กันดารวิถี 22-24
Thai New Testament: Easy-to-Read Version
บาลาอัมและกษัตริย์ของโมอับ
22 ประชาชนชาวอิสราเอลได้เดินทางต่อและมาตั้งค่ายในที่ราบโมอับ ใกล้แม่น้ำจอร์แดน ตรงข้ามเมืองเยริโค
2-3 บาลาคลูกชายศิปโปร์ได้เห็นสิ่งทั้งหมดที่ชาวอิสราเอลทำกับชาวอาโมไรต์ พวกโมอับกลัวพวกอิสราเอลมาก เพราะคนอิสราเอลมีจำนวนมาก คนโมอับหวาดกลัวคนอิสราเอลมากจริงๆ
4 โมอับพูดกับพวกผู้อาวุโสชาวมีเดียนว่า “ตอนนี้ คนกลุ่มใหญ่นั้นจะเขมือบทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆเรา เหมือนวัวกินหญ้าหมดทุ่ง”
ในเวลานั้น บาลาคลูกชายศิปโปร์เป็นกษัตริย์ของโมอับ 5 เขาส่งพวกผู้ถือสารไปหาบาลาอัมลูกชายเบโอร์ที่เปโธร์ ที่อยู่ติดกับแม่น้ำยูเฟรติส เป็นดินแดนที่พวกญาติๆของเขาอาศัยอยู่[a] บาลาคส่งคนไปเชิญบาลาอัมมา พวกเขาพูดตามที่บาลาคสั่งว่า
“ดูสิ มีชนชาติหนึ่งออกมาจากอียิปต์ พวกมันปกคลุมไปทั่วแผ่นดิน และยังมาตั้งค่ายติดกับเราอีกด้วย 6 ตอนนี้ มาสาปแช่งคนพวกนี้ให้กับเราด้วย เพราะพวกมันแข็งแกร่งกว่าเรา ไม่แน่เราอาจจะสามารถต่อสู้กับพวกมันได้ และขับไล่พวกมันออกไปจากดินแดนนี้ เพราะเรารู้ว่าถ้าท่านให้พรใคร คนนั้นก็จะได้รับพร และถ้าท่านสาปแช่งใคร คนนั้นก็จะถูกสาปแช่ง”
7 พวกผู้อาวุโสของชาวโมอับและของชาวมีเดียนจึงไปหาบาลาอัม พร้อมกับเงินสำหรับจ่ายให้กับบาลาอัมเป็นค่าบริการ[b] พวกเขามาพบบาลาอัมและบอกกับเขาในสิ่งที่บาลาคพูด
8 บาลาอัมจึงบอกพวกเขาว่า “คืนนี้ ค้างอยู่ที่นี่ก่อน แล้วข้าจะบอกท่านว่าพระยาห์เวห์บอกอะไรกับข้า” ดังนั้นพวกผู้นำของโมอับจึงค้างอยู่กับบาลาอัม
9 พระเจ้ามาหาบาลาอัมและพูดว่า “คนพวกนี้ที่อยู่กับเจ้าเป็นใครกัน”
10 บาลาอัมบอกกับพระเจ้าว่า “บาลาคลูกชายศิปโปร์ กษัตริย์ของโมอับ ส่งพวกเขามาหาข้าพเจ้า พร้อมกับข้อความนี้ 11 ‘ดูสิ มีชนชาติหนึ่งที่ออกมาจากอียิปต์ได้มาปกคลุมไปทั่วแผ่นดิน ช่วยมาสาปแช่งพวกมันให้กับเราด้วย ไม่แน่เราอาจจะสามารถต่อสู้กับพวกมันได้ และขับไล่พวกมันออกไป’”
12 พระเจ้าพูดกับบาลาอัมว่า “เจ้าต้องไม่ไปกับพวกเขา เจ้าต้องไม่สาปแช่งคนพวกนี้ เพราะเราได้อวยพรพวกเขา”
13 ดังนั้นเมื่อบาลาอัมลุกขึ้นในตอนเช้า เขาพูดกับพวกผู้นำที่มาจากบาลาคว่า “กลับไปประเทศของพวกท่านเถิด เพราะพระยาห์เวห์ไม่ให้เราไปกับท่าน”
14 พวกผู้นำจากโมอับจึงลุกขึ้นและกลับไปหาบาลาค พวกเขาบอกว่า “บาลาอัมไม่ยอมมากับพวกเรา”
15 บาลาคได้ส่งพวกผู้นำไปอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เขาส่งผู้นำมามากกว่าครั้งแรก และผู้นำพวกนี้ก็สำคัญกว่าพวกแรกด้วย 16 พวกเขาไปหาบาลาอัมและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่บาลาคลูกชายศิปโปร์พูด
‘โปรดอย่าให้มีสิ่งใดมาขัดขวางไม่ให้ท่านมาหาเรา 17 เราจะให้รางวัลท่านอย่างงาม และเราจะทำทุกอย่างที่ท่านบอกเรา แต่มาช่วยสาปแช่งคนพวกนี้ให้กับเราก่อนเถิด’”
18 บาลาอัมตอบคนของบาลาคไปว่า “ถึงแม้บาลาคจะยกวังของเขาที่เต็มไปด้วยเงินทองมากมายให้กับข้า ข้าก็ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ 19 ตอนนี้โปรดค้างคืนที่นี่เหมือนกับกลุ่มที่แล้ว และข้าจะดูว่าพระยาห์เวห์มีอะไรจะบอกกับข้าเพิ่มเติมหรือเปล่า”
20 คืนนั้นพระเจ้ามาหาบาลาอัมและพูดกับเขาว่า “เนื่องจากคนพวกนี้อุตส่าห์มาเชิญเจ้า ลุกขึ้นและไปกับพวกเขาเถอะ แต่เจ้าจะต้องทำในสิ่งที่เราบอกเท่านั้น”
บาลาอัมและลาของเขา
21 บาลาอัมจึงลุกขึ้นในตอนเช้า เขาผูกอานบนลาของเขา แล้วเดินทางไปกับผู้นำชาวโมอับ 22 พระเจ้าโกรธเพราะบาลาอัมกำลังไป ดังนั้น ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์มายืนขัดขวางเขาอยู่บนถนน บาลาอัมกำลังขี่ลาอยู่ มีคนรับใช้สองคนอยู่กับเขา
23 เมื่อลาเห็นทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ยืนอยู่บนถนน พร้อมกับถือดาบอยู่ในมือ ลาจึงหันจากถนนเข้าไปในทุ่ง บาลาอัมจึงตีลาเพื่อให้มันหันกลับไปบนถนน
24 แล้วทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ก็ยืนอยู่บนทางแคบๆที่อยู่ระหว่างไร่องุ่นสองแปลง มีกำแพงล้อมอยู่ทั้งสองข้าง 25 เมื่อลาเห็นทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ มันจึงเดินเบียดกำแพง ทำให้เท้าของบาลาอัมถูไปกับกำแพง บาลาอัมจึงตีมันอีก
26 แล้วทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ก็ไปอยู่ข้างหน้าอีก ไปยืนอยู่ในที่แคบที่ไม่มีทางหลีกไปทางซ้ายหรือทางขวาได้ 27 เมื่อลาเห็นทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ ก็หมอบลงทั้งที่บาลาอัมยังนั่งอยู่บนหลังมัน บาลาอัมโกรธและตีมันด้วยไม้เท้า
28 พระยาห์เวห์ได้เปิดปากของลา แล้วลาก็พูดกับบาลาอัมว่า “ข้าพเจ้าไปทำอะไรท่าน ท่านถึงได้ตีข้าพเจ้าถึงสามครั้ง”
29 บาลาอัมจึงบอกกับลาว่า “เพราะเจ้าทำให้เราดูเหมือนเป็นคนโง่เขลา เราอยากจะมีดาบสักเล่มในมือ จะได้ฆ่าเจ้าซะเลยตอนนี้”
30 ลาจึงพูดกับบาลาอัมว่า “นี่ข้าพเจ้าไม่ใช่ลาของท่าน ที่ท่านใช้ขี่มาตลอดชีวิตจนถึงเดี๋ยวนี้หรอกหรือ ข้าพเจ้าเคยทำอย่างนี้กับท่านมาก่อนหรือเปล่า”
บาลาอัมตอบว่า “ไม่เคย”
31 พระยาห์เวห์จึงเปิดตาบาลาอัม ทำให้เขาเห็นทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ ที่ยืนอยู่บนถนน และกำลังถือดาบอยู่ในมือ บาลาอัมก้มหัวลงกราบ
32 ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์พูดกับเขาว่า “ทำไมเจ้าถึงได้ตีลาของเจ้าถึงสามครั้งอย่างนี้ นี่เรามายืนขวางเจ้า เพราะเห็นว่าการเดินทางของเจ้ามันช่างโง่เขลานัก[c] 33 เมื่อลาเห็นเรามันถึงได้หันหนีไปจากเราถึงสามครั้ง นี่ถ้ามันไม่หลบเรา ป่านนี้เราก็คงฆ่าเจ้าไปแล้ว แต่เราคงไว้ชีวิตเจ้าลานั่น”
34 บาลาอัมบอกทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ว่า “ข้าพเจ้าได้ทำบาปไปแล้ว เพราะไม่รู้ว่าท่านกำลังยืนขัดขวางข้าพเจ้าอยู่บนถนน แต่ตอนนี้ เนื่องจากการเดินทางของข้าพเจ้า มันชั่วร้ายในสายตาท่าน ข้าพเจ้าก็จะกลับบ้าน”
35 ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์พูดกับบาลาอัมว่า “ไปกับคนพวกนี้ แต่ให้พูดแต่สิ่งที่เราบอกให้เจ้าพูด” บาลาอัมจึงไปกับพวกผู้นำที่บาลาคส่งมา
36 เมื่อบาลาคได้ยินว่าบาลาอัมกำลังมา เขาจึงออกมาพบบาลาอัมที่เมืองของชาวโมอับ[d] ตรงพรมแดน ที่มีแม่น้ำอารโนนกั้นอยู่ ซึ่งเป็นปลายสุดของพรมแดน 37 บาลาคพูดกับบาลาอัมว่า “เราเคยส่งคนไปเชิญท่านมาแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมท่านถึงไม่มาหาเราละ เราไม่สามารถจ่ายรางวัลให้กับท่านหรือยังไง”
38 บาลาอัมจึงตอบบาลาคว่า “ดูสิ ตอนนี้ข้าพเจ้าก็ได้มาหาท่านแล้ว แต่ข้าพเจ้าไม่สามารถพูดอะไรก็ได้ที่อยากพูด ข้าพเจ้าจะต้องพูดแต่สิ่งที่พระเจ้าใส่เข้ามาในปากของข้าพเจ้าเท่านั้น”
39 แล้วบาลาอัมก็ไปกับบาลาค และพวกเขาก็มาถึงคิริยาท-หุโซท 40 บาลาคสังเวยวัวและแกะ และส่งเครื่องบูชาไปให้บาลาอัมและพวกผู้นำที่อยู่กับเขา
41 ในตอนเช้าบาลาคพาบาลาอัมไปเมืองบาโมท-บาอัล[e] จากที่นั่นบาลาอัมสามารถมองเห็นประชาชนชาวอิสราเอลได้ส่วนหนึ่ง
บทกลอนแรกของบาลาอัม
23 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “สร้างแท่นบูชาเจ็ดแท่นให้กับข้าพเจ้าที่นี่และให้เตรียมวัวผู้เจ็ดตัวและแกะผู้เจ็ดตัวไว้ให้กับข้าพเจ้า” 2 บาลาคจึงทำตามที่บาลาอัมบอก แล้วบาลาคและบาลาอัมก็บูชาวัวผู้หนึ่งตัวและแกะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องเผาบูชา บนแท่นบูชาแต่ละแท่น
3 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “ไปยืนอยู่ข้างๆเครื่องเผาบูชาของท่าน ข้าพเจ้าจะปลีกตัวออกไปอยู่ตามลำพัง บางทีพระยาห์เวห์อาจจะมาพบข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะมาบอกท่านว่าพระองค์แสดงอะไรให้กับข้าพเจ้าบ้าง” บาลาอัมจึงขึ้นไปบนยอดเขา
4 พระเจ้าได้มาพบบาลาอัม บาลาอัมพูดกับพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าได้ทำแท่นบูชาขึ้นเจ็ดแท่น และได้บูชาวัวผู้ตัวหนึ่งกับแกะผู้ตัวหนึ่งให้เป็นเครื่องเผาบูชาบนแท่นแต่ละแท่น”
5 พระยาห์เวห์ได้ใส่คำพูดเข้าไปในปากของบาลาอัม พระองค์บอกเขาว่า “ให้กลับไปหาบาลาคและพูดสิ่งนี้”
6 บาลาอัมจึงกลับไปหาบาลาค บาลาคยืนอยู่ข้างเครื่องเผาบูชากับบรรดาผู้นำของโมอับ 7 บาลาอัมจึงพูดกลอนนี้ออกมาว่า
“บาลาคนำตัวข้าพเจ้ามาจากอารัม
กษัตริย์ของโมอับนำข้าพเจ้ามาที่นี่จากภูเขาทางตะวันออก
บาลาคพูดว่า ‘มาเถิด มาสาปแช่งยาโคบให้เรา
มาเถิด มาพูดต่อต้านประชาชนชาวอิสราเอล’
8 ข้าพเจ้าจะพูดสาปแช่งคนที่พระเจ้าไม่ได้สาปแช่งได้อย่างไร
จะให้ข้าพเจ้าพูดต่อต้านคนที่พระยาห์เวห์ไม่ได้พูดต่อต้านได้อย่างไร
9 เพราะจากยอดเขาข้าพเจ้ามองเห็นพวกเขา
และจากเนินเขาข้าพเจ้ามองเห็นพวกเขา
ดูสิ พวกเขาตั้งเต็นท์อยู่แต่เพียงลำพัง
และไม่ได้เป็นพันธมิตรกับคนชาติอื่นๆ
10 มีใครสามารถนับคนของยาโคบได้บ้าง
พวกเขามีจำนวนมากพอๆกับเม็ดฝุ่น
หรือมีใครที่สามารถนับจำนวนแม้เพียงหนึ่งในสี่ของชาวอิสราเอลได้บ้าง
ปล่อยให้ข้าพเจ้าตายเหมือนคนดีๆพวกนี้เขาตายกันเถิด
และปล่อยให้จุดจบข้าพเจ้าเป็นเหมือนกับจุดจบของพวกเขาเถิด”
11 บาลาคพูดกับบาลาอัมว่า “ท่านทำอะไรกับเรานี่ เราเอาท่านมาที่นี่เพื่อสาปแช่งศัตรูของเรา แต่ดูสิ ท่านกลับมาอวยพรพวกเขา”
12 บาลาอัมจึงตอบว่า “ข้าพเจ้าต้องระวังที่จะพูดในสิ่งที่พระยาห์เวห์ใส่ไว้ในปากของข้าพเจ้า ไม่ใช่หรือ”
13 บาลาคจึงพูดกับเขาว่า “ไปกับเราอีกที่หนึ่ง ท่านจะเห็นคนเหล่านั้น ท่านจะมองเห็นพวกเขาเพียงบางส่วน ท่านจะไม่เห็นพวกเขาทั้งหมด สาปแช่งพวกเขาให้เราจากที่นั่น” 14 บาลาคจึงพาบาลาอัมไปที่ทุ่งโศฟิม[f] บนยอดเขาปิสกาห์ บาลาคสร้างแท่นบูชาขึ้นเจ็ดแท่น และบูชาวัวผู้หนึ่งตัวกับแกะผู้หนึ่งตัว ให้เป็นเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชาแต่ละแท่น
15 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “ยืนอยู่ที่นี่ข้างๆเครื่องเผาบูชาของท่าน ขณะที่ข้าพเจ้าไปพบพระยาห์เวห์ที่โน่น”
16 พระยาห์เวห์ได้มาพบบาลาอัม และใส่คำพูดเข้าไปในปากของเขา พระองค์พูดว่า “กลับไปหาบาลาคและพูดสิ่งนี้” 17 บาลาอัมจึงไปหาบาลาค ที่นั่น เขายังคงยืนอยู่ข้างเครื่องเผาบูชาพร้อมกับพวกผู้นำของโมอับ แล้วบาลาคก็ถามเขาว่า “พระยาห์เวห์พูดอะไร”
บทกลอนที่สองของบาลาอัม
18 บาลาอัมจึงพูดออกมาเป็นกลอนว่า
“ยืนขึ้น บาลาค และฟัง
ฟังข้าพเจ้า ลูกชายของศิปโปร์
19 พระเจ้าไม่ใช่มนุษย์ที่พูดโกหก
และก็ไม่ใช่มนุษย์ที่ชอบเปลี่ยนใจ
มีหรือที่พระองค์พูดแล้วไม่ทำ
หรือสัญญาแล้วไม่ทำตามสัญญานั้น
20 ฟังนะ ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งให้อวยพร
พระเจ้าได้อวยพรอิสราเอลไว้ ข้าพเจ้าจึงไม่สามารถกลับคำของพระองค์ได้
21 ท่านจะไม่เห็นความโชคร้ายในประชาชนของยาโคบ
ท่านจะไม่เห็นความยากลำบากใดๆในประชาชนชาวอิสราเอล
พระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้าของชาวอิสราเอลจะอยู่กับพวกเขา
พระองค์ได้รับการยกย่องสรรเสริญให้เป็นกษัตริย์ของพวกเขา
22 พระเจ้าผู้นำพวกเขาออกจากอียิปต์
เข้มแข็งเหมือนกับเขาของกระทิงสำหรับพวกเขา
23 ไม่มีการดูฤกษ์ยามในหมู่ประชาชนของยาโคบ
ไม่มีการทำนายโชคชะตาในหมู่ประชาชนของอิสราเอล
พระเจ้าส่งตัวแทนพระองค์มาพูดกับยาโคบ
และบอกอิสราเอลทันทีว่าพระองค์มีแผนอะไร[g]
24 คนเหล่านี้ก็ลุกขึ้นเหมือนกับสิงห์ตัวเมีย
มันยืนขึ้นตรงเหมือนสิงห์ตัวผู้ตัวหนึ่ง
มันจะไม่ยอมนอนจนกระทั่งมันกินเหยื่อของมัน
และดื่มเลือดของสัตว์ที่มันฆ่าแล้ว”
25 บาลาคพูดกับบาลาอัมว่า “ถ้าท่านไม่สาปแช่งพวกเขา ก็อย่าอวยพรพวกเขาสิ”
26 บาลาอัมจึงตอบบาลาคว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้บอกท่านก่อนแล้วหรือว่า ‘ข้าพเจ้าจะทำทุกอย่างที่พระยาห์เวห์บอกให้ข้าพเจ้าทำ’”
27 บาลาคจึงพูดกับบาลาอัมว่า “มาเถิด เราจะพาท่านไปอีกที่หนึ่ง บางทีอาจทำให้พระเจ้าพอใจที่ท่านจะสาปแช่งชาวอิสราเอลให้เราจากที่นั่น” 28 บาลาคจึงพาบาลาอัมไปบนยอดเขาเปโอร์ซึ่งมองเห็นไปทั่วทั้งที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
29 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “สร้างแท่นบูชาเจ็ดแท่นให้กับข้าพเจ้าที่นี่ และเตรียมวัวผู้เจ็ดตัวกับแกะผู้เจ็ดตัวไว้ให้กับข้าพเจ้าด้วย” 30 บาลาคจึงทำตามที่บาลาอัมบอก และเขาก็บูชาวัวผู้หนึ่งตัวกับแกะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชาแต่ละแท่น
บทกลอนที่สามของบาลาอัม
24 บาลาอัมเห็นว่าพระยาห์เวห์ต้องการให้อวยพรชาวอิสราเอล ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ดูฤกษ์ยามใดๆเหมือนที่เคยทำมา แต่เขากลับหันหน้าไปทางที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง 2 บาลาอัมมองไปข้างหน้าและเห็นประชาชนชาวอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ตามเผ่าของพวกเขา แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าก็เข้าไปสถิตในตัวเขา 3 และเขาก็พูดออกมาเป็นกลอนว่า
“นี่คือคำพูดของบาลาอัมลูกชายของเบโอร์
เป็นคำพูดของชายที่มีดวงตาเห็นแจ่มแจ้ง[h]
4 เป็นคำพูดของคนที่ได้ยินคำพูดของพระเจ้า
เป็นคนที่เห็นนิมิตจากพระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด[i]
เป็นคนที่ล้มลงต่อหน้าพระองค์ แต่ดวงตาก็ยังเปิดอยู่
5 ประชาชนของยาโคบ[j] เต็นท์ของพวกท่านช่างงดงามเหลือเกิน
ประชาชนของอิสราเอล บ้านเรือนของพวกท่านสวยงามจริงๆ
6 เต็นท์ของพวกท่านเหมือนกับแถวของต้นปาล์มที่แผ่ขยายออก
เหมือนพวกสวนที่อยู่ริมแม่น้ำ
เหมือนต้นกฤษณา[k] ที่พระยาห์เวห์ปลูกไว้
เหมือนต้นสนซีดาร์ที่อยู่ริมน้ำ
7 น้ำจะไหลล้นออกมาจากถังน้ำของเขา[l]
และจะมีน้ำอย่างเหลือเฟือสำหรับเมล็ดพันธุ์ของพวกเขา
กษัตริย์ของพวกเขาจะยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์อากัก
และอาณาจักรของพวกเขาจะยิ่งใหญ่มาก
8 พระเจ้านำพวกเขาออกจากอียิปต์
พระองค์เป็นเหมือนเขาของกระทิงสำหรับพวกเขา
พวกเขาจะเอาชนะศัตรูของพวกเขา
พวกเขาจะบดขยี้กระดูกของคนเหล่านั้น
และโจมตีพวกนั้นด้วยลูกธนู[m]
9 ชาวอิสราเอลหมอบอยู่ พวกเขาพักอยู่เหมือนสิงโต
ใครล่ะจะกล้าปลุกสิงโตตัวนั้น
ขอให้คนที่อวยพรท่านได้รับพร
ขอให้คนที่แช่งสาปท่านถูกแช่งสาป”
10 บาลาคโกรธบาลาอัม เขาตบมือผางด้วยความโกรธ แล้วพูดกับบาลาอัมว่า “เราเรียกเจ้ามาที่นี่เพื่อสาปแช่งศัตรูของเรา แต่ดูสิ เจ้ากลับมาอวยพรพวกมันถึงสามครั้ง 11 ตอนนี้รีบๆกลับบ้านไปเลย เราบอกว่าจะให้รางวัลกับเจ้า แต่ดูสิ พระยาห์เวห์ทำให้เจ้าอดได้รางวัล”
12 บาลาอัมพูดกับบาลาคว่า “ข้าพเจ้าได้บอกกับคนส่งสารพวกนั้นที่ท่านส่งมาหาข้าพเจ้าแล้วว่า 13 ‘ถึงแม้ว่าบาลาคจะยกวังที่เต็มไปด้วยเงินและทองให้กับข้า ข้าก็ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของพระยาห์เวห์และทำอะไรตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเลวหรือสิ่งดี แต่ข้าต้องพูดแต่สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเท่านั้น’ 14 ตอนนี้ ข้าพเจ้าจะกลับไปหาคนของข้าพเจ้าแล้ว มาสิ แล้วข้าพเจ้าจะบอกท่านว่าคนพวกนี้จะทำอะไรกับคนของท่านในอนาคต”
บทกลอนสุดท้ายของบาลาอัม
15 แล้วบาลาอัมก็พูดเป็นคำกลอนว่า
“นี่คือคำพูดของบาลาอัมลูกชายเบโอร์
เป็นคำพูดของชายที่มีดวงตาเห็นแจ่มแจ้ง
16 เป็นคำพูดของคนที่ได้ยินคำพูดต่างๆของพระเจ้า
และได้รับความรู้จากพระเจ้าสูงสุด
เขาเห็นนิมิตจากพระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด[n]
เขาล้มลงต่อหน้าพระองค์ แต่ดวงตาก็ยังเปิดอยู่
17 ข้าพเจ้าเห็นเขา ไม่ใช่ในขณะนี้ แต่เป็นในอนาคต
ข้าพเจ้าเห็นเขากำลังมา แต่ไม่ใช่เร็วๆนี้
กษัตริย์องค์หนึ่งผู้เป็นเหมือนดวงดาวจะมาจากประชาชนของยาโคบ
ผู้ปกครองผู้หนึ่งจะปรากฏขึ้นจากประชาชนชาวอิสราเอล
เขาจะบี้หัวของชาวโมอับ
และจะบี้กะโหลกของชาวเชท[o] ทั้งหมด
18 เมื่อชาวอิสราเอลแสดงความแข็งแกร่ง
แผ่นดินของเอโดมก็จะตกเป็นของพวกเขา
แผ่นดินของเสอีร์ ศัตรูของชาวอิสราเอลก็จะตกเป็นของพวกเขา
19 ผู้ปกครองจะมาจากยาโคบ
และทำลายคนที่หลงเหลืออยู่ในเมืองเออร์”
20 แล้วบาลาอัมมองเห็นชาวอามาเลคและพูดกลอนนี้ว่า
“อามาเลคเคยเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดท่ามกลางชนชาติอื่น
แต่จุดจบของพวกเขาคือจะถูกทำลายจนสิ้นซาก”
21 บาลาอัมมองเห็นชาวเคไนต์[p] และพูดบทกลอนนี้ว่า
“สถานที่ที่พวกท่านอยู่เป็นที่ที่ปลอดภัย
เหมือนรังนกที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง
22 แต่พวกชาวเคไนต์ ก็จะถูกทำลายล้าง
เมื่อชาวอัสชูรทำให้พวกเขากลายเป็นเชลย”
23 แล้วบาลาอัมก็พูดกลอนบทนี้ว่า
“เมื่อพระเจ้าทำอย่างนี้ แล้วจะมีใครรอด
24 จะมีเรือมาจากชายฝั่งของคิทธิม[q]
และจะเอาชนะชาวอัสซีเรียและเอเบอร์[r]
แต่พวกคิทธิมก็จะถูกทำลายไปด้วยเหมือนกัน”
25 แล้วบาลาอัมก็ลุกขึ้นและกลับบ้าน ส่วนบาลาคก็กลับไปตามทางของเขา
Footnotes
- 22:5 เป็นดินแดน … อาศัยอยู่ หรือแปลได้อีกอย่างหนึ่งว่า “นี่คือดินแดนของชาวอัมโมน”
- 22:7 ค่าบริการ หรือ “ผู้เป็นหมอดูด้วย” หรือ “พร้อมของจำเป็นสำหรับการทาย” คนสมัยโบราณ พยายามทำให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับคนอื่นโดยการเขียนคำสาปแช่งลงในชามและนำไปใช้ในพิธีกรรม
- 22:32 เพราะ … ช่างโง่เขลานัก ความหมายในภาษาฮีบรูยังไม่แน่ชัด
- 22:36 เมืองของชาวโมอับ เป็นไปได้ว่าเป็น อาร์ โมอับ
- 22:41 บาโมท-บาอัล สถานที่ทางศาสนาของพระบาอัล
- 23:14 ทุ่งโศฟิม หรืออาจจะแปลได้ว่า “เนินเขาดูคน”
- 23:23 พระองค์มีแผนอะไร หรือแปลได้อีกอย่างว่า “ตอนนี้ประชาชนพูดกับยาโคบและอิสราเอลว่า ‘ดูสิ สิ่งที่พระเจ้าได้ทำ’”
- 24:3 เห็นแจ่มแจ้ง หรือ แปลได้อีกว่า “ตาของเขาเปิดออก เขาเห็นได้อย่างชัดเจน”
- 24:4 พระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด หรือ ในภาษาฮีบรู คือ “เอล ชัดดัย”
- 24:5 ยาโคบ กับ อิสราเอล ก็เป็นคนคนเดียวกัน ในกลอนของฮีบรู ชอบพูดเรื่องเดียวกันซ้ำๆ
- 24:6 กฤษณา ต้นไม้กลิ่นหอมหวาน น้ำของมันใช้ทำน้ำหอม
- 24:7 น้ำ … ของเขา หรือ “จะมีน้ำหยดลงมาบนกิ่งไม้ของเขา”
- 24:8 โจมตีพวกนั้นด้วยลูกธนู หรือแปลได้ว่า “ทำลายลูกธนูของเขา” หรือ “ต่อยท้องพวกเขา”
- 24:16 พระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด หรือ ในภาษาฮีบรู คือ “เอล ชัดดัย”
- 24:17 ชาวเชท อาจจะเป็นสำนวน ที่แปลว่า “คนเหล่านั้น” หรือ อาจจะเป็นชื่อของ เผ่าหนึ่งแถวปาเลสไตน์
- 24:21 ชาวเคไนต์ เป็นการเล่นคำ ชื่อของ “ชาวเคน” และ “ชาวเคไนต์” เป็นคำในภาษาฮีบรูที่มีความหมายว่า “รังนก”
- 24:24 คิทธิม อาจเป็นเกาะไซปรัส หรือเกาะครีตหรือสถานที่ทางชายฝั่งด้านตะวันตกของอิสราเอลในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
- 24:24 เอเบอร์ อาจหมายถึง ผู้ที่อาศัยอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส หรืออาจหมายถึง ลูกหลานของคนที่ชื่อเอเบอร์ (ปฐมกาล 10:21)
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International