Bible in 90 Days
12 โยเซฟพูดกับคนยกถ้วยเหล้าองุ่นว่า “นี่คือความหมายของฝันนั้น กิ่งสามกิ่งนั้นหมายถึงสามวัน 13 ภายในสามวันฟาโรห์จะยกโทษให้ท่าน[a] และจะคืนตำแหน่งให้กับท่าน ท่านจะได้กลับไปยกแก้วเหล้าองุ่นให้ฟาโรห์เหมือนที่ท่านเคยทำมา 14 อย่าลืมผมนะ เมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยดีสำหรับท่าน ช่วยทำสิ่งนี้ให้กับผมหน่อย ช่วยบอกกับฟาโรห์ให้ปล่อยผมออกไปจากคุกนี้ด้วย 15 เพราะผมถูกลักพาตัวมาจากดินแดนของชาวฮีบรู และผมก็ไม่ได้ทำผิดอะไรที่จะต้องถูกจับมาอยู่ในคุกนี้”
ความฝันของคนทำขนมปัง
16 เมื่อหัวหน้าคนทำขนมปังเห็นว่าการทำนายฝันนั้นออกมาดี เขาจึงพูดกับโยเซฟว่า “เมื่อคืนนี้ ผมก็ฝันเหมือนกัน ผมฝันว่ามีตะกร้าสามใบใส่ขนมปังขาววางอยู่บนหัวผม 17 และในตะกร้าบนสุดนั้น มีขนมอบชนิดต่างๆสำหรับฟาโรห์ แต่มีฝูงนกลงมาจิกกินขนมเหล่านั้นบนหัวผม”
18 โยเซฟตอบว่า “นี่คือความหมายของฝันนั้น ตะกร้าสามใบหมายถึงสามวัน 19 ภายในเวลาสามวันฟาโรห์จะสั่งตัดหัวท่าน[b] และพระองค์จะสั่งให้เอาร่างท่านไปเสียบไว้บนเสาไม้ และฝูงนกจะมาจิกกินเนื้อท่าน”
โยเซฟถูกลืม
20 สามวันต่อมา ในวันเกิดของฟาโรห์ พระองค์จัดงานเลี้ยงให้กับข้าราชสำนัก คนรับใช้ทั้งหมด และพระองค์ได้สั่งให้นำตัวหัวหน้าคนยกถ้วยเหล้าองุ่นและหัวหน้าคนทำขนมปังมาอยู่ต่อหน้าคนทั้งปวง 21 พระองค์คืนตำแหน่งให้คนยกถ้วยเหล้าองุ่น เขาได้กลับมายกถ้วยเหล้าให้ฟาโรห์อีกครั้ง 22 แต่หัวหน้าคนทำขนมปังถูกเสียบไว้บนเสาไม้เหมือนที่โยเซฟได้พูดไว้ทุกอย่าง 23 แต่หัวหน้าคนยกถ้วยเหล้าองุ่นไม่ได้คิดถึงโยเซฟและลืมเขาไป
ความฝันของฟาโรห์
41 สองปีต่อมา กษัตริย์ฟาโรห์ฝันว่า เขากำลังยืนอยู่ที่แม่น้ำไนล์ 2 แล้วจู่ๆก็มีวัวเจ็ดตัวโผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำไนล์ วัวทั้งเจ็ดตัวนี้มีรูปร่างสมบูรณ์แข็งแรง อ้วนพี พวกมันยืนกินหญ้าอยู่แถวๆนั้น 3 หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีวัวอีกเจ็ดตัวโผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำไนล์ วัวเจ็ดตัวหลังนี้มีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว ผอมแห้ง พวกมันมายืนอยู่ข้างๆวัวเจ็ดตัวแรกบนฝั่งแม่น้ำไนล์ 4 วัวผอมที่น่าเกลียดพวกนี้ได้กินวัวอ้วนพีที่แข็งแรงทั้งเจ็ดตัวนั้น ฟาโรห์ก็ตื่นขึ้น 5 พระองค์นอนต่อและฝันอีกเป็นครั้งที่สองว่า มีรวงข้าวอยู่เจ็ดรวง แต่ละรวงมีเมล็ดข้าวออกเต็มไปหมด ทั้งหมดออกมาจากต้นข้าวต้นเดียว 6 มีรวงข้าวอีกเจ็ดรวงงอกออกมาทีหลัง แต่เป็นรวงข้าวผอมลีบและเหี่ยวแห้ง เพราะลมร้อนจากตะวันออก 7 รวงข้าวผอมลีบทั้งเจ็ดนี้ได้กลืนรวงข้าวเม็ดงามดีนั้นเสีย แล้วฟาโรห์ได้ตื่นขึ้น ก็รู้ว่าเป็นความฝัน 8 ในตอนเช้า พระองค์ไม่สบายใจ จึงได้เรียกพวกโหรและพวกผู้รู้ทั้งหมดของอียิปต์มา พระองค์ได้เล่าความฝันให้พวกเขาฟัง แต่ไม่มีใครสามารถแก้ฝันให้กับพระองค์ได้
คนใช้บอกฟาโรห์เกี่ยวกับโยเซฟ
9 แล้วหัวหน้าคนยกถ้วยเหล้าองุ่นได้บอกกับกษัตริย์ฟาโรห์ว่า “วันนี้ข้าพเจ้าเพิ่งนึกได้ถึงความผิดของข้าพเจ้า 10 ตอนที่พระองค์โกรธพวกคนใช้ของพระองค์ และเอาข้าพเจ้าไปขังไว้ในคุก ที่บ้านของผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ พร้อมกับหัวหน้าคนทำขนมปังนั้น 11 เราทั้งสองคนได้ฝันไปในคืนเดียวกัน ทั้งเขาและข้าพเจ้า เราต่างก็ฝันถึงสิ่งที่มีความหมายแตกต่างกัน 12 มีชายหนุ่มชาวฮีบรูคนหนึ่งอยู่ที่นั่นกับพวกข้าพเจ้า เขาเป็นคนใช้ของผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ พวกข้าพเจ้าเล่าความฝันให้เขาฟัง เขาได้แก้ฝันให้กับพวกเรา เขาทำนายฝันให้กับเราแต่ละคน 13 และมันก็เกิดขึ้นจริงตามที่เขาแก้ฝันให้นั้น ข้าพเจ้าได้รับตำแหน่งกลับคืนมา แต่อีกคนหนึ่งถูกเสียบไว้บนเสาไม้”
ฟาโรห์ขอให้โยเซฟทำนายฝัน
14 ฟาโรห์จึงส่งคนไปตามโยเซฟมา พวกเขารีบนำตัวโยเซฟมาจากคุก ให้โยเซฟโกนหัวและหนวดเครา เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และนำตัวเขามาหาฟาโรห์ 15 ฟาโรห์พูดกับโยเซฟว่า “เราได้ฝันไป แต่ไม่มีใครสามารถแก้ฝันของเราได้ แต่เราได้ยินเขาพูดถึงเจ้าว่า เมื่อเจ้าได้ฟังความฝัน เจ้าจะแก้ฝันได้”
16 โยเซฟตอบฟาโรห์ว่า “ไม่ใช่ข้าพเจ้าหรอก แต่เป็นพระเจ้าที่จะให้คำตอบดีๆกับท่านฟาโรห์”
17 ฟาโรห์จึงพูดกับโยเซฟว่า “ในความฝันของเรา เรากำลังยืนอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ 18 แล้วจู่ๆก็มีวัวอ้วนพีเจ็ดตัว รูปร่างสมบูรณ์แข็งแรง โผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำไนล์ มากินหญ้าที่ขึ้นอยู่แถวๆนั้น 19 หลังจากนั้นก็มีวัวอีกเจ็ดตัวที่หิวโซ ผอมลีบ น่าเกลียดน่ากลัว โผล่ขึ้นมา เรายังไม่เคยเห็นวัวที่น่าเกลียดอย่างนี้มาก่อนเลยในแผ่นดินอียิปต์ 20 แล้ววัวผอมลีบที่น่าเกลียดทั้งเจ็ดตัวนี้ ได้กินวัวอ้วนพีทั้งเจ็ดตัวนั้น 21 แต่เมื่อพวกมันกินวัวอ้วนพีทั้งเจ็ดตัวเข้าไปแล้ว ดูไม่รู้เลยว่าพวกมันได้กินวัวอ้วนพีเข้าไปในท้องของพวกมันแล้ว เพราะมันยังน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนในตอนแรก
22 แล้วเราได้ตื่นขึ้น จากนั้นเราได้ฝันอีก คราวนี้เราฝันเห็นรวงข้าวเจ็ดรวง แต่ละรวงมีเมล็ดข้าวออกเต็มไปหมด ทั้งหมดงอกออกมาจากต้นข้าวต้นเดียว 23 ต่อมาได้มีรวงข้าวอีกเจ็ดรวงงอกออกมา แต่มีเมล็ดข้าวที่ผอมลีบและเหี่ยวแห้ง เพราะลมร้อนจากตะวันออก 24 รวงข้าวที่ผอมลีบนี้ได้กลืนกินรวงข้าวที่งามดีทั้งเจ็ดรวงนั้น
เราได้เล่าเรื่องนี้ให้กับพวกโหรของเรา แต่ไม่มีใครแก้ฝันนี้ให้กับเราได้เลย”
โยเซฟทำนายฝันให้ฟาโรห์
25 โยเซฟพูดกับฟาโรห์ว่า “ความฝันทั้งสองอันนี้ของท่านเป็นความฝันเรื่องเดียวกันและเหมือนกัน พระเจ้าบอกฟาโรห์ถึงสิ่งที่พระองค์จะทำในไม่ช้านี้ 26 วัวดีๆเจ็ดตัวนั้นคือเจ็ดปี และรวงข้าวงามๆทั้งเจ็ดรวงนั้นก็คือเจ็ดปี ความฝันทั้งสองอันนี้มีความหมายอย่างเดียวกัน 27 วัวผอมลีบที่น่าเกลียดทั้งเจ็ดตัวที่โผล่ตามมานั้นก็คือเจ็ดปี และรวงข้าวทั้งเจ็ดรวงที่ผอมและเหี่ยวแห้งเพราะลมร้อนจากตะวันออกนั้น ก็เป็นเจ็ดปีของความอดอยากหิวโหย[c] 28 นี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าได้บอกกับฟาโรห์ พระเจ้าได้แสดงให้ฟาโรห์เห็นถึงสิ่งที่พระองค์จะทำในไม่ช้านี้ 29 ดูเถิด ในเวลาเจ็ดปี จะมีอาหารอย่างเหลือเฟือในแผ่นดินอียิปต์ 30 หลังจากนั้นอีกเจ็ดปี ความอดอยากหิวโหยจะตามมา ผู้คนจะลืมช่วงที่มีอาหารอย่างเหลือเฟือในแผ่นดินอียิปต์ และความอดอยากหิวโหยนี้จะทำลายแผ่นดินนี้ 31 ความอดอยากหิวโหยที่ตามมานี้ จะทำให้ผู้คนลืมช่วงเวลาที่มีอาหารกินอย่างเหลือเฟือ เพราะความอดอยากหิวโหยนั้นจะหนักหนาสาหัสมาก 32 และที่ฟาโรห์ได้ฝันถึงสองครั้ง ก็เพราะพระเจ้าได้ตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว และพระองค์จะทำให้มันเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ 33 ดังนั้น ตอนนี้ขอให้ฟาโรห์รีบหาคนที่เฉลียวฉลาดและหัวดี และตั้งเขาให้จัดการดูแลทั่วทั้งแผ่นดินอียิปต์ 34 ขอให้ฟาโรห์แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ทั่วแผ่นดินและให้แบ่งยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของผลผลิตทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเจ็ดปีแรก ออกมาเก็บไว้ 35 ให้พวกเขาเก็บสะสมอาหารที่มีในปีที่ดีที่กำลังจะมานี้ ให้พวกเขาเก็บรวบรวมเมล็ดข้าวไว้ในคลังของกษัตริย์ฟาโรห์ในเมืองต่างๆและให้เฝ้ามันไว้ 36 อาหารพวกนี้จะเก็บตุนไว้สำหรับเจ็ดปีแห่งความอดอยากหิวโหยที่จะเกิดขึ้นในแผ่นดินอียิปต์ เพื่อแผ่นดินนี้จะได้ไม่ถูกทำลายเพราะความอดอยากหิวโหยนั้น”
37 ทั้งฟาโรห์และเจ้าหน้าที่ของเขาเห็นด้วยกับแผนนี้ 38 ฟาโรห์จึงพูดกับเจ้าหน้าที่ของเขาว่า “พวกเราจะไปหาคนอย่างนี้ได้ที่ไหน คนที่มีพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ด้วย”
39 ฟาโรห์จึงบอกโยเซฟว่า “เพราะพระเจ้าได้ทำให้เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ทั้งหมด ไม่มีใครที่จะเฉลียวฉลาดและหัวดีเท่ากับเจ้าอีกแล้ว 40 เราจะให้เจ้าดูแลบ้านเรือนของเรา และประชาชนของเราทุกคนก็จะเชื่อฟังคำสั่งของเจ้า เจ้าจะใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเรา”
41 ฟาโรห์จึงพูดกับโยเซฟว่า “เห็นไหม เราได้แต่งตั้งเจ้าให้ดูแลแผ่นดินอียิปต์ทั้งหมด” 42 แล้วฟาโรห์ก็ถอดแหวนตราประทับจากมือ สวมเข้าที่มือของโยเซฟ ฟาโรห์ได้เอาผ้าลินินอย่างดีมาสวมใส่ให้โยเซฟ เอาสร้อยคอทองคำมาสวมที่คอของเขา 43 ฟาโรห์ได้ให้โยเซฟนั่งรถม้าคันที่สองของพระองค์ มีคนร้องตะโกนอยู่ข้างหน้าเขาว่า “กราบลง”
และฟาโรห์ได้แต่งตั้งให้โยเซฟดูแลแผ่นดินอียิปต์ทั้งหมด 44 ฟาโรห์พูดกับโยเซฟว่า “เราคือฟาโรห์ ในแผ่นดินอียิปต์จะไม่มีใครสามารถกระดิกแขนขาได้ นอกจากเจ้าจะอนุญาต”
45 แล้วฟาโรห์ได้ตั้งชื่อใหม่ให้กับโยเซฟว่า ศาเฟนาทปาเนอาห์[d] และยกอาเสนัทให้เป็นเมียโยเซฟด้วย อาเสนัทเป็นลูกสาวของโปทิเฟรา นักบวชเมืองโอน แล้วโยเซฟก็ได้ออกไปจากฟาโรห์ และออกเดินทางไปทั่วแผ่นดินอียิปต์
46 โยเซฟมีอายุสามสิบปี เมื่อเขาเริ่มรับใช้ฟาโรห์กษัตริย์ของอียิปต์ โยเซฟจากฟาโรห์มา และได้เดินทางไปทั่วแผ่นดินอียิปต์ 47 ในช่วงเจ็ดปีแห่งความอุดมสมบูรณ์ แผ่นดินได้ให้ผลผลิตอย่างล้นเหลือ 48 ในช่วงเจ็ดปีนั้นที่มีอาหารอย่างล้นเหลือในแผ่นดินอียิปต์ โยเซฟได้เก็บกักตุนมันไว้ในเมืองต่างๆ อาหารที่เก็บได้จากท้องทุ่งรอบๆเมืองไหนก็จะตุนไว้ในเมืองนั้นๆ 49 ดังนั้นโยเซฟจึงเก็บเมล็ดข้าวมาตุนไว้มากมายเหมือนกับเม็ดทรายที่ทะเล มันมากซะจนชั่งไม่หวั่นไม่ไหวจนต้องหยุดชั่งไป
50 ก่อนที่จะถึงปีแห่งความอดอยากหิวโหย โยเซฟมีลูกชายสองคน อาเสนัทได้คลอดลูกสองคนนี้ให้กับโยเซฟ อาเสนัทเป็นลูกสาวของโปทิเฟรานักบวชเมืองโอน 51 โยเซฟตั้งชื่อลูกชายคนแรกว่า มนัสเสห์[e] โยเซฟพูดว่า “พระเจ้าทำให้ผมลืมความทุกข์ยากลำบากของผมทั้งสิ้น รวมทั้งทุกคนในครอบครัวของพ่อผม” 52 โยเซฟได้ตั้งชื่อลูกคนที่สองว่าเอฟราอิม[f] โยเซฟพูดว่า “เพราะพระเจ้าได้ทำให้ผมมีลูกหลาน[g] ในแผ่นดินที่ผมได้รับความทุกข์ยากลำบากนี้”
เวลาแห่งความอดอยากหิวโหยเริ่มขึ้น
53 เจ็ดปีแห่งความอุดมสมบูรณ์ในแผ่นดินอียิปต์ได้สิ้นสุดลง 54 และเจ็ดปีแห่งความอดอยากหิวโหยได้เริ่มต้นขึ้นตามที่โยเซฟได้พูดไว้ ความอดอยากหิวโหยได้เกิดขึ้นกับทุกประเทศ ยกเว้นในแผ่นดินอียิปต์ที่มีอาหารกินกัน 55 เมื่อแผ่นดินอียิปต์เริ่มขาดแคลนอาหาร ประชาชนได้มาร้องขออาหารต่อฟาโรห์ ฟาโรห์บอกชาวอียิปต์ทุกคนว่า “ให้ไปหาโยเซฟและให้ทำตามที่เขาบอกพวกเจ้า”
56 เมื่อความอดอยากหิวโหยได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งแผ่นดิน โยเซฟจึงเปิดคลังข้าวสาร และขายข้าวให้กับชาวอียิปต์ เพราะความอดอยากหิวโหยนั้นรุนแรงมากในแผ่นดินอียิปต์ 57 และคนทั่วโลกต่างเดินทางมาอียิปต์ เพื่อมาขอซื้อข้าวจากโยเซฟ เพราะความอดอยากหิวโหยรุนแรงไปทั่วโลก
ความฝันกลายเป็นจริง
42 เมื่อยาโคบเห็นว่ามีข้าวอยู่ในอียิปต์ เขาจึงพูดกับพวกลูกๆของเขาว่า “พวกเจ้าจะมานั่งมองหน้ากันอยู่ทำไม ทำอะไรสักอย่างสิ” 2 แล้วยาโคบก็พูดว่า “ฟังนะ พ่อได้ยินมาว่ามีข้าวในอียิปต์ ให้พวกเจ้าลงไปที่นั่นและไปซื้อข้าวมาให้กับพวกเรา พวกเราจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ต้องอดตาย”
3 พี่ชายทั้งสิบคนของโยเซฟก็ลงไปซื้อข้าวที่อียิปต์ 4 แต่ยาโคบไม่ยอมให้เบนยามินไปกับพวกพี่ชายด้วย เพราะเขากลัวว่าจะเกิดอันตรายกับเบนยามิน เบนยามินเป็นน้องชายของโยเซฟ[h]
5 พวกลูกชายของอิสราเอลได้ไปซื้อข้าวพร้อมกับคนอื่นๆ เพราะความอดอยากหิวโหยได้แผ่ขยายมาถึงแผ่นดินคานาอันแล้ว
6 ในเวลานั้น โยเซฟเป็นผู้ปกครองเหนือแผ่นดินอียิปต์ทั้งหมด คนที่มาซื้อข้าวในแผ่นดินอียิปต์ จะต้องมาซื้อกับโยเซฟ เมื่อพวกพี่ชายของโยเซฟมาถึง ก็ก้มกราบลงกับพื้นต่อหน้าเขา 7 เมื่อโยเซฟเห็นพวกพี่ชาย เขาก็จำได้ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้จัก และพูดจาดุดันกับพวกเขา โยเซฟพูดว่า “พวกเจ้ามาจากที่ไหนกัน”
พวกเขาตอบว่า “มาจากแผ่นดินคานาอันเพื่อมาซื้ออาหาร”
8 โยเซฟจำพวกพี่ชายได้ แต่พวกพี่ชายจำโยเซฟไม่ได้ 9 โยเซฟยังจำความฝันที่เขาฝันเกี่ยวกับพวกพี่ชายของเขาได้ โยเซฟกล่าวหาพวกพี่ชายว่า “พวกเจ้าเป็นพวกสอดแนม มาดูว่าแผ่นดินนี้มีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง”
10 แต่พวกเขาตอบโยเซฟว่า “ไม่ใช่ครับท่าน พวกเราผู้รับใช้ของท่านมาที่นี่เพื่อซื้ออาหารครับ 11 เราทั้งหมดมีพ่อเดียวกัน พวกเราเป็นคนซื่อสัตย์ พวกเราผู้รับใช้ของท่านไม่ได้เป็นคนสอดแนม”
12 แต่โยเซฟพูดกับพวกเขาว่า “ไม่จริง พวกเจ้ามาแอบดูจุดอ่อนของแผ่นดินนี้”
13 พวกเขาตอบว่า “พวกเรา ผู้รับใช้ของท่าน มีพี่น้องอยู่สิบสองคน เป็นลูกของพ่อเดียวกันในแผ่นดินคานาอัน ตอนนี้น้องคนสุดท้องอยู่กับพ่อของพวกเรา และน้องอีกคนหนึ่งตายไปนานแล้ว”
14 โยเซฟพูดกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าเป็นคนสอดแนม เหมือนกับที่เราพูดแน่ๆ 15 เราจะให้พวกเจ้าพิสูจน์ตัวเอง ในนามของฟาโรห์ เราสาบานว่าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปจากที่นี่ จนกว่าน้องชายคนเล็กของพวกเจ้าจะมา 16 ส่งคนหนึ่งในพวกเจ้ากลับไป และให้ไปเอาน้องชายมา ส่วนที่เหลือก็รออยู่ในคุกที่นี่ จะได้พิสูจน์คำพูดของพวกเจ้า ว่าพูดความจริงหรือเปล่า ถ้าไม่อย่างนั้น ฟาโรห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน พวกเจ้าต้องเป็นคนสอดแนมแน่ๆ” 17 แล้วโยเซฟได้ขังพวกเขาไว้ในคุกสามวัน
สิเมโอนเป็นตัวประกัน
18 ในวันที่สาม โยเซฟพูดกับพวกเขาว่า “ให้ทำอย่างนี้ก็แล้วกัน พวกเจ้าจะได้รอด เพราะเราเกรงกลัวพระเจ้า 19 ถ้าพวกเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ ให้ทิ้งพี่น้องคนหนึ่งของเจ้าไว้ในคุกนี้ และพวกเจ้าก็เอาข้าวสารไปให้กับครอบครัวที่หิวโหยของเจ้า 20 แล้วค่อยเอาน้องชายคนสุดท้องของเจ้ามาหาเรา จะได้พิสูจน์ว่าที่พวกเจ้าพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่ พวกเจ้าจะได้ไม่ต้องตาย”
พวกเขาก็ตกลงทำตามนั้น 21 พวกเขาพูดกันเองว่า “ที่พวกเราถูกลงโทษนี้ ต้องเป็นเพราะสิ่งที่เราทำกับน้องชายของเราแน่ๆ เราเห็นถึงความทุกข์ของเขา ตอนที่เขาร้องขอความเมตตาจากเรา แต่พวกเราไม่สนใจฟัง เพราะเหตุนั้นเราถึงต้องทนทุกข์อย่างนี้”
22 รูเบนได้พูดกับพวกเขาว่า “ผมบอกกับพวกท่านแล้วว่าอย่าทำร้ายเด็กนั้น แต่พวกท่านก็ไม่ยอมฟัง และตอนนี้เราก็ต้องชดใช้ให้กับเลือดของเขาแล้ว”
23 พวกเขาไม่รู้ว่าโยเซฟกำลังฟังอยู่ เพราะปกติแล้วจะมีล่ามคอยแปลให้ระหว่างพวกเขากับโยเซฟ 24 โยเซฟจึงออกไปร้องไห้ แล้วกลับเข้ามาหาพวกเขาและพูดกับพวกเขา โยเซฟเอาสิเมโอนมาจากพวกเขา และมัดเขาต่อหน้าพี่น้องของเขา 25 โยเซฟสั่งคนรับใช้ให้เอาข้าวสารมาใส่ให้เต็มกระสอบของพวกพี่ชายของเขา และให้เอาเงินของพี่ชายของเขาแต่ละคนคืนใส่เข้าไปในกระสอบของพวกเขาเอง และให้สิ่งที่จำเป็นสำหรับการเดินทางกับพวกเขา
26 ทุกอย่างก็เรียบร้อย พวกเขาจึงเอาข้าวสารทั้งหมดบรรทุกบนหลังลาของพวกเขา ออกเดินทางไป 27 ที่จุดพักแรมในคืนนั้น เมื่อคนหนึ่งเปิดกระสอบของเขาออกมา เพื่อเอาข้าวสารให้ลากิน เขาก็เห็นเงินของเขาอยู่ที่ปากกระสอบนั้น 28 เขาพูดกับพี่น้องของเขาว่า “ผมได้เงินของผมคืนมา นี่ไง มันอยู่ในกระสอบของผม” พวกเขาก็งงมาก ตกใจกลัวมาก และหันไปพูดกันและกันว่า “นี่พระเจ้ากำลังเล่นตลกอะไรกับเรา”
พวกพี่ชายเล่าเรื่องให้ยาโคบฟัง
29 เมื่อพวกเขากลับมาหายาโคบพ่อของพวกเขา ที่แผ่นดินคานาอัน พวกเขาได้เล่าให้พ่อฟังถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่า 30 “ชายคนหนึ่งที่เป็นเจ้านายเหนือแผ่นดินนั้น ได้พูดกับพวกเราอย่างดุดัน และเขาได้จับพวกเราขังคุก เหมือนกับว่าพวกเราเข้าไปสอดแนมแผ่นดินนั้น 31 แล้วพวกเราได้บอกกับเขาว่า ‘พวกเราเป็นคนซื่อสัตย์ พวกเราไม่ใช่คนสอดแนม 32 พวกเรามีพี่น้องกันอยู่สิบสองคน เป็นลูกของพ่อคนเดียวกัน น้องคนหนึ่งได้ตายไปแล้ว และตอนนี้น้องคนสุดท้องอยู่กับพ่อของพวกเราที่แคว้นคานาอัน’
33 ชายคนที่เป็นเจ้านายเหนือแผ่นดินนั้นจึงพูดกับพวกเราว่า ‘ให้ทำอย่างนี้ แล้วเราจะได้รู้ว่าพวกเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ ทิ้งพี่น้องคนหนึ่งของพวกเจ้าไว้กับเรา ส่วนที่เหลือ ก็ให้เอาอาหารไปให้กับครอบครัวที่หิวโหยทางบ้าน 34 แล้วให้เอาน้องคนสุดท้องของพวกเจ้ามาหาเรา เราจะได้รู้ว่าพวกเจ้าไม่ใช่คนสอดแนม แต่เป็นคนซื่อสัตย์ แล้วเราจะคืนพี่ชายให้กับเจ้า และพวกเจ้าจะไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระในแผ่นดินนี้’”
35 เมื่อพวกเขาเทข้าวสารออกมาจากกระสอบ พวกเขาก็เจอถุงเงินของแต่ละคนในกระสอบ เมื่อพวกเขาและพ่อเห็นถุงเงินของพวกเขา พวกเขาก็กลัว
36 ยาโคบพ่อของพวกเขาพูดกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าจะทำให้พ่อสูญเสียลูกไปอีกแล้ว โยเซฟก็ตายไปแล้ว สิเมโอนก็ตายไปแล้ว และเจ้าจะยังเอาตัวเบนยามินไปอีกคน ทุกสิ่งทุกอย่างดูสิ้นหวังเสียเหลือเกิน”
37 รูเบนพูดกับพ่อของเขาว่า “ถ้าผมไม่เอาเบนยามินกลับมาให้พ่อ พ่อก็ฆ่าลูกชายสองคนของผมได้เลย มอบเบนยามินให้อยู่ในมือผมเถอะ แล้วผมจะเอาเขากลับมาให้พ่อ”
38 แต่ยาโคบพูดว่า “เบนยามินลูกชายของพ่อจะต้องไม่ลงไปกับเจ้า เพราะพี่ชายของเขาได้ตายไปแล้ว และเหลือเบนยามินเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เกิดจากราเชล แล้วถ้าเกิดอันตรายขึ้นกับเขาในระหว่างทางที่เจ้าไป เจ้าก็จะส่งคนแก่หัวหงอกอย่างพ่อลงไปในแดนคนตายเพราะความเศร้าโศกเสียใจ”
ยาโคบยอมให้เบนยามินไปอียิปต์
43 การขาดแคลนอาหารยิ่งรุนแรงมากขึ้นในแผ่นดิน 2 เมื่อพวกเขากินข้าวสารที่เอามาจากอียิปต์หมดแล้ว ยาโคบพูดกับพวกเขาว่า “กลับไปซื้ออาหารมาให้พวกเราอีก”
3 แต่ยูดาห์ตอบพ่อว่า “ชายคนนั้นเตือนพวกเราไว้อย่างเด็ดขาดแล้วว่า ‘พวกเจ้าจะไม่ได้เห็นหน้าเราอีก นอกจากน้องชายของเจ้าจะมาด้วย’ 4 ถ้าพ่อยอมให้น้องชายไปกับพวกเรา พวกเราก็จะลงไปซื้ออาหารมาให้พ่อ 5 แต่ถ้าพ่อไม่ยอม พวกเราก็จะไม่ลงไป เพราะชายคนนั้นได้บอกกับพวกเราแล้วว่า ‘พวกเจ้าจะไม่ได้เห็นหน้าเราอีก นอกจากน้องชายของเจ้าจะอยู่ด้วย’”
6 อิสราเอลจึงพูดว่า “ทำไมพวกเจ้าถึงได้ทำร้ายพ่ออย่างนี้ พวกเจ้าไปบอกชายคนนั้นทำไมว่า ยังมีน้องชายอีกคน”
7 พวกเขาตอบว่า “ชายคนนั้นถามพวกเราละเอียดมาก เกี่ยวกับพวกเราและครอบครัวของพวกเรา เขาถามว่า ‘พ่อของเจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า พวกเจ้ายังมีพี่น้องอีกคนหนึ่งหรือเปล่า’ พวกเราตอบไปตามที่เขาถาม พวกเราจะไปรู้ได้ยังไงว่า เขาจะพูดว่า ‘ให้ไปเอาน้องชายของเจ้ามา’”
8 ยูดาห์ได้พูดกับอิสราเอลพ่อของเขาว่า “ให้น้องไปกับผมเถอะ แล้วพวกเราจะไปทันที เพื่อว่าพวกเรา ตัวพ่อเอง และลูกๆของพวกเราจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ต้องตาย 9 ผมจะรับรองความปลอดภัยของเขาเอง ผมจะเป็นคนรับผิดชอบเขาเอง ถ้าผมไม่เอาเขากลับมา พ่อก็ไม่ต้องยกโทษให้กับผมเลยตลอดชีวิต 10 ถ้าพวกเราไม่ชักช้าอยู่อย่างนี้ ป่านนี้พวกเราก็คงไปและกลับมาเป็นครั้งที่สองแล้ว”
11 อิสราเอลพ่อของพวกเขาจึงพูดกับพวกเขาว่า “ถ้ามันจะต้องเป็นอย่างนี้ ก็ให้ทำตามนี้ ให้เอาผลิตผลที่ดีที่สุดในแผ่นดินนี้ใส่กระสอบไป เอาไปเป็นของขวัญให้กับชายคนนั้น คือพวกพิมเสน น้ำเชื่อมผลไม้ ยางไม้หอม มะม่วงหิมพานต์ และถั่วอัลมอนด์ 12 ให้เอาเงินไปมากเป็นสองเท่า และให้เอาเงินที่ติดกลับมาในกระสอบของพวกเจ้าไปคืนเขาด้วย บางทีมันอาจจะเป็นความผิดพลาด 13 ให้พาน้องเจ้าไปและกลับไปหาชายคนนั้นทันที 14 ขอให้พระเจ้าผู้เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจ[i] ทำให้ชายคนนั้นมีเมตตากับพวกเจ้าด้วยเถิด และขอให้ชายคนนั้นยอมปล่อยสิเมโอนและ เบนยามินกลับมากับพวกเจ้าด้วยเถิด ส่วนพ่อเอง ถ้าพ่อจะต้องสูญเสียลูกๆของพ่อไป พ่อก็คงต้องทำใจแล้วล่ะ”
15 พวกเขาก็เอาของขวัญนี้ พร้อมเงินอีกสองเท่าและเบนยามิน แล้วพวกเขาก็ออกเดินทางลงไปอียิปต์ และเข้าไปยืนอยู่ต่อหน้าโยเซฟ
โยเซฟเชิญพวกพี่น้องไปที่บ้าน
16 เมื่อโยเซฟเห็นเบนยามินมากับพวกเขา โยเซฟบอกกับชายที่ดูแลบ้านของเขาว่า “เอาคนพวกนี้ไปที่บ้าน และฆ่าสัตว์เตรียมอาหาร เพราะคนพวกนี้จะกินอาหารกลางวันกับเรา” 17 ชายคนนั้นได้ทำตามที่โยเซฟสั่ง เขาพาคนพวกนี้ไปที่บ้านของโยเซฟ
18 พวกพี่ๆของโยเซฟกลัวมาก ตอนที่พวกเขาถูกพาตัวไปที่บ้านของโยเซฟ พวกเขาพูดว่า “พวกเราถูกพามาที่นี่ เพราะเงินที่ติดกลับไปกับกระสอบของพวกเราในครั้งแรกนั้น เขาจะต้องจู่โจมและจับกุมพวกเรา และเอาพวกเราไปเป็นทาสและยึดลาของพวกเราไป”
19 พวกเขาจึงเข้าไปหาชายคนที่ดูแลบ้านของโยเซฟ 20 และพูดกับเขาที่ประตูทางเข้าบ้านว่า “ท่านครับ ตอนที่พวกเราลงมาซื้ออาหารครั้งแรกนั้น 21 เมื่อพวกเราไปหยุดอยู่ที่แห่งหนึ่งเพื่อพักแรม พวกเราได้เปิดกระสอบของพวกเรา และเจอถุงเงินอยู่บนปากกระสอบของพวกเราแต่ละคน เที่ยวนี้พวกเราเอามันกลับมาด้วย 22 พร้อมกับเงินอีกส่วนหนึ่งที่พวกเราจะเอามาซื้ออาหาร พวกเราไม่รู้ว่าใครเอาเงินนั้นมาใส่ไว้ในกระสอบของพวกเรา”
23 คนใช้นั้นพูดว่า “ใจเย็นๆไม่ต้องกลัวหรอก พระเจ้าของพวกท่าน พระเจ้าของพ่อท่าน คงเป็นผู้ที่เอาทรัพย์สมบัตินั้นใส่ไว้ในกระสอบของพวกท่านอย่างแน่นอน เพราะผมได้รับเงินของพวกท่านมาเรียบร้อยแล้ว”
ชายคนนั้นได้นำตัวสิเมโอนออกมาหาพวกเขา 24 แล้วได้พาพวกเขาเข้าไปในบ้านของโยเซฟ เอาน้ำให้พวกเขาล้างเท้า และเอาอาหารมาเลี้ยงลาของพวกเขา
25 พวกเขาได้เตรียมของขวัญให้กับโยเซฟ ที่จะมาในตอนเที่ยง เพราะพวกเขาได้ยินว่าจะกินอาหารร่วมกับโยเซฟที่นั่น
26 เมื่อโยเซฟกลับมาถึงบ้าน พวกเขาได้เอาของขวัญที่พวกเขาถือติดตัวเข้ามาในบ้าน ให้กับโยเซฟ แล้วพวกเขาก็ก้มลงกราบถึงดินต่อหน้าโยเซฟ
27 โยเซฟได้ถามถึงทุกข์สุขของพวกเขาและพูดว่า “พ่อที่แก่ชราของพวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เขายังมีชีวิตอยู่หรือ”
28 พวกเขาตอบว่า “พ่อของพวกเรา ผู้รับใช้ของท่าน สบายดี เขายังมีชีวิตอยู่” แล้วพวกเขาก้มกราบโยเซฟเพื่อเป็นการให้เกียรติเขา
29 เมื่อโยเซฟเงยหน้าขึ้นเห็นเบนยามินน้องชายของเขาที่เกิดจากแม่เดียวกัน โยเซฟพูดว่า “คนนี้คือน้องชายคนเล็กที่พวกเจ้าพูดถึงใช่ไหม” โยเซฟพูดว่า “ลูกเอ๋ย ขอพระเจ้าเอ็นดูเจ้า”
30 โยเซฟรีบออกไปจากห้อง เพราะความรักอย่างเหลือล้นที่มีต่อน้องชายของเขา ทำให้เขาอยากจะร้องไห้ เขาจึงต้องเข้าไปในห้องส่วนตัวของเขาเพื่อร้องไห้ที่นั่น 31 จากนั้นเขาก็ล้างหน้าและออกมา เขาพยายามกลั้นน้ำตา ควบคุมไว้ และสั่งว่า “ยกอาหารออกมาได้แล้ว”
32 พวกคนรับใช้จึงยกอาหารออกมาให้กับโยเซฟ ที่แยกนั่งอยู่คนเดียว พวกเขาได้ยกอาหารมาให้กับพวกพี่น้องของโยเซฟที่นั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง ส่วนชาวอียิปต์ที่มาร่วมกินด้วยก็นั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง เพราะชาวอียิปต์ไม่กินร่วมโต๊ะกับชาวฮีบรู เพราะเขาถือว่าเป็นสิ่งน่ารังเกียจ 33 พวกพี่น้องของโยเซฟนั่งอยู่ตรงหน้าโยเซฟ พวกเขานั่งเรียงตามอายุ ตั้งแต่พี่คนโตไปจนถึงน้องคนสุดท้อง พวกเขามองหน้ากันอย่างประหลาดใจมาก 34 โยเซฟได้สั่งให้คนรับใช้มาเอาอาหารส่วนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา ไปแบ่งให้กับพวกพี่ชาย แต่ส่วนแบ่งของเบนยามินนั้นมีมากกว่าส่วนแบ่งของพวกพี่ชายเขาถึงห้าเท่า พวกเขากินดื่มกับโยเซฟอย่างเต็มที่จนเมามาย
โยเซฟวางกับดัก
44 โยเซฟได้สั่งคนใช้ที่ดูแลบ้านของเขาว่า “ให้เอาอาหารใส่กระสอบของพวกเขาแต่ละคนให้มากที่สุดเท่าที่พวกเขาจะขนไปได้ แล้วเอาเงินของพวกเขาใส่เข้าไปบนปากกระสอบของแต่ละคนด้วย 2 ให้เอาชามเงินของเราใส่เข้าไปบนปากกระสอบของน้องคนสุดท้อง พร้อมกับเงินค่าข้าวสารของเขาด้วย” คนรับใช้ก็ทำตามที่โยเซฟบอก
3 เช้าวันต่อมา พวกพี่น้องของโยเซฟและลาก็ได้ถูกส่งกลับบ้านไป 4 พวกเขาออกจากเมืองไปไม่ไกลนัก โยเซฟบอกกับคนรับใช้ที่ดูแลบ้านของเขาว่า “ให้ติดตามพวกเขาไปทันที เมื่อเจ้าตามทัน ให้พูดกับพวกเขาว่า ‘ทำไมพวกท่านถึงได้ทำชั่วตอบแทนความดี ทำไมท่านถึงได้ขโมยชามเงินของเราไป[j] 5 มันเป็นชามเงินที่เจ้านายข้าใช้ดื่ม และใช้มันในการทำนาย[k]ด้วย พวกท่านแย่มากที่ทำอย่างนี้’”
6 เมื่อคนใช้ของเขาติดตามพวกนั้นทัน เขาก็พูดตามที่โยเซฟบอก
7 พวกพี่น้องของโยเซฟได้พูดกับคนใช้ว่า “ทำไมนายของเราถึงพูดอย่างนี้ พวกเราคนใช้ของท่าน จะไม่มีวันทำอย่างนั้นเด็ดขาด 8 ดูเถิด ขนาดเงินที่พวกเราเจอที่ปากกระสอบของพวกเรา พวกเรายังเอามาจากแผ่นดินคานาอัน มาคืนให้กับท่านเลย แล้วเราจะไปขโมยเงินหรือทองจากบ้านของเจ้านายท่านทำไมกัน 9 ถ้าท่านพบมันอยู่กับใครในพวกเราที่เป็นทาสของท่านนี้ คนๆนั้นจะต้องตาย และพวกเราที่เหลือก็จะกลายเป็นทาสของท่านด้วย”
10 คนใช้จึงพูดว่า “ดีแล้ว ตกลงตามที่ท่านพูด ถ้าเราเจอมันที่ใคร คนนั้นจะต้องเป็นทาสของเรา และพวกท่านที่เหลือก็จะเป็นอิสระ”
เบนยามินติดกับ
11 ทุกคนรีบเอากระสอบวางลงกับพื้น และเปิดกระสอบออก 12 คนใช้ก็ค้นหา เริ่มจากพี่ชายคนโตก่อน จนถึงคนสุดท้อง แล้วเขาก็พบชามเงินนั้นอยู่ในกระสอบของเบนยามิน 13 พวกพี่ๆฉีกเสื้อผ้าของพวกเขาแสดงถึงความเสียใจ จากนั้นทุกคนได้เอากระสอบขึ้นบรรทุกหลังลา กลับเข้ามาในเมืองอีกครั้ง
14 เมื่อยูดาห์และพี่น้องคนอื่นๆของเขามาถึงบ้านของโยเซฟ โยเซฟยังอยู่ที่นั่น พวกเขากราบลงถึงพื้นต่อหน้าโยเซฟ 15 โยเซฟพูดกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าทำอะไรลงไป พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าคนอย่างเราทำนายได้”
16 ยูดาห์จึงพูดว่า “พวกเราจะพูดยังไงดีกับเจ้านายของพวกเรา จะให้พวกเราพูดยังไงดี พวกเราจะแสดงให้ท่านเห็นได้ยังไงว่าพวกเราบริสุทธิ์ พระเจ้าเอาผิดกับพวกเราผู้รับใช้ของท่าน พวกเราพร้อมกับคนที่เขาเจอว่ามีชามเงินอยู่ในมือ เป็นทาสของท่าน”
17 โยเซฟพูดว่า “เราจะไม่มีวันทำอย่างนั้นหรอก เฉพาะคนที่พบชามเงินของเราอยู่ในมือเขาเท่านั้น ที่จะต้องมาเป็นทาสของเรา ส่วนพวกเจ้าที่เหลือกลับไปหาพ่อของพวกเจ้าได้อย่างปลอดภัย”
ยูดาห์อ้อนวอนแทนเบนยามิน
18 ยูดาห์เข้าไปใกล้โยเซฟและพูดว่า “นายท่าน ขอโปรดให้ข้าพเจ้าทาสของท่าน ได้พูดบางอย่างกับท่าน ผู้เป็นเจ้านายของข้าพเจ้าด้วยเถิด และขอท่านอย่าได้โกรธข้าพเจ้า ทาสของท่านเลย เพราะท่านเป็นเหมือนฟาโรห์ 19 ท่าน เจ้านายของข้าพเจ้า ได้ถามพวกเราทาสของท่านว่า ‘พวกเจ้ามีพ่อหรือน้องชายหรือเปล่า’ 20 พวกเราก็บอกท่าน เจ้านายของข้าพเจ้าว่า ‘พวกเรายังมีพ่อที่แก่แล้ว และน้องชายคนเล็ก ที่เกิดมาตอนพ่อแก่แล้ว และพี่ชายของเขาที่เกิดจากแม่เดียวกันก็ได้ตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องชายคนนี้คนเดียวเท่านั้น ดังนั้นพ่อของเราจึงรักเขามาก’ 21 แล้วท่านบอกกับพวกเรา ทาสของท่านว่า ‘ไปเอาเขาลงมาหาเรา เราจะได้เห็นเขากับตาตัวเอง’ 22 แต่พวกเราได้บอกกับท่าน เจ้านายของข้าพเจ้าว่า ‘เด็กคนนั้นจะทิ้งพ่อของเขามาไม่ได้ ถ้าเขาทิ้งพ่อของเขามา พ่อของเขาจะตาย’ 23 แล้วท่านบอกกับพวกเราทาสของท่านว่า ‘พวกเจ้าจะไม่ได้เห็นหน้าเราอีก นอกจากจะพาน้องคนสุดท้องมาด้วยเท่านั้น’ 24 เมื่อพวกเรากลับไปหาพ่อของพวกเรา ทาสของท่าน พวกเรากลับไปเล่าให้พ่อฟังถึงสิ่งที่ท่านพูด
25 พ่อของพวกเราพูดว่า ‘กลับไปซื้ออาหารมาให้กับพวกเรา’ 26 แต่พวกเราบอกว่า ‘พวกเรากลับไปที่นั่นไม่ได้แล้ว แต่ถ้าน้องชายคนสุดท้องไปกับพวกเราด้วย พวกเราถึงจะกลับไปได้ เพราะพวกเราไม่สามารถพบหน้าชายคนนั้นได้ นอกจากน้องชายคนสุดท้องจะไปกับพวกเรา’ 27 แล้วพ่อของพวกเรา ทาสของท่าน บอกกับพวกเราว่า ‘พวกเจ้ารู้ว่านางราเชลเมียของพ่อได้คลอดลูกชายสองคนให้กับพ่อ 28 คนหนึ่งได้จากพ่อไปแล้ว และพ่อบอกว่า เขาคงถูกสัตว์ป่าฉีกเนื้อตายไปแล้ว และพ่อไม่เคยเห็นเขาอีกเลยจนถึงทุกวันนี้ 29 ถ้าเจ้าเอาเด็กคนนี้ไปจากพ่ออีกคน ถ้ามีอันตรายเกิดขึ้นกับเขา พวกเจ้าคงจะต้องส่งคนแก่หัวหงอกอย่างพ่อให้ลงไปในแดนคนตาย เพราะความเศร้าโศกเสียใจ’ 30 ตอนนี้ถ้าข้าพเจ้ากลับไปหาพ่อ ทาสของท่าน โดยที่ไม่มีเด็กคนนี้ไปด้วย และเนื่องจากเด็กคนนี้สำคัญมากต่อเขา 31 เมื่อเขาเห็นว่าเด็กคนนี้ไม่ได้กลับมากับพวกเราด้วย เขาจะต้องตายแน่ และพวกเรา ทาสของท่าน จะเป็นเหตุที่ทำให้พ่อของพวกเราทาสของท่าน ลงไปในแดนคนตายเพราะความเศร้าโศกเสียใจอย่างยิ่ง
32 เนื่องจากข้าพเจ้า ทาสของท่าน ได้รับปากกับพ่อของข้าพเจ้าสำหรับเด็กนั้น ข้าพเจ้าบอกพ่อว่า ‘ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้เอาเขากลับมาให้พ่อ พ่อก็ไม่ต้องยกโทษให้กับผมเลยตลอดชีวิต’ 33 ตอนนี้ ขอได้โปรดให้ข้าพเจ้า ทาสของท่าน อยู่เป็นทาสของท่าน เจ้านายของข้าพเจ้า แทนเด็กคนนั้นด้วยเถิดครับ และขอให้ปล่อยเด็กคนนั้นกลับไปกับพวกพี่ชายของเขาด้วยเถิด 34 เพราะข้าพเจ้าจะกลับไปหาพ่อได้ยังไง ถ้าไม่มีเด็กคนนี้ไปด้วย ข้าพเจ้าไม่กล้าไปเห็นความทุกข์ที่จะเกิดขึ้นกับพ่อของข้าพเจ้าหรอกครับ”
โยเซฟเปิดเผยว่าเขาคือใคร
45 โยเซฟไม่สามารถที่จะควบคุมตัวเอง ต่อหน้าคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาได้อีกต่อไปแล้ว เขาจึงร้องตะโกนว่า “ให้ทุกคนออกไป” เมื่อไม่มีใครอยู่แล้ว โยเซฟบอกกับพวกพี่น้องว่าเขาเป็นใคร 2 โยเซฟร้องไห้เสียงดังมากจนชาวอียิปต์ได้ยิน คนในบ้านเรือนของฟาโรห์ก็ได้ยินเรื่องนี้ด้วย 3 โยเซฟพูดกับพวกพี่น้องของเขาว่า “ผมคือโยเซฟ พ่อของผมยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า” พี่ชายของเขาไม่สามารถตอบเขาได้ เพราะโยเซฟทำให้พวกเขาตกใจกลัว
4 โยเซฟได้พูดกับพวกพี่น้องของเขาว่า “ช่วยเข้ามาใกล้ๆผมหน่อย” แล้วพวกเขาก็เข้ามาใกล้ๆโยเซฟ โยเซฟจึงพูดว่า “ผมคือโยเซฟน้องชายของพวกพี่ ที่พี่ได้ขายให้เป็นทาสในอียิปต์ 5 ตอนนี้อย่าได้กังวลและอย่าโกรธตัวเองเลยที่ได้ขายผมมาที่นี่ เพราะพระเจ้าได้ส่งผมมาล่วงหน้าพวกพี่ เพื่อจะได้ช่วยชีวิต 6 เพราะเกิดกันดารอาหารบนแผ่นดินนี้มาสองปีแล้ว ยังเหลืออีกห้าปีที่จะไม่สามารถไถนาหรือเก็บเกี่ยวได้ 7 แต่พระเจ้าได้ส่งผมมาล่วงหน้าพี่ เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีพวกพี่บางคนเหลืออยู่ในโลกนี้ และเพื่อที่จะช่วยชีวิตของพวกพี่ด้วยวิธีที่มหัศจรรย์ 8 ดังนั้นพวกพี่ไม่ได้ส่งผมมาที่นี่หรอก แต่เป็นพระเจ้าเองที่ส่งผมมา พระองค์ทำให้ผมเป็นเหมือนพ่อของฟาโรห์ เป็นเจ้านายเหนือบ้านเรือนของฟาโรห์ และปกครองเหนือแผ่นดินอียิปต์ทั้งหมด”
ยาโคบได้รับเชิญไปประเทศอียิปต์
9 รีบกลับไปหาพ่อของผมเร็ว และบอกพ่อว่า “โยเซฟลูกชายของพ่อพูดว่าอย่างนี้ ‘พระเจ้าได้ทำให้ผมเป็นผู้ปกครองเหนืออียิปต์ทั้งหมด ลงมาหาผมเร็วๆอย่าได้ชักช้า 10 แล้วพ่อจะได้อาศัยอยู่ที่แผ่นดินโกเชน พ่อจะได้อยู่ใกล้ๆผม ทั้งตัวพ่อ ลูกๆของพ่อ หลานๆของพ่อ ฝูงสัตว์ของพ่อ และทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อมี 11 ผมจะเลี้ยงดูพ่อที่นั่น เพื่อว่าพ่อและครอบครัวของพ่อ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของพ่อจะได้ไม่ต้องเจอกับความยากลำบากอีกต่อไป เพราะความอดอยากยังจะมีต่อไปอีกห้าปี’
12 ตอนนี้พวกพี่และเบนยามินน้องชายของพี่ ก็ได้เห็นกับตาตนเองแล้วว่า เป็นผมเองที่กำลังพูดกับพี่ 13 ให้พวกพี่ไปเล่าให้พ่อฟังถึงเกียรติที่ผมได้รับในอียิปต์ และเล่าให้พ่อฟังถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ได้เห็น แล้วรีบๆไปพาพ่อลงมาที่นี่” 14 แล้วโยเซฟก็กอดเบนยามินน้องชายของเขาและร้องไห้ เบนยามินก็ร้องไห้ขณะที่เขากอดโยเซฟเหมือนกัน 15 โยเซฟได้จูบพี่ชายของเขาทุกคน และร้องไห้ขณะที่เขากอดพี่ชายของเขา หลังจากนั้น พี่ชายของเขาเริ่มพูดกับโยเซฟ
16 ข่าวนี้ได้ไปถึงวังของฟาโรห์ ว่าพี่น้องของโยเซฟมา ฟาโรห์และเหล่าข้าราชสำนักของเขาต่างก็ดีใจ 17 ฟาโรห์ได้พูดกับโยเซฟว่า “บอกกับพี่ชายของเจ้า ให้ทำอย่างนี้ คือ ให้บรรทุกอาหารบนหลังลาของพวกเจ้า แล้วเดินทางไปแผ่นดินคานาอัน 18 แล้วพาพ่อและครอบครัวของเจ้ามาหาเรา แล้วเราจะให้แผ่นดินที่ดีที่สุดในอียิปต์กับเจ้า และพวกเขาจะได้กินอาหารที่ดีที่สุดในแผ่นดินนี้ 19 ให้สั่งพวกเขาให้ทำอย่างนี้ คือให้เอาพวกเกวียนจากอียิปต์ ไปรับเด็กๆของเจ้า และเมียของพวกเจ้าที่นั่น และพาพ่อของเจ้ากลับมาที่นี่ 20 ไม่ต้องเสียดายสิ่งของต่างๆที่จะต้องทิ้งไว้ที่นั่น เพราะสิ่งที่ดีที่สุดในอียิปต์จะเป็นของพวกเจ้า”
21 ลูกชายของอิสราเอลก็ทำตามนี้ โยเซฟได้ให้เกวียนกับพวกเขาไปตามคำสั่งของฟาโรห์ และโยเซฟได้จัดหาอาหารให้พวกเขาสำหรับการเดินทาง 22 โยเซฟได้ให้เสื้อผ้าใหม่ๆหนึ่งชุดกับพวกเขาทุกคน แต่สำหรับเบนยามินน้องสุดท้องของเขา เขาได้ให้เงินสามร้อยเหรียญกับเสื้อผ้าห้าชุด 23 โยเซฟได้ส่งสิ่งของเหล่านี้ไปให้พ่อของเขา มีลาสิบตัวที่บรรทุกของดีๆจากอียิปต์ และลาตัวเมียสิบตัวที่บรรทุกข้าวสาร ขนมปัง และอาหารสำหรับการเดินทางของพ่อเขา 24 โยเซฟได้ส่งพี่ชายของเขา และพวกเขาก็จากไป โยเซฟบอกกับพวกเขาว่า “อย่าได้ทะเลาะกันในระหว่างทาง” 25 พวกเขาได้ออกเดินทางจากอียิปต์ไปหายาโคบพ่อของพวกเขาในแผ่นดินคานาอัน 26 พวกเขาได้บอกพ่อว่า “โยเซฟยังมีชีวิตอยู่ เขากำลังปกครองแผ่นดินอียิปต์ทั้งหมด”
ยาโคบถึงกับตกตะลึง เพราะเขาไม่เชื่อพวกลูกๆของเขา 27 พวกลูกๆก็เล่าถึงสิ่งที่โยเซฟได้บอกกับพวกเขาทั้งหมดให้พ่อฟัง ยาโคบได้เห็นรถที่โยเซฟส่งมารับเขากลับไปยังอียิปต์ 28 ยาโคบพ่อของพวกเขาจึงตื่นเต้นและมีความสุขมาก และพูดว่า “พอแล้ว พ่อเชื่อพวกเจ้าแล้วว่าโยเซฟลูกชายของพ่อยังมีชีวิตอยู่ พ่อจะไปพบเขาก่อนตาย”
อิสราเอลเดินทางไปอียิปต์
46 อิสราเอลเริ่มออกเดินทางไปอียิปต์ พร้อมกับทุกอย่างที่เขามี เขาไปยังเบเออร์เชบา ที่นั่นเขาถวายเครื่องบูชาให้กับพระเจ้าของอิสอัคพ่อของเขา 2 ในคืนนั้นพระเจ้าพูดกับอิสราเอลในความฝัน พระองค์พูดว่า
“ยาโคบ ยาโคบ”
ยาโคบตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่ครับ”
3 พระเจ้าพูดว่า “เราเป็นพระเจ้า พระเจ้าของพ่อของเจ้า ไม่ต้องกลัวที่จะลงไปอียิปต์ เพราะเราจะทำให้เจ้าเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ที่นั่น 4 เราจะไปอียิปต์กับเจ้า และเราจะนำเจ้ากลับมาที่นี่ด้วย และโยเซฟจะเป็นคนที่เอามือปิดตาเจ้าเมื่อเจ้าตาย”
5 ยาโคบได้ออกจากเบเออร์เชบา ลูกชายของอิสราเอลได้ให้ยาโคบพ่อของเขาและลูกเมียของพวกเขาขึ้นรถที่ฟาโรห์ส่งมารับยาโคบ 6 พวกเขาได้นำฝูงสัตว์และทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่พวกเขาได้จากแคว้นคานาอันไปด้วย ยาโคบและลูกหลานทั้งหมดของเขาได้เดินทางไปอียิปต์ 7 ยาโคบได้พาลูกชายลูกสาว หลานชายหลานสาวทั้งหมดเดินทางไปยังประเทศอียิปต์
ครอบครัวของยาโคบ
8 ต่อไปนี้เป็นชื่อของลูกหลานของอิสราเอลที่เข้าไปในอียิปต์คือ
รูเบนลูกชายคนโตของยาโคบ 9 ลูกชายของรูเบนคือ ฮาโนค ปัลลู เฮสโรน และคารมี
10 ลูกชายของสิเมโอนคือ เยมูเอล ยามีน โอหาด ยาคีน และโศหาร์ รวมทั้งชาอูลลูกที่เกิดจากหญิงชาวคานาอันคนหนึ่ง
11 ลูกชายของเลวี คือ เกอร์โชน โคฮาท และเมรารี
12 ลูกชายของยูดาห์ คือ เอร์ โอนัน เชลาห์ เปเรศ เศราห์ แต่เอร์และโอนันได้ตายในแผ่นดินคานาอัน ลูกชายของเปเรศคือ เฮสโรนและฮามูล
13 ลูกชายของอิสสาคาร์ คือ โทลา ปูวาห์ โยบ และชิมโรน
14 ลูกชายของเศบูลุนคือ เสเรด เอโลนและยาเลเอล
15 พวกเขาเหล่านี้[l] เป็นลูกชายของเลอาห์ซึ่งนางได้คลอดให้กับยาโคบในปัดดาน อารัม และมีลูกสาวชื่อดีนาห์ รวมลูกและหลานชายทั้งหมดในครอบครัวของเลอาห์มีสามสิบสามคน
16 ลูกชายของกาดคือ ศิฟีโยน ฮักกี ชูนี เอสโบน เอรี อาโรดี และอาเรลี
17 ลูกชายของอาเชอร์ คือ อิมนาห์ อิชวาห์ อิชวี และเบรียาห์กับเสราห์น้องสาว และลูกชายของเบรียาห์คือ เฮเบอร์และมัลคีเอล
18 พวกเขาเหล่านี้เป็นลูกของศิลปาห์ สาวใช้ที่ลาบันยกให้เลอาห์ลูกสาวของเขา แล้วศิลปาห์ได้คลอดลูกให้กับยาโคบ รวมลูกหลานทั้งหมดในครอบครัวของศิลปาห์มีสิบหกคน
19 ลูกของราเชลเมียของยาโคบคือ โยเซฟและเบนยามิน
20 ลูกชายของโยเซฟที่เกิดกับอาเสนัท คือมนัสเสห์กับเอฟราอิม ลูกสองคนนี้เกิดในประเทศอียิปต์ อาเสนัทเป็นลูกสาวของโปทิเฟรา นักบวชเมืองโอน
21 ลูกชายของเบนยามินคือ เบลา เบเคอร์ อัชเบล เกรา นาอามาน เอไฮ โรช มัปปิม หุปปิม และอาร์ด
22 พวกเขาเหล่านี้เป็นลูกหลานของราเชลกับยาโคบ ครอบครัวของราเชลมีทั้งหมดสิบสี่คน
23 ลูกชายของดาน คือ หุชิม
24 ลูกชายของนัฟทาลีคือ ยาเซเอล กูนี เยเซอร์ และชิลเลม
25 พวกเขาเหล่านี้เป็นลูกชายของบิลฮาห์ สาวใช้ที่ลาบันยกให้กับราเชลลูกสาวของเขา นางได้ให้กำเนิดลูกทั้งหมดนี้ให้กับยาโคบ รวมลูกหลานทั้งหมดในครอบครัวของบิลฮาห์มีเจ็ดคน
26 ผู้คนทั้งหมดที่เดินทางลงไปอียิปต์ด้วยกันกับยาโคบนั้น มีทั้งหมดหกสิบหกคนที่สืบเชื้อสายโดยตรงมาจากยาโคบ (ในจำนวนหกสิบหกคนนี้ไม่ได้รวมถึงพวกเมียๆของลูกชายยาโคบ) 27 โยเซฟมีลูกชายสองคนที่เกิดในอียิปต์ ดังนั้นถ้านับรวมทุกคนในครอบครัวของยาโคบที่มาอยู่ในอียิปต์ มีทั้งหมดเจ็ดสิบคน
อิสราเอลมาถึงอียิปต์
28 ยาโคบได้ส่งยูดาห์ล่วงหน้าไปหาโยเซฟก่อน เพื่อนำทางเขาไปยังแคว้นโกเชน แล้วพวกเขาได้มาถึงแคว้นโกเชน 29 โยเซฟจึงเตรียมรถม้าของเขาไปยังแคว้นโกเชน เพื่อไปพบอิสราเอลพ่อของเขา เมื่อโยเซฟพบอิสราเอลพ่อของเขา โยเซฟจึงกอดพ่อและร้องไห้ตรงบ่าของพ่อเขาเป็นเวลานาน
30 อิสราเอลได้พูดกับโยเซฟว่า “ตอนนี้พ่อตายได้แล้ว เพราะพ่อได้เห็นหน้าเจ้าแล้ว และรู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่”
31 โยเซฟพูดกับพวกพี่ชายและทุกคนในครอบครัวของพ่อเขาว่า “ผมจะไปหาฟาโรห์และบอกกับเขาว่า พวกพี่ชายและครอบครัวของพ่อผมที่อยู่ในแผ่นดินคานาอันได้มาหาผม 32 พวกเขาเป็นคนเลี้ยงแกะ พวกเขามีอาชีพดูแลเฝ้าฝูงสัตว์มาตลอด พวกเขาได้เอาฝูงแพะ แกะ ฝูงวัว และทุกอย่างที่พวกเขาเป็นเจ้าของมาด้วย 33 เมื่อฟาโรห์เรียกพวกพี่ๆไปหาและถามว่า ‘พวกท่านทำอาชีพอะไร’ 34 ให้พวกพี่ๆตอบไปว่า ‘พวกข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของท่าน มีอาชีพเลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่เด็กจนถึงเดี๋ยวนี้ ทั้งพวกข้าพเจ้าและพ่อของพวกข้าพเจ้าด้วย’ ให้พูดอย่างนี้ เพื่อพวกท่านจะได้อยู่ที่ในแผ่นดินโกเชน เพราะชาวอียิปต์รังเกียจคนเลี้ยงแกะทุกคน”
อิสราเอลตั้งถิ่นฐานในเมืองโกเชน
47 โยเซฟไปบอกกับฟาโรห์ว่า “พ่อของข้าพเจ้า และพี่ชายข้าพเจ้า ได้เดินทางมาจากแผ่นดินคานาอันแล้ว พวกเขาเอาฝูงแกะ ฝูงวัว และทุกอย่างที่เป็นของพวกเขามาด้วย และตอนนี้พวกเขาอยู่ที่แผ่นดินโกเชน”
2 โยเซฟได้พาพี่ชายมาด้วยห้าคน และพาพวกเขามายืนอยู่ต่อหน้าฟาโรห์
3 แล้วฟาโรห์พูดกับพวกพี่ชายของโยเซฟว่า “พวกเจ้าทำอาชีพอะไร”
พวกเขาบอกฟาโรห์ว่า “พวกข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของท่าน เป็นคนเลี้ยงแกะ ทั้งพี่น้องคนอื่นๆและบรรพบุรุษของพวกข้าพเจ้าด้วย” 4 พวกเขาพูดกับฟาโรห์ว่า “พวกข้าพเจ้ามาขออยู่ชั่วคราวในแผ่นดินนี้ เพราะไม่มีทุ่งหญ้าให้กับสัตว์เลี้ยงของพวกข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของท่าน เพราะเกิดกันดารอาหารอย่างรุนแรงในแผ่นดินคานาอัน ขอได้โปรดให้พวกข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของท่าน อาศัยอยู่ในโกเชนด้วยเถิด”
5 ฟาโรห์จึงพูดกับโยเซฟว่า “พ่อและพี่ชายของท่านได้มาหาท่าน 6 แผ่นดินอียิปต์เปิดกว้างสำหรับท่าน ให้พ่อและพี่ชายของท่านตั้งถิ่นฐานอยู่ในส่วนที่ดีที่สุดของแผ่นดินนี้ ให้พวกเขาอาศัยอยู่ในแผ่นดินโกเชน และถ้าหากท่านรู้ว่าคนไหนมีความสามารถในหมู่พวกเขาก็ให้ตั้งพวกเขาเป็นหัวหน้าคนดูแลสัตว์ คอยดูแลฝูงสัตว์ให้กับเรา”
7 โยเซฟจึงพายาโคบพ่อเขาเข้ามา และแนะนำเขาต่อหน้าฟาโรห์
ยาโคบอวยพรให้ฟาโรห์ 8 แล้วฟาโรห์พูดกับยาโคบว่า “ท่านมีอายุเท่าไรแล้ว”
9 ยาโคบพูดกับฟาโรห์ “ผมมีอายุหนึ่งร้อยสามสิบปีแล้ว ชีวิตของผมยังนับว่าสั้นและลำบาก เมื่อเทียบกับบรรพบุรุษของผมแล้ว ผมยังมีอายุไม่ยืนยาวเท่ากับพวกเขา”
10 ยาโคบได้อวยพรฟาโรห์และจากมา
11 โยเซฟจึงหาที่อยู่อาศัยให้กับพ่อและพวกพี่ชาย และยกที่ดินในส่วนที่ดีที่สุดของแผ่นดินอียิปต์ให้กับพวกเขา อยู่ใกล้เมืองรามาเสส ตามคำสั่งของฟาโรห์ 12 โยเซฟได้จัดหาอาหารมาให้กับพ่อและพวกพี่ชาย รวมทั้งครอบครัวของพ่อเขา และเด็กๆทุกคน
โยเซฟซื้อที่ดินให้ฟาโรห์
13 ความอดอยากหิวโหยรุนแรงมากขึ้น จนไม่มีอาหารเลยทั่วทั้งแผ่นดิน ทำให้ทั้งแผ่นดินอียิปต์และแผ่นดินคานาอัน ยากจนแร้นแค้นเพราะความอดอยากหิวโหยนั้น 14 โยเซฟจึงได้รวบรวมเงินที่ได้จากการขายข้าวให้ชาวอียิปต์และชาวคานาอัน ไปเก็บไว้ในคลังของฟาโรห์ 15 เมื่อคนในแผ่นดินอียิปต์และแผ่นดินคานาอันไม่มีเงินเหลืออีกแล้ว พวกชาวอียิปต์ได้ไปพบโยเซฟและพูดว่า “ขออาหารให้กับพวกเราด้วย ท่านจะปล่อยให้เราตายต่อหน้าท่านหรือ เพราะพวกเราไม่มีเงินอีกแล้ว”
16 โยเซฟจึงพูดว่า “ถ้าพวกเจ้าไม่มีเงิน ก็เอาฝูงสัตว์ของพวกเจ้ามาแลก แล้วเราจะให้อาหารกับพวกเจ้า” 17 พวกเขาจึงเอาสัตว์เลี้ยงมาให้โยเซฟ เพื่อแลกกับอาหาร โยเซฟได้ให้อาหารกับพวกเขา เป็นการแลกเปลี่ยนกับฝูงม้า ฝูงแกะ ฝูงวัว และพวกลา ของพวกเขา ในปีนั้นโยเซฟได้แบ่งปันอาหารให้กับพวกเขา เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับฝูงสัตว์เลี้ยงของพวกเขา
18 เมื่อปีนั้นผ่านไป พวกเขากลับมาหาโยเซฟอีกเป็นปีที่สอง และพูดกับเขาว่า “พวกเราไม่มีอะไรจะปิดบังท่าน เงินของพวกเราก็หมดแล้ว ฝูงสัตว์ก็ให้ท่านไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้วนอกจากร่างกายและที่ดินของพวกเรา 19 จะให้เราตายต่อหน้าท่าน แล้วปล่อยให้ที่ดินรกร้างว่างเปล่าไปหรือ ซื้อพวกเราและที่ดินของพวกเราเพื่อแลกเปลี่ยนกับอาหารด้วยเถิด และพวกเราจะกลายเป็นทาสของฟาโรห์ แล้วที่ดินของเราก็จะเป็นของฟาโรห์ด้วย โปรดให้เมล็ดพันธุ์พืชกับเราเพื่อเอาไปปลูกเถิด เราจะได้มีชีวิตต่อไป ไม่ต้องตาย และที่ดินก็จะได้ไม่กลายเป็นทะเลทราย”
20 โยเซฟจึงซื้อที่ดินทั้งหมดในอียิปต์ให้กับฟาโรห์ เพราะชาวอียิปต์แต่ละคนต่างก็ยอมขายที่ เพราะอดอยากหิวโหยมาก ที่ดินจึงตกเป็นของฟาโรห์ 21 โยเซฟทำให้ประชาชนกลายเป็นทาส จากสุดปลายแผ่นดินอียิปต์ด้านหนึ่งไปจนถึงอีกด้านหนึ่ง 22 มีแต่ที่ดินของพวกนักบวชเท่านั้นที่โยเซฟไม่ได้ซื้อ เพราะพวกนักบวชมีรายได้ที่แน่นอนจากฟาโรห์ และพวกเขาก็มีชีวิตอยู่ด้วยรายได้ที่ฟาโรห์ให้นั้น พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องขายที่ดิน
23 โยเซฟพูดกับประชาชนว่า “ดูเถิด วันนี้เราได้ซื้อพวกเจ้าและที่ดินของพวกเจ้าให้กับฟาโรห์แล้ว นี่คือเมล็ดพันธุ์พืชสำหรับพวกเจ้า ให้หว่านมันในที่ดินเหล่านั้น 24 แต่เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว พวกเจ้าต้องแบ่งพืชผลนั้นให้กับฟาโรห์ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ อีกแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือจะเป็นของเจ้า เพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์สำหรับท้องทุ่ง และเป็นอาหารสำหรับพวกเจ้า ครอบครัว และลูกๆของเจ้า”
25 พวกเขาจึงพูดว่า “ท่านได้ช่วยชีวิตของพวกเรา ถ้าท่านพอใจ พวกเราจะขอเป็นทาสของฟาโรห์”
26 โยเซฟจึงได้ร่างกฎหมายเกี่ยวกับที่ดินในแผ่นดินอียิปต์ขึ้น ซึ่งใช้มาจนถึงทุกวันนี้ คือพวกเขาจะต้องแบ่งพืชผลของพวกเขายี่สิบเปอร์เซ็นต์ให้กับฟาโรห์ มีแต่ที่ดินของนักบวชเท่านั้นที่ไม่ได้ตกเป็นของฟาโรห์
“อย่าฝังศพพ่อไว้ในประเทศอียิปต์”
27 อิสราเอลจึงได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ ในเมืองโกเชน และพวกเขาได้ยึดครองที่ดินที่นั่น และเกิดลูกหลานมากมาย จนกลายเป็นกลุ่มที่ยิ่งใหญ่มาก
28 ยาโคบอาศัยอยู่ในอียิปต์เป็นเวลาสิบเจ็ดปี เขามีอายุได้หนึ่งร้อยสี่สิบเจ็ดปี 29 เมื่อเขาใกล้ตาย เขาเรียกตัวโยเซฟลูกชายเข้ามาหา และพูดกับโยเซฟว่า “ถ้าเจ้ารักพ่อจริงๆให้เอามือวางไว้ใต้ขาของพ่อ[m] และสัญญาว่า เจ้าจะซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อพ่อแล้วทำตามที่พ่อขอ คือขออย่าได้ฝังพ่อไว้ในอียิปต์ 30 เมื่อพ่อตาย ให้เอาร่างของพ่อออกจากอียิปต์ ไปฝังรวมกับบรรพบุรุษของพ่อ”
โยเซฟตอบว่า “ลูกจะทำตามที่พ่อพูด”
31 แล้วอิสราเอลพูดว่า “สาบานกับพ่อก่อน” โยเซฟก็สาบานกับเขา อิสราเอลก็เอนตัวลงไปที่หัวเตียง[n]
ยาโคบ อวยพรมนัสเสห์และเอฟราอิม
48 ในเวลาต่อมา มีคนบอกโยเซฟว่า “ตอนนี้พ่อของท่านไม่สบายมาก” โยเซฟจึงพาลูกชายสองคน คือมนัสเสห์และเอฟราอิมไปหายาโคบ 2 มีคนไปบอกยาโคบว่า “โยเซฟลูกชายของท่านมาหา” อิสราเอลจึงพยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียง
3 ยาโคบได้พูดกับโยเซฟว่า “พระเจ้าผู้เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจได้ปรากฏตัวให้พ่อเห็นที่ตำบลลูส ในแผ่นดินคานาอัน และพระองค์ได้อวยพรให้พ่อ 4 พระองค์พูดกับพ่อว่า ‘ดูเถอะ เราจะให้เจ้ามีลูกดก เราจะทำให้เจ้าและครอบครัวของเจ้ามีจำนวนเพิ่มขึ้น เราจะทำให้เจ้าและลูกหลานของเจ้ากลายเป็นกลุ่มชนที่ยิ่งใหญ่ และเราจะยกแผ่นดินนี้ให้กับลูกหลานของเจ้า เพื่อเป็นทรัพย์สมบัติของพวกเขาตลอดไป’ 5 ตอนนี้ลูกชายทั้งสองของลูกที่เกิดในแผ่นดินอียิปต์ก่อนที่พ่อจะมาหาลูกที่นี่ เขาทั้งสองจะเป็นของพ่อ เอฟราอิมและมนัสเสห์จะเป็นของพ่อ เหมือนกับรูเบนและสิเมโอน 6 แต่ลูกๆคนอื่น ที่เกิดมาทีหลังพวกเขา จะเป็นของลูก พวกเขาจะได้รับส่วนแบ่งในที่ดินที่จะยกให้กับเอฟราอิมและมนัสเสห์พี่ชายของพวกเขา 7 ตอนที่พ่อเดินทางจากปาดานเพื่อไปเมืองเอฟราธาห์ ในระหว่างทางนั้น ราเชลตายไป ตอนนั้นยังอยู่ในแคว้นคานาอัน และยังห่างจากเมืองเอฟราธาห์มาก พ่อเสียใจมาก พ่อจึงฝังนางไว้ในระหว่างทางที่จะไปเอฟราธาห์ (ซึ่งก็คือเบธเลเฮม)”
8 เมื่ออิสราเอลเห็นลูกชายโยเซฟ เขาถามว่า “พวกเขาเป็นใครกัน”
9 โยเซฟตอบว่า “พวกเขาเป็นลูกของผมที่พระเจ้าให้กับผมที่นี่”
อิสราเอลพูดว่า “ช่วยพาพวกเขาเข้ามาหาพ่อหน่อย แล้วพ่อจะอวยพรให้”
10 ตอนนั้นตาของอิสราเอลเริ่มพร่ามัวตามอายุ เขาจึงมองไม่ค่อยเห็นแล้ว เมื่อโยเซฟพาลูกชายทั้งสองคนเข้ามาใกล้ๆเขา อิสราเอลก็จูบและโอบกอดพวกเขา 11 อิสราเอลพูดกับโยเซฟว่า “พ่อไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นหน้าลูกอีก แต่ดูสิ พระเจ้าทำให้พ่อได้เห็นหน้าหลานด้วย”
12 โยเซฟได้เอาพวกเขาออกมาจากตักของอิสราเอล และโยเซฟก็ก้มกราบลงถึงพื้นดินต่อหน้าพ่อ 13 แล้วโยเซฟก็เอาลูกทั้งสองมา ให้เอฟราอิมอยู่ด้านขวามือของเขา ซึ่งเป็นซ้ายมือของอิสราเอล และให้มนัสเสห์อยู่ด้านซ้ายมือของเขา ซึ่งเป็นขวามือของอิสราเอล และโยเซฟก็พาพวกเขาเข้าไปหาอิสราเอล 14 อิสราเอลยื่นแขนขวามาวางลงบนหัวของเอฟราอิม (เขาเป็นน้อง) และยื่นแขนซ้ายมาวางบนหัวของมนัสเสห์ ไขว้แขนกัน เพราะมนัสเสห์เป็นพี่ 15 แล้วอิสราเอลได้อวยพรให้กับโยเซฟว่า
“ขอให้พระเจ้าผู้ที่บรรพบุรุษของพ่อคืออับราฮัมและอิสอัคสักการะบูชา
พระเจ้าผู้ที่คอยเลี้ยงดูชีวิตของพ่อมาตลอดจนถึงทุกวันนี้
16 พระองค์เป็นทูตสวรรค์ที่คอยช่วยเหลือพ่อจากความทุกข์ยากลำบากทั้งปวง
ได้โปรดอวยพรเด็กสองคนนี้ด้วย
เพื่อว่าชื่อของพ่อและบรรพบุรุษของพ่อ คืออับราฮัมและอิสอัคจะยังคงอยู่เพราะพวกเขา
และขอให้พวกเขาแผ่ขยายใหญ่โตมากขึ้นในโลกนี้”
17 เมื่อโยเซฟเห็นอิสราเอลวางมือขวาลงบนหัวของเอฟราอิม เขาก็ไม่พอใจ เขาพยายามจะเอามือขวาของพ่อไปไว้บนหัวมนัสเสห์ 18 โยเซฟบอกพ่อเขาว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นพ่อ คนนี้ต่างหากที่เป็นพี่ วางมือลงบนหัวคนนี้สิ”
19 แต่พ่อเขาปฏิเสธและพูดว่า “พ่อรู้ลูก พ่อรู้ เขาจะกลายเป็นชนชาติด้วย และเขาจะยิ่งใหญ่เหมือนกัน แต่น้องชายของเขาจะยิ่งใหญ่กว่าเขา และลูกหลานของคนน้องจะกลายเป็นหลายๆชนชาติ”
20 อิสราเอลจึงอวยพรพวกเขาในวันนั้นว่า
“คนอิสราเอลจะใช้ชื่อของพวกเจ้า
เมื่อพวกเขาจะให้พรกัน
พวกเขาจะพูดว่า ‘ขอให้พระเจ้าทำให้ท่านเป็นเหมือน
เอฟราอิมและมนัสเสห์’”
อิสราเอลจึงตั้งเอฟราอิมไว้ก่อนหน้ามนัสเสห์
21 อิสราเอลพูดกับโยเซฟว่า “พ่อกำลังจะตาย แต่พระเจ้าจะอยู่กับลูก และพระองค์จะนำลูกกลับไปยังแผ่นดินของบรรพบุรุษลูก 22 และพ่อจะให้ ‘ไหล่เขา’[o] แห่งหนึ่งกับลูก ต่อหน้าพี่ๆของลูก พ่อยึดมันมาได้จากชาวอาโมไรต์ ด้วยดาบและธนูของพ่อ”
คำพูดครั้งสุดท้ายของยาโคบต่อลูกๆ
49 แล้วยาโคบก็เรียกลูกชายคนอื่นๆมา เขาพูดว่า “มาชุมนุมกัน แล้วพ่อจะบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับพวกลูกในอนาคต
2 รวมตัวกันเข้ามาฟัง พวกลูกๆของยาโคบ
ให้ฟังอิสราเอล พ่อของพวกเจ้า
รูเบน
3 รูเบน เจ้าเป็นลูกคนโตของพ่อ
เจ้าเป็นความเข้มแข็งของพ่อ
และเป็นข้อพิสูจน์ความเป็นชายของพ่อ
เจ้าคือสุดยอดแห่งความภาคภูมิใจ
และสุดยอดของความแข็งแกร่ง
4 แต่เจ้าเป็นเหมือนสายน้ำที่ควบคุมไม่ได้
ดังนั้น เจ้าจะไม่สุดยอดอีกต่อไป
เพราะเจ้าแอบปีนขึ้นไปบนเตียงพ่อเจ้า
เจ้าหลับนอนกับเมียของพ่อเจ้า
แล้วเจ้าได้นำความอับอายมาสู่เตียงของพ่อ
ที่เจ้าได้ปีนขึ้นไปนั้น”
สิเมโอนและเลวี
5 “สิเมโอนและเลวีเป็นพี่น้องกัน
ดาบของพวกเขาคืออาวุธแห่งความรุนแรง
6 พวกเขาแอบวางแผนชั่วร้าย
พ่อขอไม่มีส่วนร่วมในการวางแผนลับแบบนั้น
พ่อขอไม่เจอกับพวกเขาในการวางแผนชั่วร้ายเช่นนั้น
เพราะพวกเขาได้ฆ่าคนเพราะความโกรธ
และได้ทำร้ายสัตว์เพียงเพื่อความสนุก
7 ขอให้ความโกรธของพวกเขาถูกสาปแช่งเพราะมันรุนแรงเกินไป
และขอให้ความเดือดดาลบ้าคลั่งของพวกเขาถูกสาปแช่งเพราะมันโหดร้ายเกินไป
พ่อจะแยกพวกเขาให้กระจัดกระจายไปท่ามกลางเผ่าพันธุ์ของยาโคบ
พ่อจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปในอิสราเอล[p]
ยูดาห์
8 ยูดาห์[q]พี่น้องของเจ้าจะสรรเสริญเจ้า
เจ้าจะเอาชนะศัตรู
บรรดาพี่น้องจะต้องมาคำนับเจ้า
9 ยูดาห์ เจ้าเหมือนสิงโตหนุ่ม
ที่ยืนคร่อมอยู่เหนือเหยื่อที่มันฆ่า
เจ้าเป็นเหมือนสิงโตที่กำลังหมอบนอนลงพัก
ไม่มีใครกล้ามาแหย่
10 อำนาจการปกครองจะไม่มีวันหมดไปจากยูดาห์
และลูกหลานของเขา
จนกว่ากษัตริย์ที่แท้จริงจะขึ้นครองบัลลังก์[r]
และทุกชาติจะเชื่อฟังเขา
11 เขาผูกลาของเขาไว้กับเถาองุ่น
เขาผูกลูกลาไว้กับต้นองุ่นที่ดีที่สุด
เขาล้างเสื้อผ้าในเหล้าองุ่น
และซักเสื้อคลุมของเขาด้วยน้ำองุ่นสีเลือด
12 นัยน์ตาของเขาแดงก่ำยิ่งกว่าสีของเหล้าองุ่น
และฟันของเขาขาวยิ่งกว่าน้ำนม[s]
เศบูลุน
13 เศบูลุนจะตั้งถิ่นฐานอยู่ติดทะเล
มันจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับเรือ
เขตแดนของเขาจะขยายออกไปจนถึงเมืองไซดอน
อิสสาคาร์
14 อิสสาคาร์เหมือนลาที่แข็งแกร่ง
แต่มันนอนลงระหว่างตะกร้าที่แบกอยู่
15 เมื่อเขาพบที่เหมาะสำหรับหยุดพัก
และเป็นแผ่นดินอันน่ารื่นรมย์
เมื่อนั้นเขาจะยินดีที่จะค่อมหลังลงเพื่อแบกสัมภาระ
และพร้อมที่จะเป็นทาสรับใช้
ดาน
16 ดาน[t] จะเป็นผู้ให้ความยุติธรรมกับคนของเขา
เหมือนกับที่ชนเผ่าอื่นของอิสราเอลทำกัน
17 ดานจะเป็นเหมือนงูที่อยู่ข้างถนน
เป็นเหมือนงูพิษที่อยู่ตามทาง
คอยกัดเท้าของม้า
และคนขี่ก็จะตกจากหลังม้า
18 ข้าแต่พระยาห์เวห์
ข้าพเจ้ากำลังรอคอยความรอดของพระองค์
กาด
19 กาด[u] จะถูกโจมตีโดยผู้บุกรุก
แต่กาดจะขับไล่พวกมันไปได้
อาเชอร์
20 อาหารการกินของอาเชอร์จะอุดมสมบูรณ์
เขาจะเป็นผู้จัดหาอาหารให้สำหรับกษัตริย์
นัฟทาลี
21 นัฟทาลีเป็นเหมือนกวางที่วิ่งอย่างอิสระ
และคลอดลูกกวางที่สวยงาม
โยเซฟ
22 โยเซฟคือต้นองุ่นที่ผลิดอกออกผล
เป็นต้นองุ่นที่เจริญเติบโตอยู่ข้างน้ำพุ
กิ่งก้านของเขาจะเลื้อยไปบนกำแพง
23 นักธนูมากมายไม่ชอบเขาและยิงเขา
คนพวกนี้จะเป็นศัตรูกับเขา
24 แต่คันธนูของโยเซฟจะยังมั่นคง
และแขนทั้งสองข้างของเขายังคงคล่องแคล่วชำนาญ
โดยพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ของยาโคบ
โดยพระผู้เลี้ยงคือพระศิลาแห่งอิสราเอล
25 โดยพระเจ้าของพ่อเจ้า ขอให้พระองค์ช่วยเหลือเจ้า
พระเจ้าผู้เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจสูงสุด ขอพระองค์อวยพรเจ้า
ด้วยพรจากสวรรค์เบื้องบน
พรจากน้ำที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน
พรจากเต้านมและท้องที่คลอด
26 พรต่างๆของพ่อเจ้านี้ยิ่งใหญ่กว่า
พรจากภูเขาที่ตั้งตระหง่านชั่วนิรันดร์
และดีกว่าของดีต่างๆของเทือกเขาที่อยู่นิรันดร์
ขอให้พรต่างๆนี้มาตกอยู่ที่หัวของโยเซฟ
มาตกอยู่ที่หน้าผากของเขาคนที่ถูกแยกออกมาเป็นพิเศษจากท่ามกลางพี่น้องของเขา
เบนยามิน
27 เบนยามินเหมือนหมาป่าที่หิวโซ
ในตอนเช้าเขากินเหยื่อที่จับมาได้
ในตอนเย็นเขาจะแบ่งปันของที่แย่งชิงมาได้”
28 และนี่คือเผ่าทั้งสิบสองเผ่าของอิสราเอล และนี่คือสิ่งที่พ่อของพวกเขาได้บอกกับพวกเขาไว้ เมื่อเขาอวยพรลูกๆด้วยคำอวยพรที่พิเศษสำหรับแต่ละคนแล้ว 29 เขาได้สั่งลูกๆเขาว่า “พ่อกำลังจะตายแล้ว ให้ฝังพ่อไว้กับบรรพบุรุษของพ่อ ในถ้ำที่อยู่ในท้องทุ่งของเอโฟรนคนฮิตไทต์ 30 ในถ้ำในท้องทุ่งมัคเปลาห์ ที่อยู่ใกล้ๆมัมเร ในแคว้นคานาอัน อับราฮัมได้ซื้อท้องทุ่งนั้นมาจากเอโฟรนคนฮิตไทต์ เพื่อใช้เป็นที่ฝังศพ 31 อับราฮัมและซาราห์ เมียของเขาถูกฝังอยู่ที่นั่น อิสอัคและเรเบคาห์เมียของเขาก็ถูกฝังอยู่ที่นั่น และพ่อก็ฝังเลอาห์ไว้ที่นั่นด้วย 32 ทั้งท้องทุ่งและถ้ำแห่งนั้นได้ซื้อมาจากชาวฮิตไทต์” 33 เมื่อยาโคบสั่งเสียลูกๆของเขาเสร็จแล้ว ก็ยกขามาไว้บนเตียงเหมือนเดิม และหายใจเฮือกสุดท้าย แล้วก็จากไปอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษของเขา
งานศพของยาโคบ
50 โยเซฟกอดพ่อและร้องไห้ และจูบพ่อของเขา 2 โยเซฟได้ส่งพวกหมอที่รับใช้เขา ให้จัดการเกี่ยวกับศพเพื่อเอาไปฝัง พวกหมอจึงอาบน้ำยารักษาศพของอิสราเอลไว้สำหรับฝัง 3 เขาใช้เวลาสี่สิบวันในการอาบน้ำยานี้ ตามประเพณีที่เขาทำกัน ชาวอียิปต์ไว้ทุกข์ให้อิสราเอลเป็นเวลาเจ็ดสิบวัน
4 เมื่อสิ้นสุดเวลาไว้ทุกข์ โยเซฟพูดกับข้าราชสำนักของฟาโรห์ “ถ้าพวกท่านจะกรุณาผม ช่วยพูดกับฟาโรห์ว่า ‘พ่อของผมให้ผมสาบานกับเขา เขาบอกว่า 5 “ดูเถิด พ่อกำลังจะตาย ให้ฝังพ่อไว้ในหลุมฝังศพที่พ่อขุดเตรียมไว้สำหรับตัวเองในแคว้นคานาอัน” และตอนนี้ขอโปรดอนุญาตให้ผมไปฝังศพพ่อด้วยเถิด แล้วผมจะกลับมา’”
6 ฟาโรห์พูดว่า “ไปเถิด ไปฝังศพของพ่อเจ้า ตามที่เจ้าได้สาบานไว้”
7 โยเซฟจึงขึ้นไปฝังศพพ่อ พวกข้าราชการทั้งหมดของฟาโรห์ รวมทั้งข้าราชการระดับสูงในวังของฟาโรห์ และพวกข้าราชการระดับสูงทั้งหมดทั่วแผ่นดินอียิปต์ไปกับโยเซฟด้วย 8 ครอบครัวทั้งหมดของโยเซฟและพี่น้องของเขาทั้งครอบครัว ไปกับโยเซฟด้วย เหลือไว้แต่เด็กๆ ฝูงแกะ และฝูงวัว ในเมืองโกเชน 9 รถม้าศึกและคนขับก็ไปกับเขาด้วย เป็นขบวนที่ใหญ่โตมาก
10 เมื่อพวกเขามาถึงลานนวดข้าวของอาทาด[v] ซึ่งอยู่ตรงข้ามแม่น้ำจอร์แดน พวกเขาได้ร้องไห้คร่ำครวญอย่างขมขื่นด้วยเสียงอันดัง โยเซฟให้มีพิธีศพเป็นเวลาเจ็ดวัน 11 เมื่อชาวคานาอันที่อาศัยบริเวณนั้นเห็นความเศร้าโศกในพิธีศพที่ลานนวดข้าว พวกเขาพูดว่า “ทำไมชาวอียิปต์ถึงได้เศร้าโศกเสียใจขนาดนี้” พวกเขาจึงตั้งชื่อสถานที่นั้นที่อยู่ตรงข้ามกับแม่น้ำจอร์แดนว่า “อาเบลมิสราอิม”[w]
12 ลูกชายของยาโคบได้ทำตามที่พ่อเขาสั่งไว้ 13 คือพวกลูกชายของเขาได้แบกร่างเขามาถึงแผ่นดินคานาอัน และได้ฝังเขาไว้ในถ้ำในท้องทุ่งของมัคเปลาห์ ซึ่งอับราฮัมซื้อมาเพื่อเป็นที่ฝังศพจากเอโฟรนคนฮิตไทต์ ใกล้มัมเร 14 แล้วโยเซฟ พวกพี่ชาย และคนทั้งหมดที่มาร่วมฝังศพพ่อของเขา ต่างก็เดินทางกลับอียิปต์ หลังจากฝังศพพ่อของเขาเรียบร้อยแล้ว
พวกพี่ชายยังกลัวโยเซฟ
15 พี่ชายของโยเซฟกลัวโยเซฟเพราะพ่อของพวกเขาตายไปแล้ว พวกเขาพูดว่า “บางทีโยเซฟอาจจะยังโกรธพวกเราอยู่ และอาจจะแก้แค้นเราสำหรับความชั่วร้ายที่พวกเราได้ทำกับเขา” 16 พวกเขาจึงส่งข้อความไปถึงโยเซฟว่า
“พ่อของท่านได้สั่งเอาไว้ก่อนตายว่า 17 ให้บอกกับโยเซฟว่า ‘ขอให้ยกโทษให้กับความผิดและความบาปของพวกพี่ชายเจ้า ที่ได้ทำไว้กับเจ้า’ พวกเราได้ทำผิดต่อท่านจริงๆ ตอนนี้ ขอได้โปรดยกโทษให้กับความผิดของพวกเราผู้รับใช้พระเจ้าของพ่อท่านด้วยเถิด”
โยเซฟร้องไห้เมื่อเห็นข้อความที่ส่งมาถึงเขา 18 พวกพี่ชายได้มาคุกเข่าลงต่อหน้าเขาและพูดว่า “ดูเถิด เราเป็นทาสของท่าน”
19 แต่โยเซฟพูดกับพวกเขาว่า “อย่ากลัวเลย พวกพี่คิดว่าผมเป็นพระเจ้าหรือยังไง 20 พวกพี่ตั้งใจจะทำร้ายผมก็จริง แต่พระเจ้าตั้งใจให้มันออกมาดี เพื่อจะได้มีวันนี้เกิดขึ้น เพื่อที่จะรักษาชีวิตของคนมากมาย 21 ดังนั้นอย่าได้กลัวไปเลย ผมจะยังคงช่วยเหลือพวกพี่และลูกๆของพี่ต่อไป” โยเซฟได้ปลอบโยนพี่ชายของเขา และพูดกับพวกเขาอย่างเมตตาปรานี
22 โยเซฟและครอบครัวของพ่อเขาจึงได้อยู่ในอียิปต์ต่อไป โยเซฟมีอายุหนึ่งร้อยสิบปี 23 โยเซฟมีชีวิตอยู่จนได้เห็นลูกหลานไปถึงสามชั่วรุ่น มนัสเสห์ลูกของโยเซฟมีลูกชายคือมาร์คี โยเซฟก็อยู่จนได้เห็นลูกๆของมาคีร์ด้วย
โยเซฟตาย
24 โยเซฟพูดกับญาติๆของเขาว่า “ผมกำลังจะตาย แต่พระเจ้าจะดูแลพวกท่านต่อไปอย่างแน่นอน และจะนำพวกท่านขึ้นไปจากที่นี่ ไปยังแผ่นดินที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ”
25 โยเซฟให้คนอิสราเอลสาบานว่า “เมื่อพระเจ้าทำตามสัญญานั้นเมื่อไหร่ ให้เอากระดูกของผมไปจากที่นี่ด้วย”
26 โยเซฟก็ตาย ตอนอายุหนึ่งร้อยสิบปี พวกเขาอาบน้ำยารักษาศพโยเซฟไว้เพื่อฝัง ร่างของเขาถูกเก็บไว้ในหีบศพในประเทศอียิปต์
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International