้วยผ้าลินินเนื้อดี ให้ช่างฝีมือผู้ชำนาญปักลวดลายจากด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดงเป็นภาพเหล่าเครูบไว้บนม่านนั้น 32 จงแขวนม่านนี้ด้วยตะขอซึ่งทำจากทองคำบนเสาไม้กระถินเทศสี่ต้นหุ้มทองคำ เสาเหล่านี้ตั้งอยู่บนฐานรองรับทำด้วยเงินสี่ฐาน 33 หลังม่านซึ่งแขวนบนตะขอทองคำนี้เป็นที่ตั้งหีบพันธสัญญา ม่านนี้จะกั้นระหว่างวิสุทธิสถานและอภิสุทธิสถาน 34 แล้วจงตั้งพระที่นั่งกรุณาไว้บนหีบพันธสัญญาในอภิสุทธิสถาน 35 โต๊ะและคันประทีปให้วางแยกกันคนละด้านอยู่นอกม่าน คันประทีปจะอยู่ทางด้านทิศใต้ของพลับพลา ส่วนโต๊ะนั้นจะอยู่ทางด้านทิศเหนือ
36 “จงทำม่านอีกผืนจากผ้าลินินเนื้อดี ปักอย่างวิจิตรด้วยด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดงสำหรับกั้นทางเข้าเต็นท์ 37 จงทำตะขอทองคำสำหรับแขวนม่านผืนนี้บนเสาไม้กระถินเทศห้าต้นหุ้มด้วยทองคำ มีตะขอทองคำและมีฐานรองรับห้าฐานทำด้วยทองสัมฤทธิ์
แท่นบูชา(F)
27 “จงใช้ไม้กระถินเทศทำแท่นบูชา รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดกว้างยาวด้านละ 5 ศอก สูง 3 ศอก[l] 2 ทำเชิงงอนที่มุมทั้งสี่ของแท่นเป็นเนื้อเดียวกับตัวแท่น และใช้ทองสัมฤทธิ์หุ้มรอบแท่น 3 จงทำภาชนะทุกชิ้นของแท่นบูชาด้วยทองสัมฤทธิ์คือ หม้อใส่เถ้า ทัพพี อ่างประพรม ขอเกี่ยวเนื้อ และถาดรองไฟ 4 จงทำตะแกรงทองสัมฤทธิ์มีห่วงโลหะติดไว้ทั้งสี่มุม 5 วางตะแกรงนี้ที่ด้านในของแท่น ใต้ขอบบนอยู่ระดับกลางแท่น 6 จงทำคานจากไม้กระถินเทศหุ้มด้วยทองสัมฤทธิ์สำหรับการเคลื่อนย้ายแท่นบูชา 7 เวลาจะหามให้เอาคานสอดในห่วง ไม้คานอยู่ข้างแท่นข้างละอัน 8 จงทำแท่นนี้ด้วยไม้กระดาน ให้ภายในกลวงตามแบบที่เราแจ้งแก่เจ้าบนภูเขา
ลานพลับพลา(G)
9 “จงทำลานพลับพลา มีผ้าลินินเนื้อดีเป็นม่านปิดทางด้านทิศใต้ ม่านคลี่ออกกว้าง 100 ศอก[m] 10 มีเสายี่สิบต้นปักบนฐานรองรับยี่สิบฐานทำด้วยทองสัมฤทธิ์ และมีตะขอเงินกับราวเงินสำหรับแขวนม่านติดอยู่กับเสา 11 ทางด้านทิศเหนือก็เช่นกันคือ ม่านกว้าง 100 ศอก มีเสายี่สิบต้น พร้อมฐานรองรับทำจากทองสัมฤทธิ์ยี่สิบฐาน และมีตะขอเงินและราวเงินสำหรับแขวนม่านติดอยู่กับเสา
12 “ด้านทิศตะวันตกของลานมีม่านกว้าง 50 ศอก[n]และมีเสาสิบต้นปักบนฐานทั้งสิบ 13 ด้านทิศตะวันออกก็มีม่านกว้าง 50 ศอกเช่นกัน 14 ด้านหนึ่งของทางเข้ามีม่านยาว 15 ศอก[o]เกี่ยวบนเสาสามต้นซึ่งปักบนฐานสามฐาน 15 อีกด้านหนึ่งก็มีม่านกว้าง 15 ศอกเกี่ยวบนเสาสามต้นซึ่งปักบนฐานสามฐาน
16 “ทางเข้าลานพลับพลานั้นจะเป็นม่านกว้าง 20 ศอก[p] ทำด้วยผ้าลินินเนื้อดีปักลวดลายงดงามจากด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง ยึดกับเสาสี่ต้นปักบนฐานสี่ฐาน 17 เสาทุกต้นรอบลานพลับพลาปักบนฐานทองสัมฤทธิ์ มีตะขอและราวทำด้วยเงิน 18 ฉะนั้นลานจะมีขนาดยาว 100 ศอก กว้าง 50 ศอกมีม่านโดยรอบสูง 5 ศอก[q] ทำจากผ้าลินินเนื้อดีและมีฐานทองสัมฤทธิ์ 19 เครื่องใช้ทั้งหมดในพลับพลา รวมทั้งหมุดตอกและหมุดสำหรับแขวนเครื่องใช้ต่างๆ ที่ฝาโดยรอบ ล้วนทำด้วยทองสัมฤทธิ์
น้ำมันสำหรับประทีป(H)
20 “จงบัญชาประชากรอิสราเอลให้นำน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์มาให้เจ้าสำหรับใช้จุดประทีป เพื่อคันประทีปจะได้ลุกอยู่ตลอดเวลา 21 สำหรับคันประทีปในเต็นท์นัดพบนอกม่านซึ่งอยู่ตรงหน้าหีบพันธสัญญา อาโรนกับบรรดาบุตรชายจะต้องคอยดูแลให้ไฟลุกอยู่เสมอต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งแต่พลบค่ำจนถึงรุ่งเช้า นี่เป็นข้อปฏิบัติถาวรสำหรับชนอิสราเอลสืบไปทุกชั่วอายุ
เครื่องแต่งกายปุโรหิต
28 “จงสถาปนาอาโรนพี่ชายของเจ้าและบรรดาบุตรชายของเขาคือ นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์ และอิธามาร์ ให้ทำหน้าที่ปุโรหิตรับใช้เรา 2 จงทำเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์สำหรับอาโรนให้งดงามและสมเกียรติ 3 จงกำชับช่างผู้ชำนาญทุกคนซึ่งเราให้สติปัญญาในเชิงช่างแก่เขา ให้ทำเครื่องแต่งกายสำหรับอาโรน สำหรับการชำระเขาให้บริสุทธิ์และแยกเขาไว้เพื่อเขาจะปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิตรับใช้เรา 4 เครื่องแต่งกายที่ให้ทำได้แก่ ทับทรวง เอโฟด เสื้อคลุม เสื้อตัวในที่ทอขึ้น ผ้าโพกศีรษะ และสายคาดเอว และจงทำเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์พิเศษสำหรับอาโรนพี่ชายของเจ้าและบรรดาบุตรชายของเขาด้วย เพื่อเขาจะได้รับใช้เราในฐานะปุโรหิต 5 โดยให้ช่างใช้ทองคำ ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดี
เอโฟด(I)
6 “จงให้ช่างฝีมือผู้ชำนาญทำเอโฟดโดยใช้ทองคำ ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดี 7 ประกอบด้วยชิ้นหน้าและชิ้นหลัง มีแถบสองชิ้นที่บ่าโยงมุมสำหรับผูกเข้าด้วยกัน 8 ทำสายคาดเอวอย่างประณีตด้วยทองคำ ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดีทอเข้าเป็นชิ้นเดียวกับเอโฟด
9 “จงเอาโกเมนสองชิ้นจารึกชื่อบุตรชายทั้งหลายของอิสราเอล 10 จารึกชิ้นละหกชื่อตามลำดับการกำเนิดของพวกเขา 11 จงจารึกชื่อบุตรชายทั้งหลายของอิสราเอลลงบนโกเมนทั้งสองชิ้นนั้นด้วยวิธีเดียวกันกับที่ช่างเจียระไนสลักตรา แล้วฝังโกเมนสองชิ้นนั้นบนเรือนทอง 12 จงร้อยโกเมนทั้งสองชิ้นนี้เข้ากับแถบบ่าเอโฟด เพื่อเป็นหินอนุสรณ์ถึงประชากรอิสราเอล อาโรนจะต้องแบกชื่อของพวกเขา เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงระลึกถึงพวกเขาเสมอ 13 จงทำเรือนทองสองเรือน 14 และทำสร้อยเกลียวสองเส้นลักษณะคล้ายเชือกด้วยทองคำบริสุทธิ์และติดสร้อยนั้นเข้ากับเรือนทองทั้งสอง
ทับทรวง(J)
15 “แล้วจงให้ช่างฝีมือผู้ชำนาญทำทับทรวงสำหรับการตัดสินโดยใช้ทองคำ ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดีเหมือนกับที่ใช้ทำเอโฟด 16 ทับทรวงนี้จะเป็นผ้าสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดหนึ่งคืบ[r]พับสองทบ 17 แล้วฝังอัญมณีสี่แถวเข้ากับทับทรวง แถวแรกได้แก่ ทับทิม บุษราคัม และนิล 18 แถวที่สองได้แก่ พลอยขี้นกการเวก ไพฑูรย์ และมรกต 19 แถวที่สามได้แก่ พลอยสีม่วง โมรา และเพทายม่วง 20 แถวที่สี่ได้แก่ เพทาย โกเมน และมณีโชติ[s] ทั้งหมดนี้ฝังไว้บนเรือนทอง 21 อัญมณีสิบสองเม็ดนี้ แต่ละเม็ดสลักชื่อบุตรชายแต่ละคนของอิสราเอลแทนทั้งสิบสองเผ่าเหมือนสลักตรา
22 “จงทำสร้อยเกลียวทองคำบริสุทธิ์ลักษณะคล้ายเชือกสำหรับทับทรวง 23 ทำห่วงทองคำสองห่วงคล้องสร้อยเกลียวเข้ากับมุมทั้งสองของทับทรวง 24 ผูกสร้อยเกลียวทองคำทั้งสองเส้นเข้ากับห่วงที่มุมทับทรวง 25 ส่วนปลายอีกด้านของสร้อยเกลียวติดเข้ากับเรือนทองทั้งสอง แล้วติดเข้ากับแถบบ่าทั้งสองของเอโฟดตรงด้านหน้า 26 ทำห่วงทองคำสองห่วงติดกับอีกสองมุมของทับทรวงตรงขอบด้านในชิดกับเอโฟด 27 ทำห่วงทองคำอีกสองห่วงติดที่ปลายล่างของแถบบ่าตรงด้านหน้าของเอโฟด ชิดกับตะเข็บเหนือสายคาดเอวของเอโฟด 28 ห่วงของทับทรวงจะผูกเข้ากับห่วงของเอโฟดโดยใช้ด้ายถักสีน้ำเงินติดเข้ากับสายคาดเอว เพื่อไม่ให้ทับทรวงเลื่อนหลุดจากเอโฟด
29 “เมื่อใดก็ตามที่อาโรนเข้าไปในวิสุทธิสถาน เขาจะแบกชื่อบุตรทั้งหลายของอิสราเอลแนบหัวใจของเขาบนทับทรวงแห่งการตัดสิน แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงระลึกถึงพวกเขาอยู่เสมอ 30 จงสอดอูริมและทูมมิมไว้ในช่องระหว่างทบของทับทรวงด้วย เพื่อสองสิ่งนี้จะได้แนบใจของอาโรนเวลาเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าดังนั้นอาโรนจะมีเครื่องมือในการตัดสินสำหรับชนอิสราเอลแนบใจเสมอต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า
เครื่องแต่งกายปุโรหิตชิ้นอื่นๆ(K)
31 “จงทำเสื้อคลุมเข้าชุดกับเอโฟดด้วยผ้าสีน้ำเงินทั้งตัว 32 มีช่องตรงกลางสำหรับสวมเข้าทางศีรษะและมีแถบทอรอบคอเสื้อ[t]เพื่อไม่ให้เสื้อขาด 33 จงทำผลทับทิมด้วยด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดงไว้รอบชายเสื้อคลุม ติดลูกพรวนทองคำสลับกับผลทับทิม 34 ลูกพรวนทองคำจะต้องสลับกับผลทับทิมรอบชายเสื้อคลุม 35 อาโรนต้องสวมเสื้อนี้ทุกครั้งที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ คนจะได้ยินเสียงลูกพรวนขณะที่เขาเข้าออกต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าในวิสุทธิสถาน เพื่อเขาจะไม่ตาย
36 “จงทำแผ่นทองคำบริสุทธิ์และสลักว่า ‘บริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า’ 37 จงร้อยแผ่นทองนี้เข้ากับด้านหน้าของผ้าโพกศีรษะของอาโรนโดยใช้ด้ายถักสีน้ำเงิน 38 เพื่ออาโรนจะได้คาดแผ่นทองนี้บนหน้าผาก และแบกมลทินความผิดซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเครื่องบูชาศักดิ์สิทธิ์ที่ประชากรอิสราเอลนำมาถวาย เขาจะต้องคาดไว้เสมอเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยอมรับประชากร
39 “จงทอเสื้อตัวในจากผ้าลินินเนื้อดีและใช้ผ้าอย่างเดียวกันนี้ทำผ้าโพกศีรษะด้วย และจงทำสายคาดเอวปักด้วยฝีมือประณีต 40 จงทำเสื้อตัวใน สายคาดเอว และแถบคาดหน้าผากสำหรับบุตรชายทั้งหลายของอาโรนให้สง่างามและสมเกียรติ 41 จงให้อาโรนพี่ชายของเจ้ากับบรรดาบุตรชายของเขาสวมเครื่องแต่งกายเหล่านี้ แล้วเจิมและสถาปนาพวกเขา ชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์ และแยกพวกเขาไว้เพื่อพวกเขาจะได้รับใช้เราในฐานะปุโรหิต
42 “จงทำเครื่องแต่งกายชั้นในด้วยผ้าลินินเพื่อสวมปกปิดร่างกายตั้งแต่เอวถึงต้นขา 43 อาโรนและบรรดาบุตรชายของเขาจะต้องสวมเครื่องแต่งกายเหล่านี้ทุกครั้งที่เข้าไปในเต็นท์นัดพบหรือเข้าใกล้แท่นบูชาเพื่อปรนนิบัติในวิสุทธิสถาน พวกเขาจะได้ไม่มีความผิดและต้องโทษถึงชีวิต
“นี่จะต้องเป็นข้อปฏิบัติถาวรสำหรับอาโรนและวงศ์วานของเขาสืบไป
พิธีชำระปุโรหิต(L)
29 “เจ้าจงทำดังนี้เพื่อชำระอาโรนและบรรดาบุตรชายและแยกพวกเขาไว้เพื่อพวกเขาจะได้รับใช้เราในฐานะปุโรหิตคือ จงนำวัวหนุ่มหนึ่งตัวและแกะผู้ซึ่งไม่มีตำหนิมาสองตัว 2 พร้อมทั้งขนมปังไม่ใส่เชื้อและขนมปังไม่ใส่เชื้อคลุกน้ำมัน และขนมปังไม่ใส่เชื้อแผ่นบางทาน้ำมัน ขนมปังเหล่านี้ล้วนทำจากแป้งสาลีอย่างดี 3 วางขนมปังไว้ในกระจาดและนำมาถวายที่ทางเข้าพลับพลาพร้อมด้วยวัวหนุ่มและแกะผู้ทั้งสองตัว 4 จงใช้น้ำชำระตัวอาโรนและบรรดาบุตรชายที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ 5 แล้วสวมเครื่องแต่งกายให้อาโรน ทั้งเสื้อตัวใน เสื้อคลุม เอโฟด ทับทรวง และสายคาดเอว 6 โพกผ้าโพกศีรษะซึ่งมีแผ่นทองคำติดอยู่นั้นให้อาโรน 7 แล้วเอาน้ำมันสำหรับเจิมรินลงบนศีรษะของเขา 8 จากนั้นสวมเสื้อตัวในให้บุตรชายของอาโรน 9 พร้อมทั้งคาดสายคาดเอวและโพกผ้าโพกศีรษะให้อาโรนและบรรดาบุตรของเขา เขาเหล่านั้นจะเป็นปุโรหิตตามข้อปฏิบัติถาวร นี่เป็นพิธีสถาปนาอาโรนและบรรดาบุตรชาย
10 “จากนั้นจงนำวัวหนุ่มมาที่หน้าเต็นท์นัดพบ อาโรนและบรรดาบุตรชายของเขาจะเอามือวางบนหัวของมัน 11 เจ้าจงฆ่ามันต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ 12 เอานิ้วจุ่มเลือดวัวทาที่เชิงงอนของแท่นบูชาและรินส่วนที่เหลือตรงเชิงแท่นบูชา 13 แล้วจงเอาไขมันซึ่งหุ้มเครื่องใน พังผืดที่หุ้มตับ ไตทั้งสองลูกกับไขมันที่หุ้มไตเผาบนแท่นบูชา 14 แต่จงเอาเนื้อของมันทั้งหนังและไส้ออกไปเผานอกบริเวณค่ายพัก นี่เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
15 “จากนั้นอาโรนและบุตรชายจะวางมือบนหัวแกะผู้ตัวหนึ่ง 16 จงฆ่าแกะตัวนั้น รองเลือดของมันมาพรมรอบแท่นบูชา 17 จงชำแหละแกะผู้ตัวนั้นแล้วล้างเครื่องในและขาให้สะอาด วางรวมกับหัวและส่วนอื่นๆ 18 จากนั้นจงเผาแกะผู้ตัวนั้นทั้งหมดบนแท่นบูชาเป็นเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นกลิ่นหอมที่พอพระทัย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
19 “จากนั้นเอาแกะผู้อีกตัวหนึ่งมา อาโรนและบรรดาบุตรชายของเขาจะวางมือบนหัวแกะ 20 จงฆ่าแกะนั้น รองเลือดมาส่วนหนึ่งเจิมที่ติ่งหูข้างขวา นิ้วหัวแม่มือขวา กับนิ้วหัวแม่เท้าขวาของอาโรนและบรรดาบุตรชาย จากนั้นจงพรมเลือดส่วนที่เหลือรอบแท่นบูชา 21 แล้วปาดเลือดจากแท่นบูชา เอามาผสมกับน้ำมันสำหรับเจิม แล้วพรมที่ตัวอาโรนและบรรดาบุตรชายกับที่เสื้อผ้าของพวกเขา เป็นการชำระตัวและเครื่องแต่งกายของพวกเขาให้บริสุทธิ์
22 “จากนั้นเอาไขมัน ไขมันส่วนหาง ไขมันหุ้มเครื่องใน พังผืดหุ้มตับ ไตทั้งสองลูกกับไขมันหุ้มไตและโคนขาขวาของแกะนั้น (นี่เป็นแกะสำหรับการสถาปนาอาโรนกับบรรดาบุตรชาย) 23 และเอาขนมปังก้อนหนึ่ง ขนมปังคลุกน้ำมัน และขนมปังแผ่นบางจากกระจาดที่บรรจุขนมปังไม่ใส่เชื้อซึ่งวางไว้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า 24 เอาของทั้งหมดนี้ให้อาโรนและบรรดาบุตรชายยื่นถวายต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเครื่องบูชายื่นถวาย 25 แล้วจงรับของเหล่านั้นจากมือของพวกเขา นำไปเผาบนแท่นบูชาพร้อมกับเครื่องเผาบูชา เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 26 จากนั้นเอาอกของแกะสำหรับพิธีสถาปนาอาโรนยื่นถวายต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเครื่องบูชายื่นถวาย เสร็จแล้วเก็บไว้เป็นส่วนของเจ้า
27 “จงชำระส่วนต่างๆ ของแกะผู้ที่ใช้ในการสถาปนา ซึ่งเป็นของอาโรนและบรรดาบุตรชาย คือเนื้อส่วนอกและโคนขาที่ยื่นถวาย 28 ประชากรอิสราเอลจะต้องยกส่วนนี้ของเครื่องบูชาให้อาโรนและบุตรชายเสมอ เป็นส่วนที่ชนอิสราเอลถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าจากเครื่องสันติบูชาของพวกเขา
29 “เครื่องแต่งกายบริสุทธิ์ของอาโรนจะตกทอดไปถึงลูกหลานของเขาเพื่อใส่เมื่อรับการเจิมและการสถาปนา 30 บุตรชายที่จะรับตำแหน่งปุโรหิตสืบต่อจากอาโรนจะต้องสวมเครื่องแต่งกายเต็มยศเป็นเวลาเจ็ดวัน เมื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่ในพลับพลาและวิสุทธิสถาน
31 “จงเอาเนื้อของแกะผู้ที่ใช้ในพิธีสถาปนาต้มในที่ศักดิ์สิทธิ์ 32 อาโรนและบรรดาบุตรชายของเขาจะกินเนื้อนั้น พร้อมทั้งขนมปังในกระจาดตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ 33 พวกเขาจะกินของเหล่านี้ซึ่งเป็นเครื่องบูชาลบบาปที่ใช้ในพิธีสถาปนาและการชำระให้บริสุทธิ์ของพวกเขา คนอื่นๆ ห้ามกินเพราะเป็นของศักดิ์สิทธิ์ 34 และถ้ามีเนื้อแกะผู้สำหรับสถาปนาหรือขนมปังเหลือค้างถึงรุ่งเช้า อย่ากินแต่จงเผาทิ้งเพราะเป็นของศักดิ์สิทธิ์
35 “จงประกอบพิธีสถาปนาอาโรนกับบรรดาบุตรชายตามที่เราบัญชาเจ้าไว้ทุกอย่างโดยใช้เวลาเจ็ดวัน 36 ทุกๆ วันเจ้าจงถวายวัวผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป หลังจากนั้นจงชำระแท่นบูชาโดยทำการลบมลทิน และเจิมแท่นนั้นเพื่อชำระให้บริสุทธิ์ 37 ตลอดเจ็ดวันจงลบมลทินแท่นบูชาและชำระให้บริสุทธิ์ แล้วแท่นบูชาจะศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และไม่ว่าสิ่งใดแตะต้องแท่นนั้น สิ่งนั้นจะบริสุทธิ์
38 “จงถวายลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบบนแท่นบูชาวันละสองตัว 39 ตัวหนึ่งถวายตอนเช้า ส่วนอีกตัวถวายตอนเย็น 40 จงถวายแป้งละเอียดประมาณ 2 ลิตร[u] ผสมน้ำมันมะกอกประมาณ 1 ลิตร[v]และเหล้าองุ่นประมาณ 1 ลิตร[w]เป็นเครื่องดื่มบูชาพร้อมกับแกะตัวแรก 41 ส่วนแกะอีกตัวถวายในตอนเย็นพร้อมเครื่องธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาเช่นเดียวกับตอนเช้า เป็นกลิ่นหอมที่พอพระทัย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
42 “นี่คือเครื่องเผาบูชาประจำวันเสมอไปทุกชั่วอายุที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเราจะมาพบเจ้าและสนทนากับเจ้าที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบนี้ 43 เราจะพบกับชาวอิสราเอลที่นั่นด้วย และเกียรติสิริของเราจะทำให้พลับพลาเป็นที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์
44 “ดังนั้นเราจะชำระเต็นท์นัดพบและแท่นบูชาให้บริสุทธิ์ ทั้งจะชำระอาโรนและบรรดาบุตรชายให้บริสุทธิ์และแยกพวกเขาไว้เพื่อเป็นปุโรหิตรับใช้เรา 45 แล้วเราจะสถิตท่ามกลางชนอิสราเอล และเป็นพระเจ้าของพวกเขา 46 พวกเขาจะรู้ว่าเราเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ผู้นำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ เพื่อเราจะได้อยู่ท่ามกลางพวกเขา เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา
แท่นเผาเครื่องหอม(M)
30 “จงใช้ไม้กระถินเทศทำแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอม 2 เป็นแท่นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดกว้างและยาว 1 ศอก สูง 2 ศอก[x] มีเชิงงอนแกะสลักจากตัวแท่นเป็นเนื้อเดียวกัน 3 ใช้ทองคำบริสุทธิ์หุ้มด้านบน ด้านข้างทุกด้าน และเชิงงอน และทำคิ้วทองคำคาดรอบแท่น 4 ใต้คิ้วทั้งสองด้านทำห่วงทองคำข้างละสองอัน สำหรับสอดคานหามเวลาเคลื่อนย้ายแท่น 5 จงทำคานหามจากไม้กระถินเทศหุ้มทองคำ 6 จงตั้งแท่นนี้ไว้นอกม่านหน้าหีบพันธสัญญา คืออยู่หน้าพระที่นั่งกรุณาซึ่งอยู่เหนือหีบพันธสัญญา เราจะพบกับเจ้าที่นั่น
7 “ทุกเช้าเมื่ออาโรนมาดูแลความเรียบร้อยของตะเกียง เขาต้องเผาเครื่องหอมบนแท่น 8 และทุกเย็นเมื่อมาจุดประทีป เขาต้องเผาเครื่องหอมต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าอีกครั้งหนึ่ง จงปฏิบัติเช่นนี้สืบไปทุกชั่วอายุ 9 เครื่องหอมอื่นๆ เครื่องเผาบูชา เครื่องธัญบูชา อย่านำมาเผาบนแท่นนี้เลย และอย่าเทเครื่องดื่มบูชาบนแท่นนี้ 10 อาโรนจะทำพิธีลบมลทินชำระแท่นปีละครั้งโดยต้องใช้เลือดของเครื่องบูชาไถ่บาปทาเชิงงอน จงปฏิบัติตามกฎข้อนี้ทุกๆ ปีสืบไปทุกชั่วอายุ เพราะแท่นนี้เป็นแท่นบริสุทธิ์ที่สุดแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า”
เงินค่าไถ่ชีวิต
11 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 12 “เมื่อเจ้าทำสำมะโนประชากรชนอิสราเอลเพื่อนับจำนวนพวกเขา ให้ทุกคนที่เข้าชื่อแล้วนำค่าไถ่ชีวิตมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อไม่ให้เกิดภัยพิบัติขึ้นในหมู่พวกเขา 13 ค่าไถ่ชีวิตดังกล่าวคือเงินหนักครึ่งเชเขล[y]ตามเชเขลของสถานนมัสการ ซึ่ง 1 เชเขลหนัก 20 เกราห์ นี่เป็นเงินครึ่งเชเขลซึ่งถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 14 ทุกคนที่ขึ้นทะเบียนสำมะโนประชากรที่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไปจะต้องถวายเงินจำนวนนี้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 15 คนรวยไม่ต้องถวายเกินครึ่งเชเขล ส่วนคนจนต้องถวายให้ครบ เพราะเป็นเงินถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นค่าไถ่ชีวิต 16 จงรับเงินค่าลบบาปจากชนอิสราเอลและใช้เงินจำนวนนี้สำหรับทำนุบำรุงเต็นท์นัดพบ นี่เป็นอนุสรณ์สำหรับชนอิสราเอลต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นการไถ่ชีวิตสำหรับพวกเจ้า”
อ่างสำหรับล้างชำระ
17 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 18 “จงทำอ่างทองสัมฤทธิ์และฐานรองทองสัมฤทธิ์เพื่อการล้างชำระ วางไว้ระหว่างเต็นท์นัดพบกับแท่นบูชา และใส่น้ำในอ่างนั้น 19 อาโรนและบรรดาบุตรชายจะใช้น้ำนั้นล้างมือล้างเท้า 20 เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเข้าไปในเต็นท์นัดพบ พวกเขาจะล้างชำระด้วยน้ำเพื่อจะได้ไม่ตาย เช่นเดียวกันกับเมื่อพวกเขาเข้าไปปรนนิบัติที่แท่นบูชาโดยการถวายเครื่องบูชาด้วยไฟแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 21 พวกเขาจะล้างมือและเท้าเพื่อพวกเขาจะไม่ตาย นี่จะต้องเป็นข้อปฏิบัติถาวรสำหรับอาโรนและวงศ์วานของเขาสืบไปทุกชั่วอายุ”
น้ำมันเจิม
22 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 23 “จงนำเครื่องหอมอย่างดีต่อไปนี้คือ มดยอบแท้หนักประมาณ 6 กิโลกรัม[z] อบเชยหอมและตะไคร้หอมอย่างละครึ่งของมดยอบ คือ ประมาณ 3 กิโลกรัม[aa] 24 การบูร ประมาณ 6 กิโลกรัมและน้ำมันมะกอกประมาณ 4 ลิตร[ab] 25 ให้นำเครื่องปรุงเหล่านี้มาทำเป็นน้ำมันเจิมบริสุทธิ์ น้ำหอมที่ปรุงตามศิลปะของช่างปรุง เพื่อใช้เป็นน้ำมันเจิมอันบริสุทธิ์ 26 แล้วจงใช้น้ำมันหอมนี้เจิมเต็นท์นัดพบ หีบพันธสัญญา 27 โต๊ะพร้อมทั้งเครื่องใช้ไม้สอย คันประทีปพร้อมทั้งอุปกรณ์ทั้งหมด แท่นเผาเครื่องหอม 28 แท่นบูชาพร้อมทั้งภาชนะใช้สอยครบครัน อ่างทองสัมฤทธิ์และฐานรองอ่าง 29 จงชำระของเหล่านี้เพื่อจะได้เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุด สิ่งใดก็ตามเมื่อสัมผัสสิ่งของเหล่านี้จะบริสุทธิ์ไปด้วย
30 “จงเจิมอาโรนและบรรดาบุตรชายของเขา เป็นการชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์และแยกไว้เพื่อปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิตรับใช้เรา 31 จงแจ้งชนอิสราเอลว่า ‘นี่คือน้ำมันเจิมบริสุทธิ์ของเราสืบไปทุกชั่วอายุ 32 อย่าเทน้ำมันนี้ลงบนร่างกายคนทั่วไป อย่าใช้สูตรนี้ปรุงน้ำมันใดๆ เพราะเป็นของศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าจะต้องถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ 33 ผู้ใดผสมน้ำมันหอมอย่างนี้หรือนำไปใช้กับผู้ที่ไม่ใช่ปุโรหิต จะต้องถูกตัดออกจากหมู่ประชากรของเขา’ ”
เครื่องหอม
34 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงนำเครื่องเทศหอม อันได้แก่ยางไม้หอม น้ำมันชะมด มหาหิงค์ และกำยานบริสุทธิ์ ชั่งให้ได้ส่วนเท่ากันหมด 35 ปรุงเป็นเครื่องหอมตามศิลปะของช่างปรุง เจือด้วยเกลือ จะเป็นของที่บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ 36 จงเอาส่วนหนึ่งมาบดละเอียดแล้ววางไว้หน้าหีบพันธสัญญาในเต็นท์นัดพบที่ซึ่งเราจะมาพบเจ้า เครื่องหอมนี้ถือว่าเป็นของบริสุทธิ์ที่สุดสำหรับเจ้า 37 อย่าปรุงเครื่องหอมสูตรนี้เพื่อใช้เอง จงถือเป็นของบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 38 ผู้ใดทำขึ้นไว้เพื่อความรื่นรมย์ส่วนตัวจะต้องถูกตัดออกจากหมู่ประชากรของเขา”
เบซาเลลและโอโฮลีอับ(N)
31 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 2 “เราได้เลือกสรรเบซาเลลบุตรชายของอูรีซึ่งเป็นบุตรชายของเฮอร์จากเผ่ายูดาห์ 3 และเราให้เขาเปี่ยมด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า มีความรู้ ความสามารถ และความชำนาญในเชิงช่างทุกแบบ 4 เพื่อออกแบบเครื่องทอง เงิน และทองสัมฤทธิ์อย่างวิจิตร 5 เจียระไนเพชรพลอย แกะสลักไม้ และงานฝีมือทุกแบบ 6 ยิ่งกว่านั้นเราได้แต่งตั้งโอโฮลีอับบุตรชายของอาหิสะมัคจากเผ่าดานให้เป็นผู้ช่วยของเขา ทั้งเราได้ให้ความเชี่ยวชาญแก่ช่างฝีมือทุกคน เพื่อทำทุกสิ่งที่เราได้สั่งเจ้าไว้ 7 ไม่ว่าจะเป็นเต็นท์นัดพบ หีบพันธสัญญาซึ่งมีพระที่นั่งกรุณาวางอยู่ และเครื่องใช้อื่นๆ ทั้งหมดในเต็นท์ 8 โต๊ะพร้อมทั้งภาชนะใช้สอย คันประทีปทองคำบริสุทธิ์พร้อมอุปกรณ์ครบครัน แท่นเผาเครื่องหอม 9 แท่นเผาเครื่องบูชาพร้อมภาชนะใช้สอย อ่างและฐานรองอ่าง 10 รวมทั้งเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์สำหรับอาโรนผู้เป็นปุโรหิต และเครื่องแต่งกายสำหรับบรรดาบุตรชายเมื่อปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิต 11 น้ำมันเจิมและเครื่องหอมสำหรับวิสุทธิสถานให้พวกเขาทำสิ่งเหล่านี้ตามที่เราได้สั่งเจ้าไว้”
วันสะบาโต
12 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 13 “จงสั่งประชากรอิสราเอลว่า ‘พวกเจ้าจะต้องถือรักษาวันสะบาโตของเรา เพราะนี่จะเป็นหมายสำคัญระหว่างเรากับเจ้าสืบไปทุกชั่วอายุ เพื่อเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ผู้ทำให้เจ้าบริสุทธิ์[ac]
14 “ ‘ฉะนั้นจงถือรักษาวันสะบาโต เพราะเป็นวันบริสุทธิ์สำหรับเจ้า ผู้ใดลบหลู่จะต้องมีโทษถึงตาย ผู้ใดทำงานในวันนั้นจะต้องถูกตัดออกจากหมู่ประชากรของเขา 15 จงทำงานในช่วงหกวัน ส่วนวันที่เจ็ดเป็นสะบาโตเพื่อการหยุดพัก เป็นวันบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ใดทำงานในวันสะบาโตต้องถูกประหาร 16 ชนอิสราเอลจะถือวันสะบาโตและเฉลิมฉลองวันนั้นสืบไปทุกชั่วอายุ เป็นพันธสัญญานิรันดร์ 17 นี่เป็นหมายสำคัญตลอดไประหว่างเรากับประชากรอิสราเอล เพราะในหกวันองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ในวันที่เจ็ดทรงหยุดทำงานและพักผ่อน’ ”
18 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสบนภูเขาซีนายจบแล้ว พระองค์ประทานศิลาสองแผ่นซึ่งจารึกพระบัญญัติสิบประการโดยนิ้วพระหัตถ์ของพระเจ้าเองแก่โมเสส
Footnotes
- 25:10 คือ ยาวประมาณ 1.1 เมตร
- 25:10 คือ กว้างและสูงประมาณ 0.7 เมตร
- 25:17 คือ สถานลบบาป
- 25:17 คือ ยาวประมาณ 1.1 เมตร กว้างประมาณ 0.7 เมตร
- 25:23 คือ ยาวประมาณ 0.9 เมตร กว้างประมาณ 0.5 เมตร และสูงประมาณ 0.7 เมตร
- 25:25 คือ กว้างประมาณ 8 เซนติเมตร
- 25:39 ภาษาฮีบรูว่า 1 ตะลันต์
- 26:2 คือ กว้างประมาณ 1.8 เมตร ยาวประมาณ 12.5 เมตร
- 26:8 คือ กว้างประมาณ 1.8 เมตร ยาวประมาณ 13.5 เมตร
- 26:13 คือ ประมาณ 0.5 เมตร
- 26:16 คือ กว้างประมาณ 0.7 เมตร สูงประมาณ 4.5 เมตร
- 27:1 คือ กว้างยาวประมาณด้านละ 2.3 เมตร สูงประมาณ 1.3 เมตร
- 27:9 คือ กว้างประมาณ 46 เมตร เช่นเดียวกับข้อ 11
- 27:12 คือ กว้างประมาณ 23 เมตร เช่นเดียวกับข้อ 13
- 27:14 คือ กว้างประมาณ 6.9 เมตร เช่นเดียวกับข้อ 15
- 27:16 คือ กว้างประมาณ 9 เมตร
- 27:18 คือ ยาวประมาณ 46 เมตร กว้างประมาณ 23 เมตร สูงประมาณ 2.3 เมตร
- 28:16 คือ ประมาณ 22 เซนติเมตร
- 28:20 ในภาษาฮีบรูอัญมณีเหล่านี้บางชิ้นไม่สามารถระบุได้ชัดเจน
- 28:32 ในภาษาฮีบรูคำนี้มีความหมายไม่ชัดเจน
- 29:40 ภาษาฮีบรูว่า หนึ่งในสิบเอฟาห์
- 29:40 ภาษาฮีบรูว่า หนึ่งในสี่ฮิน
- 29:40 ภาษาฮีบรูว่า หนึ่งในสี่ฮิน
- 30:2 คือ กว้างและยาวประมาณ 0.5 เมตร สูงประมาณ 0.9 เมตร
- 30:13 คือ ประมาณ 6 กรัม เช่นเดียวกับข้อ 15
- 30:23 ภาษาฮีบรูว่า 500 เชเขล เช่นเดียวกับข้อ 24
- 30:23 ภาษาฮีบรูว่า 250 เชเขล
- 30:24 ภาษาฮีบรูว่า 1 ฮิน
- 31:13 หรือเป็นผู้ชำระเจ้าให้บริสุทธิ์หรือเป็นผู้แยกเจ้าไว้ให้บริสุทธิ์
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.