Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เอเสเคียล 23:40-35:15

40 พวกนางยังได้ส่งคนไปตามหาผู้ชายจากแดนไกล และพวกเขาก็มา เจ้าก็อาบน้ำชำระตัว เตรียมต้อนรับพวกเขา เจ้าทาตาและสวมใส่เพชรพลอย 41 เจ้านั่งอยู่บนเก้าอี้นอนที่หรูหรา ที่มีโต๊ะวางเครื่องหอม กับน้ำมันที่เป็นของเราตั้งอยู่ข้างหน้า 42 ที่นั่นมีเสียงฝูงชนที่ปล่อยตัวเฮฮากัน มีพวกขี้เมามาจากทะเลทราย กับฝูงชนที่วุ่นวาย พวกเขาสวมกำไลไว้ที่แขนของโสเภณีพวกนั้น และสวมมงกุฎไว้บนหัวของพวกนาง 43 แล้วเราก็พูดขึ้นว่า ‘โถ นางเล่นชู้เสียจนหมดเรี่ยวแรงแล้ว แต่คนพวกนั้นก็ยังไม่ยอมหยุดร่วมเพศกับนางเสียที’ 44 และพวกเขาก็เข้าหานาง เหมือนกับที่เข้าหาโสเภณี

คนเหล่านั้นได้เข้าไปหาโอโฮลาห์และโอโฮลีบาห์ หญิงร่านสวาทสองคนนั้น

45 แต่พวกผู้พิพากษาที่ยุติธรรมจะตัดสินลงโทษพวกนาง พวกนางจะต้องรับโทษ ที่เล่นชู้และทำให้เกิดการนองเลือด

เพราะพวกนางเป็นหญิงเล่นชู้และมือของพวกนางก็เปื้อนเลือด”

46 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า

“ให้นำกลุ่มคนออกมาต่อต้านพวกนาง แล้วมอบพวกนางให้กับความน่าสะพรึงกลัวและการปล้นสะดม

47 กลุ่มคนเหล่านี้จะเอาหินขว้างพวกนาง และฆ่าพวกนางด้วยดาบ พวกเขาจะฆ่าลูกชายลูกสาวของพวกนาง และเผาบ้านของพวกนางทิ้ง 48 ด้วยวิธีนี้ เราจะทำให้การร่านสวาทในแผ่นดินนี้สิ้นสุดลง เพื่อพวกผู้หญิงทุกคนจะได้รับบทเรียนและไม่ร่านสวาทอย่างที่เจ้าทำนั้น 49 พวกเขาจะลงโทษเจ้า สำหรับการร่านสวาทของเจ้า และเจ้าจะต้องรับผิดสำหรับบาปของเจ้าที่ไปกราบไหว้รูปเคารพ แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต”

เยรูซาเล็มเป็นหม้อที่เต็มไปด้วยเนื้อ

24 ในวันที่สิบเดือนสิบของปีที่เก้า[a]

คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้จดวันที่วันนี้ไว้ เพราะในวันนี้ กษัตริย์ของเมืองบาบิโลนได้มาปิดล้อมเมืองเยรูซาเล็มไว้

ให้เล่าเรื่องเปรียบเทียบนี้ให้กับครอบครัวขี้กบฏฟัง บอกพวกเขาว่า

‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
    ให้ตั้งหม้อทำอาหารไว้บนไฟ ตั้งไว้และเทน้ำใส่ลงไป
ให้ใส่เนื้อเป็นชิ้นๆลงไป
    เอาเนื้อชิ้นที่ดีๆทั้งหมด ทั้งส่วนสะโพกและส่วนขาหน้า
    แล้วใส่กระดูกที่ดีที่สุดลงไป
ให้เอาสัตว์ที่ดีที่สุดจากฝูงแพะแกะมาตัวหนึ่ง
    เอาไม้ฟืนมาสุมไว้ใต้หม้อเพื่อต้มชิ้นเนื้อต่างๆ
    และต้มกระดูกในหม้อนั้นไปด้วย’”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
“เมืองแห่งการฆ่าฟันกันนี้ น่าละอายจริงๆ
    ในหม้อใบนี้มีสิ่งสกปรกติดเกรอะกรังไปหมด
ขี้เกรอะพวกนี้ล้างไม่ออก
    ให้หยิบเนื้อในหม้อออกมาทีละชิ้นทีละชิ้น โดยไม่ต้องจับสลากเลือกว่าจะหยิบชิ้นไหนก่อน
เพราะว่าเลือดที่นางเยรูซาเล็มทำให้ไหลนองนั้น
    ยังอยู่ในท่ามกลางตัวนาง
นางเทเลือดออกมาไว้บนหิน
    นางไม่ได้เทลงบนดินที่ฝุ่นจะกลบปกปิดมันได้
เราวางเลือดที่นางได้ทำให้ตกนั้นไว้บนก้อนหิน
    เพื่อมันจะได้ไม่ถูกกลบ[b] จะได้ปลุกเร้าความโกรธของเราที่จะแก้แค้น”
ดังนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า
“เมืองแห่งการฆ่าฟันกันนี้ น่าละอายจริงๆ
    เราจะสุมกองไม้ไว้ให้สูง
10 ให้สุมกองไม้ไว้
    และจุดไฟ
ต้มเนื้อให้สุก
    ผสมเครื่องเทศลงไป[c]
    และปล่อยให้กระดูกถูกเผาไป
11 แล้วตั้งหม้อเปล่าไว้บนกองถ่าน
    จนมันร้อนและทองแดงเริ่มระอุ
เพื่อความสกปรกของมันจะละลายออกมา
    และขี้เกรอะของมันจะถูกเผาไหม้ไปหมด

12 แต่เราก็ลงมือลงแรงเหนื่อยเปล่า
    เพราะขี้เกรอะอันหนาของมันก็ไม่หลุดออก
    แม้แต่ไฟก็ไม่สามารถเผาให้มันหลุดได้

13 ขี้เกรอะนั้นก็คือการร่านสวาทของเจ้า
    เราพยายามชำระล้างเจ้าแล้ว
แต่ขี้เกรอะของเจ้าก็ไม่ยอมออก
    เจ้าจะไม่มีวันสะอาดได้อีก
    จนกว่าเราจะระบายความเดือดดาลของเราใส่เจ้าจนหมดสิ้น

14 เรา ยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไปแล้ว เวลาที่เราจะลงมือได้มาถึงแล้ว เราจะไม่ยับยั้งไว้อีก เราจะไม่สงสารและจะไม่เปลี่ยนใจ เราจะตัดสินโทษเจ้าตามวิธีการและการกระทำของเจ้า” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

เมียเอเสเคียลตาย

15 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 16 “เจ้าลูกมนุษย์ ในช่วงเวลาอันสั้น เราจะเอาแก้วตาดวงใจ[d]ของเจ้าไปอย่างกระทันหัน อย่าเศร้าโศกหรือร้องไห้หรือให้น้ำตาตกเลย 17 ครวญครางอย่างเงียบๆอย่าไว้ทุกข์ให้กับคนตาย ให้โพกผ้าที่หัว และใส่รองเท้าสานไว้ตามปกติ อย่าเอาผ้าปิดใต้จมูกลงมา[e] หรือกินอาหารตามประเพณีของคนไว้ทุกข์”

18 ดังนั้น ในตอนเช้าผมก็พูดกับประชาชนเหมือนเคย พอตกเย็นเมียของผมก็ตาย วันรุ่งขึ้น ผมก็ทำตามที่ได้รับคำสั่งมา 19 แล้วประชาชนก็ถามผมว่า

“ที่ท่านทำอย่างนี้ ท่านจะไม่บอกพวกเราหรือ ว่ามันหมายถึงอะไร”

20 ผมจึงพูดกับพวกเขาว่า “คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 21 ‘ให้บอกกับครอบครัวชาวอิสราเอลว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เรากำลังจะทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเราเสื่อมไป คือป้อมปราการที่เจ้าภาคภูมิใจนั้น มันเป็นแก้วตาดวงใจของเจ้าและเป็นสิ่งที่เจ้าหลงรัก ส่วนพวกลูกชายลูกสาวของเจ้าที่เจ้าไม่ได้เอามาด้วย จะถูกฆ่าฟันด้วยดาบ

22 แล้วในเวลานั้น พวกเจ้าก็จะทำเหมือนกับที่เอเสเคียลทำ พวกเจ้าจะไม่เอาผ้าปิดใต้จมูกลงมา และจะไม่กินอาหารตามประเพณีของคนไว้ทุกข์

23 เจ้าจะโพกผ้าไว้บนหัว และสวมรองเท้าสานไว้ตามปกติ เจ้าจะไม่ไว้ทุกข์หรือร้องไห้ แต่เจ้าจะเหี่ยวแห้งร่วงโรยไปเพราะบาปต่างๆของเจ้า และเจ้าจะคร่ำครวญอยู่ในหมู่ของพวกเจ้ากันเอง 24 เอเสเคียลจะเป็นตัวอย่างให้แก่พวกเจ้า พวกเจ้าจะทำอย่างที่เขาทำ เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น แล้วเจ้าจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต”’”

25 “และเจ้าลูกมนุษย์ ในวันที่เราทำลายป้อมปราการของพวกเขา ที่เป็นความชื่นบานและความภาคภูมิใจของพวกเขา มันเป็นแก้วตาดวงใจของพวกเขา และความปรารถนาของหัวใจพวกเขา และเราจะเอาลูกชายลูกสาวของพวกเขาไปด้วย 26 ในวันนั้นผู้รอดชีวิตคนหนึ่งจากเยรูซาเล็มจะมาบอกข่าวนี้กับเจ้า 27 ในเวลานั้นปากของเจ้าจะเปิดออก เจ้าจะพูดกับเขาและจะไม่เป็นใบ้อีก ดังนั้นเจ้าจะเป็นตัวอย่างให้แก่ประชาชน แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

ชาวอัมโมนจะถูกลงโทษ

25 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้หันหน้าไปที่ชาวอัมโมนและพูดแทนเราต่อต้านพวกเขา ให้บอกพวกเขาว่า ‘ให้ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตให้ดี นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “พวกเจ้าร้องไชโย ตอนที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเราถูกทำให้เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ไป ตอนที่แผ่นดินอิสราเอลถูกทิ้งร้างและตอนที่ชาวยูดาห์ถูกเนรเทศไป” ดังนั้นเราจะมอบพวกเจ้าให้เป็นสมบัติของพวกคนทางตะวันออก พวกเขาจะตั้งค่ายและปักเต็นท์ไว้ท่ามกลางพวกเจ้า พวกเขาจะกินผลไม้และดื่มนมของพวกเจ้า

เราจะเปลี่ยนเมืองรับบาห์ให้เป็นทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงอูฐ และเปลี่ยนเมืองอัมโมนให้เป็นสถานที่พักผ่อนของแกะ แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “พวกเจ้าตบมือและกระทืบเท้าด้วยความรื่นเริงยินดี ด้วยจิตใจที่มุ่งร้ายต่อแผ่นดินอิสราเอล ดังนั้นเราจะยื่นมือของเราออกลงโทษพวกเจ้า และมอบพวกเจ้าให้กับชนชาติต่างๆ เป็นของที่ปล้นมาได้ เราจะตัดเจ้าออกจากชนชาติทั้งหลาย และจะทำลายพวกเจ้าให้หมดไปจากประเทศต่างๆ เราจะทำลายพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

ชาวโมอับและชาวเสอีร์จะถูกลงโทษ

นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “โมอับและเสอีร์ได้พูดว่า ‘ดูสิ ครอบครัวของชาวยูดาห์ก็เหมือนกับชนชาติอื่นๆ’ ดังนั้นเราจะทำให้เมืองหน้าด่านทางปีกขวาของโมอับล้มลง คือ เมืองเบธเยชิโมท เมืองบาอัลเมโอน และเมืองคิริยาธาอิม ที่เป็นศักดิ์ศรีของแผ่นดินนี้ 10 เราจะมอบโมอับพร้อมกับชาวอัมโมนให้เป็นสมบัติแก่ประชาชนทางตะวันออก เพื่อผู้คนจะได้ลืมไปเลยว่าพวกเขาเคยเป็นชนชาติมาก่อน 11 และเราจะลงโทษโมอับ แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

ชาวเอโดมจะถูกลงโทษ

12 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เอโดมได้แก้แค้นอย่างโหดเหี้ยมต่อครอบครัวชาวยูดาห์ พวกเขาจึงมีความผิดอย่างร้ายแรง” 13 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เราจะยื่นมือของเราออกมาลงโทษเอโดม เราจะฆ่าทั้งคนและสัตว์ในประเทศนั้น เราจะทิ้งมันให้รกร้าง ผู้คนจะล้มตายลงด้วยดาบ ตั้งแต่เมืองเทมานไปจนถึงเมืองเดดาน 14 เราจะแก้แค้นเอโดมด้วยมือของชาวอิสราเอล และพวกเขาจะลงโทษเอโดมตามความโกรธและความเดือดดาลของเรา แล้วชาวเอโดมจะได้รู้ว่าเป็นเราเองที่แก้แค้นพวกเขา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

ชาวฟีลิสเตียจะถูกลงโทษ

15 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ชาวฟีลิสเตียทำตัวเป็นศัตรูกับยูดาห์มาตลอดตั้งแต่สมัยโบราณ พวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น และได้ทำการแก้แค้นอย่างโหดเหี้ยม ด้วยจิตใจที่มุ่งร้ายหมายทำลาย” 16 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เราจะยื่นมือของเราออกลงโทษชาวฟีลิสเตีย เราจะตัดชาวเคเรธีออก และทำลายพวกที่ยังหลงเหลืออยู่ตามชายฝั่งทะเล 17 เราจะทำการแก้แค้นอันยิ่งใหญ่ต่อพวกเขา และจะลงโทษพวกเขาด้วยความเดือดดาลของเราและเมื่อเราแก้แค้นพวกเขา พวกเขาจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์”

เมืองไทระจะถูกลงโทษ

26 ในปีที่สิบเอ็ด[f] วันที่หนึ่งของเดือน

คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ เมืองไทระได้ร้องไชโยใส่เมืองเยรูซาเล็ม และยังพูดอีกว่า ‘เมืองที่เป็นประตูไปสู่ชนชาติต่างๆได้ถูกทำลายลงแล้ว และมันได้ถูกมอบให้กับข้าแล้ว เนื่องจากเมืองนี้กลายเป็นซากปรักหักพัง ความอยากของข้าก็ได้สมใจแล้ว’”

ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เมืองไทระ เราคือศัตรูของเจ้า เราจะทำให้ชนชาติมากมายถาโถมใส่เจ้า อย่างทะเลทำให้คลื่นของมันถาโถมใส่ฝั่ง

พวกเขาจะทำลายกำแพงเมืองไทระ และจะพังพวกหอคอยในเมืองลง เราจะขูดทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองนี้ออกจนหมดเกลี้ยง กลายเป็นหินโล่งเตียน เมืองไทระจะกลายเป็นเกาะสำหรับตากอวน เราได้ลั่นคำพูดไปแล้ว”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เมืองนี้จะกลายเป็นของที่ปล้นมาสำหรับชาติต่างๆ และหมู่บ้านทั้งหลายที่ขึ้นกับมัน ที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินใหญ่ จะถูกทำลายล้างด้วยดาบ แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์จะโจมตีไทระ

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เราจะให้เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์ของเมืองบาบิโลน ซึ่งเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย มาโจมตีเมืองไทระจากทางทิศเหนือ เขาจะมาพร้อมกับม้าและรถรบ ทหารม้าและกองทัพอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร เขาจะทำลายหมู่บ้านทั้งหลายที่ขึ้นกับมัน บนแผ่นดินใหญ่ด้วยดาบ เขาจะตั้งป้อมต่อสู้กับเจ้า และสร้างเนินดินขึ้นถึงยอดกำแพงเจ้า และเขาจะยกพวกโล่ขึ้นบังจากการตอบโต้ของเจ้า เขาจะเอาท่อนซุงทะลวงกำแพงเมือง และเอาขวานของเขาฟันหอคอยต่างๆของเจ้าลง 10 ม้าของเขามีมากเสียจนฝุ่นฟุ้งตลบเจ้าไปหมด กำแพงของเจ้าจะสั่นสะเทือนไปด้วยเสียงดังกึกก้องของทหารม้า รถลาก และรถรบ เมื่อเขาผ่านเข้าไปตามประตูเมืองของเจ้า อย่างกับคนที่เข้าเมืองตอนที่กำแพงแตก 11 กีบม้าทั้งหลายของเขาจะเหยียบย่ำถนนทุกสายของเจ้า เขาจะฆ่าประชาชนของเจ้าด้วยดาบ และเสาหลักอันแข็งแกร่งทั้งหลายของเจ้าจะล้มลงกับดิน 12 พวกเขาจะปล้นทรัพย์สมบัติของเจ้าและแย่งชิงสินค้าของเจ้า พวกเขาจะพังกำแพงของเจ้าและทุบบ้านเรือนที่สวยงามทั้งหลายของเจ้าทิ้ง และพวกเขาจะโยนก้อนหิน ท่อนไม้ และซากอิฐ ลงทะเล 13 เราจะทำให้เสียงเพลงของเจ้าที่ดังกึกก้องอยู่นั้นสิ้นสุดลง และจะไม่มีใครได้ยินเสียงพิณของเจ้าอีกต่อไป 14 เราจะทำให้เจ้าเป็นหินโล่งเตียน กลายเป็นที่สำหรับตากอวน เจ้าจะไม่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกแล้ว เพราะเรา ยาห์เวห์ได้ลั่นคำพูดไว้แล้ว” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

ชนชาติอื่นๆจะร้องไห้ให้กับเมืองไทระ

15 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดกับเมืองไทระ “แผ่นดินตามชายฝั่งทะเลจะต้องสั่นสะเทือนด้วยเสียงล่มสลายของเจ้า ตอนที่ผู้บาดเจ็บร้องคร่ำครวญ ตอนที่ผู้คนถูกฆ่าฟันในเมืองของเจ้า 16 แล้วเจ้าชายทั้งหลายของเมืองตามชายฝั่งทะเลนั้น จะก้าวลงจากบัลลังก์ของพวกเขา และถอดเสื้อคลุมยาวกับเสื้อผ้าที่เย็บปักถักร้อยอย่างสวยงามออก พวกเขาจะเอาความกลัวมานุ่งห่มแทนและนั่งอยู่บนพื้นดิน เขาจะตัวสั่นเทาตลอดเวลา เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้านี้ 17 แล้วพวกเขาจะร้องเพลงไว้อาลัยที่เกี่ยวกับเจ้าและพูดกับเจ้าว่า

‘เมืองที่มีชื่อเสียงเลื่องลือเอ๋ย
    เจ้าสูญหายไปแล้ว
เจ้าถูกกวาดไปจากทะเล
    เจ้าเคยเป็นเมืองมหาอำนาจบนท้องทะเล
เจ้ากับพลเมืองของเจ้า
    เคยทำให้ทุกคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินใหญ่นั้นหวาดกลัว
18 เดี๋ยวนี้ แผ่นดินตามชายฝั่งทะเลต่างสั่นเทิ้มด้วยความกลัวในวันที่เจ้าล้มลง
    หมู่เกาะทั้งหลายต่างตกใจกลัวกับการล่มสลายของเจ้า’”

19 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เมื่อเราทำให้เจ้ากลายเป็นเมืองร้าง เหมือนกับเมืองที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ เมื่อเรานำความลึกของมหาสมุทรเข้ามาไว้บนเจ้า และน้ำของมันได้ไหลทะลักเข้าท่วมเจ้าแล้ว 20 เราจะกดเจ้าให้จมดิ่งลงไปอยู่กับพวกที่อยู่ในหลุมลึก จะให้ไปอยู่กับพวกคนที่ตายไปนานแล้ว เราจะทำให้เจ้าอาศัยอยู่ในโลกเบื้องล่าง เหมือนซากปรักหักพังของสมัยดึกดำบรรพ์ พร้อมกับพวกที่อยู่ในหลุมลึก จะไม่มีใครอาศัยอยู่ในเจ้าอีก เจ้าจะไม่มีศักดิ์ศรีในแดนของคนเป็น 21 เราจะนำเจ้าไปสู่จุดจบที่น่าสะพรึงกลัว และจะไม่มีเจ้าอีกต่อไป ถึงจะมีคนหา ก็จะไม่พบเจ้าอีกแล้ว” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

เมืองไทระ ประตูสู่ทะเล

27 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้ร้องเพลงไว้อาลัยสำหรับเมืองไทระ

ให้พูดกับเมืองไทระที่ตั้งอยู่ที่ทางออกสู่ทะเลและเป็นเมืองค้าขายของชนชาติต่างๆตามชายฝั่งทะเลทั้งหลายว่า

‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
ไทระเอ๋ย เจ้าพูดว่า
    “ฉันงามหมดจด”
พรมแดนของเจ้าอยู่ที่กลางทะเล
    ช่างก่อสร้างได้สร้างเจ้าให้มีความงามหมดจด
พวกเขาเอาไม้สนที่มาจากเสนีร์[g]
    มาสร้างเป็นแผ่นกระดานของเจ้า
พวกเขาเอาไม้สนซีดาร์มาจากเลบานอน
    มาสร้างเสากระโดงเรือของเจ้า
พวกเขาเอาไม้โอ๊กมาจากบาชาน
    มาสร้างกรรเชียงของเจ้า
พวกเขาใช้ไม้สนที่มาจากชายฝั่งไซปรัส
    มาสร้างดาดฟ้าเรือของเจ้าและฝังด้วยงาช้าง
พวกเขาเอาผ้าลินินที่เย็บอย่างสวยงามจากประเทศอียิปต์มาทำใบเรือของเจ้า
    และใบเรือนั้นได้ใช้เป็นธงสำหรับเจ้า
    กันสาดของเจ้าที่มาจากชายฝั่งเอลีชาห์เป็นสีน้ำเงินและสีม่วง
ผู้คนจากไซดอนและอารวัดเป็นคนพายเรือให้เจ้า
    ไทระเอ๋ย ต้นหนที่มีความชำนาญทั้งหลายต่างอยู่บนเรือของเจ้า
มีช่างผู้ใหญ่ที่ชำนาญงานของเกบาล[h] อยู่บนเรือของเจ้า
    พวกเขาคอยชันยาอุดรอยรั่วของเรือ
เรือทุกลำในทะเลและกะลาสีเรือทุกคน
    ต่างมาที่นี่เพื่อซื้อขายสินค้ากับเจ้า

10 ชาวเปอร์เซีย ชาวลูดและชาวพูตก็เป็นทหารรับใช้อยู่ในกองทัพของเจ้า

พวกเขาแขวนโล่กับหมวกเหล็กเอาไว้บนกำแพงของเจ้าทำให้เจ้าดูงดงาม

11 ชาวอารวัดและชาวเฮเลคเดินไปเดินมาอยู่บนกำแพงทุกด้านของเจ้า

ชาวกามัดอยู่ตามหอคอยของเจ้า พวกเขาแขวนโล่ไว้รอบๆกำแพงของเจ้า

พวกเขาทำให้เจ้างามหมดจด

12 ทารชิช ไปมาค้าขายกับเจ้า เพราะเจ้ามีทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาล

พวกเขาเอาเงิน เหล็ก ดีบุกและตะกั่วมาแลกเปลี่ยนกับสินค้าของเจ้า 13 ประเทศกรีซ

ทูบัลและเมเชคได้มาค้าขายกับเจ้า

พวกเขาเอาทาสและข้าวของเครื่องใช้ที่ทำจากทองสัมฤทธิ์มาแลกเปลี่ยนกับสินค้าของเจ้า

14 ชาวเบธโทการมาห์[i] เอาม้าใช้งาน ม้าศึกและล่อมาแลกเปลี่ยนกับสินค้าของเจ้า

15 ชาวโรเดส[j] มาค้าขายกับเจ้า และเมืองตามชายฝั่งทะเลต่างก็เป็นลูกค้าของเจ้า

พวกเขาเอางาช้างกับไม้มะเกลือมาจ่ายเป็นค่าสินค้าให้กับเจ้า

16 ชาวอารัม[k] มาทำการค้ากับเจ้า เป็นเพราะเจ้ามีสินค้ามากมายมหาศาล

พวกเขาเอาพลอยสีน้ำเงินอมเขียว ผ้าสีม่วง ผ้าปักลาย ผ้าลินินอย่างดี ปะการัง และทับทิมมาแลกกับสินค้าของเจ้า

17 ยูดาห์กับอิสราเอลก็มาค้าขายกับเจ้า

พวกเขาเอาข้าวสาลีจากเมืองมินนิทและขนมหวาน[l] น้ำเชื่อมผลไม้ น้ำมันและยาสมุนไพร มาแลกกับสินค้าของเจ้า

18 ชาวดามัสกัสมาค้าขายกับเจ้าด้วย เขาเอาเหล้าองุ่นจากเมืองเฮลโบน และขนแกะจากเมืองซาฮาห์มาแลกเปลี่ยนกับสินค้าของเจ้า

เป็นเพราะเจ้ามีสินค้ามากมายมหาศาล

19 ชาวดานและชาวกรีกจากเมืองอุซาลได้ค้าขายกับเจ้า พวกเขาเอาเหล็กหล่อ เครื่องเทศ และอ้อยมาแลกเปลี่ยนกับสินค้าของเจ้า 20 เมืองเดดานค้าขายผ้ารองอานกับเจ้า

21 ชาวอาระเบียและบรรดาเจ้าชายทั้งหลายแห่งเมืองเคดาร์ก็เป็นลูกค้าของเจ้า

พวกเขาเอาลูกแกะ แกะตัวผู้และแพะมาแลกเปลี่ยนกับสินค้าของเจ้า

22 พวกพ่อค้าของเชบาและราอามาห์ก็ค้าขายกับเจ้า

พวกเขาเอาเครื่องเทศชั้นเยี่ยมนานาชนิด พลอยมีค่าต่างๆและทองคำ มาแลกเปลี่ยนกับสินค้าของเจ้า 23 เมืองฮาราน คานเนห์และเอเดน รวมทั้งพ่อค้าของเชบา และของเมืองอัสชูรและคิลมาด ก็ค้าขายกับเจ้า

24 ในตลาดของเจ้า พวกเขาค้าขายเครื่องนุ่งห่มที่สวยงาม ผ้าสีน้ำเงิน งานเย็บปักและพรมหลายหลากสี ที่มีเชือกมัดขมวดเป็นปมไว้อย่างแน่นหนา

25 กองเรือของทารชิชทำหน้าที่ขนสินค้าให้กับเจ้า

ไทระเอ๋ย เจ้าเป็นเหมือนเรือ
    ที่เต็มไปด้วยสินค้าจนหนักอึ้งอยู่ใจกลางทะเล
26 ฝีพายของเจ้าพาเจ้าออกไปในทะเลลึก
    แต่ลมตะวันออกทำให้เจ้าอับปางที่ใจกลางทะเลนั้น
27 ความร่ำรวยของเจ้า สินค้า และของนำเข้าของเจ้า
    พวกลูกเรือ ต้นหน และช่างต่อเรือของเจ้า
พ่อค้าของเจ้ากับทหารทั้งหมดและคนอื่นๆทุกคนบนเรือ
    จะจมดิ่งลงใจกลางทะเลในวันที่เจ้าถูกทำลายนั้น

28 เมืองตามชายฝั่งจะสั่นไหว
    เมื่อต้นหนของเจ้าร้องตะโกนออกมา
29 ฝีพายที่พายเรือลำอื่นๆอยู่จะสละเรือ
    ทั้งลูกเรือและต้นหนจะไปยืนอยู่บนชายฝั่ง
30 พวกเขาจะตะโกนออกมาและร้องไห้อย่างขมขื่นสำหรับเจ้า
    พวกเขาจะโปรยดินลงบนหัวและเกลือกกลิ้งในกองขี้เถ้า
31 พวกเขาจะโกนผมออกให้กับเจ้า
    และจะสวมเสื้อผ้ากระสอบ
พวกเขาจะร้องไห้ให้กับเจ้าด้วยวิญญาณที่เจ็บปวดรวดร้าว
    และด้วยความเศร้าอันขมขื่น

32 ในขณะที่พวกเขาร้องคร่ำครวญให้กับเจ้า พวกเขาจะร้องเพลงไว้อาลัยสำหรับตัวเจ้าว่า

เคยมีใครเป็นเหมือนเมืองไทระบ้าง
    ตอนที่เธอเงียบจมหายไปในทะเล
33 เจ้าเคยทำให้ชนชาติต่างๆพึงพอใจเมื่อสินค้าของเจ้าออกสู่ทะเล
    เจ้าเคยทำให้กษัตริย์ทั้งหลายในโลกร่ำรวยด้วยทรัพย์สินอันมหาศาลและสินค้ามากมายของเจ้า

34 แต่ตอนนี้ ทะเลได้ทำให้เจ้าแตกอับปางในทะเลลึก
    ทั้งสินค้าและลูกเรือทั้งหมดของเจ้าต่างจมลงไปกับเจ้าด้วย
35 ทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองตามชายฝั่งต่างรู้สึกหวาดกลัวเพราะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้า
กษัตริย์ทั้งหลายในเมืองเหล่านี้ต่างก็สะดุ้งตกใจ
    และใบหน้าของพวกเขาก็บิดเบี้ยวด้วยความกลัว
36 พวกพ่อค้าที่อยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลายผิวปากด้วยความตะลึงงัน
    เจ้าได้มาถึงจุดจบอันน่าสะพรึงกลัวและจะไม่มีเจ้าอีกต่อไป’”

ผู้ครอบครองเมืองไทระคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า

28 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดกับผู้ครอบครองเมืองไทระว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

เจ้าพูดด้วยความหยิ่งผยองว่า
    “ข้าเป็นพระเจ้า
ข้านั่งอยู่บนบัลลังก์ของพระเจ้า
    ที่ใจกลางของทะเล”

แต่เจ้าเป็นแค่มนุษย์ไม่ใช่พระเจ้า
    ถึงแม้เจ้าจะคิดว่าเจ้าฉลาดเท่าพระเจ้าก็ตาม
เจ้าฉลาดกว่าดาเนียลหรือ
    ไม่มีความลับอะไรที่ซ่อนไปจากเจ้าได้เลยหรือ
สติปัญญาและความเข้าใจของเจ้าทำให้เจ้าได้ความร่ำรวยมา
    และทำให้เจ้ารวบรวมทองคำและเงินไว้ในคลังของเจ้าได้
ความชำนาญอย่างยิ่งยวดในด้านการค้าของเจ้าได้เพิ่มพูนทรัพย์สมบัติให้กับเจ้า
    และทรัพย์สมบัติของเจ้านั่นเองทำให้จิตใจของเจ้าลำพอง

ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
    “เจ้าคิดว่าตัวเองฉลาดเท่าพระเจ้า”
ดังนั้น เรากำลังจะนำชาวต่างชาติมาต่อต้านเจ้า
    เป็นชนชาติที่โหดร้ายที่สุด
พวกเขาจะชักดาบของพวกเขาเพื่อทำลายของสวยงามทั้งหลายที่เจ้าได้มาด้วยสติปัญญาของเจ้า
    และทำให้สง่าราศีอันรุ่งโรจน์ของเจ้าเสื่อมไป
พวกเขาจะนำเจ้าให้ลงไปอยู่ในหลุม
    และเจ้าจะตายอย่างโหดเหี้ยมกลางทะเล
ตอนที่เจ้าอยู่ต่อหน้าพวกที่จะฆ่าฟันเจ้า
    เจ้ายังจะพูดว่า “ข้าเป็นพระเจ้า” หรือ
เมื่อเจ้าตกอยู่ในกำมือของคนที่จะแทงเจ้า
    เจ้าจะเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง ไม่ใช่พระเจ้า
10 เจ้าจะตายอย่างคนที่ยังไม่ได้ขลิบด้วยน้ำมือของคนต่างชาติ
    เราได้ลั่นคำพูดออกไปแล้ว’”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

บทเพลงไว้อาลัยให้กับกษัตริย์ไทระ

11 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 12 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้ร้องเพลงไว้อาลัยให้กับกษัตริย์เมืองไทระและพูดกับเขาว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

เจ้าเป็นตัวอย่างของความสมบูรณ์แบบ
    ทั้งเต็มไปด้วยสติปัญญาและงามหมดจด
13 เจ้าเคยอยู่ในเอเดนซึ่งเป็นสวนของพระเจ้า[m]
พลอยที่มีค่าทุกเม็ดเป็นเครื่องตกแต่งของเจ้า
    ทั้งทับทิม บุษราคัม มรกต
    พลอยสีเขียวมะกอก หินควอทซ์ และนิล
    ไพลิน พลอยสีน้ำเงินอมเขียว และพลอยสีเขียว[n]
พลอยเหล่านี้ตั้งและฝังอยู่ในตัวเรือนที่เป็นทองคำ[o]
    ของเหล่านี้เตรียมไว้พร้อมแล้วในวันที่เจ้าได้รับการสร้างขึ้นมา
14 เจ้าได้รับการเจิมให้เป็นเหมือนเครูบ ผู้คุ้มกัน
    เพราะเราได้มอบหมายให้เจ้าเป็นอย่างนั้น
เจ้าอยู่บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า
    เจ้าเดินอยู่ท่ามกลางเพชรพลอยที่ส่องประกายเหมือนไฟ
15 การประพฤติทั้งหลายของเจ้าไม่มีที่ติเลยตั้งแต่วันที่เจ้าได้รับการสร้างขึ้นมา
    จนถึงเวลาที่ความชั่วถูกพบในตัวเจ้า
16 เจ้าเต็มไปด้วยความรุนแรงถึงแก่น
    และได้ทำบาปลงไปผ่านทางการค้าขายของเจ้าที่แผ่กระจายออกไป
ดังนั้นเราได้ไล่เจ้าออกไป อย่างน่าอับอายให้พ้นจากภูเขาของพระเจ้า เราได้ขับไล่เจ้าไป
    เครูบผู้คุ้มกันก็ได้ขับเจ้าออกไปจากท่ามกลางเพชรพลอยที่ส่องประกายเหมือนไฟ
17 จิตใจของเจ้านั้นหยิ่งผยองในความงามของเจ้า
    และความรุ่งโรจน์ของเจ้าทำให้สติปัญญาของเจ้าเสื่อมทรามลง
ดังนั้นเราจึงโยนเจ้าลงสู่พื้นดิน
    เราได้ทำให้กษัตริย์ทั้งหลายจ้องมองเจ้า
18 เจ้าทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของเจ้าต้องเสื่อมไป
    ด้วยความบาปมากมายและการค้าที่ไม่ซื่อสัตย์ของเจ้า
ดังนั้นเราจึงทำให้ไฟพุ่งออกมาจากตัวเจ้าและเผาผลาญเจ้า
    เราทำให้เจ้ากลายเป็นขี้เถ้าบนพื้นดินต่อหน้าต่อตาของผู้ที่กำลังดูเจ้าอยู่

19 ชนชาติทั้งหลายที่รู้จักเจ้าต่างก็ตกใจกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้า
    เจ้าได้มาถึงจุดจบอันน่าสะพรึงกลัวแล้ว และจะไม่มีเจ้าอีกต่อไป’”

การลงโทษเมืองไซดอน

20 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 21 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้หันหน้าของเจ้าไปทางเมืองไซดอน และพูดแทนเราต่อต้านเมืองนั้น 22 ว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

เมืองไซดอน เราต่อต้านเจ้า
    เราจะได้รับเกียรติ เมื่อเราจัดการกับเจ้า
พวกเขาจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์
    เมื่อเราลงโทษเจ้าและแสดงความศักดิ์สิทธิ์ของเราในเจ้า
23 เราจะส่งโรคระบาดมาให้เจ้า
    และทำให้เลือดไหลนองบนถนนทั้งหลายของเจ้า
คนจะโดนฆ่าฟันล้มลงภายในเมืองเจ้า
    เมื่อดาบรุมเร้าเข้ามาต่อต้านเจ้าจากทุกด้าน
แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์’

24 ชาวอิสราเอลจะได้ไม่มีเพื่อนบ้านที่ใจร้ายที่คอยทิ่มเหมือนพงหนามและแทงเหมือนหนามอีกต่อไป

แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต”

เชลยจะได้กลับบ้าน

25 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เมื่อเรารวบรวมชาวอิสราเอลมาจากชนชาติต่างๆที่พวกเขาได้กระจัดกระจายไปอยู่นั้น เราจะแสดงความศักดิ์สิทธิ์ของเราท่ามกลางชาวอิสราเอลต่อหน้าต่อตาชนชาติทั้งหลาย แล้วชาวอิสราเอลจะได้อาศัยอยู่บนแผ่นดินของตัวเอง ซึ่งเราได้มอบให้กับยาโคบผู้รับใช้ของเรา 26 พวกเขาจะอาศัยอยู่อย่างปลอดภัยที่นั่น พวกเขาจะสร้างบ้านเรือน และปลูกสวนองุ่น พวกเขาจะอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย เมื่อเราลงโทษเพื่อนบ้านทั้งหลายของเขาที่เกลียดชังพวกเขา แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเขา”

พระยาห์เวห์ต่อต้านประเทศอียิปต์

29 วันที่สิบสอง เดือนสิบ ปีที่สิบ[p]

คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ หันหน้าไปทางกษัตริย์ฟาโรห์แห่งประเทศอียิปต์และให้พูดแทนเราต่อต้านเขากับประเทศอียิปต์ทั้งหมด

ให้บอกเขาว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

เจ้ากษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ เราต่อต้านเจ้า
    เจ้าจระเข้ยักษ์[q] เจ้านอนหมอบอยู่ในลำธารทั้งหลายของแม่น้ำไนล์
เจ้าพูดว่า “แม่น้ำไนล์เป็นของข้า
    ข้าสร้างมันขึ้นมาเพื่อตัวข้าเอง”

แต่เราจะเอาพวกตะขอเกี่ยวขากรรไกรเจ้าไว้
    และทำให้ปลาในธารของเจ้าติดอยู่กับเกล็ดของเจ้า
เราจะดึงเจ้าขึ้นมาจากลำธารทั้งหลายของเจ้า
    พร้อมกับปลาทั้งหลายที่ติดอยู่ที่เกล็ดของเจ้า
เราจะโยนเจ้าออกไปในทะเลทราย
    พร้อมกับปลาทั้งหลายที่มาจากลำธารของเจ้า
เจ้าจะถูกทิ้งไว้ที่กลางแจ้งนั้น
    และจะไม่ถูกรวบรวมหรือเก็บขึ้นมา
เราจะให้เจ้าเป็นอาหารของพวกสัตว์บนดินและนกในอากาศ
แล้วคนทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในอียิปต์จะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์
    เจ้าได้เป็นไม้เท้าต้นกก[r] ให้กับครอบครัวอิสราเอล
เมื่อพวกอิสราเอลเอามือฉวยเจ้า เจ้าก็แตกหัก
    และไปบาดถูกหัวไหล่ของพวกเขา
เมื่อพวกเขาพิงเจ้า เจ้าก็แตกออก
    และทำให้หลังของพวกเขาเคล็ด’”
ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
“เราจะนำดาบมาต่อต้านเจ้า
    และฆ่าคนรวมทั้งสัตว์ทั้งหลายของเจ้า
ประเทศอียิปต์จะกลายเป็นซากปรักหักพังที่ถูกทิ้งร้าง
    แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์

เจ้าได้พูดว่า ‘แม่น้ำไนล์เป็นของข้า ข้าสร้างมันขึ้นมา’ 10 ดังนั้นเราจะต่อต้านเจ้าและต่อต้านลำธารทั้งหลายของเจ้า และเราจะทำให้แผ่นดินอียิปต์กลายเป็นซากปรักหักพัง และเป็นที่รกร้างตั้งแต่มิกดลไปจนถึงอัสวันและเลยไปถึงเขตแดนของคูช 11 จะไม่มีรอยเท้าของคนหรือสัตว์เดินผ่านไป จะไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสี่สิบปี 12 เราจะทำให้แผ่นดินอียิปต์รกร้างอยู่ท่ามกลางดินแดนทั้งหลายที่ถูกทำให้รกร้าง และเมืองต่างๆของอียิปต์จะรกร้างถึงสี่สิบปีท่ามกลางเมืองปรักหักพังทั้งหลาย เราจะทำให้ชาวอียิปต์แตกซ่านไปอยู่ตามชนชาติต่างๆและทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปอยู่ตามประเทศอื่นๆ”

13 แต่นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

“เมื่อครบสี่สิบปีแล้ว เราจะรวบรวมชาวอียิปต์มาจากชนชาติต่างๆที่พวกเขากระจัดกระจายไปอยู่นั้น

14 เราจะทำให้พวกเขากลับมาสู่สภาพเดิม และมอบดินแดนอียิปต์บน[s] ซึ่งเป็นแผ่นดินของบรรพบุรุษของพวกเขา คืนให้กับพวกเขาที่นั่น พวกเขาจะเป็นอาณาจักรที่ต่ำต้อย

15 มันจะเป็นอาณาจักรที่ต่ำต้อยที่สุด และจะไม่มีวันได้ยกตัวเองขึ้นเหนือชนชาติอื่นๆ เราจะทำให้มันอ่อนแอเสียจนกระทั่งไม่สามารถปกครองชนชาติอื่นได้อีก

16 ประเทศอียิปต์จะไม่มีวันได้เป็นที่พึ่งของชาวอิสราเอลอีกต่อไป แต่จะเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนถึงบาปของพวกเขาเอง ที่เคยหันไปขอความช่วยเหลือจากอียิปต์ แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต”

บาบิโลนจะบุกอียิปต์

17 ในวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่ง ปีที่ยี่สิบเจ็ด[t]

คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 18 “เจ้าลูกมนุษย์ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน ทำให้กองทัพของเขาต้องทำงานอย่างหนัก ในการต่อสู้กับเมืองไทระ ทหารทุกคนต้องแบกหินและดิน[u]บนหัวจนผมหลุดร่วงหมด และต้องแบกหินและดินบนบ่าจนถลอกไปหมด แต่กษัตริย์บาบิโลนกับกองทัพของเขาก็ไม่ได้รับค่าจ้างจากงานหนักทั้งหมดในการต่อสู้กับไทระ”

19 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

“เราจะมอบแผ่นดินอียิปต์ให้กับกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน เขาจะขนเอาทรัพย์สมบัติของมันไป เขาจะเอาข้าวของที่ยึดมาได้นี้แจกจ่ายให้กับกองทัพของเขา[v] นั่นแหละจะเป็นค่าจ้างของพวกเขา

20 เราได้มอบแผ่นดินอียิปต์ให้กับกษัตริย์ของบาบิโลน เป็นค่าตอบแทนสำหรับงานของเขา เพราะเขากับกองทัพได้ทำสิ่งนี้เพื่อเรา”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

21 “ในวันนั้น เราจะทำให้เขาสัตว์งอกขึ้น[w] เพื่อครอบครัวชาวอิสราเอล ดังนั้น เอเสเคียล เราจะเปิดปากของเจ้าท่ามกลางพวกเขา แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

30 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดแทนเราว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

ให้ร้องคร่ำครวญและพูดว่า
    “ซวยแน่ๆวันนั้น”
วันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว
วันของพระยาห์เวห์ใกล้มาถึงแล้ว
    จะเป็นวันที่เมฆมืดครึ้มไปหมด
    จะเป็นเวลาแห่งการตัดสินชนชาติทั้งหลาย
ดาบจะมาต่อสู้กับอียิปต์
    ความปวดร้าวใจจะมาอยู่ที่คูช
เมื่อเกิดการฆ่าฟันขึ้นในอียิปต์
    เมื่อทรัพย์สมบัติของเมืองอียิปต์ถูกขนไป
    เมื่อรากฐานของตึกทั้งหลายในเมืองอียิปต์แตกสลาย

คูช พูต ลูดและอาระเบียทั้งหมด

ลิเบีย[x] กับประชาชนของแผ่นดินที่เข้าเป็นพันธมิตรกับอียิปต์[y] จะล้มลงด้วยดาบพร้อมกับอียิปต์ด้วย

นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด
“พวกที่อยู่ฝ่ายเดียวกับประเทศอียิปต์จะล้มลง
    ความแข็งแกร่งที่พวกเขาลำพองจะล้มครืนลง
ตั้งแต่มิกดลไปจนถึงอัสวัน พวกเขาจะล้มลงด้วยดาบในแผ่นดินอียิปต์”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
พวกเขาจะถูกทิ้งให้รกร้างท่ามกลางประเทศต่างๆที่รกร้าง
    เมืองทั้งหลายของพวกเขาจะอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของเมืองอื่นๆ
เราจะจุดไฟเผาแผ่นดินอียิปต์
    และพวกคนที่มาช่วยเมืองนี้จะถูกบดขยี้
แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์

ในวันนั้นเราจะส่งพวกผู้ส่งข่าวออกไปทางเรือ เพื่อทำให้พวกคูชที่ตอนนี้คิดว่าปลอดภัย ตื่นตระหนก ความปวดร้าวใจจะมาอยู่กับพวกเขา ในวันที่อียิปต์ถูกลงโทษ เพราะเหตุการณ์นี้กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว’”

10 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
“เราจะทำให้กองทัพอียิปต์สิ้นสุดลง
    ด้วยน้ำมือของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน
11 เขากับกองทัพของเขาเป็นชนชาติที่เหี้ยมโหดที่สุด
    เราจะนำพวกเขาเข้ามาเพื่อทำลายแผ่นดินอียิปต์
พวกเขาจะชักดาบต่อสู้อียิปต์
    และทำให้แผ่นดินเต็มไปด้วยซากศพ
12 เราจะทำให้น้ำในแม่น้ำไนล์แห้งไป
    เราจะขายแผ่นดินอียิปต์ให้กับคนชั่ว
เราจะให้คนต่างชาติมาทำให้แผ่นดินอียิปต์และทุกสิ่งทุกอย่างในมันรกร้างว่างเปล่า
เรา ยาห์เวห์ ได้ลั่นคำพูดออกไปแล้ว”

13 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
“เราจะทำลายพวกรูปเคารพ
    และกำจัดพวกรูปปั้นพระในเมืองเมมฟิสให้หมดไป
จะไม่มีผู้นำในอียิปต์อีก
    เราจะแผ่กระจายความกลัวไปทั่วแผ่นดิน
14 เราจะทิ้งอียิปต์ตอนบน[z] ให้ร้าง
    เราจะจุดไฟเผาเมืองโศอัน
    และลงโทษเมืองเธเบส[aa]
15 เราจะเทความเดือดดาลของเราลงบนเมืองเปลูเซียม[ab] ซึ่งเป็นป้อมปราการของอียิปต์
    และเราจะตัดชาวเมืองเธเบสออกไป
16 เราจะจุดไฟเผาอียิปต์
    เมืองเปลูเซียมจะดิ้นพราดด้วยความเจ็บปวด
เมืองเธเบสจะถูกบุกทะลวงเข้าไป
    ส่วนเมืองเมมฟิสจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูตลอดเวลา
17 คนหนุ่มของเมืองเฮลิโอโพลิสและเมืองบูบัสติส[ac] จะล้มลงด้วยดาบ
    และคนในเมืองต่างๆจะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย
18 ความมืดจะปกคลุมเมืองทาปานเหสในกลางวัน
    เมื่อเราทำลายอำนาจการควบคุมของอียิปต์[ad]
ความแข็งแกร่งที่เมืองนั้นลำพองนักหนาจะสิ้นสุดลงที่นั่น
    มันจะถูกปกคลุมด้วยเมฆและคนตามหมู่บ้านต่างๆก็จะถูกจับไปเป็นเชลย
19 เราจะลงโทษอียิปต์อย่างนี้แหละ
    แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

อียิปต์จะอ่อนแอตลอดไป

20 ในวันที่เจ็ดเดือนหนึ่ง ปีที่สิบเอ็ด[ae] คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 21 “เจ้าลูกมนุษย์ เราได้หักแขนของกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ มันยังไม่ได้ต่อกลับคืนหรือเข้าเฝือก เพื่อให้แข็งแรงพอที่จะถือดาบได้”

22 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

“เราต่อต้านกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ เราจะหักแขนทั้งสองข้างของเขา

ทั้งแขนข้างที่ดีและข้างที่หักอยู่แล้ว และทำให้ดาบหลุดจากมือของเขา

23 เราจะทำให้ชาวอียิปต์แตกกระจายไปอยู่ตามชนชาติต่างๆและทำให้พวกเขากระเจิดกระเจิงไปอยู่ตามประเทศอื่นๆ

24 เราจะทำให้แขนของกษัตริย์บาบิโลนแข็งแกร่งและวางดาบของเราไว้ในมือของเขา

แต่เราจะหักแขนของกษัตริย์ฟาโรห์

เขาจะร้องครวญครางต่อหน้ากษัตริย์บาบิโลนเหมือนกับคนบาดเจ็บสาหัส

25 เราจะทำให้มือของกษัตริย์บาบิโลนแข็งแกร่ง แต่มือของกษัตริย์ฟาโรห์จะตกลงอย่างอ่อนปวกเปียก

เมื่อเราวางดาบของเราไว้ในมือของกษัตริย์บาบิโลน เขาก็จะยื่นมันออกสู้กับอียิปต์ แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์

26 เราจะทำให้ชาวอียิปต์แตกกระจายไปอยู่ตามชนชาติต่างๆและทำให้พวกเขากระเจิดกระเจิงไปอยู่ตามประเทศอื่นๆ แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

อัสซีเรียเป็นเหมือนกับต้นสนซีดาร์

31 ในวันที่หนึ่งเดือนสาม ปีที่สิบเอ็ด[af]

คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดกับกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์และประชาชนของเขาว่า

‘เราจะเปรียบเทียบความยิ่งใหญ่ของเจ้ากับใครดี
ลองนึกถึงอัสซีเรียสิ แต่ก่อนเคยเป็นต้นสนซีดาร์ในเลบานอนที่มีกิ่งก้านสาขาสวยงาม
    มีร่มเงาปกคลุมป่า
    มีลำต้นที่สูงมาก
ยอดของมันอยู่ท่ามกลางเมฆ
น้ำได้หล่อเลี้ยงมัน
    มหาสมุทรใต้ดินได้ทำให้มันเติบโตสูงขึ้น
ลำธารที่ไหลออกจากมหาสมุทรใต้ดินนั้นต่างไหลไปรอบๆที่ที่ต้นนั้นปลูกอยู่
    และมหาสมุทรใต้ดินได้ส่งธารน้ำของมันออกไปหล่อเลี้ยงต้นไม้ทั้งหลายของท้องทุ่ง
ต้นนั้นจึงเติบโตสูงขึ้น สูงกว่าต้นใดๆในท้องทุ่ง
    กิ่งของมันแตกออกมามากมาย
และก้านก็ยาวออกไป
    มันแผ่ขยายเพราะมีน้ำมาก
นกบนท้องฟ้าทั้งหมดได้มาทำรังอยู่บนกิ่งของมัน
    สัตว์ป่าต่างๆในท้องทุ่งได้ออกลูกอยู่ใต้กิ่งก้านสาขาของมัน
ชนชาติที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายได้อาศัยอยู่ภายใต้ร่มเงาของมัน
มันงดงามด้วยความยิ่งใหญ่ของมัน
    และด้วยกิ่งก้านที่แผ่กระจายออก
    เพราะรากของมันได้หยั่งลงไปถึงน้ำมากมาย
ต้นสนซีดาร์ทั้งหลายในสวนของพระเจ้ายังไม่อาจแข่งกับมันได้
    ทั้งเหล่าต้นสนก็ไม่อาจเทียบกับกิ่งของมันได้
ต้นเปลนก็เปรียบไม่ได้กับกิ่งก้านของมัน
    ไม่มีต้นไม้ไหนเลยในสวนของพระเจ้าที่จะสวยสู้มันได้
เราได้สร้างมันให้สวยงามด้วยกิ่งก้านมากมาย
    ต้นไม้ทั้งหมดในสวนเอเดน ที่เป็นสวนของพระเจ้า ก็ยังอิจฉามันเลย’”

10 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

“เพราะว่ามันสูงลิบลิ่วจนยอดของมันอยู่ท่ามกลางเมฆ

และมันลำพองในความสูงของมัน

11 เราจึงได้มอบมันให้กับผู้ครอบครองของชนชาติทั้งหลาย และคนนั้นได้ลงโทษมันให้สาสมกับความชั่วร้ายของมัน เราได้โยนมันทิ้งไป 12 ชนต่างชาติที่เหี้ยมโหดที่สุดได้โค่นมันลงและทิ้งมันไว้ กิ่งทั้งหลายของมันได้ตกลงตามเทือกเขาและตามหุบเขา ก้านที่แตกหักของมันได้ตกอยู่ตามหุบเขาลึกทั้งหมดในแผ่นดิน ชนชาติทั้งหมดบนโลกได้ออกมาจากภายใต้ร่มเงาของมันและทิ้งมันไว้

13 นกทั้งหลายบนท้องฟ้าได้มาอยู่ตามลำต้นที่ล้มลงของมัน สัตว์ป่าทั้งหมดแห่งท้องทุ่งได้มาอาศัยอยู่ตามกิ่งก้านของมัน

14 เรื่องนี้เกิดขึ้นเพื่อ จะได้ไม่มีต้นไม้อื่นที่ขึ้นอยู่ข้างแม่น้ำ ที่จะเติบโตสูงใหญ่ด้วยความหยิ่งผยอง และมียอดอยู่ท่ามกลางเมฆอย่างนั้นอีก จะไม่มีต้นไม้ใดที่จะมีน้ำหล่อเลี้ยงให้มีลำต้นสูงขนาดนั้นอีก

เพราะพวกมันทั้งหมดถูกกำหนดให้ตายไปอยู่ยังโลกเบื้องล่างท่ามกลางคนตาย และให้ไปอยู่กับพวกที่ลงไปอยู่ในหลุมลึกนั้น”

15 นี้คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

“ในวันที่มันลงไปอยู่ในแดนคนตาย

เราได้ทำให้มีการไว้ทุกข์เพื่อมัน เรากลบมันด้วยมหาสมุทรใต้ดิน เราได้ทำเขื่อนกั้นแม่น้ำทั้งหลายของมัน เราทำให้เลบานอนไว้ทุกข์ให้กับมัน และต้นไม้ทั้งหมดในท้องทุ่งได้เหี่ยวแห้งไปเพราะมัน 16 เราได้ทำให้ชนชาติต่างๆสั่นสะท้านด้วยเสียงล้มลงของมัน เมื่อเราได้นำมันลงสู่แดนคนตาย ไปอยู่ร่วมกันกับพวกที่ลงไปในหลุมลึกนั้น ต้นไม้ในสวนเอเดนทั้งหมด และต้นไม้ที่ได้รับเลือกมาและดีที่สุดของเลบานอน คือต้นไม้ทั้งหมดที่ได้รับน้ำอย่างอุดม ได้รับการปลอบใจในโลกเบื้องล่าง[ag]

17 พวกที่อาศัยอยู่ภายใต้ร่มเงาของมัน คือชนชาติที่อยู่ฝ่ายเดียวกับมัน ได้ลงไปในแดนผู้ตายกับมันด้วย และไปอยู่ร่วมกับพวกที่ถูกฆ่าด้วยดาบ

18 กษัตริย์ฟาโรห์ เคยมีต้นไม้ต้นไหนในสวนเอเดน ที่ยิ่งใหญ่และมีบารมีเหมือนกับเจ้าไหม

ตอนนี้ เจ้าจะต้องลงไปอยู่กับต้นไม้ของสวนเอเดนเหล่านั้นในโลกเบื้องล่าง และเจ้าจะต้องนอนอยู่ท่ามกลางพวกที่ไม่ได้ทำพิธีขลิบ[ah] และอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นที่ถูกฆ่าด้วยดาบ

ฟาโรห์และประชาชนทั้งหมดของเขาก็จะเป็นอย่างนั้นแหละ”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

บทเพลงไว้อาลัยให้กับฟาโรห์

32 ในวันที่หนึ่ง เดือนที่สิบสอง ปีที่สิบสอง[ai]

คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้ร้องเพลงไว้อาลัยบทหนึ่งให้กับกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ และพูดกับเขาว่า

‘เจ้าถือว่าตัวเองเป็นสิงโตในหมู่ชนชาติทั้งหลาย
    แต่อันที่จริง เจ้าเป็นจระเข้ยักษ์[aj] ในท้องทะเล
ที่ฟาดตัวไปมาตามลำธารของเจ้า
    กวนน้ำไปมาด้วยเท้าของเจ้า
    ทำให้น้ำขุ่นคลัก’”

นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

“ต่อหน้าชนชาติมากมายเราจะเหวี่ยงตาข่ายของเราเหนือเจ้า
    และพวกเขาจะดึงเจ้าขึ้นมาจากน้ำด้วยตาข่ายของเรา
เราจะขว้างเจ้าลงบนพื้นดิน
    จะโยนเจ้าลงในท้องทุ่งกลางแจ้ง
เราจะปล่อยให้นกในท้องฟ้ามาทำรังบนตัวเจ้า
    เราจะให้สัตว์ป่าทั้งหมดในโลกเหยียบย่ำเจ้า
เราจะกระจายเนื้อของเจ้าไปตามเทือกเขา
    และเอาซากของเจ้าไปถมหุบเขาทั้งหลาย
เราจะทำให้แผ่นดินไปจนถึงเทือกเขาเปียกชุ่มไปด้วยเลือดของเจ้า
    และหุบเขาลึกทั้งหลายจะเต็มไปด้วยเนื้อของเจ้า
เมื่อเราดับเจ้า
    เราจะคลุมฟ้าสวรรค์ไว้ เราจะทำให้ดวงดาวมืดลง
    เราจะเอาเมฆมาบดบังดวงอาทิตย์ไว้และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสงในตอนกลางคืน
เราจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ส่องแสงอยู่บนฟ้ามืดลงเหนือแผ่นดินเจ้า
    เราจะนำความมืดมาสู่แผ่นดินของเจ้า”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

“เราจะทำให้หลายชนชาติใจฝ่อ เมื่อเราเอาเศษที่แตกเป็นชิ้นๆของเจ้ามาอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆในดินแดนทั้งหลายที่เจ้าไม่รู้จักนั้น 10 เราจะทำให้ผู้คนมากมายหันมาจ้องเจ้าอย่างตะลึงงัน และบรรดากษัตริย์ของพวกเขาจะหวาดกลัวเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้า ในวันที่เจ้าล่มสลาย เมื่อเรากวัดแกว่งดาบของเราต่อหน้าพวกเขา พวกเขาทุกคนจะตัวสั่นเทิ้มเพราะกลัวตายทุกขณะจิต”

11 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

“ดาบของกษัตริย์แห่งบาบิโลนจะมาต่อสู้กับเจ้า 12 เราจะทำให้ประชาชนของเจ้าล้มลงด้วยดาบของคนเก่งกล้าเหล่านั้น ซึ่งเป็นชนชาติที่โหดเหี้ยมที่สุดในบรรดาชนชาติทั้งหมด พวกเขาจะทำให้ความหยิ่งผยองของอียิปต์แตกสลาย และทำให้กองทัพทั้งหมดของอียิปต์ย่อยยับไป

13 เราจะทำลายฝูงสัตว์ทั้งหมดที่อยู่ข้างแม่น้ำให้หมดไป จะไม่มีมนุษย์คนใดหรือกีบของสัตว์ตัวใดมากวนให้น้ำขุ่นอีกต่อไป

14 แล้วเราจะปล่อยให้แม่น้ำในดินแดนแห่งนี้ตกตะกอน และทำให้ลำธารทั้งหลายไหลลื่นเหมือนน้ำมันมะกอก 15 ตอนที่เราทำให้แผ่นดินอียิปต์รกร้างว่างเปล่า ตอนที่แผ่นดินนั้นสูญเสียทุกอย่าง ตอนที่เราฟาดฟันทุกคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น แล้วเมื่อนั้น พวกเขาจะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์”

16 “นี่คือบทเพลงไว้อาลัยที่จะใช้ร้องกัน พวกผู้หญิงของชนชาติต่างๆจะร้องเพลงไว้อาลัยนี้ พวกเขาจะร้องเพลงนี้ที่พูดถึงอียิปต์และประชาชนทั้งหมดของมัน”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

ประเทศอียิปต์จะถูกทำลาย

17 วันที่สิบห้าของเดือนนั้น ในปีที่สิบสอง[ak]

คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 18 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้ร้องคร่ำครวญให้กับประชาชนชาวอียิปต์ ให้ส่งทั้งอียิปต์และพวกผู้หญิงของชาติมหาอำนาจเหล่านั้น ลงไปอยู่ร่วมกับคนเหล่านั้นที่อยู่ในหลุมลึกนั้น

19 ‘เจ้าอียิปต์

เจ้าคิดว่าเจ้าสวยงามกว่าคนอื่นหรือ ลงไป ไปนอนกับพวกที่ไม่ได้ขลิบซะ’

20 พวกเขาจะตกไปอยู่กับพวกที่ถูกฆ่าด้วยดาบ ดาบถูกชักออกจากฝักแล้ว ลากอียิปต์กับประชาชนของมันออกไปซะ

21 จากแดนคนตาย พวกวีรบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุด จะพูดเรื่องของอียิปต์และพวกที่อยู่ฝ่ายเดียวกับมันว่า

‘พวกเขาได้ลงมาแล้ว พวกเขาได้นอนอยู่กับพวกที่ไม่ได้ทำพิธีขลิบ[al] ที่ถูกฆ่าด้วยดาบ’

22 อัสซีเรียกับกองทัพทั้งหมดของเขา[am] ก็อยู่ที่นั่นด้วย หลุมฝังศพของพวกเขาอยู่ล้อมรอบเขา พวกมันทั้งหมดถูกฆ่าด้วยดาบ

23 หลุมฝังศพของอัสซีเรียอยู่ที่ก้นเหวของหลุมลึกนั้น กองทัพของเขาก็ฝังอยู่รอบๆหลุมฝังศพของเขานั้น ทั้งหมดต่างก็ถูกฆ่าด้วยดาบ พวกนี้เคยสร้างความกลัวไปทั่วแผ่นดินของคนที่ยังมีชีวิตอยู่

24 เอลามก็อยู่ที่นั่นด้วย ชาวเมืองของเขาก็ฝังอยู่รอบๆหลุมฝังศพของเขา พวกเขาทั้งหมดถูกฆ่าด้วยดาบ ทุกคนที่เคยสร้างความหวาดกลัวไปทั่วแผ่นดินของผู้ที่มีชีวิต ต่างก็ลงไปสู่โลกเบื้องล่างท่ามกลางพวกที่ไม่ได้ทำพิธีขลิบ พวกเขาต้องแบกรับความอับอายร่วมกับทุกคนที่ลงไปในหลุมลึกนั้น

25 มีการจัดเตียงหลังหนึ่งให้กับหลายชนชาติเอลามและกองทัพทั้งหมดของเขาที่ถูกฆ่าด้วยดาบ กองทัพทั้งหมดของเอลามถูกฝังอยู่รอบๆหลุมฝังศพของเขา พวกเขาทั้งหมดยังไม่ได้ทำพิธีขลิบและถูกฆ่าด้วยดาบ ทั้งๆที่พวกเขาเคยสร้างความหวาดกลัวไปทั่วแผ่นดินของผู้ที่มีชีวิต

พวกเขาต้องแบกรับความอับอายร่วมกับทุกคนที่ลงไปในหลุมลึกนั้น พวกเขาถูกวางลงท่ามกลางคนที่ถูกฆ่า

26 เมเชคกับทูบัลก็อยู่ที่นั่นด้วย พร้อมกับกองทัพของพวกเขา ซึ่งฝังอยู่รอบๆหลุมฝังศพของเขาทั้งสอง

พวกเขาทั้งหมดยังไม่ได้ทำพิธีขลิบและถูกฆ่าด้วยดาบ ทั้งๆที่พวกเขาเคยสร้างความหวาดกลัวไปทั่วแผ่นดินของผู้ที่มีชีวิต

27 แต่พวกเขาไม่ได้นอนฝังร่วมอยู่กับพวกวีรบุรุษที่ล้มลงในสมัยก่อนนานมาแล้ว ที่ลงไปในแดนผู้ตาย พร้อมกับอาวุธของเขา ที่มีดาบของพวกเขาหนุนหัวอยู่ และมีโล่วางทับอยู่บนกระดูก ทั้งๆที่พวกวีรบุรุษเหล่านี้เคยสร้างความหวาดกลัวไปทั่วแผ่นดินของผู้ที่มีชีวิตอยู่

28 ฟาโรห์ เจ้าก็จะโดนอย่างนั้นเหมือนกัน

เจ้าจะถูกทำลายและจะไปนอนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นที่ไม่ได้เข้าพิธีขลิบ ไปอยู่กับพวกนั้นที่ถูกฆ่าด้วยดาบ

29 เอโดมก็อยู่ที่นั่นด้วย พร้อมกับบรรดากษัตริย์และเจ้าชายทั้งหลายของเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาเคยมีพลังมาก แต่พวกเขาก็ถูกวางรวมอยู่กับคนที่ถูกฆ่าด้วยดาบ นอนอยู่กับพวกที่ไม่ได้ทำพิธีขลิบ และอยู่กับพวกที่ลงไปอยู่ในหลุมลึกนั้น

30 บรรดาเจ้าชายทุกคนของทางเหนือ และพวกชาวไซดอนทั้งหมดก็อยู่ที่นั่นด้วย

พวกเขาได้ลงไปอย่างอับอาย ไปอยู่ร่วมกับพวกที่ถูกฆ่า ทั้งๆที่แต่ก่อนพวกเขาเคยสร้างความหวาดกลัวให้กับคนอื่น

พวกเขานอนอยู่ที่นั่นยังไม่ได้ทำพิธีขลิบ ไปอยู่กับคนที่ถูกฆ่าด้วยดาบ

และพวกเขาต้องแบกรับความอับอาย ร่วมกับทุกคนที่ลงไปในหลุมลึกนั้น

31 เมื่อฟาโรห์เห็นสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับคนเหล่านั้น เขาก็จะได้ไม่รู้สึกแย่มากนัก ที่เขาและกองทัพทั้งหมดของเขาถูกฆ่าด้วยดาบ”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

32 “เราจะทำให้แผ่นดินของผู้ที่มีชีวิตอยู่ยำเกรงเรา ฟาโรห์กับกองทัพทั้งหมดของเขาก็จะถูกวางลงท่ามกลางพวกที่ไม่ได้ทำพิธีขลิบ ที่ถูกฆ่าด้วยดาบ” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

พระเจ้าเลือกเอเสเคียลเป็นยามเฝ้าดูเมืองอิสราเอล

(อสค. 3:16-21)

33 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดกับคนของเจ้าและบอกพวกเขาว่า

‘เมื่อเรานำกองทัพศัตรูมาต่อสู้กับแผ่นดินหนึ่งและประชาชนของแผ่นดินนั้นได้เลือกคนหนึ่งในพวกเขาให้เป็นยามเฝ้าดูเมือง

และถ้ายามคนนั้นมองเห็นกองทัพศัตรูบุกเข้ามาโจมตีแผ่นดินนั้น เขาจะเป่าแตรเตือนประชาชน

แล้วถ้ามีใครได้ยินเสียงแตรนั้น แต่เมินเฉยต่อเสียงเตือนนั้น กองทัพศัตรูนั้นก็จะมาคร่าเอาชีวิตเขาไป เขาแส่หาที่ตายเอง

เขาแส่หาที่ตายเอง เพราะเขาได้ยินเสียงแตร แต่ทำเป็นเมินเฉยไม่สนใจต่อเสียงเตือนนั้น

แต่ถ้าหากเขาฟังเสียงเตือน เขาก็จะรักษาชีวิตของเขาไว้ได้

แต่ถ้ายามเห็นกองทัพศัตรูกำลังบุกมา แต่ไม่ยอมเป่าแตรเตือนประชาชน แล้วกองทัพศัตรูบุกมาถึงและได้คร่าเอาชีวิตคนหนึ่งคนใดไป คนเหล่านั้นต้องตายไปเพราะบาปของพวกเขา แต่เราจะให้ยามคนนั้นต้องรับผิดชอบต่อเลือดของพวกเขาด้วย’”

“เจ้าลูกมนุษย์ เราได้ให้เจ้าเป็นยามเฝ้าดูครอบครัวอิสราเอล ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าได้ยินคำเตือนจากเรา เจ้าจะต้องไปเตือนพวกเขา

ถ้าเราพูดกับคนชั่วว่า ‘ไอ้ชาติชั่ว เจ้าจะต้องตายแน่’ แล้วเจ้ากลับไม่เอาสิ่งนี้ไปเตือนเขา เพื่อหันเขาไปจากทางชั่วของเขา คนชั่วนั้นจะต้องตายเพราะบาปของเขา แต่เราจะให้เจ้าต้องรับผิดชอบต่อเลือดของเขาด้วย

แต่ถ้าเจ้าเตือนคนชั่วนั้นให้หันไปจากสิ่งที่เขาทำอยู่ แต่เขาไม่ยอมฟังเจ้า เขาจะตายเพราะบาปของเขาเอง แต่เจ้าจะได้รักษาชีวิตของเจ้าไว้”

พระเจ้าไม่ชอบทำลายมนุษย์

(อสค. 18:21-30)

10 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดกับครอบครัวอิสราเอลว่า

‘พวกเจ้ากำลังพูดกันว่า “การกบฏและบาปของพวกเรานั้นหนักอึ้งเหลือเกิน พวกเรากำลังซูบผอมลงเพราะบาปเหล่านั้น พวกเราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง”’

11 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า ‘ให้บอกกับพวกเขาว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เราไม่ได้ชื่นชมกับความตายของคนชั่วหรอก แต่เราอยากจะให้พวกเขาหันไปจากความชั่วที่พวกเขาทำ และมีชีวิตอยู่ต่อไปมากกว่า กลับใจเสีย ให้หันไปจากทางชั่วทั้งหลายของเจ้า ชาวอิสราเอลเอ๋ย พวกเจ้าจะไปตายกันทำไมเล่า”’

12 ดังนั้น เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดกับคนของเจ้าว่า

‘ความดีของคนดี ไม่อาจช่วยรักษาชีวิตของเขาไว้ได้ ถ้าเขาหันไปทำบาป

ส่วนความชั่วของคนชั่ว ก็จะไม่เป็นเหตุให้เขาล่มสลาย ถ้าเขาหันไปจากความชั่วของเขา

ถ้าคนดีทำบาป เขาจะไม่สามารถรักษาชีวิตของเขาไว้ได้ โดยพึ่งความดีที่พวกเขาเคยทำมา’

13 ถ้าเราบอกกับคนดีว่า เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน แต่เขาพึ่งในความดีของเขาและไปทำชั่ว เราจะไม่จดจำสิ่งดีๆที่เขาเคยทำ เขาจะตายเพราะความชั่วที่เขาได้ทำไป

14 และถ้าเราพูดกับพวกคนชั่วว่า ‘เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน’ แต่แล้วเขาก็หันจากบาปและไปทำสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้อง 15 เช่น เขาคืนของค้ำประกันเงินกู้ คืนสิ่งที่เขาได้ขโมยมา และเดินตามทางทั้งหลายที่ให้ชีวิต และไม่ทำชั่ว เขาคนนั้นจะมีชีวิตแน่ เขาจะไม่ตาย 16 เราจะไม่จดจำบาปที่เขาเคยทำ และเอามันมาฟ้องเขา เขาได้ทำในสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้อง เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน

17 แต่คนของเจ้าพูดว่า ‘วิธีการของพระยาห์เวห์ไม่ยุติธรรม’ แต่เป็นวิธีการของพวกเขาต่างหากที่ไม่ยุติธรรม

18 ถ้าคนดีหันไปจากความดีของเขา และไปทำชั่ว เขาจะตายเพราะความชั่วนั้น

19 ถ้าคนชั่วหันไปจากความชั่วของเขา และไปทำสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้อง เขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะเขาทำอย่างนั้น 20 ครอบครัวอิสราเอล พวกเจ้ายังพูดว่า ‘วิธีการของพระยาห์เวห์ไม่ยุติธรรม’ แต่เราจะตัดสินพวกเจ้าแต่ละคนตามการกระทำของตน”

เมืองเยรูซาเล็มจะถูกทำลาย

21 ในวันที่ห้า เดือนสิบ ของปีที่สิบสองของการเนรเทศ[an]

มีชายคนหนึ่งที่รอดจากการล่มสลายของเมืองเยรูซาเล็ม ได้มาพบผมและพูดว่า

“เมืองแตกแล้ว”

22 คืนก่อนที่ชายคนนี้จะมาหา มือของพระยาห์เวห์ได้อยู่กับผมแล้ว แต่พระองค์ได้เปิดปากของผม ก่อนที่ชายคนนั้นจะมาหาผมในตอนเช้า ปากของผมจึงเปิดออกและผมก็ไม่เป็นใบ้อีกต่อไป[ao]

23 แล้วคำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 24 “เจ้าลูกมนุษย์ พวกที่รอดชีวิตที่อาศัยอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังในแผ่นดินอิสราเอลกำลังพูดว่า

‘ขนาดอับราฮัมคนเดียว ก็ยังเป็นเจ้าของแผ่นดินได้ แล้วนี่ พวกเรามีตั้งมากมาย แผ่นดินจะต้องตกเป็นของพวกเราอย่างแน่นอน’

25 ดังนั้นให้พูดกับพวกเขาว่า

‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

พวกเจ้ายังคิดจะเป็นเจ้าของแผ่นดินอย่างนั้นหรือ ในเมื่อเจ้ากินเนื้อสัตว์ที่ยังมีเลือดติดอยู่และมองหาความช่วยเหลือจากพวกรูปเคารพและยังฆ่าคนบริสุทธิ์อีกด้วย 26 พวกเจ้าหากินด้วยดาบ ทำสิ่งที่น่ารังเกียจทั้งหลาย แต่ละคนก็เป็นชู้กับเมียของเพื่อนบ้าน อย่างนี้แล้ว เจ้ายังคิดจะเป็นเจ้าของแผ่นดินอีกหรือ’

27 ให้พูดสิ่งนี้กับพวกเขา

‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า พวกที่อาศัยอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังจะล้มลงด้วยดาบ เราจะส่งพวกสัตว์ป่าไปขย้ำพวกที่หนีออกไปอยู่ตามชานเมือง พวกที่ไปอยู่ตามที่ซ่อนและตามถ้ำจะตายด้วยโรคระบาด 28 เราจะทำให้แผ่นดินนี้ถูกทิ้งร้าง และความแข็งแกร่งที่เมืองนี้หยิ่งผยองนักหนาจะสิ้นสุดลง พวกภูเขาของอิสราเอลจะรกร้างจนไม่มีใครเดินทางข้ามพวกมัน

29 เมื่อเราทิ้งแผ่นดินนี้ให้รกร้างเพราะสิ่งน่ารังเกียจทั้งหลายที่พวกเขาได้ทำนั้น แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์’

30 ส่วนเจ้า เจ้าลูกมนุษย์

คนของเจ้ากำลังพูดถึงเจ้าตามกำแพงและประตูบ้านว่า ‘ไป ไปฟังถ้อยคำของพระยาห์เวห์กันเถอะ’

31 ประชาชนของเรามาพบเจ้าอย่างที่เคยทำมา และมานั่งอยู่ต่อหน้าเจ้า เพื่อที่จะฟังคำพูดของเจ้า แต่พวกเขาไม่ทำตาม คำพูดกระตุ้นราคะอยู่ที่ริมฝีปากพวกเขา และใจของพวกเขาละโมบเอาแต่ได้

32 ในสายตาพวกเขา เจ้าก็เป็นแค่นักร้องที่ร้องเพลงกระตุ้นราคะ ด้วยเสียงอันไพเราะ และเล่นดนตรีเก่งเท่านั้นเอง พวกเขาฟังคำพูดของเจ้าแต่ไม่ได้เอาไปทำตาม 33 เมื่อสิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้น (ซึ่งมันจะเป็นไปตามนั้นอย่างแน่นอนอยู่แล้ว)

พวกเขาจะได้รู้ว่ามีผู้พูดแทนพระเจ้าได้มาอยู่ท่ามกลางพวกเขาจริง”

ผู้เลี้ยงแกะที่เลี้ยงแต่ปากท้องตัวเอง

34 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดแทนเราต่อต้านพวกผู้เลี้ยงแกะของอิสราเอล ให้บอกกับพวกเขาว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘น่าละอายจริงๆผู้เลี้ยงแกะของอิสราเอลที่เลี้ยงดูแต่ปากท้องตัวเอง ผู้เลี้ยงควรจะเลี้ยงดูปากท้องของฝูงแกะ ไม่ใช่หรือ พวกเจ้ากินนมเปรี้ยวแข็ง นุ่งห่มขนแกะและเลือกแกะตัวอ้วนพีมาฆ่ากินกัน แต่เจ้าไม่เลี้ยงดูปากท้องของฝูงแกะเลย เจ้าไม่ได้เสริมกำลังให้กับตัวที่อ่อนแอ ไม่ได้รักษาตัวที่เจ็บป่วย และเจ้าไม่ได้พันแผลตัวที่บาดเจ็บ เจ้าไม่ได้นำสัตว์ที่หลงทางกลับมา เจ้าไม่ได้ตามหาตัวที่สูญหายไป แล้วพวกเจ้าปกครองพวกที่แข็งแรง[ap]อย่างโหดเหี้ยมทารุณ

ดังนั้นพวกมันจึงกระจัดกระจายไปเพราะไม่มีผู้เลี้ยงคอยนำทางและเมื่อพวกมันแตกกระจายไป ก็ตกเป็นอาหารของพวกสัตว์ป่า ฝูงแกะของเรากระจัดกระจายไป แกะของเราเดินเร่ร่อนไปตามเทือกเขาและตามเนินเขาสูงพวกมันกระจัดกระจายไปทั่วผืนแผ่นดินโลก และไม่มีใครออกไปค้นหา หรือตามพวกมันกลับมา’”

ดังนั้น พวกเจ้า พวกผู้เลี้ยงแกะ ให้ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ซะ

8-10 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตบอกว่า “เนื่องจากฝูงแกะของเราตกเป็นเหยื่อและกลายเป็นอาหารของสัตว์ป่าทั้งหลาย เพราะพวกมันขาดผู้เลี้ยงคอยนำทาง แล้วพวกผู้เลี้ยงแกะของเราไม่ยอมค้นหาฝูงแกะของเรา แต่กลับสนใจเลี้ยงดูปากท้องของตัวเองมากกว่าของฝูงแกะ ไอ้พวกผู้เลี้ยงแกะ ให้ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ซะ อย่างนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด

‘เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เราจะต่อต้านพวกคนเลี้ยงแกะ และเราจะเอาผิดกับพวกเขาสำหรับสิ่งที่พวกเขาทำกับลูกแกะของเรา เราจะปลดพวกเขาออกจากการเป็นผู้ดูแลฝูงแกะของเรา เพื่อพวกนี้จะไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้อีก เราจะช่วยฝูงแกะของเราให้พ้นจากปากของพวกเขา และพวกแกะจะไม่เป็นอาหารของพวกเขาอีกต่อไป’”

พระเจ้าจะเลี้ยงดูฝูงแกะเอง

11 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เราเองจะค้นหาแกะของเราและดูแลพวกมัน 12 คนเลี้ยงแกะที่ดีจะค้นหาฝูงแกะที่กระจัดกระจายของเขาเมื่อเขาอยู่กับฝูงแกะ เราก็จะค้นหาฝูงแกะของเราอย่างนั้นด้วย เราจะช่วยพวกมันให้รอดพ้นออกมาจากสถานที่ต่างๆที่พวกมันกระจัดกระจายไปในวันที่มืดมิดที่ปกคลุมไปด้วยเมฆ 13 เราจะนำพวกมันออกมาจากชนชาติต่างๆและรวบรวมพวกมันจากประเทศทั้งหลาย เราจะนำพวกมันเข้าสู่แผ่นดินของพวกมันเอง เราจะเลี้ยงพวกมันด้วยทุ่งหญ้าตามเทือกเขาของอิสราเอล ตามริมลำธารและตามเขตชุมชนในแผ่นดินนี้ 14 เราจะเลี้ยงดูพวกมันด้วยทุ่งหญ้าอย่างดี และบนภูเขาสูงของอิสราเอล จะมีทุ่งหญ้าให้กับพวกมัน ที่นั่นพวกมันจะนอนลงบนทุ่งหญ้าอย่างดี และจะมีหญ้ากินอย่างอุดมสมบูรณ์ตามเทือกเขาของอิสราเอล 15 เราเองจะเลี้ยงดูแกะของเราและให้พวกมันนอนลง” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

16 “เราจะค้นหาพวกแกะที่หลงหาย เราจะนำพวกที่หลงทางกลับมา เราจะพันแผลตัวที่บาดเจ็บ เราจะเสริมกำลังให้กับตัวที่อ่อนแอ แล้วเราจะเลี้ยงดู[aq]พวกแกะที่อ้วนพีและแข็งแรง เราจะเลี้ยงแกะฝูงนี้ด้วยความยุติธรรม

17 ส่วนพวกเจ้า ฝูงแกะของเรา นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘เราจะตัดสินระหว่างแกะตัวนี้กับแกะตัวนั้น และระหว่างพวกแกะตัวผู้กับพวกแพะ 18 เจ้าได้รับการเลี้ยงดูด้วยทุ่งหญ้าอย่างดี แค่นั้นยังไม่พออีกหรือ ทำไมเจ้ายังจะต้องไปเหยียบย่ำทุ่งหญ้าที่เหลือด้วย เจ้าได้ดื่มน้ำที่ใสสะอาด แค่นั้นยังไม่พอหรือยังไง ทำไมเจ้าต้องเอาเท้าไปกวนน้ำที่เหลือจนขุ่นเป็นโคลนด้วย 19 จำเป็นด้วยหรือ ที่ฝูงแกะของเราต้องไปกินสิ่งที่เจ้าเหยียบย่ำ และต้องดื่มสิ่งที่เจ้าใช้เท้ากวนจนขุ่นเป็นโคลน’”

20 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดกับพวกแกะตัวอ้วนพีเหล่านั้น “ดูสิ เราเองจะตัดสินโทษระหว่างแกะตัวอ้วนกับแกะที่ผอมแห้ง 21 เพราะเจ้าใช้สีข้างกับไหล่ของเจ้าผลักไสแกะที่อ่อนแอ และใช้เขาของเจ้าขวิดพวกมันจนสามารถไล่พวกมันออกไป 22 เราจะช่วยฝูงแกะของเราให้รอด และพวกมันจะไม่ถูกพวกเจ้าปล้นอีกแล้ว เราจะตัดสินระหว่างแกะตัวนี้กับแกะตัวนั้น 23 เราจะให้ผู้เลี้ยงแกะคนหนึ่งมาปกครองพวกมัน นั่นคือดาวิด[ar] ผู้รับใช้ของเราและเขาจะดูแลพวกมันและเป็นผู้เลี้ยงคอยนำทางพวกมัน 24 เรา ยาห์เวห์ จะเป็นพระเจ้าของพวกมัน และดาวิดผู้รับใช้ของเราจะเป็นเจ้าชายในหมู่พวกมัน เรา ยาห์เวห์ลั่นคำพูดออกไปแล้ว

25 เราจะทำข้อตกลงให้พวกมันอยู่เย็นเป็นสุขและกำจัดสัตว์ร้ายออกจากแผ่นดิน เพื่อพวกมันจะได้อาศัยอยู่ในที่โล่งกว้าง และนอนหลับในป่าอย่างปลอดภัย 26 เราจะอวยพรพวกเขา รวมทั้งบริเวณรอบเนินเขาของเรา[as] เราจะส่งฝนให้ตกตามฤดูกาล ฝนแห่งพระพรจะตกลงมา 27 ต้นไม้ตามท้องทุ่งจะเกิดผลและพื้นดินจะให้พืชผลงอกเงยขึ้น พวกเขาจะปลอดภัยอยู่บนแผ่นดินของพวกเขา เมื่อเราทำลายแอกของพวกเขา และช่วยเหลือพวกเขาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกที่ทำให้พวกเขาเป็นทาส เมื่อนั้นพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ 28 พวกเขาจะไม่ถูกชนชาติอื่นๆปล้นอีกต่อไป และจะไม่ถูกสัตว์ป่าเขมือบอีก พวกเขาจะอยู่อย่างปลอดภัย และจะไม่มีใครมาทำให้พวกเขาหวาดกลัวได้อีก 29 เราจะจัดหาดินแดนที่มีพืชผลอุดมสมบูรณ์ให้กับพวกเขา พวกเขาจะไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของความอดอยากในดินแดนนั้น แล้วพวกเขาจะไม่ถูกชนชาติอื่นๆพูดเหยียดหยามอีกต่อไป 30 แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่า เรา ยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาอยู่กับพวกเขา และรู้ว่าพวกเขาซึ่งเป็นครอบครัวของอิสราเอลเป็นคนของเรา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

31 “พวกเจ้าเป็นแกะของเรา เป็นแกะแห่งทุ่งหญ้าของเรา พวกเจ้าเป็นคนของเรา และเราคือพระเจ้าของพวกเจ้า” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

พระยาห์เวห์พูดต่อต้านภูเขาเสอีร์แห่งเอโดม

35 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้หันหน้าของเจ้าไปทางภูเขาเสอีร์ ให้พูดแทนเราต่อต้านมัน และบอกมันว่า

‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด
ภูเขาเสอีร์ เราต่อต้านเจ้า
    เราจะยื่นมือของเราออกตีเจ้าและทำให้เจ้ารกร้างว่างเปล่า
เราจะเปลี่ยนเมืองต่างๆของเจ้าให้กลายเป็นซากปรักหักพัง
    เจ้าจะรกร้าง
แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์
เพราะเจ้าได้เกลียดอิสราเอลตั้งแต่ยุคโบราณ
และมอบชาวอิสราเอลให้ถูกฆ่า
    ในช่วงที่พวกเขาเผชิญกับความหายนะ
    ในช่วงที่การลงโทษของพวกเขาได้มาถึงจุดสุดยอด’”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เราจะมอบพวกเจ้าไปสู่การนองเลือด และมันจะไล่ตามพวกเจ้าไป พวกเจ้าไม่เกลียดการนองเลือด อย่างนั้นการนองเลือดจะไล่ตามพวกเจ้าไป เราจะทำให้ภูเขาเสอีร์กลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่าและจะไม่ให้มีใครเดินทางผ่านไปมาที่นั่น เราจะทำให้เทือกเขาของพวกเจ้าเต็มไปด้วยซากศพที่ถูกฆ่า

พวกที่ถูกฆ่าด้วยดาบจะล้มลงตามพวกเนินเขา หุบเขาและในธารน้ำที่เหือดแห้งของเจ้า เราจะทำให้เจ้าเป็นที่รกร้างตลอดไป เมืองต่างๆของเจ้าจะไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์

10 เป็นเพราะเจ้าได้พูดว่า ‘ชนชาติอิสราเอลและยูดาห์ ประเทศทั้งสอง[at] นี้จะตกเป็นของเรา และเราจะยึดพวกมันไว้’ ทั้งๆที่ เรา ยาห์เวห์จะอยู่ที่นั่นก็ตาม” 11 ดังนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เราจะทำกับเจ้าให้สาสมกับความโกรธและความอิจฉาที่เจ้าได้แสดงออกด้วยความเกลียดชังต่อพวกเขา การที่เราจัดการกับเจ้าอย่างนี้ เราจะทำให้ตัวเราเป็นที่รู้จักในหมู่คนอิสราเอล 12 แล้วเจ้าจะได้รู้ว่า เรา ยาห์เวห์ได้ยินสิ่งต่างๆที่พวกเจ้าพูดดูถูกเทือกเขาของอิสราเอลไว้ เจ้าพูดว่า ‘พวกมันถูกทิ้งให้ร้างและถูกมอบให้พวกเรากลืนกิน’ 13 เจ้าคุยโม้โอ้อวดทับถมเรา และพูดต่อต้านเราอย่างไม่ยั้งคิด และเราก็ได้ยินสิ่งที่เจ้าพูด”

14 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “โลกทั้งโลกจะเฉลิมฉลองรื่นเริงกัน เพราะเราได้ทำให้เจ้ารกร้างว่างเปล่า 15 เพราะเจ้าเฉลิมฉลองรื่นเริงกัน ตอนที่ดินแดนของชาวอิสราเอลกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ภูเขาเสอีร์และเอโดมทั้งหมด ทั้งหมดเลย เราจะทำกับเจ้าอย่างนั้น เจ้าจะต้องรกร้างว่างเปล่า แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International