Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
เอเสเคียล 12:21-23:39

21 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า 22 “บุตรมนุษย์เอ๋ย ภาษิตในอิสราเอลที่ว่า ‘วันคืนผ่านไป ไม่เห็นมีสักนิมิตที่เป็นจริง’ นั้นเจ้าหมายความว่าอะไร? 23 จงกล่าวแก่คนทั้งหลายว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรากำลังจะยุติภาษิตนี้ คนทั้งหลายจะไม่อ้างภาษิตนี้ในอิสราเอลอีกต่อไป’ จงกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘วันคืนที่ทุกนิมิตจะเป็นจริงใกล้เข้ามาแล้ว 24 เพราะจะไม่มีนิมิตเท็จหรือคำทำนายประจบประแจงในหมู่ชนชาติอิสราเอลอีกต่อไป 25 แต่เรา พระยาห์เวห์จะพูดในสิ่งที่เราประสงค์ และจะเป็นจริงตามนั้นโดยไม่ล่าช้า พงศ์พันธุ์ที่ชอบกบฏเอ๋ย ในชั่วอายุของเจ้านี่แหละ เราจะทำสิ่งที่เราพูดไว้ให้สำเร็จ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”

26 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า 27 “บุตรมนุษย์เอ๋ย พงศ์พันธุ์อิสราเอลกล่าวว่า ‘นิมิตที่เขาเห็นเป็นเรื่องอีกหลายปีข้างหน้า เขาพยากรณ์ถึงเรื่องอนาคตที่ยังห่างไกล’

28 “ฉะนั้นจงบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่าเราจะไม่ยืดเวลาให้อีกต่อไปแล้ว ทุกสิ่งที่เราลั่นวาจาไว้จะถูกทำให้สำเร็จครบถ้วน พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”

คำพิพากษาผู้เผยพระวจนะเท็จ

13 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะกล่าวโทษบรรดาผู้เผยพระวจนะของอิสราเอลซึ่งกำลังพยากรณ์อยู่ตอนนี้ จงกล่าวแก่ผู้ที่พยากรณ์ตามความคิดฝันของตนว่า ‘จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า! พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า วิบัติแก่ผู้เผยพระวจนะที่โฉดเขลา[a] ซึ่งทำตามอำเภอใจของตนเอง และไม่ได้เห็นนิมิตอะไร! อิสราเอลเอ๋ย ผู้เผยพระวจนะของเจ้าเหมือนหมาในที่อยู่ท่ามกลางกองปรักหักพัง พวกเจ้าไม่ได้ปีนขึ้นไปซ่อมรอยแยกในกำแพงให้แก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลเพื่อมันจะได้มั่นคงแน่นหนาพร้อมสำหรับการรบในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า นิมิตของพวกเขาจอมปลอมและคำทำนายของพวกเขาก็เป็นคำโกหก เขาพูดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า” ทั้งๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ใช้เขาเลย ถึงกระนั้นเขาก็ยังคาดหวังว่าจะเป็นไปตามถ้อยคำของตน เจ้าไม่ได้เห็นนิมิตจอมปลอมและกล่าวคำทำนายโกหกพกลมหรือ? เมื่อเจ้าพูดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า” ทั้งๆ ที่เราไม่ได้พูด

“ ‘ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะจัดการกับเจ้าเนื่องด้วยคำโป้ปดและนิมิตจอมปลอมของเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น มือของเราจะต่อสู้กับบรรดาผู้เผยพระวจนะที่เห็นนิมิตจอมปลอมและกล่าวคำทำนายโกหก พวกเขาจะไม่ได้เข้าร่วมสภาประชาชนของเราหรือขึ้นทะเบียนสำมะโนพงศ์พันธุ์อิสราเอล ทั้งจะไม่ได้เข้าสู่ดินแดนอิสราเอล แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต

10 “ ‘ทั้งนี้เพราะพวกเขาชักจูงประชากรของเราให้หลงเตลิดไปโดยกล่าวว่า “สันติสุข” ทั้งๆ ที่ไม่มีสันติสุข และเพราะพวกเขาฉาบปูนขาวทับกำแพงอันเปราะบางที่ถูกสร้างขึ้น 11 ฉะนั้นจงบอกผู้ฉาบปูนขาวเหล่านั้นว่า กำแพงนั้นกำลังจะทลายลง ฝนจะตกลงมาห่าใหญ่ และเราจะส่งลูกเห็บซัดกระหน่ำ และพายุกล้าพัดโหม 12 เมื่อกำแพงพังครืนลง ประชากรจะไม่ถามเจ้าหรือว่า “ไหนล่ะปูนขาวที่ท่านฉาบทับ?”

13 “ ‘ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตจึงตรัสดังนี้ว่า เราจะปล่อยพายุใหญ่ด้วยความโกรธของเรา ลูกเห็บและห่าฝนจะกระหน่ำลงมาอย่างหนักด้วยโทสะของเรา 14 เราจะทลายกำแพงซึ่งเจ้าฉาบปูนขาวทับไว้ และมันจะพังราบลงกับพื้นจนมองเห็นฐานรากของมัน เมื่อมัน[b]ทลายลง เจ้าจะพินาศอยู่ในนั้น แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ 15 ดังนั้นเราจะระบายความโกรธแก่กำแพง และแก่พวกที่ฉาบมันไว้ด้วยปูนขาว เราจะกล่าวแก่เจ้าว่า “กำแพงพังพินาศไปแล้ว และพวกที่ฉาบปูนขาวก็เช่นกัน 16 คือบรรดาผู้เผยพระวจนะของอิสราเอลซึ่งพยากรณ์แก่เยรูซาเล็มและเห็นนิมิตแห่งสันติสุขในเยรูซาเล็ม ทั้งๆ ที่ไม่มีสันติสุขเลย พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น” ’

17 “บัดนี้บุตรมนุษย์เอ๋ย จงตั้งตนเป็นศัตรูกับบรรดาบุตรสาวของชนชาติของเจ้า ผู้ซึ่งพยากรณ์ตามจินตนาการของตน จงเผยพระวจนะต่อต้านพวกเขา 18 และกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า วิบัติแก่หญิงที่เย็บเครื่องรางของขลังไว้รัดข้อมือ และทำผ้าคลุมหน้าขนาดต่างๆ เพื่อดักล่อประชาชน เจ้าจะลวงชีวิตประชากรของเราไปติดกับ แต่สงวนชีวิตของตนเองไว้หรือ? 19 เจ้าลบหลู่ดูหมิ่นเราในหมู่ประชากรเพราะเห็นแก่ข้าวบาร์เลย์เพียงสองสามกำมือกับเศษขนมปัง เจ้าได้ฆ่าเหล่าประชากรของเราที่ไม่สมควรตายและไว้ชีวิตคนที่ไม่สมควรอยู่โดยการโกหกประชากรเหล่านั้นซึ่งเป็นผู้ที่ฟังคำเท็จ

20 “ ‘ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราต่อสู้กับเครื่องรางของขลังต่างๆ ที่เจ้าใช้ดักล่อประชากรไว้เหมือนดักนก เราจะฉีกเครื่องรางของขลังออกจากแขนของเจ้า เราจะปลดปล่อยประชากรซึ่งเจ้าดักไว้เหมือนดักนก 21 เราจะฉีกผ้าคลุมหน้าของเจ้าออก และช่วยประชากรของเราให้พ้นจากเงื้อมมือของเจ้า เขาจะไม่ตกเป็นเหยื่ออยู่ในอำนาจของเจ้าอีกต่อไป แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ 22 ทั้งนี้เพราะคำโกหกของเจ้าบั่นทอนกำลังใจของผู้ชอบธรรมทั้งๆ ที่เราไม่ได้นำความเศร้าโศกมาให้เขา และเพราะเจ้าสนับสนุนคนชั่วให้คงอยู่ในทางอันชั่วร้ายของเขาเพื่อเป็นการรักษาชีวิตของพวกเขาไว้ 23 ฉะนั้นเจ้าจะไม่ได้เห็นนิมิตจอมปลอมหรือทำนายได้อีก เราจะช่วยประชากรของเราให้พ้นจากเงื้อมมือของเจ้า แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’ ”

คำพิพากษาบรรดาผู้กราบไหว้รูปเคารพ

14 ผู้อาวุโสของอิสราเอลบางคนเข้ามาหาข้าพเจ้าและมานั่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า แล้วพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย คนเหล่านี้เทิดทูนรูปเคารพอยู่ในใจ และวางสิ่งชั่วร้ายซึ่งทำให้สะดุดไว้ตรงหน้าตน ควรหรือที่เราจะยอมให้เขามาสอบถามอะไรจากเรา? ดังนั้นจงพูดและจงบอกพวกเขาเถิดว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่าเมื่อชาวอิสราเอลคนใดเทิดทูนรูปเคารพต่างๆ ไว้ในใจ และวางสิ่งชั่วร้ายซึ่งทำให้สะดุดไว้ตรงหน้าแล้วยังมาหาผู้เผยพระวจนะ เราผู้เป็นพระยาห์เวห์จะตอบเขาเองเกี่ยวกับการกราบไหว้รูปเคารพต่างๆ มากมายของเขา เราจะทำเช่นนั้นเพื่อยึดจิตใจประชากรอิสราเอลที่ทอดทิ้งเราและหันไปหารูปเคารพนั้นกลับคืนมา’

“ฉะนั้นจงกล่าวแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า จงกลับใจใหม่! จงหันจากรูปเคารพต่างๆ และเลิกการกระทำทุกอย่างที่น่าเกลียดชัง!

“ ‘เมื่อชาวอิสราเอลหรือชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในอิสราเอลคนใดแยกตัวจากเรา และเทิดทูนรูปเคารพไว้ในใจ ทั้งวางสิ่งชั่วร้ายซึ่งทำให้สะดุดไว้ตรงหน้า แล้วไปหาผู้เผยพระวจนะเพื่อสอบถามอะไรจากเรา เราผู้เป็นพระยาห์เวห์จะตอบเขาเอง เราจะตั้งตนเป็นศัตรูกับเขา ทำให้เขาเป็นอุทาหรณ์ เป็นคำเปรียบเปรย เราจะตัดเขาออกจากประชากรของเรา เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

“ ‘และหากผู้เผยพระวจนะคนนั้นถูกโน้มน้าวให้กล่าวพยากรณ์ เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้โน้มน้าวเขาเอง และเราจะเหยียดมือออกต่อสู้และทำลายล้างเขาไปจากหมู่ประชากรอิสราเอลของเรา 10 ทั้งคู่ต้องรับโทษของตน ผู้เผยพระวจนะก็ผิดพอๆ กับคนที่มาปรึกษาเขา 11 แล้วประชากรอิสราเอลจะไม่หลงเตลิดไปจากเราอีก ทั้งจะไม่ปล่อยตัวให้แปดเปื้อนบาปทั้งปวงอีก พวกเขาจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”

คำพิพากษาที่ไม่มีทางเลี่ยง

12 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 13 “บุตรมนุษย์เอ๋ย หากดินแดนหนึ่งทำบาปโดยไม่ซื่อสัตย์ต่อเรา และเราเหยียดมือออกลงโทษโดยตัดแหล่งอาหารของเขา แล้วส่งการกันดารอาหารมาคร่าชีวิตของคนและสัตว์ 14 แม้คนทั้งสามนี้คือ โนอาห์ ดาเนียล[c] และโยบอยู่ในดินแดนนั้นด้วย พวกเขาก็เพียงแต่ช่วยตัวเองให้รอดโดยความชอบธรรมของตนเท่านั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

15 “หรือหากเราส่งบรรดาสัตว์ป่ามาทั่วดินแดนนั้นและให้พวกมันคร่าชีวิตผู้คนจนกลายเป็นถิ่นร้าง เพื่อที่จะไม่มีใครกล้าสัญจรไปมาเพราะสัตว์ร้ายนั้น 16 เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด แม้คนทั้งสามนั้นอยู่ที่นั่นด้วย เขาก็ไม่สามารถช่วยลูกชายลูกสาวของตนได้ฉันนั้น พวกเขาจะช่วยได้แต่ตนเองเท่านั้น ส่วนดินแดนนั้นจะถูกทิ้งร้างไป” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

17 “หรือหากเรานำดาบมาฟาดฟันดินแดนนั้นและกล่าวว่า ‘ให้ดาบกวัดแกว่งไปทั่วดินแดนนั้น’ และฆ่าทั้งคนและสัตว์ 18 เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด แม้คนทั้งสามนั้นอยู่ที่นั่นด้วย เขาก็ไม่สามารถช่วยลูกชายลูกสาวของตนได้ฉันนั้น ตัวเขาเองเท่านั้นที่รอด” พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

19 “หรือหากเราส่งโรคระบาดมาเล่นงานดินแดนนั้น และระบายโทสะของเราออกเหนือแผ่นดินนั้นด้วยการนองเลือด โดยการเข่นฆ่าผู้คนและสัตว์ให้ล้มตาย 20 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด แม้โนอาห์ ดาเนียล และโยบอยู่ที่นั่นด้วย ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตลูกชายลูกสาวของตนได้ฉันนั้น พวกเขาช่วยได้แต่ตนเองโดยความชอบธรรมของพวกเขาเท่านั้น

21 “เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า จะเลวร้ายยิ่งกว่านั้นสักเพียงใด เมื่อเราส่งโทษทัณฑ์ที่น่าสะพรึงกลัวทั้งสี่ประการของเรามายังเยรูซาเล็มคือ สงคราม การกันดารอาหาร สัตว์ร้าย และโรคระบาด เพื่อเข่นฆ่าทั้งคนและสัตว์! 22 แต่จะยังมีผู้รอดชีวิตอยู่บ้าง คือบุตรชายบุตรสาวที่ถูกนำตัวออกมา พวกเขาจะมาหาเจ้า เมื่อเจ้าเห็นความประพฤติ และการกระทำของพวกเขาแล้ว เจ้าจะใจชื้นขึ้นกับภัยพิบัติที่เรานำมาสู่เยรูซาเล็ม คือภัยพิบัติทุกอย่างที่เราได้นำมายังกรุงนี้ 23 เจ้าจะใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นความประพฤติและการกระทำของพวกเขา เพราะเจ้าจะรู้ว่าเราไม่ได้ทำลงไปโดยไร้เหตุ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น”

เยรูซาเล็มเถาองุ่นไร้ค่า

15 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย ไม้องุ่นมีอะไรดีกว่ากิ่งก้านของต้นไม้ใดๆ ในป่าหรือ? ไม้องุ่นจะนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้เล่า? เอามาทำที่แขวนสิ่งใดได้หรือ? และเมื่อโยนลงไปในไฟเป็นเชื้อเพลิง ไฟเผาปลายทั้งสองข้าง และลุกไหม้ตรงกลางแล้ว มันจะใช้ประโยชน์อะไรได้? เมื่อมันยังดีอยู่ก็ทำประโยชน์อะไรไม่ได้ เมื่อถูกไฟเผาก็ยิ่งไม่มีประโยชน์

“ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราโยนไม้องุ่นซึ่งอยู่ท่ามกลางไม้ป่าต่างๆ เป็นเชื้อไฟฉันใด เราก็จะปฏิบัติต่อผู้คนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มฉันนั้น เราจะตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกเขา แม้พวกเขาจะตะเกียกตะกายหนีออกมาจากไฟ ไฟก็ยังจะเผาผลาญพวกเขา และเมื่อเราตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกเขา เจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ เราจะทำให้ดินแดนนั้นถูกทิ้งร้าง เพราะพวกเขาไม่ซื่อสัตย์ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น”

คำอุปมาเรื่องความไม่ซื่อสัตย์ของกรุงเยรูซาเล็ม

16 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงประจันหน้ากับเยรูซาเล็มเพราะเรื่องการกระทำอันน่าชิงชังของนาง และจงกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสแก่เยรูซาเล็มดังนี้ว่า บรรพบุรุษและชาติกำเนิดของเจ้าอยู่ในดินแดนคานาอัน บิดาของเจ้าเป็นชาวอาโมไรต์และมารดาเป็นชาวฮิตไทต์ วันที่เจ้าเกิดมา ไม่มีใครตัดสายสะดือให้ ไม่มีใครอาบน้ำให้สะอาด ไม่มีใครเอาเกลือถูตัวหรือเอาผ้าอ้อมพันให้ ไม่มีใครเหลียวแลสงสารเจ้า หรือเมตตาพอที่จะทำสิ่งเหล่านี้ให้เจ้า เจ้ากลับถูกทิ้งไว้กลางทุ่ง เพราะวันที่เจ้าเกิดมา เจ้าก็เป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์

“ ‘แล้วเราผ่านไปเห็นเจ้าดิ้นไปมาเนื้อตัวโชกเลือด เราก็พูดกับเจ้าซึ่งนอนจมกองเลือดอยู่ว่า “จงมีชีวิตอยู่!” เราจะทำให้เจ้าเจริญเติบโตเหมือนต้นไม้กลางทุ่ง เจ้าเติบใหญ่จนกลายเป็นสาว[d]ทรวงอกเต่งตึงขึ้นและผมก็ยาว แต่เจ้าก็ยังล่อนจ้อนและเปลือยอยู่

“ ‘ต่อมาเมื่อเราผ่านไปและมองดูเจ้า ก็เห็นว่าเจ้าโตพอที่จะมีความรักแล้ว เราจึงคลี่มุมชายเสื้อของเราคลุมกายเจ้า และปกปิดความเปลือยเปล่าของเจ้าไว้ เราให้คำปฏิญาณและได้ทำพันธสัญญากับเจ้า และเจ้าก็เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

“ ‘เราได้อาบน้ำให้เจ้า ชำระล้างเลือดจากตัวเจ้าและเอาน้ำมันชโลมให้เจ้า 10 เราเอาชุดปักและรองเท้าหนังสวมให้เจ้า ให้เจ้าแต่งกายด้วยผ้าลินินเนื้อดี คลุมกายเจ้าด้วยอาภรณ์ราคาแพง 11 เราตกแต่งเจ้าด้วยเพชรนิลจินดา สวมกำไลมือและสร้อยคอให้ 12 ใส่ห่วงจมูก ตุ้มหู และสวมมงกุฎงามให้ 13 เจ้าจึงงดงามด้วยทองคำและเงิน เสื้อผ้าอาภรณ์ของเจ้าทำด้วยผ้าลินินเนื้อดี ผ้าราคาแพง และผ้าปัก อาหารของเจ้าคือแป้งละเอียด น้ำผึ้ง และน้ำมันมะกอก เจ้ากลายเป็นคนสวยงามมากและรุ่งโรจน์ขึ้นเป็นราชินี 14 และชื่อเสียงของเจ้าก็เลื่องลือไปในหมู่ประชาชาติเนื่องด้วยความสวยงามของเจ้า เพราะความโอ่อ่าตระการที่เรามอบให้นั้นทำให้เจ้างามเพียบพร้อม พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

15 “ ‘แต่เจ้าวางใจในความงามของตัวเอง และใช้ชื่อเสียงของเจ้าทำตัวเป็นหญิงโสเภณี เจ้าโปรยเสน่ห์ให้ทุกคนที่ผ่านไปมาและทอดกายให้เขา[e] 16 เจ้าเอาอาภรณ์บางส่วนของเจ้าไปทำให้สถานบูชาบนที่สูงมีสีสันฉูดฉาด ที่ซึ่งเจ้าใช้ขายเนื้อขายตัว สิ่งเหล่านี้ไม่น่าเกิดขึ้นและไม่น่าเป็นไปได้ 17 เจ้ายังเอาเพชรนิลจินดาชั้นเลิศซึ่งเรามอบให้ และเครื่องประดับเงินและทองคำของเราไปสร้างรูปเคารพเพศชายสำหรับตน และทำการแพศยากับรูปเคารพเหล่านั้น 18 และเจ้านำผ้าปักของเจ้าไปสวมให้รูปเคารพ เอาน้ำมันกับเครื่องหอมของเราไปบูชาต่อหน้ามัน 19 ทั้งอาหารที่เราให้เจ้าคือแป้งละเอียด น้ำมันมะกอก และน้ำผึ้ง เจ้าก็เอาไปถวายเป็นเครื่องหอมบูชาต่อหน้าพระเหล่านั้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

20 “ ‘และเจ้าถึงกับจับลูกชายลูกสาวที่เจ้าคลอดออกมาเพื่อเราไปเซ่นสังเวยเป็นอาหารแก่รูปเคารพต่างๆ การแพศยานอกใจของเจ้ายังไม่พออีกหรือ? 21 เจ้าถึงต้องเข่นฆ่าลูกๆ ของเรา และเผาพวกเขา[f]เพื่อบูชายัญแก่รูปเคารพ 22 ตลอดการกระทำอันน่าชิงชังและการแพศยานอกใจของเจ้า เจ้าไม่ได้ระลึกถึงวัยเยาว์ของเจ้า เมื่อเจ้าเปลือยเปล่าตัวล่อนจ้อนและดิ้นไปดิ้นมาอยู่ในกองเลือดเลย

23 “ ‘วิบัติ วิบัติแก่เจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น นอกเหนือจากความชั่วร้ายทั้งหมดของเจ้าแล้ว 24 เจ้ายังได้สร้างเนินสูงให้ตัวเองและสร้างสถานบูชาที่สูงตระหง่านไว้ที่ลานชุมชนทุกแห่ง 25 เจ้าสร้างสถานบูชาอันสูงตระหง่านไว้ที่หัวถนนทุกสาย และทำให้ความงามของตนลดค่าลง โดยพลีกายให้ทุกคนที่ผ่านไปมาด้วยความสำส่อนมากยิ่งขึ้น 26 เจ้าแพศยาคบชู้กับชาวอียิปต์เพื่อนบ้านผู้มากด้วยราคะ และยั่วยุโทสะของเราด้วยความสำส่อนที่ทวีขึ้นของเจ้า 27 ฉะนั้นเราจึงเหยียดมือของเราออกต่อสู้กับเจ้า และลดพรมแดนของเจ้า เรายกเจ้าให้ความโลภโมโทสันของศัตรูของเจ้าคือบรรดาชาวฟีลิสเตีย[g] ผู้ตกตะลึงในความประพฤติอันลามกต่ำทรามของเจ้า 28 เจ้ายังแพศยาคบชู้กับชาวอัสซีเรียอีกด้วย เพราะเจ้าไม่อิ่มในกาม และแม้หลังจากนั้นเจ้าก็ยังไม่หนำใจ 29 แล้วเจ้าก็ทวีความสำส่อนมากยิ่งขึ้น โดยเล่นชู้กับบาบิโลน[h]ดินแดนแห่งพ่อค้าวาณิช แต่ถึงขนาดนี้แล้วเจ้าก็ยังไม่จุใจ

30 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า ทำไมเจ้าช่างอ่อนไหวใจง่ายจนทำสิ่งต่างๆ ถึงเพียงนี้ ทำตัวเป็นหญิงแพศยาหน้าด้าน! 31 เมื่อเจ้าสร้างเนินต่างๆ ไว้ที่หัวถนน และสถานบูชาที่สูงตระหง่านในลานชุมชนทุกแห่ง เจ้าก็ยังต่างจากหญิงโสเภณีก็ตรงที่เจ้าไม่แยแสค่าจ้าง

32 “ ‘เจ้าคือภรรยาแพศยา! เจ้าชื่นชอบคนแปลกหน้ายิ่งกว่าสามีของตนเอง 33 หญิงโสเภณีทุกคนได้รับค่าจ้าง แต่เจ้าให้ของกำนัลแก่ชู้รักทั้งปวง ให้สินบนจ้างเขามาหาเจ้าจากทุกหนทุกแห่ง เพื่อสนองราคะตัณหาของเจ้า 34 ฉะนั้นในการแพศยาของเจ้า เจ้าจึงแตกต่างจากโสเภณีอื่นๆ คือไม่มีใครตามจีบเอาใจเจ้า เจ้าแตกต่างมากเพราะว่าเจ้ายอมจ่ายค่าจ้าง แต่ไม่ได้อะไรตอบแทน

35 “ ‘ฉะนั้นหญิงแพศยาเอ๋ย จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า! 36 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เนื่องจากเจ้าโปรยหว่านราคะตัณหา[i] และเผยความเปลือยเปล่าของตนโดยการสำส่อนกับชู้รักทั้งหลาย และเนื่องจากรูปเคารพอันน่าชิงชังของเจ้า รวมถึงการเซ่นสังเวยเลือดลูกๆ ของเจ้าแก่พระเหล่านั้น 37 ฉะนั้นเราจะรวบรวมชู้รักทุกคนที่เจ้าชื่นชอบ ทั้งผู้ที่เจ้ารักและผู้ที่เจ้าเกลียด เราจะรวบรวมเขาจากทุกด้านมาเล่นงานเจ้า เราจะริบทุกสิ่งจากเจ้าไปต่อหน้าพวกเขา และพวกเขาทุกคนจะเห็นความเปลือยเปล่าของเจ้า 38 เราจะตัดสินลงโทษเจ้าในฐานะผู้หญิงที่ล่วงประเวณีและฆ่าคน เราจะทำให้เจ้าโชกเลือดด้วยความกริ้วและความหึงหวงของเรา 39 แล้วเราจะมอบเจ้าแก่บรรดาชู้รักของเจ้า พวกเขาจะทลายเนินสูง และทำลายสถานบูชาที่สูงตระหง่านของเจ้า พวกเขาจะทำให้เจ้าล่อนจ้อน และริบเอาเพชรนิลจินดาสวยๆ งามๆ ไป และเปลื้องอาภรณ์ของเจ้าออก ทิ้งเจ้าไว้ให้เปลือยเปล่า 40 พวกเขาจะยกขบวนมาสู้กับเจ้า ซึ่งจะขว้างก้อนหินใส่เจ้าและจะฟาดฟันเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ด้วยดาบของพวกเขา 41 พวกเขาจะเผาบ้านเรือนของเจ้า และลงโทษเจ้าต่อหน้าต่อตาผู้หญิงมากมาย เราจะยุติการแพศยาของเจ้าและเจ้าจะไม่จ่ายค่าจ้างให้บรรดาชู้รักของเจ้าอีกต่อไป 42 เมื่อนั้นโทสะที่เรามีต่อเจ้าจะยุติลง และความหึงหวงของเราจะหันเหไปจากเจ้า เราจะสงบอารมณ์และจะไม่โกรธอีก

43 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า เพราะเจ้าไม่ได้ระลึกถึงวัยเยาว์ของเจ้า แต่ยั่วโมโหเราด้วยสิ่งทั้งหมดนี้ แน่นอนเราจะตอบแทนเจ้าให้สาสมกับสิ่งที่เจ้าทำลงไป เจ้าไม่ได้เพิ่มความลามกต่ำทรามเข้ากับการกระทำอันน่าชิงชังทั้งหลายของเจ้าหรอกหรือ?

44 “ ‘ทุกคนที่ยกภาษิตมากล่าว จะกล่าวถึงเจ้าด้วยภาษิตที่ว่า “แม่เป็นอย่างไร ลูกสาวก็เป็นอย่างนั้น” 45 เจ้าเป็นลูกแท้ๆ ของแม่เจ้า ผู้เกลียดชังสามีกับลูกๆ ของตน และเจ้าเป็นน้องแท้ๆ ของพี่สาวเจ้า ผู้เกลียดชังสามีกับลูกๆ ของตน แม่ของเจ้าเป็นชาวฮิตไทต์และพ่อของเจ้าเป็นชาวอาโมไรต์ 46 พี่สาวของเจ้าคือสะมาเรียผู้อาศัยอยู่ทางเหนือกับลูกสาวทั้งหลายของนาง น้องสาวของเจ้าคือโสโดมซึ่งอาศัยอยู่ทางใต้กับลูกสาวทั้งหลายของนาง 47 เจ้าไม่เพียงแต่ดำเนินในวิถีทางอันชั่วร้ายของพวกเขา และเลียนแบบการกระทำอันน่าชิงชังของพวกเขาเท่านั้น แต่ไม่นานวิถีทั้งปวงของเจ้าก็ต่ำทรามยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก 48 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด โสโดมน้องสาวของเจ้ากับลูกๆ ของนางยังไม่เคยทำสิ่งที่เจ้ากับลูกสาวทั้งหลายของเจ้าทำลงไปฉันนั้น

49 “ ‘บัดนี้โสโดมน้องสาวของเจ้ามีบาปคือ นางกับลูกๆ ที่หยิ่งยโสได้รับการบำรุงบำเรอเกินขนาดและไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนอันใด พวกเขาไม่ช่วยเหลือคนยากจนขัดสน 50 เขาจองหองและทำสิ่งที่น่าชิงชังต่อหน้าเรา ฉะนั้นเราจึงกำจัดพวกเขาไปตามที่เจ้าได้เห็นแล้ว 51 สะมาเรียทำบาปไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเจ้า เจ้าทำสิ่งที่น่าชิงชังยิ่งกว่าที่พวกเขาทำ การกระทำทั้งสิ้นของเจ้าพลอยทำให้พี่สาวน้องสาวของเจ้าดูชอบธรรมขึ้น 52 เจ้าจงทนรับความอับอายขายหน้าไป เพราะเจ้าทำให้พี่สาวน้องสาวของเจ้าดูดีกว่า เนื่องจากบาปของเจ้าชั่วช้าเลวทรามยิ่งกว่าของพวกเขา พวกเขาจึงดูเป็นฝ่ายชอบธรรม ฉะนั้นจงละอายแก่ใจและทนรับความอัปยศอดสูของเจ้าไปเถิด เพราะเจ้าทำให้พี่สาวน้องสาวของเจ้าดูชอบธรรม

53 “ ‘แต่เราจะคืนความรุ่งโรจน์ให้แก่โสโดมกับบรรดาลูกสาวของนาง คืนให้แก่สะมาเรียกับบรรดาลูกสาวของนาง และคืนความรุ่งโรจน์ให้แก่เจ้าด้วย 54 เพื่อเจ้าจะทนรับความอับอายขายหน้าและละอายใจในสิ่งทั้งปวงที่พวกเจ้าทำลงไป ซึ่งเป็นการปลอบประโลมพวกเขา 55 แล้วพี่สาวน้องสาวของเจ้าคือ โสโดมกับลูกๆ และสะมาเรียกับลูกๆ จะคืนสู่สภาพเดิม และเจ้ากับลูกๆ ก็จะคืนสู่สภาพเดิมด้วย 56 เจ้าไม่ยอมแม้แต่จะเอ่ยถึงโสโดมน้องสาวของเจ้าในวันแห่งความหยิ่งผยองของเจ้า 57 ก่อนหน้าความชั่วร้ายของเจ้าจะถูกเปิดโปง ถึงอย่างนั้นตอนนี้เจ้าก็ถูกดูหมิ่นเหยียดหยามโดยธิดาทั้งหลายแห่งเอโดม[j]และเพื่อนบ้านทั้งปวงของนาง รวมทั้งธิดาทั้งหลายของชาวฟีลิสเตีย คือคนทั้งปวงรอบตัวเจ้าก็ดูหมิ่นเหยียดหยามเจ้า 58 เจ้าจะต้องทนรับผลจากความลามกต่ำทราม และการกระทำอันน่าชิงชังของเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

59 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะจัดการกับเจ้าอย่างสาสม เพราะเจ้าลบหลู่ดูหมิ่นคำปฏิญาณของเราโดยละเมิดพันธสัญญา 60 ถึงกระนั้นเราก็จะระลึกถึงพันธสัญญาที่เราให้ไว้กับเจ้าเมื่อครั้งเจ้ายังเยาว์วัย และเราจะสถาปนาพันธสัญญานิรันดร์กับเจ้า 61 แล้วเจ้าจะระลึกถึงวิถีทางของเจ้าและละอายใจ เมื่อเรายกพี่สาวน้องสาวของเจ้าให้เป็นลูกสาวของเจ้า แต่ไม่ใช่ตามพันธสัญญาที่เราให้ไว้กับเจ้า 62 ดังนั้นเราจะสถาปนาพันธสัญญาของเราไว้กับเจ้า แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ 63 เมื่อนั้นเราจะลบล้างมลทินบาปให้เจ้าสำหรับทุกสิ่งที่เจ้าทำลงไป เจ้าจะจำได้และละอายใจ ไม่กล้าปริปากอีกเลยเนื่องจากความละอายของเจ้า’ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น”

นกอินทรีสองตัวและเถาองุ่น

17 พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงยกอุทาหรณ์และกล่าวคำอุปมาแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล จงกล่าวกับพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า นกอินทรีใหญ่ตัวหนึ่งซึ่งมีปีกทรงพลัง และขนยาวดกหลากสีบินมายังเลบานอน มันเกาะที่ยอดต้นสนซีดาร์ต้นหนึ่ง มันจิกหน่อที่สูงที่สุด และคาบไปยังนครของพ่อค้าวาณิชทั้งหลาย แล้วปลูกหน่อนั้นลงในเมืองของพ่อค้า

“ ‘นกอินทรีนั้นคาบเมล็ดพืชจากดินแดนของเจ้าไปปลูกไว้ในดินที่อุดมสมบูรณ์ มันปลูกไว้เหมือนต้นหลิวที่อยู่ริมน้ำอันอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้นั้นก็งอกงามและกลายเป็นเถาองุ่นพุ่มเตี้ย มันแผ่กิ่งก้านเลื้อยไปทางนกอินทรี แต่รากของมันยังคงอยู่ข้างใต้ ดังนั้นมันจึงกลายเป็นเถาองุ่นที่แผ่กิ่งก้านและใบดกหนา

“ ‘แต่มีนกอินทรีใหญ่อีกตัวหนึ่งบินมา มันมีปีกทรงพลังและมีขนดก เถาองุ่นก็ชอนรากจากจุดที่ขึ้นอยู่และแผ่ก้านมาหามันเพื่อให้มันรดน้ำให้ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็งอกอยู่ในดินดีมีน้ำอุดมสมบูรณ์ พร้อมที่จะแผ่กิ่งก้านสาขา ออกผล และกลายเป็นเถาองุ่นชั้นเยี่ยมอยู่แล้ว’

“จงบอกพวกเขาเถิดว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เถาองุ่นนั้นจะเจริญงอกงามได้หรือ? มันจะไม่ถูกถอนรากปลิดผลจนเหี่ยวแห้งไปหรือ? ใบอ่อนของมันจะเหี่ยวแห้งหมด ไม่ต้องใช้แขนที่แข็งแรงมากหรือคนหมู่ใหญ่ในการถอนรากเถาองุ่นนั้นขึ้นมา 10 แม้มันถูกย้ายไปปลูก มันจะเจริญงอกงามได้หรือ? มันจะไม่เหี่ยวแห้งไปหมดสิ้นเมื่อถูกลมตะวันออกพัดกระหน่ำหรือ? มันจะไม่เหี่ยวแห้งคาที่ที่มันงอกขึ้นมาหรือ?’ ”

11 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 12 “จงกล่าวแก่พงศ์พันธุ์ที่ชอบกบฏนี้ว่า ‘เจ้าไม่รู้หรือว่าสิ่งเหล่านี้หมายความว่าอะไร?’ จงบอกพวกเขาว่า ‘กษัตริย์บาบิโลนมายังเยรูซาเล็มและกวาดต้อนกษัตริย์และบรรดาขุนนางพากลับไปยังบาบิโลน 13 แล้วพระองค์ทรงพาเจ้านายผู้หนึ่งมาและได้ทำสัญญากับเขา ให้เขาถวายสัตยาบันว่าจะจงรักภักดี แล้วพระองค์ก็ทรงนำคนระดับผู้นำของดินแดนนั้นไปด้วย 14 เพื่ออาณาจักรนั้นจะตกต่ำลงและไม่สามารถรุ่งเรืองขึ้นมาได้อีก จะอยู่รอดได้ก็ต่อเมื่อรักษาสัญญา 15 แต่กษัตริย์นั้นก็กบฏต่อพระองค์โดยส่งทูตไปยังอียิปต์ ขอม้าและกองทัพใหญ่มาช่วย เขาจะทำการสำเร็จหรือ? ผู้ที่ทำเช่นนั้นจะหนีรอดไปได้หรือ? เขาละเมิดสัญญาแล้วยังจะหนีรอดไปได้หรือ?

16 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เขาจะตายในบาบิโลน ในดินแดนของกษัตริย์ผู้ที่ตั้งเขาขึ้นครองราชบัลลังก์ ผู้ที่เขาลบหลู่สัตยาบันและผิดสัญญาที่ให้ไว้ฉันนั้น 17 ฟาโรห์พร้อมกับทัพหลวงอันเกรียงไกรและกำลังพลมากมายจะช่วยเขาไม่ได้ในสงคราม เมื่อเชิงเทินถูกสร้างขึ้นและเครื่องล้อมเมืองถูกตั้งขึ้นเพื่อทำลายชีวิตคนเป็นอันมาก 18 เขาผิดสัตยาบันโดยละเมิดพันธสัญญา เพราะเขาถวายสัตยาบันแล้วยังทำเช่นนี้ เขาจะหนีไม่รอด

19 “ ‘ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตจึงตรัสดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราจะลงทัณฑ์เขาตามคำปฏิญาณของเราที่เขาลบหลู่ และตามพันธสัญญาของเราที่เขาละเมิดฉันนั้น 20 เราจะกางตาข่ายของเราดักเขา และเขาจะติดอยู่ในกับดักของเรา เราจะนำเขาไปยังบาบิโลนและพิพากษาลงโทษเขาที่นั่น เพราะเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อเรา 21 ทหารทั้งปวงของเขาที่หนีไปจะตายด้วยดาบและผู้รอดชีวิตอยู่จะถูกทำให้กระจัดกระจายไปตามลม เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไว้

22 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราเองนี่แหละจะเอาหน่อจากยอดของสนซีดาร์ไปปลูกไว้ เราจะหักหน่ออ่อนจากยอดไปปลูกไว้บนภูเขาสูง 23 เราจะปลูกมันไว้บนยอดเขาแห่งอิสราเอล มันจะแผ่กิ่งก้านสาขาและผลิผลกลายเป็นสนซีดาร์ชั้นเยี่ยม นกทุกชนิดจะมาสร้างรังและอาศัยอยู่ใต้ร่มไม้ของมัน 24 ต้นไม้ทั้งปวงในท้องทุ่งจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้โค่นต้นไม้สูงลงและทำให้ต้นไม้เตี้ยสูงขึ้น ทำให้ต้นไม้เขียวเหี่ยวเฉา และให้ต้นไม้แห้งผลิงาม

“ ‘เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไว้และเราจะทำเช่นนั้น’ ”

จิตวิญญาณที่ทำบาปจะตาย

18 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า “พวกเจ้าหมายความว่าอะไรที่กล่าวภาษิตเกี่ยวกับดินแดนอิสราเอลว่า

“ ‘พ่อกินองุ่นเปรี้ยว
ลูกก็เข็ดฟัน’?

“พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เจ้าจะไม่กล่าวภาษิตนี้ในอิสราเอลอีกต่อไปฉันนั้น เพราะจิตวิญญาณทุกดวงเป็นของเรา ทั้งของพ่อและของลูกล้วนเป็นของเรา จิตวิญญาณที่ทำบาปจะตาย

“สมมุติว่ามีคนชอบธรรมคนหนึ่ง
ซึ่งทำสิ่งที่ถูกต้องและเที่ยงธรรม
เขาไม่ได้รับประทานอาหารที่สถานบูชาบนภูเขา
หรือพึ่งรูปเคารพทั้งหลายของพงศ์พันธุ์อิสราเอล
เขาไม่ได้สร้างราคีแก่ภรรยาของเพื่อนบ้าน
หรือหลับนอนกับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน
เขาไม่ได้ข่มเหงรังแกผู้ใด
แต่คืนของประกันให้แก่ลูกหนี้
เขาไม่ได้ปล้นชิง
แต่ให้อาหารแก่ผู้หิวโหย
และให้เครื่องนุ่งห่มแก่ผู้ที่เปลือยกาย
เขาไม่ได้ให้ยืมโดยคิดดอกเบี้ยสูงเกินเหตุ
หรือหากำไรโดยการขูดเลือดขูดเนื้อ[k]
เขายั้งมือจากการทำความชั่ว
และเขาตัดสินเพื่อนมนุษย์อย่างยุติธรรม
เขาปฏิบัติตามกฎหมายของเรา
และรักษาบทบัญญัติของเราอย่างซื่อสัตย์
ผู้นั้นเป็นคนชอบธรรม
เขาจะดำรงชีวิตอยู่แน่นอน
            พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

10 “สมมุติว่าชายคนนั้นมีบุตรชายเหี้ยมโหดซึ่งทำให้โลหิตตกหรือทำสิ่งต่อไปนี้[l] 11 (แม้ว่าผู้เป็นบิดาไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้เลย)

“เขารับประทานอาหารที่สถานบูชาบนภูเขา
เขาสร้างราคีแก่ภรรยาของเพื่อนบ้าน
12 เขาข่มเหงรังแกคนยากจนและคนขัดสน
เขาปล้นชิง
เขาไม่ยอมคืนของประกัน
เขาพึ่งรูปเคารพ
เขาทำสิ่งที่น่าชิงชัง
13 เขาให้ยืมโดยคิดดอกเบี้ยสูงเกินเหตุและหากำไรโดยการขูดเลือดขูดเนื้อ

คนเช่นนั้นจะดำรงชีวิตอยู่ได้หรือ? ไม่เลย! เพราะเขาทำสิ่งน่าชิงชังทั้งปวงนี้ เขาจะต้องถูกประหารอย่างแน่นอน และที่เขาต้องตายนั้นก็เป็นความผิดของเขาเอง

14 “แต่หากชายคนนี้มีบุตรชายซึ่งเห็นบาปทั้งปวงที่บิดาทำ และแม้เห็นก็ไม่ได้ทำตาม

15 “เขาไม่ได้รับประทานอาหารที่สถานบูชาบนภูเขา
หรือพึ่งรูปเคารพทั้งหลายของพงศ์พันธุ์อิสราเอล
เขาไม่ได้สร้างราคีแก่ภรรยาของเพื่อนบ้าน
16 เขาไม่ได้ข่มเหงรังแกผู้ใด
หรือเรียกร้องของประกันในการกู้ยืม
เขาไม่ได้ปล้นชิง
แต่ให้อาหารแก่ผู้หิวโหย
และให้เครื่องนุ่งห่มแก่ผู้ที่เปลือยกาย
17 เขายั้งมือจากบาป[m]
และให้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ยสูงเกินเหตุ หรือหากำไรโดยการขูดเลือดขูดเนื้อ
เขารักษาบทบัญญัติและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของเรา

เขาจะไม่ตายเพราะบาปของบิดา เขาจะมีชีวิตอยู่แน่นอน 18 ส่วนผู้เป็นบิดานั้นจะตายเพราะบาปของตน เนื่องจากเขาขู่กรรโชกทรัพย์ ปล้นชิงพี่น้อง และทำผิดในหมู่ประชากรของเขา

19 “กระนั้นเจ้าก็ยังถามว่า ‘ทำไมลูกไม่ต้องร่วมรับโทษความผิดของพ่อ?’ เมื่อลูกได้ทำสิ่งที่ถูกต้องและเที่ยงธรรม และได้ใส่ใจทำตามกฎเกณฑ์ของเราอย่างถี่ถ้วน เขาจะดำรงชีวิตอยู่อย่างแน่นอน 20 ผู้ใดที่ทำบาป ผู้นั้นจะต้องตาย ลูกไม่ต้องร่วมรับโทษกับความผิดของพ่อ ทั้งพ่อก็ไม่ต้องร่วมรับโทษกับความผิดของลูก คนชอบธรรมจะได้รับผลแห่งความชอบธรรมของเขา และคนชั่วก็จะได้รับการกล่าวโทษจากความชั่วร้ายของเขา

21 “แต่หากคนชั่วหันหนีจากบาปทั้งปวงที่ตนทำ แล้วรักษากฎหมายทั้งสิ้นของเราและทำสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรม เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เขาจะไม่ตาย 22 ความผิดพลาดทั้งสิ้นที่เขาได้ทำลงไปจะไม่เป็นที่จดจำและไม่นำมาเป็นข้อกล่าวโทษเขา เขาจะมีชีวิตอยู่เพราะสิ่งชอบธรรมที่เขาได้ทำนั้น 23 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า เราพึงพอใจในความตายของคนชั่วร้ายหรือ? เราไม่ยินดีมากกว่าหรือเมื่อเขาหันจากทางชั่วของตนและมีชีวิตอยู่?

24 “แต่หากคนชอบธรรมหันหนีจากความชอบธรรมของตนไปทำบาป และทำสิ่งที่น่าชิงชังเช่นเดียวกับคนชั่ว เขาจะมีชีวิตอยู่ได้หรือ? ความชอบธรรมทั้งปวงที่เขาได้ทำจะไม่เป็นที่จดจำ เขาจะตายโทษฐานที่ไม่ซื่อสัตย์ และเพราะบาปทั้งหลายที่เขาได้ทำ

25 “ถึงกระนั้นเจ้าก็ยังกล่าวว่า ‘วิถีทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม’ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด วิถีทางของเราไม่ยุติธรรมหรือ? วิถีทางของเจ้าต่างหากไม่ใช่หรือที่ไม่ยุติธรรม? 26 หากคนชอบธรรมหันหนีจากความชอบธรรมของตนไปทำบาป เขาจะตาย เขาจะตายเพราะบาปที่เขาได้ทำลงไป 27 แต่หากคนชั่วหันหนีจากความชั่วที่ทำไปแล้ว และกลับมาทำสิ่งที่ถูกต้องและยุติธรรม เขาจะช่วยชีวิตตนเองไว้ 28 เพราะเขาใคร่ครวญ และหันหนีจากการล่วงละเมิดทั้งสิ้นที่ทำไปแล้ว เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เขาจะไม่ตาย 29 ถึงกระนั้นพงศ์พันธุ์อิสราเอลก็ยังกล่าวว่า ‘วิถีทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม’ ประชากรอิสราเอลเอ๋ย วิถีทางของเราไม่ยุติธรรมหรือ? วิถีทางของเจ้าต่างหากไม่ใช่หรือที่ไม่ยุติธรรม?

30 “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า ฉะนั้นพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เราจะตัดสินเจ้าแต่ละคนตามการกระทำของเจ้า จงกลับใจใหม่! หันหนีจากการล่วงละเมิดทั้งสิ้นของเจ้า แล้วเจ้าจะไม่ต้องพินาศล่มจมเพราะบาป 31 จงละทิ้งการล่วงละเมิดทั้งสิ้นที่ทำลงไป และรับเอาจิตใจและวิญญาณใหม่เถิด พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะตายทำไมเล่า? 32 เพราะเราไม่ได้พึงพอใจในความตายของผู้หนึ่งผู้ใด จงกลับใจใหม่และมีชีวิตอยู่เถิด! พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

บทคร่ำครวญแด่เจ้านายของอิสราเอล

19 “จงคร่ำครวญอาลัยถึงบรรดาเจ้านาย ของอิสราเอล และกล่าวว่า

“ ‘มารดาของเจ้าช่างเหมือนนางสิงห์
ในหมู่สิงห์เสียนี่กระไร!
นางเอนกายลงในหมู่สิงห์หนุ่ม
และเลี้ยงดูลูกๆ ของนาง
ลูกสิงห์ตัวหนึ่งของนาง
เติบโตเป็นสิงห์หนุ่มผู้แกร่งกล้า
เขาเรียนรู้ที่จะฉีกเหยื่อ
และขย้ำมนุษย์
เมื่อประชาชาติทั้งหลายได้ยินเรื่องของเขา
ก็ดักจับเขาไว้ได้ในหลุมพราง
พวกเขาเอาขอเกี่ยวสิงห์หนุ่มนั้น
นำเขาไปยังดินแดนอียิปต์

“ ‘เมื่อนางสิงห์เห็นว่าความหวังไม่เป็นจริง
ความคาดหมายก็สูญสิ้นไป
นางจึงเอาลูกสิงห์อีกตัวหนึ่งมาเลี้ยง
ให้เป็นสิงห์หนุ่มผู้แกร่งกล้า
เขาเที่ยวไปในหมู่สิงห์
เพราะบัดนี้เขาเป็นสิงห์หนุ่มแกร่งกล้า
เขาเรียนรู้ที่จะฉีกเหยื่อ
และขย้ำมนุษย์
เขาทลาย[n]ที่มั่น
และทำลายล้างเมืองต่างๆ ของพวกเขา
ดินแดนนั้นและพลเมืองทุกคนก็ตระหนกตกใจ
เมื่อเขาขู่คำราม
แล้วประชาชาติทั้งปวงจากภูมิภาคต่างๆ โดยรอบ
ก็มาสู้กับเขา
พวกเขากางตาข่ายดักเขา
แล้วก็จับเขาได้ในหลุมพราง
เขาถูกลากด้วยขอเกี่ยวไปขังไว้ในกรง
ถูกนำตัวไปเข้าเฝ้ากษัตริย์บาบิโลน
เขาถูกขังไว้ในคุก
จึงไม่ได้ยินเสียงคำรามของเขา
บนภูเขาทั้งหลายของอิสราเอลอีกต่อไป

10 “ ‘มารดาของเจ้าเหมือนเถาองุ่น
ปลูกไว้ริมน้ำในสวนองุ่นของเจ้า[o]
มีผลดกและเต็มไปด้วยกิ่งก้านสาขา
เพราะมีน้ำท่าบริบูรณ์
11 กิ่งก้านของมันแข็งแรง
เหมาะเป็นคทาของผู้ครอบครอง
มันชูก้านสูง
เหนือแขนงอันหนาทึบ
โดดเด่นเพราะชูขึ้นสูง
และแผ่ก้านงาม
12 แต่มันถูกถอนรากขึ้นมาด้วยโทสะอันแรงกล้า
และถูกเหวี่ยงทิ้งลงกับพื้น
ลมตะวันออกทำให้มันเหี่ยวเฉา
ผลของมันถูกปลิดไป
กิ่งก้านแข็งแรงของมันเหี่ยวเฉา
และไฟก็เผาผลาญมัน
13 บัดนี้มันถูกนำไปปลูกไว้ในถิ่นกันดาร
ซึ่งพื้นดินแห้งแล้งแตกระแหง
14 มีไฟลามออกมาจากกิ่งใหญ่กิ่งหนึ่ง[p]ของมัน
เผาผลของมันวอดวาย
จึงไม่เหลือกิ่งก้านแข็งแรง
ที่เหมาะจะทำเป็นคทาของผู้ครอบครองอีก’

“นี่คือบทคร่ำครวญและเอาไว้ใช้ในยามคร่ำครวญ”

อิสราเอลจอมกบฏ

20 ในวันที่สิบเดือนที่ห้าของปีที่เจ็ดผู้อาวุโสของอิสราเอลบางคนมาร้องขอต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าและมานั่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า

แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวแก่บรรดาผู้อาวุโสของอิสราเอลว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เจ้ามาถามเราหรือ? เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราจะไม่ยอมให้เจ้ามาถามอะไรเราฉันนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’

“เจ้าจะพิพากษาพวกเขาหรือ? เจ้าจะพิพากษาพวกเขาหรือ บุตรมนุษย์เอ๋ย? ถ้าเช่นนั้น จงกล่าวโทษเรื่องความประพฤติอันน่าชิงชังของบรรพบุรุษของพวกเขา จงบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ในวันที่เราเลือกอิสราเอล เราชูมือขึ้นกล่าวปฏิญาณแก่ลูกหลานของพงศ์พันธุ์ของยาโคบและแสดงตัวแก่พวกเขาในอียิปต์ เราชูมือขึ้นกล่าวกับพวกเขาว่า “เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า” ในวันนั้นเราปฏิญาณต่อพวกเขาว่า เราจะนำพวกเขาออกจากอียิปต์ไปสู่ดินแดนที่เราสรรหาให้พวกเขา เป็นดินแดนที่อุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง ซึ่งเป็นดินแดนอันงดงามที่สุด และเรากล่าวแก่พวกเขาว่า “เจ้าทุกคน จงกำจัดเทวรูปอันชั่วช้าสามานย์ที่เจ้าหมายพึ่งและอย่าปล่อยตัวให้เป็นมลทินด้วยบรรดารูปเคารพของอียิปต์ เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า”

“ ‘แต่พวกเขาก็กบฏต่อเราและไม่ยอมฟังเรา เขาไม่ได้กำจัดเทวรูปอันชั่วช้าสามานย์ที่ตนหมายพึ่ง ทั้งไม่ได้ละทิ้งรูปเคารพของอียิปต์ ฉะนั้นเราจึงได้ลั่นวาจาว่าจะระบายโทสะอันรุนแรงลงเหนือพวกเขาในอียิปต์ แต่เพื่อเห็นแก่นามของเรา เราทำสิ่งที่จะป้องกันไม่ให้นามของเราเป็นที่ลบหลู่ในสายตาของชนชาติทั้งหลายที่พวกเขาอาศัยอยู่ด้วย และที่ได้เห็นเราแสดงตัวแก่อิสราเอลโดยการนำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ 10 ฉะนั้นเราจึงนำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์ พาเข้าสู่ถิ่นกันดาร 11 เรามอบกฎหมายของเราแก่เขา และให้พวกเขาเรียนรู้บทบัญญัติของเรา ซึ่งผู้ประพฤติตามจะดำรงชีวิตอยู่โดยบทบัญญัติเหล่านั้น 12 และเราได้มอบวันสะบาโตแก่พวกเขา เป็นหมายสำคัญระหว่างเราทั้งสองฝ่าย เพื่อพวกเขาจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ทำให้พวกเขาบริสุทธิ์

13 “ ‘ถึงอย่างนั้นชนชาติอิสราเอลก็กบฏต่อเราในถิ่นกันดาร พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายของเรา แต่ละคนทิ้งบทบัญญัติของเรา แม้ว่าผู้ที่ประพฤติตามจะดำรงชีวิตอยู่โดยบทบัญญัตินั้น พวกเขาทำให้สะบาโตของเรามัวหมองที่สุด ฉะนั้นเราจึงลั่นวาจาว่าจะระบายโทสะลงเหนือพวกเขา และทำลายล้างพวกเขาในถิ่นกันดาร 14 แต่เพื่อเห็นแก่นามของเรา เราจึงปกป้องนามของเราไว้ ไม่ให้เป็นที่ดูหมิ่นในสายตาของชนชาติทั้งหลายซึ่งเห็นเรานำอิสราเอลออกมา 15 และเราชูมือปฏิญาณในถิ่นกันดารว่าจะไม่นำพวกเขาเข้าสู่ดินแดนซึ่งเรามอบให้ ดินแดนอันงดงามที่สุด อุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง 16 เนื่องจากพวกเขาละทิ้งบทบัญญัติของเรา ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายของเรา และทำให้สะบาโตของเรามัวหมอง เพราะจิตใจของเขาฝักใฝ่ในรูปเคารพ 17 ถึงกระนั้นเราก็เหลียวแลพวกเขาด้วยความสงสาร ไม่ได้ทำลายล้างพวกเขา หรือให้พวกเขาถึงจุดจบในถิ่นกันดาร 18 เรากล่าวแก่ลูกหลานของพวกเขาในถิ่นกันดารว่า “อย่าประพฤติตามกฎเกณฑ์ของบรรพบุรุษของเจ้า หรือทำตามบทบัญญัติของพวกเขา หรือทำตัวเป็นมลทินด้วยรูปเคารพทั้งหลายของพวกเขา 19 เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า จงปฏิบัติตามกฎหมายของเรา และรักษาบทบัญญัติของเราอย่างถี่ถ้วน 20 จงรักษาสะบาโตของเราให้บริสุทธิ์ เพื่อจะเป็นหมายสำคัญระหว่างเรากับเจ้า เพื่อเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า”

21 “ ‘แต่ลูกหลานนั้นก็กบฏต่อเรา พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายของเรา ไม่ได้ใส่ใจรักษาบทบัญญัติของเรา แม้ว่าผู้ที่ปฏิบัติตามจะดำรงชีวิตอยู่ได้โดยบทบัญญัติเหล่านั้น พวกเขาทำให้สะบาโตของเรามัวหมอง เราจึงลั่นวาจาไว้ว่าเราจะเทโทสะอันรุนแรงลงบนพวกเขาและระบายความโกรธต่อพวกเขาในถิ่นกันดาร 22 แต่เราก็ยั้งมือไว้เพื่อเห็นแก่นามของเรา เราจึงปกป้องนามของเราไว้ไม่ให้เป็นที่ดูหมิ่นในสายตาของชนชาติทั้งหลายซึ่งเห็นเรานำอิสราเอลออกมา 23 และเราชูมือปฏิญาณต่อพวกเขาในถิ่นกันดารว่า เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปยังชนชาติและประเทศต่างๆ 24 เพราะพวกเขาไม่ได้เชื่อฟังบทบัญญัติของเรา แต่ได้ละทิ้งกฎหมายของเรา และทำให้สะบาโตของเรามัวหมอง ทั้งยังมีตากระสันหารูปเคารพทั้งหลายของบรรพบุรุษของพวกเขา 25 เราทิ้งพวกเขาไว้กับกฎเกณฑ์ที่ไม่ดีและกับบทบัญญัติซึ่งไม่ช่วยให้พวกเขาดำรงชีวิตอยู่ได้ 26 เราปล่อยให้พวกเขาเป็นมลทินโดยการถวายลูกหัวปีแก่รูปเคารพ[q]เพื่อเราจะทำให้พวกเขาสยดสยอง พวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’

27 “ฉะนั้น บุตรมนุษย์เอ๋ย จงบอกประชากรอิสราเอลว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ในเรื่องนี้บรรพบุรุษของพวกเจ้าก็ยังได้หมิ่นประมาทเราโดยการละทิ้งเรา 28 เมื่อเรานำพวกเขาเข้าสู่ดินแดนที่เราปฏิญาณไว้ว่าจะมอบให้พวกเขา และพวกเขาเห็นภูเขาสูงหรือต้นไม้ใบดก พวกเขาก็ถวายเครื่องบูชาต่างๆ ถวายเครื่องหอมและเทเครื่องดื่มบูชา พวกเขาถวายเครื่องเซ่นสังเวยต่างๆ ยั่วโทสะเรา 29 เราจึงกล่าวแก่พวกเขาดังนี้ว่า สถานบูชาบนที่สูงที่พวกเจ้าไปนั้นคืออะไรกัน?’ ” (เขาจึงเรียกกันว่าบามาห์[r]ตราบจนทุกวันนี้)

การพิพากษาและการกลับสู่สภาพดี

30 “ฉะนั้นจงกล่าวแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เจ้าจะทำตัวเป็นมลทินแบบเดียวกับบรรพบุรุษ และกระสันหาเหล่าเทวรูปอันชั่วช้าสามานย์ของพวกเขาหรือ? 31 เมื่อเจ้าเซ่นสังเวยโดยให้ลูกชายของเจ้าเป็นเครื่องบูชาในกองไฟ[s] เจ้าก็ยังคงปล่อยตัวเป็นมลทินด้วยรูปเคารพตราบจนทุกวันนี้ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เราควรยอมให้เจ้ามาถามเราหรือ? พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราจะไม่ยอมให้เจ้ามาถามเราฉันนั้น

32 “ ‘เจ้ากล่าวว่า “เราอยากเป็นเหมือนประชาชาติ เหมือนชนชาติต่างๆ ในโลกที่ปรนนิบัติไม้และหิน” แต่สิ่งที่เจ้าคิดหมายไว้ในใจจะไม่มีวันเป็นไปได้ 33 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราจะปกครองเจ้าด้วยมืออันทรงพลัง ด้วยแขนที่เหยียดออก และด้วยโทสะที่ระบายลงมาฉันนั้น 34 เราจะนำเจ้ามาจากชาติต่างๆ และรวบรวมเจ้าออกมาจากนานาประเทศที่เจ้าถูกทำให้กระจัดกระจายไปด้วยมืออันทรงพลัง ด้วยแขนที่เหยียดออก และด้วยโทสะที่ระบายลงมา 35 เราจะนำเจ้าเข้าสู่ถิ่นกันดารของชนชาติต่างๆ และเราจะพิพากษาลงโทษเจ้าซึ่งๆ หน้าที่นั่น 36 เราพิพากษาบรรพบุรุษของเจ้าในถิ่นกันดารของอียิปต์อย่างไร เราจะพิพากษาเจ้าอย่างนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น 37 เราจะนับเจ้าขณะเจ้าผ่านไปใต้คทาของเรา และจะนำเจ้าเข้าสู่ข้อผูกมัดแห่งพันธสัญญา 38 เราจะชำระและแยกเจ้าออกมาจากบรรดาผู้ที่กบฏและทรยศเรา แม้ว่าเราจะนำคนเหล่านั้นออกมาจากดินแดนที่เขาอาศัยอยู่ แต่เขาจะไม่ได้เข้าในแผ่นดินอิสราเอล เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

39 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ฝ่ายเจ้าจงไปปรนนิบัติรูปเคารพต่างๆ ของเจ้าเถิด เจ้าทุกคนนี่แหละ! แต่ภายหลังเจ้าจะฟังเราอย่างแน่นอน และไม่ลบหลู่นามอันบริสุทธิ์ของเราด้วยของถวายและรูปเคารพทั้งหลายของเจ้าอีกต่อไป 40 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า พงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมดจะปรนนิบัติเราบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา บนภูเขาสูงแห่งอิสราเอล เราจะยอมรับพวกเขาที่นั่น เราประสงค์เครื่องบูชาและของถวายที่คัดมาอย่างดีที่สุด[t]พร้อมทั้งเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ทุกอย่างของเจ้า 41 เราจะรับเจ้าไว้เป็นเครื่องหอมเมื่อเรานำเจ้าออกมาจากประชาชาติต่างๆ และรวบรวมเจ้าออกมาจากนานาประเทศที่เราทำให้เจ้ากระจัดกระจายออกไปนั้น เราจะแสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ของเราในหมู่พวกเจ้าต่อหน้าประชาชาติทั้งหลาย 42 เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ เมื่อเรานำเจ้าเข้าสู่ดินแดนอิสราเอล คือดินแดนที่เราได้ชูมือขึ้นปฏิญาณไว้ว่าจะยกให้แก่บรรพบุรุษของเจ้า 43 เจ้าจะหวนระลึกถึงความประพฤติและการกระทำทุกอย่างที่เจ้าทำให้ตัวเองเป็นมลทินที่นั่น และเจ้าจะเกลียดตัวเองเพราะความชั่วร้ายทั้งปวงที่เจ้าได้ทำลงไป 44 วงศ์วานอิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ เมื่อเราจัดการกับเจ้าโดยเห็นแก่นามของเรา ไม่ใช่ตามวิถีชั่วร้ายและความประพฤติอันเสื่อมทรามของเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”

คำพยากรณ์กล่าวโทษเมืองทางใต้

45 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 46 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงหันหน้าไปยังทิศใต้ กล่าวตำหนิเมืองทางใต้และพยากรณ์กล่าวโทษป่าไม้ของแดนใต้ 47 จงกล่าวแก่ป่าไม้แดนใต้ว่า ‘จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรากำลังจะจุดไฟเผาเจ้า ซึ่งจะเผาผลาญต้นไม้ทุกต้นของเจ้า ทั้งที่เขียวสดและเหี่ยวแห้ง เปลวไฟลุกจ้าจะไม่ดับ และทุกใบหน้าจากทิศใต้ไปถึงทิศเหนือจะถูกไฟนั้นแผดเผา 48 ทุกๆ คนจะเห็นว่า เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้จุดไฟนั้น มันจะไม่ดับลง’ ”

49 แล้วข้าพเจ้ากราบทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต! พวกเขากำลังกล่าวเกี่ยวกับข้าพเจ้าว่า ‘เขาเพียงแต่กำลังกล่าวคำอุปมาไม่ใช่หรือ?’ ”

บาบิโลนคือดาบแห่งการพิพากษาของพระเจ้า

21 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงหันหน้าไปยังเยรูซาเล็ม และกล่าวตำหนิสถานนมัสการ จงพยากรณ์แก่ดินแดนอิสราเอล และกล่าวแก่ดินแดนนั้นว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เราเป็นศัตรูกับเจ้า เราจะชักดาบออกจากฝัก และเอาชีวิตทั้งคนชอบธรรมและคนอธรรมไปจากเจ้า เพราะเราจะไม่ไว้ชีวิตทั้งคนชอบธรรมและคนอธรรม เราจะชักดาบออกจากฝักฟาดฟันทุกคนจากเหนือจดใต้ แล้วคนทั้งปวงจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ชักดาบของเราออกจากฝักและจะไม่เก็บมันเข้าฝักอีก’

“ฉะนั้นบุตรมนุษย์เอ๋ย! จงคร่ำครวญต่อหน้าพวกเขาด้วยหัวใจที่แตกสลายและด้วยความทุกข์ระทมขมขื่น และเมื่อพวกเขาถามว่า ‘เจ้าครวญครางทำไม?’ จงกล่าวว่า ‘เพราะข่าวที่มาถึงทำให้หัวใจทุกดวงฝ่อลง ทุกมือก็อ่อนเปลี้ย วิญญาณทุกดวงหมดแรง ทุกเข่าอ่อนปวกเปียกเหมือนน้ำ’ สิ่งนั้นกำลังจะมาถึงแล้ว! จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น”

พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงพยากรณ์ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า

“ ‘ดาบเล่มหนึ่ง ดาบเล่มหนึ่ง
ลับไว้คมกริบและเปล่งประกายแวววับ
10 ลับไว้เพื่อเข่นฆ่า
คมกริบเปล่งประกายดั่งสายฟ้า!

“ ‘ยังจะให้พวกเราชื่นชมยินดีในไม้คทาแห่งยูดาห์ลูกของเราหรือ? ดาบนั้นรังเกียจไม้เช่นนั้นทุกอัน

11 “ ‘ดาบถูกลับไว้คมกริบ
กุมไว้มั่นกระชับมือ
ลับให้ขึ้นเงาไว้แล้ว
เตรียมพร้อมอยู่ในมือเพชฌฆาต
12 บุตรมนุษย์เอ๋ย จงร้องไห้คร่ำครวญเถิด
เพราะดาบนั้นฟาดฟันประชากรของเรา
มันห้ำหั่นบรรดาเจ้านายของอิสราเอล
พวกเขาตกเป็นเหยื่อคมดาบ
พร้อมกับประชากรของเรา
ฉะนั้นจงตีอกชกตัวตนเอง

13 “ ‘การทดสอบจะมาถึงอย่างแน่นอน จะว่าอย่างไรหากคทาแห่งยูดาห์ซึ่งดาบนั้นรังเกียจจะไม่คงอยู่ต่อไป? พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’

14 “ฉะนั้นบุตรมนุษย์เอ๋ย จงพยากรณ์
จงปรบมือของเจ้า
ให้ดาบนั้นฟาดฟันสองครั้ง
หรือสามครั้ง
มันเป็นดาบเพื่อการเข่นฆ่า
คือเป็นดาบสำหรับการเข่นฆ่าครั้งใหญ่
ฟาดฟันพวกเขาจากรอบทิศ
15 หัวใจของเขาจึงฝ่อลงด้วยความกลัว
และผู้คนล้มตายเป็นเบือ
เราได้ตั้งดาบเข่นฆ่า[u]
ไว้ที่ประตูทุกบาน
ดาบนั้นถูกกวัดแกว่งเปล่งประกายดั่งสายฟ้า
ถูกกุมไว้เพื่อการเข่นฆ่า
16 ดาบเอ๋ย จงฟันขวับไปทางขวา
แล้วฟันขวับไปทางซ้าย
ที่ไหนก็ได้ตามแต่คมของเจ้าจะพลิกหันไป
17 เราเองก็จะปรบมือด้วย
และโทสะของเราจะเบาบางลง
เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไว้”

18 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 19 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกาเครื่องหมายบอกทางสองสายไว้บนแผนที่ เพื่อให้ดาบของกษัตริย์ของบาบิโลนติดตามไป ทั้งสองสายเริ่มต้นจากประเทศเดียวกัน ทำป้ายบอกทางไว้ที่ถนนแยกเข้ากรุง 20 จงขีดบอกทางสายหนึ่งไว้ให้ดาบมาฟาดฟันเมืองรับบาห์ของชาวอัมโมน และอีกสายหนึ่งไปฟาดฟันยูดาห์กับเยรูซาเล็มซึ่งมีป้อมปราการ 21 เพราะกษัตริย์ของบาบิโลนจะหยุดอยู่ที่ทางแพร่ง ทางแยกของถนนสองสาย เขาจะเสี่ยงทายด้วยการเขย่าลูกธนู จะขอคำตอบจากรูปเคารพของเขา จะตรวจดูตับสัตว์เสี่ยงทาย 22 สลากของกรุงเยรูซาเล็มอยู่ในมือขวาของเขา เขาจะตั้งเครื่องกระทุ้งกำแพง ออกคำสั่งให้เข่นฆ่า โห่ร้องออกศึก ใช้เครื่องกระทุ้งกำแพงพังประตู ก่อเชิงเทินและสร้างปราการล้อมเมือง 23 สำหรับบรรดาผู้ถวายสัตยาบันเป็นพันธมิตรกับเขา จะรู้สึกว่ามันเป็นการเสี่ยงทายจอมปลอม แต่เขาจะทำให้คนเหล่านั้นระลึกถึงความผิดของตน แล้วก็จับคนเหล่านั้นไปเป็นเชลย

24 “ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า ‘เนื่องจากพวกเจ้าทำให้นึกถึงความผิดของเจ้า ที่เจ้าได้ทำการทรยศอย่างโจ่งแจ้ง เปิดเผยบาปของตนออกมาในการกระทำทุกอย่าง เพราะเจ้าได้ทำเช่นนี้ เจ้าจึงจะตกเป็นเชลย

25 “ ‘เจ้านายแห่งอิสราเอลผู้ชั่วช้าเลวทรามเอ๋ย กำหนดเวลามาถึงเจ้าแล้ว วาระแห่งโทษทัณฑ์ของเจ้ามาถึงที่สุดแล้ว 26 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า จงปลดผ้าโพกศีรษะ จงถอดมงกุฎออก มันจะไม่เหมือนเดิมแล้ว ผู้ต่ำต้อยจะได้รับเกียรติ และผู้ทรงเกียรติจะตกต่ำลง 27 หายนะ! หายนะ! เราจะทำให้ถึงความหายนะ! จะไม่ได้กลับสู่สภาพดีจนกว่าผู้มีสิทธิโดยชอบธรรมนั้นจะมา ซึ่งเราจะมอบกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้นั้น’

28 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงพยากรณ์และกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสเกี่ยวกับชาวอัมโมนและคำสบประมาทของพวกเขาไว้ว่า

“ ‘ดาบเล่มหนึ่ง ดาบเล่มหนึ่ง
ถูกชักออกมาเพื่อการเข่นฆ่า
ลับไว้คมกริบเพื่อคร่าชีวิต
กวัดแกว่งเปล่งประกายดั่งสายฟ้า!
29 ทั้งๆ ที่มีนิมิตจอมปลอมเกี่ยวกับเจ้า
และคำทำนายเท็จเรื่องเจ้า
ดาบนั้นก็จ่ออยู่ที่คอของคนชั่ว
ผู้ที่กำลังจะถูกสังหาร
วันของเขามาถึงแล้ว
เวลาแห่งโทษทัณฑ์ของเขามาถึงที่สุดแล้ว

30 “ ‘จงเก็บดาบเข้าฝัก
เราจะพิพากษาเจ้า
ในที่ซึ่งเจ้าถูกสร้างขึ้น
ในดินแดนของบรรพบุรุษของเจ้า
31 เราจะระบายโทสะลงเหนือเจ้า
เราจะพ่นความเกรี้ยวกราดร้อนแรงใส่เจ้า
เราจะมอบเจ้าไว้ในมือของคนอำมหิต
ผู้ช่ำชองในการทำลายล้าง
32 เจ้าจะเป็นเชื้อฟืนให้ไฟ
เลือดของเจ้าจะหลั่งชโลมในดินแดนของเจ้า
จะไม่มีใครจดจำเจ้าอีก
เพราะเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไว้’ ”

บาปของเยรูซาเล็ม

22 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจะพิพากษากรุงนี้ไหม? เจ้าจะพิพากษานครแห่งการนองเลือดนี้หรือไม่? ฉะนั้นจงประณามพฤติกรรมอันน่าชิงชังของมัน และกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า กรุงที่นำหายนะมาสู่ตนเองโดยทำให้มีการหลั่งเลือดและปล่อยตัวแปดเปื้อนมลทินโดยการสร้างรูปเคารพ เจ้ามีความผิดเพราะทำให้หลั่งเลือด และเจ้าแปดเปื้อนมลทินเพราะรูปเคารพที่ตนสร้างขึ้น เจ้านำจุดจบและอวสานมาถึงตัวเอง ฉะนั้นเราจะทำให้เจ้าตกเป็นเป้าของการดูหมิ่นของชาติต่างๆ และเป็นที่เย้ยหยันของนานาประเทศ ทั้งบรรดาผู้อยู่ใกล้และผู้อยู่ไกลจะเยาะเย้ยเจ้า โอ กรุงที่เสียชื่อและเต็มไปด้วยความโกลาหล

“ ‘ดูเถิด เจ้านายแต่ละองค์ของอิสราเอลใช้อำนาจบาตรใหญ่ทำให้เกิดการนองเลือด ในกรุงนี้ผู้คนดูหมิ่นเหยียดหยามพ่อแม่ของตน ในกรุงนี้พวกเขากดขี่ข่มเหงคนต่างด้าว ลูกกำพร้าพ่อ และหญิงม่าย เจ้าดูหมิ่นสิ่งบริสุทธิ์ของเราและทำให้สะบาโตของเรามัวหมอง ในกรุงนี้มีคนพูดให้ร้าย มุ่งทำให้โลหิตตก ในกรุงนี้มีคนที่กินเลี้ยงในสถานบูชาบนภูเขาและทำสิ่งที่ชั่วช้าลามก 10 ในกรุงนี้มีผู้ล่วงประเวณีกับภรรยาของบิดา ในกรุงนี้มีคนหลับนอนกับผู้หญิงขณะที่นางมีประจำเดือนอันเป็นเวลาที่เป็นมลทินตามระเบียบพิธี 11 ในกรุงนี้มีคนที่ทำเรื่องต่ำช้าสามานย์กับภรรยาของเพื่อนบ้าน ในกรุงนี้บางคนทำให้ลูกสะใภ้เป็นมลทินน่าละอาย บางคนล่วงเกินพี่สาวน้องสาวร่วมบิดา 12 ในกรุงนี้มีคนที่รับสินบนเพื่อทำให้โลหิตตก มีเจ้าหนี้หน้าเลือดเรียกดอกเบี้ยอย่างขูดรีด[v] ขู่กรรโชกเอากำไรเพื่อนบ้าน และพวกเจ้าหลงลืมเรา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

13 “ ‘เราจะทุบกำปั้นลงเหนือกำไรที่เจ้าได้มาอย่างไม่ยุติธรรม และเหนือเลือดที่เจ้าทำให้หลั่งนองในหมู่พวกเจ้า 14 ในวันที่เราจัดการกับเจ้า เจ้าจะฝืนทนต่อไปได้หรือ? มือทั้งสองของเจ้าจะยังเข้มแข็งอยู่หรือ? เราผู้เป็นพระเจ้าได้ลั่นวาจาไว้และเราจะทำตามนั้น 15 เราจะกระจายพวกเจ้าออกไปท่ามกลางประชาชาติต่างๆ และนานาประเทศ เราจะเผาผลาญความโสมมของเจ้า 16 เมื่อเจ้าเป็นที่เสื่อมเสีย[w]ในสายตาของชนชาติทั้งหลาย เจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’ ”

17 แล้วมีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 18 “บุตรมนุษย์เอ๋ย วงศ์วานอิสราเอลกลายเป็นขี้แร่สำหรับเรา เขาทั้งปวงเป็นทองแดง ดีบุก เหล็ก ตะกั่ว ที่เหลืออยู่ในเตาหลอม พวกเขาเป็นเพียงขี้แร่ของเงินเท่านั้น 19 ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า ‘เนื่องจากเจ้าทั้งปวงกลายเป็นขี้แร่ เราจะรวบรวมเจ้าเข้าสู่เยรูซาเล็ม 20 ดั่งคนรวบรวมเงิน ทองแดง เหล็ก ตะกั่ว และดีบุกเข้าสู่เบ้าหลอม เพื่อถลุงด้วยไฟอันร้อนแรง เราก็จะรวบรวมพวกเจ้าด้วยความโกรธและโทสะของเรา กักเจ้าไว้ในกรุงนั้น แล้วหลอมเจ้า 21 เราจะรวบรวมเจ้า และกระพือโทสะอันร้อนแรงของเรากระหน่ำเจ้า แล้วเจ้าจะถูกหลอมอยู่ในกรุงนั้น 22 เจ้าจะหลอมเหลวอยู่ในกรุงนั้นเหมือนแร่เงินในเตาไฟ และเจ้าจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ระบายโทสะลงเหนือเจ้า’ ”

23 พระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้าพเจ้าอีกว่า 24 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวแก่ดินแดนนั้นว่า ‘เจ้าเป็นดินแดนที่ไม่ได้รับฝนหรือการชะล้างในวันแห่งพระพิโรธ’ 25 บรรดาเจ้านาย[x]ในดินแดนนั้น คบคิดการร้ายเหมือนสิงโตคำรามและฉีกเหยื่อ พวกเขาเขมือบชีวิตผู้คน ยึดทรัพย์สมบัติและของมีค่า และทำให้แม่ม่ายทวีจำนวนขึ้นในเขตแดน 26 เหล่าปุโรหิตของดินแดนนั้นละเมิดบทบัญญัติของเราและลบหลู่สิ่งบริสุทธิ์ของเรา เขาไม่แยกแยะระหว่างสิ่งที่บริสุทธิ์กับสิ่งสามัญ เขาสอนว่าสิ่งที่สะอาดและสิ่งที่มีมลทินก็ไม่มีอะไรแตกต่างกัน เขาปิดหูปิดตาไม่รักษาสะบาโตของเรา ด้วยเหตุนี้เราจึงถูกลบหลู่ดูหมิ่นในหมู่พวกเขา 27 ข้าราชบริพารในดินแดนนั้นเป็นเหมือนสุนัขป่าขย้ำเหยื่อ พวกเขาทำให้เกิดการนองเลือดและเข่นฆ่าคนเพื่อผลประโยชน์ที่ได้มาอย่างไม่ยุติธรรม 28 บรรดาผู้เผยพระวจนะของดินแดนนั้นกลบเกลื่อนการกระทำให้พวกเขา โดยอ้างนิมิตเท็จและคำทำนายจอมปลอม พวกเขากล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า’ ทั้งๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ตรัส 29 ชาวแผ่นดินนั้นทำการขู่กรรโชกและปล้นชิง เขากดขี่ข่มเหงผู้ยากไร้และขัดสน รังแกและไม่ให้ความเป็นธรรมแก่คนต่างด้าว

30 “เรามองหาใครสักคนในพวกเขาที่จะสร้างกำแพงขึ้นและยืนอยู่ต่อหน้าเรา อุดช่องโหว่เพื่อดินแดนนั้น เราจะได้ไม่ทำลายดินแดนนั้น แต่เราก็ไม่พบเลย 31 ฉะนั้นเราจะระบายโทสะลงเหนือเขา เผาผลาญพวกเขาด้วยความโกรธอันร้อนแรง ให้สิ่งทั้งปวงที่เขาทำไว้หวนกลับมาตกแก่เขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น”

พี่น้องสองสาวผู้ล่วงประเวณี

23 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย มีพี่น้องสองสาวร่วมมารดา ทั้งคู่กลายเป็นโสเภณีอยู่ในอียิปต์ ทำตัวแพศยาตั้งแต่สาวรุ่น หน้าอกของนางทั้งสองถูกเคล้าคลึง และอกพรหมจารีของนางถูกกอดรัดในดินแดนนั้น พี่สาวชื่อโอโฮลาห์ น้องสาวคือโอโฮลีบาห์ ทั้งสองเป็นกรรมสิทธิ์ของเรา และให้กำเนิดบุตรชายบุตรสาวหลายคน โอโฮลาห์คือสะมาเรีย ส่วนโอโฮลีบาห์คือเยรูซาเล็ม

“โอโฮลาห์เริ่มขายตัวตั้งแต่นางยังเป็นของเรา นางกระสันหาชู้รักของนาง คือเหล่านักรบอัสซีเรีย ซึ่งล้วนเป็นหนุ่มหล่อเหลา แต่งกายชุดสีน้ำเงิน มีทั้งผู้ว่าการ แม่ทัพ และทหารม้า นางทอดกายเยี่ยงโสเภณีแก่บรรดาผู้ทรงอำนาจของอัสซีเรีย และปล่อยตัวเป็นมลทินด้วยรูปเคารพทั้งปวงของทุกคนที่นางกระสันหา นางไม่ได้ละทิ้งการแพศยาที่นางเริ่มขึ้นในอียิปต์ เมื่อนางยังเป็นสาวรุ่นมีคนหลับนอนกับนาง กอดจูบอกพรหมจารีของนางและระบายราคะตัณหาแก่นาง

“ฉะนั้นเราจึงมอบนางแก่ชาวอัสซีเรีย ชู้รักซึ่งนางกระสันหา 10 เขาเหล่านั้นได้ปอกลอกนางจนล่อนจ้อนและฆ่านางด้วยดาบ จับลูกๆ ของนางไป นางถูกลงทัณฑ์และกลายเป็นคำเปรียบเปรยในหมู่ผู้หญิง

11 “โอโฮลีบาห์น้องสาวของนางเห็นเช่นนี้แล้ว กลับทำตัวเลวทรามยิ่งกว่าพี่สาวเสียอีก ในเรื่องราคะตัณหาและการขายตัว 12 นางก็เช่นเดียวกันไปกระสันหาชาวอัสซีเรีย ทั้งผู้ว่าการ แม่ทัพ นักรบในเครื่องแบบ ทหารม้าผู้โอ่อ่า ล้วนเป็นหนุ่มหล่อเหลา 13 เราเห็นว่านางก็แปดเปื้อนมลทินด้วย ทั้งสองคนเดินตามรอยเดียวกัน

14 “แต่การแพศยาของโอโฮลีบาห์ยิ่งหนักข้อขึ้นไปอีก นางเห็นภาพวาดสีแดงของชาวเคลเดีย[y]บนผนัง 15 คาดเข็มขัด คาดผ้าพลิ้วสะบัดบนศีรษะ มองดูเหมือนพลรถรบบาบิโลน ชาวพื้นเมืองของเคลเดีย[z] 16 ทันทีที่นางเห็นก็ลุ่มหลงพวกเขา และถึงกับส่งทูตไปหาเขาในเคลเดีย 17 ชาวบาบิโลนจึงมาหานางถึงเตียงรัก และทำให้นางแปดเปื้อนด้วยราคะของพวกเขา หลังจากที่นางเป็นมลทินเพราะพวกเขาแล้ว นางก็เบือนหน้าหนีจากพวกเขาด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ 18 เมื่อนางทำตัวแพศยาต่อไปอย่างโจ่งแจ้ง และเปิดเผยความเปลือยเปล่าของนาง เราก็เบือนหน้าหนีจากนางด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ เหมือนที่เราได้หันหน้าหนีจากพี่สาวของนาง 19 ถึงกระนั้นนางยิ่งสำส่อนเหลวแหลกมากขึ้น เมื่อระลึกถึงวัยสาวขณะเป็นโสเภณีอยู่ในอียิปต์ 20 ที่นั่นนางกระสันหาชู้รักทั้งหลายของนางผู้ซึ่งอวัยวะเพศเหมือนของลาและอสุจิเหมือนของม้า 21 ดังนี้แหละ เจ้าจึงโหยหาความเหลวแหลกในวัยสาวเมื่อครั้งอยู่ในอียิปต์ ที่อกของเจ้าถูกกอดรัดและทรวงอกสาวของเจ้าถูกเคล้าคลึง[aa]

22 “ฉะนั้นโอโฮลีบาห์เอ๋ย พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะเร่งเร้าบรรดาชู้รักซึ่งเจ้าเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจนั้นมาสู้กับเจ้าจากทุกด้าน 23 ชาวบาบิโลน ชาวเคลเดียทั้งปวง ชายชาวเปโขดและโชอากับโคอา กับชาวอัสซีเรียทั้งปวงที่เป็นหนุ่มหล่อเหลา ทั้งผู้ว่าการและแม่ทัพ พลรถรบ ชนชั้นสูงทั้งหมดจะขี่ม้ามา 24 พวกเขาจะมาสู้รบกับเจ้าโดยมีอาวุธ[ab] รถม้าศึก ขบวนเกวียน และกองทัพใหญ่ เขาจะตั้งฐานรบเพื่อสู้กับเจ้ารอบด้าน โดยมีโล่ใหญ่น้อยและหมวกเกราะ เราจะมอบเจ้าให้เขาลงโทษ เขาจะลงทัณฑ์เจ้าตามเกณฑ์ของเขา 25 เราจะนำโทสะอันหึงหวงของเรามาจัดการกับเจ้า พวกเขาจะเล่นงานเจ้าด้วยความเกรี้ยวกราด เขาจะตัดหูตัดจมูกของเจ้า ส่วนผู้ที่เหลืออยู่จะตายด้วยคมดาบ เขาจะจับตัวลูกชายลูกสาวของเจ้าไป และพวกเจ้าที่เหลืออยู่จะถูกเผาผลาญด้วยไฟ 26 เขาจะเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ และเพชรนิลจินดางดงามออกจากกายของเจ้า 27 เราจะยุติความลามกต่ำทรามและการแพศยาซึ่งเจ้าเริ่มขึ้นในอียิปต์ เจ้าจะไม่เหลียวแลสิ่งเหล่านี้ด้วยความปรารถนาหรือระลึกถึงอียิปต์อีกเลย

28 “เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรากำลังจะมอบเจ้าไว้ในเงื้อมมือของบรรดาผู้ที่เจ้าเกลียดชังและเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ 29 เขาจะจัดการกับเจ้าด้วยความเกลียดชังและปล้นชิงทุกอย่างที่เจ้าลงแรงทำ เขาจะทิ้งเจ้าไว้ให้เปลือยเปล่าและล่อนจ้อน และความอัปยศจากการขายตัวของเจ้าจะถูกเปิดโปง 30 ความสำส่อนและความมักมากของเจ้าได้นำเหตุร้ายนี้มายังเจ้า เพราะเจ้าหลงใหลชนชาติต่างๆ และปล่อยตัวเป็นมลทินเนื่องด้วยรูปเคารพของเขา 31 เจ้าเดินตามรอยพี่สาวของเจ้า ฉะนั้นเราจะเอาถ้วยเหล้าของพี่สาวเจ้าใส่ในมือของเจ้า

32 “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า

“เจ้าจะดื่มจากถ้วยของพี่สาวของเจ้า
เป็นถ้วยใหญ่และลึก
ถ้วยนั้นจะนำความอัปยศและการเย้ยหยันมาให้
เป็นถ้วยที่จุได้มากมาย
33 เจ้าจะเมามายและเต็มไปด้วยความโศกสลด
ถ้วยของสะมาเรียพี่สาวของเจ้า
ถ้วยแห่งความพินาศและเริศร้าง
34 เจ้าจะดื่มและซดจนเกลี้ยง
เจ้าจะฟาดมันแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เจ้าจะตีอกชกตัวด้วยความทุกข์ระทม

เราได้ลั่นวาจาไว้ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

35 “เหตุฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เนื่องจากเจ้าได้ลืมเราและเหวี่ยงเราไปข้างหลัง เจ้าจึงต้องรับผลอันเนื่องมาจากความสำส่อนและการแพศยาของเจ้า”

36 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจะพิพากษาโทษโอโฮลาห์และโอโฮลีบาห์หรือไม่? ฉะนั้นจงประณามพฤติกรรมอันน่าชิงชังของนางทั้งสอง 37 เพราะนางได้ล่วงประเวณีและมือของนางเปื้อนเลือด นางล่วงประเวณีโดยการเซ่นไหว้รูปเคารพ ถึงกับจับลูกๆ ซึ่งพวกนางคลอดให้เรานั้นบูชายัญ[ac]แก่พระทั้งหลาย 38 พวกนางได้ทำแก่เราถึงเพียงนี้ คือในเวลาเดียวกันก็ทำให้สถานนมัสการของเราเป็นมลทินและทำให้สะบาโตของเรามัวหมอง 39 ในวันที่พวกนางเซ่นสังเวยลูกๆ แก่รูปเคารพ นางก็เข้ามาในสถานนมัสการของเรา และทำให้นิเวศของเราเป็นมลทิน นั่นคือสิ่งที่พวกนางได้ทำในนิเวศของเรา

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.