Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
เอเสเคียล 36:1-47:12

คำพยากรณ์แก่ภูเขาทั้งหลายของอิสราเอล

36 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงพยากรณ์แก่ภูเขาทั้งหลายของอิสราเอลว่า ‘บรรดาภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ศัตรูกล่าวถึงเจ้าว่า “อะฮ้า! ที่สูงโบราณทั้งหลายตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเราแล้ว” ’ ฉะนั้นจงพยากรณ์ว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เนื่องจากพวกเขาทำลายล้างและตามล่าเจ้าจากทุกด้านจนเจ้าตกเป็นกรรมสิทธิ์ของประชาชาติทั้งหลาย และเป็นเป้าของการนินทาว่าร้ายของผู้คน ฉะนั้นบรรดาภูเขาของอิสราเอล จงฟังพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสแก่ภูเขาน้อยใหญ่ ลำห้วย และหุบเขาทั้งหลาย แก่ซากปรักหักพังและบรรดาหัวเมืองอันเริศร้างซึ่งถูกปล้นชิงและเย้ยหยันโดยชาติต่างๆ ที่อยู่รายรอบ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรากล่าวประณามชนชาติทั้งหลายและเอโดมทั้งปวงด้วยความเดือดดาลของเรา เพราะพวกเขายึดดินแดนของเราเป็นกรรมสิทธิ์ด้วยความลิงโลดและใจชั่วร้าย และเพราะพวกเขาได้ปล้นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์นั้น’ ฉะนั้นจงพยากรณ์เกี่ยวกับดินแดนอิสราเอลและกล่าวแก่ภูเขาน้อยใหญ่ ลำห้วย และหุบเขาทั้งหลายว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราพูดด้วยอารมณ์เดือดดาลเนื่องจากพวกเจ้าต้องทนการดูหมิ่นดูแคลนจากชนชาติต่างๆ ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราชูมือขึ้นปฏิญาณว่าบรรดาชนชาติล้อมรอบเจ้าก็จะทนรับการดูหมิ่นดูแคลนเช่นเดียวกัน

“ ‘ส่วนเจ้า บรรดาภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะแตกกิ่งก้านและออกผลเพื่ออิสราเอลประชากรของเรา เพราะไม่ช้าพวกเขาจะคืนถิ่น เราห่วงหาอาทรเจ้าและจะเฝ้าดูเจ้าด้วยความโปรดปราน เจ้าจะได้รับการไถพรวนและหว่านพืช 10 เราจะทวีจำนวนประชากรของเจ้าคือพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมด เมืองต่างๆ จะมีคนอยู่อาศัยและซากปรักหักพังจะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ 11 เราจะทวีจำนวนคนและสัตว์เหนือเจ้า พวกเขาจะมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองและกลับมีจำนวนมากมาย เราจะให้ผู้คนมาตั้งรกรากอยู่เหมือนในอดีต และจะทำให้เจ้ารุ่งเรืองยิ่งกว่าแต่ก่อน เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ 12 เราจะให้ชนชาติอิสราเอลประชากรของเราอาศัยอยู่บนเจ้า เขาจะครอบครองเจ้าและเจ้าจะเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา ลูกหลานของเขาจะไม่ถูกพรากไปจากเจ้าอีกเลย

13 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เนื่องจากผู้คนพูดกับเจ้าว่า “เจ้ากลืนชีวิตผู้คนและพรากลูกหลานไปจากชนชาติของเจ้า” 14 ฉะนั้นเจ้าจะไม่กลืนชีวิตผู้คน หรือทำให้ชนชาติของเจ้าไร้ลูกหลาน พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น 15 เราจะไม่ให้เจ้าได้ยินคำเยาะเย้ยถากถางของชนชาติต่างๆ อีก เจ้าจะไม่ต้องทนการดูหมิ่นของชนชาติทั้งหลายอีก และเราจะไม่ให้ชนชาติของเจ้าล่มจมอีก พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ”

16 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่งว่า 17 “บุตรมนุษย์เอ๋ย เมื่อประชากรอิสราเอลอาศัยอยู่ในดินแดนของตน พวกเขาก็ทำให้แผ่นดินเป็นมลทินโดยความประพฤติและการกระทำของพวกเขา ความประพฤติของพวกเขาเป็นเหมือนมลทินของประจำเดือนผู้หญิงในสายตาของเรา 18 ฉะนั้นเราจึงระบายโทสะลงบนพวกเขา เพราะเขาทำให้เกิดการนองเลือดในดินแดนนั้น และทำให้แผ่นดินเป็นมลทินด้วยรูปเคารพทั้งหลาย 19 เราทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามชนชาติต่างๆ และไปยังนานาประเทศ เราพิพากษาลงโทษพวกเขาตามความประพฤติและการกระทำของพวกเขา 20 และไม่ว่าพวกเขาไปที่ไหนในท่ามกลางประชาชาติต่างๆ พวกเขาก็ทำให้นามศักดิ์สิทธิ์ของเราเสื่อมเสีย เพราะผู้คนกล่าวถึงพวกเขาว่า ‘คนเหล่านี้เป็นประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ถึงกระนั้นก็ยังต้องจากประเทศของตนมา’ 21 เราห่วงนามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราซึ่งวงศ์วานอิสราเอลทำให้เสื่อมเสียท่ามกลางชนชาติต่างๆ ที่พวกเขาไปอยู่

22 “ฉะนั้นจงกล่าวแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ที่เราจะทำสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพราะเห็นแก่เจ้าหรอก แต่เพราะเห็นแก่นามอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา ซึ่งเจ้าทำให้เสื่อมเสียท่ามกลางชนชาติต่างๆ ที่เจ้าไปถึง 23 เราจะสำแดงความศักดิ์สิทธิ์ของนามอันยิ่งใหญ่ของเราซึ่งต้องเสื่อมเสียท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย นามซึ่งเจ้าทำให้มัวหมองท่ามกลางพวกเขา แล้วชนชาติต่างๆ จะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์เมื่อเราสำแดงความบริสุทธิ์ของเราผ่านทางเจ้าต่อหน้าพวกเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

24 “ ‘เพราะเราจะพาเจ้าออกจากชาติต่างๆ เราจะรวบรวมเจ้าจากทุกประเทศและนำกลับสู่ดินแดนของเจ้า 25 เราจะประพรมน้ำชำระลงบนเจ้า แล้วเจ้าจะสะอาด เราจะชำระล้างเจ้าจากมลทินโสโครกทั้งปวง และจากรูปเคารพทั้งปวงของเจ้า 26 เราจะให้จิตใจใหม่แก่เจ้าและใส่วิญญาณใหม่ในเจ้า เราจะขจัดใจหินออกจากเจ้าและให้เจ้ามีใจเนื้อ 27 เราจะใส่วิญญาณของเราไว้ในเจ้า โน้มนำเจ้าให้ปฏิบัติตามกฎหมายของเรา และใส่ใจรักษาบทบัญญัติของเรา 28 เจ้าจะเลี้ยงชีพอยู่ในดินแดนซึ่งเรายกให้บรรพบุรุษของเจ้า เจ้าจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า 29 เราจะช่วยเจ้าให้พ้นจากมลทินทั้งปวง เราจะระดมเมล็ดข้าวและทำให้มันอุดมสมบูรณ์ และจะไม่นำการกันดารอาหารมายังเจ้า 30 เราจะทวีผลของต้นหมากรากไม้และพืชพันธุ์ธัญญาหารเพื่อเจ้าจะไม่ต้องทนอับอายในหมู่ประชาชาติเพราะการกันดารอาหารอีกต่อไป 31 เมื่อนั้นเจ้าจะสำนึกในวิถีบาปและการประพฤติชั่วร้ายของตน เจ้าจะเกลียดตัวเองเพราะบาปและการกระทำอันน่าชิงชังต่างๆ 32 เราประสงค์ให้เจ้ารู้ว่า เราทำการนี้ไม่ใช่เพราะเห็นแก่เจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนี้ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย! จงอัปยศอดสูและละอายใจในความประพฤติของเจ้า

33 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ในวันที่เราชำระเจ้าจากบาปทั้งปวง เราจะให้เมืองของเจ้ามีคนอยู่อาศัย และซากปรักหักพังต่างๆ จะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ 34 ดินแดนอันเริศร้างจะถูกไถหว่านและเพาะปลูก แทนที่จะถูกทิ้งร้างต่อหน้าคนทั้งปวงที่ผ่านไปมา 35 คนทั้งหลายจะกล่าวว่า “ดินแดนแห่งนี้ซึ่งถูกทิ้งร้างกลับกลายเป็นเหมือนสวนเอเดน เมืองต่างๆ ซึ่งเป็นซากปรักหักพัง ถูกทิ้งร้าง และทำให้ย่อยยับป่นปี้ บัดนี้มีปราการเข้มแข็งและมีผู้คนอยู่อาศัย” 36 เมื่อนั้นชนชาติต่างๆ ที่ยังเหลืออยู่รอบเจ้า จะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้สร้างสิ่งที่ถูกทำลายย่อยยับแล้วขึ้นใหม่ และได้ปลูกพืชพันธุ์ในดินแดนที่ถูกทิ้งร้างอีกครั้งหนึ่ง เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไว้และเราจะทำตามนั้น’

37 “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะยอมตามคำอ้อนวอนของพงศ์พันธุ์อิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง เราจะทำสิ่งนี้เพื่อเขา คือเราจะทำให้ประชากรของเขามีมากมายเหมือนฝูงแกะ 38 มีอย่างเหลือเฟือเหมือนฝูงแพะแกะสำหรับถวายบูชาที่เยรูซาเล็มในช่วงเทศกาลต่างๆ ตามกำหนด ดังนั้นเมืองที่ปรักหักพังทั้งหลายจะกลับมีฝูงชนเนืองแน่น เมื่อนั้นพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์”

นิมิตหุบเขากระดูกแห้ง

37 พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้า และทรงนำข้าพเจ้าออกมาโดยพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงวางข้าพเจ้าไว้ที่กลางหุบเขาแห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยกระดูก พระองค์ทรงพาข้าพเจ้าท่องไปในหมู่กระดูก และข้าพเจ้าเห็นกระดูกเกลื่อนกลาดทั่วพื้นหุบเขา เป็นกระดูกที่แห้งมาก พระองค์ตรัสถามข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย กระดูกเหล่านี้จะกลับมีชีวิตได้ไหม?”

ข้าพเจ้ากราบทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระองค์แต่ผู้เดียวที่ทรงทราบ”

แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงเผยพระวจนะแก่กระดูกเหล่านี้ว่า ‘กระดูกแห้งเอ๋ย จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า! พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสแก่กระดูกเหล่านี้ว่า เราจะให้ลมปราณ[a]เข้าสู่เจ้า แล้วเจ้าจะกลับมีชีวิต เราจะร้อยเอ็นของเจ้าและให้เจ้ามีเลือดเนื้อ แล้วเอาผิวหนังคลุมเจ้า เราจะใส่ลมปราณให้เจ้าและเจ้าจะมีชีวิต แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’ ”

ข้าพเจ้าจึงเผยพระวจนะตามที่พระองค์ตรัสสั่ง ขณะที่ข้าพเจ้าเผยพระวจนะอยู่ มีเสียงดังกรุกกริก และกระดูกต่างๆ มาประสานต่อเข้าด้วยกัน ข้าพเจ้ามองดูก็เห็นเอ็นและเลือดเนื้อก่อตัวขึ้นเหนือกระดูกและผิวหนังคลุมทั้งหมดไว้ แต่ร่างเหล่านั้นยังปราศจากลมปราณ

แล้วพระองค์ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะแก่ลมปราณ จงกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ลมปราณเอ๋ย จงมาจากลมทั้งสี่ทิศ และเข้าสู่ร่างที่ถูกสังหารเหล่านี้เพื่อพวกเขาจะมีชีวิต’ ” 10 ข้าพเจ้าจึงเผยพระวจนะตามที่พระองค์ตรัสสั่ง แล้วลมปราณก็เข้าสู่ร่างเหล่านั้น พวกเขาจึงมีชีวิต ลุกขึ้นยืน และกลายเป็นกองทัพใหญ่

11 แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย กระดูกเหล่านี้คือพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมด พวกเขากล่าวว่า ‘กระดูกของเราแห้งกรัง ความหวังของเราสูญสิ้น เราถูกทำลายแล้ว’ 12 ฉะนั้นจงเผยพระวจนะแก่พวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ประชากรของเราเอ๋ย เราจะเปิดหลุมฝังศพของเจ้าและนำเจ้าออกมา เราจะพาเจ้ากลับสู่ดินแดนอิสราเอล 13 เมื่อนั้นแหละประชากรของเราเอ๋ย เจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์เมื่อเราเปิดหลุมฝังศพของเจ้าและนำเจ้าออกมา 14 เราจะใส่วิญญาณของเราไว้ในเจ้าและเจ้าจะมีชีวิตอยู่ เราจะให้เจ้าตั้งรกรากในดินแดนของเจ้าเอง เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาไว้และเราก็ทำตามนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น’ ”

ชาติเดียวกษัตริย์เดียว

15 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 16 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเอาไม้อันหนึ่งมาและเขียนลงว่า ‘ของยูดาห์กับอิสราเอลซึ่งเป็นพวกพ้อง’ และเอาไม้อีกอันหนึ่งมาเขียนลงว่า ‘ของเอฟราอิม ของโยเซฟและวงศ์วานอิสราเอลทั้งหมด ซึ่งเป็นพวกพ้อง’ 17 จงประกอบไม้ทั้งสองเข้าด้วยกัน ให้เป็นไม้อันเดียวอยู่ในมือของเจ้า

18 “เมื่อพี่น้องร่วมชาติของเจ้าถามเจ้าว่า ‘เจ้าจะไม่บอกเราหรือว่าที่เจ้าทำเช่นนั้นหมายความว่าอะไร?’ 19 จงบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่าเราจะเอาไม้ของโยเซฟซึ่งอยู่ในมือของเอฟราอิมและไม้ของเผ่าต่างๆ ของชนอิสราเอลที่เป็นพวกพ้อง ประกอบเข้ากับไม้ของยูดาห์ให้เป็นไม้อันเดียวกันอยู่ในมือของเรา 20 จงชูไม้ทั้งสองอันที่เจ้าเขียนไว้ต่อหน้าพวกเขา 21 และบอกพวกเขาว่าพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะนำชนชาติอิสราเอลออกมาจากชาติต่างๆ ที่พวกเขาไปนั้น เราจะรวบรวมพวกเขามาจากรอบทิศ พากลับสู่ดินแดนของพวกเขา 22 เราจะทำให้พวกเขาเป็นชนชาติเดียวในดินแดนนั้น ให้อยู่บนภูเขาต่างๆ ของอิสราเอล จะมีกษัตริย์องค์เดียวปกครองเหนือพวกเขาทั้งหมด พวกเขาจะไม่แยกเป็นสองชาติหรือสองอาณาจักรอีกต่อไป 23 พวกเขาจะไม่ทำตัวให้เป็นมลทินด้วยรูปเคารพต่างๆ หรือเทวรูปอันชั่วช้าสามานย์ หรือด้วยการล่วงละเมิดใดๆ ของพวกเขา เพราะเราจะช่วยไม่ให้พวกเขาหวนกลับไปทำบาปอีก[b] เราจะชำระล้างพวกเขา พวกเขาจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา

24 “ ‘ดาวิดผู้รับใช้ของเราจะเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเขา พวกเขาจะมีผู้เลี้ยงคนเดียว พวกเขาจะปฏิบัติตามบทบัญญัติของเราและใส่ใจทำตามกฎหมายของเรา 25 พวกเขาจะอาศัยในดินแดนซึ่งเรามอบให้แก่ยาโคบผู้รับใช้ของเรา ดินแดนซึ่งบรรพบุรุษของพวกเจ้าอาศัยอยู่ พวกเขากับลูกหลานจะอาศัยอยู่ที่นั่นตลอดไป และดาวิดผู้รับใช้ของเราจะเป็นเจ้านายของพวกเขาตลอดไป 26 เราจะทำพันธสัญญาแห่งสันติภาพกับพวกเขาเป็นพันธสัญญานิรันดร์ เราจะสถาปนาพวกเขาไว้และทวีจำนวนของพวกเขา เราจะตั้งสถานนมัสการของเราไว้ท่ามกลางพวกเขาตลอดไป 27 ที่พำนักของเราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขา เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา 28 เมื่อนั้นชนชาติทั้งหลายจะรู้ว่า เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ทำให้อิสราเอลเป็นชนชาติบริสุทธิ์ เมื่อสถานนมัสการของเราอยู่ท่ามกลางพวกเขาตลอดไปเป็นนิตย์’ ”

คำพยากรณ์กล่าวโทษโกก

38 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมุ่งหน้าประณามโกกแห่งดินแดนมาโกก เจ้านายคนสำคัญแห่ง[c]เมเชคและทูบัล จงพยากรณ์กล่าวโทษเขา และกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า โกกเจ้านายคนสำคัญแห่งเมเชค[d]และทูบัลเอ๋ย เราเป็นศัตรูกับเจ้า เราจะทำให้เจ้าหันกลับ จะเอาเบ็ดเกี่ยวขากรรไกรของเจ้า และลากเจ้าออกไปพร้อมกองทัพทั้งปวงของเจ้าคือม้าและพลม้าซึ่งมีอาวุธครบมือ ทั้งกองกำลังมหึมาที่ถือโล่น้อยใหญ่และทุกคนที่กวัดแกว่งดาบ เปอร์เซีย คูช[e] และพูตจะไปด้วย ทุกคนล้วนถือโล่และสวมหมวกเกราะ พร้อมทั้งโกเมอร์กับทหารทั้งปวง และทั้งเบธโทการมาห์จากภาคเหนืออันไกลโพ้นกับทหารทั้งปวง มีหลายประชาชาติที่ร่วมกับเจ้า

“ ‘เจ้ากับกองกำลังทั้งปวงที่ชุมนุมกันรอบเจ้า จงเตรียมพร้อมและรับคำสั่งเกี่ยวกับพวกเขา หลายวันผ่านไปเจ้าจะถูกเรียกมารบ อีกหลายปีข้างหน้าเจ้าจะบุกดินแดนซึ่งว่างเว้นจากสงคราม ซึ่งประชากรดินแดนนั้นถูกรวบรวมมาจากหลายชาติสู่ภูเขาต่างๆ ของอิสราเอลซึ่งถูกทิ้งร้างมานาน พวกเขาถูกพามาจากชาติต่างๆ บัดนี้เขาทั้งหมดอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย เจ้ากับกองทหารทั้งปวงและชนหลายชาติที่ร่วมกับเจ้าจะยกพลขึ้นไปรุกกระหน่ำอย่างพายุ เจ้าจะเป็นเหมือนเมฆปกคลุมดินแดนนั้น

10 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ในวันนั้นความคิดจะแวบเข้ามาในใจของเจ้าและเจ้าจะคิดก่อการร้าย 11 เจ้าจะกล่าวว่า “เราจะบุกดินแดนซึ่งหมู่บ้านต่างๆ ไม่มีปราการ เราจะโจมตีชนชาติซึ่งรักสงบและไม่ระแวงภัย เขาทั้งปวงอาศัยอยู่โดยปราศจากกำแพง ประตู และดาลประตู 12 เราจะปล้นและริบข้าวของ และรบกับที่ปรักหักพังซึ่งบัดนี้มีคนอยู่อาศัย และสู้กับประชากรที่รวบรวมมาจากชาติต่างๆ ซึ่งร่ำรวยด้วยฝูงสัตว์และผลผลิตต่างๆ ที่อาศัยอยู่ใจกลางดินแดนนั้น” 13 เชบากับเดดาน และบรรดาพ่อค้าวาณิชของทารชิชและหมู่บ้านทั้งหมดของมัน[f]จะกล่าวแก่เจ้าว่า “ท่านมาปล้นชิงหรือ ท่านระดมพลมาริบข้าวของหรือ มาขนเงินทอง ริบฝูงสัตว์ ผลผลิตต่างๆ และยึดของเชลยไปมากมายหรือ?” ’

14 “ฉะนั้นบุตรมนุษย์เอ๋ย จงพยากรณ์และกล่าวแก่โกกว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ในวันนั้นเมื่ออิสราเอลประชากรของเราอาศัยอยู่อย่างสงบ เจ้าจะไม่สังเกตเห็นหรือ? 15 เจ้าจะมาจากถิ่นของเจ้าในภาคเหนือไกลโพ้น ทั้งเจ้าและชาติต่างๆ ที่ร่วมกับเจ้า ทุกคนล้วนขี่ม้ามาเป็นกองกำลังยิ่งใหญ่และเป็นกองทัพเข้มแข็งยิ่งนัก 16 เจ้าจะบุกมาสู้กับอิสราเอลประชากรของเราเหมือนเมฆปกคลุมดินแดน โกกเอ๋ย ในกาลข้างหน้าเราจะนำเจ้ามาสู้รบกับดินแดนของเรา เพื่อชนชาติทั้งหลายจะรู้จักเราเมื่อเราสำแดงความบริสุทธิ์ของเราผ่านทางเจ้าต่อหน้าต่อตาพวกเขา

17 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เจ้าเป็นผู้นั้นไม่ใช่หรือที่เรากล่าวถึงในสมัยก่อนผ่านทางผู้รับใช้ของเรา คือบรรดาผู้เผยพระวจนะของอิสราเอล? ในเวลานั้นพวกเขาพยากรณ์อยู่หลายปีว่าเราจะนำเจ้ามาสู้กับพวกเขา 18 ในวันนั้นจะเกิดเหตุการณ์ดังนี้คือ เมื่อโกกโจมตีดินแดนอิสราเอล เราจะบันดาลโทสะรุนแรง พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น 19 โดยความร้อนใจและความเดือดดาล เราขอประกาศว่าเมื่อถึงเวลานั้น จะเกิดแผ่นดินไหวอย่างร้ายแรงในดินแดนอิสราเอล 20 ปลาในทะเล นกในอากาศ สัตว์บก สัตว์เลื้อยคลานทุกชนิดและมนุษย์บนพื้นผิวโลกจะสั่นสะท้านต่อหน้าเรา ภูเขาทั้งหลายจะคว่ำทลาย หน้าผาแตกเป็นเสี่ยงๆ และกำแพงทุกแห่งทลายราบกับพื้น 21 เราจะเกณฑ์ดาบเล่มหนึ่งมาสู้กับโกกบนภูเขาทุกแห่งของเรา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น ดาบของทุกคนจะฟาดฟันกับพี่น้องของตน 22 เราจะลงโทษเขาด้วยโรคระบาดและการนองเลือด เราจะเทฝนห่าใหญ่ ลูกเห็บ และไฟกำมะถันลงใส่โกกและกองทหารของเขาตลอดจนชนชาติต่างๆ ที่ร่วมกับเขา 23 เราจะแสดงความยิ่งใหญ่และความบริสุทธิ์ของเราเช่นนี้ และเราจะสำแดงตนให้เป็นที่รู้จักต่อหน้าต่อตาชนชาติทั้งหลาย เมื่อนั้นพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’

39 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะกล่าวโทษโกกว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า โกกผู้เป็นเจ้านายคนสำคัญแห่งเมเชค[g] และทูบัลเอ๋ย เราเป็นศัตรูกับเจ้า เราจะทำให้เจ้าหันกลับและลากเจ้าไป เราจะนำเจ้ามาจากเหนือสุดและส่งเจ้ามารบกับภูเขาต่างๆ ของอิสราเอล แล้วเราจะฟาดให้คันธนูหลุดจากมือซ้ายของเจ้า และทำให้ลูกธนูร่วงจากมือขวาของเจ้า เจ้าและทหารทั้งหมดกับชนชาติต่างๆ ที่ร่วมกับเจ้าจะล้มลงบนภูเขาทั้งหลายของอิสราเอล เราจะยกเจ้าให้เป็นอาหารของแร้งกาและสัตว์ป่าทั้งปวง เจ้าจะล้มลงในทุ่งกว้างเพราะเราได้ลั่นวาจาไว้แล้ว พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนี้ เราจะส่งไฟลงมาบนมาโกกและบนบรรดาคนที่อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยตามดินแดนชายฝั่งทะเล และพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์

“ ‘เราจะทำให้นามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราเป็นที่รู้จักในท่ามกลางอิสราเอลประชากรของเรา เราจะไม่ปล่อยให้นามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราถูกลบหลู่อีกต่อไป และประชาชาติทั้งหลายจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์คือองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล วันนั้นกำลังจะมาถึงแล้ว! เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น นี่เป็นวันที่เราได้ลั่นวาจาไว้

“ ‘แล้วบรรดาคนที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ของอิสราเอลจะออกไปเก็บอาวุธมาเผาเป็นเชื้อเพลิง ทั้งโล่น้อยใหญ่ คันธนู ลูกธนู กระบองศึกและหอก เขาจะใช้อาวุธเหล่านี้เป็นเชื้อเพลิงตลอดเจ็ดปี 10 เขาไม่จำเป็นต้องเก็บฟืนจากทุ่งหรือตัดฟืนจากป่า เพราะจะใช้อาวุธทั้งหลายเป็นเชื้อเพลิงและเขาจะปล้นผู้ที่ปล้นเขา และจะแย่งชิงผู้ที่แย่งชิงของของเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

11 “ ‘ในวันนั้นเราจะจัดสุสานให้โกกในอิสราเอล เป็นหุบเขาของคนที่เดินทางไปทางตะวันออกมุ่งหน้าสู่[h]ทะเลนั้น[i] มันจะกีดขวางทางของคนที่สัญจรไปมาเพราะโกกและกองกำลังทั้งหมดของเขาจะถูกฝังไว้ที่นั่น ผู้คนจะเรียกที่นั่นว่าหุบเขาฮาโมนโกก[j]

12 “ ‘พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะฝังศพพวกเขาตลอดเจ็ดเดือนเพื่อชำระแผ่นดินให้สะอาด 13 ประชาชนทุกคนจะช่วยกันฝังศพพวกเขาและวันที่เราได้รับเกียรติสิรินั้น จะเป็นวันรำลึกสำหรับพวกเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

14 “ ‘จะมีการว่าจ้างคนให้ชำระดินแดนนั้นสม่ำเสมอ บางคนก็จะไปทั่วแดน บางคนก็ฝังศพคนที่ตายเกลื่อนอยู่ตามพื้นดิน เมื่อสิ้นเจ็ดเดือนแล้ว พวกเขาจะเริ่มออกค้นหา 15 ขณะไปทั่วดินแดนใครเห็นกระดูกของคน ก็จะเอาเครื่องหมายปักไว้ข้างๆ รอจนคนขุดหลุมมาฝังกระดูกนั้นในหุบเขาฮาโมนโกก 16 (ที่นั่นจะมีเมืองหนึ่งชื่อฮาโมนาห์[k]) พวกเขาจะชำระแผ่นดินให้สะอาดเช่นนี้แหละ’

17 “บุตรมนุษย์เอ๋ย พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า จงร้องเรียกนกและสัตว์ป่าทุกชนิดว่า ‘จงมาชุมนุมกันอย่างพร้อมหน้าจากทุกทิศเถิด มากินของสังเวยที่เราเตรียมไว้ให้ เป็นการสังเวยครั้งใหญ่บนภูเขาต่างๆของอิสราเอล เจ้าจะได้กินเนื้อและดื่มเลือดที่นั่น 18 เจ้าจะกินเนื้อของผู้เกรียงไกร และดื่มเลือดของบรรดาเจ้านายของโลก ราวกับเขาเหล่านั้นเป็นแกะผู้ ลูกแกะ แพะและวัวผู้ ล้วนแต่เป็นสัตว์อ้วนพีจากบาชาน 19 เจ้าจะกินไขมันจนอิ่มแปล้และดื่มเลือดจนเมามายจากเครื่องสังเวยที่เราเตรียมไว้ให้เจ้า 20 ที่โต๊ะของเรา เจ้าจะกินม้า พลม้า บุรุษผู้เกรียงไกร และนักรบทุกประเภทจนอิ่มหนำ’ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

21 “เราจะสำแดงเกียรติสิริของเราท่ามกลางชนชาติต่างๆ และมวลประชาชาติจะเห็นโทษทัณฑ์ที่เราบันดาล และเห็นมือที่เราฟาดพวกเขา 22 ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา 23 และประชาชาติทั้งหลายจะรู้ว่าประชากรอิสราเอลตกเป็นเชลยเพราะบาปของตน เพราะพวกเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อเรา เราจึงซ่อนหน้าจากพวกเขา และมอบพวกเขาให้ศัตรู แล้วเขาทั้งหมดก็ล้มตายด้วยคมดาบ 24 เราจัดการกับพวกเขาตามมลทินและการล่วงละเมิดของพวกเขา และเราซ่อนหน้าจากพวกเขา

25 “ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า บัดนี้เราจะนำยาโคบกลับจากการเป็นเชลย[l] และเราจะเวทนาสงสารประชากรอิสราเอลเพราะ เราหวงแหนนามอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา 26 พวกเขาจะลืมความอัปยศอดสูและความไม่ซื่อตรงทั้งปวงที่พวกเขาแสดงต่อเรา เมื่อพวกเขาอาศัยอยู่อย่างปลอดภัยในดินแดนของตน โดยไม่มีใครทำให้พวกเขาหวาดกลัว 27 เมื่อเรานำพวกเขากลับมาจากชาติต่างๆ และรวบรวมมาจากนานาประเทศของฝ่ายศัตรู เราจะสำแดงตัวเราเองว่าบริสุทธิ์ผ่านทางพวกเขาต่อหน้าประชาชาติทั้งหลาย 28 เมื่อนั้นพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา เพราะถึงแม้เราส่งพวกเขาไปเป็นเชลยท่ามกลางชนชาติต่างๆ เราจะรวบรวมพวกเขากลับมายังดินแดนของตนเองโดยไม่ปล่อยทิ้งไว้สักคนเดียว 29 เราจะไม่ซ่อนหน้าจากพวกเขาอีกแล้ว เพราะเราจะเทวิญญาณของเราเหนือพงศ์พันธุ์อิสราเอล พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น”

บริเวณพระวิหารใหม่

40 ในวันที่สิบต้นปีที่ยี่สิบห้าซึ่งเราตกเป็นเชลยหรือปีที่สิบสี่หลังจากกรุงแตก ในวันนั้นพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้าและทรงนำข้าพเจ้าไปที่นั่น ในนิมิตของพระเจ้านั้นพระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามายังดินแดนอิสราเอล และทรงวางข้าพเจ้าไว้บนภูเขาที่สูงมาก ทางด้านทิศใต้ของภูเขานั้นมีอาคารบ้านเรือนซึ่งดูเหมือนเป็นเมืองหนึ่ง พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปที่นั่น และข้าพเจ้าพบชายคนหนึ่งมีรูปลักษณ์เปล่งปลั่งคล้ายทองสัมฤทธิ์ยืนอยู่ที่ทางเข้า มือถือเชือกป่านเส้นหนึ่งและไม้วัดอันหนึ่ง ชายผู้นั้นกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมองให้เต็มตา จงฟังให้เต็มหู และจงเอาใจใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะสำแดงให้แก่เจ้า เพราะพระเจ้าพาเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อการนี้ จงแจ้งทุกสิ่งที่เจ้าเห็นนั้นแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล”

ประตูด้านตะวันออกสู่ลานชั้นนอก

ข้าพเจ้าเห็นกำแพงล้อมรอบบริเวณพระวิหาร ไม้วัดในมือเขาผู้นั้นยาว 6 ศอกยาว[m] หนึ่งในหกของไม้วัดนั้นยาว 1 ศอก[n]และ 1 ฝ่ามือ[o] เขาวัดกำแพงได้หนาหนึ่งไม้วัดและสูงหนึ่งไม้วัด

แล้วเขาไปยังประตูด้านตะวันออกและขึ้นบันไดไป แล้ววัดธรณีประตูลึกหนึ่งไม้วัด[p] สองฟากทางเดินของประตูด้านตะวันออกมีห้องยามฟากละสามห้อง แต่ละห้องเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวห้องละหนึ่งไม้วัด ผนังกั้นระหว่างห้องยามแต่ละห้องหนา 5 ศอก[q] ทางเข้าติดกับมุขซึ่งหันหน้าไปทางพระวิหารลึกหนึ่งไม้วัด

แล้วเขาวัดมุขของประตูทางเข้านี้ วัดความลึกได้ 8 ศอก[r] และมีเสาหนา 2 ศอก[s] มุขของประตูทางเข้านี้หันไปทางพระวิหาร

10 ห้องยามทั้งสองฟากซึ่งอยู่ด้านในประตูด้านตะวันออกมีขนาดเดียวกัน และความหนาของผนังกั้นระหว่างห้องก็มีขนาดเท่ากัน 11 แล้วเขาวัดความกว้างของมุขประตูได้ 10 ศอก[t]และความยาว 13 ศอก[u] 12 ด้านหน้าของแต่ละห้องมีกำแพงสูง 1 ศอก และห้องยามเหล่านั้นเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีขนาดกว้างและยาว 6 ศอก 13 แล้วเขาวัดขนาดทางเข้าจากริมสุดของผนังด้านหลังของห้องไปจดริมสุดของผนังด้านหลังของห้องตรงกันข้ามเป็นระยะ 25 ศอก[v] 14 เขาวัดระยะตามขวางของผนังกั้นห้องตลอดด้านในของทางเข้าจนถึงมุข[w]หน้าลานพระวิหารได้ 60 ศอก[x] 15 จากทางเข้าถึงริมสุดของมุขวัดได้ 50 ศอก[y] 16 รอบมุขนี้มีหน้าต่างซึ่งแคบเข้ามาข้างในอยู่ด้านบนของห้องยามและผนังกั้นห้อง ส่วนหนาของผนังกั้นห้องสลักลวดลายต้นอินทผลัม

ลานชั้นนอก

17 แล้วเขาผู้นั้นนำข้าพเจ้ามายังลานชั้นนอก ที่นั่นข้าพเจ้าเห็นห้องต่างๆ และทางเดินขึ้นรอบลาน นับตลอดทางเดินมีสามสิบห้อง 18 ทางเดินนี้ทอดยาวตลอดความยาวของทางเข้า นี่เป็นทางเดินตอนล่าง 19 แล้วเขาวัดระยะจากด้านในของทางเข้าตอนล่างถึงด้านนอกของลานชั้นในได้ 100 ศอก[z] ทั้งด้านตะวันออกและด้านเหนือ

ประตูด้านเหนือ

20 แล้วเขาวัดความกว้างและความยาวของประตูด้านเหนือซึ่งนำไปสู่ลานชั้นนอก 21 ห้องยามซึ่งมีด้านละสามห้อง ผนังกั้นห้องและมุขล้วนมีขนาดเดียวกับประตูแรก คือยาว 50 ศอกและกว้าง 25 ศอก[aa] 22 หน้าต่าง มุข และลวดลายต้นอินทผลัม ล้วนมีขนาดเดียวกับที่ประตูด้านตะวันออก บันไดที่ทอดขึ้นไปนั้นมีเจ็ดขั้นซึ่งมีมุขอยู่ตรงกันข้าม 23 ประตูสู่ลานชั้นในถัดจากประตูทิศเหนือ มีลักษณะเดียวกับประตูตะวันออก เขาวัดจากประตูหนึ่งไปยังอีกประตูหนึ่งได้ 100 ศอก

ประตูด้านใต้

24 แล้วเขานำข้าพเจ้าไปยังด้านใต้ ข้าพเจ้าเห็นประตูที่หันหน้าไปทางทิศใต้ เขาวัดเสาประตูและมุขซึ่งมีขนาดเดียวกับที่อื่นๆ 25 ทางเข้าและมุขมีหน้าต่างแคบเข้าไปด้านในอยู่รอบๆ เหมือนหน้าต่างที่ประตูอื่นๆ และยาว 50 ศอก กว้าง 25 ศอก 26 บันไดที่ทอดขึ้นไปมีเจ็ดขั้น ตรงข้ามกันคือมุข ส่วนหนาของผนังกั้นแต่ละด้านมีลวดลายต้นอินทผลัม 27 ลานชั้นในนี้ก็มีประตูหันหน้าไปทางทิศใต้ด้วย และเขาวัดจากประตูนี้ไปยังประตูชั้นนอกทางด้านใต้เป็นระยะ 100 ศอก

ประตูสู่ลานชั้นใน

28 แล้วเขาพาข้าพเจ้าผ่านประตูด้านใต้ไปยังลานชั้นใน เขาวัดประตูด้านใต้ซึ่งมีขนาดเดียวกับประตูอื่นๆ 29 ห้องยาม ผนังกั้นห้อง และมุขมีขนาดเดียวกับที่ประตูอื่นๆ ทางเข้าและมุขล้วนมีหน้าต่างโดยรอบ วัดระยะได้ยาว 50 ศอกและกว้าง 25 ศอก 30 (มุขของประตูทางเข้ารอบลานชั้นในกว้าง 25 ศอกและลึก 5 ศอก[ab]) 31 มุขหันออกลานชั้นนอก เสามีลวดลายต้นอินทผลัมและมีบันไดแปดขั้นทอดขึ้นสู่มุขนั้น

32 จากนั้นเขานำข้าพเจ้าเข้าสู่ลานชั้นในทางด้านตะวันออก และเขาวัดประตูทางเข้าซึ่งมีขนาดเดียวกับทางเข้าอื่นๆ 33 ห้องยาม ผนังกั้นห้อง และมุขมีขนาดเดียวกับที่อื่นๆ ทางเข้าและมุขมีหน้าต่างโดยรอบ วัดระยะได้ยาว 50 ศอกและกว้าง 25 ศอก 34 มุขหันหน้าออกลานชั้นนอก เสาทั้งสองด้านมีลวดลายต้นอินทผลัมและมีบันไดแปดขั้นทอดขึ้นสู่มุขนั้น

35 แล้วเขาพาข้าพเจ้าไปยังประตูทิศเหนือ และวัดขนาดซึ่งก็เท่ากับที่อื่นๆ 36 ห้องยาม ผนังกั้นห้อง และมุขก็มีขนาดเดียวกันและมีหน้าต่างโดยรอบ วัดระยะได้ยาว 50 ศอก กว้าง 25 ศอก 37 มุข[ac]หันหน้าออกลานชั้นนอก เสาทั้งสองด้านมีลวดลายต้นอินทผลัมและมีบันไดแปดขั้นทอดขึ้นสู่มุขนั้น

ห้องจัดเตรียมเครื่องบูชา

38 ใกล้มุขตรงทางเข้าชั้นในแต่ละด้านมีห้องหนึ่งซึ่งเป็นที่ชำระล้างเครื่องเผาบูชา 39 ในมุขตรงทางเข้ามีโต๊ะสองตัวตั้งอยู่แต่ละด้าน ซึ่งเป็นที่สำหรับฆ่าสัตว์เผาบูชา เครื่องบูชาไถ่บาป และเครื่องบูชาลบความผิด 40 ด้านนอกของมุขทางเข้าใกล้บันได ปากทางเข้าสู่ประตูด้านเหนือมีโต๊ะสองตัว และอีกฟากหนึ่งของบันไดมีโต๊ะอีกสองตัว 41 ฉะนั้นแต่ละฟากของทางเข้ามีโต๊ะด้านละสี่ตัว รวมเป็นแปดตัว เป็นที่สำหรับฆ่าสัตว์ที่เป็นเครื่องบูชา 42 และมีโต๊ะอีกสี่ตัวทำด้วยหินสกัดสำหรับเครื่องเผาบูชา แต่ละตัวกว้างและยาว 1.5 ศอก สูง 1 ศอก[ad] บนโต๊ะใช้วางภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ ในการฆ่าเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาอื่นๆ 43 และที่ผนังรอบด้านมีตะขอสองปลาย ยาวอันละ 1 ฝ่ามือ[ae]ติดอยู่ โต๊ะเหล่านี้สำหรับวางเนื้อเครื่องบูชา

ห้องสำหรับปุโรหิต

44 ด้านนอกของประตูชั้นใน ภายในลานชั้นในมีห้องสองห้อง ห้องหนึ่ง[af]อยู่ที่ข้างประตูด้านเหนือและหันหน้าไปทางใต้ อีกห้องหนึ่งอยู่ที่ข้างประตูด้านใต้[ag]และหันหน้าไปทางเหนือ 45 เขาบอกข้าพเจ้าว่า “ห้องที่หันไปทางใต้สำหรับปุโรหิตผู้ดูแลพระวิหาร 46 ส่วนห้องที่หันไปทางเหนือสำหรับปุโรหิตผู้ดูแลแท่นบูชา คนเหล่านี้เป็นลูกหลานของศาโดกซึ่งเป็นคนเลวีพวกเดียวที่สามารถเข้ามาใกล้องค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อปรนนิบัติอยู่ต่อหน้าพระองค์”

47 แล้วเขาวัดลานนั้นซึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวด้านละ 100 ศอก และแท่นบูชาอยู่หน้าพระวิหาร

พระวิหาร

48 เขาพาข้าพเจ้ามายังมุขพระวิหารและวัดเสาแต่ละด้านกว้าง 5 ศอก ทางเข้ากว้าง 14 ศอก[ah]

และผนังกั้นห้อง[ai]แต่ละด้านกว้าง 3 ศอก[aj] 49 มุขนั้นกว้าง 20 ศอก[ak] และวัดจากข้างหน้าไปข้างหลังได้ 12 ศอก[al] มีบันไดสิบขั้นทอดขึ้นถึงมุขนั้น และแต่ละด้านของเสาทางเข้ามีเสาหานอยู่

41 แล้วเขาผู้นั้นพาข้าพเจ้ามายังสถานนมัสการด้านนอก และวัดเสาแต่ละด้านกว้าง 6 ศอก[am] ทางเข้านั้นกว้าง 10 ศอก[an] และผนังกั้นของแต่ละฟากกว้าง 5 ศอก[ao] เขาวัดสถานนมัสการด้านนอกด้วย ยาว 40 ศอก กว้าง 20 ศอก[ap]

แล้วเขาเข้าสถานนมัสการชั้นใน และวัดเสาทางเข้าแต่ละต้นได้กว้าง 2 ศอก[aq] ทางเข้านั้นกว้าง 6 ศอก และผนังกั้นของทางเข้ากว้าง 7 ศอก[ar] เขาวัดขนาดของสถานนมัสการชั้นในไปจนถึงวิสุทธิสถานชั้นนอกได้กว้างยาวด้านละ 20 ศอก[as] เขาบอกข้าพเจ้าว่า “นี่เป็นอภิสุทธิสถาน”

แล้วเขาวัดผนังพระวิหารได้หนา 6 ศอก และวัดห้องระเบียงรอบพระวิหาร แต่ละห้องกว้าง 4 ศอก[at] ห้องระเบียงมีสามชั้น ชั้นละสามสิบห้อง รอบผนังพระวิหารมีสันเพื่อรองรับห้องระเบียง ไม่ได้สร้างยึดติดกับผนังพระวิหาร ห้องระเบียงรอบพระวิหารนั้น ยิ่งอยู่ชั้นสูงขึ้นก็ยิ่งกว้างขึ้น รับกับผนังพระวิหารที่เป็นชั้นขึ้นไป มีบันไดทอดจากชั้นล่างสุดขึ้นผ่านชั้นกลางไปจนถึงชั้นบนสุด

ข้าพเจ้าเห็นว่าพระวิหารมียกพื้นโดยรอบ เป็นฐานรองรับห้องระเบียง วัดได้ยาวหนึ่งไม้วัดคือ 6 ศอก ผนังรอบนอกของระเบียงหนา 5 ศอก ที่โล่งระหว่างห้องระเบียงของพระวิหาร 10 และห้องต่างๆ ของปุโรหิตกว้าง 20 ศอกโดยรอบพระวิหาร 11 จากที่โล่งนั้นมีทางเข้าสู่ห้องระเบียงสองทางคือด้านเหนือและด้านใต้ ยกพื้นต่อกับที่โล่งนั้นกว้าง 5 ศอกโดยรอบ

12 ตึกที่หันไปยังลานพระวิหารทางด้านตะวันตกนั้นกว้าง 70 ศอก[au] ผนังตึกหนา 5 ศอกโดยรอบ และยาว 90 ศอก[av]

13 แล้วเขาวัดพระวิหารได้ยาว 100 ศอก[aw] ลานกับตึกและผนังก็มีความยาว 100 ศอก 14 ความกว้างของลานพระวิหารทางฟากตะวันออก รวมทั้งด้านหน้าของพระวิหารคือ 100 ศอก

15 แล้วเขาวัดความยาวของตึกซึ่งหันหน้าไปสู่ลานด้านหลังของพระวิหาร รวมทั้งเฉลียงแต่ละด้านวัดได้ 100 ศอก

สถานนมัสการชั้นนอก สถานนมัสการชั้นใน และมุขหันหน้าออกลาน 16 ทั้งธรณีประตูและหน้าต่างแคบเข้าไป และเฉลียงรอบทางเข้าทั้งสาม คือทุกส่วนเหนือขึ้นไปรวมทั้งธรณีประตูล้วนกรุด้วยไม้ พื้นผนังขึ้นไปถึงหน้าต่างและหน้าต่างก็กรุด้วยไม้ 17 ในที่ว่างเหนือด้านนอกของทางเข้าสู่สถานนมัสการชั้นในและที่ผนังเป็นระยะสม่ำเสมอรอบสถานนมัสการทั้งชั้นในและชั้นนอกนั้น 18 คือเครูบและต้นอินทผลัมแกะสลักสลับกัน เครูบแต่ละตนมีสองหน้า 19 หน้าหนึ่งเป็นหน้ามนุษย์หันหน้าไปหาต้นอินทผลัมด้านหนึ่ง อีกหน้าหนึ่งเป็นหน้าสิงโตหันไปหาต้นอินทผลัมอีกด้านหนึ่ง สลักเป็นลวดลายอย่างนี้รอบพระวิหารทั้งหมด 20 ที่ผนังของสถานนมัสการชั้นนอก จากพื้นถึงบริเวณเหนือทางเข้าสลักเป็นรูปเครูบและต้นอินทผลัม

21 สถานนมัสการชั้นนอกมีกรอบประตูรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า บานที่อยู่หน้าอภิสุทธิสถานก็คล้ายกัน 22 มีแท่นบูชาทำด้วยไม้สูง 3 ศอก[ax]และกว้างยาวด้านละ[ay] 2 ศอก[az] มุมฐานและด้านข้างทำด้วยไม้ ชายผู้นั้นบอกข้าพเจ้าว่า “นี่คือโต๊ะเบื้องพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า” 23 ทั้งสถานนมัสการชั้นนอกและอภิสุทธิสถานมีประตูทบ 24 แต่ละประตูมีบานพับสองบาน 25 ที่ประตูสถานนมัสการชั้นนอกมีลวดลายแกะสลักรูปเครูบและรูปต้นอินทผลัมเหมือนที่สลักไว้ที่ผนัง และมีปะรำไม้หน้ามุข 26 ที่ผนังข้างของมุข มีหน้าต่างแคบเข้าไปและมีลวดลายต้นอินทผลัมสลักอยู่ที่แต่ละด้าน ห้องระเบียงของพระวิหารก็มีปะรำ

ห้องสำหรับปุโรหิต

42 แล้วชายผู้นั้นพาข้าพเจ้ามายังลานชั้นนอกตรงทิศเหนือ และพามายังห้องต่างๆ ตรงข้ามกับลานพระวิหารและตรงข้ามกับผนังด้านนอกทางทิศเหนือ ตึกซึ่งมีประตูหันหน้าไปทางเหนือยาว 100 ศอก และกว้าง 50 ศอก[ba] ทั้งในส่วนที่เป็นระยะ 20 ศอก[bb] จากลานชั้นในและในส่วนตรงกันข้ามกับทางเดินของลานชั้นนอกมีระเบียงซึ่งหันหน้าเข้าหากันสามชั้น หน้าห้องต่างๆ เป็นทางเดินภายในกว้าง 10 ศอก[bc] และยาว 100 ศอก[bd] ประตูห้องเหล่านี้อยู่ทางเหนือ ห้องชั้นบนแคบกว่าเพราะระเบียงกินเนื้อที่มากกว่าระเบียงของห้องชั้นล่างและชั้นกลางของตึก ห้องต่างๆ บนชั้นสามไม่มีเสาหานเหมือนที่ลาน เนื้อที่พื้นห้องจึงแคบกว่าที่ชั้นล่างและชั้นกลาง มีผนังด้านนอกที่อยู่ทางด้านหน้าของห้องขนานกับห้องต่างๆ และลานชั้นนอกยาว 50 ศอก[be] ในขณะที่ห้องแถวด้านข้างถัดจากลานชั้นนอกยาว 50 ศอก ห้องแถวที่ด้านข้างใกล้สถานนมัสการที่สุดยาว 100 ศอก ห้องชั้นล่างมีทางเข้าด้านตะวันออกเมื่อเข้ามาจากลานชั้นนอก

10 ทางด้านใต้[bf]ตลอดความยาวของผนังลานชั้นนอก มีห้องต่างๆ ติดกับลานพระวิหารและตรงกันข้ามกับผนังชั้นนอก 11 ซึ่งมีทางเดินตรงหน้าห้อง ห้องเหล่านี้เหมือนกับห้องทางทิศเหนือซึ่งกว้างยาวเท่ากัน และมีทางออกคล้ายคลึงกันและขนาดใกล้เคียงกัน คล้ายคลึงกับประตูทางเหนือ 12 คือประตูของห้องทางทิศใต้ มีประตูตรงต้นทางที่ขนานกับกำแพงซึ่งทอดยาวไปทางตะวันออก ซึ่งเป็นทางเข้าไปในห้องเหล่านั้น

13 แล้วเขาบอกข้าพเจ้าว่า “ห้องทางเหนือและทางใต้ซึ่งหันหน้าไปหาลานพระวิหารคือห้องที่ปุโรหิตผู้เข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า จะรับประทานเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่สุด ที่นั่นเป็นที่วางเครื่องบูชาบริสุทธิ์ที่สุด ทั้งธัญบูชา เครื่องบูชาไถ่บาป และเครื่องบูชาลบความผิด เพราะสถานที่นั้นบริสุทธิ์ 14 เมื่อปุโรหิตเข้าสู่ที่บริสุทธิ์ จะไม่ออกไปสู่ลานชั้นนอกจนกว่าจะได้ถอดเครื่องแต่งกายซึ่งสวมขณะปฏิบัติหน้าที่ออกเสียก่อน เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนบริสุทธิ์ ปุโรหิตจะสวมเครื่องแต่งกายอื่นๆ ก่อนจะเข้าไปยังส่วนที่มีไว้สำหรับประชาชน”

15 เมื่อเขาวัดข้างในบริเวณพระวิหารเสร็จแล้ว เขาพาข้าพเจ้าออกมาทางประตูตะวันออกและวัดอาณาบริเวณโดยรอบ 16 เขาใช้ไม้วัดวัดด้านตะวันออกได้ 500 ศอก[bg] 17 วัดด้านเหนือได้ 500 ศอก 18 เขาใช้ไม้วัดวัดด้านใต้ได้ 500 ศอก 19 แล้วเขาหันไปวัดด้านตะวันตกโดยใช้ไม้วัดก็วัดได้ 500 ศอก 20 เขาวัดอาณาบริเวณทั้งสี่ด้าน มีกำแพงล้อมรอบ เขาวัดได้กว้างยาวด้านละ 500 ศอก เพื่อแยกที่บริสุทธิ์จากที่สาธารณะ

พระเกียรติสิริกลับคืนสู่พระวิหาร

43 แล้วชายผู้นั้นนำข้าพเจ้ามายังประตูซึ่งหันไปทางตะวันออก และข้าพเจ้าเห็นพระเกียรติสิริของพระเจ้าแห่งอิสราเอลมาจากทางตะวันออก พระสุรเสียงของพระองค์เหมือนเสียงกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก และแผ่นดินก็เจิดจ้าด้วยพระเกียรติสิริของพระองค์ นิมิตที่ข้าพเจ้าเห็นนี้เหมือนกับนิมิตที่ข้าพเจ้าเห็นในคราวที่พระองค์เสด็จมาทำลายกรุงนั้น และเหมือนนิมิตที่ข้าพเจ้าเห็นริมแม่น้ำเคบาร์ ข้าพเจ้าจึงหมอบกายซบหน้าลงกับพื้น พระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าเข้าสู่พระวิหารทางประตูด้านตะวันออก แล้วพระวิญญาณทรงยกข้าพเจ้าขึ้น นำข้าพเจ้ามาที่ลานชั้นใน และพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าปกคลุมทั่วพระวิหาร

ขณะที่เขาผู้นั้นยืนอยู่ข้างข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ยินผู้หนึ่งตรัสกับข้าพเจ้าดังมาจากภายในพระวิหาร พระองค์ตรัสว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย บัลลังก์และแท่นวางเท้าของเราอยู่ที่นี่ นี่คือที่ซึ่งเราจะสถิตอยู่ท่ามกลางชนชาติอิสราเอลตลอดไป พงศ์พันธุ์อิสราเอล ไม่ว่าประชาชนหรือกษัตริย์จะไม่ทำให้นามอันบริสุทธิ์ของเราแปดเปื้อนมลทินอีก โดยการนอกใจ[bh]และกราบไหว้รูปเคารพ[bi]อันไร้ชีวิตของกษัตริย์ของเขาที่สถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย เมื่อพวกเขาวางธรณีประตูถัดจากธรณีประตูของเรา และประตูถัดจากประตูของเรา มีเพียงผนังซึ่งกั้นระหว่างเรากับเขา เขาก็ทำให้นามอันบริสุทธิ์ของเราเป็นมลทินโดยการกระทำอันน่าชิงชัง ฉะนั้นเราจึงทำลายเขาด้วยความโกรธ บัดนี้ให้เขากำจัดการนอกใจและรูปเคารพอันไร้ชีวิตของเหล่ากษัตริย์ของพวกเขาไปจากเรา แล้วเราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขาตลอดไป

10 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวถึงพระวิหารให้ประชาชนอิสราเอลฟัง เพื่อเขาจะละอายใจในบาปของตน ให้เขาพิจารณาแผนผังของพระวิหาร 11 และหากเขาละอายใจในสิ่งทั้งปวงที่ทำไปแล้ว ก็จงแจ้งแผนผังพระวิหาร การจัดเตรียมทางเข้าออก แผนผังทั้งหมด ตลอดจนกฎเกณฑ์[bj]และบทบัญญัติต่างๆ จงบันทึกสิ่งเหล่านี้ไว้ต่อหน้าเขา เพื่อเขาจะทำตามแผนผังและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทั้งปวง

12 “นี่เป็นกฎเรื่องพระวิหาร คืออาณาบริเวณโดยรอบบนยอดเขาจะเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด นั่นเป็นกฎของพระวิหาร

แท่นบูชา

13 “นี่เป็นขนาดของแท่นบูชา วัดเป็นหน่วย หน่วยหนึ่งเท่ากับ 1 ศอก[bk]กับ 1 ฝ่ามือ[bl] ร่องของแท่นบูชานั้นลึก 1 ศอก และกว้าง 1 ศอก ที่ขอบมีริมหนา 1 คืบ[bm] ความสูงของแท่นมีดังนี้ 14 จากฐานที่พื้นมาถึงคิ้วล่างของแท่นสูง 2 ศอก กว้าง 1 ศอก[bn] และจากคิ้วที่เล็กกว่าขึ้นถึงคิ้วที่ใหญ่กว่าสูง 4 ศอก กว้าง 1 ศอก[bo] 15 เตาของแท่นบูชาสูง 4 ศอก[bp] และเชิงงอนทั้งสี่ยื่นขึ้นมาจากเตา 16 เตาของแท่นบูชาเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวด้านละ 12 ศอก[bq] 17 คิ้วบนก็เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวด้านละ 14 ศอก[br] ยกริมรอบหนาครึ่งศอก[bs]และมีร่องขนาด 1 ศอกโดยรอบ บันไดแท่นบูชาหันไปทางตะวันออก”

18 แล้วเขากล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ต่อไปนี้คือกฎเกณฑ์เรื่องการถวายเครื่องเผาบูชาและการประพรมเลือดเหนือแท่นในวันที่สร้างเสร็จ 19 เจ้าจงมอบวัวหนุ่มเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปแก่ปุโรหิตชาวเลวีในครอบครัวของศาโดกผู้เข้ามาปฏิบัติงานใกล้ชิดต่อหน้าเรา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนี้ 20 เจ้าจงเอาเลือดบางส่วนทาที่เชิงงอนทั้งสี่ของแท่นบูชาและที่มุมทั้งสี่ของคิ้วบนและริมโดยรอบ เป็นการชำระแท่นบูชาและลบมลทินแท่นนั้น 21 เจ้าจงใช้วัวหนุ่มเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปและเผาในที่ซึ่งกำหนดไว้ในบริเวณพระวิหารนอกสถานนมัสการ

22 “ในวันที่สอง เจ้าจงถวายแพะผู้ที่ไม่มีตำหนิเพื่อเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และจงชำระแท่นเหมือนเมื่อชำระโดยใช้วัวผู้ 23 เมื่อเจ้าชำระแท่นนั้นเสร็จแล้ว จงถวายวัวหนุ่มหนึ่งตัวและแกะผู้คัดจากฝูงหนึ่งตัว ทั้งวัวและแกะผู้ต้องไม่มีตำหนิ 24 เจ้าจงถวายสัตว์ทั้งสองต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า และปุโรหิตจะเหยาะเกลือบนวัวและแกะผู้ถวายเป็นเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

25 “ตลอดเจ็ดวัน เจ้าจงถวายแพะผู้วันละตัวเพื่อเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และจงเตรียมวัวหนุ่มหนึ่งตัวและแกะผู้คัดจากฝูงหนึ่งตัวด้วย สัตว์เหล่านี้ต้องไม่มีตำหนิ 26 ตลอดเจ็ดวันพวกเขาต้องลบมลทินและชำระให้สะอาดเพื่อเป็นการถวายแท่นนั้น 27 เมื่อครบเจ็ดวันแล้ว ตั้งแต่วันที่แปดเป็นต้นไป ปุโรหิตต้องนำเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชาของเจ้ามาถวายบนแท่นบูชา แล้วเราจะยอมรับพวกเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น”

เจ้านาย ชนเลวี ปุโรหิต

44 แล้วชายผู้นั้นพาข้าพเจ้ามาที่ประตูชั้นนอก ทางด้านตะวันออกของสถานนมัสการ ประตูนั้นปิดอยู่ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ให้ประตูปิดอยู่อย่างนี้ อย่าเปิด อย่าให้ใครเข้าไปทางนี้ ให้ประตูปิดอยู่ตลอดเวลา เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้เสด็จเข้าไปทางนี้ เจ้านายองค์นั้นองค์เดียวที่สามารถประทับอยู่ตรงทางเข้า เพื่อรับประทานอาหารต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์นั้นจะเข้าทางมุขหน้าและออกไปทางเดียวกัน”

แล้วเขาผู้นั้นพาข้าพเจ้าผ่านประตูด้านเหนือมายังด้านหน้าของพระวิหาร ข้าพเจ้ามองเห็นพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าปกคลุมทั่วพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าก็หมอบกายซบหน้าลงกับพื้น

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมองให้เต็มตา จงฟังให้เต็มหู และจงเอาใจใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราบอกเจ้า เรื่องกฎเกณฑ์เกี่ยวกับพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงใส่ใจเรื่องทางเข้าพระวิหารและทางเข้าออกทุกทางของสถานนมัสการ จงกล่าวกับพงศ์พันธุ์อิสราเอลซึ่งชอบกบฏว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย! พอเสียทีกับการกระทำอันน่าชิงชังทั้งหลายของเจ้า นอกเหนือจากความประพฤติอันน่าชิงชังอื่นๆ แล้ว เจ้ายังพาชาวต่างชาติผู้ไม่ได้เข้าสุหนัตทั้งกายและใจเข้ามายังสถานนมัสการของเรา เป็นการทำให้วิหารของเรามัวหมอง ในขณะที่เจ้าถวายอาหาร ไขมัน และเลือดแก่เรา เจ้าก็ละเมิดพันธสัญญาของเรา แทนที่จะปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าเกี่ยวกับสิ่งบริสุทธิ์ของเรา เจ้าก็ให้คนอื่นมารับผิดชอบดูแลสถานนมัสการของเรา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า อย่าให้ชาวต่างชาติคนใดที่ไม่ได้เข้าสุหนัตทั้งกายและใจเข้ามาในสถานนมัสการของเรา ห้ามแม้กระทั่งชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในหมู่ชาวอิสราเอล

10 “ ‘ชนเลวีที่ห่างไกลจากเราเมื่อครั้งอิสราเอลหลงผิดไป และที่เตลิดจากเราไปติดตามรูปเคารพต่างๆ จะต้องรับผลที่เกิดจากบาปของพวกเขา 11 เขาอาจจะทำงานรับใช้ในสถานนมัสการของเรา ดูแลประตูพระวิหารและปฏิบัติงานที่นั่น เขาอาจฆ่าสัตว์ เครื่องเผาบูชา หรือเครื่องบูชาต่างๆ ให้ประชาชน และยืนอยู่ต่อหน้าประชาชนและรับใช้พวกเขา 12 แต่เนื่องจากเขาเคยรับใช้ประชาชนต่อหน้ารูปเคารพต่างๆ และทำให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลทำบาป ฉะนั้นเราได้ชูมือปฏิญาณว่าพวกเขาต้องรับผลที่เกิดจากบาปของตน พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น 13 อย่าให้เขาเข้ามารับใช้เราอย่างใกล้ชิดในฐานะปุโรหิต หรือเข้ามาใกล้เครื่องบูชาบริสุทธิ์ที่สุดหรือสิ่งบริสุทธิ์ใดๆ ของเรา เขาต้องรับความอัปยศอดสูจากการกระทำที่น่าชิงชังของตน 14 ถึงกระนั้นเราจะตั้งให้เขารับผิดชอบหน้าที่ต่างๆ และงานทั้งปวงในพระวิหาร

15 “ ‘ส่วนปุโรหิตชาวเลวีวงศ์วานของศาโดกผู้ซึ่งยังปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ในสถานนมัสการของเรา เมื่อชาวอิสราเอลหลงไปจากเรานั้น ให้เขามารับใช้ใกล้ชิดยืนอยู่ตรงหน้าเรา ถวายเครื่องบูชาคือไขมันและเลือด พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น 16 พวกเขาเท่านั้นที่เข้ามาในสถานนมัสการของเราได้ เราอนุญาตให้พวกเขาเท่านั้นที่เข้ามาใกล้โต๊ะของเรา เพื่อรับใช้ต่อหน้าเราและปฏิบัติหน้าที่เพื่อเรา

17 “ ‘เมื่อเขาจะเข้าประตูลานชั้นใน ต้องสวมเครื่องแต่งกายผ้าลินิน อย่าสวมเครื่องแต่งกายขนสัตว์ใดๆ ขณะปฏิบัติหน้าที่ที่ประตูต่างๆ ของลานชั้นในหรือภายในพระวิหาร 18 ให้เขาโพกผ้าลินินไว้ที่ศีรษะและสวมเครื่องแต่งกายชั้นในที่ทำจากผ้าลินินรอบเอว ไม่ให้สวมสิ่งใดที่จะทำให้เหงื่อออก 19 เมื่อเขาจะออกมาสู่ลานชั้นนอกที่ประชาชนอยู่ ให้ถอดเครื่องแต่งกายที่ใช้ปฏิบัติหน้าที่ออกวางไว้ในห้องศักดิ์สิทธิ์ และสวมเครื่องแต่งกายอื่นๆ จะได้ไม่เป็นการทำให้ประชาชนศักดิ์สิทธิ์โดยอาศัยเครื่องแต่งกายของพวกเขา

20 “ ‘อย่าให้ปุโรหิตโกนผมหรือปล่อยผมยาว แต่จงตัดผมให้เรียบร้อย 21 อย่าให้ปุโรหิตคนใดดื่มเหล้าองุ่นเมื่อเข้าไปยังลานชั้นใน 22 ห้ามเขาแต่งงานกับแม่ม่ายหรือหญิงที่หย่าร้าง แต่ให้แต่งงานกับหญิงพรหมจารีเชื้อสายอิสราเอลหรือภรรยาม่ายของปุโรหิตเท่านั้น 23 พวกเขาต้องสั่งสอนประชากรของเราถึงข้อแตกต่างระหว่างสิ่งที่บริสุทธิ์และสิ่งที่สามัญ และสอนให้ประชากรรู้จักแยกแยะระหว่างสิ่งที่เป็นมลทินและสิ่งที่สะอาด

24 “ ‘เมื่อมีคดีความ ให้ปุโรหิตทำหน้าที่พิพากษาตัดสินความตามข้อกำหนดของเรา ให้เขารักษาบทบัญญัติและกฎหมายของเราเรื่องเทศกาลต่างๆ ตามกำหนด เขาจะต้องรักษาสะบาโตของเราให้บริสุทธิ์

25 “ ‘ปุโรหิตอย่าทำตัวให้เป็นมลทินโดยเข้าไปใกล้คนตาย เว้นแต่เป็นบิดามารดา บุตรชายบุตรสาว พี่ชายน้องชาย หรือพี่สาวน้องสาวที่ยังไม่มีสามี จึงยอมให้ตนเป็นมลทินได้ 26 หลังจากที่ชำระตัวแล้ว ให้คอยไปอีกเจ็ดวัน 27 ในวันที่จะเข้าไปสู่ลานชั้นในของสถานนมัสการเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในสถานนมัสการ เขาจะต้องถวายเครื่องบูชาไถ่บาปเพื่อตัวเอง พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

28 “ ‘เราจะเป็นทรัพย์สมบัติอย่างเดียวของปุโรหิต เขาไม่ต้องถือกรรมสิทธิ์ใดๆ ในอิสราเอล เพราะเราจะเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา 29 ให้เขารับประทานธัญบูชา เครื่องบูชาไถ่บาป เครื่องบูชาลบความผิด จงยกทุกสิ่งทุกอย่างในอิสราเอลที่ถวาย[bt]แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าให้เป็นของปุโรหิต 30 ส่วนที่ดีที่สุดของผลแรกและของเครื่องถวายพิเศษทั้งปวงของเจ้าจะเป็นของบรรดาปุโรหิต เจ้าจงมอบธัญญาหารรุ่นแรกแก่พวกเขา เพื่อพรจะอยู่เหนือครัวเรือนของเจ้า 31 ปุโรหิตอย่ารับประทานสัตว์ที่ตายเองหรือถูกสัตว์ร้ายฉีกกัด ไม่ว่าจะเป็นนกหรือสัตว์อื่น

การแบ่งสรรที่ดิน

45 “ ‘เมื่อเจ้าแบ่งสรรดินแดนกรรมสิทธิ์ จงถวายที่ดินส่วนหนึ่งแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ยาว 25,000 คิวบิท[bu] และกว้าง 20,000 คิวบิท[bv]ทั้งเขตแดนนั้นจะเป็นที่บริสุทธิ์ ในบริเวณนี้ให้มีที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวด้านละ 500 คิวบิท[bw] เพื่อเป็นสถานนมัสการและมีที่ว่างโดยรอบเป็นระยะ 50 คิวบิท[bx] ในเขตศักดิ์สิทธิ์นี้ จงวัดที่แบ่งออกมาให้ได้ขนาดยาว 25,000 คิวบิท กว้าง 10,000 คิวบิท[by] ในบริเวณนี้จะเป็นสถานนมัสการคืออภิสุทธิสถาน จะเป็นเขตแดนบริสุทธิ์สำหรับบรรดาปุโรหิต ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในสถานนมัสการ และเข้าปรนนิบัติรับใช้อยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าใช้เป็นที่สำหรับบ้านเรือนของปุโรหิตและวิสุทธิสถานของสถานนมัสการ อีกส่วนซึ่งยาว 25,000 คิวบิท และกว้าง 10,000 คิวบิท เป็นของคนเลวีซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในพระวิหาร มอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาที่จะสร้างบ้านเมืองเพื่ออยู่อาศัย[bz]

“ ‘เจ้าจงมอบที่กว้าง 5,000 คิวบิท[ca]ยาว 25,000 คิวบิท ต่อจากเขตศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นส่วนของเมืองนั้น ที่นี่จะเป็นของพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมด

“ ‘ที่ดินแต่ละข้างของเนื้อที่เขตศักดิ์สิทธิ์และทรัพย์สมบัติของเมืองยกให้เป็นของเจ้านาย ทอดออกไปทางตะวันตกและตะวันออก ตลอดความยาวของพรมแดนตะวันตกจดตะวันออกเทียบเท่ากับส่วนที่ยกให้ตระกูลหนึ่ง ที่ดินนี้จะเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้านายในอิสราเอล และเจ้านายเหล่านั้นจะได้ไม่กดขี่ข่มเหงประชากรของเราอีกต่อไป แต่จะยอมให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลครอบครองดินแดนตามตระกูลต่างๆ

“ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่าบรรดาเจ้านายของอิสราเอลเอ๋ย เจ้าทำเกินเลยมามากพอแล้ว! เลิกกดขี่ข่มเหงและทารุณเถิด จงทำสิ่งที่ถูกต้อง ยุติธรรม และเลิกเสือกไสไล่ส่งประชากรของเราจากกรรมสิทธิ์ของเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น 10 จงใช้เครื่องชั่งที่เที่ยงตรง เอฟาห์และบัทที่เที่ยงตรง[cb] 11 เอฟาห์จะเท่ากับบัท คือเอฟาห์และบัทล้วนเท่ากับหนึ่งในสิบโฮเมอร์ โฮเมอร์เป็นหน่วยมาตรฐานของการตวงทั้งของแห้งและของเหลว 12 1 เชเขล[cc] เท่ากับ 20 เกราห์และ 60 เชเขลเท่ากับ 1 มินา[cd]

ของถวายและวันบริสุทธิ์

13 “ ‘ของถวายพิเศษที่เจ้าจะต้องนำมามอบให้คือ ข้าวสาลีหนึ่งในหกเอฟาห์จากทุกๆ หนึ่งโฮเมอร์ ข้าวบาร์เลย์ก็หนึ่งในหกเอฟาห์จากทุกๆ หนึ่งโฮเมอร์ 14 ส่วนน้ำมันตวงด้วยหน่วยบัท คือหนึ่งในสิบบัทจากทุกหนึ่งโคร์ (ซึ่งเท่ากับหนึ่งโฮเมอร์หรือสิบบัท) 15 พร้อมทั้งแกะหนึ่งตัวจากทุกสองร้อยตัว จากทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ของอิสราเอล สิ่งเหล่านี้จะใช้เป็นธัญบูชา เครื่องเผาบูชา และเครื่องสันติบูชาเพื่อลบบาปสำหรับประชากร พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น 16 ประชากรทั้งหมดจะร่วมกันนำของถวายพิเศษนี้มาสำหรับเจ้านายของอิสราเอล 17 เป็นหน้าที่ของเจ้านายที่จะจัดเตรียมเครื่องเผาบูชา ธัญบูชา และเครื่องดื่มบูชาซึ่งใช้ในเทศกาลต่างๆ วันขึ้นหนึ่งค่ำและสะบาโตทั้งหลาย คือทุกเทศกาลที่กำหนดไว้ของพงศ์พันธุ์อิสราเอล เขาจะจัดเครื่องบูชาไถ่บาป ธัญบูชา เครื่องเผาบูชา และเครื่องสันติบูชาเพื่อลบบาปของพงศ์พันธุ์อิสราเอล

18 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ในวันที่หนึ่งเดือนที่หนึ่ง เจ้าจงเอาวัวหนุ่มปราศจากตำหนิมาเพื่อการชำระสถานนมัสการ 19 ให้ปุโรหิตเอาเลือดของเครื่องบูชาไถ่บาปทาไว้ที่เสาประตูพระวิหาร ที่มุมทั้งสี่ของคิ้วบนของแท่นบูชา และที่เสาประตูของลานชั้นใน 20 จงทำอย่างนี้อีกในวันที่เจ็ดของเดือนนั้น เป็นการลบมลทินของพระวิหารเพื่อผู้หนึ่งผู้ใดซึ่งทำบาปโดยไม่เจตนาหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์

21 “ ‘ในวันที่สิบสี่เดือนที่หนึ่ง จงถือเทศกาลปัสกา เจ้าจะกินขนมปังไม่ใส่เชื้อตลอดเจ็ดวันของเทศกาล 22 ในวันนั้นเจ้านายจะถวายวัวหนุ่มเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปสำหรับตนเอง และสำหรับประชาชนทั้งหมด 23 ทุกวันตลอดเจ็ดวันของเทศกาล เขาจะถวายวัวหนุ่มเจ็ดตัวและแกะผู้เจ็ดตัว ซึ่งปราศจากตำหนิ เป็นเครื่องเผาบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และถวายแพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป 24 เขาจะจัดธัญบูชาควบคู่โดยใช้แป้ง 1 เอฟาห์[ce]ต่อวัวหนุ่มหนึ่งตัว และ 1 เอฟาห์ต่อแกะผู้หนึ่งตัว พร้อมทั้งน้ำมัน 1 ฮิน[cf] ต่อแป้ง 1 เอฟาห์

25 “ ‘ตลอดเจ็ดวันของเทศกาลนั้น ซึ่งเริ่มในวันที่สิบห้าของเดือนที่เจ็ด ให้เขาจัดเตรียมเครื่องบูชาไถ่บาป เครื่องเผาบูชา ธัญบูชา และน้ำมันแบบเดียวกัน

46 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ประตูด้านตะวันออกสู่ลานชั้นในให้ปิดตลอดวันทำงานหกวัน แต่ให้เปิดในวันสะบาโตและวันขึ้นหนึ่งค่ำ เจ้านายจะเข้ามาจากด้านนอกผ่านมุขตรงทางเข้าและยืนอยู่ข้างเสาประตู ให้เหล่าปุโรหิตถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชาของเจ้านาย ให้เจ้านายนมัสการพระเจ้าที่ธรณีประตูนั้นแล้วออกไป แต่ไม่ต้องปิดประตูจนกว่าจะถึงเวลาเย็น ในวันสะบาโตและวันขึ้นหนึ่งค่ำ ให้ประชาชนทั้งปวงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทางเข้าก่อนถึงประตูนั้น เครื่องเผาบูชาที่เจ้านายนำมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในวันสะบาโตได้แก่ ลูกแกะตัวผู้หกตัวและแกะผู้หนึ่งตัว ล้วนไม่มีตำหนิ ธัญบูชา 1 เอฟาห์[cg]ถวายควบคู่แกะผู้ ส่วนธัญบูชาควบคู่ลูกแกะ แล้วแต่เจ้านายจะเห็นชอบ และถวายน้ำมัน 1 ฮิน[ch] ควบคู่ธัญบูชาทุกๆ 1 เอฟาห์ ในวันขึ้นหนึ่งค่ำ ให้เจ้านายถวายวัวหนุ่มหนึ่งตัว ลูกแกะหกตัวและแกะผู้หนึ่งตัว ล้วนไม่มีตำหนิ ให้เขาเตรียมธัญบูชา 1 เอฟาห์ควบคู่กับวัวผู้ และอีก 1 เอฟาห์ควบคู่กับแกะผู้ และตามที่เห็นชอบควบคู่กับลูกแกะ พร้อมทั้งน้ำมัน 1 ฮินต่อธัญบูชาทุกๆ 1 เอฟาห์ เมื่อเจ้านายเข้ามา ให้เข้าทางมุขตรงทางเข้าและออกไปทางเดียวกันนั้น

“ ‘เมื่อประชาชนมาเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตามเทศกาลที่กำหนด ใครที่เข้าทางประตูด้านเหนือเพื่อนมัสการให้ออกทางประตูด้านใต้ และใครที่เข้าทางประตูด้านใต้ให้ออกทางประตูด้านเหนือ ไม่ให้ผู้ใดกลับออกไปทางเดียวกับที่ตนเข้ามา แต่ให้กลับออกไปทางประตูตรงกันข้าม 10 เจ้านายจะอยู่ท่ามกลางประชาชน เมื่อประชาชนเข้าไป เจ้านายก็เข้าไปด้วยและเมื่อประชาชนออกมา เขาก็ออกมาด้วย

11 “ ‘ในเทศกาลตามกำหนดและงานเลี้ยงวาระต่างๆ ให้ใช้ธัญบูชา 1 เอฟาห์ควบคู่กับวัวผู้หนึ่งตัว อีก 1 เอฟาห์ควบคู่กับแกะผู้หนึ่งตัว ส่วนที่ควบคู่กับลูกแกะจะเท่าไรก็ได้แล้วแต่เห็นชอบพร้อมทั้งน้ำมัน 1 ฮินควบคู่กับธัญบูชาทุกๆ 1 เอฟาห์ 12 เมื่อเจ้านายถวายเครื่องบูชาตามความสมัครใจแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า จะเป็นเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องสันติบูชาก็ตาม จงเปิดประตูที่หันไปทางด้านตะวันออกให้เขา เขาจะถวายเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องสันติบูชาเหมือนในวันสะบาโต แล้วเขาจะออกไป เมื่อเขาออกไปแล้วก็จงปิดประตู

13 “ ‘ทุกเช้าจงถวายลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบซึ่งไม่มีตำหนิเป็นเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 14 และทุกเช้าจงถวายธัญบูชาหนึ่งในหกเอฟาห์[ci]ควบคู่ และน้ำมันหนึ่งในสามฮิน[cj]เพื่อคลุกเคล้าแป้ง การถวายธัญบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้านี้ให้ถือปฏิบัติตลอดไป 15 ฉะนั้นให้จัดเตรียมลูกแกะ และธัญบูชากับน้ำมันเป็นเครื่องเผาบูชาเป็นประจำทุกเช้า

16 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า หากเจ้านายมอบที่มรดกเป็นของขวัญให้แก่บุตรชาย ที่ผืนนั้นก็จะเป็นมรดกตกทอดแก่ลูกหลานของเขาสืบต่อไป 17 แต่หากเจ้านายมอบที่มรดกเป็นของขวัญให้แก่คนใช้ เขาจะครอบครองจนถึงปีแห่งการปลดปล่อย แล้วที่ผืนนั้นจะกลับมาเป็นของเจ้านายตามเดิม ที่มรดกจะเป็นสมบัติของลูกๆ เจ้านายเท่านั้น 18 เจ้านายต้องไม่ริบที่มรดกของประชาชนมาเป็นสมบัติของตน หรือผลักไสไล่ส่งประชาชนออกจากที่ดินของพวกเขา เจ้านายจะมอบที่ดินให้แก่ลูกหลานของเขาได้เฉพาะส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ตกทอดมาถึงเขา เพื่อไม่ให้ประชากรคนหนึ่งคนใดของเราถูกพรากจากที่ดินของตน’ ”

19 แล้วชายผู้นั้นพาข้าพเจ้าผ่านทางเข้าที่ข้างประตูสู่ห้องบริสุทธิ์ต่างๆ ซึ่งหันหน้าไปทางเหนือซึ่งเป็นห้องของปุโรหิต และชี้ให้ข้าพเจ้าดูที่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ริมสุดด้านตะวันตก 20 เขาบอกข้าพเจ้าว่า “นี่เป็นที่สำหรับปุโรหิตต้มเครื่องบูชาลบความผิดและเครื่องบูชาไถ่บาปและปิ้งธัญบูชา เพื่อจะได้ไม่นำออกไปสู่ลานชั้นนอกและไม่ไปทำให้ประชาชนบริสุทธิ์”

21 แล้วเขาพาข้าพเจ้ามาที่ลานชั้นนอก พาไปดูทั่วมุมทั้งสี่ ที่แต่ละมุมมีลานเล็กๆ อีกลานหนึ่ง 22 ลานเล็กๆ ที่มุมทั้งสี่ของลานชั้นนอกนี้มีผนังล้อมรอบยาว 40 คิวบิท กว้าง 30 คิวบิท[ck] แต่ละลานที่มุมทั้งสี่ล้วนมีขนาดเท่ากัน 23 ภายในรอบลานทั้งสี่มีแนวหินและมีเตาสร้างขึ้นภายใต้แนวหินนี้ 24 เขาบอกข้าพเจ้าว่า “นี่เป็นโรงครัวที่ให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพระวิหารใช้ต้มเครื่องบูชาของประชาชน”

แม่น้ำซึ่งไหลจากพระวิหาร

47 ชายผู้นั้นพาข้าพเจ้ากลับมาที่ทางเข้าพระวิหาร และข้าพเจ้าเห็นสายน้ำไหลออกมาจากใต้ธรณีประตูพระวิหารไปทางตะวันออก (เพราะพระวิหารหันหน้าไปทางตะวันออก) น้ำนั้นไหลมาจากด้านใต้ของพระวิหาร ทางใต้ของแท่นบูชา แล้วเขาพาข้าพเจ้าออกมาทางประตูด้านเหนือ พาอ้อมด้านนอกไปยังประตูชั้นนอก ซึ่งหันหน้าไปทางตะวันออก และน้ำนั้นไหลออกมาจากทางทิศใต้

ขณะที่เขาผู้นั้นไปทางตะวันออก มีสายวัดอยู่ในมือ วัดได้ 1,000 คิวบิท[cl] จากนั้นเขาก็พาข้าพเจ้าลุยน้ำไปซึ่งลึกระดับตาตุ่ม เขาวัดไปอีก 1,000 คิวบิท แล้วพาข้าพเจ้าลุยน้ำซึ่งลึกระดับหัวเข่า เขาวัดอีก 1,000 คิวบิท และพาข้าพเจ้าลุยน้ำซึ่งสูงขึ้นถึงระดับเอว เขาวัดอีก 1,000 คิวบิท คราวนี้เป็นแม่น้ำซึ่งข้าพเจ้าไม่อาจลุยข้ามไปได้ เพราะน้ำลึกพอที่จะว่ายไป แต่ไม่มีใครเดินลุยข้ามแม่น้ำนั้นได้ เขาถามข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นสิ่งนี้หรือไม่?”

แล้วเขาพาข้าพเจ้ากลับมาที่ริมฝั่งแม่น้ำนั้น เมื่อข้าพเจ้ามาถึงที่นั่นก็เห็นต้นไม้มากมายที่ตลิ่งทั้งสองฟาก เขากล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “น้ำนี้ไหลไปยังภูมิภาคตะวันออกลงสู่อาราบาห์[cm]และไหลสู่ทะเลตาย[cn] เมื่อไหลลงทะเลตายก็ทำให้น้ำนั้นเป็นน้ำจืด น้ำนั้นไหลไปที่ไหนก็มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ที่นั่นคลาคล่ำ จะมีปลาอุดมสมบูรณ์เพราะน้ำนี้ไหลไปทำให้น้ำเค็มกลายเป็นน้ำจืด ฉะนั้นที่ซึ่งน้ำนี้ไหลไปจึงมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ 10 ชาวประมงจะยืนอยู่ตามชายฝั่งทะเล จากเอนเกดีถึงเอนเอกลาอิมจะมีที่สำหรับตากอวน จะมีปลาหลากชนิดเหมือนในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 11 แต่ตามห้วยตามหนองน้ำจะไม่เป็นน้ำจืดเพื่อจะได้มีแหล่งเกลือ 12 ไม้ผลทุกชนิดจะขึ้นที่สองฝั่งแม่น้ำ ใบของมันจะไม่เหี่ยวเฉาและผลของมันจะออกตามฤดูกาล มันจะออกผลทุกเดือนเพราะน้ำจากสถานนมัสการไหลมาถึง ผลของมันจะใช้เป็นอาหารและใบของมันใช้รักษาโรค”

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.