Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
อิสยาห์ 1-13

นี่คือนิมิตของอิสยาห์ลูกชายของอามอส ที่เขาเห็นเกี่ยวกับยูดาห์และเยรูซาเล็ม เขาเห็นนิมิตนี้ในช่วงสมัยที่อุสซียาห์[a] โยธาม อาหัส[b] และเฮเซคียาห์[c] เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์

พระเจ้าต่อต้านคนของพระองค์

ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ฟังให้ดี
    เพราะพระยาห์เวห์พูดว่า
“เราได้เลี้ยงดูลูกๆของเราและช่วยให้พวกเขาเติบโตขึ้น
    แต่พวกเขากลับกบฏต่อเรา
วัวยังรู้จักเจ้าของมัน
    ลาก็ยังรู้จักที่ที่เจ้าของมันเลี้ยงอาหารมัน
แต่คนอิสราเอลไม่รู้จักเรา
    คนของเราไม่เข้าใจสิ่งที่เราทำให้กับเขา”

ไง ไอ้ชนชาติที่บาปหนา
    ไอ้พวกคนที่หนักอึ้งไปด้วยความเลวร้าย
ไอ้พวกลูกหลานที่ชอบทำชั่ว
    ไอ้พวกลูกๆที่ชอบคดโกง
ไอ้พวกที่ทิ้งพระยาห์เวห์ไป
    ไอ้พวกที่ดูถูกองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอล
    ไอ้พวกที่หันหลังให้กับพระองค์

ทำไมพวกเจ้าถึงหาเรื่องที่จะถูกเฆี่ยนตีอีก
    ทำไมพวกเจ้าถึงยังคงกบฏต่อไป
ทั้งหัวก็ฟกช้ำไปหมด
    ทั้งใจก็อ่อนเปลี้ยไปหมดแล้ว
ตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่มีอะไรดีเลย
    ฟกช้ำดำเขียว และมีแผลสดๆเต็มไปหมด
พวกเขายังไม่ได้บีบหนองทำความสะอาด
    หรือเอาผ้าพันแผลไว้
    หรือใส่น้ำมันให้มันทุเลาลง
แผ่นดินของพวกเจ้าถูกทำลาย
    เมืองต่างๆถูกไฟเผา
คนต่างชาติได้กลืนกินแผ่นดินของพวกเจ้าไปต่อหน้าต่อตา
    และมันก็ถูกทำลายไปเหมือนกับเมืองที่ถูกโค่นล้มลงโดยพวกคนต่างชาติ[d]
มีแต่เยรูซาเล็ม[e] เท่านั้นที่เหลืออยู่
    เหมือนกับเพิงที่โดดเดี่ยวอยู่ในสวนองุ่น
เหมือนที่พักที่โดดเดี่ยวอยู่ในไร่แตงกวา
    เธอเป็นเมืองที่ถูกศัตรูโอบล้อม
ถ้าพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    ไม่เหลือผู้รอดชีวิตไว้บ้าง
พวกเราก็คงถูกทำลายจนหมดเกลี้ยงไปแล้ว
    เหมือนกับเมืองโสโดมและโกโมราห์[f]
10 ไอ้พวกผู้นำของโสโดม ให้ฟังถ้อยคำของพระยาห์เวห์ไว้
    ไอ้ชาวเมืองโกโมราห์ ให้ฟังคำสอนของพระเจ้าของเราให้ดี
11 พระยาห์เวห์พูดว่า “ทำไมพวกเจ้าถึงยังเอาเครื่องบูชามากมายพวกนี้มาถวายให้กับเรา
    เราได้รับอย่างเหลือเฟือแล้ว
ทั้งพวกแกะตัวผู้ที่เผาบูชาทั้งตัว และไขมันของสัตว์ที่ขุนไว้จนอ้วนพี
    เราไม่ชื่นชอบกับเลือดของพวกวัวผู้ ลูกแกะหรือแพะผู้
12 เมื่อพวกเจ้าเข้ามาอยู่ต่อหน้าเรา
    ใครเรียกให้พวกเจ้าเอาสัตว์มากมายพวกนี้มาเหยียบย่ำลานวิหารของเรา
13 หยุดเอาเครื่องถวายที่ไร้สาระพวกนี้มาอีก
    เราสะอิดสะเอียนเครื่องหอมที่เจ้าเผาให้กับเรา
เราทนไม่ไหวแล้วต่อเทศกาลข้างขึ้น[g] วันหยุดทางศาสนา และการเรียกประชุมต่างๆของพวกเจ้า
    การประชุมทางศาสนาพวกนี้ผสมไปด้วยความบาป
14 ใจของเราเกลียดเทศกาลข้างขึ้นและเทศกาลอื่นๆของพวกเจ้า
    พวกมันได้กลายเป็นภาระหนักให้กับเรา เราแบกมันไว้จนเหนื่อยแล้ว
15 เมื่อเจ้ากางมือออกอธิษฐาน เราจะปิดตาของเรา
    ถึงแม้เจ้าจะอธิษฐานมากมายขนาดไหน เราก็จะไม่ฟัง เพราะมือของเจ้าเปื้อนเลือด
16 ล้างตัวเองและทำตัวเองให้สะอาดซะ
    เอาสิ่งชั่วร้ายที่พวกเจ้าทำนั้นไปให้พ้น เอามันไปให้ไกลจากสายตาเรา หยุดทำชั่วซะ
17 ฝึกทำดี
    ให้ความยุติธรรมกับคนอื่น
ช่วยกู้พวกที่ถูกกดขี่ข่มเหง
    ปกป้องสิทธิให้กับเด็กกำพร้า
    สู้คดีให้กับแม่ม่าย

18 พระยาห์เวห์พูดว่า มาสู้ความกันเถอะ
    ถึงแม้พวกบาปของเจ้าจะแดงสด พวกมันก็อาจจะขาวเหมือนหิมะได้
    ถึงแม้บาปพวกนั้นของเจ้าจะแดงเข้ม พวกมันก็อาจจะขาวเหมือนขนแกะได้
19 ถ้าพวกเจ้าจะยินยอมและเชื่อฟัง
    เจ้าก็จะได้กินสิ่งดีๆจากแผ่นดินนี้
20 แต่ถ้าเจ้าไม่ยอมและกบฏ
    เจ้าก็จะถูกศัตรูฆ่าฟัน
    เพราะพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไปแล้ว”

เยรูซาเล็มไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า

21 เมืองที่เคยสัตย์ซื่อได้กลายเป็นโสเภณีไปแล้ว
    เมืองเยรูซาเล็ม เคยเต็มไปด้วยความยุติธรรม
ความดีเคยพักอยู่ที่นั่น
    แต่เดี๋ยวนี้ กลับกลายเป็นที่พักของพวกฆาตกรไปแล้ว
22 เงินของเจ้าได้กลายเป็นขี้เงินไปแล้ว
    เหล้าองุ่นของเจ้าก็ได้ผสมน้ำเจือจางไปแล้ว
23 พวกผู้นำของเจ้าเป็นพวกกบฏที่ไปคบหากับพวกหัวขโมย
    พวกเขาทุกคนรักสินบนและวิ่งตามของกำนัล
    พวกเขาไม่ได้ให้ความยุติธรรมกับพวกเด็กกำพร้าพ่อและไม่ยอมฟังคดีความของแม่ม่าย
24 ดังนั้น พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้ทรงอำนาจของอิสราเอล พูดว่า
    “ทีนี้ล่ะ ศัตรูของเราจะไม่ก่อปัญหาให้กับเราอีกแล้ว เพราะเราจะลงโทษพวกมันให้หมด
25 เราจะโจมตีเจ้า เราจะหลอมละลายเจ้า
    และเราจะขจัดสิ่งเจือปนออกไปจากเจ้าให้หมด
26 แล้วเราจะให้พวกผู้พิพากษาที่ซื่อสัตย์กับเจ้าอีกครั้งหนึ่งเหมือนกับที่เจ้าเคยมี
    และให้ที่ปรึกษาที่ดีกับเจ้าเหมือนที่เจ้าเคยมีในตอนแรก
    และหลังจากนั้น เจ้าจะถูกเรียกว่า ‘เมืองที่ทำตามใจพระเจ้า เมืองแห่งความซื่อสัตย์’”

27 ศิโยนจะได้รับการไถ่ให้เป็นอิสระด้วยความยุติธรรม
    และคนเหล่านั้นที่หันกลับมาหาพระยาห์เวห์ก็จะได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระด้วยการทำตามใจพระเจ้า
28 แต่พวกที่กบฏและพวกคนบาปก็จะถูกขยี้ไปพร้อมๆกัน
    และคนพวกนั้นที่ได้ละทิ้งพระยาห์เวห์ก็จะตาย

29 เพราะพวกเจ้าจะได้รับความอับอายเรื่องต้นโอ๊กศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเจ้าอยากได้นักหนานั้น
    และพวกเจ้าจะต้องอับอายขายหน้ากับพวกสวนพิเศษที่พวกเจ้าบูชานั้น
30 เพราะเจ้าจะเป็นเหมือนต้นโอ๊กที่มีใบเหี่ยวเฉา
    และเป็นสวนที่ไม่มีน้ำ
31 คนที่เข้มแข็งก็จะกลายเป็นเศษไม้จุดไฟ และงานของเขาจะเป็นเหมือนประกายไฟ
    ทั้งสองอย่างก็จะไหม้ไปด้วยกันและจะไม่มีใครดับไฟนั้นได้

ทุกชนชาติมุ่งสู่เยรูซาเล็ม

นี่คือข้อความที่อิสยาห์ลูกของอามอสได้รับ ผ่านทางนิมิตเกี่ยวกับยูดาห์และเยรูซาเล็ม

ในอนาคตนั้น ภูเขาที่วิหารของพระยาห์เวห์ตั้งอยู่จะถูกยกขึ้นให้สูงกว่าภูเขาทุกลูกและสูงกว่าเนินเขาทั้งหลาย
    คนทุกชนชาติก็จะหลั่งไหลมาที่นั่น
จะมีชนชาติต่างๆมากมายพากันมาที่นั่น และพูดว่า
    “ไปกันเถอะพวกเรา ขึ้นไปบนภูเขาของพระยาห์เวห์กัน ไปยังวิหารของพระเจ้าของยาโคบกันเถอะ
แล้วพระเจ้าจะได้สอนพวกเราถึงแนวทางต่างๆของพระองค์ และเราจะได้เดินในเส้นทางเหล่านั้นของพระองค์”
    เพราะคำสอนของพระยาห์เวห์นั้นจะแพร่ออกไปจากศิโยนและถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็จะแพร่ออกไปจากเยรูซาเล็ม
พระองค์จะเป็นผู้ตัดสินระหว่างชนชาติทั้งหลาย
    และพระองค์จะตัดสินข้อโต้แย้งให้กับคนหลายเชื้อชาติ
และชนชาติต่างๆจะตีดาบของพวกเขาให้เป็นใบมีดของคันไถและตีหอกของพวกเขาเป็นขอลิดกิ่งไม้
    ชนชาติต่างๆจะไม่ยกดาบขึ้นต่อสู้กันอีก และพวกเขาจะไม่มีการฝึกทำสงครามกันอีกต่อไป
ครอบครัวของยาโคบ มาเถอะ
    มาเดินในความสว่างของพระยาห์เวห์กัน
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทอดทิ้งครอบครัวของยาโคบซึ่งเป็นคนของพระองค์
    เพราะพวกเขามีทั้งพวกหมอดูจากตะวันออก
    และพวกผู้ทำนายอนาคตเต็มไปหมดเหมือนกับคนฟีลิสเตีย
    และพวกเขาก็ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับคนต่างชาติ
ดินแดนของพวกเขามีเงินและทองเต็มไปหมดและมีทรัพย์สมบัติมากมายจนนับไม่ถ้วน
    แผ่นดินของเขามีม้าเต็มไปหมดและมีรถรบม้ามากมายจนนับไม่ถ้วน
แผ่นดินของเขามีรูปเคารพเต็มไปหมด
    พวกเขาก้มกราบสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมากับมือ เป็นสิ่งที่นิ้วพวกเขาเองได้สร้างขึ้นมา
อย่างนี้ คนพวกนี้ได้เสื่อมลงและถูกทำให้ตกต่ำ
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ อย่าได้ให้อภัยกับพวกมันเลย
10 รีบหลบเข้าไปอยู่ตามซอกหินและซ่อนอยู่ในรูในดินเพื่อให้พ้นจากความน่าสยองขวัญของพระยาห์เวห์
    และรัศมีที่เปล่งออกมาจากฤทธิ์อันยิ่งใหญ่ของพระองค์
11 สายตาที่เย่อหยิ่งจองหองของมนุษย์จะถูกทำให้ตกต่ำลงและคนที่หยิ่งยโสจะถูกทำให้ถ่อมตัวลง
    ในวันนั้น จะมีแต่พระยาห์เวห์เท่านั้นที่จะได้รับการยกย่องสรรเสริญ
12 เพราะพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้กำหนดวันนั้นไว้แล้ว
    ที่พระองค์จะต่อสู้กับทุกคนที่เย่อหยิ่งจองหอง หัวสูง และทุกคนที่ยกตัวขึ้น
    (พระองค์จะทำให้คนพวกนี้ตกต่ำลง)
13 พระองค์จะต่อสู้กับทุกคนที่ยกตัวขึ้นราวกับเป็นต้นสนซีดาร์แห่งเลบานอนที่สูงส่งและถูกยกขึ้น
    จะต่อสู้กับทุกคนที่ทำตัวราวกับเป็นต้นโอ๊กแห่งบาชาน[h]
14 จะต่อสู้กับทุกคนที่ทำตัว
    ราวกับเป็นภูเขาและเนินเขาสูง
15 จะต่อสู้กับทุกคนที่ทำตัว
    ราวกับเป็นหอคอยสูงและกำแพงป้อมปราการ
16 จะต่อสู้กับทุกคนที่ทำตัว
    ราวกับเป็นพวกเรือจากทารชิช[i] และเรือที่สวยงามทั้งหลาย
17 มนุษย์ที่เย่อหยิ่งจองหองจะถูกทำให้ถ่อมลง ความหยิ่งยโสของทุกคนจะถูกทำให้ตกต่ำลง
    ในวันนั้น จะมีแต่พระยาห์เวห์เท่านั้นที่จะได้รับการยกย่องสรรเสริญ
18 แต่พวกรูปเคารพทั้งหลาย
    จะหมดสิ้นไป
19 ผู้คนจะต้องเข้าไปหลบอยู่ตามถ้ำของซอกหินและซ่อนอยู่ในรูใต้ดินเพื่อให้พ้นจากความน่าสยองขวัญของพระยาห์เวห์
    และรัศมีที่เปล่งออกมาจากฤทธิ์อันยิ่งใหญ่ของพระองค์เมื่อพระองค์ยืนขึ้นเพื่อทำให้คนทั้งโลกกลัวจนตัวสั่น
20 ในวันนั้น ผู้คนจะโยนรูปเคารพที่พวกเขาทำขึ้นมากราบไหว้บูชากัน เป็นรูปเคารพที่ทำจากเงินและทอง
    พวกเขาจะโยนมันทิ้งลงไปในรูของตัวตุ่นและในถ้ำของค้างคาว
21 แล้วพวกเขาก็จะไปหลบอยู่ตามถ้ำของซอกหิน
และตามรอยแตกของหินผา ไปให้พ้นจากความน่าสยองขวัญของพระยาห์เวห์
    และรัศมีที่เปล่งออกมาจากฤทธิ์อันยิ่งใหญ่ของพระองค์เมื่อพระองค์ยืนขึ้น เพื่อทำให้คนทั้งโลกกลัวจนตัวสั่น
22 อย่าได้หวังพึ่งในมนุษย์เลย
    พวกเขาหายใจแค่ชั่วครู่ พวกเขาจะช่วยอะไรใครได้

พระยาห์เวห์จะเอาทุกอย่างไปจากเยรูซาเล็มและยูดาห์

ดูนั่นสิ องค์เจ้าชีวิต คือพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    กำลังจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเยรูซาเล็มและยูดาห์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาพึ่งพาอาศัย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร และน้ำดื่ม
ไม่ว่าจะเป็นนักรบหรือทหาร ไม่ว่าจะเป็นผู้พิพากษา
    หรือผู้พูดแทนพระเจ้า หรือ หมอดู หรือผู้นำอาวุโส
ไม่ว่าจะเป็นผู้นำทหารห้าสิบคน หรือผู้มีหน้ามีตา หรือที่ปรึกษา
    หรือพ่อมดผู้เก่งกาจ หรือผู้เชี่ยวชาญในด้านเวทมนตร์คาถา
พระยาห์เวห์พูดว่า
    “เราจะเอาพวกเด็กผู้ชายมาเป็นผู้นำของพวกเขาและจะเอาพวกเด็กโง่ๆมาปกครองเหนือพวกเขา
ผู้คนจะข่มเหงรังแกกันและกัน
    ทุกคนก็จะข่มเหงรังแกเพื่อนบ้านของเขา
คนหนุ่มก็จะไม่ให้ความเคารพยำเกรงคนที่แก่กว่า
    คนที่ไร้ค่าก็จะไม่ให้ความเคารพยำเกรงต่อคนที่มีเกียรติ”
บางคนถึงกับไปคว้าเอาญาติของพ่อมา และพูดว่า
    “ไหนๆเจ้าก็ยังมีเสื้อคลุมตัวหนึ่ง มาเป็นผู้นำของเราเถอะ แล้วเจ้าจะได้ครอบครองซากปรักหักพังพวกนี้”
แต่ในวันนั้น เขาจะตอบว่า
    “ผมไม่สามารถช่วยเหลือเยียวยาอะไรพวกท่านได้หรอก บ้านผมไม่มีแม้แต่อาหารและเสื้อคลุม อย่าตั้งให้ผมเป็นผู้นำประชาชนเลย”
เยรูซาเล็มได้สะดุดและยูดาห์ได้ล้มคว่ำ เพราะสิ่งต่างๆที่พวกเขาได้พูดและทำไปนั้น มันต่อต้านพระยาห์เวห์
    พวกเขาได้กบฏต่อศักดิ์ศรีของพระเจ้า
พวกเขาแสดงสีหน้าอวดดี พวกเขาได้ประกาศความบาปของพวกเขาออกมาอย่างโจ่งแจ้งเหมือนเมืองโสโดม
    พวกเขาไม่ได้ปกปิดมันเลย น่าละอายจริงๆ พวกเขาหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ
10 ให้บอกกับคนพวกนั้นที่ทำดีว่าพวกเขาจะได้ดี
    เพราะพวกเขาจะได้กินผลกรรมดีที่พวกเขาทำนั้น
11 แต่คนชั่วนั้น น่าละอายจริงๆเขาจะได้รับสิ่งเลวร้าย
    เพราะสิ่งที่มือพวกเขาได้ทำกับคนอื่นไว้ มันจะย้อนกลับมาหาพวกเขา
12 เด็กๆจะกดขี่ข่มเหงคนของเรา
    พวกผู้หญิงจะปกครองเหนือคนของเรา
คนของเราเอ๋ย พวกผู้นำของเจ้าได้นำเจ้าออกนอกลู่นอกทาง
    และทำให้ทางที่พวกเจ้าควรจะเดินนั้นสับสนไป

พระยาห์เวห์ตัดสินคนของพระองค์

13 พระยาห์เวห์ลุกขึ้นมาเพื่อ
    ดำเนินคดีและตัดสินคนของพระองค์
14 พระยาห์เวห์เริ่มตัดสินพวกผู้นำอาวุโสและพวกเจ้านายของคนของพระองค์ พระองค์พูดว่า
    “พวกเจ้านี่แหละ ที่ได้โกงกินสวนองุ่น และสิ่งของที่เจ้าปล้นมาจากคนจนก็ยังอยู่ในบ้านของพวกเจ้า
15 พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรไปบดขยี้คนของเรา และบดบี้หน้าคนจนเหล่านั้น”
    พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดไว้ว่าอย่างนั้น

พระยาห์เวห์เตือนพวกผู้หญิงที่เย่อหยิ่งของศิโยน

16 พระยาห์เวห์พูดว่า “พวกผู้หญิงของศิโยนได้กลายเป็นคนเย่อหยิ่งจองหอง
    พวกเขาเดินเชิดคอไปมา ชายตายั่วยวน เดินกระตุ้งกระติ้ง และส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งจากสร้อยข้อเท้า”
17 พระยาห์เวห์ก็เลยจะทำให้หัวของพวกผู้หญิงของศิโยนกลายเป็นชันนะตุ
    และทำให้หน้าผากของพวกเขาโล้น[j]

18 ในวันนั้นพระยาห์เวห์จะเอาของสวยๆงามๆทั้งหลายที่พวกเขาภูมิใจนักหนาไป อย่างเช่น พวกสร้อยข้อเท้า พวกสร้อยคอที่มีรูปร่างเหมือนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ 19 พวกต่างหู พวกสร้อยข้อมือ ผ้าคลุมหน้า 20 ผ้าคาดผม สร้อยที่ดึงเท้าให้ชิดกัน ผ้าพันเอว และพวกน้ำหอม และพวกเครื่องรางของขลัง 21 พวกแหวนตราประทับ ห่วงใส่จมูก 22 พวกเสื้อใส่ในงานเทศกาล พวกเสื้อคลุม พวกผ้าคลุมไหล่ พวกกระเป๋าถือ 23 พวกกระจก เสื้อผ้าลินิน ผ้าโพกหัว และผ้าคลุมตัว

24 ในวันนั้นแทนที่จะมีน้ำหอมก็จะมีกลิ่นเหม็น
    แทนที่จะมีผ้าคาดเอวสวยๆก็จะมีแค่เชือก
แทนที่จะมีทรงผมสวยงามก็จะหัวล้าน
    แทนที่จะมีเสื้อคลุมหรูหราก็จะมีผ้ากระสอบ
    และแทนที่จะสวยงาม ก็จะอับอาย
25 ในเวลานั้น พวกผู้ชายของเจ้าก็จะถูกดาบฆ่าฟัน
    พวกนักรบผู้แข็งแกร่งของเจ้าก็จะถูกฆ่าตายในสงคราม
26 ตามประตูเมืองต่างๆของศิโยนจะมีแต่เสียงร้องไห้เศร้าโศกเสียใจ
    เยรูซาเล็มจะเป็นเหมือนผู้หญิงที่นั่งอยู่กับพื้นสิ้นเนื้อประดาตัว
    เพราะถูกปล้นไปหมดแล้ว

ในวันนั้นผู้หญิงเจ็ดคนจะยึดผู้ชายคนหนึ่งไว้ และพวกนางจะพูดว่า

“เราจะหาอาหารกินเองและเย็บเสื้อผ้าใส่เอง
    ขอเพียงแต่ให้ท่านแต่งงานกับเรา
และให้พวกเราได้ใช้ชื่อของท่าน
    เพื่อเราจะได้ไม่อับอายเพราะยังเป็นโสดอยู่”

พระยาห์เวห์ให้ความหวังกับคนของพระองค์

ในวันนั้น สิ่งที่พระยาห์เวห์ทำให้งอกขึ้นนั้นจะสวยงามตระการตาและผลผลิตที่เกิดขึ้นจากพื้นดินนั้นก็จะเป็นความภาคภูมิใจและเป็นศักดิ์ศรีของพวกที่ยังเหลือรอดอยู่ในอิสราเอล ในเวลานั้นคนเหล่านั้นที่ยังเหลือรอดอยู่ในศิโยนคือเมืองเยรูซาเล็มนั้น ก็จะถูกเรียกว่า ผู้บริสุทธิ์ คือทุกคนที่พระเจ้าได้กำหนดไว้แล้วให้มีชีวิตอยู่ต่อไปในเยรูซาเล็ม เมื่อพระยาห์เวห์ได้ล้างความสกปรกโสมมของพวกผู้หญิงในศิโยนและได้ชำระล้างเลือดออกจากเยรูซาเล็มด้วยพระวิญญาณแห่งการตัดสินอย่างยุติธรรมและพระวิญญาณแห่งการเผาไหม้ให้บริสุทธิ์ แล้วเมื่อนั้น พระยาห์เวห์จะสร้างเมฆก้อนหนึ่งขึ้นมาในตอนกลางวันและควันและเปลวเพลิงในตอนกลางคืน[k] อยู่เหนือภูเขาศิโยนและอยู่เหนือที่ประชุมทั้งหลายของเมืองนั้นจะมีกระโจมอยู่เหนือสง่าราศีทั้งหมดนั้น กระโจมนั้นจะใช้เป็นที่กำบังแสงแดดในตอนกลางวันและเป็นที่หลบภัยและเป็นที่กำบังตอนที่มีพายุฝน

เพลงเกี่ยวกับอิสราเอลที่เป็นสวนองุ่นของพระเจ้า

ตอนนี้ผมขอร้องเพลงหนึ่งให้กับเพื่อนของผม[l] เป็นเพลงเกี่ยวกับเขาและสวนองุ่นของเขา[m]

เพื่อนของผมมีสวนองุ่นบนเนินเขาที่อุดมสมบูรณ์มาก
เขาเตรียมดินและโยนก้อนหินออกไปจนหมด
    แล้วเขาก็ปลูกต้นองุ่นคุณภาพดีเลิศลงไปที่นั่น
เขาได้สร้างหอคอยเฝ้ามองกลางสวนนั้น
    และเขาขุดบ่อย่ำองุ่นไว้ด้วย
เขาคาดหวังว่าสวนนี้จะออกลูกองุ่นรสดี
    แต่มันกลับออกผลองุ่นเปรี้ยวมา

ดังนั้นเพื่อนคนนี้จึงพูดว่า “ตอนนี้ พวกเจ้าที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มและพวกเจ้าคนยูดาห์
    ให้ตัดสินเอาระหว่างเรากับสวนองุ่นของเรา
มีอะไรอีกหรือที่เราควรจะทำกับสวนองุ่นของเราแต่ยังไม่ได้ทำ
    เราคาดหวังว่ามันจะออกลูกองุ่นรสดีแต่ทำไมมันกลับออกลูกเปรี้ยว

ตอนนี้เราจะบอกพวกเจ้าว่าเราจะจัดการยังไงกับสวนองุ่นนี้ของเรา
เราจะรื้อรั้วพุ่มหนามออก
    สวนนี้จะถูกทำลายไป
เราจะรื้อกำแพงหินลง
    สวนนี้ก็จะได้ถูกเหยียบย่ำ
เราจะให้มันเป็นที่ดินรกร้าง
    จะไม่มีใครตัดแต่งกิ่งหรือพรวนดิน
    จะมีทั้งหญ้าคาและหนามขึ้นเต็มไปหมด
และเราจะสั่งก้อนเมฆว่าอย่าปล่อยให้มีน้ำฝนตกลงมาบนมัน”

สวนองุ่นของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นนี้ ก็คือครอบครัวอิสราเอลนั่นเอง
    ส่วนต้นองุ่น ที่พระองค์รักนี้ก็คือคนยูดาห์
พระองค์เฝ้ามองหาความยุติธรรมกลับเห็นแต่การนองเลือด
    พระองค์เฝ้ามองหาการใช้ชีวิตที่ถูกต้องกลับได้ยินแต่เสียงร้องให้ช่วย

เฮ้ย ไอ้พวกเจ้าที่มีบ้านเพิ่มขึ้นหลังแล้วหลังเล่า
    และมีที่ดินเพิ่มแล้วเพิ่มอีก
จนไม่เหลือที่ให้กับคนอื่นเขาอยู่กัน
    มีแต่พวกเจ้าเท่านั้นที่อยู่กันในแผ่นดินนั้น
ผมได้ยิน พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์อำนาจทั้งสิ้นได้สาบานไว้ว่า
    “บ้านมากมายเหล่านี้จะถูกทำลายลงอย่างแน่นอนบ้านที่ใหญ่โตสวยงามเหล่านี้จะเป็นบ้านร้าง
10 สวนองุ่นตั้งยี่สิบห้าไร่แต่ผลิตเหล้าองุ่นได้นิดเดียว
    หว่านเมล็ดข้าวสาลีไปตั้งหลายกระสอบแต่ผลิตเมล็ดข้าวได้นิดเดียว”[n]
11 เฮ้ย ไอ้พวกที่ตื่นเช้าเพื่อวิ่งตามหาเบียร์
    และอยู่จนดึกดื่นจนกว่าจะเมาด้วยเหล้าองุ่น[o]
12 งานสังสรรค์ของพวกเจ้า มีพวกพิณเขาคู่ พิณใหญ่
    กลองรำมะนา ขลุ่ย และเหล้าองุ่น
แต่พวกเจ้าไม่ได้ใส่ใจเลยถึงสิ่งที่พระยาห์เวห์ได้ทำ
    และไม่ได้สังเกตเลยว่าพระองค์ได้ลงมือทำอะไรไปบ้าง
13 เพราะอย่างนี้ คนของเราก็จะถูกจับตัวไปเป็นเชลย
    เพราะพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เรากำลังทำอยู่
พวกบุคคลสำคัญ ก็จะหิวตาย
    และพวกชาวบ้านธรรมดาๆก็จะหิวน้ำคอแห้งผาก
14 นั่นเป็นเหตุที่แดนคนตายถึงได้เปิดลำคอกว้าง มันอ้าปากซะกว้างจนวัดไม่ได้
    ทั้งบุคคลสำคัญและชาวบ้านธรรมดาๆของเยรูซาเล็มก็จะต้องลงไป รวมทั้งพวกขี้เมาที่เอะอะโวยวายในงานเลี้ยง
15 ผู้คนจะก้มกราบลง ทุกคนจะถูกปราบลง
    และคนที่มีแววตาเย่อหยิ่งจองหองก็จะถูกทำให้อับอายขายหน้า
16 แต่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นจะได้รับการยกย่องสรรเสริญ
    เพราะพระองค์ได้ตัดสินอย่างยุติธรรม
พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์จะทำให้เห็นว่าพระองค์นั้นศักดิ์สิทธิ์
    เพราะพระองค์ทำในสิ่งที่ถูกต้อง
17 แล้วในเวลานั้น ลูกแกะก็จะเล็มหญ้าที่นั่นเหมือนกับเป็นทุ่งหญ้าของมันเอง
    และลูกแพะก็จะกินหญ้าอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของพวกคนรวยนั้น
18 เฮ้ย ไอ้พวกที่ลากความผิดบาปของพวกเขาด้วยเชือกแห่งการโกหก
    และลากความบาปด้วยเชือกลากเกวียน
19 พวกเจ้าพูดว่า “ให้พระเจ้ารีบๆหน่อย
    ขอให้พระองค์ทำงานของพระองค์เร็วๆเพื่อพวกเราจะได้เห็นมัน
ขอให้แผนงานของพระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอลสำเร็จในเร็วๆนี้
    เพื่อเราจะได้รู้ว่าแผนนั้นเป็นยังไง”
20 เฮ้ย ไอ้พวกที่เรียกสิ่งชั่วร้ายว่าดีและสิ่งที่ดีว่าชั่วร้าย
    ไอ้พวกที่พูดว่าความมืดเป็นความสว่างและความสว่างเป็นความมืด
    ไอ้พวกที่ถือว่าความขมเป็นความหวานและความหวานเป็นความขม
21 เฮ้ย ไอ้พวกที่คิดว่าตัวเองฉลาด
    ไอ้พวกที่มองว่าตัวเองแสนรู้
22 เฮ้ย ไอ้พวกแชมป์ในการดื่มเหล้าองุ่น
    ไอ้พวกคนเก่งกล้าในการปรุงรสเบียร์ดื่ม
23 ไอ้พวกที่รับสินบนแล้วปล่อยคนผิดไป
    และไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับผู้บริสุทธิ์
24 เพราะอย่างนี้นี่เองลูกหลานของพวกเจ้าจะถูกทำลายเหมือนกับฟางที่ถูกไฟไหม้
    เหมือนกับหญ้าแห้งที่ยุบลงในเปลวไฟ
ดังนั้นรากของพวกเจ้าก็จะเปื่อยเน่าไป
    และดอกของพวกเจ้าก็จะตายและปลิวไปเหมือนฝุ่น
เพราะพวกเจ้าไม่ยอมเชื่อฟังคำสอนของพระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    และพวกเจ้าก็ดูถูกดูหมิ่นข่าวสารที่มาจากพระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอล
25 เพราะเหตุนั้น พระยาห์เวห์ถึงได้โกรธคนของพระองค์
    และยกมือขึ้นฟาดพวกเขา
ภูเขาทั้งหลายต่างพากันสะเทือนสะท้าน
    และมีศพเกลื่อนกลาดกลางถนนเหมือนขยะ
แต่ถึงจะเกิดเรื่องเหล่านี้ก็ตามพระยาห์เวห์ก็ยังไม่หายโกรธอยู่ดี
    และมือของพระองค์ก็ยังคงเงื้อขึ้นมาฟาด

พระเจ้าจะนำกองทัพมาลงโทษอิสราเอล

26 พระองค์ได้ส่งสัญญาณให้กับชนชาติหนึ่งที่อยู่ห่างไกล
    และพระองค์ได้ผิวปากให้พวกเขามาจากสุดปลายแผ่นดินโลก
ดูสิ พวกเขามาอย่างรวดเร็ว ว่องไว
27 ในพวกนั้น ไม่มีใครที่เหน็ดเหนื่อยหรือล้มลง
    ไม่มีใครที่ง่วงนอนหรืองีบหลับไป
ไม่มีแม้แต่เข็มขัดสักเส้นที่หลวมหลุด
    ไม่มีแม้แต่สายรัดรองเท้าสานสักเส้นที่ขาดไป
28 ลูกธนูของพวกเขาก็แหลมคม
    คันธนูทั้งหมดก็โก่งพร้อมยิง
กีบม้าของพวกเขาก็เหมือนกับหินเหล็กไฟ
    และล้อรถรบก็เร็วเหมือนพายุหมุน
29 เสียงคำรามของพวกเขาก็เหมือนสิงโต
    พวกเขาคำรามเหมือนพวกสิงห์หนุ่ม
พวกเขาคำรามและตะครุบเหยื่อของพวกเขา
    และขนเหยื่อพวกนั้นไป ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเหยื่อเหล่านั้น
30 ในวันนั้น พวกศัตรูจะคำรามเหนืออิสราเอล
    เหมือนกับเสียงร้องกึกก้องของคลื่นในทะเล
และเมื่อคนหนึ่งมองเข้าไปในแผ่นดิน
    ก็จะเห็นแต่ความมืดและความเจ็บปวดรวดร้าว
และหมู่เมฆนั้นก็ได้บดบังแสงสว่างไปจนมืดมิด

พระยาห์เวห์เรียกอิสยาห์มาเป็นผู้พูดแทนพระองค์

ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์[p]ตาย ผมได้เห็นองค์เจ้าชีวิตนั่งอยู่บนบัลลังก์อันสูงส่ง และส่วนปลายของเสื้อคลุมยาวของพระองค์นั้นปกคลุมพื้นวิหารไปหมด มีพวกทูตสวรรค์เสราฟ[q] ยืนเฝ้าอยู่รอบๆพระองค์ ทูตเสราฟแต่ละองค์มีปีกหกปีก สองปีกปิดหน้าเอาไว้ และอีกสองปีกปิดเท้า[r] ของพวกเขา และสองปีกที่เหลือเอาไว้บิน พวกทูตสวรรค์ ต่างก็กำลังร้องต่อกันและกันว่า

“ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    ทั่วโลกเต็มไปด้วยรัศมีของพระองค์”

รากฐานและธรณีประตูต่างๆสั่นสะเทือนเพราะเสียงร้องของพวกทูตสวรรค์นั้น และวิหารก็เต็มไปด้วยควัน[s]

และผมก็พูดว่า “น่าละอายจริงๆผมจะต้องถูกทำลายแน่ๆ[t] เพราะผมเป็นคนที่มีริมฝีปากที่ไม่สะอาดในสายตาพระเจ้า และผมก็อาศัยอยู่ท่ามกลางคนที่มีริมฝีปากที่ไม่สะอาดเหมือนกัน แต่ดวงตาผมกลับได้เห็นกษัตริย์ คือพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น”

แล้วทูตเสราฟองค์หนึ่งก็บินมาหาผม และมีถ่านหินร้อนๆที่ท่านได้เอาคีมคีบมาจากแท่นบูชา แล้วท่านก็เอามันมาแตะที่ริมฝีปากผม และพูดว่า “ดูสิ ถ่านหินร้อนๆนี้ได้แตะที่ริมฝีปากของเจ้าแล้ว และความผิดของเจ้าก็ได้ถูกขจัดไปแล้ว ความบาปของเจ้าก็ถูกลบไปแล้ว”

และผมก็ได้ยินเสียงขององค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เราจะส่งใครไปดี ใครจะไปแทนพวกเรา”

แล้วผมก็ตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่ครับ ส่งข้าพเจ้าไปเถิด”

แล้วพระองค์ก็พูดว่า “ไปบอกกับคนพวกนี้ว่า

‘ฟังไปเรื่อยๆแต่อย่าเข้าใจ
    ดูต่อไปเรื่อยๆแต่อย่ารู้เรื่อง’
10 ไปทำให้จิตใจของคนพวกนี้ทึบไป
    และทำให้หูของพวกเขาตึง
    และทำให้ตาของพวกเขาปิดสนิท
ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะเห็นด้วยตาของพวกเขา
    และได้ยินกับหูของพวกเขา
และเข้าใจด้วยจิตใจของพวกเขา
    และหันกลับมาหาเรา และได้รับการรักษา”

11 แล้วผมก็ถามว่า “องค์เจ้าชีวิต จะให้ข้าพเจ้าทำอย่างนี้ไปนานแค่ไหนครับ”

พระองค์ตอบว่า

“ทำอย่างนี้ไปจนกว่าเมืองต่างๆจะถูกทำลาย
    จนไม่หลงเหลือใครอยู่ในเมืองพวกนั้นอีก
จนไม่มีใครเหลืออยู่ตามบ้านเรือนต่างๆ
    และจนกว่าแผ่นดินจะถูกทำลายจนร้างไป
12 และจนกว่าพระยาห์เวห์จะส่งประชาชนออกไปแดนไกล
    และแผ่นดินก็ถูกทอดทิ้งไปเกือบหมด
13 ถึงแม้จะเหลือคนอยู่ที่นั่นแค่สิบเปอร์เซ็นต์
    แผ่นดินก็ยังจะถูกเผาอีก
แต่เหมือนกับต้นโอ๊กหรือต้นสนที่เมื่อถูกโค่นจนเหลือแต่ตอ
    แผ่นดินนี้จะมีตอซึ่งก็คือเมล็ดศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถแตกออกมาได้อีก”

อารามก่อปัญหาให้กับยูดาห์

ในช่วงที่อาหัส[u] ลูกของโยธาม ที่เป็นลูกของอุสซียาห์[v] ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ กษัตริย์เรซีนของอาราม[w] และเปคาห์ลูกของเรมาลิยาห์เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ทั้งเรซีนและเปคาห์ได้บุกขึ้นไปโจมตีเมืองเยรูซาเล็ม แต่ไม่สามารถเอาชนะเมืองนั้นได้ กษัตริย์อาหัสของยูดาห์[x] ได้รับรายงานเรื่องนี้ว่า อารามได้ตั้งค่ายอยู่ในเขตแดนของเอฟราอิม กษัตริย์อาหัสและคนของพระองค์ก็กลัวจนตัวสั่น เหมือนต้นไม้ในป่าที่ถูกลมพัดสั่นไหวไปมา

พระยาห์เวห์พูดกับอิสยาห์ว่า “ให้เจ้าและเชอารยาชูบ[y] ลูกของเจ้า ออกไปหาอาหัส ตรงบริเวณปลายรางน้ำของสระด้านบน ตรงถนนที่มุ่งไปยังทุ่งของคนซักผ้าใหม่ ให้บอกกับอาหัสว่า ‘ระวังตัวให้ดี และใจเย็นๆไม่ต้องกลัว และไม่ต้องใจฝ่อไป เรื่องสองคนนั้นที่ตอนนี้เป็นเหมือนเศษดุ้นฟืนสองดุ้นที่ใกล้จะมอดแล้ว ไม่ต้องไปกลัวที่เรซีน อาราม และเปคาห์ลูกของเรมาลิยาห์โกรธแค้นเจ้า หรือที่อาราม พร้อมกับเอฟราอิม และเปคาห์ลูกของเรมาลิยาห์ ได้วางแผนต่อต้านเจ้า และพูดกันว่า “พวกเราไปบุกยูดาห์กันเถอะ ไปทำให้มันขวัญหนีดีฝ่อ และเอาชนะมัน แล้วตั้งลูกของทาเบเอลขึ้นเป็นกษัตริย์ที่นั่น”’”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า

“แผนของพวกมันจะไม่สำเร็จ
    และมันจะไม่เกิดขึ้นตามนั้น
เพราะหัวของอารามก็เป็นแค่เมืองดามัสกัสนั่น
    และหัวของดามัสกัสก็เป็นแค่ไอ้เรซีนนั่น
(ภายในหกสิบห้าปี เอฟราอิมจะถูกทำลายแตกเป็นชิ้นๆจนไม่เป็นชนชาติอีกต่อไป)
ส่วนหัวของเอฟราอิมก็เป็นแค่เมืองสะมาเรีย
    และหัวของเมืองสะมาเรียก็เป็นแค่ไอ้ลูกของเรมาลิยาห์คนนั้น
ถ้าเจ้าไม่ยืนหยัดในพระเจ้า
    เจ้าก็จะไม่มีทางยืนอยู่ได้เลย”

อิมมานูเอล พระเจ้าอยู่กับเรา

10 พระยาห์เวห์พูดกับอาหัสอีกครั้งว่า 11 “ขอเราพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าให้ทำอะไรก็ได้ที่พิสูจน์ว่าที่เราพูดนั้นเป็นจริง ขอมาเลย อะไรก็ได้ ไม่ว่าจะมาจากที่ลึกของแดนผู้ตาย หรือมาจากที่สูงถึงฟ้าสวรรค์”

12 แต่อาหัสตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไม่ขอหรอกครับ ข้าพเจ้าจะไม่ทดสอบพระยาห์เวห์”

13 แล้วอิสยาห์ก็พูดว่า “อย่างนั้น ฟังให้ดี ครอบครัวของดาวิด ที่เจ้าทำให้มนุษย์หมดความอดทนนั้นยังไม่พออีกหรือ ยังจะต้องมาทำให้พระเจ้าของผมหมดความอดทนไปด้วยหรือ 14 เพราะอย่างนี้แหละ องค์เจ้าชีวิตเองจะให้สิ่งที่พิสูจน์กับเจ้า

ดูนะ หญิงสาวคนนั้น[z]
    ตั้งท้องอยู่
    และกำลังจะคลอดลูกชาย
    เธอจะตั้งชื่อลูกว่า อิมมานูเอล[aa]
15 เด็กคนนั้นจะกินเนยและน้ำผึ้ง[ab]
    จนถึงเวลาที่เขาเริ่มปฏิเสธอาหารที่ไม่ชอบ
    และเลือกอาหารที่ชอบ[ac]
16 เพราะก่อนที่เด็กจะเริ่มปฏิเสธอาหารที่ไม่ชอบ
    และเลือกอาหารที่ชอบเป็น
    แผ่นดินของกษัตริย์สององค์นั้นที่ท่านกลัว
    ก็จะถูกทิ้งให้รกร้างไปแล้ว

17 แต่พระยาห์เวห์จะนำวันเวลาแห่งความเดือดร้อนมาให้กับเจ้ากับคนของเจ้าและกับครอบครัวของเจ้าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่เอฟราอิมแยกออกมาจากยูดาห์ พระยาห์เวห์จะนำกษัตริย์อัสซีเรีย[ad] มาต่อสู้กับเจ้า”

18 ในวันนั้น พระยาห์เวห์จะผิวปากเรียกแมลงวันตัวนั้น ที่อยู่ตามต้นน้ำทั้งหลายของลำธารต่างๆของอียิปต์ และจะผิวปากเรียกผึ้งตัวนั้นที่อยู่ในแผ่นดินของอัสซีเรีย 19 แมลงวันและผึ้งพวกนั้น ก็จะมาตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาลึก ตามถ้ำตามหน้าผาต่างๆตามพงหนามและตามหลุมน้ำต่างๆ 20 ในวันนั้น องค์เจ้าชีวิตจะโกนหัวเจ้าและขนที่เท้า[ae][af] ด้วยมีดโกนที่เช่ามาจากอีกฝั่งของแม่น้ำยูเฟรติสคือกษัตริย์อัสซีเรียนั่นเอง

21 ในวันนั้น คนหนึ่งจะเหลือได้แค่วัวสาวตัวหนึ่งและแพะสองตัว 22 และเพราะพวกมันให้นมจำนวนมาก คนนั้นก็เอามาทำเนยกิน คนที่ยังคงเหลืออยู่ในแผ่นดินนั้นก็จะกินเนยและน้ำเชื่อมผลไม้ 23 ในวันนั้น สวนองุ่นที่เคยมีเถาองุ่นหนึ่งพันเถาที่มีค่าหนึ่งพันเหรียญเงิน จะมีหญ้าคาและหนามขึ้นรกไปหมด 24 คนก็จะเอาธนูและลูกธนูเข้าไปล่าสัตว์ที่นั่น เพราะทั้งแผ่นดินก็มีแต่พงหญ้าและหนามขึ้นเต็มไปหมด 25 คนจะไม่ขึ้นไปตามเนินเขาพวกนั้นที่เคยมีการถางด้วยจอบอีกต่อไป เพราะจะกลัวความรกของพงหญ้าและหนาม มันจะกลายเป็นที่สำหรับปล่อยฝูงสัตว์ไปหากินและให้ฝูงแพะแกะไปเหยียบย่ำ

อัสซีเรียจะมาบุกในเร็วๆนี้

พระยาห์เวห์พูดกับผมว่า “ให้เอาแผ่นดินเหนียว[ag] แผ่นใหญ่มาแผ่นหนึ่งแล้วเอาปากกาปลายแหลมที่คนใช้กันทั่วไป[ah] เขียนลงไปว่า ‘มาเฮอร์ชาลาลหัชบัส’”[ai]

แล้วผมก็ได้เอาอุรียาห์ที่เป็นนักบวช และเศคาริยาห์ลูกของเยเบเรคียาห์ มาเป็นพยานที่เชื่อถือได้ว่าผมเขียนอย่างนั้น จากนั้นผมก็เข้าไปร่วมหลับนอนกับเมียผมหญิงที่เป็นผู้พูดแทนพระเจ้านั้น และนางก็ตั้งท้องและคลอดลูกชาย แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผมว่า “ตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่า มาเฮอร์ชาลาลหัชบัส” ก่อนที่เด็กจะร้องเรียกพ่อจ๋า แม่จ๋าได้นั้น ทหารอัสซีเรียก็จะมาขนเอาทรัพย์สมบัติของเมืองดามัสกัสและริบเอาความร่ำรวยของเมืองสะมาเรีย[aj] ไปให้กับกษัตริย์อัสซีเรีย

แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผมอีกว่า “คนพวกนี้ไม่ยอมรับน้ำที่ไหลเรื่อยๆจากทางส่งน้ำแห่งชิโลอาห์[ak] แต่กลับไปชื่นชมเรซีน และเปคาห์ลูกของเรมาลิยาห์ เพราะอย่างนั้น ดูไว้ให้ดี เราผู้เป็นองค์เจ้าชีวิต กำลังจะนำกษัตริย์ของอัสซีเรียมาพร้อมกับกำลังอันเกรียงไกรของเขา มาต่อสู้กับพวกเจ้า มันจะเป็นเหมือนกับน้ำที่ไหลทะลักมาจากแม่น้ำยูเฟรติส ที่ท่วมท้นลำคลองต่างๆและริมฝั่งทั้งหมดของพวกมัน มันจะไหลเข้าไปในยูดาห์ และท่วมทุกสิ่งทุกอย่าง และไหลต่อไปเรื่อยๆจนสูงถึงคอ” แต่พระองค์จะกางปีก[al] ออกปกคลุมแผ่นดินทั้งหมดของเจ้า อิมมานูเอล[am]

ชนชาติทั้งหลาย รวมตัวกันไว้
    และให้หวาดกลัว
    ฟังไว้ให้ดี พวกเจ้าทั้งหมดที่อยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป
เตรียมตัวออกรบและให้หวาดกลัวไว้
    เตรียมตัวออกรบและให้หวาดกลัวไว้
10 วางแผนกันไปเลยแต่จะไม่สำเร็จหรอก ออกคำสั่งไปเลยแต่จะไร้ผล
    เพราะพระเจ้าอยู่กับเรา

พระเจ้าเตือนอิสยาห์

11 พระยาห์เวห์พูดกับผม ในขณะที่มือของพระองค์จับผมไว้ และยับยั้งผมไว้ไม่ให้ไปตามทางของคนพวกนี้ พระองค์พูดว่า 12 “สิ่งที่คนพวกนี้เรียกว่าเป็นการวางแผนกบฏ ก็อย่าไปเรียกอย่างนั้นตามพวกมัน และเจ้าก็ไม่ต้องไปกลัวในสิ่งที่พวกมันกลัวหรอก หรือไปยำเกรงอย่างนั้น 13 มีแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นเท่านั้น ที่เจ้าควรจะถือว่าศักดิ์สิทธิ์ ให้พระองค์เป็นผู้ที่พวกเจ้าเกรงกลัว และให้พระองค์เป็นผู้ที่พวกเจ้ายำเกรง 14 แล้วพระองค์จะเป็นที่ลี้ภัยสำหรับเจ้า แต่สำหรับครอบครัวของอิสราเอลและครอบครัวของยูดาห์แล้ว พระองค์จะเป็นเหมือนก้อนหินที่ทำให้พวกเขาสะดุด เป็นศิลาที่ทำให้พวกเขาล้มลง และพระองค์จะเป็นกับดักและตาข่ายต่อคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม 15 พวกเขาจำนวนมากจะสะดุดแล้วก็ล้มแตกหัก และพวกเขาจะติดกับดักและถูกจับไป”

16 อิสยาห์พูดว่า “ให้มัดคำพยานนี้ไว้ให้ดี และให้ปิดผนึกคำสั่งสอนนี้ แล้วเก็บไว้กับพวกลูกศิษย์ของผม” 17 ผมจะรอคอยพระยาห์เวห์ พระองค์ได้แอบใบหน้าของพระองค์เองไปจากครอบครัวของยาโคบ แต่ผมจะมีความหวังในพระองค์

18 ดูสิ ผมอยู่นี่พร้อมกับลูกๆที่พระยาห์เวห์ได้ให้กับผม พวกเราเป็นเครื่องเตือนใจและรางบอกเหตุต่างๆในอิสราเอล พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้ที่อาศัยอยู่บนภูเขาศิโยนได้ส่งพวกเรามา

19 เมื่อมีคนมาบอกกับพวกเจ้าว่า “ไปปรึกษากับพวกคนทรงเจ้าและพวกหมอดู ที่กระซิบเบาๆและพึมพำอยู่ในลำคอ แต่ละชนชาติน่าจะไปปรึกษากับพวกพระของเขาไม่ใช่หรือ น่าจะไปปรึกษากับคนตายให้กับคนเป็นไม่ใช่หรือ”

20 เจ้าควรนึกถึงคำสั่งสอนและคำพยานนั้นต่างหาก ถ้าพวกคนทรงเจ้าและพวกหมอดูนี้พูดไม่ตรงกับที่ผมพูด พวกเขาก็จะไม่มีวันเจอกับความสว่าง

21 พวกเขาจะเดินไปมาในแผ่นดิน ด้วยความทุกข์และความหิวโหย[an] เมื่อเขาหิวโหยและโกรธ เขาก็จะเงยหน้าขึ้นมาสาปแช่ง[ao] กษัตริย์ของเขาและพวกพระของเขาด้วย 22 แล้วเมื่อพวกเขามองไปที่แผ่นดิน พวกเขาจะเห็นแต่ความทุกข์ยากและความมืด และมีแต่ความกลัดกลุ้มอย่างแสนสาหัส และพวกเขาก็จะถูกผลักไสให้เข้าไปสู่ความมืดมิด

วันใหม่กำลังมา

แต่จะไม่มีความเหน็ดเหนื่อยอีกต่อไป สำหรับคนเหล่านั้นที่ตั้งมั่นคงอยู่ในคำสอนนั้น ในอดีตนั้น พระองค์ทำให้ดินแดนของเศบูลุนและนัฟทาลีถูกดูหมิ่น แต่ในอนาคต พระองค์จะทำให้ดินแดนเหล่านั้นยิ่งใหญ่ คือดินแดนที่อยู่ใกล้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ดินแดนทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน และแคว้นกาลิลี อันเป็นที่อาศัยของคนต่างชาติ

คนที่เคยเดินอยู่ในความมืดได้เห็นความสว่างอันยิ่งใหญ่แล้ว
    คนเหล่านั้นที่เคยอยู่ในแผ่นดินที่มืดมน แสงสว่างก็ได้ส่องลงมายังพวกเขาแล้ว
พระองค์เจ้าข้า พระองค์ได้ทำให้ชนชาติทวีคูณ
    พระองค์ได้เพิ่มความสุขให้กับพวกเขา
พวกเขาชื่นชมยินดีต่อหน้าพระองค์
    อย่างกับความสุขที่คนมีกันในยามเก็บเกี่ยว
    อย่างกับความสุขที่คนมีกันตอนแบ่งของที่ยึดมาได้จากสงคราม
เพราะพระองค์ได้หักแอกที่เป็นภาระของพวกเขาทิ้ง
    และเอาคานที่พวกเขาแบกอยู่บนบ่าออกไป
    และเอาไม้ตะบองที่ศัตรูใช้ลงโทษพวกเขาไป อย่างกับตอนที่พระองค์รบชนะชาวมีเดียน[ap]
เพราะรองเท้าทหารทุกคู่ที่มุ่งหน้าสู่สนามรบอย่างกึกก้อง
    และเสื้อทหารทุกตัวที่เกลือกกลิ้งเลือดมา จะต้องถูกเผาทิ้ง เป็นเชื้อเพลิงสำหรับไฟ
เพราะมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา
    พระองค์ให้ลูกชายคนหนึ่งกับเรา
และสิทธิอำนาจก็จะตกอยู่ที่บ่าของเด็กคนนี้
    และเขามีชื่อว่า “ที่ปรึกษาอันมหัศจรรย์ นักรบที่ทรงพลังเหมือนพระเจ้า พระบิดาตลอดกาล เจ้าชายแห่งสันติสุข”
สิทธิอำนาจของพระองค์ จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
    และจะมีสันติสุขสำหรับบัลลังก์ของดาวิดและอาณาจักรของพระองค์อย่างไม่มีวันสิ้นสุด
พระองค์จะก่อตั้งอาณาจักรของพระองค์ขึ้นและพยุงมันไว้ด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรมตั้งแต่เดี๋ยวนี้ไปจนตลอดกาล
    ความรักอันหวงแหนของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นจะทำให้สิ่งนี้สำเร็จ

พระเจ้าจะลงโทษอิสราเอล

พระยาห์เวห์ส่งข้อความที่ต่อว่ายาโคบ
    และมันตกอยู่บนอิสราเอล
ทุกคนรู้เรื่องนี้
    ทั้งเอฟราอิมและคนที่อาศัยอยู่ในสะมาเรีย
    แต่คนพวกนั้นมีจิตใจที่เย่อหยิ่งจองหอง พวกเขาพูดว่า
10 “ถึงพวกอิฐนี้จะพังลงแล้ว
    แต่เราก็จะสร้างอาคารเหล่านี้ขึ้นมาใหม่ด้วยหินสกัด
ถึงพวกคานไม้มะเดื่อจะถูกตัดเป็นชิ้นๆแล้ว
    แต่เราก็จะเอาไม้สนซีดาร์เข้าไปแทนที่พวกมัน”
11 พระยาห์เวห์ได้หนุนพวกข้าศึกขึ้นมาต่อสู้อิสราเอล[aq]
    พระองค์ได้ยุแหย่พวกศัตรูของเขา
12 มีคนอารามจากทางตะวันออกและคนฟีลิสเตียจากทางตะวันตก
    และพวกเขาก็ได้อ้าปากกว้างกลืนกินอิสราเอลเข้าไป
ถึงจะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้แล้วก็ตาม พระองค์ก็ยังไม่หายโกรธอยู่ดี
    มือของพระองค์ก็ยังคงเงื้อขึ้นมาฟาดพวกเขา
13 ผู้คนก็ยังไม่ยอมหันกลับมาหาพระองค์ผู้ที่ตีสอนพวกเขา
    พวกเขาก็ยังไม่ยอมแสวงหาพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
14 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงตัดหัวตัดหางของอิสราเอล
    ตัดทั้งกิ่งปาล์มและต้นกกในวันเดียวกัน
15 หัวในที่นี้ หมายถึงพวกผู้นำอาวุโสและพวกที่มีเกียรติ
    ส่วนหางในที่นี้หมายถึงพวกผู้พูดแทนพระเจ้าที่พูดโกหก
16 เพราะคนเหล่านั้นที่นำประชาชนพวกนี้ได้นำพวกเขาให้หลงทางไป
    คนที่ถูกนำไปนั้นก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
17 เพราะอย่างนี้พระยาห์เวห์จึงไม่สงสารทหารหนุ่มของพวกเขา
    และไม่เมตตาพวกเด็กกำพร้าและพวกแม่ม่ายของพวกเขา
เพราะประชาชนพวกนี้ทั้งหมดเป็นคนที่ไม่เคารพพระเจ้าและเป็นคนชั่วช้า
    และปากแต่ละคนก็พูดแต่เรื่องโง่ๆ
ถึงจะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้แล้วก็ตาม พระองค์ก็ยังไม่หายโกรธอยู่ดี
    มือของพระองค์ก็ยังคงเงื้อขึ้นมาฟาดพวกเขา
18 เพราะความเลวทรามของพวกเขาเผาอยู่อย่างไฟ
    ตอนแรกมันก็เผาหญ้าและหนาม
ต่อมาก็ลุกลามเผาพงไม้ใหญ่ในป่า
    และพวกมันทุกคนถูกเผากลายเป็นควันม้วนขึ้นไปในอากาศ
19 เพราะความโกรธของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นทำให้แผ่นดินนั้นถูกเผาผลาญ
    และประชาชนก็กลายเป็นเชื้อเพลิงสำหรับไฟนั้นไม่มีใครพยายามช่วยชีวิตใครเลย
20 ประชาชนหันไปทางขวาและกินอย่างตะกละตะกลามแต่ก็ยังหิวอยู่
    พวกเขาก็เลยหันไปทางซ้ายและเขมือบเข้าไปแต่ก็ยังไม่พอ
แต่ละคนก็เลยหันไปกินเนื้อลูกหลานของตัวเอง
21 มนัสเสห์กัดกินเอฟราอิม เอฟราอิมก็กัดกินมนัสเสห์
    และทั้งสองก็ไปต่อสู้กับยูดาห์
ถึงจะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้แล้วก็ตาม พระองค์ก็ยังไม่หายโกรธอยู่ดี
    มือของพระองค์ก็ยังคงเงื้อขึ้นมาฟาดพวกเขา

10 เฮ้ย ไอ้พวกที่ออกกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม
    ไอ้พวกที่เขียนกฎต่างๆที่กดขี่คนอื่น
เพื่อไม่ให้คนยากจนได้รับความยุติธรรม เพื่อปล้นเอาสิทธิของคนจนที่เป็นคนของเรา
    เพื่อจะได้ไปปล้นพวกแม่ม่าย และเพื่อพวกเด็กกำพร้าจะได้เป็นเหยื่อของพวกแก
พวกแกจะทำยังไงในวันลงโทษ
    ในวันที่ความหายนะมาจากที่ห่างไกล
พวกแกจะวิ่งหนีไปให้ใครช่วย
    และจะเก็บทรัพย์สมบัติของพวกแกไว้ที่ไหน
พวกแกจะทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากหมอบลงในหมู่นักโทษ
    หรือล้มลงในหมู่คนที่ถูกฆ่าฟัน
ถึงจะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้แล้วก็ตาม พระองค์ก็ยังไม่หายโกรธอยู่ดี
    มือของพระองค์ก็ยังคงเงื้อขึ้นมาฟาดพวกเขา

พระเจ้าจะลงโทษอัสซีเรียด้วย

พระยาห์เวห์พูดว่า “เฮ้ย ไอ้พวกอัสซีเรีย ซึ่งเป็นไม้ที่เราใช้ตีเมื่อเราโกรธ
    ที่ถือไม้กระบองแห่งความโกรธแค้นของเราอยู่ในมือ
เราได้ส่งอัสซีเรียไปต่อสู้กับชนชาติที่ไม่เคารพพระเจ้า
    และเราสั่งให้พวกเขาต่อสู้กับคนเหล่านั้นที่ทำให้เราโกรธ
เพื่อจะริบเอาทรัพย์สมบัติของพวกนั้น
    และจะเหยียบย่ำพวกนั้นเหมือนโคลนตมบนถนนต่างๆ
แต่อัสซีเรียไม่รู้หรอกว่าเรากำลังใช้พวกเขาอยู่
    ในใจของพวกเขาไม่ได้คิดอย่างนั้น
ในใจพวกเขาคิดแต่จะทำลายล้าง
    และกำจัดชนชาติจำนวนมากให้สิ้นซากไป
เพราะอัสซีเรียพูดว่า
    ‘ผู้นำกองทัพของเราแต่ละคนก็มีอำนาจอย่างกับกษัตริย์ ไม่ใช่หรือ
เมืองคาลโนกลายเป็นเหมือนเมืองคารเคมิชไปแล้วไม่ใช่หรือ
    เมืองฮามัทกลายเป็นเหมือนเมืองอารปัดไปแล้วไม่ใช่หรือ
    เมืองสะมาเรียกลายเป็นเหมือนเมืองดามัสกัส[ar]ไปแล้วไม่ใช่หรือ
10 มือของเราได้ยึดอาณาจักรทั้งหลายที่มีรูปเคารพครอบครองอยู่
    และรูปเคารพเหล่านั้นยังมีฤทธิ์อำนาจมากกว่าพวกรูปเคารพของเยรูซาเล็มและสะมาเรียเสียอีก
11 เราจะไม่จัดการกับเยรูซาเล็มและพวกรูปเคารพต่างๆของมัน
    เหมือนกับที่เราได้จัดการกับสะมาเรียและรูปเคารพต่างๆของมันหรือ’”

12 เมื่อองค์เจ้าชีวิตได้จัดการกับภูเขาศิโยนและเยรูซาเล็มเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็จะลงโทษกษัตริย์ของอัสซีเรีย ที่คุยโวโอ้อวดและมีสายตาที่หยิ่งผยอง 13 เพราะกษัตริย์ของอัสซีเรียพูดว่า

“ข้าทำสิ่งนี้ได้ด้วยพละกำลังและสติปัญญาของข้าเอง
    เพราะข้ามีความเข้าใจ
ข้าได้รื้อเขตแดนของชนชาติต่างๆออกไปและได้ปล้นเอาทรัพย์สมบัติของพวกเขามา
    ข้าเป็นเหมือนวัวตัวผู้ที่ได้ชนคนพวกนั้นที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ให้ล้มลง
14 ข้าใช้มือของข้าเองหยิบฉวยเอาทรัพย์สมบัติของชนชาติอื่นๆมา
    เหมือนคนที่หยิบไข่จากรังนก
และข้าก็รวบรวมประเทศทั้งหลายทั่วโลกมา
    เหมือนรวบรวมไข่ที่ถูกทิ้งแล้ว ไม่มีแม่นกมากระพือปีกหรืออ้าปากร้อง”
15 แต่พระเจ้าตอบเขาไปว่า
อ้าว ขวานจะอ้างว่าตัวมันเองยิ่งใหญ่กว่าคนที่ใช้มันฟันได้หรือ
    หรือเลื่อยจะอ้างว่ามันสำคัญกว่าคนที่ใช้มันเลื่อยได้หรือ
หรือไม้พลองจะสามารถยกเจ้าของมันขึ้นมาได้หรือ
    หรือไม้ตะบองสามารถยกผู้นั้นที่ไม่ใช่ไม้ขึ้นมาได้หรือ
16 ดังนั้น พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นผู้เป็นองค์เจ้าชีวิตจะส่งเชื้อโรคมาทำให้พวกทหารที่บึกบึนของอัสซีเรียซูบผอมไป
    พระองค์ก็จะก่อไฟเผาผลาญสิ่งทั้งหมดที่ทำให้อัสซีเรียยิ่งใหญ่
17 แสงสว่างของอิสราเอลจะกลายเป็นไฟ พระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอลจะเป็นเปลวเพลิง
    พระองค์จะเผาผลาญและทำลายต้นหนามและหญ้าคาทั้งหลายหมดในวันเดียว
18 พระยาห์เวห์จะทำลายความสวยงามของผืนป่าและสวนของอัสซีเรียจนสิ้นซากไป
    และมันจะเป็นเหมือนกับคนป่วยที่ซูบผอมไป
19 จะมีต้นไม้เหลืออยู่น้อยมาก
    แม้แต่เด็กก็นับมันได้

20 ในวันนั้น คนที่ยังคงเหลืออยู่ในอิสราเอล คือผู้ที่รอดชีวิตจากครอบครัวของยาโคบจะไม่พึ่งกษัตริย์อัสซีเรียที่เคยทุบตีพวกเขา แต่พวกเขาจะพึ่งพระยาห์เวห์อย่างแท้จริง องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล 21 จะมีไม่กี่คนกลับมา[as] คือไม่กี่คนจากครอบครัวของยาโคบที่หันกลับมาหาพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์

22 คนอิสราเอลเอ๋ย ถึงแม้ว่าคนของเจ้าจะมีมากมายเหมือนกับทรายที่ชายหาด แต่จะมีเพียงไม่กี่คนในพวกนั้นที่กลับมา พระเจ้าได้ออกคำสั่งให้ทำลายชนชาตินี้ไปแล้ว การลงโทษอันยุติธรรมจะมาท่วมท้นเจ้า 23 เพราะพระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้ออกคำสั่งให้ความพินาศเกิดขึ้นกับแผ่นดินนี้ทั้งหมด และพระองค์จะทำตามนั้น

24 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้พูดไว้ “คนของเราที่อาศัยอยู่ในศิโยนเอ๋ย ไม่ต้องไปกลัวอัสซีเรีย พวกมันอาจจะตีเจ้าด้วยไม้พลองและยกไม้ตะบองขึ้นตีเจ้าเหมือนกับที่คนอียิปต์เคยทำ 25 แต่ในไม่ช้า ความโกรธของเราที่มีต่อเจ้าจะหมดลงและเราจะทำลายพวกมันด้วยความโกรธแค้นของเรา

26 และพระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นก็จะเอาแส้ไปหวดพวกมัน เหมือนกับตอนที่พระองค์ทุบตีชาวมีเดียนที่หินของโอเรบ[at] ไม้เท้าของพระยาห์เวห์จะยื่นออกไปต่อต้านพวกมัน พระองค์จะยกมันขึ้นมาเหมือนกับที่พระองค์เคยทำในอียิปต์[au]

27 ในวันนั้นภาระของอัสซีเรียจะถูกยกออกไปจากบ่าเจ้า และแอกของมันที่อยู่บนคอเจ้าก็จะถูกทำลายไป”

กองทัพของอัสซีเรียมาบุกอิสราเอล

28 กองทัพของผู้รุกรานได้บุกขึ้นมาถึงซากปรักหักพังที่อัยยาทแล้ว
    พวกเขาผ่านลานนวดข้าวที่มิโกรนมาแล้ว
    พวกเขาสะสมเสบียงไว้ที่มิคมาช
29 พวกเขาได้ข้ามแม่น้ำตรงทางข้ามมาบาราห์แล้ว
    พวกเขาพูดว่า “พวกเราจะตั้งค่ายค้างคืนที่เกบา”
เมืองรามาห์ก็กลัวจนตัวสั่น
    ผู้คนที่กิเบอาห์ของซาอูลก็วิ่งหนีไปหมดแล้ว
30 นางสาวกัลลิม[av] เอ๋ย ให้ร้องตะโกนออกมา
    ไลชาห์เอ๋ย ตั้งใจฟังให้ดี
    อานาโธทเอ๋ย ตอบเรามาสิ
31 ชาวเมืองมัดเมนาห์กำลังวิ่งหนีกัน
    ชาวเมืองเกบิมวิ่งหาที่หลบภัย
32 ในวันนี้เอง กองทัพผู้บุกรุกจะหยุดอยู่ที่โนบ
    พวกเขาจะชูกำปั้นขึ้นเตรียมรบกับภูเขาแห่งนางสาวศิโยน
    เตรียมเข้าประจัญบานกับเนินเขาของเยรูซาเล็ม
33 ดูสิ พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    กำลังจะตัดกิ่งไม้ใหญ่ด้วยกำลังอันน่าสะพรึงกลัวของพระองค์
พวกต้นที่อยู่สูงลิบลิ่วนั้น[aw] ก็จะถูกโค่นลง
    และพวกผู้สูงส่งจะถูกทลายลง
34 พระยาห์เวห์จะเอาขวานฟันป่าทึบลง
    และต้นไม้อันยิ่งใหญ่อลังการของเลบานอนก็จะถูกโค่นลง

เจ้าชายแห่งสันติสุขกำลังมา

11 จะมีหน่อหนึ่ง[ax] แตกออกมาจากตอแห่งเจสซี
    จะมีกิ่งหนึ่งงอกออกมาจากรากทั้งหลายของเจสซี
พระวิญญาณของพระยาห์เวห์จะสถิตอยู่บนเขา
    เป็นวิญญาณแห่งสติปัญญาและความเข้าใจ
    เป็นวิญญาณแห่งการวางแผนและฤทธิ์อำนาจ
    เป็นวิญญาณแห่งความรู้และการยำเกรงพระยาห์เวห์
และเขาก็จะมีความสุขที่จะยำเกรงพระยาห์เวห์
    เขาจะไม่พิพากษาอย่างชุ่ยๆตามที่ตาเขามองเห็น
    และเขาก็จะไม่ตัดสินตามข่าวลือที่เขาได้ยิน
แต่เขาจะพิพากษาคนจนอย่างยุติธรรม
    และเขาจะตัดสินคนที่ต่ำต้อยที่สุดในแผ่นดินอย่างเป็นธรรม
เมื่อเขาออกคำสั่ง ชาวโลกก็จะถูกลงโทษ[ay]
    ด้วยคำพูดของเขา คนชั่วร้ายก็จะต้องถูกฆ่าตาย[az]
ความดีจะเป็นเข็มขัดคาดรอบเอวของเขา
    ความยุติธรรมจะเป็นเข็มขัดคาดบั้นเอวของเขา
หมาป่าก็จะอยู่ด้วยกันกับลูกแกะ
    เสือดาวก็จะนอนอยู่ข้างๆลูกแพะ
ลูกวัว สิงโต และวัวหนุ่มก็จะอยู่ด้วยกัน
    และจะมีเด็กเล็กๆคนหนึ่งคอยดูแลพวกมัน
วัวและหมีจะหากินอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข
    และลูกๆของพวกมันก็จะนอนอยู่ด้วยกัน
    และสิงโตก็จะกินฟางเหมือนวัว
เด็กทารกก็เล่นอยู่ที่ปากหลุมของงูเห่าได้
    เด็กที่หย่านมแล้วก็เอามือแหย่เข้าไปในรังของงูพิษได้
พวกเขาจะไม่ทำร้ายหรือทำลายซึ่งกันและกันตลอดทั่วภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา
    เพราะทั้งโลกก็จะเต็มไปด้วยความรู้เรื่องของพระยาห์เวห์ เหมือนกับน้ำที่ปกคลุมอยู่ทั่วท้องทะเลนั้น

10 ในเวลานั้น รากของเจสซี[ba] ก็จะยืนขึ้นมาเหมือนธงให้กับชนชาติทั้งหลาย และชนชาติทั้งหลายก็จะมาปรึกษาเขา และที่อยู่ของเขาก็จะเต็มไปด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี

11 ในเวลานั้น องค์เจ้าชีวิตก็จะยกมือของพระองค์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะเอาคนของพระองค์ที่ยังเหลืออยู่คืนมาจากอัสซีเรีย จากอียิปต์ทางเหนือ จากอียิปต์ทางใต้[bb] จากเอธิโอเปีย จากเอลาม จากบาบิโลน[bc] จากฮามัท และจากเกาะและชายฝั่งทะเล

12 พระองค์จะยกธงขึ้นให้กับชนชาติต่างๆ
    และพระองค์ก็จะรวบรวมคนที่ถูกขับไล่ออกไปจากอิสราเอลกลับมา
    และพระองค์ก็จะรวบรวมคนยูดาห์ที่เคยกระจัดกระจายไปนั้นจากทั่วทั้งสี่มุมโลก
13 เอฟราอิมก็จะเลิกอิจฉา
    และยูดาห์ก็จะเลิกทำตัวเป็นศัตรู
เอฟราอิมก็จะไม่อิจฉายูดาห์
    และยูดาห์ก็จะไม่เป็นศัตรูกับเอฟราอิม
14 แต่ทั้งอิสราเอลและยูดาห์
    ก็จะโฉบเข้าโจมตีด้านหลังของคนฟีลิสเตีย[bd]ไปทางด้านตะวันตก
และพวกเขาก็จะร่วมกันปล้นทรัพย์สมบัติของผู้คนทางตะวันออกด้วย
    รวมทั้งเมืองเอโดม และโมอับ[be] ที่จะตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขา
    และคนอัมโมนก็จะเชื่อฟังพวกเขา
15 และพระยาห์เวห์ก็จะทำลายอ่าวของทะเลแห่งอียิปต์ให้สิ้นซากไป
    และพระองค์จะซัดมือของพระองค์เหนือแม่น้ำยูเฟรติส ด้วยลมแรง
และพระองค์จะแบ่งแม่น้ำนั้นออกเป็นลำน้ำเล็กๆเจ็ดสาย
    แม้แต่คนที่สวมรองเท้าสานก็เดินข้ามไปได้
16 จะมีถนนทางหลวงจากอัสซีเรียให้คนที่เหลือของพระองค์ใช้กลับมา
    อย่างที่อิสราเอลมีตอนที่พวกเขาขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์

เพลงสรรเสริญพระเจ้า

12 ในเวลานั้นเจ้าจะพูดว่า
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์
    ใช่แล้ว พระองค์โกรธข้าพเจ้าอยู่
ขอให้ความโกรธของพระองค์หันไปจากข้าพเจ้าด้วยเถิด
    ขอให้พระองค์ปลอบโยนข้าพเจ้าด้วยเถิด[bf]
ดูสิ พระเจ้าคือผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจะไว้วางใจในพระองค์และข้าพเจ้าจะไม่กลัว
เพราะพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์นั่นแหละเป็นกำลังและที่ปกป้องของข้าพเจ้า
    และพระองค์ได้มาเป็นผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า”

พวกเจ้าจะตักน้ำอย่างมีความสุข
    จากพวกบ่อน้ำแห่งความรอด
และในตอนนั้น พวกเจ้าจะพูดว่า
“ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์กันเถิด ให้ร้องเรียกชื่อของพระองค์เถิด
    ให้ประกาศให้ชนชาติทั้งหลายรู้ถึงสิ่งต่างๆที่พระองค์ทำนั้น
    ให้ประกาศว่าพระองค์นั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน
ร้องเพลงสรรเสริญให้กับพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ได้ทำสิ่งต่างๆที่ยิ่งใหญ่
    ให้สิ่งนี้เป็นที่รู้กันไปทั่วโลก
ชาวศิโยนเอ๋ย โห่ร้องและร้องเพลงด้วยความสุขเถิด
    เพราะองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอลนั้นยิ่งใหญ่ท่ามกลางพวกเจ้า”

ข่าวสารของพระเจ้าเกี่ยวกับบาบิโลน

13 อิสยาห์ลูกของอามอส ได้รับข้อความนี้เกี่ยวกับบาบิโลนผ่านทางนิมิต พระยาห์เวห์พูดว่า

“ยกธงขึ้นบนภูเขาที่ไม่มีต้นไม้ขึ้นนั้น
    ให้ร้องตะโกนเรียกทหารทั้งหลาย
กวักมือเรียกพวกเขาให้เข้าไป
    ทางประตูเหล่านั้นของพวกสูงศักดิ์
เราได้ออกคำสั่งกับคนพวกนั้นที่เราได้แยกออกมาโดยเฉพาะสำหรับเรา
    เราได้เรียกพวกนักรบของเราที่มีความภาคภูมิใจและมีความมั่นใจให้ไปลงโทษคนพวกนั้นที่เราโกรธ”

“ฟังดูสิ มีเสียงดังอึกทึกบนภูเขาพวกนั้น มันฟังดูเหมือนเสียงของคนเป็นจำนวนมาก
    ฟังดูสิ มีเสียงอึกทึกครึกโครมท่ามกลางอาณาจักรต่างๆ
ชนชาติทั้งหลายต่างก็มารวมตัวกัน
    พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นกำลังรวบรวมพลเพื่อทำสงคราม
พวกเขามาจากดินแดนอันแสนไกลมาจากสุดขอบฟ้า
    พระยาห์เวห์และอาวุธแห่งความโกรธของพระองค์กำลังมา เพื่อทำลายแผ่นดินนี้ทั้งหมด”

ร้องร่ำไห้สิ เพราะวันของพระยาห์เวห์ใกล้มาถึงแล้ว
    วันนั้นจะมากับความหายนะที่มาจากพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์
ดังนั้น มือทุกมือก็จะหมดแรง
    ความกล้าของทุกคนก็จะหลอมละลายไป
และพวกเขาจะขวัญหนีดีฝ่อและพบกับความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน
    พวกเขาจะเจ็บปวดเหมือนกับผู้หญิงที่กำลังคลอดลูก
พวกเขาจะมองหน้ากันอย่างตกตะลึง
    ใบหน้าของพวกเขาจะแดงเหมือนเปลวเพลิง
ดูสิ วันของพระยาห์เวห์กำลังมา
    เป็นวันอันโหดร้าย เพราะความโกรธแค้น ความโกรธที่ลุกเป็นไฟ
เพื่อทำให้แผ่นดินนี้รกร้างว่างเปล่า
    เพื่อกำจัดพวกคนบาปให้หมดไปจากมัน
10 ดวงดาวต่างๆในท้องฟ้าและหมู่ดาวนั้นจะไม่ส่องแสงของพวกมัน
    ดวงอาทิตย์ก็จะมืดเมื่อมันขึ้นมาและดวงจันทร์จะไม่ฉายแสงของมัน
11 พระยาห์เวห์พูดว่า
“เราจะลงโทษโลกนี้สำหรับความชั่วช้าของมัน
    เราจะลงโทษคนเลวทรามสำหรับความผิดบาปของมัน
เราจะทำให้ความเย่อหยิ่งของคนจองหองจบสิ้นไป
    และเราจะทำลายความหยิ่งยโสของคนโหดร้าย
12 เราจะทำให้มนุษย์นี้หายากยิ่งกว่าทองคำเนื้อดี
    และทำให้ผู้คนหายากยิ่งกว่าทองคำแห่งโอฟีร์
13 ดังนั้นเราจะทำให้ท้องฟ้าสะเทือนสะท้าน
    และแผ่นดินโลกก็จะถูกสั่นสะเทือนหลุดออกจากที่ของมัน”
ด้วยความโกรธแค้นของพระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในวันที่ความโกรธของพระองค์ลุกเป็นไฟขึ้นมา
14 แล้วคนต่างชาติที่อยู่ในบาบิโลนก็จะกลับไปหาคนของตัวเองและวิ่งหนีกลับไปยังดินแดนของตัวเอง
    เหมือนกวางที่ถูกล่า และเหมือนแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยง
15 เมื่อศัตรูเจอคนที่หลบซ่อนอยู่ คนนั้นก็จะถูกแทงตาย
    ใครที่ถูกจับได้ก็จะถูกฆ่าด้วยดาบ
16 ลูกเล็กเด็กแดงของพวกเขาก็จะถูกฟาดเป็นชิ้นๆต่อหน้าต่อตาพวกเขา
    บ้านของพวกเขาก็จะถูกปล้นและภรรยาของพวกเขาก็จะถูกข่มขืน

17 พระยาห์เวห์พูดว่า
“ดูไว้ เรากำลังยุแหย่ชาวมีเดียให้โจมตีบาบิโลน
    พวกชาวมีเดียนี้ไม่สนเรื่องเงินทอง
18 คันธนูของพวกเขาจะฆ่าคนหนุ่มๆ
    พวกเขาจะไม่เมตตาต่อเด็กๆและพวกเขาไม่มองเด็กด้วยความสงสาร
19 บาลิโลน อาณาจักรที่สวยงามที่สุดในท่ามกลางอาณาจักรทั้งหลาย เมืองที่คนบาบิโลน[bg]ภาคภูมิใจมาก[bh]
    บาบิโลนก็จะเป็นเหมือนเมืองโสโดมและโกโมราห์ ตอนที่พระเจ้าโค่นล้มสองเมืองนั้น
20 จะไม่มีใครอยู่ที่นั่นได้อีกต่อไปและจะไม่มีใครตั้งรกรากที่นั่นได้อีกตลอดชั่วลูกชั่วหลาน
    คนอาหรับก็จะไม่ตั้งเต็นท์ที่นั่นและพวกคนเลี้ยงแกะก็จะไม่เอาแกะมานอนลงที่นั่น
21 แต่สัตว์ป่าจะมานอนลงที่นั่น
    และพวกบ้านในเมืองบาบิโลนจะเต็มไปด้วยพวกหมาป่า
พวกนกกระจอกเทศจะมาอาศัยอยู่ที่นั่น
    และพวกปีศาจในรูปแพะจะมาวิ่งเล่นอยู่แถวนั้น
22 พวกหมาไนก็จะมาเห่าหอนอยู่บนหอคอยของบาบิโลน
    และพวกหมาป่าก็จะมาเห่าหอนในวังอันสวยงามของบาบิโลน
จุดจบของบาบิโลนใกล้มาถึงแล้ว
    และพระองค์จะไม่ต่อเวลาให้กับพวกเขาอีกแล้ว”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International