Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
อพยพ 29-40

คำสั่งต่างๆเรื่องการแต่งตั้งนักบวช

(ลนต. 8:1-36)

29 นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องทำให้กับพวกเขา ที่จะทำให้พวกเขาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อพวกเขาจะสามารถเป็นนักบวชให้กับเรา ให้เอาวัวตัวผู้หนึ่งตัว และแกะตัวผู้สองตัวที่ไม่มีตำหนิอะไรเลย ขนมปังที่ไม่ใส่เชื้อฟู พวกขนมปังคลุกน้ำมันที่ไม่ใส่เชื้อฟู และขนมปังบางๆที่ไม่ใส่เชื้อฟูทาด้วยน้ำมัน เจ้าต้องเอาแป้งสาลีอย่างดีมาทำขนมพวกนี้ ให้เอาขนมพวกนี้ใส่ในตะกร้า และเอาตะกร้าใบนี้ไปพร้อมกับวัวตัวผู้และแกะสองตัว

ให้เจ้านำตัวอาโรนและพวกลูกชายของเขาไปที่ประตูของเต็นท์นัดพบ และเอาน้ำมาชำระตัวพวกเขา เจ้าต้องเอาเสื้อผ้ามาแต่งตัวให้กับอาโรน ให้เขาใส่เสื้อคลุม ใส่เสื้อชุดยาวของเอโฟด เอโฟด และถุงผ้าทับอก ให้เจ้าเอาผ้าคาดเอวที่ปักลวดลายมาผูกเอโฟดบนตัวเขา แล้วพันผ้าโพกหัวบนหัวเขา และสวมมงกุฎศักดิ์สิทธิ์ไว้บนผ้าโพกหัวของเขา ให้เจ้าเอาน้ำมันสำหรับเจิม มาเทบนหัวเขา และเจิมเขา

ให้เจ้านำพวกลูกชายของอาโรนมา และเอาเสื้อคลุมไปแต่งตัวให้กับพวกเขา ผูกผ้าคาดเอวให้กับอาโรนและพวกลูกชายของเขา และพันผ้าโพกหัวให้กับพวกเขา หลังจากนั้นแล้ว พวกเขาจะได้เป็นนักบวช ตามกฎที่จะใช้ตลอดไป และนี่คือวิธีที่เจ้าจะใช้แต่งตั้งอาโรนกับพวกลูกชายของเขา

10 เจ้าต้องนำวัวตัวผู้ตัวนั้น มาไว้หน้าเต็นท์นัดพบ อาโรนกับพวกลูกชายของเขา จะวางมือลงบนหัวของวัวตัวนั้น 11 และเจ้าต้องฆ่าวัวตัวนั้นต่อหน้าพระยาห์เวห์ตรงประตูเต็นท์นัดพบ 12 ต่อจากนั้นเจ้าต้องเอาเลือดของมันบางส่วนไปที่แท่นบูชา แล้วเอานิ้วของเจ้าจุ่มเลือดมาทาบนเชิงงอนของแท่นบูชา และเทเลือดส่วนที่เหลือลงที่ฐานของแท่นบูชา 13 แล้วเจ้าก็เอาไขมันทั้งหมดที่ติดอยู่กับเครื่องใน ตับ ไตทั้งสองข้าง และไขมันรอบๆมัน ไปเผาบนแท่นบูชา 14 ส่วนเนื้อกับหนังและขี้ของมันให้เอาไปเผานอกค่าย มันเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง

15 เจ้าต้องเอาแกะตัวแรกมาให้อาโรนและพวกลูกชายของเขาวางมือลงบนหัวของมัน 16 แล้วให้เจ้าฆ่าแกะตัวนั้น นำเลือดของมันไปพรมรอบๆแท่นบูชาให้ทั่ว 17 เจ้าต้องหั่นแกะตัวนั้นเป็นชิ้นๆ เจ้าต้องล้างเครื่องในและขาของมัน แล้วเอาไปวางรวมไว้กับส่วนอื่นๆ รวมทั้งหัวของมัน 18 แล้วเผาแกะตัวนั้นทั้งตัวบนแท่นบูชา มันเป็นเครื่องเผาบูชาให้กับพระยาห์เวห์ อันมีกลิ่นหอมเป็นของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ 19 ให้เจ้าเอาแกะตัวที่สองมา แล้วให้อาโรนกับพวกลูกๆของเขาวางมือลงบนหัวของแกะตัวนั้น 20 ให้เจ้าฆ่าแกะตัวนั้น แล้วเอาเลือดของมันบางส่วน มาป้ายที่ติ่งหูข้างขวาของอาโรนกับพวกลูกชายของเขา และป้ายลงที่หัวแม่มือข้างขวา กับหัวแม่เท้าข้างขวาของพวกเขา แล้วนำเลือดไปพรมรอบๆแท่นบูชาให้ทั่ว 21 ให้เจ้าเอาเลือดบางส่วนบนแท่นบูชาและน้ำมันสำหรับเจิม พรมลงบนตัวอาโรนและบนเสื้อผ้าของเขา บนตัวพวกลูกชายของเขา และบนเสื้อผ้าของพวกเขา วิธีนี้จะทำให้อาโรนพร้อมกับพวกลูกชายของเขาและเสื้อผ้าของพวกเขาศักดิ์สิทธิ์

22 ให้เจ้าเอาไขมันของแกะ และไขมันส่วนหาง ไขมันที่ติดอยู่กับเครื่องใน ตับ ไตสองข้าง ไขมันส่วนอื่นๆและขาข้างขวามา เพราะมันคือแกะที่จะใช้ในการแต่งตั้งอาโรน 23 ให้เอาขนมปังหนึ่งก้อน ขนมปังคลุกน้ำมันหนึ่งแผ่น ขนมปังแผ่นบางๆหนึ่งชิ้น จากตะกร้าขนมปังที่ไม่ใส่เชื้อฟู ที่วางอยู่ตรงหน้าพระยาห์เวห์ 24 เจ้าต้องเอาของทั้งหมดนี้ มาใส่ไว้ในมือของอาโรนและพวกลูกชายของเขา และให้เจ้ายื่นพวกมันขึ้น เหมือนกับเครื่องยื่นบูชาให้กับพระยาห์เวห์ 25 แล้วเจ้าค่อยเอาพวกมันมาจากมือของพวกเขา แล้วเอาไปเผาบนแท่นบูชา พร้อมกับแกะที่เป็นเครื่องเผาบูชานั้น เป็นกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์ เป็นของขวัญให้กับพระยาห์เวห์

26 ให้เจ้าเอาส่วนอกของแกะที่ใช้ในการแต่งตั้งอาโรน มายื่นเป็นเครื่องยื่นบูชาต่อหน้าพระยาห์เวห์ มันจะเป็นส่วนแบ่งของเจ้า 27 เจ้าต้องเอาเนื้อส่วนอกและส่วนขาของแกะ ที่ใช้ในการแต่งตั้งอาโรน มาเป็นเครื่องยื่นบูชาให้กับเรา ให้เจ้าทำให้พวกมันศักดิ์สิทธิ์ และมอบทั้งสองส่วนนั้นให้กับอาโรนและพวกลูกชายของเขา 28 เนื้อแกะส่วนนี้จะเป็นส่วนแบ่งของอาโรนและพวกลูกชายของเขาจากประชาชนชาวอิสราเอลตลอดไป เพราะมันเป็นส่วนที่ประชาชนชาวอิสราเอลเอามาถวาย เป็นเครื่องสังสรรค์บูชา เป็นส่วนที่พวกเขาถวายให้กับพระยาห์เวห์

29 ชุดศักดิ์สิทธิ์ของอาโรน ก็จะตกเป็นของลูกชายคนต่อๆไปของเขาที่จะได้รับการเจิมและแต่งตั้งให้เป็นนักบวช 30 ลูกชายของอาโรน คนที่มาแทนเขา ก็จะสวมเสื้อนี้เป็นเวลาเจ็ดวัน เมื่อเขาเข้ามาในเต็นท์นัดพบเพื่อรับใช้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

31 เจ้าต้องเอาเนื้อแกะที่ใช้ในการแต่งตั้ง ไปต้มในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 32 อาโรนกับพวกลูกชายของเขา ต้องกินเนื้อแกะนี้ กับขนมปังที่อยู่ในตะกร้าที่ประตูของเต็นท์นัดพบ 33 พวกเขาจะกินของบูชาเหล่านั้น ที่ถวายเพื่อกำจัดบาปและความไม่บริสุทธิ์ของพวกเขา เพื่อจะแต่งตั้งพวกเขาและทำให้พวกเขาบริสุทธิ์ คนนอกห้ามกิน เพราะเป็นอาหารที่ศักดิ์สิทธิ์ 34 ถ้ามีเนื้อแกะที่ใช้ในการแต่งตั้งกับขนมปังเหล่านั้น เหลืออยู่จนถึงวันรุ่งขึ้น เจ้าต้องเอาไปเผาไฟทิ้งให้หมด อย่าเอามากินอีก เพราะมันเป็นของศักดิ์สิทธิ์

35 ให้ทำกับอาโรนและพวกลูกชายของเขา ตามที่เราสั่ง พิธีแต่งตั้งพวกเขาเป็นนักบวชจะมีขึ้นเจ็ดวัน 36 ในเจ็ดวันนี้ เจ้าต้องฆ่าวัววันละหนึ่งตัว สำหรับเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เพื่อชำระแท่นบูชานี้ เจ้าจะต้องทำให้แท่นบูชาไม่เสื่อมไปโดยชำระมัน และเจ้าต้องเจิมมันด้วยน้ำมันเพื่อทำให้มันศักดิ์สิทธิ์ 37 ในเจ็ดวันนี้ เจ้าต้องชำระแท่นบูชา และทำให้แท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ แล้วแท่นบูชานั้นจะศักดิ์สิทธิ์มาก จนทุกสิ่งทุกอย่างที่มาถูกแท่นบูชานี้ ก็จะกลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย

38 ต่อไปนี้คือสิ่งที่เจ้าต้องถวายบนแท่นบูชา ให้เจ้าฆ่าลูกแกะอายุหนึ่งปีจำนวนสองตัว 39 ถวายตัวหนึ่งในตอนเช้าอีกตัวหนึ่งในตอนเย็น 40 เมื่อเจ้าถวายลูกแกะตัวแรก ก็ให้ถวายแป้งสาลีขนาดหนึ่งในสิบเอฟาห์[a] ผสมน้ำมันที่คั้นไว้หนึ่งในสี่ฮิน[b] และเหล้าองุ่นหนึ่งในสี่ฮินสำหรับเป็นเครื่องเทบูชา 41 เมื่อเจ้าถวายลูกแกะตัวที่สองในตอนเย็น ก็ให้ถวายพวกธัญพืชและเครื่องดื่มเหมือนกับที่ถวายในตอนเช้า มันจะเป็นของขวัญอันมีกลิ่นหอมให้กับพระยาห์เวห์

42 มันจะเป็นเครื่องเผาบูชาที่จะทำต่อไปเรื่อยๆตลอดชั่วลูกชั่วหลานของเจ้า ที่ประตูเต็นท์นัดพบ ต่อหน้าพระยาห์เวห์ ซึ่งเป็นที่ที่เราจะมาพบเจ้าและพูดกับเจ้า 43 เราจะพบกับประชาชนชาวอิสราเอลที่นั่น และรัศมี[c] ของเราจะทำให้เต็นท์นัดพบนั้นศักดิ์สิทธิ์

44 เราจะทำให้เต็นท์นัดพบและแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ เราจะทำให้อาโรนและพวกลูกชายของเขาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อพวกเขาจะได้เป็นนักบวชให้กับเรา 45 เราจะอยู่ท่ามกลางประชาชนชาวอิสราเอล และจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา 46 แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาที่นำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อที่เราจะได้อยู่กับพวกเขา เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา

แท่นบูชาเผาเครื่องหอม

(อพย. 37:25-28)

30 เจ้าต้องสร้างแท่นบูชาเผาเครื่องหอมจากไม้กระถิน เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า ขนาดยาวหนึ่งศอก[d] กว้างหนึ่งศอก สูงสองศอก[e] ส่วนปลายเชิงงอนให้ทำเป็นเนื้อเดียวกัน หุ้มทองคำบริสุทธิ์ทับที่ด้านบนและด้านข้างให้ทั่ว รวมทั้งที่ปลายเชิงงอน และทำขอบให้กับมันโดยรอบ เจ้าต้องทำห่วงทองคำสองห่วง ติดไว้ที่ใต้ขอบทั้งสองข้าง ให้อยู่ตรงข้ามกัน ห่วงนี้เอาไว้สอดไม้คานยกแท่นบูชา เจ้าต้องทำไม้คานหามจากไม้กระถินและหุ้มทองทับ ให้วางแท่นนั้นไว้ตรงหน้าฝาหีบใส่คำสอนที่ความไม่บริสุทธิ์จากบาปจะถูกชำระ เราจะแสดงตัวของเราต่อเจ้าตรงนั้น

อาโรนจะเผาเครื่องหอมบนแท่นบูชานั้น และจะต้องทำทุกเช้าเมื่อเข้ามาดูแลตะเกียง เมื่ออาโรนเข้ามาดูแลตะเกียงในตอนเย็น เขาจะเผามันอีก อย่างต่อเนื่องต่อหน้าพระยาห์เวห์ และจะต้องทำอย่างนี้ไปตลอดชั่วลูกชั่วหลาน พวกเจ้าจะต้องไม่เอาเครื่องหอมอื่นๆมาเผา หรือใช้แท่นนี้สำหรับเครื่องเผาบูชา พวกเจ้าต้องไม่ใช้แท่นบูชานี้สำหรับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช หรือเครื่องดื่มบูชา

10 อาโรนจะต้องชำระแท่นบูชา โดยเอาเลือดมาป้ายที่ปลายเชิงงอนของแท่นบูชานี้ปีละครั้ง เขาจะต้องใช้เลือดของเครื่องบูชาชำระล้าง เพื่อชำระล้างให้กับแท่นบูชานี้ปีละครั้ง และพวกเจ้าจะต้องทำอย่างนี้ตลอดไปทุกรุ่น แท่นบูชานี้ศักดิ์สิทธิ์มากสำหรับพระยาห์เวห์”

เงินภาษีวิหาร

11 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 12 “เมื่อเจ้านับประชาชนชาวอิสราเอลเพื่อจะลงทะเบียน พวกเขาแต่ละคนจะต้องจ่ายค่าไถ่สำหรับชีวิตของเขากับพระยาห์เวห์เมื่อเขาถูกนับ จะได้ไม่เกิดภัยพิบัติขึ้นกับพวกเขาเพราะพวกเขาถูกนับ 13 คนที่ถูกนับจะต้องจ่ายครึ่งเชเขล[f] (ตามมาตรฐานการชั่ง คือหนึ่งเชเขลเท่ากับยี่สิบเกราห์) ครึ่งเชเขลนี้จะเป็นของถวายให้กับพระยาห์เวห์ 14 ทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไปที่ถูกนับจะต้องจ่ายเงินถวายนี้ให้กับพระยาห์เวห์ 15 คนรวยก็ห้ามจ่ายมากกว่านี้ ส่วนคนจนก็ห้ามจ่ายน้อยกว่านี้ ทุกคนจ่ายครึ่งเชเขลเท่ากันหมด เพราะเมื่อเจ้าถวายเงินนี้ให้กับพระยาห์เวห์ มันเป็นค่าไถ่สำหรับชีวิตของเจ้า 16 เงินค่าไถ่ชีวิตที่เก็บได้จากชาวอิสราเอลนี้ ให้เอาไปใช้สำหรับงานรับใช้ภายในเต็นท์นัดพบ ทำอย่างนี้พระยาห์เวห์จะได้ระลึกถึงประชาชนชาวอิสราเอลที่ได้จ่ายค่าไถ่ชีวิตของพวกเขาทุกคน”

อ่างสำหรับชำระล้าง

(อพย. 38:8)

17 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 18 “ให้เจ้าใช้ทองสัมฤทธิ์ หล่อเป็นอ่างน้ำหนึ่งใบ พร้อมฐานรอง เอาไว้สำหรับการล้างทำความสะอาด แล้วให้ใส่น้ำ เอาไปวางไว้ระหว่างเต็นท์นัดพบกับแท่นบูชา 19 อาโรนกับพวกลูกชายของเขาจะได้ใช้ล้างมือและล้างเท้า 20 เมื่อพวกเขาจะเข้ามาในเต็นท์นัดพบ หรือจะเข้าใกล้แท่นบูชาเพื่อรับใช้พระเจ้า หรือเพื่อถวายของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ พวกเขาจะต้องเอาน้ำในอ่างนี้ล้างมือและเท้าก่อน เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ตาย 21 ทั้งอาโรนและลูกหลานรุ่นต่อๆไปของเขาต้องทำตามกฎข้อนี้ตลอดไป”

น้ำมันเจิม

(อพย. 37:29)

22 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 23 “ให้เจ้านำเครื่องเทศต่อไปนี้คือ ยางไม้หอมเหลวอย่างดีที่สุดห้าร้อยเชเขล[g] อบเชยหอมครึ่งหนึ่งของยางไม้หอมเหลวคือประมาณสองร้อยห้าสิบเชเขล[h] ตะไคร้หอมสองร้อยห้าสิบเชเขล 24 การบูรห้าร้อยเชเขล ตามมาตรฐานการชั่ง และน้ำมันมะกอกหนึ่งฮิน[i]

25 เอาของพวกนี้ผสมกัน เป็นน้ำหอมชนิดหนึ่ง ใช้เป็นน้ำมันสำหรับเจิม 26 เจ้าต้องเอาน้ำมันนี้ไปเจิมที่เต็นท์นัดพบ ที่หีบใส่คำสอน 27 ที่โต๊ะและภาชนะทุกชิ้น ที่ตะเกียงที่มีขาตั้ง กับอุปกรณ์ทุกชิ้นของมัน ที่แท่นบูชาเครื่องหอม 28 ที่แท่นบูชาเผาเครื่องบูชา และภาชนะทุกอย่างของมัน รวมทั้งอ่างน้ำกับฐานของมันด้วย 29 เจ้าจะทำให้สิ่งเหล่านี้ศักดิ์สิทธิ์ และมันก็จะศักดิ์สิทธิ์มาก ทุกอย่างที่ถูกต้องสิ่งเหล่านี้ก็จะกลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์

30 เจ้าต้องเจิมให้อาโรนกับพวกลูกชายของเขา เจ้าต้องทำให้พวกเขาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อพวกเขาจะได้เป็นนักบวชให้กับเรา 31 เจ้าต้องพูดกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า ‘นี่จะเป็นน้ำมันศักดิ์สิทธิ์สำหรับการเจิมของเรา สำหรับลูกหลานของพวกเจ้าตลอดไป 32 เจ้าต้องไม่เอาไปเทลงบนตัวคนทั่วไป และห้ามทำเลียนแบบน้ำมันนี้ เพราะมันศักดิ์สิทธิ์ และมันจะศักดิ์สิทธิ์สำหรับเจ้า 33 ใครก็ตามที่ทำเลียนแบบน้ำมันนี้ขึ้นมา หรือเอาไปเทบนคนต่างชาติ จะต้องถูกตัดออกจากการเป็นประชาชน’”

เครื่องหอม

34 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้เอาเครื่องเทศเหล่านี้ คือ กำยาน ชะมด มหาหิงคุ์ และกำยานบริสุทธิ์ ในสัดส่วนที่เท่าๆกัน 35 ผสมกันเป็นเครื่องหอม เติมเกลือลงไปด้วย เพื่อทำให้เครื่องหอมนี้บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ 36 แบ่งเครื่องหอมออกมาส่วนหนึ่ง นำมาบดและใส่ไว้ที่หน้าหีบใส่คำสอน[j] ในเต็นท์นัดพบซึ่งเป็นที่ที่เราจะแสดงตัวกับเจ้า กลิ่นของมันจะเป็นกลิ่นที่ศักดิ์สิทธิ์มากสำหรับพวกเจ้า 37 เจ้าต้องไม่ทำเลียนแบบเครื่องหอมนี้ไว้ใช้เอง เพราะมันเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเจ้าจะต้องสงวนไว้ สำหรับพระยาห์เวห์ 38 ใครที่ทำเลียนแบบเครื่องหอมนี้เอาไว้ดมเอง คนๆนั้นจะต้องถูกตัดออกจากการเป็นประชาชนของเขา”

พระยาห์เวห์เลือกเบซาเลลและโอโฮลีอับ

(อพย. 35:30-36:1)

31 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ดูสิ เราได้เลือกเบซาเลล ลูกชายของอุรี อุรีเป็นลูกชายของเฮอร์ จากเผ่ายูดาห์ เราจะเติมเขาให้เต็มไปด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า เราจะทำให้เขามีความชำนาญ ความเข้าใจ ความรู้และความสามารถทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกแบบ หรืองานที่เกี่ยวกับทอง เงิน หรือทองสัมฤทธิ์ หรือจะเป็นการเจียระไนหินมีค่าเพื่อใส่ตัวเรือน หรืองานด้านแกะสลักไม้ หรืองานด้านอื่นๆทั้งหมด และเรายังให้โอโฮลีอับลูกชายอาหิสะมัค จากเผ่าดาน มาช่วยงานเขาด้วย และเรายังให้ความชำนาญกับช่างฝีมือทุกคน เพื่อพวกเขาจะได้ทำทุกอย่างตามที่เราได้สั่งเจ้าไว้

เต็นท์นัดพบ

หีบใส่คำสอน

ฝาหีบตรงที่ความไม่บริสุทธิ์จากบาปจะถูกชำระ กับภาชนะทุกอย่างที่ใช้ในเต็นท์

โต๊ะและภาชนะทุกชิ้นบนโต๊ะ ตะเกียงที่มีขาตั้งอันบริสุทธิ์ กับอุปกรณ์ทั้งหมดของมัน

แท่นสำหรับเผาเครื่องหอม

แท่นสำหรับเผาเครื่องบูชา

กับภาชนะทั้งหมดของมัน

อ่างล้างและฐานรองของมัน

10 เสื้อผ้าที่ทอไว้สำหรับอาโรน

คือเสื้อศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักบวชอาโรน

และเสื้อผ้าสำหรับลูกชายอาโรน

เพื่อให้พวกเขาเป็นนักบวช

11 น้ำมันสำหรับเจิม

เครื่องหอมสำหรับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

พวกเขาต้องทำทุกอย่างนี้ตามที่เราได้สั่งเจ้าไว้”

วันหยุดทางศาสนา

12 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 13 “ให้เจ้าบอกกับลูกหลานของอิสราเอลว่า ‘พวกเจ้าจะต้องรักษาวันหยุดทางศาสนาของเราไว้ เพราะมันจะเป็นเครื่องเตือนใจถึงข้อตกลงระหว่างเรากับพวกเจ้า ตลอดชั่วลูกหลานของพวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้ระลึกถึงว่า เรา ยาห์เวห์ ทำให้พวกเจ้าศักดิ์สิทธิ์

14 พวกเจ้าต้องรักษาวันหยุดทางศาสนาไว้ เพราะมันเป็นวันศักดิ์สิทธิ์สำหรับพวกเจ้า ใครก็ตามที่ทำให้วันหยุดนี้หมดความศักดิ์สิทธิ์ไป คนๆนั้นจะต้องถูกฆ่า ใครที่ทำงานในวันนี้ จะต้องถูกตัดออกจากคนของเขา 15 ให้เจ้าทำงานได้ในหกวัน แต่ในวันที่เจ็ด จะต้องรักษาไว้ให้เป็นวันหยุดทางศาสนา มันเป็นวันที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อุทิศไว้ให้กับพระยาห์เวห์ คนที่ทำงานในวันหยุดทางศาสนาจะถูกฆ่า 16 ลูกหลานชาวอิสราเอลจะต้องรักษาวันหยุดทางศาสนานี้ไว้ พวกเขาจะต้องรักษาวันหยุดทางศาสนานี้เอาไว้ตลอดไปชั่วลูกชั่วหลาน มันเป็นคำมั่นสัญญาตลอดกาล 17 มันจะเป็นเครื่องเตือนใจตลอดไประหว่างเรากับลูกหลานชาวอิสราเอล เพราะในหกวันพระยาห์เวห์สร้างสวรรค์และโลก และในวันที่เจ็ด พระองค์หยุดพักผ่อน’”

18 เมื่อพระยาห์เวห์พูดกับโมเสสเสร็จสิ้นแล้วบนภูเขาซีนาย พระองค์ก็มอบแผ่นหินสองแผ่นที่ถูกจารึกไว้ด้วยนิ้วมือของพระเจ้า ให้กับโมเสสไป

ลูกวัวทองคำ

(ฉธบ. 9:6-29)

32 เมื่อประชาชนเห็นว่าโมเสสขึ้นไปบนภูเขานาน ไม่ยอมลงมาสักที พวกเขาจึงพากันไปหาอาโรน และพูดว่า “ลุกขึ้นมาสร้างพระต่างๆให้กับพวกเราหน่อย เพื่อพระพวกนั้นจะได้มานำหน้าพวกเรา เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโมเสส ชายคนที่นำพวกเราออกมาจากแผ่นดินอียิปต์”

อาโรนพูดกับพวกเขาว่า “ไปถอดต่างหูทองคำ จากหูของเมียพวกท่าน จากลูกชายและลูกสาวของพวกท่าน และเอามาให้เรา”

ดังนั้น ประชาชนจึงถอดต่างหูทองคำออก และเอามาให้อาโรน

อาโรนก็รับทองคำจากมือของพวกเขา แล้วเอาเครื่องมือมาตีทองที่หลอมแล้วนั้นขึ้นเป็นลูกวัว

พวกเขาพูดว่า “ชาวอิสราเอลทั้งหลาย นี่คือพวกพระของพวกท่าน ผู้ที่นำพวกท่านออกมาจากแผ่นดินอียิปต์”

เมื่ออาโรนเห็นเข้า เขาก็สร้างแท่นบูชาไว้ตรงหน้าลูกวัวตัวนั้น อาโรนประกาศว่า “พรุ่งนี้จะมีงานเทศกาลเฉลิมฉลองพระยาห์เวห์”

วันรุ่งขึ้นประชาชนก็ลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ และถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสังสรรค์บูชา แล้วพวกเขาก็นั่งลงดื่มกิน และลุกขึ้นร้องรำกันอย่างสนุกสนาน

พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ลงไปได้แล้ว ตอนนี้คนของเจ้า ที่เจ้าได้พาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์นั้น กำลังทำตัวเสื่อมเสีย พวกเขาได้หันไปจากทางที่เราได้สั่งพวกเขาไว้ พวกเขาได้หล่อลูกวัวขึ้นมาสำหรับตัวพวกเขาเอง พวกเขาได้กราบไหว้มัน และถวายเครื่องบูชาให้กับมัน พวกเขายังพูดอีกว่า ‘ชาวอิสราเอลทั้งหลาย นี่คือพวกพระของพวกท่าน ที่ได้นำพวกท่านออกมาจากแผ่นดินอียิปต์’”

พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “เราได้เห็นชนชาตินี้แล้ว มันดื้อดึงเหลือเกิน 10 ตอนนี้ อย่ามายุ่งกับเรา เพื่อความโกรธของเราจะได้เผาผลาญกลืนกินพวกมันจนหมด แล้วเราจะสร้างเจ้าขึ้นมาเป็นชนชาติใหม่”

11 โมเสสได้อ้อนวอนพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ อย่าปล่อยให้ความโกรธของพระองค์ เผาผลาญประชาชนของพระองค์เลย พระองค์เป็นผู้ที่พาคนพวกนี้ออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่และมือของพระองค์ที่ยื่นออกมาช่วย 12 พระองค์จะทำให้ชาวอียิปต์พูดได้ว่า ‘พระยาห์เวห์มีแผนชั่วในใจ ถึงได้พาชาวอิสราเอลออกมา เพื่อพระองค์จะได้ฆ่าพวกเขาที่ภูเขาและทำลายพวกเขาให้หมดสิ้นไปจากโลกนี้’ ขอให้หันจากความเกรี้ยวโกรธของพระองค์ด้วยเถิด และขอให้พระองค์เปลี่ยนใจ อย่าได้ทำสิ่งที่เลวร้ายกับประชาชนของพระองค์เลย 13 ขอให้พระองค์ระลึกถึงอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอล พวกผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ได้สาบานไว้กับพวกเขาโดยอ้างชื่อของพระองค์เองว่า ‘เราจะทำให้ลูกหลานของพวกเจ้าเพิ่มทวี อย่างกับดวงดาวบนท้องฟ้า และเราได้สัญญาว่าเราจะยกแผ่นดินทั้งหมดนี้ให้กับลูกหลานของพวกเจ้า และพวกเขาจะได้ครอบครองมันตลอดไป’”

14 แล้วพระยาห์เวห์ก็เปลี่ยนใจ เกี่ยวกับเรื่องเลวร้ายที่พระองค์บอกว่าจะทำกับประชาชนของพระองค์

15 แล้วโมเสสก็กลับลงมาจากภูเขา พร้อมกับถือแผ่นหินแห่งข้อตกลงสองแผ่นที่มีคำสั่ง[k] เขียนอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง 16 แผ่นหินนั้นเป็นผลงานของพระเจ้า ตัวหนังสือบนแผ่นหินก็เป็นลายมือของพระเจ้า สลักอยู่บนแผ่นหินทั้งสองนั้น

17 เมื่อโยชูวาได้ยินเสียงร้องตะโกนของประชาชน เขาจึงพูดกับโมเสสว่า “มีเสียงของสงครามอยู่ในค่าย”

18 โมเสสตอบว่า “เสียงที่เราได้ยินนั้น มันไม่ใช่เสียงร้องตะโกนแห่งชัยชนะหรือพ่ายแพ้ แต่เป็นเสียงร้องเพลง”

19 เมื่อโมเสสเข้ามาใกล้ค่าย เขาก็เห็นลูกวัวทองคำและการร้องรำทำเพลง โมเสสก็โกรธมาก จึงขว้างหินทั้งสองแผ่นนั้นจากมือ ทำให้มันแตกเป็นชิ้นๆอยู่ที่ตีนเขานั้น 20 แล้วโมเสสก็เอาลูกวัว ที่ประชาชนสร้างขึ้นมา เผาไฟ และบดจนเป็นผง แล้วโปรยลงในน้ำ และบังคับให้ประชาชนชาวอิสราเอลดื่มมัน

21 โมเสสพูดกับอาโรนว่า “คนพวกนี้ไปทำอะไรให้กับพี่หรือ พี่ถึงได้นำพวกเขาไปทำบาปอันยิ่งใหญ่มหาศาลนี้”

22 อาโรนตอบว่า “ขอเจ้านาย อย่าได้โกรธเลย ท่านก็รู้จักคนพวกนี้ดีอยู่แล้ว มันมีใจเอนเอียงที่จะทำชั่วอยู่แล้ว 23 พวกเขามาพูดกับผมว่า ‘สร้างพวกพระขึ้นมาให้กับเรา เพื่อมันจะได้นำหน้าพวกเราไป เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโมเสส ชายคนที่นำพวกเราออกมาจากแผ่นดินอียิปต์’ 24 ผมก็เลยบอกกับพวกเขาว่า ‘ใครที่มีทองคำ ก็ให้ถอดมาให้กับผม’ แล้วผมก็โยนมันเข้าไปในกองไฟ แล้วลูกวัวตัวนี้ก็ออกมา”

25 เมื่อโมเสสเห็นว่าประชาชนวุ่นวายมาก ไม่สามารถควบคุมได้แล้ว เพราะอาโรนได้ปล่อยพวกเขาจนไม่สามารถควบคุมได้ และนี่จะเป็นเหตุทำให้พวกศัตรูหัวเราะเยาะได้ 26 โมเสสจึงไปยืนอยู่ตรงประตูเข้าค่ายและพูดว่า “ใครที่อยู่ฝ่ายพระยาห์เวห์มาหาเรา” ชาวเลวีทั้งหมดได้มารวมตัวกับโมเสส

27 โมเสสพูดกับพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล พูดอย่างนี้ว่า ‘ให้ทุกคนพกดาบไว้ข้างตัว แล้วเข้าไปในค่าย แล้วให้เดินกลับไปกลับมาจากประตูด้านนี้ไปสุดด้านโน้น ฆ่าคนพวกนั้นให้หมด ไม่ว่าจะเป็นพี่น้อง เพื่อนฝูง หรือเพื่อนบ้านของท่านก็ตาม’”

28 ชาวเลวีก็ทำตามที่โมเสสพูด มีประชาชนตายประมาณสามพันคนในวันนั้น 29 โมเสสพูดว่า “ให้อุทิศตัวของพวกท่านให้กับพระยาห์เวห์ในวันนี้ รวมทั้งลูกชายและพี่น้องของท่าน แล้วพระยาห์เวห์จะอวยพรพวกท่านในวันนี้”

30 ในวันต่อมา โมเสสได้พูดกับประชาชนว่า “ท่านได้ทำบาปที่ยิ่งใหญ่มาก ตอนนี้เราจะขึ้นไปหาพระยาห์เวห์ เผื่อว่าเราอาจจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อพระองค์จะได้ยกโทษบาปให้กับพวกท่าน” 31 แล้วโมเสสก็กลับไปหาพระยาห์เวห์และพูดว่า “ได้โปรดเถิด คนเหล่านี้ได้ทำบาปอันใหญ่หลวง โดยสร้างพวกพระทองคำให้กับตัวเอง 32 เพราะอย่างนี้ ขอได้โปรดยกโทษให้กับความบาปของพวกเขาด้วยเถิด ถ้าพระองค์ไม่ยอม ก็ให้ลบชื่อของข้าพเจ้าออกจากสมุด[l]ของพระองค์ ที่พระองค์ได้เขียนไว้เถิด”

33 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ใครทำบาปต่อเรา เราจะลบชื่อของคนนั้นออกจากสมุดของเรา 34 ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว ไปนำประชาชนพวกนั้นไปยังที่ที่เราได้บอกกับเจ้าไว้ ทูตสวรรค์ของเราจะนำหน้าเจ้าไป แต่เมื่อเราลงโทษ เราจะลงโทษพวกเขาเพราะบาปของพวกเขา 35 ดังนั้น พระยาห์เวห์จึงทำให้เกิดโรคระบาดอย่างร้ายแรงกับพวกเขา เพราะพวกเขาบอกให้อาโรนทำลูกวัวทองคำขึ้นมา”

เราจะไม่ไปกับเจ้า

33 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ไปจากที่นี่ ทั้งเจ้าและประชาชนที่เจ้าได้พาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ไปยังแผ่นดินที่เราได้สาบานไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบว่า ‘เราจะยกแผ่นดินนั้นให้กับลูกหลานของเจ้า’ เราจะส่งทูตสวรรค์นำหน้าเจ้าไป และเราจะขับไล่ชาวคานาอัน ชาวอาโมไรต์ ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุส ออกจากที่แห่งนั้น ให้พวกเจ้าไปยังดินแดนที่อุดมสมบูรณ์[m] นั้น แต่เราจะไม่ไปกับพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าเป็นคนหัวแข็ง ดื้อรั้น เราเกรงว่าเราจะทำลายพวกเจ้าในระหว่างทาง”

เมื่อประชาชนได้ยินข่าวร้ายนี้ พวกเขาก็เศร้าโศกเสียใจ และไม่มีใครสวมใส่เครื่องประดับเลย พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้บอกกับประชาชนอิสราเอลว่า ‘พวกเจ้าเป็นคนหัวแข็ง ดื้อรั้น ถ้าเราไปกับเจ้าแค่ครู่เดียว เราจะต้องทำลายเจ้าแน่ ตอนนี้ให้ถอดเครื่องประดับออก[n] และเราจะตัดสินใจว่า เราจะจัดการกับพวกเจ้ายังไงดี’” ประชาชนชาวอิสราเอลจึงถอดเครื่องประดับของพวกเขา ตั้งแต่อยู่ที่ภูเขาโฮเรบเป็นต้นมา

เต็นท์นัดพบชั่วคราว

โมเสสเคยตั้งเต็นท์หลังหนึ่งนอกค่าย ห่างออกไปจากค่าย และเขาเรียกมันว่าเต็นท์นัดพบ ใครที่แสวงหาพระยาห์เวห์ ก็จะออกมาที่เต็นท์หลังนี้ที่อยู่นอกค่าย เมื่อโมเสสออกไปที่เต็นท์นัดพบ ประชาชนทั้งหมดก็จะลุกขึ้น และยืนอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์ของแต่ละคน พวกเขาจะเฝ้าดูโมเสส จนกระทั่งโมเสสเข้าไปในเต็นท์นั้น เมื่อโมเสสเข้าไปในเต็นท์ เสาเมฆก็จะลอยลงมาอยู่ตรงทางเข้าของเต็นท์นัดพบนั้น และพระยาห์เวห์ก็จะพูดกับโมเสส 10 เมื่อประชาชนทุกคนเห็นเสาเมฆลอยลงมาอยู่ตรงทางเข้าของเต็นท์นัดพบ พวกเขาทั้งหมดก็จะก้มกราบลงที่ตรงทางเข้าเต็นท์ของตัวเอง

11 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสแบบซึ่งๆหน้า เหมือนกับที่คนคุยกับเพื่อนของเขา และเมื่อโมเสสกลับมาที่ค่าย โยชูวาผู้ช่วยของเขา ลูกของนูน ก็จะยังคงอยู่ที่เต็นท์นั้น

โมเสสเห็นรัศมีของพระยาห์เวห์

12 โมเสสพูดกับพระยาห์เวห์ว่า “ดูสิ พระองค์บอกกับข้าพเจ้าว่า ‘ให้นำประชาชนเหล่านี้ขึ้นไป’ แต่พระองค์ไม่ได้เปิดเผยว่าพระองค์จะส่งใครไปกับข้าพเจ้าบ้าง พระองค์พูดว่า ‘เรารู้จักเจ้าดี และเราก็ชื่นชอบเจ้าด้วย’ 13 ตอนนี้ ถ้าข้าพเจ้าเป็นที่ชื่นชอบในสายตาของพระองค์ ขอพระองค์เปิดเผยทางของพระองค์ให้ข้าพเจ้าได้รู้จักด้วยเถิด เพื่อข้าพเจ้าจะได้รู้จักพระองค์ และเป็นที่ชื่นชอบในสายตาของพระองค์ อย่าลืมว่าประชาชนพวกนี้เป็นชนชาติของพระองค์เอง”

14 พระยาห์เวห์พูดว่า “ตัวเราจะไปกับเจ้า และนำทางเจ้า”

15 โมเสสพูดกับพระองค์ว่า “ถ้าพระองค์ไม่ไป ก็ขออย่าได้นำพวกข้าพเจ้าไปจากที่นี่เลย 16 ถ้าพระองค์ไม่ไปกับพวกข้าพเจ้า แล้วจะมีอะไรแสดงให้เห็นว่า พระองค์พอใจในตัวข้าพเจ้าและคนของพระองค์ แล้วข้าพเจ้าและคนของพระองค์จะแตกต่างจากชนชาติอื่นๆบนพื้นแผ่นดินโลกนี้อย่างไร”

17 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “เราจะทำตามสิ่งที่เจ้าได้พูดมานี้ เพราะเราชอบใจในตัวเจ้า และเรารู้จักเจ้าดี”

18 โมเสสพูดว่า “ขอได้โปรดแสดงรัศมีของพระองค์ให้ข้าพเจ้าเห็นด้วยเถิด”

19 พระยาห์เวห์จึงพูดว่า “เราจะทำให้ความดีทั้งหมดของเรา ผ่านไปต่อหน้าเจ้า และเราจะเรียกชื่อพระยาห์เวห์ต่อหน้าเจ้า เราอยากจะทำดีกับใคร เราก็จะทำดีกับคนนั้น เราอยากจะเมตตาใคร เราก็จะเมตตาคนนั้น” 20 พระยาห์เวห์พูดว่า “เจ้าจะไม่สามารถมองหน้าเราได้ เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนที่เห็นหน้าเรา แล้วยังมีชีวิตอยู่ได้”

21 พระยาห์เวห์พูดว่า “มีที่อยู่แห่งหนึ่งใกล้ๆเรา เจ้าไปยืนอยู่บนก้อนหินนั้นได้ 22 เมื่อรัศมีของเราผ่านไป เราจะเอาเจ้าใส่เข้าไปในซอกหิน และเราจะเอามือเราปิดเจ้าไว้ที่นั่น จนกว่าเราได้ผ่านไป 23 แล้วเมื่อเราเอามือออกจากเจ้า เจ้าก็จะได้เห็นหลังของเรา แต่จะไม่เห็นหน้าของเรา”

แผ่นหินชุดใหม่

(ฉธบ. 10:1-5)

34 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้ตัดหินมาสองแผ่น เหมือนกับสองแผ่นแรก เราจะเขียนบัญญัติลงบนแผ่นหินสองแผ่นนี้ เป็นบัญญัติเดียวกับที่ได้เขียนไว้แล้วบนแผ่นหินสองแผ่นแรก ที่เจ้าได้ทำแตกเป็นชิ้นๆ ให้เตรียมพร้อมในตอนเช้า ให้ขึ้นไปบนภูเขาซีนาย และคอยเราอยู่บนยอดเขานั้น อย่าให้ใครขึ้นมากับเจ้า อย่าให้เราเห็นใครบนภูเขานั้น และอย่าให้ฝูงแกะ ฝูงวัวไปกินหญ้าที่เชิงเขานั้นด้วย”

แล้วโมเสสก็ได้ตัดหินมาสองแผ่น เหมือนกับหินสองแผ่นแรก โมเสสลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ และขึ้นไปยังภูเขาซีนาย ตามที่พระยาห์เวห์สั่งเขาไว้ และนำแผ่นหินสองแผ่นนั้นไปด้วย พระยาห์เวห์ลงมาในเมฆและยืนอยู่กับเขาที่นั่น และโมเสสเรียกชื่อพระยาห์เวห์[o]

พระยาห์เวห์ผ่านหน้าโมเสสไป และประกาศว่า “เราคือยาห์เวห์ ยาห์เวห์ พระเจ้าผู้ซึ่งเห็นอกเห็นใจและเมตตากรุณา ผู้ซึ่งโกรธช้า เต็มไปด้วยความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์ ผู้ซึ่งเก็บความจงรักภักดีไว้ให้กับคนเป็นพันๆรุ่น และยกโทษให้กับความผิดทั้งหลาย การกบฏต่างๆรวมทั้งพวกบาปของพวกเขา แต่เราจะไม่ปล่อยให้คนผิดพ้นโทษเป็นอันขาด เราจะลงโทษพวกเขาไปสามสี่ชั่วคนสำหรับความผิดที่พ่อแม่เขาทำ”

โมเสสรีบก้มกราบลงกับพื้น และนมัสการพระองค์ โมเสสพูดว่า “ถ้าข้าพเจ้าเป็นที่ชื่นชอบในสายตาพระองค์ ขอให้พระองค์อยู่ท่ามกลางพวกข้าพเจ้าด้วยเถิด ถึงแม้ว่าประชาชนเหล่านั้นจะเป็นคนดื้อรั้นหัวแข็ง ขอให้พระองค์ยกโทษให้กับความชั่วช้าและความบาปของพวกข้าพเจ้า และรับพวกข้าพเจ้าไว้เป็นมรดกของพระองค์ด้วยเถิด”

รื้อฟื้นข้อตกลงขึ้นใหม่

(อพย. 23:14-19; ฉธบ. 7:1-5; 16:1-17)

10 พระยาห์เวห์พูดว่า “เรากำลังจะทำข้อตกลง เราจะทำสิ่งมหัศจรรย์ต่อหน้าคนของเจ้าทั้งหมด เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่เคยทำมาก่อนในโลกท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย ประชาชนทั้งหมดที่อยู่กับเจ้า จะได้เห็นผลงานของพระยาห์เวห์ เพราะสิ่งที่เรากำลังจะทำกับเจ้านั้นเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง 11 ให้เชื่อฟังสิ่งที่เราได้สั่งเจ้าในวันนี้ แล้วคอยดู เราจะขับไล่ชาวอาโมไรต์ ชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุส ไปต่อหน้าเจ้า 12 ระวังตัวให้ดี อย่าได้ไปทำข้อตกลงใดๆกับชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินที่เจ้ากำลังจะไปนั้น เพื่อพวกเขาจะได้ไม่เป็นกับดักท่ามกลางเจ้า 13 แต่เจ้าจะต้องรื้อแท่นบูชาของพวกเขา ทุบพวกเสาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาให้แตกเป็นชิ้นๆและโค่นบรรดาเสาของพระอาเชราห์ของพวกเขา 14 เจ้าจะต้องไม่ก้มกราบพระอื่นใด เพราะชื่อของเราคือ ยาห์เวห์ผู้หึงหวง เราเป็นพระเจ้าที่หึงหวง

15 พวกเจ้าต้องระวังที่จะไม่ไปทำข้อตกลงกับชาวเมืองในแผ่นดินนั้น เพราะถ้าเจ้าทำอย่างนั้น เจ้าก็จะนอกใจพระเจ้า ไปติดตามและเซ่นไหว้พวกพระของพวกเขา และเมื่อพวกเขาเชิญเจ้าไปกินอาหาร เจ้าก็จะไปกินอาหารที่เขาเอาไปเซ่นไหว้พระของเขามา 16 เจ้าก็จะไปเอาลูกสาวของพวกเขามาเป็นเมียลูกชายของพวกเจ้า แล้วลูกสาวของพวกเขาก็จะไปนมัสการพวกพระของพวกเขา และจะพลอยทำให้ลูกชายของเจ้าไปนมัสการพวกพระเหล่านั้นด้วย ซึ่งเป็นการนอกใจพระเจ้า

17 เจ้าต้องไม่สร้างพวกพระที่หล่อขึ้นจากเหล็ก[p]

18 เจ้าต้องรักษาเทศกาลกินขนมปังที่ไม่ใส่เชื้อฟู เจ้าต้องกินขนมปังที่ไม่ใส่เชื้อฟูเป็นเวลาเจ็ดวัน ตามวันที่เราได้กำหนดไว้ในเดือนอาบีบ[q] เพราะเดือนอาบีบเป็นเดือนที่เจ้าออกจากประเทศอียิปต์

19 ลูกชายทุกคนที่เกิดออกมาเป็นท้องแรก จะเป็นของเรา ลูกตัวผู้ของสัตว์ทุกตัว ที่เกิดออกมาเป็นท้องแรก จะเป็นของเรา ไม่ว่าจะเป็นลูกของวัวควายหรือแกะ 20 ลูกลาที่เกิดออกมาเป็นท้องแรก ถ้าเจ้าอยากจะซื้อคืนก็ให้เอาแกะมาแลก แต่ถ้าเจ้าไม่ต้องการซื้อลูกลาตัวนั้นคืน เจ้าต้องหักคอมัน เจ้าจะต้องซื้อลูกชายหัวปีของพวกเจ้าคืนทุกคน อย่าให้ใครเข้ามาหาเรามือเปล่า

21 เจ้าทำงานได้ในหกวัน แต่ในวันที่เจ็ด เจ้าต้องพักผ่อน ถึงจะเป็นช่วงทำนาหรือช่วงเก็บเกี่ยวก็ตาม เจ้าก็ต้องพักผ่อน

22 เจ้าต้องรักษาเทศกาลแห่งสัปดาห์ ให้ใช้ผลผลิตแรกที่ได้จากการเก็บเกี่ยวข้าวสาลีในเทศกาลนี้ และในฤดูใบไม้ร่วง ให้ฉลองเทศกาลเก็บเกี่ยวปลายปี

23 พวกผู้ชายทุกๆคนท่ามกลางเจ้าจะต้องมาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระเจ้าของอิสราเอล ปีละสามครั้ง

24 เราจะขับไล่ชนชาติอื่นออกไปจากเจ้า และจะขยายเขตแดนของเจ้า เมื่อเจ้าขึ้นไปอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าปีละสามครั้งนั้น จะไม่มีใครพยายามมาแย่งที่ดินของเจ้า

25 ห้ามเอาเลือดของเครื่องเซ่นไหว้เรา มาถวายพร้อมกับของที่ใส่เชื้อฟู และเครื่องเซ่นไหว้ในเทศกาลปลดปล่อยนั้น ห้ามเหลือค้างคืนจนถึงวันรุ่งขึ้น

26 ทุกๆปี เจ้าต้องเอาผลผลิตที่ดีที่สุด ที่เก็บเกี่ยวครั้งแรกในปีนั้นไปยังสถานที่นมัสการพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า

เจ้าต้องไม่ต้มลูกแพะในน้ำนมของแม่มัน”

27 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ให้เขียนคำสั่งพวกนี้ลงไป เพราะคำสั่งพวกนี้ เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่เราทำกับเจ้าและกับชาวอิสราเอล”

28 โมเสสอยู่ที่นั่นกับพระยาห์เวห์สี่สิบวัน สี่สิบคืน เขาไม่ได้กินอาหารหรือดื่มน้ำเลย เขาเขียนคำสั่งต่างๆของข้อตกลงทั้งสิบข้อลงบนแผ่นหินสองแผ่นนั้น

ใบหน้าที่สว่างจ้าของโมเสส

29 เมื่อโมเสสลงมาจากภูเขาซีนาย เขาถือแผ่นหินคำสอน[r] สองแผ่นแห่งข้อตกลงนั้นในมือ โมเสสไม่รู้ว่าผิวหน้าของเขาเรืองแสงออกมา เพราะพระยาห์เวห์ได้พูดกับเขา 30 เมื่ออาโรนและประชาชนชาวอิสราเอลเห็นโมเสส พร้อมกับใบหน้าที่สว่างจ้า พวกเขาไม่กล้าเข้ามาหาโมเสส 31 โมเสสจึงเรียกพวกเขา อาโรนและพวกผู้นำทั้งหมดของที่ชุมนุมก็มาหาโมเสส โมเสสพูดกับพวกเขา 32 หลังจากนั้น ประชาชนชาวอิสราเอลก็เข้ามาหาโมเสส แล้วโมเสสก็ได้สั่งพวกเขาถึงสิ่งทั้งหมดที่พระยาห์เวห์ได้บอกเขาบนภูเขาซีนาย

33 เมื่อโมเสสพูดกับพวกเขาเสร็จ เขาก็เอาผ้าคลุมมาปิดหน้าไว้ 34 เมื่อโมเสสมาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ โมเสสก็เอาผ้าคลุมหน้าออก จนกว่าเขาจะออกมาจากเต็นท์นัดพบ เขาก็จะบอกกับชาวอิสราเอลถึงสิ่งที่เขาได้รับคำสั่งมา 35 พวกคนอิสราเอลเห็นว่าผิวของโมเสสส่องแสง ดังนั้น โมเสสจึงเอาผ้ามาคลุมหน้าไว้ จนกว่าเขากลับไปพูดกับพระยาห์เวห์อีก

กฎระเบียบเกี่ยวกับวันหยุดทางศาสนา

35 โมเสสได้รวบรวมที่ชุมนุมทั้งหมดของประชาชนชาวอิสราเอล และพูดกับพวกเขาว่า “นี่คือคำสั่งต่างๆที่พระยาห์เวห์สั่งให้ทำ

ให้ทำงานหกวัน แต่ในวันที่เจ็ด พวกท่านจะต้องมีวันหยุดอันศักดิ์สิทธิ์ให้กับพระยาห์เวห์ ใครก็ตามที่ทำงานในวันหยุดทางศาสนาจะต้องถูกฆ่า ในวันหยุดทางศาสนานี้ ท่านต้องไม่ก่อไฟในที่อยู่อาศัยของท่านเลย”

ของถวายต่างๆสำหรับเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์

(อพย. 25:1-9)

โมเสสพูดกับที่ชุมนุมของประชาชนชาวอิสราเอลว่า “นี่คือคำสั่งที่พระยาห์เวห์สั่งให้มาบอก คือ ‘ให้รวบรวมพวกของถวายมาให้กับพระยาห์เวห์ ทุกคนที่อยากจะถวายอะไร ก็ให้เอาของขวัญนั้นมาถวายให้กับพระยาห์เวห์ ทั้งทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ ด้ายสีน้ำเงิน สีม่วงและสีแดงเข้ม ผ้าลินินอย่างดี และขนแพะ หนังที่ทำจากแกะตัวผู้ หนังปลาโลมา ไม้กระถิน น้ำมันสำหรับจุดไฟ เครื่องเทศเพื่อทำน้ำมันเจิม และทำเครื่องหอม หินจำพวกนิลและพลอยอื่นๆที่จะฝังในเอโฟดและถุงผ้าทับอก

10 ใครก็ตามที่มีฝีมือในหมู่พวกท่าน ก็ให้มาสร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้ 11 คือ เต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ เต็นท์ ผ้าคลุมเต็นท์ ตะขอเกี่ยว กรอบเต็นท์ กลอน เสา และฐานรองเสาของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 12 หีบศักดิ์สิทธิ์ คานหาม ที่ความไม่บริสุทธิ์จากบาปจะถูกชำระ และผ้าม่านกั้น 13 โต๊ะกับไม้คานหามโต๊ะ และเครื่องใช้ทั้งปวงที่ใช้กับโต๊ะ ขนมปังที่วางไว้ต่อหน้าพระยาห์เวห์ 14 ตะเกียงที่มีขาตั้งเพื่อที่จะให้แสงสว่าง และอุปกรณ์ทั้งหมดของมัน พวกตะเกียงของมัน และน้ำมันเติมตะเกียงเพื่อให้แสงสว่าง

15 แท่นบูชาเผาเครื่องหอมและคานหามของมัน น้ำมันเจิม เครื่องหอม ฉากบังประตูทางเข้าเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 16 แท่นบูชาเผาเครื่องเผาบูชาและตะแกรงทองสัมฤทธิ์ที่เป็นของมัน ไม้คานหามของมัน และอุปกรณ์ทั้งหมดของมัน อ่างน้ำและฐานรองของมัน 17 ผ้าม่านรอบๆลาน พวกเสาและฐานรองเสา ฉากกั้นตรงทางเข้าลาน 18 พวกหมุดยึดเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ และหมุดสำหรับลานกับเชือกของมัน 19 ผ้าที่ประดับด้วยเกลียวทองเพื่อใช้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักบวชอาโรนและพวกลูกชายของเขา เพื่อให้พวกเขาเป็นนักบวชรับใช้เรา’”

ของถวายจำนวนมากจากประชาชน

20 แล้วที่ชุมนุมของชาวอิสราเอลทั้งหมดก็ออกไปจากโมเสส 21 ทุกคนที่เต็มใจจะช่วยก็มา ทุกคนที่พระวิญญาณกระตุ้นก็นำของขวัญมาให้กับพระยาห์เวห์ ของขวัญพวกนี้เอามาเพื่อสร้างเต็นท์นัดพบ และเพื่อการรับใช้ทั้งหมดในเต็นท์นั้น และเพื่อทำเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์ 22 ทั้งชายและหญิงต่างพากันมา ทุกคนที่เต็มใจ ก็เอาเข็มกลัด ต่างหู แหวนตรา กำไลข้อมือและเครื่องประดับที่เป็นทองคำอื่นๆมาให้ ทุกคนก็เอาทองคำมาถวายให้กับพระยาห์เวห์

23 คนที่มีด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง หรือสีแดงเข้ม และผ้าลินินอย่างดี ขนแพะ หนังแกะตัวผู้ และหนังปลาโลมา พวกเขาก็เอามาให้ 24 คนที่อยากจะให้เงินหรือทองสัมฤทธิ์กับพระยาห์เวห์ ก็เอามาให้ คนที่มีไม้กระถินที่ใช้ในงานนี้ได้ก็เอามาให้เหมือนกัน 25 ผู้หญิงที่มีความสามารถในการปั่นด้ายด้วยมือ ก็เอาด้ายที่ปั่นมาให้ ทั้งด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดงเข้มและผ้าลินินอย่างดี 26 พวกผู้หญิงที่มีใจอยากจะช่วย และมีความสามารถในการปั่นขนแพะก็มาช่วย

27 พวกผู้นำก็นำหินจำพวกโมราที่จะฝังในเอโฟดและถุงผ้าทับอก 28 รวมทั้งเครื่องเทศและน้ำมันสำหรับจุดตะเกียง น้ำมันเจิมและน้ำมันทำเครื่องหอมมาให้

29 ทั้งชายและหญิง ทุกคนต่างก็เต็มใจเอาของต่างๆมาให้ ที่จะใช้สำหรับงานที่พระยาห์เวห์ได้สั่งผ่านมาทางโมเสส ลูกหลานชาวอิสราเอลก็ได้นำของต่างๆมาถวายเป็นของขวัญให้กับพระยาห์เวห์ด้วยความเต็มใจ

เบซาเลลและโอโฮลีอับ

(อพย. 31:1-11)

30 โมเสสพูดกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า “ดูเถิด พระยาห์เวห์ได้เลือกเบซาเลลมา เบซาเลลเป็นลูกชายของอุรี อุรีเป็นลูกชายของเฮอร์ จากเผ่ายูดาห์ 31 พระองค์ได้เติมเขาให้เต็มไปด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า พระองค์ทำให้เขามีความชำนาญ ความเข้าใจ และความรู้ เพื่อจะได้ทำงานในด้านต่างๆ 32 เพื่อออกแบบงานเครื่องทอง เครื่องเงินและทองสัมฤทธิ์ 33 เขาสามารถเจียระไนหินประดับชนิดต่างๆไว้ใส่ในตัวเรือน และแกะสลักไม้ เพื่อใช้ในงานประณีตทุกอย่าง 34 พระยาห์เวห์ได้ให้เบซาเลลและโอโฮลีอับ มีความสามารถในการสอนด้วย โอโฮลีอับเป็นลูกชายของอาหิสะมัค จากเผ่าดาน 35 พระยาห์เวห์ได้ทำให้เขาทั้งสองเต็มไปด้วยความเชี่ยวชาญในงานทุกด้าน ทั้งงานฝีมือ งานออกแบบ งานเย็บปักด้วยด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดงเข้มและผ้าลินินอย่างดี และงานทอ พวกเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง และสามารถวางแผนในการออกแบบด้วย”

36 เบซาเลลและโอโฮลีอับกับช่างผู้ชำนาญงานก็ได้มาทำงานตามที่พระยาห์เวห์สั่งให้ทำทุกอย่าง พระยาห์เวห์ได้ให้ความชำนาญและสติปัญญากับพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้รู้วิธีสร้างทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการรับใช้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นั้น โมเสสได้เรียกเบซาเลล โอโฮลีอับกับช่างผู้ชำนาญทั้งหมดที่พระยาห์เวห์ได้ให้ความสามารถ คือทุกคนที่มีใจมาช่วยทำงานนี้ โมเสสได้เอาของถวายทั้งหมดที่ลูกหลานชาวอิสราเอลเอามาถวายนั้นให้กับพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้เอาไปใช้สำหรับงานรับใช้ที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นั้น ชาวอิสราเอลยังคงเอาของมาถวายให้ทุกๆเช้าด้วยความเต็มใจ แล้วช่างผู้ชำนาญทุกคน จากแต่ละแผนก ที่ทำงานสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ได้มาหาโมเสส และพูดกับโมเสสว่า “คนเอาของมาให้มากเกินไปแล้วสำหรับงานที่พระยาห์เวห์สั่งให้ทำ”

โมเสสจึงสั่งการไป และพวกเขาก็ประกาศไปทั่วค่ายว่า “ชายหญิงทั้งหลาย ไม่ต้องทำของถวายอะไรอีกแล้วสำหรับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์” ประชาชนก็เลยหยุดเอาของมาให้ เพราะประชาชนได้เอาของมาให้เกินพอแล้วสำหรับงานที่จะทำทั้งหมด

เต็นท์ศักดิ์สิทธิ์

(อพย. 26:1-37)

ช่างผู้ชำนาญทั้งหลาย ได้สร้างเต็นท์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยผ้าม่านสิบผืน ที่ทำจากผ้าลินินทอเนื้อดี และผ้าที่ทอจากด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง และสีแดงเข้ม เขาได้ปักลายเครูบ ที่ได้ออกแบบมาอย่างประณีตลงบนผ้าม่านเหล่านั้น ผ้าม่านแต่ละผืนยาวยี่สิบแปดศอก[s] และกว้างสี่ศอก[t] ทุกผืนมีขนาดเท่ากันหมด 10 เบซาเลลได้เอาผ้าม่านห้าผืนมาเกี่ยวเข้าด้วยกัน และเอาผ้าม่านอีกห้าผืนมาเกี่ยวเข้าด้วยกันอีกชุดหนึ่ง 11 เขาเอาผ้าสีน้ำเงินมาทำเป็นหู ติดไว้ที่ขอบของผ้าม่านชุดแรก และทำแบบเดียวกันกับขอบของผ้าม่านชุดที่สอง 12 เขาทำหูห้าสิบหูสำหรับผ้าม่านชุดแรก และทำอีกห้าสิบหูสำหรับผ้าม่านชุดที่สอง หูของผ้าม่านสองชุดนี้จะอยู่ตรงข้ามกัน 13 เขาเอาทองคำมาทำเป็นตะขอห้าสิบอัน เพื่อใช้เกี่ยวผ้าม่านสองชุดนั้นเข้าด้วยกัน เพื่อให้เต็นท์ศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นชิ้นเดียวกัน

14 เขาทำผ้าม่านด้วยขนแพะสำหรับเต็นท์ ที่จะเอามาคลุมเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์อีกชั้นหนึ่ง เขาทำผ้าม่านขนแพะทั้งหมดสิบเอ็ดผืน 15 ผ้าม่านแต่ละผืนยาวสามสิบศอก[u] และกว้างสี่ศอก ทั้งสิบเอ็ดผืนมีขนาดเท่ากันหมด 16 เขาเอาผ้าม่านห้าผืนมาต่อติดกัน และเอาผ้าม่านอีกหกผืนมาต่อติดกัน 17 เขาได้ทำหูห้าสิบหูติดไว้ที่ขอบของผ้าม่านชิ้นบนสุดของชุดแรก และทำอีกห้าสิบหูติดไว้ที่ขอบของผ้าม่านชิ้นบนสุดของชุดที่สอง 18 เขาได้เอาทองสัมฤทธิ์ มาทำตะขอ ห้าสิบอัน เพื่อใช้เกี่ยวผ้าม่านทั้งสองชุดเข้าด้วยกัน เป็นเต็นท์หลังเดียวกัน 19 เขาได้ทำที่คลุมเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ไว้สองชั้น ชั้นในทำจากหนังแกะตัวผู้ ชั้นนอกทำจากหนังปลาโลมา

20 เขาได้สร้างกรอบไม้กระถินให้ตั้งขึ้นเพื่อค้ำเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 21 กรอบแต่ละกรอบมีความยาวสิบศอก[v] กว้างหนึ่งศอกครึ่ง 22 กรอบไม้กระถินแต่ละกรอบมีเดือยกรอบละสองเดือย ซึ่งถูกยึดประกบติดกันไว้ เขาสร้างกรอบไม้กระถินทั้งหมดสำหรับเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยวิธีเดียวกันนี้ 23 เขาสร้างกรอบไม้กระถินยี่สิบกรอบสำหรับทางด้านใต้ของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 24 แล้วทำฐานเงินสี่สิบฐานไว้ใต้กรอบไม้ยี่สิบกรอบ กรอบไม้หนึ่งกรอบมีฐานสองฐานรองรับเดือยสองเดือยของมัน 25 เขายังทำกรอบไม้กระถินอีกยี่สิบกรอบสำหรับทางทิศเหนือของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 26 พร้อมทั้งฐานเงินอีกสี่สิบฐาน กรอบไม้หนึ่งกรอบใช้ฐานเงินสองฐาน 27 ส่วนทางทิศตะวันตก ที่เป็นด้านหลังของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์นั้น เขาก็ทำกรอบไม้ไว้หกกรอบ 28 เขาทำกรอบไม้อีกสองกรอบสำหรับมุมทางด้านหลังของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 29 กรอบไม้นั้นมีมุมแยกกันข้างล่าง แต่ตอนบนมุมเหล่านั้นถูกยึดติดกันด้วยห่วง เขาทำสองชุดอย่างนั้น สำหรับสองมุม 30 รวมทั้งหมดมีกรอบไม้แปดกรอบ ฐานเงินสิบหกฐาน มีสองฐานอยู่ใต้กรอบแต่ละกรอบ

31 เขาทำไม้สำหรับขัดฝาห้าอันด้วยไม้กระถิน สำหรับขัดพวกกรอบไม้ด้านหนึ่งของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 32 และอีกห้าอันสำหรับขัดพวกกรอบไม้อีกด้านหนึ่งของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ และอีกห้าอันสำหรับขัดพวกกรอบด้านหลังทางทิศตะวันตกของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ 33 เขาได้ทำไม้สำหรับขัดไว้สอดเข้าช่วงกลางของกรอบไม้ ตั้งแต่ปลายด้านนี้ไปสุดปลายอีกด้านหนึ่ง 34 เขาได้เคลือบกรอบไม้ด้วยทองคำ และทำห่วงทองคำเพื่อสอดไม้สำหรับขัดเหล่านั้นเข้าไป และเคลือบไม้สำหรับขัดเหล่านั้นด้วยทองคำ

35 เขาทำม่านกั้นด้วยผ้าทอจากด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดงเข้ม และผ้าทอลินิน ที่ได้ปักลายเครูบไว้อย่างประณีต 36 เขาได้สร้างเสาสี่สิบเสาด้วยไม้กระถิน และเคลือบเสาเหล่านั้นและตะขอเกี่ยวเสานั้นด้วยทองคำ เขาหล่อฐานเงินสี่ฐานด้วยเพื่อรองรับเสา 37 เขาทำฉากกั้นไว้ที่ช่องทางเข้าเต็นท์ ด้วยผ้าทอจากด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดงเข้ม และผ้าทอลินิน 38 เขาทำเสาห้าเสาและตะขอของเสาเหล่านั้น เขาเคลือบยอดเสาและห่วงของมันด้วยทองคำ และฐานเสาห้าฐานนั้นเป็นทองสัมฤทธิ์

หีบศักดิ์สิทธิ์

(อพย. 25:10-22)

37 เบซาเลลเอาไม้กระถินมาทำหีบ หีบนี้มีความยาวสองศอกครึ่ง[w] กว้างหนึ่งศอกครึ่ง[x] สูงหนึ่งศอกครึ่ง แล้วเขาก็เอาทองคำบริสุทธิ์มาเคลือบหีบนี้ ทั้งด้านในและด้านนอก และเอาทองคำมาทำขอบรอบๆหีบด้วย เขาเอาทองคำมาทำเป็นห่วงสี่ห่วง เอาไว้ติดที่สี่มุมของหีบ ด้านละสองห่วง เบซาเลลเอาไม้กระถินมาทำคานหาม และเคลือบคานทั้งสองนั้นด้วยทองคำ แล้วเขาก็เอาคานหามสองอันนั้นไปสอดเข้ากับห่วงที่อยู่ด้านข้างของหีบทั้งสองด้าน เพื่อเอาไว้หามหีบนั้น เบซาเลลทำฝาหีบที่ความไม่บริสุทธิ์จากบาปจะถูกชำระ ฝาหีบนี้ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ ยาวสองศอกครึ่ง กว้างหนึ่งศอกครึ่ง เขาเอาค้อนมาทุบทองคำขึ้นรูปเป็นรูปเครูบสององค์ แล้วเอาไปติดตั้งไว้ที่ปลายทั้งสองด้านตรงฝาหีบที่ความไม่บริสุทธิ์จากบาปจะถูกชำระ เขาวางเครูบองค์หนึ่งไว้ที่ปลายด้านหนึ่ง และอีกองค์ไว้อีกปลายหนึ่ง แล้วเขาก็ทำให้เครูบทั้งสองนี้ติดเป็นเนื้อเดียวกันกับฝาหีบที่ความไม่บริสุทธิ์จากบาปจะถูกชำระ เครูบทั้งสององค์นี้มีปีกทั้งสองข้างที่กางออก ปีกด้านหนึ่งของเครูบนั้น ทำให้เกิดเงาขึ้นบนฝาหีบที่ความไม่บริสุทธิ์จากบาปจะถูกชำระ และเครูบทั้งสองก็หันหน้าเข้าหากัน ทั้งสองได้หันหน้าไปทางที่ซึ่งความไม่บริสุทธิ์จากบาปจะถูกชำระ

โต๊ะวางขนมปัง

(อพย. 25:23-30)

10 เบซาเลลได้เอาไม้กระถินมาทำโต๊ะ ขนาดยาวสองศอก[y] กว้างหนึ่งศอก[z] และสูงหนึ่งศอกครึ่ง 11 เขาเคลือบโต๊ะนั้นด้วยทองคำบริสุทธิ์ และประดิษฐ์ลวดลายด้วยทองคำบริสุทธิ์รอบๆโต๊ะ 12 เขาทำกรอบกว้างหนึ่งฝ่ามือรอบๆโต๊ะ และทำลวดลายบนกรอบรอบๆโต๊ะนั้น 13 เขาเอาทองคำมาหล่อห่วงสี่ห่วง และติดมันไว้ตรงมุมขาโต๊ะทั้งสี่ขา 14 ห่วงทั้งสี่ห่วงจะต้องอยู่ติดกับกรอบเพื่อยึดคานไว้เวลาหามโต๊ะ 15 เขาเอาไม้กระถินมาทำคานหามสองอัน และเคลือบคานทั้งสองด้วยทองคำ คานนี้เอาไว้หามโต๊ะ 16 เขาเอาทองคำบริสุทธิ์มาทำภาชนะต่างๆที่จะใช้บนโต๊ะนั้น ซึ่งได้แก่ พวกจาน ชาม อ่าง และไหรินเครื่องดื่มบูชา

ตะเกียงที่มีขาตั้ง

(อพย. 25:31-40)

17 เขาทำตะเกียงที่มีขาตั้งด้วย จากทองคำบริสุทธิ์ เขาขึ้นรูปฐานและลำตัวของตะเกียงที่มีขาตั้งด้วยค้อน ส่วนฐานดอก ตัวดอก และกลีบดอกเขาทำติดเป็นเนื้อเดียวกัน

18 มีก้านหกก้านยื่นออกมาจากลำตัวของตะเกียงที่มีขาตั้งนั้น ข้างละสามก้าน 19 แต่ละก้านมีดอกไม้สามดอกที่เหมือนดอกอัลมอนด์ ทุกๆดอกมีฐานดอกและกลีบดอก เป็นอย่างนี้ทั้งหกก้าน 20 ส่วนลำตัวตะเกียงที่มีขาตั้งนั้น มีถ้วยสี่ใบที่มีรูปร่างเหมือนกับดอกอัลมอนต์และมีฐานดอกและกลีบดอก 21 ใต้กิ่งทุกๆคู่ ทั้งหกกิ่งที่ยื่นออกมาจากลำตัวโคมนั้นมีฐานดอกติดเป็นเนื้อเดียวกัน 22 ฐานดอกและก้านเหล่านั้นติดเป็นเนื้อเดียวกัน ทุกชิ้นส่วนของตะเกียงที่มีขาตั้งนั้น ใช้ค้อนตีขึ้นรูปจากทองคำบริสุทธิ์ 23 เบซาเลลได้ทำตะเกียง[aa] เจ็ดดวง กรรไกรตัดไส้ตะเกียงและถาดใส่ไส้ตะเกียงที่ถูกตัดออกนั้น ทำจากทองคำบริสุทธิ์ 24 เขาใช้ทองคำบริสุทธิ์ไปทั้งหมดหนึ่งตะลันต์[ab] ในการทำตะเกียงที่มีขาตั้งนี้ และอุปกรณ์ทั้งหมดของมัน

แท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอม

(อพย. 30:1-5)

25 เบซาเลลเอาไม้กระถินมาทำแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอม ซึ่งมีความยาวหนึ่งศอก กว้างหนึ่งศอก เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส และสูงสองศอก ส่วนปลายเชิงงอนทำจากไม้ชิ้นเดียวกัน 26 เขาเอาทองคำบริสุทธิ์มาเคลือบแท่นบูชานี้ ทั้งด้านบน ด้านข้างโดยรอบ และที่ปลายเชิงงอน และเขาเอาทองคำมาทำขอบโดยรอบ 27 เขาทำห่วงทองคำสองห่วงติดไว้ที่ใต้ขอบทั้งสองด้าน ตรงข้ามกัน เอาไว้สำหรับสอดคานเวลาหามแท่นบูชาขึ้น 28 เขาเอาไม้กระถินมาทำคานหาม แล้วเคลือบทองคำทับอีกทีหนึ่ง

29 เขาทำน้ำมันศักดิ์สิทธิ์สำหรับเจิม[ac] และเครื่องหอมบริสุทธิ์ ทั้งสองอย่างทำแบบเดียวกับที่คนทำน้ำหอมเขาทำกัน

แท่นบูชาสำหรับเครื่องเผาบูชา

(อพย. 27:1-8)

38 เบซาเลลได้เอาไม้กระถินมาสร้างแท่นบูชาเพื่อเผาเครื่องบูชา ซึ่งมีความยาวห้าศอก[ad] กว้างห้าศอก เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส สูงสามศอก[ae] เขาทำเชิงงอนที่หัวมุมทั้งสี่ ติดเป็นเนื้อเดียวกับแท่นบูชาและเคลือบด้วยทองสัมฤทธิ์ เขาทำเครื่องใช้ทั้งหมดสำหรับแท่นบูชาด้วยทองสัมฤทธิ์ เช่น พวกหม้อ ทัพพี ชามประพรม ส้อม และกระทะ เขาใช้ทองสัมฤทธิ์มาทำตะแกรงหนึ่งอัน และเอาไปวางไว้ในแท่น ลึกจากขอบของแท่นบูชาลงไปครึ่งหนึ่ง

เขาเอาทองสัมฤทธิ์มาหล่อเป็นห่วงสี่อัน ห่วงสี่อันนี้ติดอยู่ที่มุมทั้งสี่ของตะแกรงที่ทำจากทองสัมฤทธิ์นั้น ห่วงนี้เอาไว้สอดคานเวลาหามแท่นบูชา เขาเอาไม้กระถินมาทำคานหาม และเคลือบมันด้วยทองสัมฤทธิ์ แล้วเอาไปสอดเข้ากับห่วงที่ติดอยู่ด้านข้างของแท่นบูชา เพื่อหามแท่นบูชากับคานสองอันนั้น เขาทำแท่นบูชานี้ให้กลวงตรงกลาง และด้านข้างปิดด้วยแผ่นกระดาน

เบซาเลลทำอ่างทองสัมฤทธิ์หนึ่งใบพร้อมฐานรองของมัน จากกระจกเงาของพวกผู้หญิง ที่รับใช้อยู่ที่ประตูเต็นท์นัดพบ

ลานรอบๆเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์

(อพย. 27:9-19)

เบซาเลล ใช้ผ้าทอลินิน ขนาดยาวหนึ่งร้อยศอก[af] มากั้นเป็นม่าน ทำเป็นลานขึ้นมาทางทิศใต้ 10 เขาเอาทองสัมฤทธิ์มาทำเสายี่สิบต้นและฐานรองยี่สิบฐานสำหรับม่านกั้นนั้น แต่ตะขอและห่วงที่ติดอยู่บนเสาทำจากเงิน 11 ทางทิศเหนือเขาทำม่านกั้นเหมือนลานทางทิศใต้ คือ ขึงผ้าทอลินิน ยาวหนึ่งร้อยศอกบนเสายี่สิบเสาที่ตั้งอยู่บนฐานทองสัมฤทธิ์ยี่สิบฐาน และมีตะขอและห่วงทำจากเงิน

12 ทางทิศตะวันตก เขาใช้ผ้าทอลินิน ยาวห้าสิบศอก[ag] ใช้เสาสิบต้นบนฐานสิบฐาน ตะขอและห่วงที่ติดอยู่บนเสานั้นทำด้วยเงิน

13 ด้านหน้าของเต็นท์ ซึ่งเป็นทิศตะวันออก ยาวห้าสิบศอก ช่องทางเข้าอยู่ด้านนี้ 14 ด้านข้างของช่องทางเข้าด้านหนึ่ง มีม่านขนาดยาวสิบห้าศอก[ah]ขึงอยู่ บนเสาสามต้นที่ตั้งอยู่บนฐานสามฐาน 15 อีกด้านหนึ่งของช่องทางเข้าก็ทำเหมือนกัน คือ ขึงม่านยาวสิบห้าศอก บนเสาสามต้นที่อยู่บนฐานสามฐาน 16 ม่านที่แขวนไว้รอบๆลานทั้งหมดนั้น ทำมาจากผ้าทอลินิน 17 ฐานของเสาเหล่านั้นทำด้วยทองสัมฤทธิ์ ตะขอและห่วงทำด้วยเงิน ส่วนยอดของเสาเคลือบด้วยเงิน เสาทุกต้นของลาน จะมีการตกแต่งด้วยแผ่นเงินในส่วนที่เชื่อมติดกับฐาน

18 ทางเข้าลานใช้ฉากกั้นที่ทำด้วยผ้าที่ทอจากด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดงเข้ม และผ้าทอลินิน มีขนาดยาวยี่สิบศอก[ai] สูงห้าศอก ซึ่งมีส่วนสูงเท่ากับผ้าม่านรอบๆลาน 19 ม่านเหล่านี้ได้แขวนขึ้นบนเสาสี่เสาที่ตั้งอยู่บนฐานสี่ฐานที่ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ ส่วนตะขอ ห่วง และยอดเสาทำด้วยเงิน 20 หมุดยึดเต็นท์และหมุดยึดผ้าม่านรอบๆลานทั้งหมดทำด้วยทองสัมฤทธิ์

21 ทั้งหมดนี้คือของที่ใช้ในการทำเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็คือเต็นท์ที่เก็บข้อตกลง ที่ถูกบันทึกไว้ตามคำสั่งของโมเสสเพื่องานของชาวเลวี ที่อยู่ใต้การนำของอิธามาร์ ลูกชายของนักบวชอาโรน 22 และเบซาเลล ลูกชายของอุรี อุรีเป็นลูกชายของเฮอร์ จากเผ่ายูดาห์ เบซาเลลได้สร้างทุกอย่างตามที่พระยาห์เวห์สั่งไว้กับโมเสส 23 ยังมี โอโฮลีอับที่อยู่กับเบซาเลลด้วย โอโฮลีอับเป็นลูกชายของอาหิสะมัค จากเผ่าดาน เขาเป็นช่างฝีมือ นักออกแบบ และยังเป็นช่างปักที่มีฝีมือในการใช้ผ้าทอจากด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดงเข้ม และผ้าลินินเนื้อดี

24 ทองคำทั้งหมดที่ใช้ในงานก่อสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คือทองคำที่ได้มาจากการถวาย ใช้ไปทั้งสิ้นยี่สิบเก้าตะลันต์เจ็ดร้อยสามสิบเชเขล[aj] ตามเชเขลมาตรฐานของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

25 เครื่องเงินที่รวบรวมได้จากชุมชน หนักหนึ่งร้อยตะลันต์กับหนึ่งพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบห้าเชเขล[ak] ตามเชเขลมาตรฐานของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 26 โดยเก็บมาคนละหนึ่งเบคา (คือครึ่งเชเขล) เป็นเงินที่เก็บมาจากชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป และได้ลงทะเบียนไว้ ซึ่งมีจำนวนหกแสนสามพันห้าร้อยห้าสิบคน 27 เงินหนักหนึ่งร้อยตะลันต์นั้น ได้นำไปใช้ในการหล่อฐานของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และฐานของผ้าม่าน ฐานหนึ่งร้อยฐานใช้เงินหนักหนึ่งร้อยตะลันต์ หนึ่งตะลันต์ต่อหนึ่งฐาน 28 เบซาเลลใช้เงินหนักหนึ่งพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบห้าเชเขล ทำตะขอสำหรับเสา และเคลือบยอดเสา และใช้ทำห่วงสำหรับเสาเหล่านั้น

29 ส่วนทองสัมฤทธิ์ที่ได้จากการถวาย มีน้ำหนักรวมเจ็ดสิบตะลันต์ กับสองพันสี่ร้อยเชเขล 30 เบซาเลลใช้ทองสัมฤทธิ์ทำฐานประตูเต็นท์นัดพบ ทำแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ ทำตะแกรงทองสัมฤทธิ์ ทำเครื่องใช้ทั้งหมดของแท่นบูชานั้น 31 ทำฐานล้อมรอบลาน ทำฐานประตูลาน ทำหมุดทั้งหมดรอบๆเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ และทำหมุดทั้งหมดรอบๆลานนั้น

ชุดศักดิ์สิทธิ์ของนักบวช

(อพย. 28:1-43)

39 พวกเขานำผ้าที่ทอจากด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดงเข้ม มาทำเป็นเสื้อผ้าใส่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และทำเสื้อผ้าให้อาโรนใส่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้

เบซาเลลทำเอโฟดด้วยผ้าที่ทอจากดิ้นทอง และด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดงเข้ม และผ้าทอลินิน เขาใช้ค้อนทุบทองคำจนเป็นแผ่นบางๆ ตัดมันออกเป็นเส้น และนำไปใช้ทอลวดลายอย่างประณีตบนผ้าสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดงเข้มและผ้าลินินเนื้อดี พวกเขาทำผ้าสองชิ้นขึ้น แล้วนำไปเย็บเป็นบ่าของเอโฟดทั้งสองข้าง เขาตกแต่งลวดลายของผ้าคาดเอว ซึ่งอยู่บนเอโฟด และเป็นชิ้นเดียวกันกับเอโฟด ผ้าคาดเอวนี้ทำจากผ้าทองคำ ผ้าสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดงเข้ม และผ้าทอลินินเนื้อดี เหมือนกับเอโฟด ตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้

พวกเขาฝังพวกนิลลงบนตัวเรือนทองคำคู่หนึ่ง พวกเขาจารึกชื่อพวกลูกชายอิสราเอลไว้บนนิลพวกนั้น แล้วเบซาเลลก็เอานิลที่อยู่ในตัวเรือนคู่นั้นไปวางไว้บนบ่าทั้งสองข้างของเอโฟด ข้างละอัน นิลพวกนี้ทำขึ้นมาตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้ เพื่อให้พระยาห์เวห์ระลึกถึงพวกลูกชายของอิสราเอล

เบซาเลลทำถุงผ้าทับอก โดยออกแบบอย่างประณีต เหมือนงานเอโฟด เขาใช้ผ้าทองคำ ผ้าที่ทอจากด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง สีแดงเข้ม และผ้าทอลินินเนื้อดี ถุงผ้าทับอกนั้นเป็นสี่เหลี่ยมด้านเท่า ขนาดกว้างหนึ่งคืบ[al] ยาวหนึ่งคืบ โดยเอาผ้ามาทับซ้อนกัน 10 พวกช่างฝีมือได้ฝังพลอยประดับไว้สี่แถวบนถุงผ้าทับอกนั้น แถวแรกฝังพลอยสีแดง บุษราคัมและมรกต 11 แถวที่สอง ฝังทับทิม ไพลิน และแก้วผลึก 12 แถวที่สาม ฝังเพทาย พลอยสีขุ่น และเขี้ยวแก้วหนุมาน 13 แถวที่สี่ ฝังพลอยสีเขียว นิลและแจสเพอร์[am] พวกเขาฝังพลอยประดับพวกนี้ลงในตัวเรือนที่ทำจากทองคำ 14 มีพลอยทั้งหมดสิบสองก้อน เพื่อใส่ชื่อของพวกลูกชายของอิสราเอล พลอยประดับแต่ละก้อนจะเหมือนตราประทับ จะมีชื่อของเผ่าทั้งสิบสองเผ่าแกะสลักไว้ก้อนละเผ่า

15 พวกช่างฝีมือได้ทำสายสร้อยทองคำบริสุทธิ์ ที่ถักเป็นเกลียวเหมือนเชือก ไว้ใช้กับถุงผ้าทับอก 16 พวกเขาทำตัวเรือนทองคำสองชิ้นและห่วงทองคำสองห่วง ติดห่วงทองทั้งสองห่วงไว้ที่มุมบนของถุงผ้าทับอกทั้งสองข้าง 17 จากนั้นก็เอาสร้อยทองคำสอดเข้าไปในห่วงทองทั้งสองห่วงนั้น 18 และนำปลายอีกด้านหนึ่งของสร้อยแต่ละเส้นไปติดเข้ากับตัวเรือนทองคำ ที่อยู่บนบ่าของเอโฟด ตรงด้านหน้า 19 พวกช่างฝีมือทำห่วงทองคำอีกสองห่วงไปติดไว้ที่มุมล่างของถุงผ้าทับอกด้านในที่แนบอยู่กับเอโฟด 20 พวกเขาทำห่วงทองคำอีกสองห่วงไปติดไว้ริมเอโฟดด้านหน้า ห่วงทั้งสองนี้อยู่ใกล้กับตะเข็บ เหนือผ้าคาดเอวที่ทำอย่างประณีตนั้น 21 ช่างฝีมือก็เอาผ้าสีน้ำเงินมาสอดเข้ากับห่วงทั้งสองที่อยู่บนถุงผ้าทับอกกับเอโฟดนั้น เพื่อดึงให้มันตึง ถุงผ้าทับอกจะได้อยู่เหนือผ้าคาดเอวของเอโฟดที่ทำอย่างประณีต และจะได้ไม่เคลื่อนไหวไปมา เขาได้ทำทั้งหมดนี้ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้

22 เบซาเลลทำเสื้อชุดยาวของเอโฟด ด้วยผ้าทอสีน้ำเงินล้วน 23 ส่วนช่องลอดหัวของเสื้อชุดยาวอยู่ตรงกลาง เหมือนกับคอเสื้อทหาร มีขอบเย็บโดยรอบเพื่อกันไม่ให้มันขาด

24 ส่วนปลายของเสื้อชุดยาวนี้ ช่างฝีมือได้นำผ้าทอลินินเนื้อดี ผ้าทอจากด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง และสีแดงเข้มมาทำเป็นลูกทับทิมติดไว้ 25 พวกเขาทำพวกกระดิ่งทองคำบริสุทธิ์ และนำไปติดไว้ระหว่างลูกทับทิมแต่ละลูก ซึ่งเย็บติดไว้รอบๆปลายเสื้อชุดยาวนี้ 26 ทับทิมกับกระดิ่งจะอยู่สลับกันไปรอบๆปลายของเสื้อชุดยาว เสื้อชุดยาวนี้เอาไว้ใส่รับใช้พระยาห์เวห์ มันทำขึ้นตามแบบที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้

27 พวกเขาทำผ้าคลุมจากผ้าทอลินินเนื้อดี ให้อาโรนกับพวกลูกชายของเขา 28 พวกช่างฝีมือทำผ้าโพกหัวกับแถบผ้าสวมหัวจากผ้าลินินเนื้อดี และทำเสื้อชั้นในจากผ้าทอลินินสีขาว 29 พวกช่างยังใช้ผ้าทอลินินเนื้อดี ผ้าทอจากด้ายสีน้ำเงิน สีม่วงและสีแดงเข้ม เย็บเป็นผ้าคาดเอวและปักลวดลายลงบนนั้น ตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้

30 ช่างฝีมือได้ทำแผ่นป้ายทองคำของมงกุฎอันศักดิ์สิทธิ์ เขียนข้อความเหมือนที่เขาสลักลงในตราประทับว่า “ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพระยาห์เวห์” 31 พวกเขาติดแผ่นป้ายนี้เข้ากับแถบผ้าสีน้ำเงิน และเอาไปผูกไว้กับผ้าโพกหัวตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้

โมเสสตรวจเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์

(อพย. 35:10-19)

32 ดังนั้น งานทุกอย่างของเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็คือเต็นท์นัดพบ ก็ได้เสร็จสิ้นลง ประชาชนชาวอิสราเอลได้ทำตามที่พระยาห์เวห์สั่งโมเสสไว้ทุกอย่าง 33 พวกเขาได้นำเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์มอบให้โมเสส ทั้งตัวเต็นท์กับอุปกรณ์ทุกอย่าง ตะขอเกี่ยว กรอบ กลอน เสา ฐาน 34 หลังคาที่ทำจากหนังแกะและหลังคาที่ทำจากหนังปลาโลมา รวมทั้ง ฉาก 35 หีบใส่แผ่นหินสองแผ่นแห่งข้อตกลง กับคานหามของมัน ฝาหีบที่ความไม่บริสุทธิ์จากบาปจะถูกชำระ 36 โต๊ะกับอุปกรณ์ที่ใช้บนนั้นทุกอย่าง ขนมปังที่วางไว้ต่อหน้าพระเจ้า 37 ตะเกียงที่มีขาตั้งที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ และถ้วยตะเกียงของมันที่เรียงเป็นแถว พร้อมอุปกรณ์ทั้งหมดที่ต้องใช้คู่กับมัน และน้ำมันจุดตะเกียง 38 แท่นบูชาทองคำ น้ำมันเจิม เครื่องหอม ฉากที่ทางเข้าเต็นท์ 39 แท่นบูชาที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ พร้อมตะแกรงทองสัมฤทธิ์ของมัน คานหามของมันและอุปกรณ์ทุกอย่างที่ใช้กับมัน อ่างน้ำพร้อมฐานรองของมัน

40 พวกม่านกั้นที่ลาน พวกเสาม่าน ฐาน ม่านที่ประตูลาน เชือกและหมุดยึด และ ยังมีเครื่องใช้อื่นๆที่ต้องใช้ในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็คือเต็นท์นัดพบนั่นเอง

41 เสื้อผ้าปักเกลียวทองสำหรับผู้รับใช้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ชุดศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักบวชอาโรน และชุดสำหรับพวกลูกชายของเขา เพื่อใส่รับใช้ในฐานะนักบวช

42 ประชาชนชาวอิสราเอลได้ทำทุกๆอย่างตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้ทุกประการ 43 เมื่อโมเสสเห็นงานทุกอย่างถูกสร้างตามแบบที่พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้จนเสร็จสิ้น เขาก็อวยพรชาวอิสราเอลเหล่านั้น

โมเสสตั้งเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์

40 พระยาห์เวห์บอกโมเสสว่า “ในวันที่หนึ่งของเดือนแรก ให้เจ้าติดตั้งเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ คือ เต็นท์นัดพบ ให้เอาหีบใส่คำสอนมาวางไว้ที่นั่น และให้เอาม่านมากั้นเป็นฉากปิดหีบนี้ไว้ ยกโต๊ะเข้ามาและจัดให้เข้าที่ นำตะเกียงที่มีขาตั้งเข้ามาไว้ และติดตั้งพวกตะเกียงของมันให้เรียบร้อย นำแท่นบูชาทองคำสำหรับเครื่องหอมมาไว้ตรงหน้าหีบใส่คำสอน แล้วกั้นฉากไว้ที่ทางเข้าเต็นท์

วางแท่นบูชาสำหรับเครื่องเผาบูชาไว้ที่ด้านหน้าของทางเข้าเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ คือเต็นท์นัดพบ ตั้งอ่างน้ำไว้ระหว่างเต็นท์นัดพบกับแท่นบูชาและใส่น้ำลงในอ่างด้วย ทำลานบริเวณรอบๆและตั้งฉากไว้ที่ประตูทางเข้าลาน

เอาน้ำมันเจิม ไปเจิมที่เต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ และของทุกอย่างในเต็นท์นั้น พร้อมกับทำพิธีเพื่อให้ของพวกนี้ศักดิ์สิทธิ์ 10 เจ้าต้องเจิมแท่นบูชาที่ใช้เผาเครื่องเผาบูชาและข้าวของบนนั้นพร้อมกับทำพิธี เพื่อทำให้แท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์มาก 11 เจ้าต้องเจิมอ่างน้ำและฐานรองของมัน เพื่อทำให้พวกมันศักดิ์สิทธิ์ด้วย

12 เจ้าต้องพาอาโรนกับพวกลูกชายของเขา ไปที่ประตูเต็นท์นัดพบ ให้ชำระล้างพวกเขาด้วยน้ำ 13 เอาเสื้อผ้าที่ศักดิ์สิทธิ์มาแต่งตัวให้กับอาโรน เจิมเขาและทำพิธีให้เขาเพื่อเขาจะได้รับใช้เราในฐานะนักบวช 14 ให้ลูกชายเขามาอยู่ใกล้ทางเข้าเต็นท์นัดพบ เอาเสื้อคลุมมาแต่งตัวให้พวกเขา 15 เจ้าต้องเจิมพวกเขาเหมือนที่เจิมให้พ่อของพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้รับใช้เราในฐานะนักบวช การเจิมนี้จะทำให้พวกเขามีสิทธิ์เป็นนักบวชตลอดไปทุกๆรุ่น” 16 โมเสสทำทุกอย่างตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งเขาไว้

17 เมื่อถึงวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่งในปีที่สอง เต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกตั้งขึ้น 18 โมเสสตั้งเต็นท์ขึ้นบนพวกฐานของมัน ตั้งกรอบ ใส่คานและยกเสาขึ้น 19 โมเสสกางผ้าเต็นท์ออกเหนือเต็นท์นัดพบ และใส่ที่คลุมเหนือเต็นท์นั้น ตามที่พระยาห์เวห์สั่งเขาไว้

20 แล้วโมเสสก็นำแผ่นข้อตกลงสองแผ่นนั้นไปวางไว้ในหีบ และนำคานมาสอดเข้ากับหีบ เขาวางฝาหีบที่ความไม่บริสุทธิ์จากบาปจะถูกชำระไว้เหนือหีบ 21 โมเสสนำหีบใส่คำสอนเข้าไปในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ และกั้นฉากที่เป็นผ้าม่านบังหีบใส่คำสอนไว้ ตามที่พระยาห์เวห์สั่งเขา 22 โมเสสตั้งโต๊ะไว้ด้านนอกของฉากที่เป็นผ้าม่าน ข้างในเต็นท์นัดพบ ไปทางทิศเหนือ 23 โมเสสวางขนมปังไว้บนโต๊ะต่อหน้าพระยาห์เวห์ตามที่พระองค์สั่งเขาไว้ 24 โมเสสวางตะเกียงที่มีขาตั้งไว้ในเต็นท์นัดพบ ไปทางทิศใต้ของเต็นท์ตรงข้ามกับโต๊ะ 25 เขาตั้งพวกตะเกียงไว้หน้าพระยาห์เวห์ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งเขาไว้

26 โมเสสวางแท่นบูชาที่ทำจากทองคำไว้ในเต็นท์นัดพบ ข้างหน้าผ้าม่าน 27 แล้วเขาจึงเผาเครื่องหอมบนแท่นบูชานั้น ตามที่พระยาห์เวห์สั่งไว้ 28 โมเสสเอาม่านกั้นไว้ตรงทางเข้าเต็นท์

29 เขาตั้งแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องเผาบูชาไว้ที่ทางเข้าเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ คือด้านหน้าทางเข้าเต็นท์นัดพบนั้น แล้วเขาก็เผาเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชบนนั้น ตามที่พระยาห์เวห์สั่งไว้

30 โมเสสวางอ่างน้ำไว้ระหว่างเต็นท์นัดพบกับแท่นบูชา และเติมน้ำลงในอ่างชำระล้าง 31 โมเสส อาโรนและพวกลูกชายของอาโรน ล้างมือและเท้าของพวกเขาด้วยน้ำในอ่างนั้น 32 เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเข้ามาในเต็นท์นัดพบหรือเข้าใกล้แท่นบูชา พวกเขาต้องชำระล้างตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้

33 โมเสสทำลานบริเวณรอบๆเต็นท์และแท่นบูชา และแขวนม่านกั้นไว้ที่ประตูทางเข้าลาน แล้วโมเสสก็ได้ทำงานทุกอย่างเสร็จสิ้นลง

รัศมีของพระเจ้า

34 มีเมฆปกคลุมเหนือเต็นท์นัดพบ แล้วรัศมีของพระยาห์เวห์ ก็ส่องสว่างไปทั่วเต็นท์ 35 โมเสสไม่สามารถเข้าไปในเต็นท์นัดพบได้ เพราะว่าเมฆได้ลงไปที่นั่น และรัศมีของพระยาห์เวห์ก็ส่องสว่างไปทั่วเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์นั้น

36 ตลอดเวลาการเดินทางของชาวอิสราเอล พวกเขาจะคอยดูเมฆก้อนนี้เป็นหลัก เมื่อใดที่เมฆลอยตัวสูงขึ้นจากเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ชาวอิสราเอลจะเริ่มออกเดินทาง 37 แต่ถ้าเมฆไม่ลอยตัวขึ้น ชาวอิสราเอลจะไม่ออกเดินทางไปไหน จนกว่าพวกเขาจะเห็นเมฆลอยตัวขึ้นอีก 38 เมฆของพระยาห์เวห์อยู่เหนือเต็นท์ในตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนจะมีไฟอยู่เหนือเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ชาวอิสราเอลทุกคนได้เห็นสิ่งนี้ ตลอดเวลาที่พวกเขาเดินทาง

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International