Add parallel Print Page Options

ซาโลมอนเตรียมวัตถุสร้างวิหาร

(2 พศด. 2:1-18)

เมื่อฮีรามกษัตริย์ของเมืองไทระได้ยินว่าซาโลมอนได้รับการเจิมขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากดาวิดพ่อของเขา กษัตริย์ฮีรามจึงได้ส่งทูตของเขาไปหาซาโลมอน เพราะเขาเป็นเพื่อนที่ดีของดาวิดตลอดมา ซาโลมอนจึงได้ส่งข้อความนี้มาถึงฮีรามว่า

“ท่านก็รู้ว่าดาวิดพ่อของข้าพเจ้าไม่สามารถที่จะสร้างวิหารเพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาได้ เพราะต้องคอยสู้รบกับพวกศัตรูที่อยู่ล้อมรอบเขา จนกระทั่งพระยาห์เวห์ได้ปราบพวกศัตรูให้อยู่ใต้เท้าของเขา แต่ตอนนี้พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้าได้ให้ข้าพเจ้าหยุดพักจากสงครามแล้วในทุกๆด้าน และไม่มีการต่อสู้หรือความหายนะใดๆอีก

ข้าพเจ้าจึงตั้งใจว่าจะสร้างวิหารขึ้นหลังหนึ่ง เพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้า ตามที่พระยาห์เวห์ได้เคยบอกไว้กับดาวิดพ่อของข้าพเจ้า เมื่อพระองค์พูดว่า ‘ลูกชายของเจ้าคนที่เราจะให้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์แทนเจ้านั้น จะเป็นผู้สร้างวิหารเพื่อเป็นเกียรติให้กับชื่อของเรา’ อย่างนั้น ช่วยสั่งคนให้ตัดต้นสนซีดาร์ของเลบานอนไว้ให้กับข้าพเจ้าด้วย คนของข้าพเจ้าจะทำงานร่วมกับคนของท่าน และข้าพเจ้าจะจ่ายเงินให้กับท่านสำหรับคนของท่าน ตามจำนวนค่าจ้างที่ท่านกำหนดมา ท่านก็รู้ว่าข้าพเจ้าไม่มีคนที่มีความชำนาญในการตัดไม้[a] เหมือนกับชาวซีโดน”

เมื่อฮีรามได้ยินข้อความของซาโลมอน ก็รู้สึกพอใจอย่างมากและพูดว่า “วันนี้ เราขอสรรเสริญองค์พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ได้ให้ลูกชายที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่งกับดาวิดเพื่อที่จะปกครองชนชาติที่ยิ่งใหญ่นี้” ฮีรามได้ส่งข้อความไปถึงซาโลมอนว่า

“เราได้รับข้อความที่ท่านส่งถึงเราแล้ว และจะทำตามทุกอย่างที่ท่านต้องการ เราจะจัดหาไม้สนซีดาร์และไม้สนสามใบให้กับท่าน บรรดาคนของเราจะชักลากไม้เหล่านี้ลงมาจากเลบานอนไปที่ทะเล และเราจะเอาไม้เหล่านี้ผูกรวมกันล่องเป็นแพไปตามทะเลจนถึงสถานที่ที่ท่านกำหนดไว้ และที่นั่นเราจะแยกพวกมันออก และท่านก็สามารถเอามันไปได้ ท่านสามารถตอบแทนเราได้ ด้วยการส่งเสบียงอาหารให้กับคนในวังของเรากินกัน”

10 ฮีรามจึงได้จัดส่งไม้สนซีดาร์และไม้สนสามใบให้กับซาโลมอนตามที่เขาต้องการทุกอย่าง 11 ซาโลมอนก็ได้ให้แป้งสาลีสี่ล้านสี่แสนลิตร[b] เป็นอาหารให้กับคนในวังของฮีราม และน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์สี่แสนสี่หมื่นลิตร[c] ซาโลมอนทำอย่างนี้ให้กับฮีรามปีแล้วปีเล่า

12 พระยาห์เวห์ให้ความเฉลียวฉลาดกับซาโลมอน ตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับเขา ฮีรามและซาโลมอนก็ได้ทำสัญญาเป็นพันธมิตรต่อกันและอยู่กันอย่างสันติ

13 กษัตริย์ซาโลมอนได้เกณฑ์พวกแรงงานมาจากทั่วทั้งอิสราเอลรวมสามหมื่นคน 14 เขาได้ส่งคนเหล่านั้นออกไปที่เลบานอนโดยแบ่งเวรกันไป เวรละหนึ่งหมื่นคนต่อเดือน เพื่อพวกเขาจะได้อยู่ในเลบานอนหนึ่งเดือนและได้อยู่ที่บ้านของพวกเขาสองเดือน อาโดนีรัมทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมคนงาน 15 ซาโลมอนมีคนแบกหามอยู่เจ็ดหมื่นคนและมีคนตัดหินแปดหมื่นคนที่ทำงานอยู่ในแถบเนินเขา 16 มีหัวหน้าคนงานอีกสามพันสามร้อยคนที่ทำหน้าที่ดูแลงานในโครงการและคอยสั่งงานคนงาน 17 กษัตริย์ซาโลมอนได้สั่งให้พวกเขาตัดหินก้อนใหญ่ๆที่มีราคาแพงออกมาจากเหมืองหิน เพื่อใช้หินที่ตกแต่งแล้วนี้วางเป็นฐานรากของวิหาร 18 ช่างแกะสลักของซาโลมอนและฮีรามและคนจากเกบาล[d] ต่างตัดแต่งไม้และหินเพื่อนำมาสร้างเป็นวิหาร

ซาโลมอนสร้างวิหาร

(2 พศด. 3:1-14; 4:1-10, 19-22; 5:1)

เป็นเวลาสี่ร้อยแปดสิบปี[e] หลังจากที่ชาวอิสราเอลได้อพยพออกมาจากประเทศอียิปต์ ในเดือนศิฟ ซึ่งเป็นเดือนที่สองของปี ตรงกับปีที่สี่ที่ซาโลมอนเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ซาโลมอนได้เริ่มสร้างวิหารของพระยาห์เวห์ขึ้น วิหารที่กษัตริย์ซาโลมอนได้สร้างขึ้นให้พระยาห์เวห์นั้นมีขนาดยาวหกสิบศอก[f] กว้างยี่สิบศอก[g] และสูงสามสิบศอก[h] ด้านหน้าของห้องโถงใหญ่ของวิหาร มีระเบียงที่ยื่นออกมาสิบศอก และมีความกว้างยี่สิบศอกซึ่งเท่ากับความกว้างของวิหารพอดี พระองค์ได้สร้างช่องหน้าต่างแคบๆหลายบานไว้ด้านบนของผนังวิหาร[i] ช่องหน้าต่างนี้ด้านในเล็กกว่าด้านนอก ซาโลมอนได้สร้างห้องโดยรอบ ติดกับผนังรอบห้องโถงใหญ่และห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ห้องพวกนี้มีสามชั้น ฝาผนังด้านนอกของห้องโถงใหญ่นั้น ด้านล่างหนากว่าด้านบนเป็นหยักบ่าเข้าไป เพื่อจะได้วางไม้คาน ไม้คานจะได้ไม่ทะลุฝาผนังเข้าไป จึงทำให้พวกห้องด้านบนกว้างกว่าพวกห้องด้านล่าง พวกห้องชั้นล่างสุดกว้างห้าศอก[j] ชั้นที่สองกว้างหกศอก[k] และชั้นที่สามกว้างเจ็ดศอก[l] ในการก่อสร้างวิหารนี้ จะใช้แต่หินที่ได้รับการตัดแต่งเรียบร้อยแล้วจากเหมืองหินเท่านั้น ก็เลยไม่มีเสียงค้อน หรืออีเต้อ หรือเครื่องมืออื่นๆที่ทำจากเหล็ก

ทางเข้าห้องพวกนี้ อยู่ที่ชั้นหนึ่ง ตรงด้านทิศใต้ของวิหาร ข้างในมีบันไดขึ้นจากชั้นหนึ่งไปชั้นสอง และจากชั้นสองไปชั้นสาม

ซาโลมอนก็ได้สร้างวิหารนั้นจนเสร็จสมบูรณ์ พระองค์ได้สร้างหลังคาวิหาร โดยมีขื่อและแผ่นกระดานที่ทำจากไม้สนซีดาร์ 10 แล้วพระองค์ได้สร้างพวกห้องที่ล้อมรอบวิหารจนเสร็จ แต่ละห้องสูงห้าศอก และมีพวกไม้คานที่ทำจากสนซีดาร์วางพาดอยู่บนหยักบ่าของฝาผนังวิหาร

11 คำพูดของพระยาห์เวห์มาถึงซาโลมอนว่า 12-13 “ถ้าหากเจ้าทำตามกฎต่างๆของเรา ทำตามข้อบังคับทุกข้อและรักษาคำสั่งทุกอย่างของเรา และใช้ชีวิตตามนั้น เราก็จะทำตามคำสัญญาที่เราได้ให้ไว้กับดาวิดพ่อของเจ้า เราจะอาศัยอยู่ในท่ามกลางชาวอิสราเอลในวิหารนี้ที่เจ้ากำลังสร้างขึ้น และเราจะไม่ละทิ้งประชาชนชาวอิสราเอลของเรา”

14 ซาโลมอนจึงได้สร้างวิหารหลังนั้นจนเสร็จสมบูรณ์

15 พระองค์ใช้แผ่นกระดานที่ทำจากไม้สนซีดาร์ กรุผนังด้านในที่ทำจากหินโดยรอบ ตั้งแต่พื้นไปจนถึงเพดาน และปูทับพื้นหินทั้งหมดในวิหารด้วยแผ่นกระดานที่ทำจากไม้สนสามใบ 16 ที่ด้านในสุดของวิหาร พระองค์ใช้แผ่นกระดานที่ทำจากไม้สนซีดาร์กั้นห้องขึ้นมาตั้งแต่พื้นจนถึงเพดาน มีขนาดยาวยี่สิบศอก เพื่อให้เป็นห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด 17 ห้องโถงใหญ่ด้านหน้ามีขนาดยาวสี่สิบศอก[m] 18 ภายในวิหารใช้ไม้สนซีดาร์ที่แกะสลักลายน้ำเต้า[n] และลายดอกไม้บานกรุไว้จนหมด ไม่เห็นส่วนที่เป็นหินเลย

19 ซาโลมอนได้สร้างห้องศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านในสุดของวิหารจนเสร็จ เพื่อใช้เป็นที่วางหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์ 20 ห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนี้มีขนาดยาวยี่สิบศอก[o] กว้างยี่สิบศอกและสูงยี่สิบศอก เขาใช้ทองคำบริสุทธิ์บุทับไว้ที่ด้านในของห้อง และเขาได้สร้างแท่นเผาเครื่องหอมที่ทำจากไม้สนซีดาร์ตั้งไว้ตรงหน้าห้องนี้ และเอาทองบุแท่นเผาเครื่องหอมนี้ 21 ซาโลมอนบุทองคำบริสุทธิ์ไว้ที่ด้านในของวิหาร และใช้โซ่ทองคำกั้นไว้ที่หน้าห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุดที่ได้บุทองคำไว้แล้ว 22 แล้วด้านในของวิหารก็บุทองคำไว้ทั้งหมด แท่นเผาเครื่องหอมที่ตั้งอยู่หน้าห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ก็บุทองคำด้วย

23 ภายในห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เขาได้ใช้ไม้มะกอกสร้างเป็นทูตสวรรค์มีปีก ไว้สององค์ แต่ละองค์มีความสูงสิบศอก 24 ปีกข้างหนึ่งของทูตองค์แรก มีความยาวห้าศอก ปีกอีกข้างหนึ่งยาวห้าศอก วัดจากปลายปีกข้างหนึ่งไปถึงปลายปีกอีกข้างหนึ่งยาวสิบศอก 25 ทูตสวรรค์มีปีกองค์ที่สองก็วัดได้สิบศอกด้วย ทั้งสององค์มีขนาดและรูปร่างเหมือนกัน 26 ทูตสวรรค์มีปีกทั้งสององค์นั้นสูงสิบศอกเท่ากัน 27 ซาโลมอนได้วางทูตสวรรค์มีปีกทั้งสององค์ไว้ภายในห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ปีกข้างหนึ่งของทูตสวรรค์ทั้งสองนั้นแตะกันอยู่ตรงกลางห้อง ส่วนปีกอีกข้างของทูตทั้งสองนั้นก็ไปติดกับฝาผนังแต่ละด้าน 28 และทูตสวรรค์มีปีกทั้งสององค์นั้นก็มีทองคำบุอยู่

29 บนฝาผนังด้านในของห้องโถงใหญ่และห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนั้น มีทั้งรูปทูตสวรรค์มีปีก รูปต้นอินทผลัม และดอกไม้บาน สลักอยู่มากมาย 30 พื้นของห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และห้องโถงใหญ่ของวิหาร บุด้วยทองคำ 31 ตรงทางเข้าของห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด คนงานได้เอาไม้มะกอกมาสร้างเป็นประตูขึ้นสองบาน และทำกรอบประตูเป็นรูปห้าเหลี่ยม[p] 32 ซาโลมอนให้พวกช่างทำบานประตูทั้งสองนั้นจากไม้มะกอก และแกะสลักรูปทูตสวรรค์มีปีก ต้นปาล์มและดอกไม้บานไว้มากมาย และบุด้วยทองคำ

33 ตรงทางเข้าห้องโถงใหญ่ พวกเขาได้ใช้ไม้มะกอกมาทำกรอบประตูเป็นรูปสี่เหลี่ยม 34 พวกเขาได้เอาไม้สนสามใบมาสร้างเป็นสองประตู แต่ละประตูก็มีบานประตูสองบานที่พับได้ 35 พวกช่างได้แกะสลักลายทูตสวรรค์มีปีก ต้นปาล์มและดอกไม้ไว้บนบานประตูเหล่านั้น และบุด้วยทองคำ

36 แล้วพวกช่างก็ได้เอาหินที่ตัดแต่งแล้วมาสร้างเป็นกำแพงล้อมรอบลานด้านในไว้ กำแพงแต่ละด้านสร้างขึ้นด้วยหินที่ตัดแต่งแล้วสามชั้น กับไม้สนซีดาร์อีกหนึ่งชั้น

37 พวกเขาเริ่มก่อสร้างวิหารของพระยาห์เวห์ขึ้นในเดือนศิฟ (เป็นเดือนที่สองของปี) ซึ่งตรงกับปีที่สี่ที่กษัตริย์ซาโลมอนเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล 38 วิหารสร้างเสร็จในปีที่สิบเอ็ดที่ซาโลมอนเป็นกษัตริย์ ในเดือนบูล (ซึ่งเป็นเดือนที่แปดของปี) วิหารก็สร้างเสร็จตามรายละเอียดที่ได้กำหนดไว้ทุกอย่าง ซาโลมอนได้ใช้เวลาในการสร้างวิหารทั้งหมดเจ็ดปี

วังของซาโลมอน

ซาโลมอนได้ใช้เวลาถึงสิบสามปีในการสร้างวังของเขา เขายังได้สร้างตึกที่มีชื่อเรียกว่า “ป่าของเลบานอน” ขึ้นมา ตึกแห่งนี้มีความยาวหนึ่งร้อยศอก[q] กว้างห้าสิบศอก[r] และสูงสามสิบศอก[s] โดยมีเสา[t] ที่ทำจากไม้สนซีดาร์สี่แถว ที่ปลายเสาแต่ละต้น จะมียอดเสาที่ทำจากไม้สนซีดาร์รองรับเพดานอยู่ มีคานที่ทำจากไม้สนซีดาร์พาดขวางอยู่ เสาแต่ละแถวมีคานพาดอยู่สิบห้าต้น รวมทั้งหมดสี่สิบห้าต้น บนคานพวกนี้ มีกระดานไม้สนซีดาร์มุงเป็นหลังคาอยู่ ที่ผนังด้านข้างของทั้งสองด้าน มีหน้าต่างเรียงกันอยู่สามแถว ตั้งอยู่ตรงข้ามกันพอดี ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ต่างก็มีสามประตู และมีกรอบประตูเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า

ซาโลมอนได้สร้างระเบียงที่เรียกว่า “ระเบียงเสา” มีความยาวห้าสิบศอก กว้างสามสิบศอก ที่ด้านหน้าของระเบียงมีหลังคาปิด ซึ่งมีพวกเสารองรับอยู่

พระองค์ได้สร้างห้องบัลลังก์ที่พระองค์จะใช้ในการตัดสินคดี ห้องนั้นเรียกว่า “หอพิพากษา” ห้องนั้นบุไปด้วยไม้สนซีดาร์ตั้งแต่พื้นจนถึงเพดาน

หลังหอพิพากษานี้ก็มีลาน วังที่ซาโลมอนพักอยู่สร้างล้อมรอบลานนั้น ลักษณะของวังนั้นจะเหมือนกับหอพิพากษา เขายังสร้างวังอย่างเดียวกันนี้ให้กับภรรยาของเขาที่เป็นลูกสาวของกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ด้วย

ตึกทั้งหมดเหล่านี้สร้างด้วยหินราคาแพง หินเหล่านี้ถูกตัดตามขนาดที่ต้องการด้วยเลื่อยและทำให้เรียบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หินราคาแพงเหล่านี้ใช้ทำตั้งแต่ฐานรากขึ้นไปจนถึงยอดของกำแพง สิ่งก่อสร้างทั้งหมดเหล่านี้ จากข้างนอกเข้าไปจนถึงลานใหญ่และจากฐานขึ้นไปจนถึงหลังคา แม้แต่กำแพงรอบๆลานก็สร้างขึ้นด้วยหินราคาแพงเหล่านี้ 10 พวกฐานรากทั้งหลายถูกสร้างขึ้นด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ราคาแพง บางก้อนมีขนาดยาวถึงสิบศอก[u] และบางก้อนก็มีขนาดยาวถึงแปดศอก[v] 11 แล้วบนหินเหล่านั้นก็ยังมีหินอื่นๆที่มีราคาแพงและไม้คานที่ทำจากไม้สนซีดาร์ด้วย 12 มีพวกกำแพงล้อมรอบลานของวัง ของวิหารและระเบียงของวิหาร กำแพงเหล่านี้ สร้างด้วยหินสองชั้น และท่อนไม้สนซีดาร์อีกหนึ่งชั้น

13 กษัตริย์ซาโลมอนได้ส่งคนไปที่เมืองไทระ เพื่อไปนำตัวชายคนหนึ่งที่ชื่อว่าฮูราม[w] มาที่เมืองเยรูซาเล็ม 14 แม่ของฮูราม เป็นชาวอิสราเอลจากเผ่านัฟทาลี พ่อของเขาที่ตายไปแล้วมาจากเมืองไทระ ฮูรามเป็นช่างทองสัมฤทธิ์ ฮูรามมีความเชี่ยวชาญมากและมีประสบการณ์ในงานที่เกี่ยวกับทองสัมฤทธิ์ทุกประเภท เขาได้มาหากษัตริย์ซาโลมอนและได้ทำงานทั้งหมดตามที่ได้รับมอบหมายมา

15 เขาหล่อเสาทองสัมฤทธิ์ขึ้นสองต้นสำหรับระเบียง แต่ละต้นสูงสิบแปดศอก[x] และมีขนาดโดยรอบสิบสองศอก[y] เสานี้กลวง และมีเนื้อเหล็กหนาหนึ่งฝ่ามือ[z] 16 เขายังได้ทำหัวเสาทองสัมฤทธิ์สองอัน เพื่อไปวางไว้บนยอดเสาสองต้นนั้น หัวเสาแต่ละอันสูงห้าศอก[aa] 17 มีตาข่ายที่ทำขึ้นจากโซ่ผูกห้อยบนหัวเสาทั้งสองต้น 18 เขาได้หล่อลูกทับทิมขึ้นเป็นแถวสองแถวล้อมรอบหัวเสานั้น เขาเอาลูกทับทิมทองสัมฤทธิ์เหล่านั้นทับตาข่ายแต่ละอัน เพื่อปิดหัวเสาที่อยู่บนยอดเสาแต่ละต้น 19 หัวเสาที่อยู่บนยอดเสาทำขึ้นเป็นรูปดอกไม้ 20 หัวเสาที่อยู่บนยอดเสาเหนือตาข่ายที่ห้อยลงมาเป็นรูปชาม ลูกทับทิมสองร้อยลูกห้อยอยู่เป็นแถวล้อมรอบหัวเสา 21 ฮูรามตั้งเสาทองสัมฤทธิ์คู่นั้นไว้ที่หน้าระเบียงของวิหาร เขาตั้งชื่อเสาที่ตั้งอยู่ทางด้านซ้าย[ab] ว่ายาคีนและตั้งชื่อเสาที่ตั้งอยู่ทางด้านขวา[ac] ว่าโบอาส 22 หัวเสาที่อยู่บนยอดของเสาเหล่านั้นมีรูปร่างเหมือนดอกไม้ แล้วงานก่อสร้างเสาเหล่านั้นก็ได้เสร็จสิ้นลง

23 ฮูรามได้หล่อขันทะเล[ad] ขึ้นจากเหล็กหล่อ มีรูปร่างเป็นวงกลมวัดความกว้างจากขอบด้านหนึ่งไปถึงอีกด้านหนึ่งได้สิบศอก และสูงห้าศอก มีความยาวโดยรอบสามสิบศอก 24 ที่ใต้ขอบของขันทะเลนั้น ฮูรามได้หล่อน้ำเต้าขึ้นสองแถวล้อมรอบขันทะเลนั้น หล่อเป็นเนื้อเดียวกันกับขันทะเลนั้น 25 ขันทะเลนั้นตั้งอยู่บนวัวตัวผู้สิบสองตัว มีสามตัวหันหน้าไปทางทิศเหนือ สามตัวหันหน้าไปทางทิศตะวันตก อีกสามตัวหันไปทางทิศใต้และสามตัวที่เหลือหันไปทางทิศตะวันออก ขันทะเลนั้นวางอยู่บนตัวพวกมัน ส่วนหางของพวกมันหันเข้าหากันอยู่ด้านใน 26 ขันทะเลนี้มีความหนาหนึ่งฝ่ามือ[ae] และที่ขอบของมันมีลักษณะเหมือนขอบของถ้วยน้ำคือเป็นเหมือนดอกลิลลี่ที่บานออก ขันนี้สามารถเก็บน้ำได้สี่หมื่นสี่พันลิตร[af]

27 เขายังได้สร้างรถเข็นสิบคันจากทองสัมฤทธิ์ แต่ละคันยาวสี่ศอก กว้างสี่ศอกและสูงสามศอก[ag] 28 ต่อไปนี้คือวิธีสร้างรถเข็นเหล่านั้น พวกมันมีแผงสี่เหลี่ยมด้านเท่าฝังอยู่ในโครง 29 บนแผงและโครงเหล่านั้นมีพวกรูปสิงห์ พวกรูปวัวตัวผู้ และรูปทูตสวรรค์มีปีก แกะสลักอยู่ ทั้งด้านบนและด้านล่างของบรรดารูปสิงห์และรูปวัวตัวผู้เหล่านั้นมีลายมาลัยดอกไม้ที่ใช้ค้อนทำขึ้น 30 รถเข็นแต่ละคันมีล้อสี่ล้อ ทั้งล้อและเพลาทำขึ้นจากทองสัมฤทธิ์ และบนรถเข็นจะมีอ่างน้ำหนึ่งใบวางอยู่บนที่รองรับตรงมุมทั้งสี่ ที่รองรับแต่ละอันทำจากทองสัมฤทธิ์ และมีลวดลายมาลัยดอกไม้ตอกอยู่ 31 มีโครงด้านบน ซึ่งมีช่องสำหรับชามใหญ่ โครงนั้นสูงหนึ่งศอก[ah] ช่องเปิดนี้มีลักษณะกลม วัดขนาดที่ฐานได้กว้างหนึ่งศอกครึ่ง[ai] และมีการแกะสลักลวดลายไว้โดยรอบช่องเปิดนั้น โครงนั้นสี่เหลี่ยมไม่กลม 32 มีล้อสี่ล้ออยู่ใต้โครงนั้น และเพลาของล้อเหล่านั้นเชื่อมติดเข้ากับแท่น ล้อแต่ละล้อมีเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งศอกครึ่ง 33 ลักษณะของล้อเหมือนกับล้อของรถรบ ทั้งเพลา วงล้อ ซี่ล้อและดุมล้อ ล้วนหล่อขึ้นจากเหล็กสัมฤทธิ์

34 รถเข็นแต่ละคันมีที่รองรับอยู่ตรงมุมทั้งสี่ ที่รองรับนี้เป็นเนื้อเดียวกันกับรถเข็นนั้น 35 ด้านบนของรถเข็นมีขอบทองสัมฤทธิ์สูงครึ่งศอกล้อมรอบเป็นเนื้อเดียวกันกับรถเข็น 36 ฮูรามได้แกะสลักลายพวกทูตสวรรค์มีปีก พวกสิงห์และพวกต้นปาล์มมากมายลงบนพื้นผิวของที่รองรับและบนแผงเหล่านั้น ที่ไหนมีช่องว่างเขาก็จะแกะลายพวงมาลัยไว้จนทั่ว 37 นี่คือวิธีที่เขาสร้างรถเข็นทั้งสิบคัน รถเข็นเหล่านี้หล่อขึ้นจากแม่พิมพ์อันเดียวกันจึงมีรูปร่างและขนาดเหมือนกันหมด

38 แล้วฮูรามก็ได้ทำอ่างน้ำทองสัมฤทธิ์ขึ้นสิบอ่าง แต่ละอ่างจุน้ำได้แปดร้อยแปดสิบลิตร[aj] แต่ละอ่างกว้างสี่ศอก วางอยู่บนรถเข็น รถเข็นละหนึ่งใบ 39 เขาวางรถเข็นห้าคันไว้ทางด้านใต้ของวิหารและอีกห้าคันไว้ทางด้านเหนือ เขาวางขันทะเลไว้ทางด้านใต้ที่มุมทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของวิหาร 40 เขายังได้ทำหม้ออีกหลายใบ รวมทั้งทัพพีและชามประพรม แล้วฮูรามก็ได้ทำงานทุกอย่างภายในวิหารของพระยาห์เวห์ที่กษัตริย์ได้สั่งเขาไว้จนเสร็จสิ้นลง นั่นก็คือ

41 เสาสองต้น

หัวเสาสองอันที่มีรูปร่างเหมือนอ่างเพื่อวางไว้บนยอดเสา

ตาข่ายสองชุดที่ใช้สำหรับประดับบนหัวเสารูปอ่างที่อยู่บนยอดเสาสองต้นนั้น

42 ทับทิมสี่ร้อยลูกสำหรับตาข่ายสองชุด (ตาข่ายแต่ละชุดมีทับทิมอยู่สองร้อยลูกไว้สำหรับประดับหัวเสารูปชามที่อยู่บนเสาทั้งสองต้น)

43 รถเข็นสิบคันพร้อมกับอ่างน้ำสิบอ่าง

44 ขันทะเลและวัวตัวผู้สิบสองตัวที่ฐานรองของมัน

45 หม้อ ทัพพี ชามประพรม และพวกจานทั้งหมด สำหรับวิหารของพระยาห์เวห์

ของต่างๆที่ฮูรามได้ทำขึ้นให้กับกษัตริย์ซาโลมอนสำหรับวิหารของพระยาห์เวห์ล้วนทำขึ้นจากทองสัมฤทธิ์ขัดมัน 46 กษัตริย์สั่งให้หล่อของเหล่านี้ด้วยแม่พิมพ์ดินเหนียวที่นำมาจากแม่น้ำจอร์แดนที่อยู่ระหว่างสุคคทและศาเรธาน 47 ซาโลมอนไม่เคยชั่งน้ำหนักของเหล่านี้เพราะมีมากเกินไป จึงไม่สามารถบอกน้ำหนักของทองสัมฤทธิ์ทั้งหมดที่ใช้ไป

48 ซาโลมอนยังทำข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่อยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์อีกด้วย ประกอบไปด้วย

แท่นบูชาทองคำ

โต๊ะทองคำสำหรับใช้วางขนมปังไว้ต่อหน้าพระยาห์เวห์

49 โคมไฟยืนที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ (ซึ่งตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ทั้งทางขวาและทางซ้ายมีอยู่ข้างละห้าโคม)

บรรดาดอกไม้ประดิษฐ์ทองคำและตะเกียงรวมทั้งคีมคีบ

50 พวกถ้วย กรรไกรตัดไส้ตะเกียง ชามประพรม พวกจานสำหรับใส่เครื่องหอม และกระถางไฟ ที่ทำจากทองคำ

บานพับทองคำสำหรับประตูของห้องชั้นในสุดคือห้องศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และสำหรับประตูทุกประตูที่ห้องโถงใหญ่ของวิหาร

51 เมื่องานทุกอย่างที่กษัตริย์ซาโลมอนได้ทำให้กับวิหารของพระยาห์เวห์เสร็จสิ้นลง เขาได้นำของต่างๆที่ดาวิดพ่อของเขาได้อุทิศไว้ ทั้งเงินและทองและเครื่องใช้ทุกอย่าง นำมาวางไว้ในคลังสมบัติของวิหารของพระยาห์เวห์

Footnotes

  1. 5:6 คนที่มีความชำนาญในการตัดไม้ หรือช่างไม้ คือคนที่ทำงานกับไม้ ในสมัยโบราณหมายถึงคนตัดไม้ด้วย
  2. 5:11 สี่ล้านสี่แสนลิตร หรือ สองหมื่นโคเร
  3. 5:11 สี่แสนสี่หมื่นลิตร หรือ สองหมื่นบัท
  4. 5:18 เกบาล หรืออีกชื่อหนึ่งว่า “บุบลอส”
  5. 6:1 สี่ร้อยแปดสิบปี ประมาณ 960 ปีก่อนพระเยซูมาเกิด
  6. 6:2 หกสิบศอก หรือ 31.5 เมตร
  7. 6:2 ยี่สิบศอก หรือ 10.5 เมตร
  8. 6:2 สามสิบศอก หรือ 15.75 เมตร สำเนาภาษากรีกโบราณเขียนไว้ว่า 25 ศอก
  9. 6:4 หน้าต่าง … วิหาร อาจจะหมายถึงหน้าต่างที่มีลวดลายฉลุ
  10. 6:6 ห้าศอก หรือ 2.6 เมตร
  11. 6:6 หกศอก หรือ 3.2 เมตร
  12. 6:6 เจ็ดศอก หรือ 3.7 เมตร
  13. 6:17 สี่สิบศอก หรือ 21 เมตร
  14. 6:18 น้ำเต้า พืชชนิดหนึ่งมีเถายาว ผลของมันมีลักษณะเหมือนเหยือกน้ำและเมื่อทิ้งไว้นานจะแข็งขึ้นจนเหมือนไม้
  15. 6:20 ยี่สิบศอก หรือ 10.5 เมตร
  16. 6:31 กรอบประตูเป็นรูปห้าเหลี่ยม คงหมายถึงบนประตูทำจากไม้สามชิ้น ทรงป้านไม่ใช่เป็นปลายแหลม
  17. 7:2 หนึ่งร้อยศอก หรือ 52.5 เมตร
  18. 7:2 ห้าสิบศอก หรือ 26.25 เมตร
  19. 7:2 สามสิบศอก หรือ 15.8 เมตร ภาษากรีกโบราณแปลไว้ว่า 25 ศอก
  20. 7:2 เสา เป็นเสาหินหรือไม้ที่มีการตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงามบนหัวเสา
  21. 7:10 สิบศอก หรือเท่ากับ 5.25 เมตร
  22. 7:10 แปดศอก หรือ 4.2 เมตร
  23. 7:13 ฮูราม หรือฮีราม
  24. 7:15 สิบแปดศอก หรือ 9.5 เมตร
  25. 7:15 สิบสองศอก หรือ 6.3 เมตร
  26. 7:15 เสานี้กลวง … หนาหนึ่งฝ่ามือ ประโยคนี้มาจาก สำเนาแปลกรีกโบราณ
  27. 7:16 ห้าศอก หรือ 2.6 เมตร
  28. 7:21 ซ้าย ด้านทิศใต้
  29. 7:21 ขวา ด้านทิศเหนือ
  30. 7:23 ขันทะเล ขันเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ตั้งอยู่ในวิหาร ดูใน 2 พงศาวดาร 4:2-6
  31. 7:26 หนึ่งฝ่ามือ ประมาณ 7.6 เซนติเมตร
  32. 7:26 สี่หมื่นสี่พันลิตร หรือ 20,000 บัท
  33. 7:27 สามศอก หรือ 1.6 เมตร
  34. 7:31 หนึ่งศอก เท่ากับ 52.5 เซนติเมตร
  35. 7:31 หนึ่งศอกครึ่ง หรือ 79 เซนติเมตร
  36. 7:38 แปดร้อยแปดสิบลิตร หรือ สี่สิบบัท