Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
โยบ 42 - สดุดี 24

โยบ

42 โยบจึงทูลตอบองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า

“ข้าพระองค์ทราบว่าพระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งได้
แผนการของพระองค์ไม่มีอะไรขวางได้
พระองค์ตรัสถามว่า ‘ใครหนอที่บดบังคำปรึกษาของเราไว้โดยปราศจากความรู้?’
แน่ทีเดียว ข้าพระองค์พูดสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจ
สิ่งที่อัศจรรย์เกินความรู้ของข้าพระองค์

“พระองค์ตรัสว่า ‘ฟังเถิด เราจะพูด
เราจะถาม
แล้วเจ้าจงตอบ’
หูของข้าพระองค์เคยได้ยินถึงเรื่องของพระองค์มาก่อน
แต่บัดนี้ตาของข้าพระองค์ได้เห็นพระองค์แล้ว
ฉะนั้นข้าพระองค์จึงเกลียดชังตัวเอง
และสำนึกผิดใน[a]กองธุลีและขี้เถ้า”

บทส่งท้าย

เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยบจบแล้ว พระองค์ก็ตรัสกับเอลีฟัสชาวเทมานว่า “เราโกรธเจ้ากับเพื่อนอีกสองคนของเจ้า เพราะเจ้าไม่ได้พูดถึงเราอย่างถูกต้องเหมือนดั่งโยบผู้รับใช้ของเรา บัดนี้จงนำวัวผู้เจ็ดตัวและแกะผู้เจ็ดตัวไปหาโยบผู้รับใช้ของเรา และถวายเครื่องเผาบูชาสำหรับพวกเจ้าเอง แล้วโยบผู้รับใช้ของเราจะอธิษฐานเผื่อเจ้า เราจะรับคำอธิษฐานของโยบ และไม่ลงมือกับเจ้าตามความโง่เขลาของเจ้า เจ้าไม่ได้พูดถึงเราอย่างถูกต้องเหมือนโยบผู้รับใช้ของเรา” ฉะนั้นเอลีฟัสชาวเทมาน บิลดัดชาวชูอาห์ และโศฟาร์ชาวนาอามาห์ จึงทำตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรับคำอธิษฐานของโยบ

10 หลังจากที่โยบอธิษฐานเผื่อเพื่อนๆ แล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้เขาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่งและประทานสิ่งต่างๆ ให้เขามากกว่าเดิมเป็นสองเท่า 11 แล้วพี่น้องชายหญิงและทุกคนที่รู้จักกันมาก่อนพากันมาร่วมเลี้ยงฉลองในบ้านของโยบ ปลอบใจเขาเกี่ยวกับความทุกข์ลำเค็ญต่างๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำมาถึงโยบ แต่ละคนนำเงินหนึ่งแผ่น[b]และแหวนทองคำหนึ่งวงมามอบให้เขา

12 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรโยบในบั้นปลายของชีวิตมากยิ่งกว่าตอนต้น บัดนี้เขามีแกะ 14,000 ตัว อูฐ 6,000 ตัว วัวผู้ 1,000 คู่ และลา 1,000 ตัว 13 เขายังมีบุตรชายเจ็ดคน บุตรสาวสามคนด้วย 14 บุตรสาวคนแรกของเขาชื่อเยมีมาห์ คนที่สองชื่อเคสิยาห์ คนที่สามชื่อเคเรนหัปปุค 15 ตลอดทั่วแดนนั้นไม่มีหญิงสาวคนใดงามเท่าบรรดาบุตรสาวของโยบ เขาได้จัดแบ่งมรดกให้แก่พวกนางเหมือนที่ให้กับบุตรชาย

16 หลังจากนั้นโยบมีอายุยืนยาวต่อไปอีก 140 ปี มีชีวิตอยู่เห็นหลานเหลนถึงสี่รุ่น 17 แล้วในที่สุดเขาก็สิ้นชีวิต เป็นคนชรามากทีเดียว

บรรพ 1(A)

ความสุขมีแก่คนเหล่านั้นที่ไม่เดินตามรอยเท้าของคนชั่ว
หรือยืนอยู่ในทางของคนบาป
หรือนั่งอยู่ในที่นั่งของคนชอบเยาะเย้ย
แต่พวกเขาปีติยินดีในบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และใคร่ครวญบทบัญญัตินั้นทั้งกลางวันและกลางคืน
พวกเขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ
ซึ่งออกผลตามฤดูกาล
และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง
ทุกสิ่งที่พวกเขาทำก็เจริญรุ่งเรือง

ส่วนคนชั่วไม่เป็นเช่นนั้น!
เขาเป็นเหมือนแกลบ
ซึ่งลมพัดปลิวฟุ้งไป
ดังนั้นคนชั่วจะถูกตัดสินโทษเมื่อถึงวันพิพากษา
และคนบาปจะไม่อยู่ในที่ชุมนุมของผู้ชอบธรรม

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดูแลทางของคนชอบธรรม
แต่ทางของคนชั่วจะพินาศ

เหตุใดประชาชาติทั้งหลายจึงคบคิด[c]กัน?
ชนชาติต่างๆ จะวางแผนให้ป่วยการไปทำไม?
เหล่ากษัตริย์ของโลกตั้งตนขัดขืน
บรรดาผู้ปกครองรวมตัวกัน
เพื่อวางแผนต่อต้านองค์พระผู้เป็นเจ้า
และต่อต้านผู้หนึ่งซึ่งพระองค์ทรงเจิมตั้งไว้
แล้วกล่าวว่า “ให้พวกเราหักโซ่ตรวน
และปลดเครื่องพันธนาการของพวกเขาทิ้งไป”

องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ประทับในฟ้าสวรรค์ทรงหัวเราะ
พระองค์ทรงเย้ยหยันพวกเขา
แล้วพระองค์ทรงกำราบพวกเขาด้วยพระพิโรธ
และทรงทำให้พวกเขาหวาดกลัวด้วยพระพิโรธ โดยตรัสว่า
“เราได้ตั้งกษัตริย์ผู้หนึ่งของเราไว้แล้ว
บนศิโยนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา”

กษัตริย์ผู้นั้นจะประกาศพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า

พระองค์ได้ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า “เจ้าเป็นบุตรของเรา
วันนี้เราได้เป็นบิดาของเจ้า[d]
จงขอจากเรา
แล้วเราจะมอบประชาชาติทั้งหลายให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้า
และให้เจ้าครอบครองไปจนสุดปลายแผ่นดินโลก
เจ้าจะตีพวกเขาให้แตกด้วยกระบองเหล็ก[e]
เจ้าจะฟาดพวกเขาให้แหลกเป็นชิ้นๆ เหมือนหม้อดิน”

10 เหตุฉะนั้น กษัตริย์ทั้งหลายเอ๋ย จงมีปัญญา
บรรดาผู้นำของโลกเอ๋ย จงฟังคำตักเตือน
11 จงปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยำเกรง
และจงชื่นชมยินดีจนเนื้อเต้น
12 จงก้มกราบพระบุตรนั้น[f] มิฉะนั้นพระองค์จะทรงพระพิโรธ
และท่านกับหนทางต่างๆ ของท่านจะถูกทำลาย
เพราะว่าพระพิโรธของพระองค์จะพลุ่งขึ้นในพริบตา
ความสุขมีแก่ทุกคนที่เข้ามาลี้ภัยในพระองค์

(บทสดุดีของดาวิด เมื่อหนีจากอับซาโลมราชโอรส)

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ศัตรูของข้าพระองค์มีมากเหลือเกิน!
ผู้ที่ลุกขึ้นต่อต้านข้าพระองค์ก็มีมากมายนัก!
หลายคนกล่าวถึงข้าพระองค์ว่า
“พระเจ้าจะไม่ทรงช่วยกู้เขา”
เสลาห์[g]

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ทรงเป็นโล่ล้อมข้าพระองค์ไว้
องค์ผู้ทรงเกียรติสิริของข้าพระองค์ ผู้ทรงเชิดชูข้าพระองค์ไว้ ข้าพเจ้าร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
และพระองค์ทรงตอบข้าพเจ้าจากภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
เสลาห์

ข้าพเจ้าเอนกายลงและหลับไป
ข้าพเจ้าตื่นขึ้นอีกเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงค้ำจุนข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะไม่กลัวศัตรูนับหมื่น
ที่รุมล้อมข้าพเจ้าอยู่รอบด้าน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงลุกขึ้น!
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์! โปรดทรงช่วยกู้ข้าพระองค์
ขอทรงตบหน้าศัตรูทุกคนของข้าพระองค์
ขอทรงเลาะฟันของเหล่าคนชั่ว

การช่วยกู้มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
ขอพระพรของพระองค์มีแก่เหล่าประชากรของพระองค์เถิด
เสลาห์

(ถึงหัวหน้านักร้อง บรรเลงเครื่องสาย บทสดุดีของดาวิด)

ข้าแต่พระเจ้าผู้ชอบธรรมของข้าพระองค์
ขอทรงตอบเมื่อข้าพระองค์ร้องทูล
ขอทรงบรรเทาความทุกข์โศกของข้าพระองค์
ขอทรงเมตตาและสดับฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์

มนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย เจ้าจะทำให้เกียรติสิริของเรากลายเป็นความอัปยศไปอีกนานเพียงใด?
เจ้าจะรักการหลอกลวงและแสวงหาพระจอมปลอม[h]ไปอีกนานเท่าใด?
เสลาห์
จงรู้เถิดว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแยกผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ไว้สำหรับพระองค์เอง
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงฟังเมื่อข้าพเจ้าร้องทูลพระองค์

จงยำเกรงและ[i]อย่าทำบาป
ขณะอยู่บนที่นอน
จงพิเคราะห์จิตใจของตนและสงบนิ่ง
เสลาห์
จงถวายเครื่องบูชาที่ถูกต้องเหมาะสม
และวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า

หลายคนถามว่า “ใครจะให้เราเห็นสิ่งดีๆ ได้บ้าง?”
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้แสงสว่างแห่งพระพักตร์ของพระองค์ส่องเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย
พระองค์ทรงให้จิตใจของข้าพระองค์เปี่ยมล้นด้วยความชื่นชมยินดี
ยิ่งกว่าคนเหล่านั้นที่มีธัญญาหารและเหล้าองุ่นใหม่บริบูรณ์

ข้าพระองค์จะเอนกายลงและนอนหลับด้วยความสงบสุข
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ผู้เดียว
ทรงทำให้ข้าพระองค์อาศัยอยู่อย่างปลอดภัย

(ถึงหัวหน้านักร้อง บรรเลงขลุ่ย บทสดุดีของดาวิด)

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดสดับฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์
ขอทรงสนพระทัยการคร่ำครวญของข้าพระองค์
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ กษัตริย์ของข้าพระองค์
โปรดฟังคำร้องทูลขอความช่วยเหลือ
เพราะข้าพระองค์อธิษฐานต่อพระองค์

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ในยามเช้าพระองค์ทรงได้ยินเสียงข้าพระองค์
ในยามเช้าข้าพระองค์นำคำร้องทูลมาต่อหน้าพระองค์
และจดจ่อรอคอยคำตอบจากพระองค์
เพราะพระองค์ไม่ใช่พระเจ้าที่พอพระทัยในสิ่งชั่วร้าย
คนชั่วไม่อาจอยู่ร่วมกับพระองค์ได้
คนหยิ่งจองหองไม่อาจยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ได้
พระองค์ทรงเกลียดชังทุกคนที่ทำผิด
พระองค์ทรงทำลายล้างพวกคนโกหก
ส่วนคนที่กระหายเลือดและคนคดโกงนั้น
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชิงชัง
แต่ข้าพระองค์จะเข้ามายังพระนิเวศของพระองค์
โดยความรักเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
ข้าพระองค์จะกราบนมัสการพระองค์ด้วยความยำเกรง
ตรงต่อพระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เนื่องด้วยศัตรูของข้าพระองค์
ขอทรงนำข้าพระองค์ไปในทางชอบธรรมของพระองค์
ขอให้ข้าพระองค์เดินในวิถีของพระองค์อย่างราบรื่น
เพราะไม่มีสักคำจากปากของพวกเขาที่เชื่อถือได้
ในใจของพวกเขามีแต่การทำลายล้าง
ลำคอของพวกเขาคือหลุมฝังศพที่เปิดอยู่
พวกเขาใช้ลิ้นกล่าวปลิ้นปล้อน
10 ข้าแต่พระเจ้า! ขอทรงประกาศว่าพวกเขาผิด
ขอให้พวกเขาล่มจมด้วยกลอุบายของตัวเอง
ขอทรงขับไล่พวกเขาเพราะบาปทั้งหลายของพวกเขา
เพราะพวกเขาได้กบฏต่อพระองค์
11 แต่ขอให้ทุกคนที่ลี้ภัยในพระองค์เปรมปรีดิ์
ให้พวกเขาร้องเพลงรื่นเริงยินดีอยู่เสมอ
ขอทรงปกป้องคุ้มครองพวกเขา
เพื่อบรรดาผู้ที่รักพระนามของพระองค์จะชื่นชมยินดีในพระองค์

12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แน่ทีเดียว พระองค์ทรงอวยพรคนชอบธรรม
ความโปรดปรานของพระองค์เป็นดั่งโล่โอบล้อมพวกเขาไว้

(ถึงหัวหน้านักร้อง บรรเลงเครื่องสาย ตามทำนองเชมินิท[j] บทสดุดีของดาวิด)

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงโปรดอย่ากำราบข้าพระองค์ขณะที่พระองค์ทรงกริ้ว
หรือลงวินัยข้าพระองค์ขณะที่ทรงพระพิโรธ
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงกรุณาข้าพระองค์เถิด เพราะข้าพระองค์อ่อนระโหยโรยแรง
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงโปรดรักษาข้าพระองค์ เพราะกระดูกของข้าพระองค์ปวดร้าวแสนสาหัส
จิตวิญญาณของข้าพระองค์ทุกข์ระทมนัก
อีกนานสักเท่าใด ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า อีกนานสักเท่าใด?

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงหันมาช่วยกู้ข้าพระองค์ด้วยเถิด
ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดพ้นเพราะความรักมั่นคงของพระองค์
ไม่มีใครที่ตายไปแล้วจะระลึกถึงพระองค์ได้
ผู้ใดเล่าจะสรรเสริญพระองค์จากหลุมฝังศพได้?

ข้าพระองค์คร่ำครวญจนอ่อนล้า

ข้าพระองค์ร่ำไห้ตลอดทั้งคืนจนน้ำตาท่วมที่นอน
และหมอนของข้าพระองค์ชุ่มด้วยน้ำตา
ดวงตาของข้าพระองค์หม่นหมองไปเพราะความทุกข์โศก
ช้ำไปเพราะบรรดาศัตรูของข้าพระองค์

พวกเจ้าทุกคนที่ทำชั่ว จงไปให้พ้นข้าพเจ้า
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงได้ยินเสียงร่ำไห้ของข้าพเจ้าแล้ว
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงได้ยินเสียงร้องทูลขอความเมตตาของข้าพเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยอมรับคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
10 บรรดาศัตรูของข้าพเจ้าจะมีแต่ความอับอายและความหวาดกลัว
พวกเขาจะหันกลับไปและได้รับความอัปยศอดสูทันที

(ชิกกาโยน[k]ของดาวิด ซึ่งขับร้องถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า เกี่ยวกับคูชคนเบนยามิน)

ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์
ขอทรงช่วยกู้และปลดปล่อยข้าพระองค์จากทุกคนที่ไล่ล่าข้าพระองค์
มิฉะนั้นเขาจะฉีกข้าพระองค์ดุจสิงโต
และชำแหละข้าพระองค์เป็นชิ้นๆ โดยไม่มีใครช่วย

ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ หากข้าพระองค์ได้ทำผิด
หรือมีบาปติดมือของข้าพระองค์
หากข้าพระองค์ได้ทำชั่วต่อคนที่อยู่อย่างสงบกับข้าพระองค์
หรือได้ปล้นคู่อริโดยไม่มีเหตุ
ก็ขอให้ศัตรูรุกไล่ข้าพระองค์จนหมดทางสู้
ให้เขาเหยียบย่ำชีวิตของข้าพระองค์จนจมดิน
และฝังข้าพระองค์ในธุลีดิน
เสลาห์

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงลุกขึ้นด้วยพระพิโรธของพระองค์
ขอทรงลุกขึ้นต่อสู้กับความเกรี้ยวกราดของศัตรูของข้าพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงตื่นขึ้น ขอทรงบัญชาความยุติธรรม
ขอให้ชนชาติทั้งหลายมาชุมนุมล้อมรอบพระองค์
ในขณะที่พระองค์ทรงประทับบนบัลลังก์เหนือพวกเขา
ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพิพากษาชนชาติทั้งหลาย
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงตัดสินข้าพระองค์ตามความชอบธรรมของข้าพระองค์
ตามความซื่อสัตย์สุจริตของข้าพระองค์เถิด องค์ผู้สูงสุด
ขอทรงยุติความโหดร้ายของคนชั่ว
และกระทำให้ผู้ชอบธรรมมั่นคงปลอดภัย
ข้าแต่พระเจ้าผู้ชอบธรรม
ผู้ทรงพิเคราะห์ความคิดและจิตใจ

10 พระเจ้าสูงสุดทรงเป็นโล่[l]ของข้าพเจ้า
ผู้ทรงช่วยคนที่มีจิตใจเที่ยงตรงให้รอด
11 พระเจ้าทรงเป็นตุลาการที่ชอบธรรม
เป็นพระเจ้าผู้ทรงสำแดงพระพิโรธทุกวัน
12 หากเขาไม่หันกลับจากบาป
พระองค์[m]จะทรงลับดาบของพระองค์ไว้
พระองค์จะทรงโก่งธนูเตรียมยิง
13 พระองค์ทรงเตรียมอาวุธพิฆาตของพระองค์ไว้
พระองค์ทรงเตรียมลูกศรเพลิงของพระองค์ไว้พร้อมแล้ว

14 คนเหล่านั้นที่ตั้งครรภ์ความชั่ว
และให้กำเนิดความเดือดร้อน คลอดความโป้ปดมดเท็จออกมา
15 คนเหล่านั้นที่ขุดหลุมพรางไว้
ตกลงไปในหลุมที่เขาขุดนั้น
16 ความเดือดร้อนที่พวกเขาก่อขึ้น ย้อนกลับมาหาพวกเขาเอง
ความทารุณของพวกเขาตกใส่หัวพวกเขาเอง

17 ข้าพเจ้าจะขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าเนื่องด้วยความชอบธรรมของพระองค์
ข้าพเจ้าจะร้องสรรเสริญพระนามของพระยาห์เวห์ผู้สูงสุด

(ถึงหัวหน้านักร้อง ตามทำนองกิททีธ[n] บทสดุดีของดาวิด)

ข้าแต่พระยาห์เวห์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย
พระนามของพระองค์เกริกไกรทั่วแผ่นดินโลกจริงๆ!

พระองค์ทรงตั้งเกียรติสิริของพระองค์
เหนือฟ้าสวรรค์
พระองค์ทรงตั้งที่มั่นเพื่อต่อสู้กับเหล่าศัตรูของพระองค์
ผ่านทางการสรรเสริญของเด็กและทารก
เพื่อทำให้ศัตรูและคนที่เคียดแค้นเงียบไป
เมื่อข้าพระองค์เพ่งพินิจฟ้าสวรรค์
อันเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์
ดวงจันทร์และดวงดาวทั้งหลาย
ที่พระองค์ทรงตั้งไว้
มนุษย์ที่ต้องตายเป็นใครหนอ พระองค์จึงทรงพะวงถึง?
บุตรของมนุษย์เป็นผู้ใด พระองค์จึงทรงห่วงใยพวกเขา?

พระองค์ทรงสร้างพวกเขา[o]ให้ต่ำกว่าชาวสวรรค์[p]เพียงเล็กน้อย
และทรงสวมมงกุฎแห่งศักดิ์ศรีและเกียรติให้พวกเขา
พระองค์ทรงตั้งพวกเขาให้ปกครองสิ่งสารพัดที่ทรงสร้างขึ้น
พระองค์ทรงวางทุกสิ่งไว้ใต้เท้าของพวกเขา
ฝูงแพะแกะและฝูงวัวทั้งสิ้น
และสัตว์ป่าทั้งหลายในทุ่งกว้าง
หมู่นกในอากาศ
และปลาในทะเล
ทุกสิ่งที่ว่ายไปมาในท้องทะเล

ข้าแต่พระยาห์เวห์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย
พระนามของพระองค์เกริกไกรทั่วแผ่นดินโลกจริงๆ!

(ถึงหัวหน้านักร้อง ทำนอง “การตายของบุตรชาย” บทสดุดีของดาวิด)

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์หมดหัวใจ
ข้าพระองค์จะบอกถึงการมหัศจรรย์ทั้งสิ้นที่ทรงกระทำ
ข้าพระองค์จะชื่นชมยินดีและเปรมปรีดิ์ในพระองค์
ข้าแต่องค์ผู้สูงสุด ข้าพระองค์จะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์

เหล่าศัตรูของข้าพระองค์หันกลับไป
พวกเขาล้มลงและพินาศต่อหน้าพระองค์
เพราะพระองค์ทรงผดุงสิทธิ์และความยุติธรรมแก่ข้าพระองค์
พระองค์ประทับบนบัลลังก์ในฐานะผู้พิพากษาที่ชอบธรรม
พระองค์ทรงกำราบประชาชาติทั้งหลาย และทรงทำลายคนชั่ว
พระองค์ทรงลบชื่อของพวกเขาออกไปเป็นนิตย์
ศัตรูพินาศย่อยยับไปนิรันดร์
พระองค์ทรงทำลายเมืองต่างๆ ของพวกเขาอย่างถอนรากถอนโคน
แม้แต่อนุสรณ์ของพวกเขาก็วอดวายไปสิ้น

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครองอยู่เป็นนิตย์
พระองค์ทรงสถาปนาบัลลังก์ของพระองค์ไว้เพื่อการพิพากษา
พระองค์จะทรงปกครองโลกด้วยความชอบธรรม
และทรงพิพากษาประชาชาติทั้งหลายด้วยความยุติธรรม
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยของผู้ที่ถูกกดขี่ข่มเหง
ทรงเป็นปราการมั่นคงในยามยากลำบาก
10 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทุกคนที่รู้จักพระนามของพระองค์จะวางใจในพระองค์
เพราะพระองค์ไม่เคยทอดทิ้งบรรดาผู้ที่แสวงหาพระองค์

11 จงร้องเพลงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ครองบัลลังก์ในศิโยน
จงประกาศพระราชกิจของพระองค์ท่ามกลางประชาชาติ
12 เพราะพระองค์ผู้ทรงแก้แค้นให้ไม่ทรงลืม
พระองค์ไม่ทรงเพิกเฉยต่อเสียงร่ำร้องของผู้ที่ทุกข์ลำเค็ญ

13 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดทอดพระเนตรว่า เหล่าศัตรูข่มเหงรังแกข้าพระองค์เพียงใด!
ขอทรงเมตตาและโอบอุ้มข้าพระองค์ให้พ้นจากประตูแห่งความตาย
14 เพื่อข้าพระองค์จะเปล่งเสียงสรรเสริญพระองค์
ที่ประตูเมืองของธิดาแห่งศิโยน[q]
และปีติยินดีในความรอดของพระองค์ที่นั่น

15 ประชาชาติทั้งหลายได้ตกลงไปในหลุมที่พวกเขาขุดไว้
เท้าของพวกเขาติดกับดักที่พวกเขาเองซ่อนไว้
16 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นที่รู้จักในด้านความยุติธรรมของพระองค์
คนชั่วติดกับด้วยนมือของตนเอง
ชิกกาโยน[r] เสลาห์
17 คนชั่วกลับไปยังแดนผู้ตาย
คือทุกประชาชาติที่ลืมพระเจ้า
18 แต่พระเจ้าจะไม่ทรงลืมคนแร้นแค้นเลย
ความหวังของผู้ที่ทุกข์ลำเค็ญจะไม่สูญสิ้นเลย

19 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงลุกขึ้น ขออย่าให้มนุษย์ชนะ
ขอทรงพิพากษาบรรดาประชาชาติต่อหน้าพระองค์
20 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงทำให้เขาครั่นคร้ามยำเกรง
ให้ประชาชาติทั้งหลายรู้ว่าตนเป็นเพียงมนุษย์
เสลาห์

10 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ทำไมพระองค์จึงทรงประทับอยู่ไกลแสนไกล?
ทำไมพระองค์จึงทรงซ่อนพระองค์ในยามเดือดร้อน?

ด้วยความหยิ่งผยอง คนชั่วไล่ล่าคนอ่อนแอ
ผู้ซึ่งติดกับในอุบายที่เขาคิดขึ้น
พวกเขาโอ้อวดตัณหาในใจของตน
พวกเขาอวยพรคนโลภและลบหลู่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ด้วยความจองหองอวดดี คนชั่วไม่แสวงหาพระเจ้า
ไม่เคยมีพระเจ้าในความคิดของพวกเขาเลย
ทางของพวกเขาเจริญรุ่งเรืองเสมอ
พวกเขาปฏิเสธบทบัญญัติของพระองค์[s]
พวกเขาเย้ยหยันศัตรูทั้งปวงของพวกเขา
พวกเขาบอกตัวเองว่า “ไม่มีสิ่งใดทำให้เราสั่นคลอนได้”
พวกเขาสาบานว่า “ไม่มีใครทำอันตรายเราได้”

ริมฝีปากของพวกเขาเต็มไปด้วยคำโกหกและคำข่มขู่
ความเดือดร้อนและความชั่วอยู่ใต้ลิ้นของพวกเขา
พวกเขาหมอบคอยอยู่ใกล้หมู่บ้าน
ออกจากที่ซ่อนมาฆ่าคนบริสุทธิ์
ตาของพวกเขาซุ่มมองเหยื่อ
พวกเขาหมอบคอยอยู่เหมือนสิงโตที่ซุ่มซ่อน
พวกเขาหมอบรอจับคนไม่มีทางสู้
พวกเขาจับคนไม่มีทางสู้และลากไปในตาข่าย
10 คนบริสุทธิ์ถูกบดขยี้และล้มลง
พวกเขาล้มเหยื่อด้วยกำลังที่เหนือกว่า
11 คนชั่วบอกตัวเองว่า “พระเจ้าไม่มีวันสังเกตเห็น
พระองค์ทรงปิดพระพักตร์และทรงมองไม่เห็นเลย”

12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า! ขอทรงลุกขึ้น ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงชูพระหัตถ์ของพระองค์
ขออย่าทรงลืมคนไม่มีทางสู้
13 ทำไมคนชั่วจึงลบหลู่พระเจ้า?
ทำไมพวกเขาจึงกล่าวกับตนเองว่า
“พระองค์จะไม่ทรงเอาเรื่องเรา”?
14 แต่พระเจ้าทรงเห็นความเดือดร้อนของผู้ที่ทุกข์ลำเค็ญ
พระองค์ทรงระลึกถึงความทุกข์โศกของพวกเขาและทรงรับมันไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์
ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมอบชีวิตของพวกเขาไว้กับพระองค์
พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยของลูกกำพร้าพ่อ
15 ขอทรงหักแขนของคนชั่วและคนเลว
เรียกร้องให้เขารับผิดชอบความชั่วของตน
ซึ่งยังไม่มีใครพบ

16 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นจอมกษัตริย์สืบไปนิรันดร์
บรรดาประชาชาติจะพินาศไปจากแผ่นดินของพระองค์
17 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงฟังความปรารถนาของผู้ที่ทุกข์ลำเค็ญ
พระองค์ทรงให้กำลังใจพวกเขาและทรงฟังเสียงร่ำร้องของพวกเขา
18 ทรงปกป้องลูกกำพร้าพ่อและผู้ที่ถูกกดขี่ข่มเหง
เพื่อว่ามนุษย์ซึ่งเป็นของโลกนี้จะไม่ทำให้หวาดกลัวอีกต่อไป

(ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด)

11 ข้าพเจ้าลี้ภัยอยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า
แล้วเหตุใดท่านจึงกล่าวกับข้าพเจ้าว่า
“จงหนีไปที่ภูเขาของท่านดั่งนก
เพราะคนชั่วได้โก่งคันธนู
พวกเขาได้เอาลูกศรพาดสายไว้
เพื่อยิงจากเงามืด
ยิงไปที่ผู้มีใจเที่ยงตรง
เมื่อรากฐานถูกทำลายลงแล้ว
คนชอบธรรมจะทำอะไรได้?[t]

องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตในพระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
องค์พระผู้เป็นเจ้าประทับบนบัลลังก์แห่งฟ้าสวรรค์
พระองค์ทรงสังเกตทุกคนบนโลก
พระเนตรของพระองค์ทรงตรวจสอบพวกเขา
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตรวจสอบคนชอบธรรม
แต่คนชั่ว[u]และบรรดาผู้ที่ชอบความโหดร้ายทารุณนั้น
พระองค์ทรงเกลียดเข้ากระดูกดำ
พระองค์จะทรงเทถ่านเพลิง
และไฟกำมะถันลงเหนือคนชั่วดั่งห่าฝน
และเผาผลาญเขาด้วยลมอันร้อนแรง

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชอบธรรม
พระองค์ทรงรักความยุติธรรม
คนชอบธรรมจะเห็นพระพักตร์พระองค์

(ถึงหัวหน้านักร้อง ตามทำนองเชมินิท[v] สดุดีของดาวิด)

12 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงช่วยด้วย เพราะไม่มีใครที่ซื่อสัตย์อีกแล้ว
คนที่จงรักภักดีสูญไปจากหมู่มนุษย์แล้ว
ทุกคนโกหกเพื่อนบ้านของเขา
พวกเขาประจบสอพลอด้วยริมฝีปากของพวกเขา
แต่กักเก็บความหลอกลวงอยู่ในใจของพวกเขา

ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้ทุกริมฝีปากที่ประจบสอพลอเงียบไป
และทุกลิ้นที่อวดดี
ชึ่งกล่าวว่า “เราจะเอาชนะด้วยลิ้นของเรา
ริมฝีปากของเราเองจะปกป้องเรา[w] ใครจะมาเป็นนายของเรา?”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะลุกขึ้น
เพราะเห็นแก่คนยากจนที่ถูกรีดไถและเห็นแก่คนยากไร้ที่โอดครวญ
เราจะปกป้องพวกเขาจากคนที่ประทุษร้าย”
และพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นไม่มีข้อบกพร่อง
ดั่งเงินที่ถลุงให้บริสุทธิ์ในเบ้าหลอม
ดั่งทอง[x]ที่หลอมเจ็ดครั้ง

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงคุ้มครองคนยากไร้ให้ปลอดภัย
และปกป้องข้าพระองค์ทั้งหลายจากคนชั่วตลอดไป
คนชั่วเพ่นพ่านอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
เมื่อความชั่วช้าเลวทรามเป็นที่ยกย่องในหมู่มนุษย์

(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิด)

13 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงลืมข้าพระองค์ไปนานสักเท่าใด ตลอดกาลหรือ?
พระองค์จะทรงซ่อนพระพักตร์ไปจากข้าพระองค์อีกนานเท่าใดหนอ?
ข้าพระองค์ต้องครุ่นคิดกลัดกลุ้ม
ต้องร้าวรานใจอยู่วันแล้ววันเล่าไปอีกนานเพียงใด?
ศัตรูจะชนะข้าพระองค์อีกนานสักเท่าใดหนอ?

ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอโปรดทอดพระเนตรข้าพระองค์และทรงตอบ
ขอโปรดประทานความสว่างแก่ดวงตาของข้าพระองค์ หรือข้าพระองค์จะต้องหลับใหลอยู่ในความตาย
และศัตรูของข้าพระองค์จะกล่าวว่า “เราชนะเขาแล้ว”
และปฏิปักษ์ของข้าพระองค์จะดีใจเมื่อข้าพระองค์ล้มลง

แต่ข้าพระองค์วางใจในความรักมั่นคงของพระองค์
จิตใจของข้าพระองค์ปีติยินดีในการช่วยให้รอดของพระองค์
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์ทรงดีต่อข้าพเจ้า

(สดด.53:1-6)

(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิด)

14 คนโง่[y]รำพึงอยู่ในใจว่า
“ไม่มีพระเจ้า”
พวกเขาเสื่อมทราม การกระทำของพวกเขาก็ชั่วช้าสามานย์
ไม่มีสักคนที่ทำดี

องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรลงมาจากฟ้าสวรรค์
ดูมวลมนุษยชาติ
เพื่อดูว่ามีสักคนไหมที่เข้าใจ
มีสักคนไหมที่แสวงหาพระเจ้า
ทุกคนหันหนีไปหมด
ทุกคนกลายเป็นคนเสื่อมทราม
ไม่มีสักคนที่ทำดี
ไม่มีแม้แต่คนเดียว

พวกคนชั่วไม่รับรู้อะไรเลยหรือ?

พวกเขากลืนกินประชากรของเราดั่งอาหาร
พวกเขาไม่เคยร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า
ดูสิ พวกเขาจมอยู่ในความตาย
เพราะว่าพระเจ้าสถิตในที่ชุมนุมของผู้ชอบธรรม
เจ้าคนชั่วคอยขัดขวางแผนงานของผู้ยากไร้
แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยของพวกเขา

ขอให้การช่วยกู้เพื่ออิสราเอลมาจากศิโยนเถิด!
เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้เหล่าประชากรของพระองค์คืนสู่สภาพดีดังเดิม
ให้ยาโคบชื่นชมยินดีและให้อิสราเอลเปรมปรีดิ์เถิด!

(บทสดุดีของดาวิด)

15 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ใดจะได้พักพิงในสถานนมัสการของพระองค์?
ผู้ใดจะได้อาศัยบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์?

คือผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างไม่มีที่ติ
ผู้ที่ทำสิ่งที่ชอบธรรม
ผู้ที่พูดความจริงจากใจของตน
ผู้ที่ไม่นินทาว่าร้าย
ผู้ที่ไม่ทำผิดต่อเพื่อนบ้าน
ผู้ที่ไม่ใส่ร้ายคนอื่น
ผู้ที่ชิงชังคนชั่วช้าเลวทราม
แต่ยกย่องผู้ที่ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้ที่รักษาคำปฏิญาณ
แม้ว่าตัวเองต้องเสียผลประโยชน์
ผู้ที่ให้ยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ย
และไม่ยอมรับสินบนเพื่อปรักปรำผู้บริสุทธิ์

ผู้ที่ทำสิ่งเหล่านี้
จะไม่มีวันหวั่นไหวเลย

(มิคทาม[z]บทหนึ่งของดาวิด)

16 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงปกป้องข้าพระองค์ให้ปลอดภัย
เพราะข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์

ข้าพเจ้ากราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์
นอกจากพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ไม่มีอะไรดีเลย”
ข้าพเจ้าชื่นชมเหล่าวิสุทธิชนในโลกนี้
พวกเขาเป็นผู้ทรงเกียรติ น่ายกย่อง
บรรดาผู้ที่ติดตามพระอื่นๆ จะทุกข์โศกมากยิ่งขึ้น
ข้าพเจ้าจะไม่เทเลือดถวายเป็นเครื่องสักการบูชาเหมือนที่พวกเขาทำ
หรือเอ่ยชื่อพระต่างๆ ของพวกเขา

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นส่วนมรดกและเป็นจอกแห่งพระพรของข้าพระองค์
พระองค์ทรงดูแลรักษากรรมสิทธิ์ของข้าพระองค์
ทรงให้ข้าพระองค์ได้รับส่วนในเขตแดนอันรื่นรมย์
แน่นอน ข้าพระองค์มีมรดกอันน่าชื่นชม
ข้าพเจ้าจะสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงให้คำปรึกษาแก่ข้าพเจ้า
แม้ในยามค่ำคืนจิตใจของข้าพเจ้าก็สอนตัวเอง
ข้าพเจ้าให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้าเสมอ
เพราะพระองค์ทรงประทับอยู่ที่ด้านขวามือของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว

ฉะนั้นจิตใจของข้าพเจ้าจึงยินดีและลิ้นของข้าพเจ้าก็ปรีดา
กายของข้าพเจ้าก็จะพักอยู่อย่างปลอดภัยเช่นกัน
10 เพราะพระองค์จะไม่ทรงทิ้งข้าพระองค์ไว้กับหลุมฝังศพ
ทั้งจะไม่ทรงปล่อยให้ผู้ซื่อสัตย์ของพระองค์[aa]เน่าเปื่อย
11 พระองค์ได้ทรงสำแดง[ab]หนทางแห่งชีวิตแก่ข้าพระองค์
พระองค์จะทรงให้ข้าพระองค์เปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดีต่อหน้าพระองค์
มีความชื่นบานอยู่ที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์เป็นนิตย์

(คำอธิษฐานของดาวิด)

17 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงฟังคำอ้อนวอนขอความยุติธรรมของข้าพระองค์
ขอทรงฟังคำร้องทูลของข้าพระองค์
ขอทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์
คำที่ไม่ได้มาจากริมฝีปากอันหลอกลวง
ขอให้พระองค์ทรงตัดสินว่าข้าพระองค์บริสุทธิ์
ขอให้พระเนตรของพระองค์เห็นสิ่งที่ถูกต้อง

แม้พระองค์ได้ทรงพิสูจน์จิตใจของข้าพระองค์ แม้พระองค์ได้ตรวจสอบข้าพระองค์ในยามค่ำคืน
และทดสอบข้าพระองค์ พระองค์จะเห็นว่าข้าพระองค์ไม่ได้วางแผนชั่วใดๆ
ปากของข้าพระองค์จะไม่ทำบาป
ข้าพระองค์ได้ระวังตน
ให้พ้นจากวิถีทางของคนใจเหี้ยม
โดยอาศัยพระวจนะ
จากพระโอษฐ์ของพระองค์
ย่างเท้าของข้าพระองค์ได้ยึดมั่นอยู่บนวิถีของพระองค์
เท้าของข้าพระองค์ไม่พลาดพลั้ง

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์กราบทูลพระองค์ เพราะพระองค์จะทรงตอบข้าพระองค์
ขอทรงเงี่ยพระกรรณฟังข้าพระองค์ และสดับฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์
ขอทรงสำแดงความมหัศจรรย์แห่งความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
พระองค์ผู้ทรงช่วยบรรดาผู้ที่ลี้ภัยในพระองค์
ให้พ้นจากศัตรูของเขาโดยพระหัตถ์ขวาของพระองค์
ขอทรงปกป้องข้าพระองค์ดั่งแก้วพระเนตรของพระองค์
ขอทรงซ่อนข้าพระองค์ไว้ใต้ร่มปีกของพระองค์
ให้พ้นจากคนชั่วที่รุกรานข้าพระองค์
จากศัตรูตัวฉกาจที่ล้อมรอบข้าพระองค์

10 พวกเขาไร้ความเมตตา
และปากของเขากล่าวคำโอหัง
11 พวกเขาไล่ล่าข้าพระองค์ และบัดนี้ล้อมข้าพระองค์ไว้
และกระเหี้ยนกระหือรือที่จะเหวี่ยงข้าพระองค์ลงกับพื้น
12 เขาเปรียบเหมือนสิงโตกระหายเหยื่อ
เหมือนราชสีห์ซุ่มรอขย้ำ

13 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงลุกขึ้นต่อสู้คนชั่ว ขอทรงโค่นล้มเขา
ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากคนชั่วด้วยดาบของพระองค์
14 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โดยพระหัตถ์ของพระองค์ ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์จากคนเช่นนี้
จากคนของโลกนี้ซึ่งบำเหน็จของเขาอยู่แค่ในชีวิตนี้
ขอให้สิ่งที่พระองค์ได้สั่งสมไว้ให้คนชั่วเติมเต็มท้องของพวกเขา
ขอให้ลูกหลานของพวกเขากินมันอย่างตะกละตะกลาม
ขอให้เหลือตกทอดไปถึงลูกเล็กเด็กแดง

15 และข้าพระองค์จะได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ในความชอบธรรม
เมื่อตื่นขึ้น ข้าพระองค์จะอิ่มเอิบใจที่ได้เห็นพระลักษณะของพระองค์

(B)(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิดผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงขับร้องถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อครั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกอบกู้พระองค์จากศัตรูทั้งสิ้น รวมทั้งซาอูลด้วย)

18 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นกำลังของข้าพระองค์ ข้าพระองค์รักพระองค์

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นศิลา เป็นป้อมปราการ และผู้กอบกู้ของข้าพเจ้า
พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นศิลาที่ข้าพเจ้าเข้าไปลี้ภัย
ทรงเป็นโล่ เป็นกำลัง[ac]แห่งความรอดและเป็นที่มั่นของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสมควรแก่การสรรเสริญ
แล้วข้าพเจ้าก็ได้รับการช่วยให้รอดพ้นจากเหล่าศัตรู
บ่วงแห่งความตายพันธนาการข้าพเจ้าไว้
กระแสแห่งความหายนะท่วมท้นข้าพเจ้า
บ่วงแห่งแดนผู้ตายรัดรอบตัวข้าพเจ้า
บ่วงแร้วแห่งความตายอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า

ในยามทุกข์โศก ข้าพเจ้าร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าร้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าของข้าพเจ้า
พระองค์ทรงสดับเสียงของข้าพเจ้าจากพระวิหารของพระองค์
เสียงร่ำร้องของข้าพเจ้าไปถึงพระองค์ ถึงพระกรรณของพระองค์
แผ่นดินโลกสะเทือนเลื่อนลั่น
รากของภูเขาทั้งหลายสั่นคลอน
ภูเขาเหล่านั้นสั่นสะเทือนเพราะพระองค์ทรงพระพิโรธ
ควันพลุ่งออกมาจากพระนาสิก
เปลวไฟเผาผลาญและถ่านไฟลุกโชน
ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์
พระองค์ทรงแหวกฟ้าสวรรค์และเสด็จลงมา
เมฆมืดทึบอยู่ใต้พระบาทของพระองค์
10 พระองค์ทรงประทับเหนือเครูบและทะยานมา
เสด็จมาด้วยปีกแห่งกระแสลม
11 พระองค์ทรงให้ความมืดปกคลุมอยู่รายรอบพระองค์
ทรงให้เมฆฝนดำทะมึนในท้องฟ้าอยู่รอบพระองค์
12 แสงสว่างเจิดจ้าแห่งการปรากฏของพระองค์ผ่านหมู่เมฆออกมา
ด้วยสายฟ้าแลบและพายุลูกเห็บ
13 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปล่งกัมปนาทจากฟ้าสวรรค์
พระสุรเสียงขององค์ผู้สูงสุดดังก้อง[ad]
14 ทรงยิงลูกศรของพระองค์ ทำให้เหล่าศัตรูกระเจิดกระเจิงไป
ทรงส่งฟ้าแลบแวบวาบทำให้พวกเขาแตกพ่ายไป
15 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อพระองค์ทรงกำราบ
เมื่อลมพวยพุ่งออกจากพระนาสิกของพระองค์
หุบเขาในทะเลก็เผยออก
รากฐานของโลกก็ปรากฏ

16 พระองค์ทรงเอื้อมพระหัตถ์จากเบื้องบนลงมายึดข้าพเจ้าไว้
ทรงดึงข้าพเจ้าขึ้นจากห้วงน้ำลึก
17 พระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากศัตรูผู้ทรงอำนาจ
จากปฏิปักษ์ผู้แข็งแกร่งกว่าข้าพเจ้า
18 พวกเขาบุกโจมตีในยามที่ข้าพเจ้าประสบภัยพิบัติ
แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงค้ำชูข้าพเจ้าไว้
19 พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าออกมายังที่กว้างขวาง
ทรงช่วยข้าพเจ้าไว้เพราะทรงปีติยินดีในตัวข้าพเจ้า

20 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบแทนข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า
ทรงปูนบำเหน็จแก่ข้าพเจ้าเนื่องจากข้าพเจ้าเป็นคนมือสะอาด
21 เพราะข้าพเจ้ารักษาทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าไม่ได้ทำชั่วโดยหันไปจากพระเจ้าของข้าพเจ้า
22 บทบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์อยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าไม่ได้หันไปจากกฎหมายของพระองค์
23 ข้าพเจ้าไร้ตำหนิต่อหน้าพระองค์
และได้รักษาตนให้พ้นจากบาป
24 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปูนบำเหน็จแก่ข้าพเจ้าตามความชอบธรรมของข้าพเจ้า
ตามที่ทรงเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นคนมือสะอาด

25 ต่อผู้ที่ซื่อสัตย์ ทรงสำแดงพระองค์ว่าซื่อสัตย์
ต่อผู้ที่ไร้ที่ติ ทรงสำแดงพระองค์ว่าไร้ที่ติ
26 ต่อผู้ที่บริสุทธิ์ ทรงสำแดงพระองค์ว่าบริสุทธิ์
แต่กับผู้ที่คดโกง ทรงสำแดงพระองค์ว่าฉลาดหลักแหลม
27 พระองค์ทรงช่วยผู้ที่ถ่อมใจให้รอดพ้น
ส่วนผู้ที่หยิ่งผยอง ทรงทำให้ตกต่ำลง
28 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงรักษาประทีปของข้าพระองค์ให้โชติช่วง
พระเจ้าของข้าพระองค์ทรงเปลี่ยนความมืดมนของข้าพระองค์ให้กลายเป็นความสว่าง
29 ข้าพระองค์สามารถตะลุยกองทัพได้[ae]ด้วยความช่วยเหลือจากพระองค์
และข้าพระองค์ปีนข้ามกำแพงเมืองได้โดยพระเจ้าของข้าพระองค์

30 สำหรับพระเจ้า วิถีของพระองค์นั้นดีพร้อม
พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีข้อผิดพลาด
พระองค์ทรงเป็นโล่
สำหรับทุกคนที่เข้าลี้ภัยในพระองค์
31 ใครเล่าเป็นพระเจ้า นอกจากพระยาห์เวห์?
ผู้ใดเล่าคือพระศิลา เว้นแต่พระเจ้าของเรา?
32 พระเจ้านี่แหละ ทรงเป็นผู้ประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า
ทรงกระทำให้หนทางของข้าพเจ้าดีพร้อม
33 พระองค์ทรงกระทำให้เท้าของข้าพเจ้าเป็นเหมือนเท้ากวาง
ทรงทำให้ข้าพเจ้ายืนอยู่บนที่สูงได้
34 พระองค์ทรงฝึกมือของข้าพเจ้าให้พร้อมรบ
แขนของข้าพเจ้าจึงสามารถโก่งคันธนูทองสัมฤทธิ์ได้
35 พระองค์ประทานโล่แห่งชัยชนะของพระองค์แก่ข้าพระองค์
และทรงค้ำชูข้าพระองค์ไว้ด้วยพระหัตถ์ขวา
พระองค์ทรงน้อมพระองค์ลงเพื่อกระทำให้ข้าพระองค์ยิ่งใหญ่
36 พระองค์ทรงกระทำให้ทางที่ข้าพระองค์เดินนั้นกว้างขวาง
เพื่อข้าพระองค์จะไม่พลาดล้ม[af]

37 ข้าพระองค์รุกไล่ศัตรูจนทัน
ข้าพระองค์ไม่ได้หันหลังกลับจนกระทั่งพวกเขาถูกทำลาย
38 ข้าพระองค์บดขยี้จนพวกเขาไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก
พวกเขาสยบอยู่ใต้เท้าของข้าพระองค์
39 พระองค์ประทานกำลังให้ข้าพระองค์แข็งแกร่งพร้อมรบ
ทรงกระทำให้บรรดาปฏิปักษ์ของข้าพระองค์หมอบแทบเท้าข้าพระองค์
40 พระองค์ทรงกระทำให้ศัตรูของข้าพระองค์ถอยหนีไป
ข้าพระองค์ทำลายล้างปฏิปักษ์ของข้าพระองค์
41 พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครช่วย
เขาร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ไม่ทรงตอบ
42 ข้าพระองค์จึงบดขยี้พวกเขาแหลกละเอียดเป็นผงธุลีฟุ้งไปในสายลม
ข้าพระองค์เหยียบย่ำพวกเขาเหมือนเหยียบโคลนตามถนน
43 พระองค์ทรงช่วยข้าพระองค์จากการโจมตีของฝูงชน
ทรงตั้งข้าพระองค์ให้เป็นประมุขของประชาชาติทั้งหลาย
ผู้คนที่ข้าพระองค์ไม่รู้จักก็มาสวามิภักดิ์ต่อข้าพระองค์
44 ทันทีที่ได้ยินถึงข้าพระองค์ พวกเขาก็เชื่อฟังข้าพระองค์
คนต่างชาติมาสยบต่อข้าพระองค์
45 พวกเขาล้วนเสียขวัญ
ต่างก็ตัวสั่นออกมาจากที่มั่น

46 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่! ขอถวายสรรเสริญแด่พระศิลาของข้าพระองค์!
ขอพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องเทิดทูน!
47 พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงแก้แค้นให้ข้าพเจ้า
ผู้ทรงกระทำให้ประชาชาติต่างๆ ยอมสยบต่อข้าพเจ้า
48 ผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากเหล่าศัตรู
พระองค์ทรงเชิดชูข้าพเจ้าไว้เหนือข้าศึกทั้งหลาย
ทรงกอบกู้ข้าพเจ้าจากหมู่คนอำมหิต
49 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเหตุนี้ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย
จะร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์

50 พระองค์ประทานชัยชนะยิ่งใหญ่แก่กษัตริย์ที่ทรงเลือกสรรไว้
ทรงสำแดงความกรุณาอย่างไม่หยุดยั้งต่อผู้ที่พระองค์ทรงเจิมตั้งไว้
คือดาวิดและวงศ์วานของเขาสืบไปเป็นนิตย์

(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิด)

19 ฟ้าสวรรค์ประกาศพระเกียรติสิริของพระเจ้า
ท้องฟ้าสำแดงฝีพระหัตถ์ของพระองค์
วันแล้ววันเล่ากล่าวถึงพระเจ้า
คืนแล้วคืนเล่าสำแดงความรู้
พวกมันไม่มีคำพูด ไม่มีถ้อยคำ
ไม่ได้ยินเสียงใดๆ จากพวกมัน
แต่กระนั้นเสียงของพวกมันก็ยังออกไปทั่วโลก
ถ้อยคำของพวกมันไปถึงสุดปลายแผ่นดินโลก
พระองค์ทรงกำหนดตำแหน่งของดวงอาทิตย์ไว้บนฟ้าสวรรค์
ซึ่งเป็นเหมือนเจ้าบ่าวก้าวเข้าสู่พิธีสมรส
เหมือนนักกีฬาผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งร่าเริงยินดีที่จะเข้าสู่การแข่งขัน
ดวงอาทิตย์ขึ้นจากฟากหนึ่ง
แล้วโคจรไปยังอีกฟากหนึ่งของฟ้าสวรรค์
ไม่มีสิ่งใดหลบซ่อนจากความร้อนของมันได้

บทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าสมบูรณ์ไร้ที่ติ
ฟื้นฟูจิตวิญญาณ
กฎเกณฑ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเชื่อถือได้
กระทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา
ข้อบังคับขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นถูกต้อง
ให้ความชื่นชมยินดีแก่จิตใจ
พระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้ากระจ่างชัด
ให้ความสว่างแก่ดวงตา
ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้านั้นบริสุทธิ์
ยั่งยืนเป็นนิตย์
ข้อปฏิบัติขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นแน่นอน
และล้วนแต่ชอบธรรมทั้งสิ้น

10 ล้ำค่ากว่าทองคำ
ยิ่งกว่าทองบริสุทธิ์
หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง
ยิ่งกว่าน้ำผึ้งที่หยดจากรวง
11 สิ่งเหล่านี้ตักเตือนผู้รับใช้ของพระองค์
และเป็นบำเหน็จยิ่งใหญ่แก่ทุกคนที่ยึดถือปฏิบัติตาม
12 ใครเล่าสามารถสังเกตเห็นความผิดพลาดของตน?
ขอทรงอภัยความผิดที่ซ่อนเร้นของข้าพระองค์
13 ขอทรงยับยั้งผู้รับใช้ของพระองค์ไม่ให้ทำบาปโดยตั้งใจ
อย่าให้บาปเหล่านั้นครอบงำข้าพระองค์
แล้วข้าพระองค์จะไร้ตำหนิ
พ้นจากการล่วงละเมิดอันใหญ่หลวง

14 ขอให้วาจาที่ออกจากปากและการใคร่ครวญในใจของข้าพระองค์นั้น
เป็นที่พอพระทัยในสายพระเนตรของพระองค์
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระศิลาและพระผู้ไถ่ของข้าพระองค์

(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิด)

20 ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบท่านในยามทุกข์โศก
ขอพระนามของพระเจ้าแห่งยาโคบคุ้มครองท่าน
ขอพระองค์ประทานความช่วยเหลือแก่ท่านจากสถานนมัสการ
ขอประทานการค้ำชูมาจากศิโยน
ขอพระองค์ทรงระลึกถึงเครื่องบูชาทั้งปวงที่ท่านถวาย
และทรงรับเครื่องเผาบูชาของท่าน
เสลาห์
ขอพระองค์ทรงประทานแก่ท่านตามใจปรารถนา
และขอทรงทำให้แผนงานทั้งสิ้นของท่านสำเร็จ
ขอให้เราโห่ร้องยินดีเพราะชัยชนะของท่าน
และชูธงในพระนามพระเจ้าของเรา

ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของท่านทุกประการ

บัดนี้ข้าพเจ้าทราบว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยผู้ที่ทรงเจิมตั้งไว้
พระองค์ทรงตอบเขาจากฟ้าสวรรค์อันบริสุทธิ์ของพระองค์
ด้วยฤทธานุภาพในการช่วยกู้จากพระหัตถ์ขวาของพระองค์
บางคนไว้วางใจในรถรบ บางคนไว้วางใจในม้า
แต่พวกเราไว้วางใจในพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
เขาเหล่านั้นจะล้มลงพ่ายแพ้
แต่พวกเราจะลุกขึ้นและยืนหยัดมั่นคง
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงช่วยกู้องค์กษัตริย์!
ขอทรงตอบ[ag]เมื่อข้าพระองค์ทั้งหลายร้องทูลพระองค์!

(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิด)

21 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์ปีติยินดีในพระเดชานุภาพของพระองค์
ความเปรมปรีดิ์ของท่านในชัยชนะที่พระองค์ประทานนั้นช่างยิ่งใหญ่นัก!

พระองค์ได้ประทานตามที่ใจของท่านปรารถนา
ไม่ได้ทรงหน่วงเหนี่ยวสิ่งที่ท่านทูลขอ
เสลาห์
พระองค์ทรงต้อนรับท่านด้วยพระพรอันอุดม
และทรงสวมมงกุฎทองคำบริสุทธิ์บนศีรษะของท่าน
ท่านทูลขอชีวิต พระองค์ก็ประทาน
วันคืนแห่งชีวิตของท่านจึงยืนยงนิรันดร์
ศักดิ์ศรีของท่านยิ่งใหญ่โดยชัยชนะที่พระองค์ประทาน
พระองค์ทรงประสิทธิ์ประสาทสง่าราศีและบารมีแก่ท่าน
แน่นอน พระองค์ประทานพระพรนิรันดร์แก่ท่าน
และทำให้ท่านสุขใจจากความยินดีที่ได้เข้าเฝ้าพระองค์
เพราะกษัตริย์วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า
โดยความรักมั่นคงขององค์ผู้สูงสุด
ท่านจะไม่มีวันคลอนแคลนหวั่นไหว

พระหัตถ์ของพระองค์จะจับกุมศัตรูทั้งปวง
พระหัตถ์ขวาจะยึดข้าศึกทั้งหลายของพระองค์ไว้
เมื่อพระองค์ทรงปรากฏ
พระองค์จะทรงทำลายพวกเขาเหมือนเผาในเตาไฟร้อนแรง
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงกลืนพวกเขาด้วยพระพิโรธ
ไฟของพระองค์จะเผาผลาญพวกเขา
10 พระองค์จะทรงทำลายล้างวงศ์วานของพวกเขาไปจากแผ่นดินโลก
กำจัดเผ่าพันธุ์ของพวกเขาจากมนุษยชาติ
11 แม้พวกเขาคิดร้ายต่อพระองค์
และคิดวางแผนชั่ว พวกเขาไม่สามารถทำให้สำเร็จได้
12 เพราะพระองค์จะทรงทำให้พวกเขาหันหลังหนีไป
เมื่อพระองค์ทรงเล็งธนูไปที่พวกเขา

13 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงรับการเชิดชูในพระเดชานุภาพของพระองค์
ข้าพระองค์ทั้งหลายจะร้องเพลงสรรเสริญฤทธานุภาพของพระองค์

(ถึงหัวหน้านักร้อง ทำนอง “กวางแห่งรุ่งอรุณ” บทสดุดีของดาวิด)

22 พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมทรงทอดทิ้งข้าพระองค์?
เหตุใดพระองค์จึงทรงห่างไกล ไม่มาช่วยกู้ข้าพระองค์?
ทรงห่างไกล ไม่ฟังคำคร่ำครวญของข้าพระองค์?
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ร้องทูลตลอดวัน แต่พระองค์ไม่ทรงตอบ
ยามค่ำคืนข้าพระองค์ก็ไม่หยุดวิงวอน

ถึงกระนั้นพระองค์ทรงประทับบนบัลลังก์ เป็นองค์บริสุทธิ์
พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญของอิสราเอล[ah]
บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายวางใจในพระองค์
เขาเหล่านั้นวางใจในพระองค์ และพระองค์ทรงช่วยกู้พวกเขา
พวกเขาร้องทูลพระองค์และได้รับการช่วยกู้
พวกเขาวางใจในพระองค์และไม่ผิดหวัง

แต่ข้าพระองค์เป็นตัวหนอน ไม่ใช่คน
ผู้คนก็ประณาม ประชาชนก็ดูแคลน
คนทั้งปวงที่เห็นข้าพระองค์ก็เย้ยหยัน
พวกเขาส่ายหน้าและพูดเหยียดหยามใส่ข้าพระองค์ว่า
“เขาวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า
ก็ให้องค์พระผู้เป็นเจ้าช่วยเขาสิ
ในเมื่อพระองค์ปีติยินดีในตัวเขา
ก็ให้พระองค์ช่วยกู้เขาสิ”

ถึงกระนั้นพระองค์ทรงนำข้าพระองค์ออกมาจากครรภ์
พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์วางใจใน
พระองค์ตั้งแต่อยู่ในอ้อมอกแม่
10 ตั้งแต่เกิด ข้าพระองค์ก็ถูกทิ้งให้พึ่งพิงพระองค์
ตั้งแต่ข้าพระองค์ยังอยู่ในครรภ์มารดา พระองค์ก็ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์

11 ขออย่าทรงไกลห่างจากข้าพระองค์
เพราะความทุกข์ร้อนอยู่ใกล้
และไม่มีใครช่วยได้เลย

12 เหล่ากระทิงห้อมล้อมข้าพระองค์
ฝูงโคถึกแห่งบาชานรุมล้อมข้าพระองค์
13 พวกเขาอ้าปากกว้างเข้าใส่ข้าพระองค์
ดั่งสิงโตคำรามและกัดฉีกเหยื่อ
14 พละกำลังของข้าพระองค์เหือดแห้งไปดั่งสายน้ำ
กระดูกทุกซี่ของข้าพระองค์หลุดจากข้อต่อ
ใจของข้าพระองค์อ่อนล้าดั่งขี้ผึ้ง
หลอมละลายภายในข้าพระองค์
15 กำลังของข้าพระองค์แห้งผากไปดั่งดินเผา
ลิ้นของข้าพระองค์เกาะติดเพดานปาก
พระองค์ทรงปล่อยให้ข้าพระองค์นอน[ai] เกลือกธุลีแห่งความตาย

16 เหล่าสุนัขรายล้อมข้าพระองค์
กลุ่มคนชั่วรุมล้อมข้าพระองค์
พวกเขาทิ่มแทงมือและเท้าของข้าพระองค์
17 ข้าพระองค์สามารถนับกระดูกทั้งหมดของข้าพระองค์
ผู้คนจ้องมองข้าพระองค์อย่างสะใจ
18 พวกเขาเอาเครื่องนุ่งห่มของข้าพระองค์มาแบ่งกัน
และเอาเสื้อผ้าของข้าพระองค์มาจับสลาก

19 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ส่วนพระองค์ ขออย่าทรงห่างไกล
ข้าแต่องค์ผู้ทรงเป็นพละกำลังของข้าพระองค์ โปรดรีบรุดเสด็จมาช่วยข้าพระองค์
20 ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากคมดาบ
ขอทรงช่วยชีวิตอันมีค่าของข้าพระองค์ให้พ้นจากอำนาจของเหล่าสุนัข
21 ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากปากสิงห์
ขอทรงช่วยให้รอดพ้นจากเขาของวัวป่า

22 ข้าพระองค์จะประกาศพระนามของพระองค์แก่พี่น้องทั้งหลายของข้าพระองค์
จะสรรเสริญพระองค์ในที่ประชุม
23 ท่านทั้งหลายที่ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า จงสรรเสริญพระองค์!
ท่านทั้งปวงผู้เป็นวงศ์วานของยาโคบ จงถวายพระเกียรติแด่พระองค์!
จงยำเกรงพระองค์เถิด ท่านทั้งปวงผู้เป็นวงศ์วานของอิสราเอล!
24 เพราะพระองค์ไม่ได้ทรงดูแคลนหรือรังเกียจเดียดฉันท์
ความทุกข์ทรมานของผู้ตกทุกข์ได้ยาก
พระองค์ไม่ได้ทรงซ่อนพระพักตร์จากเขา
แต่ทรงสดับฟังเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเขา

25 เนื่องด้วยพระองค์ ข้าพระองค์ร้องสรรเสริญในที่ชุมนุมใหญ่
ข้าพระองค์จะทำตามคำปฏิญาณของข้าพระองค์ ให้สำเร็จต่อหน้าบรรดาผู้ยำเกรงพระองค์
26 คนยากไร้จะรับประทานและอิ่มหนำ
บรรดาผู้เสาะหาองค์พระผู้เป็นเจ้าจะสรรเสริญพระองค์
ขอให้จิตใจของท่านทั้งหลายมีชีวิตอยู่ตลอดกาล!

27 ทั่วทุกมุมโลกจะระลึกได้
และหันมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า
ทุกครอบครัวของชาติต่างๆ
จะหมอบกราบต่อหน้าพระองค์
28 เพราะอำนาจการปกครองเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และพระองค์ทรงปกครองเหนือมวลประชาชาติ

29 คนมั่งคั่งทุกคนในแผ่นดินโลกจะเลี้ยงฉลองและนมัสการพระองค์
ทุกคนที่ต้องกลับสู่ผงคลีดินจะคุกเข่าลงต่อหน้าพระองค์
คือผู้ที่ไม่สามารถรักษาชีวิตของตนไว้ได้
30 บรรดาลูกหลานจะปรนนิบัติพระองค์
มนุษย์จะกล่าวถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าให้คนรุ่นต่อไปฟัง
31 พวกเขาจะประกาศความชอบธรรมของพระองค์
แก่ชนรุ่นหลังที่ยังไม่เกิดมา
เพราะพระองค์ได้ทรงกระทำเช่นนั้น

(บทสดุดีของดาวิด)

23 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดั่งเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน
พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้านอนลงในทุ่งหญ้าเขียวสด
พระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามายังริมน้ำอันสงบ
พระองค์ทรงฟื้นฟูจิตวิญญาณของข้าพเจ้า
พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปในทางชอบธรรม
เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์
แม้ข้าพระองค์เดิน
ผ่านหุบเขาเงาแห่งความตาย[aj]
ข้าพระองค์จะไม่หวาดกลัวความชั่วร้ายใดๆ
เพราะพระองค์สถิตกับข้าพระองค์
พระองค์ทรงปกป้องและนำทางข้าพระองค์[ak]
ทำให้ข้าพระองค์สบายใจ

พระองค์ทรงจัดเตรียมอาหารสำหรับข้าพระองค์
ต่อหน้าศัตรูทั้งหลายของข้าพระองค์
พระองค์ทรงเจิมศีรษะข้าพระองค์ด้วยน้ำมัน
จอกของข้าพระองค์เปี่ยมล้นอยู่
แน่ทีเดียว ความดีและความรักอันยั่งยืนจะติดตามข้าพเจ้าไป
ตลอดวันคืนชีวิตของข้าพเจ้า
และข้าพเจ้าจะอาศัยอยู่ในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ตลอดไป

(บทสดุดีของดาวิด)

24 แผ่นดินโลกและทุกสิ่งในโลกเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า
โลกและทุกชีวิตในโลกเป็นของพระองค์
เพราะพระองค์ทรงตั้งแผ่นดินไว้เหนือท้องทะเล
ทรงสถาปนามันไว้บนห้วงน้ำ

ผู้ใดเล่าจะได้ขึ้นไปยังภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้า?
ใครเล่าจะยืนอยู่ในที่ประทับอันบริสุทธิ์ของพระองค์?
คือผู้ที่มือสะอาดและใจบริสุทธิ์
ผู้ที่ไม่ได้มอบใจให้แก่รูปเคารพ
หรือสาบานโดยอ้างพระจอมปลอม[al]

เขาจะได้รับพระพรจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
จะได้รับการพิสูจน์ว่าเขาชอบธรรมจากพระเจ้าองค์พระผู้ช่วยให้รอดของเขา
คนเช่นนี้แหละเป็นคนที่แสวงหาพระองค์
เป็นผู้ที่แสวงหาพระพักตร์พระองค์ ข้าแต่พระเจ้าของยาโคบ[am]
เสลาห์

ประตูเมืองเอ๋ย จงเปิดออก
ประตูโบราณเอ๋ย จงเปิดออก
เพื่อกษัตริย์ผู้ทรงเกียรติสิริจะได้เสด็จเข้ามา
ผู้ใดคือกษัตริย์ผู้ทรงเกียรติสิริองค์นี้?
คือองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเข้มแข็งและทรงฤทธิ์
องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเกรียงไกรในการศึก
ประตูเมืองเอ๋ย จงเปิดออก
ประตูโบราณเอ๋ย จงเปิดออก
เพื่อกษัตริย์ผู้ทรงเกียรติสิริจะได้เสด็จเข้ามา
10 กษัตริย์ผู้ทรงเกียรติสิริองค์นี้คือผู้ใด?
คือองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธิ์
พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ทรงเกียรติสิริ
เสลาห์

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.