Bible in 90 Days
พระยาห์เวห์ทำลายเยรูซาเล็ม
2 แย่แล้ว แย่แล้ว ด้วยความโกรธของพระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทำให้นางสาวศิโยน น่าขยะแขยง
พระองค์ได้โยนศักดิ์ศรีของอิสราเอลจากท้องฟ้าลงสู่ดิน
พระองค์ไม่สนใจที่จะปกป้องเกียรติของที่วางเท้าของพระองค์[a] ตอนที่พระองค์โกรธ
2 พระยาห์เวห์ได้ทำลายที่พักอาศัยทั้งหมดของยาโคบ
พระองค์ไม่มีเมตตากับเขาเลย
ตอนที่พระองค์โกรธ พระองค์ได้ทำลายพวกป้อมปราการของนางสาวยูดาห์
พระองค์ดึงเธอลงมาบนดิน
พระองค์ทำให้อาณาจักรของยูดาห์และผู้นำทั้งหลายเสื่อมเกียรติไป
3 ตอนที่พระองค์โกรธ พระองค์ได้ตัดเขาสัตว์ของอิสราเอล[b]
พระองค์เลิกปกป้องอิสราเอล[c]
ในขณะที่ข้าศึกกำลังบุกเข้ามาใกล้
และพระองค์ก็เผายาโคบ
เหมือนเปลวเพลิงที่เผาผลาญทุกอย่างรอบๆมัน
4 พระองค์โก่งคันธนูราวกับว่าเป็นศัตรู
มือขวาของพระองค์เล็งอย่างไม่สั่นไหวราวกับเป็นปรปักษ์
พระองค์ฆ่าชายที่หล่อเหลาของยูดาห์จนหมด
พระองค์เทความโกรธแค้นของพระองค์เหมือนไฟเข้าไปในเต็นท์ของนางสาวศิโยน
5 องค์เจ้าชีวิตเป็นเหมือนศัตรู
พระองค์กลืนกินอิสราเอล
พระองค์กลืนกินป้อมปราการทั้งหมดของเธอ
พระองค์กลืนกินเมืองทั้งหลายของเธอที่มีกำแพงกั้น
พระองค์ทวีความเศร้าโศกและการคร่ำครวญให้กับนางสาวยูดาห์
6 พระองค์ถอนวิหารของพระองค์เหมือนกับถอนเพิงในสวน
พระองค์ทำลายเต็นท์นัดพบของพระองค์
พระองค์ทำให้เทศกาลและวันหยุดทางศาสนาทั้งหลายจบสิ้นไปในเมืองศิโยน
พระองค์ดูถูกเหยียดหยามทั้งกษัตริย์และนักบวชตอนที่พระองค์โกรธจัด
7 พระยาห์เวห์ทอดทิ้งแท่นบูชาของพระองค์
พระองค์บอกปัดสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
พระองค์มอบกำแพงป้อมปราการของเยรูซาเล็มให้ตกอยู่ในกำมือศัตรู
พวกศัตรูต่างโห่ร้องกันในวิหารของพระยาห์เวห์
เหมือนกับมีงานเทศกาล
8 พระยาห์เวห์ได้ตัดสินใจทำลายกำแพงเมืองของนางสาวศิโยน
พระองค์ได้วัดดูแล้วว่าจะทำลายถึงแค่ไหน
พระองค์ไม่ได้หดมือกลับจากการทำลายมัน
พระองค์ทำให้ป้อมปราการและกำแพงร้องคร่ำครวญ
พวกมันทรุดโทรมไปด้วยกัน
9 ประตูเมืองต่างๆของเยรูซาเล็มทรุดลงในดิน
พระองค์ทำลายเหล็กดาลประตูทั้งหลาย จนแตกละเอียด
กษัตริย์และผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
ไม่เหลือใครเลยที่จะอยู่ให้คำสั่งสอน
แม้แต่พวกผู้พูดแทนพระเจ้าของเธอก็ไม่ได้รับนิมิตจากพระยาห์เวห์
10 พวกผู้อาวุโสของนางสาวศิโยน
ต่างพากันนั่งเงียบอยู่กับพื้น
พวกเขาต่างก็โยนฝุ่นลงบนหัวของตน
พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้ากระสอบ
พวกหญิงสาวบริสุทธิ์ของเยรูซาเล็มต่างก้มหัวลงถึงพื้นด้วยความเสียใจ
11 ตาของผมมีน้ำตาคลอเบ้า
ท้องไส้ผมปั่นป่วนไปหมดแล้ว
ตับผมทะลักลงสู่ดินแล้ว
เพราะคนของผมถูกทำลาย
ลูกเล็กเด็กแดงก็เป็นลมล้มพับไปบนถนนในเมือง
12 พวกเด็กๆพูดกับแม่ของพวกเขาว่า
“แม่จ๋า อาหารและเครื่องดื่มอยู่ที่ไหน”
พวกเขาเป็นลมล้มพับไปที่ลานเมือง
เหมือนคนบาดเจ็บและตายไปในอ้อมอกของแม่
13 นางสาวเยรูซาเล็ม จะให้ผมเปรียบเจ้าเหมือนกับอะไรดี
จะให้เปรียบเจ้ากับอะไรดี
นางสาวศิโยน จะให้ผมเอาเจ้าไปเปรียบกับอะไรดี
จะให้ผมปลอบโยนเจ้ายังไงดี
ความหายนะของเจ้านั้นยิ่งใหญ่เหมือนทะเล ใครจะเยียวยารักษาเจ้าได้
14 พวกผู้พูดแทนพระเจ้าของเจ้าได้บอกเจ้าเกี่ยวกับนิมิตที่พวกเขาเห็น
แต่นิมิตพวกนั้นมันไร้สาระและเชื่อไม่ได้
พวกเขาไม่ได้เปิดเผยความผิดบาปของเจ้า
เพื่อเจ้าจะได้คืนสู่สภาพดีเหมือนเดิม
แต่พวกเขากลับพูดนิมิตจอมปลอมเกี่ยวกับเจ้า
เพื่อนำให้เจ้าหลงไป
15 ทุกคนที่เดินผ่านมาทางนั้นต่างตบมือเยาะเจ้า
พวกเขาผิวปากและส่ายหัวต่อเจ้า นางสาวเยรูซาเล็ม
พวกเขาพูดเยาะว่า “นี่นะหรือเมืองที่ผู้คนต่างพูดกันว่า
เป็นเมืองที่สวยอย่างไม่มีที่ติ
ซึ่งเคยให้ความสุขกับคนทั้งโลก”
16 พวกศัตรูทั้งหมดของเจ้าจะเปิดปากกว้างหัวเราะเยาะเจ้า
พวกเขาจะผิวปากและกัดฟันและพูดว่า
“เราได้กลืนกินพวกเขาไปจนหมด
นี่แหละเป็นวันที่พวกเรารอคอย วันนั้นได้มาถึงแล้ว
และเราก็ได้เห็นมันกับตาของพวกเราเอง”
17 พระยาห์เวห์ได้ทำในสิ่งที่พระองค์วางแผนไว้
พระองค์ได้ทำตามคำขู่ของพระองค์
พระองค์ได้ทำตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้นานมาแล้ว
พระองค์ได้ทำลายมันลงโดยไม่สงสาร
พระองค์ทำให้ศัตรูของเจ้าเฉลิมฉลองกัน
พระองค์ได้ทำให้ศัตรูของเจ้าเข้มแข็งขึ้น
18 กำแพงเมืองของนางสาวศิโยน
ร้องเรียกองค์เจ้าชีวิตจากใจของเจ้า
ให้น้ำตาของเจ้าไหลพรั่งพรูออกมาเหมือนลำธาร ทั้งวันทั้งคืน
อย่าได้หยุดร้องเลย
อย่าให้ดวงตาของเจ้าได้หยุดพักจากการร้องไห้
19 ลุกขึ้นมาร้องตะโกนในยามค่ำคืน
ลุกขึ้นมาร้องตะโกนในทุกช่วงต้นยาม
เทใจของเจ้าออกมาเหมือนน้ำต่อหน้าองค์เจ้าชีวิต
ชูมือของเจ้าขึ้นต่อพระองค์เพื่อขอชีวิตของลูกๆเจ้าที่เป็นลมล้มพับไปเพราะความหิวตามหัวถนนต่างๆ
20 มองดูสิ พระยาห์เวห์ สังเกตดูสิว่า
พระองค์ได้ทำอย่างนี้กับใคร
สมควรแล้วหรือที่ผู้หญิงจะกินลูกของตัวเอง ลูกๆที่พวกเขาดูแล
สมควรแล้วหรือที่พวกนักบวชและพวกผู้พูดแทนพระเจ้าจะถูกฆ่าในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าชีวิต
21 ทั้งคนหนุ่มและคนแก่นอนคว่ำอยู่บนพื้นกลางถนน
คนสาวๆและหนุ่มๆของผมถูกดาบฆ่าฟันล้มลง
พระองค์ฆ่าพวกเขาในวันที่พระองค์โกรธ
พระองค์สังหารพวกเขาอย่างไร้ความเมตตา
22 พระองค์เรียกศัตรูจากรอบข้างให้มาข่มขวัญฉันราวกับว่าพระองค์เชิญพวกเขามางานเลี้ยง
ในวันที่พระยาห์เวห์โกรธนั้น ไม่มีใครหนีพ้นหรือรอดชีวิตอยู่
ศัตรูของฉันได้ทำลายลูกๆที่ฉันเฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดูมาจนหมดสิ้น
ความหมายของความทุกข์ยากลำบาก
3 ผมเป็นคนที่เห็นความทุกข์ยากลำบากมามากแล้ว
พระเจ้าตีผมด้วยไม้เท้าของพระองค์
ตอนที่พระองค์โกรธ
2 พระองค์นำผมและทำให้ผมเดินในความมืด ไม่ใช่ความสว่าง
3 พระองค์ตีผมคนเดียว
ครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดวัน
4 พระองค์ทำให้เนื้อและหนังของผมเหี่ยวแห้งไป
พระองค์หักกระดูกของผม
5 พระองค์สร้างพวกหอเคลื่อนที่สำหรับโจมตีผม
และโอบล้อมผมด้วยความยากจน และความทุกข์ยาก
6 พระองค์ทำให้ผมนั่งอยู่ในความมืดมิด
เหมือนกับคนที่ตายไปนานแล้ว
7 พระองค์สร้างกำแพงล้อมผมไว้ ผมหนีไม่ได้
และพระองค์เอาโซ่ทองสัมฤทธิ์อันหนักอึ้งล่ามผมไว้
8 ถึงแม้ผมได้ร้องให้ช่วย
พระองค์ก็เพิกเฉยต่อคำอธิษฐานของผม
9 พระองค์กั้นถนนของผมด้วยกำแพงที่สร้างจากหินสกัด
พระองค์ทำให้ผมเดินทางต่อไปไม่ได้
10 พระองค์เป็นเหมือนหมีที่คอยตะครุบผม
เหมือนสิงโตที่คอยซุ่มโจมตีผม
11 พระองค์ไล่ล่าผมจนออกนอกทางของผม และฉีกผมเป็นชิ้นๆ
พระองค์ปล่อยให้ผมถูกทิ้งอย่างสิ้นหวัง
12 พระองค์โก่งคันธนูของพระองค์
และเอาผมเป็นเป้าลูกธนูนั้น
13 พระองค์ยิงผมที่ไต
ด้วยลูกธนูที่เอามาจากแล่งของพระองค์
14 คนของผมหัวเราะเยาะผม
พวกเขาร้องเพลงล้อเลียนผมทั้งวัน
15 พระองค์ทำให้ผมเต็มไปด้วยความขมขื่น
พระองค์ทำให้ผมอิ่มด้วยน้ำบอระเพ็ดอันขม
16 พระองค์ทำให้ฟันผมพังละเอียดด้วยก้อนกรวด
พระองค์กระทืบผมจมดิน
17 จิตใจผมไม่มีความสงบสุขเลย
ผมลืมไปแล้วว่า สิ่งที่ดีๆเป็นอย่างไร
18 ผมบอกกับตัวเองว่า “อนาคตและความหวังของผมจากพระยาห์เวห์
ได้สูญสิ้นไปหมดแล้ว”
19 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอได้โปรดจดจำถึงความทุกข์ยากลำบากของข้าพเจ้า
การเร่ร่อนไปมาของข้าพเจ้าและน้ำบอระเพ็ดอันขมและยาพิษที่ข้าพเจ้าต้องดื่มนั้น
20 ผมจำได้ดีถึงความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นกับผม
และผมก็หดหู่ใจ
21 แต่ผมระลึกได้ถึงสิ่งหนึ่ง
ทำให้ผมเกิดความหวังขึ้น
22 แน่นอน ความรักของพระยาห์เวห์ไม่มีวันสิ้นสุด
แน่นอน ความเมตตาของพระองค์ไม่มีวันหมดสิ้น
23 ความรักและความเมตตาของพระองค์เริ่มต้นใหม่ในทุกๆเช้า
ความซื่อสัตย์ของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่
24 จิตใจของผมพูดว่า “พระยาห์เวห์เป็นทุกสิ่งที่ผมต้องการ
ดังนั้นผมจึงมีความหวังในพระองค์”
25 พระยาห์เวห์ดีกับคนที่รอคอยพระองค์
พระยาห์เวห์ดีกับคนที่แสวงหาพระองค์
26 มันเป็นสิ่งที่ดีที่คนจะมีความหวังและสงบใจ
รอคอยการช่วยกู้จากพระยาห์เวห์
27 มันเป็นสิ่งที่ดีที่คนจะเรียนรู้
ที่จะแบกภาระในวัยหนุ่มสาว
28 เขาควรจะนั่งคนเดียวและอยู่เงียบๆ
เมื่อพระยาห์เวห์วางภาระหนักบนเขา
29 ให้เขาเอาหน้าซบดิน
ไม่แน่อาจจะมีหวัง
30 ให้เขายื่นแก้มให้กับคนที่ตบเขา
ให้เขายอมรับความอับอายขายหน้าอย่างเต็มที่
31 พระยาห์เวห์จะไม่ทอดทิ้งคนตลอดไป
32 ถ้าพระองค์เป็นผู้ที่ทำให้เกิดความทุกข์ยากขึ้น พระองค์ก็จะแสดงความเมตตาเหมือนกัน
ตามความรักมั่นคงอันเหลือเฟือของพระองค์
33 พระองค์ไม่ชอบทำร้ายใคร
หรือทำให้ใครต้องทุกข์ยากลำบาก
34 เมื่อนักโทษทุกคนในโลกนี้
ถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้า
35 เมื่อมนุษย์ถูกละเมิดสิทธิ
ต่อหน้าพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด
36 เมื่อคดีของคนหนึ่งถูกขัดขวางไม่ได้รับความยุติธรรม
คิดว่าพระยาห์เวห์ไม่เห็นสิ่งเหล่านี้หรือ
37 ไม่มีใครหรอกที่สามารถพูดแล้วให้มันเป็นไปตามที่เขาพูด
นอกจากพระยาห์เวห์จะสั่งให้มันเกิดขึ้น
38 ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีเกิดขึ้นมา
ตามคำสั่งของพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด
39 ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่
ก็ไม่ควรบ่นเมื่อถูกลงโทษเพราะทำบาป
40 ให้เราทดสอบและสำรวจถึงการกระทำของเรา
แล้วหันกลับไปหาพระยาห์เวห์
41 ให้เรายกใจของเราพร้อมกับมือทั้งสองขึ้น
ต่อพระเจ้าในสวรรค์และพูดว่า
42 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พวกเราได้ทำบาปและกบฏต่อพระองค์
และพระองค์ไม่ได้ให้อภัยพวกเรา
43 พระองค์ได้ปกคลุมเราด้วยความโกรธและไล่ติดตามเรา
พระองค์ฆ่าเราอย่างไม่ปรานี
44 พระองค์เอาเมฆมาปกคลุมพระองค์ไว้
เพื่อป้องกันไม่ให้คำอธิษฐานผ่านไปถึงพระองค์
45 พระองค์ทำให้เราเป็นเหมือนกับเศษเดนและขยะ
ท่ามกลางชนชาติอื่นๆ
46 พวกศัตรูของเรา
พูดหัวเราะเยาะดูถูกพวกเรา
47 พวกเราตื่นตระหนกและตกอยู่ในหลุมพราง
อยู่ในความพินาศและถูกทำลาย”
48 น้ำตาไหลจากดวงตาของผมอย่างสายน้ำ
เพราะคนของผมล่มจม
49 น้ำตาของผมไหลอย่างไม่ขาดสาย
ผมจะร้องไห้ไม่หยุด
50 จนกว่าพระยาห์เวห์จะมองลงมาจากสวรรค์
และเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
51 จิตวิญญาณของผมเป็นทุกข์ยิ่งนัก
เพราะผมเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กสาวๆในเมืองผม
52 คนเหล่านั้นที่เป็นศัตรูกับผมโดยไม่มีสาเหตุ
ไล่ล่าผมเหมือนกับนกตัวหนึ่ง
53 พวกเขากะจะจบชีวิตผมด้วยการโยนผมลงไปในบ่อ
และเอาหินขว้างผม
54 น้ำได้ไหลท่วมหัวผม
ผมพูดว่า “ชีวิตของผมจบสิ้นแล้ว”
55 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าเรียกชื่อของพระองค์
จากหลุมที่ลึกที่สุด
56 ขอช่วยฟังเสียงร้องของข้าพเจ้าด้วย ขออย่าได้ปิดหูพระองค์
จากเสียงร้องละห้อยของข้าพเจ้า
จากเสียงร้องให้ช่วยของข้าพเจ้า
57 เมื่อข้าพเจ้าเรียกหาพระองค์ ขอให้พระองค์เข้ามาใกล้ด้วยเถิด
ขอพระองค์ปลอบว่า “อย่ากลัวเลย”
58 องค์เจ้าชีวิต ขอช่วยแก้ต่างให้กับข้าพเจ้าด้วย
ขอพระองค์ช่วยไถ่ชีวิตข้าพเจ้าคืนมาด้วยเถิด
59 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ดูเรื่องที่เขาทำผิดต่อข้าพเจ้าสิ
ช่วยตัดสินคดีของข้าพเจ้าอย่างยุติธรรมด้วย
60 พระองค์ ดูความอาฆาตที่พวกเขามีต่อข้าพเจ้าสิ
พระองค์ ดูแผนชั่วทั้งหลายที่พวกเขามีต่อข้าพเจ้าสิ
61 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ฟังสิ พวกเขากำลังเยาะเย้ยข้าพเจ้าอยู่
ฟังสิ พวกเขากำลังวางแผนชั่วร้ายต่อข้าพเจ้า
62 ฟังสิ พวกศัตรูของข้าพเจ้าซุบซิบนินทาข้าพเจ้าตลอดทั้งวัน
63 ดูสิ ไม่ว่าพวกเขาจะยืนหรือนั่ง
พวกเขาก็ร้องเพลงหัวเราะเยาะข้าพเจ้า
64 ข้าแต่พระยาห์เวห์ช่วยตอบแทนพวกเขา
ให้สาสมกับสิ่งที่พวกเขาได้ทำลงไป
65 ขอให้พวกเขากลุ้มใจ
และสาปแช่งพวกเขาด้วย
66 ขอให้พระองค์ไล่ล่าพวกเขาด้วยความโกรธ
และทำลายพวกเขาให้หมดสิ้นไปจากภายใต้ฟ้าสวรรค์ของพระยาห์เวห์
เยรูซาเล็มถูกโจมตีอย่างสยดสยอง
4 แย่แล้ว แย่แล้ว ดูสิ ทองคำสูญเสียประกายอันเจิดจ้าของมันขนาดไหน
ดูสิ ทองคำอย่างดีสูญเสียประกายระยิบระยับขนาดไหน
เพชรพลอยศักดิ์สิทธิ์ถูกทิ้งเกลื่อนกลาดตามท้องถนน
2 แย่แล้ว แย่แล้ว พวกลูกๆของศิโยนมีค่ามาก
พวกเขามีค่ามากกว่าทองคำบริสุทธิ์
แต่ทำไมตอนนี้คนถึงคิดว่าพวกเขาเป็นแค่หม้อดินกระจอกๆ
ที่นักปั้นหม้อปั้นขึ้นมาเท่านั้น
3 ขนาดหมาไนยังเลี้ยงนมลูกของมัน
แม้แต่แม่หมายังให้ลูกของมันดูดนมจากเต้า
แต่ทำไมคนของเราถึงโหดร้าย
เหมือนนกกระจอกเทศที่ทิ้งลูกของมันในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
4 ลิ้นของเด็กที่ยังไม่หย่านมติดอยู่ที่เพดานปากเพราะกระหายจัด
พวกเด็กเล็กๆร้องขออาหาร
แต่ไม่มีใครให้อาหารกับพวกเขา
5 คนพวกนั้นที่เคยกินอย่างหรูหรา
ตอนนี้ยากจนข้นแค้นอยู่ตามท้องถนน
คนพวกนั้นที่เคยสวมใส่เสื้อผ้าราคาแพง
ตอนนี้เก็บของอยู่ตามกองขยะ
6 ดังนั้นความชั่วร้ายของคนของผมนั้น
ยิ่งใหญ่กว่าความบาปของเมืองโสโดมเสียอีก[d]
เมืองโสโดม ถูกทำลายไปชั่วพริบตา
ทั้งๆที่ไม่ได้ถูกโจมตี
7 พวกนาสีร์[e] ของเยรูซาเล็มนั้นเคยขาวกว่าหิมะ
พวกเขาเคยขาวกว่าน้ำนม
ร่างกายของพวกเขาเคยแดงเปล่งปลั่งเหมือนปะการัง
หนวดเคราของพวกเขาเคยเหมือนพลอยสีน้ำเงินเข้ม
8 แต่ตอนนี้พวกเขาดำยิ่งกว่าขี้เขม่า
ไม่มีใครจำพวกเขาได้ตามท้องถนน
มีหนังเหี่ยวหุ้มกระดูก
และเหี่ยวแห้งเหมือนไม้ฟืนแห้ง
9 คนที่ตายด้วยดาบในสงคราม
ก็ยังดีกว่าอดอยากตาย
คนที่ถูกดาบแทงตาย
ก็ยังดีกว่าคนเหล่านั้นที่มีไร่นาที่ไม่เกิดผล
10 พวกแม่ที่เต็มไปด้วยความรัก
เอาลูกของตัวเองมาต้มกิน
พวกลูกๆได้กลายเป็นอาหารสำหรับพวกเขา
ตอนที่คนของผมถูกทำลาย
11 พระยาห์เวห์แสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาอย่างไม่อั้น
พระองค์เทความโกรธของพระองค์ออกมา
พระองค์จุดไฟในศิโยน
และมันเผาผลาญลงไปถึงราก
12 พวกกษัตริย์ของโลกนี้ไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
รวมทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ด้วย
พวกเขาไม่เชื่อว่าคู่อริและศัตรูจะฝ่าเข้าไปในประตูเมืองเยรูซาเล็มได้
13 เป็นเพราะความบาปต่างๆของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าและความชั่วช้าของพวกนักบวช
คนพวกนี้แหละที่เป็นต้นเหตุทำให้คนบริสุทธิ์ต้องมาสูญเสียเลือดเนื้อ
14 ทั้งพวกผู้พูดแทนพระเจ้าและพวกนักบวชเดินไปมาตามท้องถนนเหมือนคนตาบอด
เสื้อผ้าเปื้อนเลือดไม่มีใครกล้าแตะต้องเสื้อผ้าพวกเขา
15 คนได้ร้องตะโกนว่า “ไปให้พ้น พวกไม่บริสุทธิ์
ไปให้พ้น ไปให้พ้น อย่าเข้ามาใกล้เรา”
พวกนั้นได้หนีและเดินเร่ร่อนไป
คนที่อาศัยอยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย พูดว่า
“พวกเขาจะอยู่ร่วมกับพวกเราไม่ได้อีกแล้ว”
16 พระยาห์เวห์เองเป็นผู้ทำให้พวกเขากระจัดกระจายไป
พระองค์ไม่ดูแลพวกเขาอีกต่อไป
ไม่มีใครให้เกียรติพวกนักบวช
และไม่มีใครไว้ชีวิตของพวกคนแก่
17 ดวงตาของพวกเราอ่อนล้าไปหมด
เพราะเฝ้ามองหาความช่วยเหลือแต่ก็เสียเวลาเปล่า
เราได้แต่มองแล้วมองอีกจากหอคอย หวังว่าจะมีชนชาติหนึ่งมาช่วย
แต่ก็ไม่มีชนชาติไหนมาช่วยกู้พวกเราเลย
18 พวกเขาสะกดรอยพวกเรามา
ดังนั้น พวกเราก็เลยไม่กล้าเดินตามถนนใหญ่
จุดจบของเราใกล้เข้ามาแล้ว หมดเวลาของเราแล้ว
จุดจบของเรามาถึงแล้ว
19 คนที่ไล่ล่าเรานั้นว่องไวยิ่งกว่าเหยี่ยวในท้องฟ้า
พวกเขาไล่กวดเราตามภูเขาต่างๆ
พวกเขาซุ่มโจมตีเราในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
20 กษัตริย์ที่พระยาห์เวห์เป็นผู้แต่งตั้งที่เป็นเหมือนลมหายใจของเรา
ได้ตกลงไปในกับดักของพวกเขา
เราเคยพูดถึงกษัตริย์องค์นี้ว่า
“พวกเราจะอยู่ใต้ร่มเงาของพระองค์ท่ามกลางชนชาติต่างๆนี้”
21 นางสาวเอโดมที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอูส
ร้องเพลงและเฉลิมฉลองไปเลยในช่วงนี้
แต่ให้รู้ว่าถ้วยแห่งความทุกข์ยากจะเวียนมาถึงเจ้า
เจ้าจะเมาและจะเปลื้องผ้าตัวเองให้เปลือยเปล่า
22 นางสาวศิโยนเอ๋ย การลงโทษของเจ้าครบถ้วนแล้ว
พระยาห์เวห์จะไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นเชลยอีกต่อไป
นางสาวเอโดมเอ๋ย พระองค์จะลงโทษต่อความผิดของเจ้า
พระองค์จะเปิดโปงความบาปต่างๆของเจ้า
คำอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าได้ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเรา
ดูสิ พวกเราต้องอับอายขายหน้าขนาดไหน
2 แผ่นดินของเราก็ถูกยกไปให้กับคนแปลกหน้า
บ้านของเราถูกยกไปให้กับคนต่างชาติ
3 พวกเราได้กลายเป็นลูกกำพร้าพ่อ
แม่ของพวกเรากลายเป็นหม้าย
4 น้ำก็ต้องซื้อเขาดื่ม
ฟืนก็ต้องซื้อเขาใช้
5 เราถูกตามล่ามาติดติด
เราหมดแรงและไม่สามารถหยุดพักได้[f]
6 เราได้ทำสัญญากับอียิปต์
และกับอัสซีเรีย เพื่อจะได้มีอาหารเลี้ยงปากท้อง
7 บรรพบุรุษของเราทำบาปและหายไปแล้ว
แล้วพวกเราต้องมารับกรรมจากความผิดบาปนั้น
8 พวกทาสมีอำนาจเหนือเรา
ไม่มีใครช่วยเราให้พ้นจากเงื้อมมือของพวกเขา
9 เราต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้อาหารมา
เพราะมีภัยอันตรายถึงตายในทะเลทราย
10 ผิวของเราร้อนเหมือนเตาอบ
เรามีไข้สูงเพราะขาดแคลนอาหาร
11 พวกทหารของศัตรูได้ข่มขืนพวกผู้หญิงของศิโยน
พวกเขาข่มขืนพวกสาวพรหมจรรย์ในเมืองต่างๆของยูดาห์
12 พวกเชื้อพระวงศ์ต่างๆก็ถูกแขวนด้วยฝีมือของศัตรู
พวกผู้นำอาวุโสไม่ได้รับความเคารพนับถือ
13 คนหนุ่มถูกบังคับให้โม่แป้ง
เด็กหนุ่มล้มลุกคลุกคลานเพราะต้องแบกฟืนอันหนักอึ้ง
14 พวกผู้นำอาวุโสก็ไม่อยู่ตามประตูเมืองอีกแล้ว
คนหนุ่มๆก็หยุดเล่นดนตรี
15 ความสุขของพวกเราสิ้นสุดลง
การเต้นรำของเราได้เปลี่ยนเป็นการไว้ทุกข์
16 มงกุฎได้หล่นลงจากหัวของเรา
มันช่างเลวร้ายจริงๆสำหรับเราเพราะพวกเราได้ทำบาป
17 จิตใจของเราก็ป่วยเพราะเรื่องทั้งหมดนี้
ดวงตาของเราก็มืดบอดไปเพราะเรื่องทั้งหมดนี้
18 เดี๋ยวนี้ ภูเขาศิโยนได้ถูกทิ้งร้างว่างเปล่า
และฝูงหมาจิ้งจอกมาเดินเพ่นพ่านอยู่บนนั้น
19 พระยาห์เวห์เจ้าข้า แต่พระองค์ครอบครองตลอดกาล
บัลลังก์ของพระองค์จะอยู่สืบไปชั่วลูกชั่วหลาน
20 ทำไมพระองค์ถึงได้ลืมเราอยู่อย่างนี้
ทำไมพระองค์ถึงได้ทอดทิ้งพวกเรานานขนาดนี้
21 พระยาห์เวห์เจ้าข้า โปรดนำเรากลับมาหาพระองค์ด้วย เพื่อว่าเราจะได้กลับมาหาพระองค์
โปรดทำให้ชีวิตของเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมด้วยเถิด
22 หรือพระองค์หมดเยื่อใยกับพวกเราแล้ว
พระองค์โกรธพวกเราอย่างสุดขีดเลย อย่างนั้นหรือ
คำนำ
1 1-3 ในวันที่ห้า เดือนสี่ ปีที่สามสิบ[g] ในขณะที่ผมเอเสเคียล ลูกชายของบุซี อยู่กับพวกที่ถูกเนรเทศ[h] ที่ข้างคลองเคบาร์ ในบาบิโลน สวรรค์ได้เปิดออกและผมได้เห็นนิมิต ของพระเจ้า
ในวันที่ห้าของเดือนนั้น ซึ่งเป็นปีที่ห้าที่กษัตริย์เยโฮยาคีนเป็นเชลยอยู่ในบาบิโลน คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงนักบวชเอเสเคียล ที่อยู่ข้างคลองเคบาร์ในแผ่นดินของชาวบาบิโลน มือของพระยาห์เวห์วางอยู่บนตัวเขาที่นั่น
รถม้าที่มีบัลลังก์ของพระเจ้าตั้งอยู่
4 ผมมองไป เห็นพายุพร้อมกับลมแรงมากกำลังมาจากทางเหนือ มีเมฆก้อนใหญ่มากที่มีแสงส่องสว่างจ้ารอบๆเมฆนั้น และมีไฟแลบออกมา ตรงกลางของไฟนั้น มีสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนเหล็กที่ร้อนระอุ[i] 5 ที่ใจกลางไฟนั้นดูเหมือนมีสิ่งมีชีวิตสี่ท่านอยู่ที่นั่น พวกเขามีรูปร่างเหมือนคน 6 แต่ละท่านมีใบหน้าสี่หน้าและมีปีกสี่ปีก 7 ขาของพวกเขาเหยียดตรง ฝ่าเท้าของพวกเขาเหมือนกีบเท้าของลูกวัว และตัวพวกเขาเป็นประกายเหมือนทองสัมฤทธิ์ที่ได้รับการขัดเงา 8 ที่ใต้ปีกของพวกเขาทั้งสี่ข้าง มีมือของคนอยู่ด้วย พวกเขาทั้งสี่แต่ละท่านมีหลายหน้าหลายปีก 9 ปีกของพวกเขาแตะกัน เวลาเคลื่อนไหว พวกเขาไม่หันไปหันมา ได้แต่มุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว
10 ใบหน้าของแต่ละท่านเป็นอย่างนี้คือ ด้านหน้าเป็นหน้าของคน ด้านขวาเป็นหน้าสิงโต ด้านซ้ายเป็นหน้าของวัวตัวผู้ และด้านหลังเป็นหน้าของนกอินทรี 11 ใบหน้าทั้งหลายของพวกเขาเป็นอย่างนั้น ปีกของพวกเขากางขึ้นข้างบน มีสองปีกที่แตะกับปีกของอีกท่านที่อยู่ติดกันในแต่ละด้าน ส่วนอีกสองปีกที่เหลือปกคลุมร่างกายไว้ 12 แต่ละท่านมุ่งไปด้านหน้า ไม่ว่าพระวิญญาณจะนำไปทางไหน พวกเขาก็ไปทางนั้น โดยไม่หันซ้ายหันขวา 13 ตรงใจกลางของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ มีสิ่งที่ดูเหมือนพวกถ่านไฟที่ร้อนแรงเหมือนคบเพลิงที่เคลื่อนไปมาในท่ามกลางสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ไฟนี้สว่างจ้าและมีสายฟ้าแลบออกมาจากไฟนี้ 14 สิ่งมีชีวิตทั้งสี่นี้พุ่งไปมาเหมือนสายฟ้าแลบแปลบปลาบ
15 เมื่อผมมองดูสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น ผมสังเกตเห็นว่าพวกที่มีสี่หน้านี้แต่ละท่านมีวงล้ออันหนึ่งอยู่ข้างๆ วงล้อทั้งสี่นี้แตะอยู่บนพื้น 16 ล้อทั้งสี่มีลักษณะเหมือนกันหมด แวววาวเป็นประกายเหมือนกับเพทายสีเหลืองสด มีสิ่งที่ดูเหมือนวงล้ออีกวงซ้อนอยู่ในวงล้อเหล่านั้น 17 เมื่อพวกล้อนี้มุ่งไปข้างหน้า มันสามารถหันไปทางไหนก็ได้ทั้งสี่ทิศ แต่พอมันเคลื่อนที่มันจะเปลี่ยนทิศทางไม่ได้
18 ขอบล้อนั้นสูงและดูน่ากลัว ที่ขอบล้อทั้งสี่มีดวงตาล้อมรอบอยู่เต็มไปหมด
19 เมื่อสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เคลื่อนที่ ล้อที่ติดอยู่ข้างๆพวกเขาก็จะเคลื่อนไปด้วย
เมื่อพวกเขาลอยขึ้นจากพื้น ล้อพวกนี้จะลอยขึ้นไปด้วย
20 พวกเขาจะไปตามที่พระวิญญาณจะพาไป และล้อพวกนี้จะตามไปด้วย เพราะวิญญาณของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้อยู่ในล้อพวกนั้น 21 ดังนั้นเมื่อพวกเขาเคลื่อนที่ ล้อจะเคลื่อนไปด้วย เมื่อพวกเขาหยุด ล้อทั้งหมดจะหยุดด้วย และเมื่อล้อพวกนั้นลอยขึ้นจากพื้น พวกเขาก็จะลอยขึ้นไปกับล้อด้วย เพราะวิญญาณของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นอยู่ในล้อพวกนั้น
22 เหนือหัวของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นขึ้นไป มีโดม[j] ที่ส่องสว่างอย่างน่าตะลึงงันเหมือนแก้วเจียรไน 23 ภายใต้โดมนั้น ปีกสองข้างของพวกเขากางออกชนกัน และอีกสองปีกที่เหลือปกคลุมร่างของพวกเขาอยู่
24 เมื่อสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เคลื่อนที่ ผมได้ยินเสียงปีกของพวกเขาเหมือนกับเสียงดังสนั่นของน้ำที่เชี่ยวกราก เหมือนกับเสียงของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์[k] เหมือนกับเสียงสับสนวุ่นวายในกองทัพ เมื่อพวกเขาหยุดอยู่กับที่ พวกเขาก็หุบปีกลง
25 ในขณะที่พวกเขาหุบปีกลงอยู่นั้น ก็มีเสียงดังมาจากโดมที่อยู่เหนือหัวพวกเขา 26 มีสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนบัลลังก์ตั้งอยู่บนโดมนั้น บัลลังก์นั้นสีฟ้าเหมือนพลอยไพฑูรย์ และมีผู้หนึ่งที่ดูเหมือนมนุษย์นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้น 27 ผมมองดูชายผู้นั้น และเห็นว่าตั้งแต่เอวขึ้นไปเป็นเหมือนเหล็กที่กำลังร้อนระอุ เหมือนกับมีไฟอยู่ล้อมรอบ และตั้งแต่เอวลงมา ดูเหมือนกับไฟและมีรัศมีส่องล้อมรอบตัวเขาอยู่ 28 แสงสว่างที่ส่องอยู่ล้อมรอบตัวเขานั้นดูเหมือนสายรุ้งในหมู่เมฆในวันฝนตก มันดูเหมือนกับลักษณะของรัศมีของพระยาห์เวห์ เมื่อผมเห็นอย่างนั้น ผมซบหน้าลงกับพื้น แล้วผมได้ยินเสียงหนึ่งพูดกับผม
พระยาห์เวห์เรียกเอเสเคียลมาพูดกับชนชาติที่ชอบกบฏ
2 พระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ยืนขึ้นมา เราจะพูดกับเจ้า”
2 เมื่อพระองค์พูดอย่างนั้น พระวิญญาณได้เข้ามาในตัวผมและพยุงผมให้ยืนขึ้น และผมก็ฟังพระองค์พูด 3 พระองค์พูดว่า “เจ้าลูกมนุษย์ เรากำลังจะส่งเจ้าไปหาชาวอิสราเอล ซึ่งเป็นชนชาติที่ชอบกบฏ พวกเขากบฏต่อเรา พวกเขากับบรรพบุรุษของพวกเขาได้ต่อต้านเรามาจนถึงวันนี้
4 ประชาชนที่เราจะส่งเจ้าไปหานั้น เป็นพวกที่หัวแข็งและดื้อดึง ให้พูดกับพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนี้’
5 และไม่ว่าพวกเขาจะฟังหรือไม่ฟังเจ้าก็ตาม (พวกเขาเป็นบ้านที่ชอบกบฏ) อย่างน้อยพวกเขาจะรู้ว่ามีผู้พูดแทนพระเจ้าคนหนึ่ง อยู่ท่ามกลางพวกเขา
6 เจ้าลูกมนุษย์ ไม่ต้องกลัวพวกเขาหรือสิ่งที่พวกเขาพูด ถึงแม้จะมีพุ่มไม้หนาม และหญ้าที่แหลมคมอยู่รอบๆตัวเจ้า และเจ้าต้องอยู่ท่ามกลางแมงป่องมากมาย อย่ากลัวคำพูดของพวกเขาหรือหวาดกลัวต่อสีหน้าของพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นบ้านที่ชอบกบฏ 7 ไม่ว่าพวกเขาจะฟังหรือไม่ฟังก็ตาม (เพราะพวกเขาเป็นบ้านที่ชอบกบฏ) เจ้าจะต้องบอกพวกเขาถึงสิ่งที่เราพูดทั้งหมด 8 ส่วนเจ้า ลูกมนุษย์ เจ้าจะต้องฟังสิ่งที่เราพูดกับเจ้า อย่ากบฏเหมือนกับบ้านที่ชอบกบฏนั้น อ้าปากของเจ้าและกินสิ่งที่เราให้กับเจ้า”
9 แล้วผมก็มองเห็นมือหนึ่งยื่นมาที่ผม ในมือนั้นมีหนังสือม้วนกระดาษอยู่ม้วนหนึ่ง 10 พระองค์ได้คลี่มันออกมาต่อหน้าผม ทั้งสองหน้าของมัน มีคำพูดแห่งการคร่ำครวญ ความอาลัยและความเศร้าโศก เขียนอยู่บนนั้น
3 พระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ กินสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเจ้า กินกระดาษม้วนนี้ซะ และให้ไปพูดเรื่องนี้กับครอบครัวของชาวอิสราเอล”
2 ดังนั้นผมจึงอ้าปาก และพระองค์ใส่ม้วนกระดาษนั้นเข้าในปากของผม 3 แล้วพระองค์พูดว่า “เจ้าลูกมนุษย์ กินม้วนกระดาษที่เราให้กับเจ้า และให้กระเพาะของเจ้าเต็มอิ่มด้วยมัน”
ผมจึงกินมัน และมันก็มีรสหวานเหมือนน้ำเชื่อมผลไม้
4 แล้วพระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ตอนนี้ให้ไปหาครอบครัวของชาวอิสราเอล และเอาคำพูดต่างๆของเราไปเล่าให้กับพวกเขาฟัง
5 เราไม่ได้ส่งเจ้าไปหาพวกที่พูดภาษาที่เจ้าฟังไม่รู้เรื่องหรือพูดภาษาที่ยากๆ แต่เราส่งเจ้าไปหาครอบครัวของชาวอิสราเอล 6 เราไม่ได้ส่งเจ้าไปหาคนจำนวนมากมายที่พูดภาษาที่เจ้าไม่รู้เรื่อง หรือคนที่พูดภาษายากๆที่เจ้าไม่เข้าใจ อันที่จริง ถ้าเราส่งเจ้าไปหาคนพวกนั้น พวกเขาก็คงจะฟังเจ้า 7 แต่ครอบครัวของชาวอิสราเอลจะไม่ยอมฟังเจ้า เพราะพวกเขาไม่ยอมฟังเรา คนพวกนี้หัวแข็งและดื้อดึง 8 คอยดูนะ เราจะทำให้เจ้าหัวแข็งเพื่อชนกับคนพวกนั้น และดื้อดึงพอๆกับคนพวกนั้น 9 เราจะทำให้หัวของเจ้าเหมือนกับเพชร แข็งยิ่งกว่าหินเหล็กไฟ อย่ากลัวพวกเขา หรือหวาดกลัวต่อสีหน้าพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นบ้านที่ชอบกบฏ”
10 แล้วพระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ฟังให้ดีและจำใส่ใจทุกคำพูดที่เราพูดกับเจ้า 11 ตอนนี้ ให้เจ้าไปหาคนของเจ้าที่ถูกเนรเทศพวกนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะฟังหรือไม่ฟังเจ้าก็ตาม ให้พูดกับพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนี้’”
12 แล้วพระวิญญาณก็ได้ยกตัวผมขึ้น และเมื่อรัศมีของพระยาห์เวห์ลอยขึ้นมาจากสถานที่อยู่ของรัศมีนั้น[l] ผมได้ยินเสียงดังกึกก้องด้านหลังผม 13 มันเป็นเสียงที่เกิดจากปีกที่เสียดสีกันของสิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้น และเสียงของล้อทั้งสี่ที่อยู่ข้างพวกเขาดังกึกก้องมาก 14 แล้วพระวิญญาณได้ยกผมขึ้นและพาผมไป ผมไปด้วยความขมขื่นและโกรธจัด และมืออันทรงพลังของพระยาห์เวห์ผลักผมไป 15 ผมได้มาถึงชาวอิสราเอลที่ถูกเนรเทศมาอยู่ที่เทลอาบิบ[m] ใกล้กับคลองขุดเคบาร์ พวกเขาอาศัยอยู่ที่นั่น และผมได้อยู่ที่นั่นกับพวกเขา ผมนั่งตะลึงงันพูดอะไรไม่ออกอยู่ถึงเจ็ดวัน
16 หลังจากเจ็ดวันแล้ว ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 17 “เจ้าลูกมนุษย์ เราได้ตั้งให้เจ้าเป็นยามเฝ้าดู[n] ครอบครัวอิสราเอล ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าได้ยินคำพูดจากปากของเรา เจ้าจะต้องไปเตือนพวกเขาให้กับเรา 18 ถ้าเราพูดกับคนชั่วคนหนึ่งว่า ‘เจ้าจะต้องตายแน่ๆ’ แล้วเจ้าไม่เตือนเขาหรือพูดให้เขากลับใจเลิกทำชั่ว เพื่อช่วยชีวิตเขา คนชั่วคนนั้นก็จะตายเพราะบาปของเขา และเราจะถือว่าเจ้าต้องรับผิดชอบต่อการตายนั้น
19 แต่ถ้าเจ้าได้เตือนคนชั่วคนนั้น แล้วเขาไม่ยอมกลับใจเลิกทำชั่ว เขาก็จะตายเพราะบาปของเขา แต่เจ้าได้ช่วยชีวิตของตัวเจ้าเองไว้
20 ถ้าคนดีคนหนึ่งหันจากการทำดีไปทำชั่วแทน เราจะวางอุปสรรคไว้ตรงหน้าเขา เพื่อให้เขาสะดุดล้ม แล้วเขาจะตาย เขาจะตายเพราะบาปของเขา เพราะเจ้าไม่ได้เตือนเขา เราจะมองข้ามสิ่งดีๆที่เขาเคยทำนั้น อย่างนี้เราถือว่าเจ้าจะต้องรับผิดชอบต่อการตายของเขา
21 แต่ถ้าเจ้าเตือนคนที่ทำดีคนนั้นไม่ให้ไปทำบาป แล้วเขาก็ไม่ได้ทำบาป เขาก็จะมีชีวิตแน่ เพราะเขาฟังคำเตือนของเจ้า และเจ้าก็จะได้ช่วยชีวิตของตัวเจ้าเองด้วย”
22 มืออันทรงพลังของพระยาห์เวห์ได้มาอยู่บนตัวผมที่นั่น พระองค์พูดกับผมว่า “ลุกขึ้นมา แล้วไปที่หุบเขานั้น แล้วเราจะพูดกับเจ้าที่นั่น”
23 ผมจึงลุกขึ้นและออกไปที่หุบเขานั้น รัศมีของพระยาห์เวห์อยู่ที่นั่น ซึ่งเหมือนกับรัศมีที่ผมเห็นข้างคลองขุดเคบาร์ ผมก้มหน้าลงกับดิน
24 พระวิญญาณได้เข้าในตัวผม และพยุงผมยืนขึ้น พระองค์พูดกับผมว่า “ไปขังตัวเองในบ้านของเจ้าซะ 25 เจ้าลูกมนุษย์ พวกเขาจะเอาเชือกมามัดเจ้าไม่ให้เจ้าออกไปอยู่ท่ามกลางประชาชน
26 เราจะทำให้ลิ้นของเจ้าติดกับเพดานปาก เพื่อเจ้าจะได้เงียบและไม่สามารถต่อว่าพวกเขาได้ ถึงแม้พวกเขาจะเป็นครอบครัวที่ชอบกบฏ 27 แต่เมื่อเราพูดกับเจ้า เราจะเปิดปากของเจ้าและเจ้าจะได้พูดกับพวกเขาว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด’ ใครอยากฟังก็ฟังเถอะ ใครไม่อยากฟังก็ไม่ต้องฟัง เพราะพวกเขาเป็นบ้านที่ชอบกบฏอยู่แล้ว
ฉากละครตอนศัตรูปิดล้อมเยรูซาเล็ม
4 ตอนนี้ เจ้าลูกมนุษย์ เอาดินเหนียวมาหนึ่งแผ่น วางไว้ตรงหน้าเจ้า แล้วให้วาดรูปเมืองเยรูซาเล็มลงบนดินเหนียวแผ่นนั้น 2 แล้วให้เจ้าทำตัวเป็นศัตรูปิดล้อมเมืองนั้น ให้เจ้าสร้างเนินดินสำหรับปีนขึ้นบนกำแพงและล้อมรอบเมืองนั้นไว้ ให้ตั้งค่ายต่างๆล้อมรอบเมืองไว้ และวางท่อนไม้สำหรับทะลวงกำแพงไว้รอบๆ 3 แล้วตั้งกระทะเหล็กแบนไว้ระหว่างเจ้ากับเมือง ทำเหมือนกับเป็นกำแพงเหล็กระหว่างเจ้ากับเมืองและให้เจ้าหันหน้าเข้าหาเมืองนั้น ให้เจ้าล้อมและเข้าโจมตีเมืองนั้น นี่จะเป็นตัวอย่างตักเตือนครอบครัวอิสราเอล
4 ต่อจากนั้นเจ้าต้องนอนตะแคงซ้าย เพื่อแสดงว่าเจ้ากำลังแบกรับความผิดบาปของชาวอิสราเอลอยู่ เจ้าจะต้องแบกรับความผิดบาปเท่ากับจำนวนวันที่เจ้านอนตะแคงซ้ายนั้น 5 เจ้าจะต้องแบกรับความผิดบาปของอิสราเอลเป็นเวลาสามร้อยเก้าสิบวัน[o] นี่คือจำนวนวันที่เราได้กำหนดให้เจ้านอน และอิสราเอลจะต้องได้รับโทษตามนั้น คือหนึ่งวันเท่ากับหนึ่งปี
6 ต่อจากนั้นให้เจ้านอนตะแคงขวาอีกสี่สิบวัน ครั้งนี้เจ้าจะต้องแบกรับบาปของชาวยูดาห์อยู่สี่สิบวัน นี่คือจำนวนวันที่เราได้กำหนดให้เจ้านอน ยูดาห์จะต้องได้รับโทษตามนั้น คือหนึ่งวันเท่ากับหนึ่งปี
7 คราวนี้ให้ม้วนแขนเสื้อขึ้น แล้วหันหน้าของเจ้าไปทางเมืองเยรูซาเล็มที่ถูกปิดล้อมอยู่นั้น และพูดแทนเราต่อต้านเมืองนั้น 8 เราจะเอาพวกเชือกมัดเจ้าไว้ เพื่อเจ้าจะไม่สามารถพลิกตัวไปอีกด้านหนึ่งได้ จนกว่าเจ้าจะโจมตีเมืองเสร็จ
9 ให้เจ้าเอาข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ถั่ว ถั่วแดง ลูกเดือยและข้าวสแปลต์[p] ผสมพวกมันเข้าด้วยกันแล้วเก็บไว้ในไห เอาพวกนี้มาบดเป็นแป้ง แล้วเอาแป้งเหล่านี้มาทำขนมปังสำหรับตัวเจ้า เจ้าจะกินแต่ขนมปังนี้เท่านั้น ในระหว่างสามร้อยเก้าสิบวันที่เจ้านอนตะแคงอยู่ 10 ในแต่ละวันเจ้าจะใช้แป้งทำขนมปังได้แค่สองร้อยสามสิบกรัมเท่านั้น และให้กินมันทั้งวันตามเวลาที่กำหนด 11 และเจ้าก็ดื่มน้ำได้แค่ประมาณครึ่งลิตรกว่าๆ[q]ต่อวันเท่านั้น และให้ดื่มมันทั้งวันตามเวลาที่กำหนด 12 ให้เจ้าเอาแป้งนั้นมาอบและกินมันเหมือนกับขนมปังจากแป้งบาร์เลย์ ให้เจ้าอบมันทุกวัน โดยใช้ขี้คนเป็นเชื้อเพลิง และเจ้าต้องกินขนมปังนี้ต่อหน้าต่อตาประชาชนอิสราเอล” 13 พระยาห์เวห์พูดว่า “สิ่งนี้จะแสดงให้เห็นว่าครอบครัวของอิสราเอลจะกินอาหารที่ไม่บริสุทธิ์[r] ท่ามกลางชนชาติต่างๆที่เราจะขับไล่พวกเขาให้ไปอยู่นั้น”
14 แล้วผมก็พูดว่า “พระยาห์เวห์เจ้าข้า อย่าทำอย่างนี้เลย ข้าพเจ้าไม่เคยทำตัวให้ไม่บริสุทธิ์มาก่อนเลย ตั้งแต่เด็กจนถึงเดี๋ยวนี้ ข้าพเจ้าไม่เคยกินเนื้อสัตว์ที่ตายเองหรือถูกสัตว์ป่าฉีกกินมาก่อน เนื้อที่ไม่บริสุทธิ์ไม่เคยผ่านเข้าปากข้าพเจ้ามาก่อนเลย”
15 พระองค์พูดว่า “ดีมาก เราจะยอมให้เจ้าอบขนมปังของเจ้าด้วยขี้วัวแทนขี้คน”
16 แล้วพระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ เราจะทำให้เมืองเยรูซาเล็มขาดแคลนเสบียงขนมปัง ประชาชนจะกินขนมปังที่ได้รับปันส่วนมาด้วยความกังวล และจะดื่มน้ำที่ได้รับปันส่วนมาอย่างสิ้นหวัง
17 เพราะจะขาดแคลนขนมปังและน้ำ พวกเขาแต่ละคนจะตกใจกลัว และร่างกายจะซูบผอมลงเพราะโทษที่พวกเขากำลังรับอยู่นั้น
ฉากละครตอนจุดจบของชาวเยรูซาเล็ม
5 ตอนนี้ เจ้าลูกมนุษย์ ให้เจ้าเอาดาบคมๆมาด้ามหนึ่ง ให้ใช้มันเหมือนมีดโกนของช่างตัดผม โกนผมบนหัวของเจ้าและโกนหนวดของเจ้า แล้วเอาผมของเจ้าไปชั่งบนตราชั่ง แบ่งผมออกเป็นสามส่วนเท่าๆกัน 2 เมื่อจำนวนวันที่เจ้าปิดล้อมเมืองนั้นครบถ้วนแล้ว[s] ให้เอาผมส่วนแรกมาเผาในเมือง จากนั้นให้เอาดาบมาหั่นผมส่วนที่สองเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย โปรยไปรอบๆเมือง และให้เอาผมส่วนที่สามโยนขึ้นไปในอากาศให้ลอยไปตามลม นี่หมายความว่าเราจะชักดาบออกมาไล่พวกมันไปอยู่แดนไกล 3 แต่ให้เจ้าหยิบผมมาไม่กี่เส้น แล้วเอามาผูกไว้ที่ขอบชายเสื้อคลุมของเจ้า 4 และให้หยิบผมมาอีกนิดหนึ่ง เอามาขว้างเข้าไปเผาในกองไฟ นี่หมายถึงไฟจะเริ่มจากที่นั่น และลามไปถึงครอบครัวทั้งหมดของชาวอิสราเอล”[t]
5 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดอย่างนี้ว่า “นี่คือเมืองเยรูซาเล็ม เราได้ตั้งเธอไว้ตรงกลางของชนชาติต่างๆมีประเทศต่างๆล้อมรอบเธออยู่ 6 เยรูซาเล็มกบฏต่อกฎและข้อบังคับต่างๆของเรา และกลายเป็นชั่วร้ายมากยิ่งกว่าชนชาติต่างๆที่อยู่ล้อมรอบเธอ เธอทิ้งกฎต่างๆของเรา และยังไม่ทำตามข้อบังคับทั้งหลายของเรา”
7 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เจ้าก่อปัญหายิ่งกว่าชนชาติต่างๆที่อยู่รอบๆเจ้า เจ้าไม่ยอมทำตามข้อบังคับหรือรักษากฎทั้งหลายของเรา แม้แต่สิ่งที่ชนชาติต่างๆที่อยู่รอบๆเจ้าบอกว่าผิด เจ้ายังทำเลย” 8 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เราเองนี่แหละจะต่อต้านเจ้า และเราจะลงโทษเจ้าต่อหน้าต่อตาชนชาติเหล่านั้น 9 เป็นเพราะพวกรูปเคารพที่น่ารังเกียจเหล่านั้นของเจ้า เราจึงจะทำกับเจ้าอย่างที่เราไม่เคยทำมาก่อน และเราก็จะไม่มีวันทำอย่างนี้อีก 10 ดังนั้น คนในเยรูซาเล็มจะอดอยากมาก จนถึงขั้นพ่อแม่จะกินลูกๆของตัวเอง และลูกๆจะกินพ่อแม่ของพวกเขาด้วย เราจะลงโทษเจ้าในหลายๆแบบ และจะทำให้ผู้รอดชีวิตกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง”
11 พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่าเราจะลงโทษเจ้า เพราะเจ้าได้ทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเราแปดเปื้อน เพราะพวกรูปเคารพที่น่ารังเกียจของเจ้า และพวกการกระทำที่น่าขยะแขยงของเจ้า เราจะไม่มีความเมตตากรุณากับเจ้า เราจะไม่สงสารเจ้า และเราจะตัดเจ้าเหมือนตัดหญ้า 12 คนของเจ้า หนึ่งในสามจะตายในตัวเมืองด้วยโรคระบาดหรืออดอยากตาย อีกหนึ่งในสามจะล้มลงด้วยคมดาบที่นอกกำแพงเมืองของเจ้า และอีกหนึ่งในสาม เราจะทำให้กระจัดกระจายไปตามลม และเราจะชักดาบของเราออกมาไล่ล่าพวกเขา 13 ถึงตอนนั้น ความโกรธแค้นของเราก็จะระบายออกมา เราจะระบายความเกรี้ยวกราดของเราใส่พวกเขาจนหมดสิ้น เมื่อเราได้แสดงความเดือดดาลของเรากับพวกเขาแล้ว พวกเขาจะรู้ว่า เรา ยาห์เวห์ได้พูดไปด้วยความรู้สึกอย่างแรงกล้า”[u]
14 “เยรูซาเล็ม เราจะทำให้เจ้ากลายเป็นกองซากปรักหักพัง ชนชาติต่างๆที่อยู่ล้อมรอบเจ้าและคนที่เดินผ่านเจ้าไป จะหัวเราะเยาะเจ้า 15 เมื่อเราลงโทษเจ้าด้วยความโกรธและความเดือดดาล และด้วยการต่อว่าอย่างเจ็บแสบ พวกเขาก็จะหัวเราะเยาะเจ้าและสบประมาทเจ้า และพวกเจ้าก็จะเป็นบทเรียนให้กับพวกเขา และเป็นสิ่งที่น่าสยดสยองในสายตาของชนชาติอื่นๆรอบตัวเจ้า เรา ยาห์เวห์ได้ลั่นคำพูดไปแล้ว 16 เมื่อเรายิงลูกธนูแห่งความอดอยากที่ถึงตายและการทำลายล้าง เราจะยิงไปเพื่อทำลายเจ้า เราจะนำความอดอยากอย่างหนักมาสู่เจ้า และจะตัดทางจัดส่งเสบียงอาหารของเจ้า 17 เราจะส่งความอดอยากและพวกสัตว์ป่าที่ดุร้ายมาให้เจ้า และพวกมันจะเอาลูกหลานของเจ้าไป ในเมืองจะมีโรคระบาดและการฆ่าฟันกัน เราจะนำดาบมาต่อสู้เจ้า เรา ยาห์เวห์ได้ลั่นคำพูดไปแล้ว”
6 แล้วคำพูดของพระยาห์เวห์ มาถึงผมว่า 2 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้หันหน้าไปที่เทือกเขาของอิสราเอล ให้พูดแทนเราต่อต้านพวกมันว่า
3 ‘เทือกเขาแห่งอิสราเอล ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดอย่างนี้กับพวกเทือกเขา พวกเนินเขา ลำธารและหุบเขาต่างๆว่า “เราจะนำดาบมาต่อต้านพวกเจ้า เราจะทำลายพวกศาลเจ้า[v] ทั้งหลายของพวกเจ้า 4 พวกแท่นบูชาของพวกเจ้าจะถูกทำลายเป็นชิ้นๆ แท่นบูชาเครื่องหอมทั้งหลายของพวกเจ้าจะถูกทุบจนละเอียด เราจะฆ่าประชาชนของพวกเจ้าต่อหน้าพวกรูปเคารพขี้ๆของพวกเจ้า 5 เราจะวางซากศพของชาวอิสราเอลไว้ตรงหน้าพวกรูปเคารพขี้ๆของพวกเขา เราจะทำให้กระดูกของพวกเจ้ากระจัดกระจายอยู่รอบๆพวกแท่นบูชาของเจ้า 6 ไม่ว่าเจ้าจะอาศัยอยู่ที่ไหนก็ตาม เมืองต่างๆของเจ้าจะกลายเป็นซากปรักหักพัง พวกศาลเจ้าจะถูกทำลาย และแท่นบูชาทั้งหลายของเจ้าจะถูกทำลายและกลายเป็นซาก พวกรูปเคารพจะแตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แท่นบูชาเครื่องหอมของพวกเจ้าจะถูกทุบจนละเอียด สิ่งที่พวกเจ้าได้สร้างขึ้นมาจะถูกทำลายจนหมดสิ้น 7 ประชาชนของพวกเจ้าจะถูกฆ่าและล้มตายลงท่ามกลางพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์”’
8 แต่เราจะปล่อยให้พวกเจ้าบางคนหลบหนีคมดาบไปได้ พวกเจ้าจะต้องไปอยู่ที่ชนชาติอื่นๆ เราจะทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายกันไปอยู่ท่ามกลางประเทศต่างๆ 9 แล้วพวกเขาจะถูกจับตัวไปเป็นเชลย และถูกบังคับให้ไปอยู่ในประเทศอื่น คนที่หลบหนีไปได้นี้จะตระหนักว่า เราชอกช้ำใจแค่ไหนที่ใจชู้ของพวกเขาหันเหไปจากเรา และตาชู้ของพวกเขาที่กระสันหาพวกรูปเคารพขี้ๆของพวกเขา พวกเขาจะเกลียดตัวเอง เพราะความชั่วร้ายที่พวกเขาได้ทำไป และที่พวกเขาทำตัวน่ารังเกียจ 10 แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ เราไม่ได้ขู่เล่นๆที่จะทำให้ความหายนะเหล่านี้เกิดขึ้นกับพวกเขา”
11 แล้วพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดกับผมว่า “ให้ตบมือเปรี้ยง และกระทืบเท้าของเจ้า และคร่ำครวญอย่างเศร้าโศก เพราะการกระทำตัวที่ชั่วช้าน่ารังเกียจทั้งหมดของครอบครัวอิสราเอล ให้ทำอย่างนี้ เพราะพวกเขาจะล้มตายด้วย ดาบ ความอดอยากและโรคระบาด 12 คนที่อยู่ห่างไกลออกไปจะตายด้วยโรคระบาด ส่วนคนที่อยู่ใกล้จะล้มตายด้วยดาบ คนที่รอดชีวิตและหลงเหลืออยู่จะตายเพราะความอดอยาก เราจะระบายความเกรี้ยวโกรธทั้งหมดของเราลงบนพวกเขาจนหมดเกลี้ยง 13 เมื่อพวกเขาเห็นซากศพคนของพวกเขา ที่ถูกฆ่าตายอยู่เกลื่อนกลาด ท่ามกลางพวกรูปเคารพและรอบๆแท่นบูชาของพวกเขา ตามศาลเจ้าและบนยอดเขาทั้งหมด ใต้ต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านทุกต้นและใต้ต้นก่อที่มีใบหนาทึบทุกต้น ตามสถานที่ต่างๆที่พวกเขาเคยถวายเครื่องบูชาอันหอมหวนให้กับรูปเคารพทั้งหลายของพวกเขา เมื่อนั้นแหละพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์
14 เราจะยื่นมือของเราออกต่อต้านพวกเขาไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ที่ไหนก็ตาม และเราจะทำให้แผ่นดินนี้ถูกทำลายและทิ้งร้าง ตั้งแต่ทะเลทรายไปจนถึงดิบลาห์[w] แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์”
จุดจบของเยรูซาเล็ม
7 แล้วถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 2 “เจ้าลูกมนุษย์ นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดกับแผ่นดินอิสราเอล
จบสิ้นแล้ว
จุดจบได้มาถึง
ทั้งสี่มุมของแผ่นดินแล้ว
3 จุดจบมาถึงเจ้าแล้วในตอนนี้
เราจะปล่อยความโกรธของเราลงบนเจ้า
เราจะตัดสินเจ้าตามการกระทำของเจ้า
เราจะตอบแทนเจ้าที่เจ้าทำตัวน่ารังเกียจ
4 เราจะไม่สงสารเจ้าหรือละเว้นโทษเจ้าอีกต่อไปแล้ว
เราจะตอบแทนเจ้าสำหรับสิ่งชั่วร้ายที่เจ้าทำ
และสำหรับการกระทำที่น่ารังเกียจในหมู่พวกเจ้า
แล้วเจ้าจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์”
5 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
“ความหายนะจะเกิดแล้วเกิดอีก ดูสิ มันกำลังมา
6 จุดจบกำลังมา จุดจบกำลังมา
มันได้ตื่นขึ้นมาต่อสู้เจ้า ดูสิ มันกำลังมา
7 เจ้าผู้อาศัยอยู่บนแผ่นดินอิสราเอล
เคราะห์ร้ายได้มาถึงตัวเจ้าแล้ว
เวลานั้นได้มาถึงแล้ว วันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว
มีแต่ความตื่นกลัวบนเทือกเขา ไม่ใช่ความยินดี
8 เรากำลังจะเทความเดือดดาลของเราลงบนเจ้า
เราจะใช้ความโกรธของเราต่อต้านเจ้า
เราจะลงโทษเจ้าสำหรับสิ่งที่เจ้าทำ
และสำหรับการทำตัวที่น่ารังเกียจของเจ้า
9 เราจะไม่สงสารเจ้าหรือละเว้นโทษเจ้าอีกต่อไปแล้ว
เราจะลงโทษเจ้าสำหรับสิ่งที่เจ้าทำ
และการทำตัวอันน่ารังเกียจของเจ้าในหมู่พวกเจ้า
แล้วเจ้าจะได้รู้ว่า เรายาห์เวห์นี่แหละ เป็นผู้โจมตีเจ้า
10 วันนั้นมาแล้ว มันได้มาถึงแล้ว
เคราะห์ร้ายของเจ้าได้โผล่ออกมาแล้ว
ความอธรรมได้งอกตุ่มออกมาแล้ว
ความหยิ่งผยองได้เบ่งบานออกมาแล้ว
11 ความรุนแรงได้เติบโตเป็นไม้เรียวแห่งความชั่วร้าย
ประชาชนจะหมดไป ทรัพย์สมบัติจะหมดเกลี้ยงจะไม่มีคนสำคัญเหลืออยู่อีก
12 เวลานั้นได้มาแล้ว วันนั้นได้มาถึงแล้ว
ไม่มีทั้งคนซื้อที่รื่นเริงยินดี
และไม่มีทั้งคนขายที่เศร้าเสียใจ
เพราะความเดือดดาลมาตกอยู่บนฝูงชนทั้งหมด
13 คนขายจะไม่สามารถเอาแผ่นดินที่เขาได้ขายไปแล้วกลับคืนมาได้อีก[x] ตราบเท่าที่ทั้งเขาและคนซื้อยังมีชีวิตอยู่ เพราะว่านิมิตที่เกี่ยวกับฝูงชนทั้งหมดนั้นจะเกิดขึ้นแน่ๆไม่เปลี่ยนแปลง จะไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่รักษาชีวิตไว้ได้เพราะพวกเขาได้ทำบาป
14 ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป่าแตรและเตรียมของทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว
จะไม่มีใครเข้าสู่สนามรบ
เพราะความเดือดดาลของเราอยู่บนฝูงชนทั้งหมดนั้น
15 ข้างนอกเมืองมีดาบ ข้างในเมืองมีโรคระบาดและความอดอยาก
พวกที่อยู่ในชนบทจะตายเพราะดาบ
พวกที่อยู่ในเมืองจะถูกกลืนกินด้วยความอดอยากและโรคระบาด
16 พวกที่รอดชีวิตและหลบหนีไปได้ทั้งหมด
จะอยู่ในเทือกเขา
พวกเขาจะครวญครางเหมือนกับนกเขาแห่งหุบเขา
เพราะบาปของพวกเขาแต่ละคน
17 มือทุกมือจะอ่อนแรง
หัวเขาจะอ่อนปวกเปียกเหมือนน้ำ
18 พวกเขาจะใส่เสื้อกระสอบ
และถูกปกคลุมด้วยความกลัว
ใบหน้าของพวกเขาจะเต็มไปด้วยความอับอาย
และพวกเขาจะโกนหัวจนล้าน
19 พวกเขาจะขว้างเงินของพวกเขาลงตามถนน
และทองของพวกเขาจะเป็นเหมือนผ้าอนามัย
ในวันแห่งความเดือดดาลของพระยาห์เวห์ เงินและทองของพวกเขาไม่สามารถช่วยชีวิตพวกเขาไว้ได้ พวกเขาไม่สามารถกินพวกมัน เพื่อให้หายหิวได้ เงินและทองนั่นแหละ ที่ทำให้พวกเขาสะดุดไปทำบาป
20 พวกเขาภูมิใจในเครื่องเพชรอันสวยงามของพวกเขา และใช้มันสร้างรูปเคารพอันน่ารังเกียจและน่าขยะแขยงของพวกเขา ดังนั้น เราจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเพชรพลอยเหล่านั้นเป็นเหมือนผ้าอนามัย
21 เราจะให้คนต่างชาติมาปล้นเอาทรัพย์สินเหล่านั้นไป
เราจะให้คนชั่วในโลกนี้ได้ทรัพย์สินนั้นมาเป็นของยึดได้จากสงคราม
และคนเหล่านั้นจะทำให้ทรัพย์สินนั้นเสื่อมไป
22 เราจะหันหน้าไปทางอื่น
เพื่อคนต่างชาติพวกนั้นจะได้เข้าไปในวิหารของเรา[y]
และทำให้มันเสื่อมไป
พวกโจรจะเข้าไปในนั้นและทำให้มันเสื่อมไป
23 ให้เตรียมโซ่ไว้
เพราะแผ่นดินนี้เต็มไปด้วยการตัดสินประหารคนบริสุทธิ์
และเมืองนี้เต็มไปด้วยความรุนแรง
24 เราจะนำคนชั่วที่สุดของชนชาติต่างๆเข้ามายึดบ้านเมืองของพวกเขา
เราจะทำให้ความภาคภูมิใจของผู้มีอำนาจของพวกเขาสิ้นสุดลง
คนต่างชาติเหล่านั้น จะเข้ามาทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆเสื่อมไป
25 เมื่อความน่ากลัวมาถึง พวกเขาจะมองหาสันติภาพ
แต่มันจะไม่มีเลย
26 ความพินาศจะเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
จะมีข่าวลืออยู่เรื่อยๆ
พวกเขาจะพยายามหาผู้พูดแทนพระเจ้าเพื่อขอนิมิตจากพระเจ้า
พวกนักบวชจะไม่มีอะไรสั่งสอน
และพวกผู้นำอาวุโสจะไม่มีคำปรึกษาที่ดีๆให้
27 กษัตริย์จะเศร้าโศกเสียใจให้กับคนตาย
ขุนนางจะห่อหุ้มไปด้วยความสิ้นหวัง
และมือของประชาชนบนแผ่นดินจะสั่นเทิ้ม
เราจะลงโทษพวกเขาตามสิ่งที่พวกเขาทำ
พวกเขาลงโทษคนอื่นยังไง
เราก็จะลงโทษพวกเขาอย่างนั้น
แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์”
เรื่องน่ารังเกียจต่างๆที่เกิดขึ้นในวิหาร
8 ในวันที่ห้า เดือนที่หกปีที่หก[z] ในขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่ในบ้านและพวกผู้นำอาวุโสของยูดาห์ก็นั่งอยู่ต่อหน้าผม มือของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตได้มาอยู่บนตัวผมที่นั่น 2 ผมมองไป และเห็นร่างร่างหนึ่งที่เหมือนกับมนุษย์ ตั้งแต่ส่วนเอวลงไป เขาดูเหมือนกับไฟ และจากเอวขึ้นมา เขาดูสว่างสดใสเหมือนกับเหล็กที่กำลังร้อนระอุ[aa] 3 เขายื่นสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนมือของเขาออกมาจับเส้นผมบนหัวของผม พระวิญญาณได้ยกผมลอยขึ้นไปอยู่ระหว่างพื้นดินกับฟ้าสวรรค์ และในนิมิตที่พระเจ้าให้นั้น พระองค์ได้พาผมไปที่เมืองเยรูซาเล็ม พระองค์พาผมไปที่ทางเข้าของประตูทางทิศเหนือ ที่นำเข้าไปสู่ลานข้างในของวิหาร ที่ประตูนี้มีรูปเคารพที่ยั่วยุให้พระเจ้าหึงหวงตั้งอยู่ 4 รัศมีของพระเจ้าของอิสราเอลปรากฏอยู่ต่อหน้าผมที่นั่น เหมือนกับที่ผมเคยเห็นในนิมิตที่เกิดขึ้นในหุบเขาใกล้คลองขุดเคบาร์
5 แล้วพระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ มองไปทางทิศเหนือสิ” แล้วผมก็มองไป และตรงทิศเหนือนั้น ข้างๆทางเข้าของประตูที่นำไปสู่แท่นบูชา มีรูปเคารพที่ทำให้พระเจ้าหึงหวงตั้งอยู่
6 พระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ เจ้าเห็นหรือเปล่า สิ่งน่ารังเกียจที่ชาวอิสราเอลกำลังทำอยู่ที่นี่ ซึ่งไล่เราให้ห่างไกลไปจากวิหารของเรา ตามเรามาสิ แล้วเจ้าจะได้เห็นสิ่งที่น่ารังเกียจยิ่งกว่านั้นอีก”
7 แล้วพระองค์ได้นำผมไปที่ทางเข้าของลานวิหาร ผมมองเห็นรูรูหนึ่งในกำแพง 8 พระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ เจาะเข้าไปในกำแพงนั้นสิ”
ผมจึงเจาะเข้าไปในกำแพง และเห็นประตูทางเข้าอยู่ในนั้น
9 แล้วพระองค์พูดกับผมว่า “เข้าไปสิ ไปดูสิ่งชั่วร้ายและน่ารังเกียจที่พวกเขาทำกันในนั้น”
10 ผมจึงเข้าไปดู และเห็นรูปแกะสลักตลอดแนวกำแพง เป็นรูปของสัตว์เลื้อยคลาน[ab] พวกรูปสัตว์ต่างๆที่น่ารังเกียจ และยังมีพวกรูปเคารพของครอบครัวชาวอิสราเอลด้วย
11 ผมยังเห็น ยาอาซันยาห์ ลูกชายของชาฟาน พร้อมกับพวกผู้นำอาวุโสเจ็ดสิบคนของครอบครัวชาวอิสราเอล ยืนอยู่กับผู้คนที่นั่น ผู้นำแต่ละคนถือกระถางเผาเครื่องหอมอยู่ในมือ และมีควันจากเครื่องหอม ลอยขึ้นมา 12 พระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ เจ้าเห็นหรือยังว่าพวกผู้นำอาวุโสของครอบครัวชาวอิสราเอลทำอะไรกันในความมืด แต่ละคนอยู่ตามช่องเล็กที่วางรูปเคารพของเขาเอง พวกเขาพูดว่า ‘พระยาห์เวห์ไม่เห็นพวกเรา พระยาห์เวห์ทิ้งแผ่นดินนี้ไปแล้ว’” 13 แล้วพระองค์พูดว่า “ตามเรามา แล้วเจ้าจะได้เห็นพวกเขาทำสิ่งที่น่ารังเกียจยิ่งกว่านั้นอีก”
14 พระองค์จึงนำผมไปที่ทางเข้าวิหารของพระยาห์เวห์ ประตูนี้ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ผมเห็นพวกผู้หญิงกำลังนั่งร้องไห้คร่ำครวญให้กับพระทัมมุส[ac] อยู่ที่นั่น
15 พระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ เจ้าเห็นสิ่งนี้หรือยัง เจ้าจะได้เห็นสิ่งที่น่ารังเกียจยิ่งกว่านี้อีก” 16 แล้วพระองค์ได้นำผมเข้าไปที่ลานด้านในของวิหารของพระยาห์เวห์ ที่ทางเข้าวิหาร ตรงพื้นที่ระหว่างระเบียงกับแท่นบูชานั้น มีผู้ชายประมาณยี่สิบห้าคนหันหลังให้กับวิหารของพระยาห์เวห์ และหันหน้าไปทางทิศตะวันออก พวกเขากำลังก้มกราบดวงอาทิตย์ที่อยู่ทางทิศตะวันออกกันอยู่
17 พระองค์พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ เจ้าเห็นสิ่งนั้นหรือยัง เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆหรือ ที่ครอบครัวของยูดาห์ทำสิ่งที่น่ารังเกียจเหล่านี้ แผ่นดินนี้เต็มไปด้วยความรุนแรง พวกเขาทำสิ่งที่ยั่วยุความโกรธของเราอยู่เรื่อยๆ ดูสิ พวกเขาเอากิ่งไม้มาแตะจมูกตัวเอง[ad] 18 เราจะจัดการกับพวกเขาด้วยความโกรธ เราจะไม่สงสารพวกเขา หรือละเว้นโทษพวกเขาอีกต่อไป ถึงพวกเขาจะตะโกนใส่หูเรา เราก็จะไม่ฟังพวกเขา”
9 แล้วผมก็ได้ยินพระองค์ร้องเรียกด้วยเสียงอันดังว่า
“พวกเจ้าที่มีหน้าที่ลงโทษเมืองนี้ มานี่สิ ให้เอาอาวุธติดมือมาด้วย”
2 แล้วผมเห็นคนหกคน กำลังเดินมาจากทางประตูที่อยู่ด้านบนขึ้นไป ประตูนี้ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ในมือแต่ละคนถือเครื่องมือสำหรับทำลายของเขาอยู่ ชายคนหนึ่งที่มากับพวกเขาสวมชุดลินิน[ae] และมีชุดเครื่องเขียนห้อยไว้ที่เอว พวกเขาได้เข้ามายืนอยู่ที่ข้างๆแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ 3 ขณะนั้น รัศมีแห่งพระเจ้าของอิสราเอลได้ขึ้นมาอยู่เหนือบรรดาเครูบ ซึ่งเป็นที่ที่รัศมีนั้นเคยปรากฏมาแล้ว แล้วรัศมีนั้นได้เคลื่อนที่ไปที่ธรณีประตูของวิหาร แล้วพระยาห์เวห์ได้เรียกชายคนนั้นที่สวมใส่ชุดลินินและมีชุดเครื่องเขียนอยู่ที่เอวของเขา
4 แล้วพระยาห์เวห์พูดกับเขาว่า “ไปให้ทั่วเมืองเยรูซาเล็ม ไปทำเครื่องหมายไว้บนหน้าผากของผู้ที่เศร้าโศกและคร่ำครวญให้กับเรื่องที่น่ารังเกียจทั้งหมดที่ผู้คนในเมืองนี้ทำกัน”
5 ในขณะที่ผมฟังอยู่นั้น พระองค์ได้พูดกับห้าคนที่เหลือว่า
“ตามเขาไปทั่วทั้งเมือง ใครที่ไม่มีเครื่องหมายที่หน้าผาก ให้ฆ่าทิ้งให้หมด ไม่ต้องสงสารหรือเห็นอกเห็นใจ 6 ฆ่าให้หมด ไม่ว่าจะเป็นคนแก่ คนหนุ่มสาว ผู้หญิง หรือเด็กๆ แต่ห้ามแตะต้องคนที่มีเครื่องหมายอยู่บนหน้าผาก ให้เริ่มต้นจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเราไป” ดังนั้น พวกเขาจึงเริ่มฆ่าพวกผู้นำอาวุโสที่อยู่หน้าวิหาร
7 แล้วพระองค์พูดกับพวกเขาว่า “ทำให้วิหารนี้เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ไป ให้ลานนี้เต็มไปด้วยซากศพ ไปทำเดี๋ยวนี้เลย” ดังนั้น พวกเขาจึงออกไปและเริ่มฆ่าผู้คนไปทั่วทั้งเมือง
8 ในขณะที่พวกเขาออกไปฆ่าคน ผมอยู่ที่นั่นคนเดียว ผมก้มหน้ากราบลงถึงพื้น และร้องออกมาว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต เพราะความเดือดดาลที่พระองค์มีต่อคนอิสราเอล พระองค์จะทำลายพวกเขาที่เหลืออยู่นี้ทั้งหมดเลยหรือ”
9 พระองค์ตอบผมว่า “บาปของครอบครัวอิสราเอลและยูดาห์นั้นยิ่งใหญ่มหาศาลนัก แผ่นดินเต็มไปด้วยการฆ่าฟัน และทั้งเมืองเต็มไปด้วยความอธรรม พวกเขาพูดว่า ‘พระยาห์เวห์ได้ทิ้งแผ่นดินนี้ไปแล้ว พระองค์มองไม่เห็นสิ่งที่เราทำหรอก’ 10 ดังนั้นเราจะไม่มองดูพวกเขาด้วยความสงสารหรือละเว้นโทษพวกเขาอีกต่อไป แต่เราจะให้สิ่งที่พวกเขาได้ทำไปนั้นตกลงบนหัวของพวกเขาเอง”
11 แล้วชายที่สวมใส่ชุดลินิน ที่มีชุดเครื่องเขียนอยู่ที่เอว ได้กลับมารายงานว่า “ผมได้ทำตามที่พระองค์สั่งเรียบร้อยแล้วครับ”
รัศมีของพระเจ้าย้ายออกจากวิหาร
10 ผมได้มองไปที่โดม[af] ที่อยู่เหนือหัวของเครูบเหล่านั้น และผมได้เห็นสิ่งที่เหมือนกับบัลลังก์ที่ทำจากไพลินสีฟ้าใสอยู่เหนือโดมนั้น 2 แล้วพระยาห์เวห์ได้พูดกับชายที่สวมชุดลินินว่า “เข้าไปในระหว่างล้อที่อยู่ใต้เครูบนั้น และให้หยิบถ่านที่กำลังคุอยู่ท่ามกลางเครูบเหล่านั้นมาสองกำมือ แล้วเอาไปโปรยให้ทั่วเมืองเยรูซาเล็ม”
ในขณะที่ผมมองดูอยู่นั้น ชายคนนั้นก็เข้าไป 3 เครูบเหล่านั้นยืนอยู่ทางทิศใต้ของวิหาร เมื่อชายคนนั้นเข้าไป ก็มีเมฆก้อนหนึ่งมาปกคลุมลานด้านในจนทั่ว 4 แล้วรัศมีของพระยาห์เวห์ได้ลอยขึ้นไปจากด้านบนของเครูบเหล่านั้น และเคลื่อนที่ไปที่ธรณีประตูวิหาร มีเมฆอยู่เต็มวิหารไปหมด และรัศมีของพระยาห์เวห์ส่องสว่างไปทั่วลานนั้น 5 เสียงจากปีกของเครูบดังไปไกลถึงลานด้านนอก เหมือนกับเสียงของพระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นเมื่อพระองค์พูด
6 เมื่อพระยาห์เวห์สั่งชายที่สวมชุดลินินนั้นว่า “ให้เอาไฟที่อยู่ระหว่างล้อที่อยู่ท่ามกลางเครูบเหล่านี้ไป” ชายคนนั้นได้เข้าไปและไปยืนอยู่ที่ด้านข้างของล้อล้อหนึ่ง 7 แล้วเครูบองค์หนึ่งในบรรดาเครูบเหล่านั้นได้ยื่นมือของท่านเข้าไปในไฟที่อยู่ระหว่างพวกเครูบ ท่านหยิบถ่านไฟออกมาส่วนหนึ่งและเอาไปใส่ในมือทั้งสองข้างของชายที่สวมชุดลินินนั้น ชายนั้นรับเอาไฟนั้นแล้วออกไป 8 (ใต้ปีกพวกนั้นของเครูบ มีสิ่งที่ดูเหมือนมือมนุษย์)
9 ผมได้สังเกตเห็นว่า ข้างๆของเครูบทั้งสี่นั้น แต่ละท่านจะมีล้ออยู่หนึ่งล้อ รวมเป็นสี่ล้อ ล้อทั้งสี่นั้นเป็นประกายเหมือนกับเพทายสีเหลืองสด 10 ล้อทั้งสี่นี้ ดูเหมือนกันหมด แต่ละล้อมีล้ออีกล้อหนึ่งซ้อนอยู่ตรงกลาง 11 เมื่อพวกล้อนี้มุ่งไปข้างหน้า มันสามารถหันไปทางไหนก็ได้ทั้งสี่ทิศ แต่พอมันเคลื่อนที่มันจะเปลี่ยนทิศทางไม่ได้ ถ้ามุ่งหน้าไปทางหน้าใด หน้าอื่นๆก็จะมุ่งไปตามหน้านั้นด้วย ในขณะที่เคลื่อนที่มันจะไม่เปลี่ยนทิศทาง 12 มีดวงตาเต็มไปหมดทั่วร่างของเครูบเหล่านี้ มีดวงตาที่ด้านหลัง ที่มือ และที่ปีกของพวกท่าน รวมทั้งที่ล้อทั้งสี่ของพวกท่านด้วย 13 ผมได้ยินผู้หนึ่งเรียกล้อเหล่านั้นว่า “วงล้อหมุนวน”
14 เครูบแต่ละองค์มีใบหน้าสี่หน้า หน้าหนึ่งเป็นหน้าของเครูบ[ag] หน้าที่สองเป็นหน้ามนุษย์ หน้าที่สามเป็นหน้าสิงโต และหน้าที่สี่เป็นหน้านกอินทรี
15 แล้วเครูบเหล่านั้นได้ลอยขึ้นไปในอากาศ สิ่งที่มีชีวิตต่างๆที่ผมมองเห็นในนิมิต ข้างคลองขุดเคบาร์ ที่แท้ก็คือพวกเครูบนี่เอง
16 เมื่อเครูบเหล่านั้นเคลื่อนที่ ล้อที่อยู่ข้างพวกเขาก็เคลื่อนที่ตามไปด้วย เมื่อเครูบกางปีกและบินขึ้นไปในอากาศ ล้อทั้งหมดไม่ได้เคลื่อนออกไปจากด้านข้างของพวกเขาเลย 17 เมื่อเครูบอยู่กับที่ ล้อก็หยุดอยู่กับที่ด้วย เมื่อเครูบบินขึ้น พวกล้อเหล่านั้นก็ขึ้นไปกับพวกเขาด้วยเพราะวิญญาณของสิ่งที่มีชีวิตเหล่านั้นอยู่ในล้อพวกนั้น
18 แล้วรัศมีของพระยาห์เวห์ได้ลอยขึ้นจากธรณีประตูของวิหารไปหยุดอยู่เหนือเครูบ 19 ในขณะที่ผมมองดูอยู่นั้น เครูบเหล่านั้นได้กางปีกบินขึ้นจากพื้น และเมื่อพวกเขาไป ล้อทั้งหมดได้ตามพวกเขาไปด้วย แล้วพวกเขาได้ไปหยุดอยู่ที่ประตูทางทิศตะวันออกของวิหารของพระยาห์เวห์ และรัศมีแห่งพระเจ้าของอิสราเอลอยู่เหนือพวกเขา
20 แล้วผมได้คิดถึงสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นที่อยู่ภายใต้รัศมีของพระเจ้าแห่งอิสราเอล ที่ผมเห็นในนิมิตตอนที่อยู่ข้างคลองขุดเคบาร์ ที่แท้สิ่งมีชีวิตพวกนั้นก็คือเครูบนี่เอง 21 สิ่งมีชีวิตแต่ละท่านมีใบหน้าสี่หน้า มีปีกสี่ปีกและใต้ปีกของพวกสิ่งมีชีวิตนี้มีสิ่งที่ดูคล้ายกับมือของมนุษย์ 22 ใบหน้าของเครูบเหมือนกับใบหน้าทั้งสี่ของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นที่ผมเห็นในนิมิต ตอนที่ผมอยู่ข้างคลองขุดเคบาร์ สิ่งมีชีวิตแต่ละท่านได้มุ่งตรงไปข้างหน้า
คำด่าว่าพวกผู้นำชั่ว
11 แล้วพระวิญญาณได้ยกผมขึ้นและนำผมไปอยู่ที่ประตูวิหารทางทิศตะวันออก ประตูนี้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ผมเห็นผู้ชายยี่สิบห้าคนที่ทางเข้าประตูนั้น และผมเห็นยาอาซันยาห์ลูกชายของอัสซูร์ และเปลาทิยาห์ลูกชายของเบไนยาห์ อยู่ที่นั่นด้วย สองคนนี้เป็นผู้นำของประชาชน
2 พระยาห์เวห์ได้พูดกับผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ คนพวกนี้คือผู้ที่คบคิดกันวางแผนชั่ว และให้คำแนะนำที่ชั่วช้าในเมืองนี้ 3 พวกเขาพูดว่า ‘ไม่มีความจำเป็นที่จะสร้างบ้านเพิ่มในเร็วๆนี้ พวกเราอยู่ในเมืองนี้อย่างปลอดภัยเหมือนเนื้อในหม้อ’ 4 ดังนั้น เจ้าลูกมนุษย์ ไปพูดแทนเราต่อว่าคนพวกนั้น”
5 แล้วพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ได้มาอยู่บนตัวผม พระองค์บอกผมว่า “ไปบอกกับคนพวกนั้นว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด ‘ครอบครัวอิสราเอลเอ๋ย นั่นคือสิ่งที่พวกเจ้าพูดกัน แต่เราเอง รู้ความคิดทั้งหลายในใจของพวกเจ้า 6 เจ้าได้ฆ่าผู้คนจำนวนมากในเมืองนี้ และเจ้าได้ทำให้ถนนสายต่างๆเต็มไปด้วยซากศพ’
7 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘พวกซากศพที่เจ้าได้โยนทิ้งไว้ที่นั่นก็คือเนื้อ และเมืองนี้ก็คือหม้อ แต่เราจะขับไล่เจ้าออกไปจากเมืองนี้ 8 เจ้ากลัวดาบ ดังนั้นเราจะเอาดาบมาลงบนเจ้า’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนี้
9 “เราจะขับไล่เจ้าออกไปจากเมืองนี้ เราจะมอบเจ้าให้กับพวกคนต่างชาติและเราจะลงโทษเจ้า 10 เจ้าจะล้มตายด้วยดาบ เราจะลงโทษเจ้าที่ชายแดนต่างๆของอิสราเอลนี้ แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ 11 เมืองนี้จะไม่เป็นหม้อใบหนึ่งสำหรับเจ้า และเจ้าจะไม่เป็นเนื้อในหม้อนั้น เราจะลงโทษเจ้าตามชายแดนต่างๆของอิสราเอล 12 เมื่อนั้นเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ และเป็นข้อบังคับต่างๆของเราเองที่เจ้าไม่ยอมทำตาม และเป็นพวกกฎของเราเองที่พวกเจ้าไม่ยอมรักษา แต่เจ้ากลับไปทำตัวเหมือนชนชาติต่างๆที่อยู่รอบๆเจ้า”
13 ในขณะที่ผมกำลังพูดแทนพระเจ้าอยู่นั้น เปลาทียาห์ลูกชายของเบไนยาห์ก็ตาย แล้วผมก้มหน้ากราบลงกับพื้น และร้องด้วยเสียงอันดังว่า
“พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระองค์จะทำลายอิสราเอลที่เหลือทั้งหมดหรือ”
พระเจ้าจะนำคนของพระองค์กลับมา
14 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 15 “เจ้าลูกมนุษย์ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม ได้พูดอย่างนี้เกี่ยวกับพี่น้องของเจ้า ญาติที่เจ้ามีหน้าที่ดูแล และครอบครัวทั้งหมดของอิสราเอลว่า
‘พวกเขาได้ไปอยู่ห่างไกลจากพระยาห์เวห์ แผ่นดินนี้ตกเป็นของพวกเราแล้ว พวกเราได้รับสิทธิ์ที่จะยึดครองประเทศนี้แล้ว’
16 ดังนั้น ให้บอกสิ่งนี้กับคนพวกนั้นว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘ถึงแม้เราได้ส่งพวกเขาไปอยู่ห่างไกลท่ามกลางชนชาติต่างๆและทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามประเทศต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม เราได้กลายเป็นวิหารของพวกเขาระดับหนึ่งในช่วงที่พวกเขาอยู่ตามประเทศเหล่านั้น’
17 แต่เจ้าจะต้องบอกคนเหล่านั้นว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘เราจะรวบรวมพวกเจ้ามาจากชนชาติต่างๆและนำพวกเจ้ากลับมาจากประเทศที่พวกเจ้ากระจัดกระจายไปอยู่นั้น และเราจะคืนแผ่นดินของอิสราเอลให้กับพวกเจ้า’ 18 เมื่อพวกเขากลับคืนสู่แผ่นดินนี้ พวกเขาจะกำจัดพวกรูปปั้นเลวๆเหล่านี้ กับพวกรูปเคารพขี้ๆเหล่านี้ให้หมดสิ้นไป 19 เราจะให้พวกเขาไม่เป็นคนสองจิตสองใจและจะใส่วิญญาณใหม่ลงในตัวพวกเขา เราจะเอาหัวใจหินของพวกเขาออกไป และเอาหัวใจที่มีเลือดเนื้อใส่เข้าไปแทน 20 เพื่อพวกเขาจะทำตามข้อบังคับต่างๆของเรา และจะรักษากฎทั้งหลายของเราอย่างเคร่งครัด พวกเขาจะเป็นคนของเราและเราก็จะเป็นพระเจ้าของพวกเขา
21 แต่ส่วนพวกที่ได้มอบใจให้กับพวกรูปปั้นเลวๆและพวกรูปเคารพขี้ๆเหล่านั้น เราก็จะให้พวกเขารับกรรมชั่วที่พวกเขาก่อขึ้นนั้น” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
22 แล้วพวกเครูบได้กางปีกบินไป ล้อที่อยู่เคียงข้างพวกเขาก็ลอยไปด้วย และรัศมีของพระเจ้าแห่งอิสราเอลได้อยู่เหนือพวกเขา 23 รัศมีของพระยาห์เวห์ได้ลอยขึ้นมาจากเมืองเยรูซาเล็ม และไปหยุดอยู่เหนือภูเขาทางตะวันออกของเมือง[ah] 24 พระวิญญาณได้ยกผมขึ้น และนำผมกลับมาที่แผ่นดินบาบิโลน มายังพวกที่ถูกกวาดต้อนมา ผมได้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ในนิมิตที่มาจากพระเจ้า แล้วนิมิตนั้นก็ได้หายไปจากผม 25 แล้วผมได้บอกกับเชลยพวกนี้ ถึงทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์ให้ผมเห็น
ฉากละครตอนถูกเนรเทศ
12 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 2 “เจ้าลูกมนุษย์ เจ้าอาศัยอยู่ท่ามกลางคนที่ชอบกบฏ พวกเขามีตาแต่มองไม่เห็น มีหูแต่ไม่ได้ยิน เพราะพวกเขาคือคนที่ชอบกบฏ 3 ดังนั้น เจ้าลูกมนุษย์ ให้เก็บข้าวของของเจ้า เพื่อเตรียมถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย ในตอนกลางวันขณะที่พวกเขามองดูเจ้า ให้เจ้าออกเดินทางจากที่เจ้าอยู่นี้ไปยังที่อื่น บางทีพวกเขาอาจจะเข้าใจความหมายของสิ่งที่เจ้าทำนี้ ถึงแม้พวกเขาเป็นบ้านที่ชอบกบฏก็ตาม
4 ในตอนกลางวันขณะที่พวกเขามองดูเจ้าอยู่นั้น ให้เจ้าเก็บรวบรวมข้าวของต่างๆของเจ้า เพื่อเตรียมถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย แล้วในตอนเย็นขณะที่พวกเขากำลังมองดูเจ้า ก็ให้เจ้าออกไปทำทีเหมือนกับว่ากำลังถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย 5 ในขณะที่พวกเขามองดูเจ้า ก็ให้เจ้าขุดรูกำแพงมุดออกไป พร้อมกับเอาข้าวของของเจ้าออกไปทางรูนั้นด้วย 6 ในขณะที่พวกเขามองดูเจ้าอยู่นั้น ให้เจ้าเอาของเหล่านั้นแบกไว้บนบ่า แบกมันออกไปในความมืด ให้ปิดหน้าของเจ้าไว้เพื่อเจ้าจะได้ไม่เห็นแผ่นดิน เราได้ใช้เจ้าเป็นตัวอย่าง สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับบ้านของอิสราเอล”
7 ดังนั้น ผมจึงทำตามคำสั่งนั้น ผมได้เก็บข้าวของต่างๆของผมในตอนกลางวัน เพื่อเตรียมถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย ในตอนเย็นผมได้ขุดรูกำแพงด้วยมือของผมเอง แล้วในความมืด ผมได้เอาของทั้งหมดแบกไว้บนบ่า ในขณะที่พวกเขามองดูผมอยู่
8 ในตอนเช้าคำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 9 “เจ้าลูกมนุษย์ พวกอิสราเอลที่ชอบกบฏพวกนั้น ได้ถามเจ้าใช่ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไร 10 ให้บอกกับพวกนั้นว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ข้อความนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าชายองค์นั้นในเมืองเยรูซาเล็มกับครอบครัวอิสราเอลทั้งหมดที่อยู่ที่นั่น’ 11 ให้บอกกับพวกเขาว่า ‘ผม เป็นตัวอย่างให้กับพวกท่าน สิ่งที่ผมได้ทำไปนั้น จะเกิดขึ้นกับพวกท่าน พวกท่านจะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย 12 เจ้าชายของพวกท่านจะต้องเอาของแบกไว้บนบ่าของเขาในความมืด และเขาจะให้คนขุดกำแพงเป็นช่อง แล้วหนีออกไป เขาจะปิดหน้าของเขาเพื่อจะไม่ได้เห็นแผ่นดิน’
13 เราจะกางตาข่ายของเราดักเขา และเขาจะตกลงไปในกับดักของเรา เราจะนำตัวเขาไปที่บาบิโลนซึ่งเป็นแผ่นดินของชาวเคลเดีย แต่เขาจะมองไม่เห็นว่าเขาอยู่ที่ไหน และเขาจะตายอยู่ที่นั่น[ai] 14 เราจะทำให้คนที่อยู่รอบๆเขากระจัดกระจายไปกับสายลม รวมทั้งพวกเจ้าหน้าที่และกองทัพทั้งหมดของเขา ศัตรูจะชักดาบไล่ล่าพวกเขา 15 แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์ เมื่อเราทำให้พวกเขาแตกซ่านไปอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆและทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปทั่วในหลายประเทศ
16 แต่เราจะให้พวกเขาส่วนหนึ่งรอดตาย พวกเขาจะรอดพ้นจากคมดาบ ความอดอยากและโรคระบาด เพื่อคนพวกนี้จะได้บอกกับชนชาติทั้งหลายที่พวกเขาไปอยู่ด้วยนั้น ว่าพวกเขาได้ทำสิ่งอันน่ารังเกียจขนาดไหนต่อพระยาห์เวห์ แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”
ฉากละครตอนชาวอิสราเอลหวาดกลัว
17 แล้วถ้อยคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 18 “เจ้าลูกมนุษย์ เจ้าจะต้องทำตัวสั่นเทิ้มเมื่อเจ้ากินอาหาร และกลัวจนขนลุกเมื่อเจ้าดื่มน้ำ 19 เจ้าจะต้องบอกสิ่งนี้กับประชาชนของแผ่นดินนี้ว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดเกี่ยวกับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มและในแผ่นดินอิสราเอล พวกเขาจะกินอาหารด้วยความกังวล และดื่มน้ำด้วยความสิ้นหวังเพราะทุกสิ่งทุกอย่างในแผ่นดินของพวกเขาจะถูกกวาดต้อนไปจนเรียบ เพราะประชาชนทั้งหมดที่อยู่ที่นั่นโหดร้ายและชอบใช้ความรุนแรง 20 เมืองต่างๆที่มีคนอาศัยอยู่จะถูกทิ้งให้เป็นซากปรักหักพังและแผ่นดินจะเวิ้งว้างทรุดโทรม แล้วเจ้าจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์’”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International