Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
เอเสเคียล 47:13 - ดาเนียล 8:27

เขตแดน

13 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสว่า “ให้เจ้าแบ่งเขตดินแดนสำหรับเป็นกรรมสิทธิ์ในหมู่อิสราเอลสิบสองเผ่าดังนี้ เชื้อสายโยเซฟได้รับสองส่วน 14 เจ้าจงแบ่งให้พวกเขาเท่าๆ กัน ดินแดนนี้จะเป็นมรดกตกทอดสำหรับพวกเจ้า เพราะเราชูมือปฏิญาณยกให้บรรพบุรุษของพวกเจ้า

15 “อาณาเขตดินแดนมีดังนี้

ด้านเหนือจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ไปทางเฮทโลนผ่านเลโบฮามัท[a]ไปยังเซดัด 16 เบโรธาห์[b]และสิบราอิม (ซึ่งตั้งอยู่ที่พรมแดนระหว่างดามัสกัสและฮามัท) ไปถึงฮาเซอร์ฮัททิโคนซึ่งอยู่ที่เขตแดนของเฮารัน 17 ฉะนั้นพรมแดนทิศเหนือจะเริ่มจากทะเลถึงฮาซาร์เอนัน[c] ไปตามพรมแดนด้านเหนือของดามัสกัส กับเขตแดนของฮามัทไปทางเหนือ นี่เป็นอาณาเขตด้านเหนือ

18 อาณาเขตด้านตะวันออก จะเริ่มจากระหว่างเฮารันและดามัสกัส ไปตามแม่น้ำจอร์แดนระหว่างกิเลอาดกับเขตแดนอิสราเอลไปยังทะเลตะวันออกถึงทามาร์[d] นี่เป็นเขตแดนด้านตะวันออก

19 อาณาเขตด้านใต้จากทามาร์ถึงแหล่งน้ำของเมรีบาห์คาเดชแล้วไปตามลำน้ำแห่งอียิปต์ถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นี่เป็นอาณาเขตทางทิศใต้

20 อาณาเขตตะวันตก มีทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นพรมแดน ถึงจุดหนึ่งตรงข้ามกับเลโบฮามัท นี่เป็นอาณาเขตทางทิศตะวันตก

21 “ดินแดนเหล่านี้ เจ้าจงแบ่งกันตามเผ่าต่างๆ ของอิสราเอล 22 จงแบ่งสรรปันส่วนเพื่อเป็นมรดกตกทอดสำหรับเจ้า ชาวต่างชาติที่มาตั้งรกรากในหมู่พวกเจ้าและมีลูกหลาน เจ้าจงถือว่าเขาเป็นชนอิสราเอลโดยกำเนิดด้วย ให้เขาได้รับที่ดินมรดกตกทอดร่วมกับชนเผ่าต่างๆ ของอิสราเอล 23 ชาวต่างชาติตั้งรกรากอยู่ในเผ่าไหนก็ให้แบ่งที่ดินมรดกให้เขาด้วย” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

การแบ่งดินแดน

48 “นี่คือรายชื่อของเผ่าต่างๆ คือที่ชายแดนด้านเหนือ ดานจะได้รับส่วนหนึ่งตามเส้นทางเฮทโลนถึงเลโบฮามัท[e] และฮาซาร์เอนัน และพรมแดนด้านเหนือของดามัสกัส ถัดจากฮามัทจะเป็นส่วนของเขตแดนจากด้านตะวันออกไปด้านตะวันตก

“อาเชอร์จะได้รับส่วนหนึ่ง จะมีเขตแดนติดกับดินแดนของดานจากตะวันออกถึงตะวันตก

“นัฟทาลีจะได้รับส่วนหนึ่ง จะมีเขตแดนติดกับดินแดนของอาเชอร์จากตะวันออกถึงตะวันตก

“มนัสเสห์จะได้รับส่วนหนึ่ง จะมีเขตแดนติดกับดินแดนของนัฟทาลีจากตะวันออกถึงตะวันตก

“เอฟราอิมจะได้รับส่วนหนึ่ง จะมีเขตแดนติดกับดินแดนของมนัสเสห์จากตะวันออกถึงตะวันตก

“รูเบนจะได้รับส่วนหนึ่ง จะมีเขตแดนติดกับดินแดนของเอฟราอิมจากตะวันออกถึงตะวันตก

“ยูดาห์จะได้รับส่วนหนึ่ง จะมีเขตแดนติดกับดินแดนของรูเบนจากตะวันออกถึงตะวันตก

“ถัดจากเขตแดนของยูดาห์จากตะวันออกถึงตะวันตกจะเป็นส่วนพิเศษที่เจ้าต้องถวาย ซึ่งมีความกว้าง 25,000 คิวบิท[f]ความยาวจากตะวันออกถึงตะวันตกจะเท่ากับส่วนของแต่ละเผ่า สถานนมัสการจะอยู่ที่ศูนย์กลางของส่วนนี้

“ส่วนพิเศษซึ่งเจ้าจะต้องถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้านี้ยาว 25,000 คิวบิทและกว้าง 10,000 คิวบิท[g] 10 ต่อไปนี้เป็นเขตศักดิ์สิทธิ์สำหรับบรรดาปุโรหิต มีความยาววัดขึ้นไปทางเหนือ 25,000 คิวบิท ความกว้างด้านตะวันตก 10,000 คิวบิท ความกว้างด้านตะวันออก 10,000 คิวบิท และความยาวทางทิศใต้ 25,000 คิวบิท โดยมีสถานนมัสการขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นศูนย์กลาง 11 ที่ส่วนนี้สำหรับปุโรหิตเชื้อสายศาโดกที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ ซึ่งซื่อสัตย์ในการปรนนิบัติรับใช้เรา ไม่ได้หลงผิดไปเหมือนชนเลวีอื่นๆ เมื่อครั้งชนอิสราเอลหลงไปจากพระเจ้า 12 ที่ส่วนนี้เป็นของขวัญพิเศษซึ่งยกให้แก่พวกเขา เป็นส่วนที่บริสุทธิ์ที่สุดในเขตศักดิ์สิทธิ์ติดกับเขตแดนของชนเลวี

13 “ใกล้กับเขตปุโรหิตนั้น เป็นที่ดินส่วนของชนเลวียาว 25,000 คิวบิท และกว้าง 10,000 คิวบิท ความยาวทั้งหมดของมันจะเป็น 25,000 คิวบิทและกว้าง 10,000 คิวบิท 14 ที่ดินนั้นห้ามซื้อขายหรือแลกเปลี่ยน เป็นผืนดินที่ดีเยี่ยม อย่าให้ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นเลย เพราะเป็นที่บริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

15 “ส่วนที่เหลือซึ่งกว้าง 5,000 คิวบิท[h] ยาว 25,000 คิวบิท เป็นที่สาธารณประโยชน์ของเมืองนั้น เป็นที่สำหรับบ้านเรือนและทุ่งหญ้า ตัวเมืองอยู่ใจกลาง 16 เมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสคือกว้างยาวด้านละ 4,500 คิวบิท[i] 17 ที่โล่งสำหรับเป็นทุ่งหญ้าอยู่รอบเมือง แต่ละด้านทั้งสี่ทิศมีระยะด้านละ 250 คิวบิท[j] 18 เนื้อที่ที่เหลือติดกับเขตศักดิ์สิทธิ์ ความยาวคู่ขนานกัน วัดทางตะวันออกได้ 10,000 คิวบิท วัดทางตะวันตกได้ 10,000 คิวบิท ผลผลิตที่ได้จากแผ่นดินนี้ใช้เป็นอาหารสำหรับผู้ทำงานในตัวเมือง 19 คนงานจากตัวเมืองที่ทำไร่ไถนาบนที่ดินผืนนี้มาจากอิสราเอลทุกเผ่า 20 ที่ดินส่วนนี้ทั้งหมดจะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวด้านละ 25,000 คิวบิท นี่เป็นของถวายพิเศษที่เจ้าจะกันไว้เป็นส่วนศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับที่ดินของเมืองนี้ด้วย

21 “ส่วนที่เหลืออยู่สองด้านของเขตศักดิ์สิทธิ์และบริเวณของตัวเมืองจะเป็นของเจ้านาย กินเนื้อที่ไปทางตะวันออกจากระยะ 25,000 คิวบิทของเขตศักดิ์สิทธิ์ไปถึงชายแดนตะวันออก และไปทางตะวันตกจากระยะ 25,000 คิวบิทไปยังชายแดนด้านตะวันตก ทั้งสองบริเวณนี้ซึ่งความยาวคู่ขนานกับที่ดินของเผ่าต่างๆ เป็นของเจ้านาย โดยมีเขตศักดิ์สิทธิ์กับสถานนมัสการของพระวิหารอยู่ที่ใจกลาง 22 ฉะนั้นที่ดินของชนเลวี และบริเวณของตัวเมืองจะอยู่ตรงกลางพื้นที่ซึ่งเป็นของเจ้านาย ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเขตแดนของยูดาห์กับของเบนยามิน

23 “สำหรับเผ่าต่างๆ ที่เหลือ เบนยามินจะได้รับส่วนหนึ่ง ที่ดินของเขาจะทอดยาวจากด้านตะวันออกถึงด้านตะวันตก

24 “สิเมโอนจะได้รับส่วนหนึ่ง จะมีเขตแดนติดกับดินแดนของเบนยามินจากตะวันออกถึงตะวันตก

25 “อิสสาคาร์จะได้รับส่วนหนึ่ง จะมีเขตแดนติดกับดินแดนของสิเมโอนจากตะวันออกถึงตะวันตก

26 “เศบูลุนจะได้รับส่วนหนึ่ง จะมีเขตแดนติดกับดินแดนของอิสสาคาร์จากตะวันออกถึงตะวันตก

27 “กาดจะได้รับส่วนหนึ่ง จะมีเขตแดนติดกับดินแดนของเศบูลุนจากตะวันออกถึงตะวันตก

28 “อาณาเขตด้านใต้ของกาด คือจากทามาร์มุ่งลงทางใต้ ถึงห้วงน้ำเมรีบาห์คาเดช แล้วไปตามลำน้ำแห่งอียิปต์ถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

29 “จงแบ่งสรรปันส่วนดินแดนตามนี้แก่เผ่าต่างๆ ของอิสราเอล เพื่อเป็นมรดกตกทอดของเขา และนี่เป็นส่วนของพวกเขา” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

ประตูเมือง

30 “ต่อไปนี้เป็นประตูเมืองของนครนั้น เริ่มจากทางเหนือซึ่งยาว 4,500 คิวบิท[k] 31 ประตูต่างๆ ของเมืองนี้ตั้งชื่อตามเผ่าต่างๆ ของอิสราเอล สามประตูทางด้านเหนือได้แก่ ประตูรูเบน ประตูยูดาห์ และประตูเลวี

32 “ทางด้านตะวันออกซึ่งยาว 4,500 คิวบิท มีสามประตูคือ ประตูโยเซฟ ประตูเบนยามิน และประตูดาน

33 “ทางด้านใต้ซึ่งวัดได้ 4,500 คิวบิท มีสามประตูคือ ประตูสิเมโอน ประตูอิสสาคาร์ และประตูเศบูลุน

34 “ด้านตะวันตกซึ่งยาว 4,500 คิวบิท มีสามประตูคือ ประตูกาด ประตูอาเชอร์ และประตูนัฟทาลี

35 “วัดระยะรอบเมืองได้ 18,000 คิวบิท[l]

“และนับแต่นี้ไปนครนั้นจะได้ชื่อว่า

องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตที่นี่’[m]

การฝึกฝนของดาเนียลในบาบิโลน

ในปีที่สามของรัชกาลกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนทรงกรีธาทัพมาล้อมกรุงเยรูซาเล็ม และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์พร้อมทั้งภาชนะบางอย่างในพระวิหารของพระเจ้าไว้ในมือเนบูคัดเนสซาร์ เนบูคัดเนสซาร์ทรงนำสิ่งเหล่านี้ไปเก็บไว้ที่คลังของวิหารเทพเจ้าของตนในบาบิโลน[n]

แล้วเนบูคัดเนสซาร์ตรัสบัญชาอัชเปนัสหัวหน้ากรมวังให้คัดเลือกชายหนุ่มอิสราเอลบางคนซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์และอยู่ในตระกูลขุนนาง คนหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาดี ไม่พิกลพิการ เฉลียวฉลาดพร้อมที่จะเรียนรู้ ได้รับการศึกษาอบรมมาอย่างดี มีไหวพริบปฏิภาณ และคุณสมบัติเหมาะสมที่จะปฏิบัติหน้าที่ในพระราชวัง ให้อัชเปนัสสอนภาษาและวรรณคดีของชาวบาบิโลน[o]แก่ชายหนุ่มเหล่านี้ กษัตริย์ทรงประทานอาหารและเหล้าองุ่นจากโต๊ะเสวยแก่คนเหล่านี้ทุกวันและให้พวกเขารับการฝึกฝนตลอดสามปี หลังจากนั้นจึงเข้ารับราชการ

ในกลุ่มชายหนุ่มเหล่านี้ มีบางคนจากยูดาห์ได้แก่ดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์ หัวหน้ากรมวังตั้งชื่อใหม่ให้พวกเขาดังนี้ ดาเนียลชื่อเบลเทชัสซาร์ ฮานันยาห์ชื่อชัดรัค มิชาเอลชื่อเมชาค และอาซาริยาห์ชื่ออาเบดเนโก

แต่ดาเนียลตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ยอมให้ตนเองเป็นมลทินเพราะเครื่องเสวย ทั้งอาหารและเหล้าองุ่น จึงขออนุญาตจากหัวหน้ากรมวังที่จะไม่ทำให้ตนเองเป็นมลทินอย่างนั้น พระเจ้าทรงบันดาลให้หัวหน้ากรมวังชอบพอและเห็นใจดาเนียล 10 แต่เขาบอกดาเนียลว่า “เรากลัวเจ้าเหนือหัวซึ่งทรงเป็นผู้ประทานอาหารและเครื่องดื่มให้พวกเจ้า หากเราปล่อยให้พระองค์เห็นพวกเจ้าซูบซีดกว่าชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน พระองค์คงตัดหัวเราเพราะพวกเจ้า”

11 ดาเนียลจึงบอกผู้ดูแลซึ่งหัวหน้ากรมวังแต่งตั้งให้รับผิดชอบดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์ว่า 12 “โปรดลองให้ผู้รับใช้ของท่านกินแต่ผักและดื่มแต่น้ำสักสิบวัน 13 แล้วเปรียบเทียบหน้าตาของพวกเรากับชายหนุ่มซึ่งรับประทานเครื่องเสวย จากนั้นเชิญท่านปฏิบัติต่อผู้รับใช้ตามที่ท่านเห็นควรเถิด” 14 ผู้ดูแลก็ตกลงตามนี้และให้พวกเขาทดลองดูสิบวัน

15 เมื่อครบสิบวันแล้ว ปรากฏว่าพวกเขาดูแข็งแรงและมีพลานามัยดีกว่าชายหนุ่มอื่นๆ ที่รับประทานเครื่องเสวย 16 ฉะนั้นผู้ดูแลจึงงดให้เครื่องเสวยและเหล้าองุ่น แต่ให้เขาทั้งสี่รับประทานผัก

17 พระเจ้าโปรดให้ชายหนุ่มทั้งสี่มีความรู้ความเข้าใจในวรรณกรรมและวิทยาการทุกอย่าง ตัวดาเนียลนั้นสามารถเข้าใจนิมิตและความฝันทุกประเภท

18 เมื่อครบกำหนดที่กษัตริย์ทรงบัญชา หัวหน้ากรมวังนำชายหนุ่มทั้งปวงที่คัดเลือกไว้เข้าเฝ้ากษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ 19 กษัตริย์ทรงสนทนากับพวกเขาและทรงพบว่าไม่มีชายหนุ่มคนใดเทียบเคียงดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์ได้ ทั้งสี่คนนี้จึงเข้ารับราชการอยู่ในราชสำนัก 20 กษัตริย์ทรงซักถามพวกเขาทุกเรื่องในด้านสติปัญญาและความเข้าใจ และทรงพบว่าพวกเขาดีเด่นกว่าพวกนักเล่นอาคมและนักเวทมนตร์ทั่วราชอาณาจักรถึงสิบเท่า

21 ดาเนียลรับราชการเรื่อยมาจวบจนปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลกษัตริย์ไซรัส

เนบูคัดเนสซาร์ทรงฝัน

ในปีที่สองแห่งรัชกาล เนบูคัดเนสซาร์ทรงฝัน แล้วทุกข์พระทัยมากจนบรรทมไม่หลับ จึงรับสั่งให้นักเล่นอาคม นักเวทมนตร์ พ่อมดหมอผี และพวกโหราจารย์[p]มาทูลให้ทรงทราบว่าทรงฝันเรื่องอะไร เมื่อพวกเขามาเข้าเฝ้า กษัตริย์ตรัสกับเขาว่า “เราฝันไป ทำให้เราทุกข์ใจมาก เราอยากรู้ว่าฝันนั้นหมายถึงอะไร”

พวกโหราจารย์จึงกราบทูลเป็นภาษาอารเมค[q]ว่า “ขอฝ่าพระบาทจงทรงพระเจริญ! โปรดเล่าความฝันมาเถิด พวกข้าพระบาทจะทูลทำนายถวาย”

กษัตริย์ตรัสตอบเหล่าโหราจารย์ว่า “เราตั้งใจแน่วแน่แล้วว่า หากพวกเจ้าบอกเราไม่ได้ว่าเราฝันอะไรและหมายความว่าอะไร เราจะสับพวกเจ้าเป็นชิ้นๆ และทำลายบ้านเรือนของเจ้าให้กลายเป็นกองขยะ แต่หากเจ้าเล่าความฝันและทำนายได้ เจ้าจะได้รับรางวัลและเกียรติยศยิ่งใหญ่ ฉะนั้นจงเล่าความฝันและแก้ฝันให้เราเถิด”

พวกเขาทูลอีกว่า “ขอฝ่าพระบาททรงเล่าความฝันให้ผู้รับใช้ฟังเถิด แล้วข้าพระบาททั้งหลายจะทำนายฝันถวาย”

กษัตริย์จึงตรัสว่า “เราแน่ใจว่าพวกเจ้าพยายามถ่วงเวลา เพราะพวกเจ้ารู้อยู่ว่าเราตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว หากพวกเจ้าไม่บอกว่าเราฝันอะไรก็มีโทษทัณฑ์สถานเดียว พวกเจ้าสมรู้ร่วมคิดกันพูดล่อหลอกเราเพราะหวังว่าเราจะเปลี่ยนใจ จงเล่าความฝันมาสิ เราจะได้รู้ว่าเจ้าแก้ฝันให้เราได้”

10 โหราจารย์ทั้งหลายทูลว่า “ไม่มีใครในโลกนี้สามารถทำอย่างที่ฝ่าพระบาทประสงค์ได้! ไม่มีกษัตริย์องค์ใดจะถามเช่นนี้จากผู้เล่นอาคม นักเวทมนตร์ หรือโหราจารย์ได้ ไม่ว่ากษัตริย์องค์นั้นจะยิ่งใหญ่เกรียงไกรเพียงใด 11 สิ่งที่ฝ่าพระบาทให้ทำนี้ยากเกินวิสัยมนุษย์จะทำได้ มีแต่เทพเจ้าเท่านั้นจะบอกได้และเทพเจ้าก็ไม่ได้อยู่ในหมู่มนุษย์”

12 เมื่อได้ยินเช่นนี้ กษัตริย์ทรงพระพิโรธยิ่งนักและตรัสสั่งให้ประหารชีวิตปราชญ์ทั้งหมดในกรุงบาบิโลน 13 ดังนั้นจึงมีพระราชกฤษฎีกาออกมาให้ประหารชีวิตพวกนักปราชญ์ แล้วก็มีคนไปตามตัวดาเนียลกับเพื่อนเพื่อนำตัวไปประหาร

14 เมื่ออารีโอคผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ออกไปเพื่อประหารปราชญ์ของบาบิโลน ดาเนียลจึงเจรจากับเขาด้วยสติปัญญาและปฏิภาณ 15 ดาเนียลถามเขาว่า “เหตุใดกษัตริย์ทรงออกพระราชกฤษฎีการุนแรงถึงเพียงนี้?” อารีโอคก็อธิบายให้ฟัง 16 ดาเนียลจึงเข้าเฝ้ากษัตริย์เพื่อทูลขอเวลา เพื่อจะทูลความหมายของความฝันให้ทรงทราบ

17 จากนั้นดาเนียลกลับไปบ้านและเล่าเรื่องให้ฮานันยาห์ มิชาเอล กับอาซาริยาห์ผู้เป็นเพื่อนฟัง 18 แล้วเร่งเร้าให้พวกเขาอธิษฐานขอต่อพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ที่จะทรงกรุณาในเรื่องล้ำลึกนี้ด้วย เพื่อดาเนียลกับเพื่อนๆ จะไม่ถูกประหารไปพร้อมกับปราชญ์คนอื่นๆ ในบาบิโลน 19 คืนนั้นพระเจ้าทรงสำแดงความล้ำลึกนี้แก่ดาเนียลในนิมิต ดาเนียลจึงสรรเสริญพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ 20 และกล่าวว่า

“สรรเสริญพระนามของพระเจ้าชั่วนิจนิรันดร์

สติปัญญาและฤทธิ์อำนาจเป็นของพระองค์

21 พระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงวาระเวลาและฤดูกาล

ทรงแต่งตั้งและถอดถอนกษัตริย์

พระองค์ประทานสติปัญญาแก่ผู้เฉลียวฉลาด

และประทานความรู้แก่ผู้ที่ฉลาดหลักแหลม

22 พระองค์ทรงเผยสิ่งที่ลึกซึ้งและซ่อนเร้นอยู่

ทรงทราบสิ่งที่แฝงอยู่ในความมืด

และความสว่างอยู่กับพระองค์

23 ข้าแต่พระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอบพระคุณและสรรเสริญพระองค์

พระองค์ประทานสติปัญญาและฤทธิ์อำนาจแก่ข้าพระองค์

พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์ทราบสิ่งที่ทูลขอจากพระองค์

ทรงทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบความฝันของกษัตริย์”

ดาเนียลทำนายฝัน

24 แล้วดาเนียลไปพบอารีโอคซึ่งกษัตริย์ทรงใช้ให้ไปประหารชีวิตเหล่านักปราชญ์ของบาบิโลน ดาเนียลกล่าวกับเขาว่า “อย่าประหารเหล่านักปราชญ์ของบาบิโลนเลย โปรดนำข้าพเจ้าไปเข้าเฝ้ากษัตริย์เพื่อทำนายฝันถวาย”

25 อารีโอคจึงพาดาเนียลไปเข้าเฝ้าทันทีและทูลว่า “ข้าพระบาทพบชายผู้หนึ่งในหมู่เชลยที่มาจากยูดาห์ซึ่งสามารถกราบทูลว่าความฝันนั้นหมายความว่าอะไร”

26 กษัตริย์ตรัสถามดาเนียล (หรือที่เรียกกันว่า เบลเทชัสซาร์) ว่า “เจ้าสามารถเล่าสิ่งที่เราฝันและแก้ฝันให้ได้หรือ?”

27 ดาเนียลทูลตอบว่า “ไม่มีปราชญ์ นักเวทมนตร์ นักเล่นคาถาอาคม และโหรคนใดสามารถทูลความล้ำลึกที่ฝ่าพระบาทตรัสถามนั้นได้ 28 แต่มีพระเจ้าองค์หนึ่งในฟ้าสวรรค์ผู้ทรงเปิดเผยสิ่งล้ำลึก และได้ทรงสำแดงให้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ความฝันและนิมิตซึ่งผ่านเข้ามาในพระดำริขณะฝ่าพระบาทบรรทมอยู่บนพระแท่นมีดังนี้

29 “ข้าแต่กษัตริย์ ขณะฝ่าพระบาทบรรทมอยู่และทรงดำริถึงสิ่งต่าง ๆที่จะเกิดขึ้น พระเจ้าผู้ทรงเปิดเผยความล้ำลึกก็ทรงแสดงให้ฝ่าพระบาททราบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น 30 ที่พระเจ้าทรงโปรดให้ความล้ำลึกนี้ประจักษ์แจ้งแก่ข้าพระบาท ไม่ใช่เพราะข้าพระบาทมีสติปัญญามากกว่าคนอื่นๆ แต่เพื่อฝ่าพระบาทจะทรงทราบความหมายและเข้าใจสิ่งที่เข้ามาในพระดำริ

31 “ข้าแต่กษัตริย์ ฝ่าพระบาทได้ทอดพระเนตรเห็นรูปปั้นมหึมาตั้งอยู่ต่อหน้าเปล่งประกายเจิดจ้า มีลักษณะน่าครั่นคร้าม 32 ศีรษะของรูปปั้นนั้นทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ หน้าอกและแขนทำด้วยเงิน ท้องและต้นขาทำด้วยทองสัมฤทธิ์ 33 ขาทำด้วยเหล็ก เท้าเป็นเหล็กปนดินเหนียว 34 ขณะฝ่าพระบาททอดพระเนตรอยู่นั้น ก็มีหินก้อนหนึ่งถูกสกัดออกมา แต่ไม่ใช่ด้วยมือของมนุษย์ หินนั้นกระแทกเท้าของรูปปั้นซึ่งทำด้วยเหล็กปนดินเหนียวแตกกระจาย 35 แล้วเหล็ก ดินเหนียว ทองสัมฤทธิ์ เงิน และทองคำ ก็แหลกเป็นชิ้นๆ และกลายเป็นเหมือนแกลบที่ลานนวดข้าวในฤดูร้อน ซึ่งลมพัดปลิวหายไปไม่เหลือร่องรอยไว้เลย แต่หินที่กระแทกรูปปั้นกลับกลายเป็นภูเขามหึมาปกคลุมทั่วโลก

36 “นั่นคือความฝัน บัดนี้ข้าพระบาทขอทูลความหมายให้ทรงทราบ 37 ฝ่าพระบาททรงเป็นจอมกษัตริย์ พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ได้ประทานบารมี อำนาจ ความเกรียงไกร และเกียรติแก่ฝ่าพระบาท 38 พระองค์ทรงมอบมนุษยชาติ สัตว์ป่าในท้องทุ่ง และนกในอากาศไว้ในพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท พระเจ้าทรงให้ฝ่าพระบาทครอบครองสิ่งเหล่านั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ฝ่าพระบาทคือศีรษะที่ทำด้วยทองคำนั้น

39 “หลังจากฝ่าพระบาทแล้ว จะมีอีกอาณาจักรหนึ่งรุ่งเรืองขึ้นมาแต่ด้อยกว่าของฝ่าพระบาท จากนั้นเป็นอาณาจักรที่สามคือทองสัมฤทธิ์ซึ่งจะปกครองทั่วโลก 40 ท้ายสุดคืออาณาจักรที่สี่ซึ่งแข็งแกร่งเหมือนเหล็ก เหล็กฟาดฟันทุกสิ่งให้ย่อยยับ อาณาจักรนั้นจะบดขยี้อาณาจักรอื่นๆ ทั้งปวงให้ยับเยิน เหมือนเหล็กที่ทำให้สิ่งอื่นๆ แหลกลาญ 41 ตามที่ฝ่าพระบาทเห็นว่าเท้าและนิ้วเท้าเป็นดินเหนียวปนเหล็ก แสดงว่าอาณาจักรนี้แยกออกเป็นส่วนๆ แต่ก็จะมีกำลังแข็งแกร่งเหมือนเหล็กอยู่บ้าง ตามที่ฝ่าพระบาทเห็นเป็นเหล็กปนดินเหนียว 42 ดังที่นิ้วเท้าเป็นดินเหนียวปนเหล็ก อาณาจักรนี้ก็จะมีส่วนที่แข็งแกร่งและส่วนที่เปราะบาง 43 และตามที่ฝ่าพระบาททรงเห็นเหล็กปนกับดินเหนียว ประชาชนก็จะผสมผสานแต่ไม่รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งก็ไม่ต่างจากเหล็กผสมดินเหนียว

44 “ในยุคของกษัตริย์เหล่านั้น พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์จะทรงตั้งอาณาจักรหนึ่งซึ่งไม่มีใครทำลายล้างได้ ทั้งจะไม่ตกเป็นของชนชาติอื่น อาณาจักรนี้จะบดขยี้อาณาจักรอื่นๆ ทั้งปวงจนราบคาบ อาณาจักรนี้จะยั่งยืนมั่นคงตลอดกาล 45 นี่คือความหมายของนิมิตเรื่องหินที่ถูกสกัดจากภูเขา ซึ่งไม่ใช่ด้วยมือมนุษย์ หินซึ่งกระแทกเหล็ก ทองสัมฤทธิ์ ดินเหนียว เงิน และทองคำให้แตกกระจาย

“พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ทรงสำแดงให้ฝ่าพระบาททราบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ความฝันนี้เป็นความจริงและการตีความนี้ก็เชื่อถือได้”

46 แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็ทรงทรุดองค์ลงกราบดาเนียล และรับสั่งให้นำเครื่องบูชากับเครื่องหอมมาถวายดาเนียล 47 กษัตริย์ตรัสกับดาเนียลว่า “พระเจ้าของท่านทรงเป็นพระเจ้าเหนือพระทั้งหลายแน่นอน ทรงเป็นจอมราชันและทรงเป็นผู้เปิดเผยความล้ำลึกทั้งมวล เพราะท่านสามารถเปิดเผยความล้ำลึกนี้ได้”

48 แล้วกษัตริย์ทรงแต่งตั้งดาเนียลให้ดำรงตำแหน่งสูง และประทานบำเหน็จรางวัลมากมาย ทรงตั้งให้ปกครองบาบิโลนทั้งมณฑลและให้ดูแลปราชญ์ทั้งปวงของบาบิโลน 49 ยิ่งกว่านั้นกษัตริย์ทรงแต่งตั้งชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกให้เป็นผู้บริหารมณฑลบาบิโลนตามที่ดาเนียลทูลขอ ส่วนดาเนียลเองอยู่ที่ราชสำนัก

เทวรูปทองคำและเตาไฟร้อนแรง

กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ทรงสร้างเทวรูปทองคำสูงถึง 60 ศอก กว้าง 6 ศอก[r]ตั้งไว้ในที่ราบดูราในมณฑลบาบิโลน แล้วทรงให้เรียกเสนาบดี ข้าหลวงภาค ผู้ว่าการ ราชมนตรี ขุนคลัง ผู้พิพากษา ตุลาการ และเจ้าหน้าที่ของทุกมณฑลมาชุมนุมเพื่อร่วมงานฉลองเทวรูปซึ่งสถาปนาขึ้นนั้น คนเหล่านั้นก็มาร่วมฉลองและยืนอยู่หน้าเทวรูปที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงสร้างขึ้น

แล้วมีเสียงป่าวประกาศว่า “บรรดาพลเมืองทุกชาติทุกภาษา มีพระราชโองการว่า ทันทีที่พวกเจ้าได้ยินเสียงเขาสัตว์ ขลุ่ย พิณ พิณเขาคู่ พิณใหญ่ ปี่ และเสียงดนตรีทุกชนิด จงหมอบกราบลงนมัสการเทวรูปทองคำที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์สร้างขึ้น ผู้ใดก็ตามที่ไม่ยอมหมอบกราบลงนมัสการ จะถูกโยนเข้าไปในเตาไฟลุกโชนทันที”

ฉะนั้นทันทีที่คนทั้งหลายได้ยินเสียงเขาสัตว์ ขลุ่ย พิณ พิณเขาคู่ พิณใหญ่ และเสียงดนตรีทุกชนิด พลเมืองทั้งปวงจากทุกชาติทุกภาษาก็หมอบกราบลงนมัสการเทวรูปทองคำที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงสร้างขึ้น

ในครั้งนั้นมีโหราจารย์[s]บางคนมาทูลฟ้องกษัตริย์เรื่องชาวยิว พวกเขามาทูลเนบูคัดเนสซาร์ว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ขอจงทรงพระเจริญ! 10 ฝ่าพระบาททรงประกาศพระราชกฤษฎีกาว่า ทุกคนที่ได้ยินเสียงเขาสัตว์ ขลุ่ย พิณ พิณเขาคู่ พิณใหญ่ ปี่ และเสียงดนตรีทุกชนิด ให้หมอบกราบลงนมัสการเทวรูปทองคำ 11 และผู้ใดที่ไม่ยอมหมอบกราบลงนมัสการจะถูกโยนเข้าไปในเตาไฟลุกโชนทันที 12 แต่มีชาวยิวบางคนคือ ชัดรัค เมชาคและอาเบดเนโกที่ฝ่าพระบาททรงแต่งตั้งให้ดูแลมณฑลบาบิโลนนั้นไม่ยอมทำตามพระบัญชา เขาเหล่านั้นไม่กราบไหว้เทพเจ้าต่างๆ ของฝ่าพระบาท และไม่ยอมนมัสการเทวรูปทองคำที่ฝ่าพระบาททรงสร้างขึ้น”

13 เนบูคัดเนสซาร์จึงทรงพระพิโรธยิ่งนัก และตรัสสั่งให้นำตัวชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกมาเข้าเฝ้า 14 แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “ชัดรัค เมชาคและอาเบดเนโก จริงหรือที่พวกเจ้าไม่ยอมปรนนิบัติเทพเจ้าของเรา หรือนมัสการเทวรูปทองคำที่เราสร้างขึ้น 15 บัดนี้หากพวกเจ้าได้ยินเสียงเขาสัตว์ ขลุ่ย พิณ พิณเขาคู่ พิณใหญ่ ปี่ และเสียงดนตรีทุกชนิดประโคมขึ้นแล้ว ถ้าพวกเจ้าพร้อมที่จะหมอบกราบนมัสการเทวรูปที่เราสร้างขึ้นก็ดี แต่หากพวกเจ้าไม่นมัสการจะถูกโยนเข้าไปในเตาไฟลุกโชนทันที แล้วเทพเจ้าองค์ใดเล่าจะสามารถช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากมือเราไปได้?”

16 ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกทูลกษัตริย์ว่า “ข้าแต่เนบูคัดเนสซาร์ ข้าพระบาททั้งหลายไม่จำเป็นต้องทูลแก้ต่างให้ตนเองต่อฝ่าพระบาทในเรื่องนี้ 17 หากข้าพระบาทถูกโยนเข้าไปในเตาไฟลุกโชน ข้าแต่กษัตริย์ พระเจ้าที่ข้าพระบาททั้งหลายปรนนิบัตินั้นจะทรงกอบกู้และทรงช่วยข้าพระบาททั้งหลายให้พ้นจากเงื้อมพระหัตถ์ของฝ่าพระบาทได้ 18 แต่ถึงแม้พระองค์ไม่ทรงช่วย ข้าแต่กษัตริย์ ก็ขอฝ่าพระบาททรงทราบเถิดว่า ข้าพระบาทจะไม่ยอมปรนนิบัติเทพเจ้าของฝ่าพระบาทหรือนมัสการเทวรูปทองคำที่ทรงตั้งขึ้นเป็นอันขาด”

19 เนบูคัดเนสซาร์จึงทรงพระพิโรธชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกยิ่งนัก พระทัยที่เคยปรานีต่อพวกเขาก็เปลี่ยนไป และตรัสสั่งให้โหมไฟในเตาให้ร้อนแรงขึ้นอีกเจ็ดเท่า 20 แล้วสั่งให้ทหารที่กำยำที่สุดในกองทัพจับชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกมามัดและโยนเข้าไปในเตาไฟลุกโชน 21 พวกทหารจึงจับคนทั้งสามมัดและโยนเข้าไปในเตาไฟร้อนแรง ทั้งๆ ที่คนทั้งสามยังโพกผ้า สวมเสื้อ กางเกง และเครื่องแต่งกายอื่นๆ อยู่ 22 คำสั่งของกษัตริย์เร่งด่วนมาก และเตาไฟก็ร้อนแรงจนเปลวไฟแลบออกมา แผดเผาเหล่าทหารที่จับชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกโยนเข้าไปในเตานั้นสิ้นชีวิต 23 คนทั้งสามที่ถูกมัดไว้อย่างแน่นหนาก็ถูกโยนเข้าไปในเตาไฟลุกโชน

24 แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็ทรงลุกขึ้นทันทีด้วยความประหลาดพระทัย และตรัสถามบรรดาราชมนตรีว่า “เรามัดสามคนโยนเข้าไปในเตาไฟไม่ใช่หรือ?”

ราชมนตรีทูลว่า “ใช่แล้วพระเจ้าข้า”

25 กษัตริย์ตรัสว่า “แต่ดูสิ เราเห็นสี่คนเดินอยู่ในเตาไฟ ไม่ได้ถูกมัดหรือเป็นอันตรายแต่อย่างใด และคนที่สี่นั้นก็ดูเหมือนเทพบุตร”

26 เนบูคัดเนสซาร์จึงเสด็จไปที่ประตูของเตาไฟอันร้อนแรงนั้น และทรงร้องเรียกว่า “ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกผู้รับใช้ของพระเจ้าสูงสุดเอ๋ย จงออกมาเถิด! จงออกมานี่!”

ดังนั้นชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกจึงออกมาจากไฟ 27 บรรดาเสนาบดี ข้าหลวงภาค ผู้ว่าการ และราชมนตรีต่างมาห้อมล้อมคนทั้งสาม เห็นว่าไฟไม่ได้ทำอันตรายร่างกายของเขาเลย ผมก็ไม่ได้ไหม้ไปแม้สักเส้น เสื้อผ้าก็ไม่ได้ถูกเผาไหม้ ไม่มีแม้แต่กลิ่นไหม้

28 เนบูคัดเนสซาร์จึงตรัสว่า “ขอสรรเสริญพระเจ้าของชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก ผู้ทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มาช่วยผู้รับใช้ของพระองค์! พวกเขาไว้วางใจในพระเจ้า ละเมิดคำสั่งของกษัตริย์ และยอมตายเสียดีกว่ายอมปรนนิบัตินมัสการพระอื่นใดเว้นแต่พระเจ้าของตน 29 ฉะนั้นเราขอประกาศกฤษฎีกาว่า ไม่ว่าพลเมืองชาติใดภาษาใดกล่าววาจาล่วงเกินพระเจ้าของชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกจะถูกฟันเป็นท่อนๆ และบ้านเรือนของเขาจะถูกพังทลายเป็นกองขยะ เพราะไม่มีเทพเจ้าอื่นใดสามารถช่วยได้ถึงเพียงนี้”

30 แล้วกษัตริย์ทรงเลื่อนตำแหน่งให้ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกให้สูงขึ้นในมณฑลบาบิโลน

นิมิตของเนบูคัดเนสซาร์เรื่องต้นไม้ใหญ่

เรากษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ถึงท่านทั้งหลายผู้เป็นพลเมืองทุกชาติทุกภาษาทั่วโลก ขอให้ท่านเจริญรุ่งเรือง!

เราเห็นควรที่จะแจ้งให้ทราบถึงหมายสำคัญและปาฏิหาริย์ที่พระเจ้าสูงสุดทรงกระทำเพื่อเรา

หมายสำคัญของพระองค์ยิ่งใหญ่เหลือล้ำ

การอัศจรรย์ของพระองค์เกรียงไกรยิ่งนัก

ราชอาณาจักรของพระองค์ดำรงนิรันดร์

ทรงครอบครองอยู่ตลอดทุกชั่วอายุ

เรา เนบูคัดเนสซาร์ อยู่ในวังอย่างผาสุกและรุ่งเรือง ขณะนอนอยู่บนเตียงเราได้ฝัน ทำให้ตกใจกลัว ภาพและนิมิตต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในความคิดทำให้ตระหนกตกใจ เราจึงสั่งให้นำปราชญ์ของบาบิโลนทั้งหมดมาทำนายฝันให้ เมื่อบรรดานักเล่นอาคม นักเวทมนตร์ โหราจารย์[t] และหมอดูฤกษ์ยามมาแล้วเราก็แจ้งความฝันให้ฟัง แต่พวกเขาไม่สามารถแก้ฝันให้ได้ แล้วดาเนียลก็มาเข้าเฝ้า เราจึงเล่าความฝันให้ฟัง (เขามีอีกชื่อหนึ่งว่า เบลเทชัสซาร์ ตามชื่อเทพเจ้าองค์หนึ่ง วิญญาณของเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์อยู่ในเขา)

เรากล่าวว่า “เบลเทชัสซาร์ หัวหน้านักเล่นอาคมเอ๋ย เรารู้ว่าวิญญาณของเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์อยู่ในเจ้า และไม่มีความล้ำลึกใดๆ ยากเกินความเข้าใจของเจ้า เราฝันเช่นนี้ จงแก้ฝันให้เราเถิด 10 ขณะนอนอยู่บนเตียง เราเห็นนิมิตคือเรามองไปเห็นต้นไม้ต้นหนึ่งที่ตรงกลางแผ่นดิน มันสูงใหญ่มาก 11 ต้นไม้นั้นเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งจนยอดสูงจรดฟ้า แม้แต่สุดโลกก็ยังมองเห็น 12 ใบของมันงามน่าดู ผลก็ดกเต็มต้น มันให้อาหารแก่สิ่งมีชีวิตทั้งปวง บรรดาสัตว์ในท้องทุ่งมาพักพิงใต้ร่มของมัน เหล่านกในอากาศมาอาศัยอยู่ตามกิ่งก้านของมัน บรรดาสิ่งมีชีวิตเลี้ยงชีพด้วยผลของมัน

13 “ขณะนอนอยู่บนเตียง เราเห็นนิมิตคือ เรามองไปเห็นทูตสวรรค์[u]ผู้บริสุทธิ์ลงมาจากฟ้าสวรรค์ 14 เขาประกาศก้องว่า ‘โค่นต้นไม้ลง ลิดกิ่งออก ตัดใบทิ้งให้หมด และสลัดผลให้เกลื่อนกระจาย ไล่สัตว์ทั้งหลายออกจากใต้ร่ม และไล่นกออกจากกิ่งต่างๆ ไป 15 แต่จงทิ้งตอกับรากไว้ เอาโซ่เหล็กและโซ่ทองสัมฤทธิ์ล่ามทิ้งไว้อย่างนั้นกลางดงหญ้าในทุ่ง

“ ‘ให้กายเขาเปียกชุ่มด้วยน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ ให้เขาอาศัยอยู่กับสัตว์ท่ามกลางพืชพันธุ์ต่างๆ ของแผ่นดินโลก 16 ให้ความคิดจิตใจของเขาเปลี่ยนจากมนุษย์กลายเป็นเหมือนสัตว์จนครบเจ็ดวาระ[v]

17 “ ‘เหล่าทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์เป็นผู้แจ้งคำตัดสินนี้ เพื่อผู้มีชีวิตอยู่จะรู้ว่าพระเจ้าสูงสุดทรงครอบครองเหนือมวลอาณาจักรของมนุษย์ ทรงมอบอาณาจักรแก่ผู้ใดก็ได้ตามแต่ชอบพระทัย ทรงแต่งตั้งผู้ต่ำต้อยที่สุดให้ปกครองพวกเขา’

18 “นี่เป็นความฝันของเรา กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ บัดนี้เบลเทชัสซาร์เอ๋ย บอกเรามาเถิดว่าฝันนี้หมายความว่าอะไร เพราะไม่มีปราชญ์คนใดในอาณาจักรของเราแก้ฝันให้เราได้ แต่เจ้าทำได้เพราะวิญญาณของเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์อยู่ในเจ้า”

ดาเนียลทำนายฝัน

19 แล้วดาเนียล (หรือเบลเทชัสซาร์) ก็ตกตะลึงและว้าวุ่นใจอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ความคิดของเขาทำให้เขาหวาดวิตก กษัตริย์จึงตรัสว่า “เบลเทชัสซาร์เอ๋ย อย่าให้ความฝันหรือความหมายของมันทำให้เจ้าตกใจกลัวไปเลย”

เบลเทชัสซาร์ทูลว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ขอให้ความฝันและความหมายของมันตกแก่ศัตรูของฝ่าพระบาทเถิด! 20 ต้นไม้ที่ฝ่าพระบาทเห็นซึ่งเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ยอดสูงจรดฟ้าจนสุดโลกยังมองเห็น 21 ซึ่งมีใบสวยงาม ให้ผลดกเป็นอาหารแก่สิ่งมีชีวิตทั้งปวง ให้ร่มเงาแก่บรรดาสัตว์ในท้องทุ่ง และมีกิ่งก้านให้เหล่านกมาอาศัยทำรัง 22 ข้าแต่กษัตริย์ ต้นไม้นั้นคือฝ่าพระบาท ทรงยิ่งใหญ่เกรียงไกร รุ่งโรจน์เทียมฟ้า และแผ่อำนาจไปถึงสุดโลก

23 “ข้าแต่กษัตริย์ ที่ฝ่าพระบาทเห็นทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์ลงมาจากฟ้าสวรรค์ และป่าวประกาศว่า ‘จงโค่นต้นไม้ลงและทำลายมันเสีย แต่เหลือตอไว้ ล่ามมันไว้กลางทุ่งหญ้าด้วยเหล็กและทองสัมฤทธิ์ ขณะที่รากยังหยั่งลึกอยู่ในดิน ให้เขาตากน้ำค้างและอาศัยอยู่เยี่ยงสัตว์ป่าจนครบเจ็ดวาระ’

24 “ข้าแต่กษัตริย์ นิมิตนั้นมีความหมายดังนี้ประกาศิตขององค์ผู้สูงสุดเกี่ยวกับฝ่าพระบาทคือ 25 ฝ่าพระบาทจะถูกขับไล่จากมวลมนุษย์และให้ไปใช้ชีวิตอยู่กับสัตว์ป่า จะกินหญ้าเหมือนวัวและตากน้ำค้างจนครบเจ็ดวาระจนกว่าฝ่าพระบาทจะเรียนรู้ว่าองค์ผู้สูงสุดทรงครอบครองเหนืออาณาจักรมนุษย์ พระองค์จะประทานอาณาจักรแก่ผู้ใดก็ได้ตามแต่ชอบพระทัย 26 พระบัญชาที่ให้เหลือตอและรากไว้หมายความว่า ฝ่าพระบาทจะได้รับอาณาจักรกลับคืนมาอีก หลังจากทรงเรียนรู้แล้วว่าพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์นั้นครอบครองอยู่ 27 ฉะนั้นข้าแต่กษัตริย์ ขอโปรดยอมรับคำแนะนำของข้าพระบาท ขอทรงละทิ้งบาปด้วยการทำสิ่งที่ถูกต้อง และขอทรงละทิ้งความชั่วด้วยการเมตตากรุณาผู้ที่ถูกกดขี่ข่มเหง แล้วฝ่าพระบาทจะได้ทรงเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป”

ฝันเป็นจริง

28 เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์คือ 29 สิบสองเดือนต่อมา ขณะที่กษัตริย์ทรงดำเนินอยู่บนดาดฟ้าพระราชวังของบาบิโลน 30 พระองค์ตรัสว่า “เราได้สร้างบาบิโลนอันยิ่งใหญ่ไพศาลนี้ขึ้นเป็นราชวังด้วยฤทธิ์อำนาจอันเกรียงไกรของเราและเพื่อเกียรติบารมีของเราไม่ใช่หรือ?”

31 กษัตริย์ตรัสยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงดังจากฟ้าสวรรค์ว่า “กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เอ๋ย นี่คือประกาศิตสำหรับเจ้า ราชอำนาจถูกพรากไปจากเจ้าแล้ว 32 เจ้าจะถูกขับไล่จากมวลมนุษย์ให้ไปอาศัยอยู่กับสัตว์ป่า ให้กินหญ้าเหมือนวัวจนครบเจ็ดวาระ ตราบจนเจ้าเรียนรู้ว่าองค์ผู้สูงสุดทรงครอบครองเหนืออาณาจักรมนุษย์ พระองค์จะประทานอาณาจักรแก่ผู้ใดก็ได้ตามแต่ชอบพระทัย”

33 ทันใดนั้นเนบูคัดเนสซาร์ก็เป็นไปตามประกาศิตของพระเจ้า พระองค์ทรงถูกขับไล่จากมวลมนุษย์ และกินหญ้าเหมือนวัว กายนั้นเปียกชุ่มด้วยน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ จนกระทั่งผมยาวเหมือนขนนกอินทรีและมีเล็บยาวเหมือนกรงเล็บของนก

34 เมื่อครบกำหนดแล้ว เรา เนบูคัดเนสซาร์แหงนหน้าขึ้นมองดูฟ้าสวรรค์ สติสัมปชัญญะก็กลับคืนมา เราจึงถวายสรรเสริญองค์ผู้สูงสุด เราเทิดพระเกียรติและถวายพระเกียรติสิริแด่พระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่เป็นนิตย์

ราชอำนาจของพระองค์ดำรงนิรันดร์

ราชอาณาจักรของพระองค์ยืนยงตลอดทุกชั่วอายุ

35 มวลประชาชาติในโลกนี้ล้วนไร้ค่า

พระองค์ทรงมีอำนาจ

ที่จะทำต่อเหล่าทูตสวรรค์

และต่อมวลประชาชาติตามชอบพระทัยของพระองค์

ไม่มีผู้ใดสามารถยับยั้งพระหัตถ์ของพระองค์

หรือกล่าวกับพระองค์ได้ว่า “พระองค์ทำอะไรนี่?”

36 ขณะนั้นสติสัมปชัญญะของเรากลับคืนมา เกียรติและบารมีกลับคืนมาสู่เรา เพื่อสง่าราศีแห่งอาณาจักรของเรา ราชมนตรีและขุนนางทั้งหลายมาตามหาเรา ให้กลับไปครองราชบัลลังก์ดังเดิมและรุ่งเรืองยิ่งกว่าแต่ก่อน 37 บัดนี้ เราเนบูคัดเนสซาร์ขอถวายสรรเสริญและยกย่องเทิดทูนองค์กษัตริย์แห่งฟ้าสวรรค์ เพราะทุกสิ่งที่ทรงกระทำนั้นถูกต้อง และทางทั้งปวงของพระองค์ก็ยุติธรรม บรรดาผู้ดำเนินชีวิตอย่างหยิ่งยโส พระองค์สามารถกระทำให้เขาถ่อมลง

ข้อความบนผนัง

กษัตริย์เบลชัสซาร์ทรงจัดงานเลี้ยงใหญ่ประทานแก่ขุนนางผู้ใหญ่หนึ่งพันคน และทรงเสวยเหล้าองุ่นร่วมกับเขา ขณะเสวยอยู่ก็รับสั่งให้นำภาชนะเงินและทองคำซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ราชบิดา[w]ได้ยึดมาจากพระวิหารในเยรูซาเล็มนั้นมาให้กษัตริย์ ขุนนาง มเหสี และเหล่านางสนมใส่เหล้าองุ่น พวกเขาจึงนำภาชนะทองคำซึ่งริบมาจากพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็มมาให้กษัตริย์ ขุนนาง มเหสี และเหล่านางสนมใส่เหล้าองุ่นดื่ม พวกเขาดื่มพร้อมทั้งสรรเสริญเทพเจ้าที่ทำจากทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก ไม้ และหิน

ทันใดนั้นมีนิ้วมือมนุษย์ปรากฏขึ้นและเขียนบนผนังใกล้คันประทีปในพระราชวัง กษัตริย์ทอดพระเนตรดูมือนั้นเขียนไป พระพักตร์ของพระองค์ก็ซีดเผือด ทรงตกพระทัยจนเข่าสั่นกระทบกัน แข้งขาอ่อนหมดเรี่ยวหมดแรง

พระองค์ตรัสเรียกให้นำตัวนักเวทมนตร์ โหราจารย์[x] และหมอดูฤกษ์ยามทั้งหลายมา และตรัสแก่ปราชญ์ของบาบิโลนเหล่านี้ว่า “ผู้ใดก็ตามอ่านข้อความนี้แล้วบอกเราได้ว่ามีความหมายว่าอะไร เราจะให้ผู้นั้นสวมชุดสีม่วงกับสร้อยคอทองคำ และให้ครองอำนาจเป็นที่สามในราชอาณาจักร”

แล้วปราชญ์ทั้งปวงของกษัตริย์ก็มาเข้าเฝ้า แต่ไม่มีใครสามารถอ่านข้อความที่เขียนไว้ หรือทูลให้กษัตริย์ทรงทราบว่าหมายความว่าอะไร ดังนั้นกษัตริย์เบลชัสซาร์จึงยิ่งตกพระทัย และพระพักตร์ยิ่งขาวซีด ขุนนางทั้งปวงก็ว้าวุ่นใจ

10 พระราชินี[y]ทรงได้ยินพระสุรเสียงของกษัตริย์และเสียงเหล่าขุนนาง ก็เสด็จเข้ามาในท้องพระโรงซึ่งมีงานเลี้ยงนั้น พระนางตรัสว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ขอจงทรงพระเจริญ! อย่าตกพระทัยจนพระพักตร์ซีดเลย! 11 มีชายผู้หนึ่งในราชอาณาจักรซึ่งมีวิญญาณของเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์สถิตด้วยในรัชสมัยของพระราชบิดา เราพบว่าชายคนนี้มีสติปัญญา ไหวพริบ และความหยั่งรู้เสมอเหมือนเทพเจ้า กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ราชบิดาของพระองค์จึงทรงแต่งตั้งเขาให้เป็นหัวหน้านักเล่นอาคม นักเวทมนตร์ โหราจารย์ และหมอดูฤกษ์ยามทั้งปวง 12 ดาเนียลผู้นี้ซึ่งกษัตริย์ตรัสเรียกว่าเบลเทชัสซาร์เป็นผู้มีปัญญาเฉียบแหลม มีความรู้ความเข้าใจ และยังสามารถทำนายฝันแก้ปริศนาและปัญหายุ่งยากทั้งหลาย ขอให้ตามตัวดาเนียลมาเถิด เขาจะสามารถกราบทูลว่าข้อความนี้หมายความว่าอะไร”

13 ดาเนียลจึงถูกนำตัวมาเข้าเฝ้า กษัตริย์ตรัสกับเขาว่า “เจ้าคือดาเนียลเชลยที่ราชบิดาของเรานำตัวมาจากยูดาห์หรือ? 14 เราได้ยินมาว่าวิญญาณของเทพเจ้าอยู่ในตัวเจ้า และเจ้ามีความหยั่งรู้ ไหวพริบ และสติปัญญาล้ำเลิศ 15 เราได้เรียกบรรดาปราชญ์และนักเล่นอาคมให้มาอ่านข้อความนี้และแจ้งความหมายแก่เรา แต่พวกเขาอธิบายความไม่ได้ 16 เราได้ยินมาว่าเจ้าสามารถอธิบายความและแก้ปริศนาอันซับซ้อนซ่อนเงื่อนได้ หากเจ้าสามารถอ่านข้อความนี้และบอกความหมายแก่เราได้ เราจะให้เจ้าสวมชุดสีม่วงและสวมสร้อยคอทองคำ แล้วแต่งตั้งให้เจ้าครองอำนาจเป็นที่สามในราชอาณาจักร”

17 ดาเนียลจึงทูลกษัตริย์ว่า “ขอทรงเก็บของประทานไว้และปูนบำเหน็จแก่ผู้อื่นเถิด อย่างไรก็ดีข้าพระบาทจะอ่านข้อความถวายฝ่าพระบาทและทูลความหมายให้ทรงทราบ

18 “ข้าแต่กษัตริย์ พระเจ้าสูงสุดได้ประทานราชอำนาจ ความยิ่งใหญ่ และเกียรติบารมีแก่เนบูคัดเนสซาร์ราชบิดาของฝ่าพระบาท 19 เนื่องจากฐานะสูงส่งที่พระเจ้าประทานให้พระองค์ มวลประชาชาติและคนทุกภาษาจึงยำเกรงครั่นคร้ามพระองค์ ผู้ที่กษัตริย์ประสงค์ให้ประหารก็จะถูกประหาร ผู้ที่ทรงประสงค์ให้ไว้ชีวิตก็จะรอดชีวิต ทรงให้ยศถาบรรดาศักดิ์หรือถอดถอนผู้ใดตามแต่ชอบพระทัย 20 แต่เมื่อพระทัยของพระองค์เย่อหยิ่งและกำเริบเสิบสาน พระเจ้าจึงทรงปลดพระองค์ออกจากราชบัลลังก์และริบเอาเกียรติบารมีของพระองค์ไป 21 พระองค์ทรงถูกขับไล่จากมวลมนุษย์และได้รับความคิดจิตใจแบบสัตว์ ทรงใช้ชีวิตอยู่กับลาป่า กินหญ้าเหมือนวัว กายตากน้ำค้าง จนกระทั่งทรงเรียนรู้ว่าพระเจ้าสูงสุดทรงครอบครองเหนืออาณาจักรของมนุษย์ทั้งปวง และทรงตั้งผู้ใดก็ได้ตามแต่ชอบพระทัยให้ครองอาณาจักร

22 “ข้าแต่เบลชัสซาร์ แต่ฝ่าพระบาทผู้เป็นโอรส[z]ทรงทราบเรื่องทั้งหมดนี้ แต่ก็ไม่ได้ถ่อมพระทัยลง 23 กลับยกองค์ลบหลู่องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ ทรงให้นำภาชนะจากพระวิหารของพระเจ้ามาให้ฝ่าพระบาท ขุนนาง มเหสี และเหล่านางสนมใส่เหล้าองุ่นดื่ม ทรงยกย่องสรรเสริญเทพเจ้าที่ทำจากเงิน ทอง ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก ไม้ และหิน ซึ่งมองอะไรไม่เห็น ฟังอะไรไม่ได้ยิน และไม่เข้าใจ ฝ่าพระบาทไม่ได้เทิดพระเกียรติพระเจ้าผู้กุมชีวิตและวิถีทางทั้งปวงของฝ่าพระบาทไว้ในพระหัตถ์ 24 ฉะนั้นพระเจ้าจึงทรงส่งมือมาเขียนข้อความนั้น

25 “ข้อความนั้นเขียนไว้ว่า

เมเน เมเน เทเคล ปาร์ซิน[aa]

26 “ความหมายนั้นก็คือ

เมเน[ab] หมายความว่า พระเจ้าได้ทรงนับวันเวลาแห่งรัชกาลของฝ่าพระบาทไว้และนำมาถึงจุดจบ

27 เทเคล[ac] หมายความว่า ฝ่าพระบาทถูกชั่งบนตราชั่งและเบากว่าที่กำหนด

28 เปเรส[ad] หมายความว่า ราชอาณาจักรของฝ่าพระบาทถูกแบ่งแยก และยกให้ชาวมีเดียและเปอร์เซีย”

29 แล้วเบลชัสซาร์รับสั่งให้ดาเนียลสวมชุดสีม่วงและสร้อยคอทองคำ แล้วแต่งตั้งให้เป็นผู้ครอบครองอันดับที่สามของราชอาณาจักร

30 ในคืนวันนั้นเองกษัตริย์เบลชัสซาร์ของชาวบาบิโลน[ae]ก็ถูกปลงพระชนม์ 31 และดาริอัสแห่งมีเดียทรงยึดอาณาจักรบาบิโลนได้ ขณะนั้นดาริอัสทรงมีพระชนมายุ 62 พรรษา

ดาเนียลในถ้ำสิงโต

ดาริอัสทรงเห็นชอบให้แต่งตั้งเสนาบดี 120 คนปกครองทั่วราชอาณาจักร โดยมีผู้บริหารการปกครองสามนายปกครองเหนือคนเหล่านั้น หนึ่งในสามนั้นคือดาเนียล เสนาบดีจะรายงานต่อผู้บริหารการปกครองเพื่อรักษาผลประโยชน์ของกษัตริย์ ดาเนียลมีคุณสมบัติดีเด่นเหนือกว่าผู้บริหารการปกครองคนอื่นและเสนาบดีทั้งหลาย กษัตริย์จึงดำริจะแต่งตั้งให้เขาดูแลทั่วราชอาณาจักร ด้วยเหตุนี้ผู้บริหารการปกครองคนอื่นและเสนาบดีทั้งหลายจึงพยายามจับผิดดาเนียลในงานราชการแผ่นดินแต่ไม่สำเร็จ พวกเขาไม่พบข้อบกพร่องของดาเนียลเลยเพราะเขาซื่อสัตย์ ไม่เคยฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือละเลยหน้าที่ ในที่สุดคนเหล่านี้ก็พูดกันว่า “เราไม่มีทางหาเรื่องจับผิดดาเนียลคนนี้ได้เลย นอกจากเรื่องเกี่ยวกับพระบัญญัติของพระเจ้าของเขา”

ฉะนั้นผู้บริหารการปกครองคนอื่นและเหล่าเสนาบดีจึงรวมกลุ่มกันเข้าเฝ้ากษัตริย์และทูลว่า “ข้าแต่กษัตริย์ดาริอัส ขอจงทรงพระเจริญ! ข้าพระบาททั้งหลาย ผู้บริหารการปกครอง ข้าหลวงภาค เสนาบดี ราชมนตรี และผู้ว่าการทั้งปวง เห็นพ้องต้องกันว่าฝ่าพระบาทควรออกพระราชกฤษฎีกาว่า หากผู้หนึ่งผู้ใดอธิษฐานต่อเทพเจ้าหรือขอต่อมนุษย์นอกเหนือจากฝ่าพระบาทในช่วงสามสิบวันที่จะถึงนี้ ข้าแต่กษัตริย์ ผู้นั้นจะต้องถูกโยนลงในถ้ำสิงโต บัดนี้ ข้าแต่กษัตริย์ ขอทรงออกพระราชกฤษฎีกาเป็นลายลักษณ์อักษรที่ไม่มีผู้ใดเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งตามกฎหมายของชาวมีเดียและเปอร์เซียจะยกเลิกไม่ได้” ฉะนั้นกษัตริย์ดาริอัสจึงให้ออกพระราชกฤษฎีกาเป็นลายลักษณ์อักษร

10 เมื่อดาเนียลทราบว่าพระราชกฤษฎีกาประกาศใช้แล้ว เขาก็กลับบ้านและขึ้นไปยังห้องชั้นบนซึ่งหน้าต่างเปิดไปทางกรุงเยรูซาเล็ม เขาคุกเข่า อธิษฐานขอบพระคุณพระเจ้าของเขาวันละสามครั้งตามที่เคยปฏิบัติเสมอมา 11 แล้วคนเหล่านั้นรวมกลุ่มกันไปเฝ้าดูและพบดาเนียลอธิษฐานทูลวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า 12 พวกเขาจึงไปเข้าเฝ้ากษัตริย์และทูลเกี่ยวกับพระราชกฤษฎีกาว่า “ฝ่าพระบาททรงออกพระราชกฤษฎีกาแล้วไม่ใช่หรือว่า หากผู้หนึ่งผู้ใดอธิษฐานต่อเทพเจ้าหรือขอต่อมนุษย์นอกเหนือจากฝ่าพระบาทในช่วงสามสิบวันนี้ ข้าแต่กษัตริย์ ผู้นั้นจะต้องถูกโยนลงในถ้ำสิงโต?”

กษัตริย์ตรัสตอบว่า “กฤษฎีกานั้นมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายของชาวมีเดียและเปอร์เซียซึ่งยกเลิกไม่ได้”

13 พวกเขาจึงทูลกษัตริย์ว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ดาเนียลซึ่งเป็นเชลยคนหนึ่งจากยูดาห์ไม่ใส่ใจในฝ่าพระบาทหรือพระราชกฤษฎีกาที่ทรงให้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เขายังคงอธิษฐานวันละสามครั้ง” 14 เมื่อกษัตริย์ทรงทราบเช่นนี้ก็ทุกข์พระทัยยิ่งนัก ทรงครุ่นคิดหาวิธีช่วยเหลือดาเนียลจนพลบค่ำ

15 คนเหล่านั้นก็รวมกลุ่มกันมาเข้าเฝ้าและทูลว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ขอทรงระลึกว่าตามกฎหมายของชาวมีเดียและเปอร์เซีย คำสั่งหรือกฤษฎีกาใดๆ ของกษัตริย์ที่ออกไปจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย”

16 ฉะนั้นกษัตริย์จึงมีพระบัญชา และพวกเขาก็จับดาเนียลโยนลงในถ้ำสิงโต กษัตริย์ตรัสกับดาเนียลว่า “ขอให้พระเจ้าที่เจ้าปรนนิบัติเสมอมานั้นช่วยเหลือเจ้าเถิด!”

17 เขานำหินก้อนหนึ่งมาปิดที่ปากถ้ำ แล้วกษัตริย์ประทับตราพระธำมรงค์ที่หินนั้น และบรรดาขุนนางประทับตราแหวนของตนเพื่อไม่ให้ใครมาเปลี่ยนแปลงแก้ไขสถานการณ์ของดาเนียลได้ 18 แล้วกษัตริย์เสด็จกลับวัง ทรงงดเสวยและการบันเทิงทั้งปวง และพระองค์บรรทมไม่หลับตลอดทั้งคืนนั้น

19 ทันทีที่ฟ้าสาง กษัตริย์ก็รีบรุดมายังถ้ำสิงโต 20 เมื่อเข้ามาใกล้ถ้ำ พระองค์ตรัสเรียกดาเนียลด้วยพระสุรเสียงอันปวดร้าวว่า “โอ ดาเนียลผู้รับใช้ของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ พระเจ้าที่เจ้ารับใช้เสมอมานั้นช่วยเจ้าให้พ้นจากสิงโตได้หรือเปล่า?”

21 ดาเนียลทูลตอบว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ขอจงทรงพระเจริญ! 22 พระเจ้าของข้าพระบาททรงส่งทูตของพระองค์มาปิดปากสิงโตไว้ พวกมันไม่ได้ทำอะไรข้าพระบาทเลย เพราะข้าพระบาทบริสุทธิ์ในสายพระเนตรของพระเจ้า และไม่เคยทำผิดประการใดต่อหน้าองค์กษัตริย์เลย”

23 กษัตริย์ทรงยินดีเป็นล้นพ้น ตรัสสั่งให้ดึงดาเนียลขึ้นจากถ้ำ เมื่อดาเนียลขึ้นมาแล้วปรากฏว่าเขาไม่มีบาดแผลใดๆ เพราะเขาไว้วางใจพระเจ้าของเขา

24 กษัตริย์ทรงบัญชาให้จับบรรดาผู้ที่กล่าวหาดาเนียลอย่างผิดๆ โยนลงในถ้ำสิงโตพร้อมทั้งภรรยาและลูกๆ ร่างของคนเหล่านั้นก็ถูกสิงโตขย้ำจนกระดูกแหลกก่อนที่จะกระทบพื้นถ้ำ

25 แล้วกษัตริย์ดาริอัสทรงเขียนถึงพลเมืองทุกชาติทุกภาษาทั่วอาณาจักรว่า

“ขอให้ท่านทั้งหลายเจริญรุ่งเรืองเถิด!

26 “ข้าพเจ้าออกกฤษฎีกาให้ทุกคนทั่วราชอาณาจักรจงเคารพยำเกรงพระเจ้าของดาเนียล

“เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่

และทรงดำรงอยู่ตลอดกาล

ราชอาณาจักรของพระองค์จะไม่มีวันถูกทำลาย
ราชอำนาจของพระองค์ไม่มีที่สิ้นสุด
27 พระองค์ทรงช่วยและทรงกอบกู้
ทรงกระทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ
ในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก
พระองค์ทรงกอบกู้ดาเนียล
จากอำนาจของสิงโต”

28 ดังนั้นดาเนียลจึงเจริญรุ่งเรืองในรัชกาลกษัตริย์ดาริอัส และในรัชกาลของกษัตริย์ไซรัส[af]แห่งเปอร์เซีย

ความฝันของดาเนียลเกี่ยวกับสัตว์ทั้งสี่

ในปีแรกของรัชกาลกษัตริย์เบลชัสซาร์แห่งบาบิโลน ดาเนียลฝันเห็นนิมิตขณะนอนหลับอยู่ เขาได้บันทึกความฝันไว้

ดาเนียลกล่าวว่า “ในนิมิตยามกลางคืน ข้าพเจ้ามองไปเบื้องหน้า มีลมทั้งสี่ทิศจากฟ้าสวรรค์พัดกระหน่ำ ทำให้ท้องทะเลใหญ่ปั่นป่วน แล้วสัตว์มหึมาสี่ตัวโผล่ขึ้นจากทะเล แต่ละตัวมีลักษณะไม่เหมือนกัน

“ตัวแรกเหมือนสิงโตและมีปีกเหมือนนกอินทรี ข้าพเจ้าเฝ้าดูจนเห็นปีกของมันถูกฉีกออก มันถูกพยุงขึ้นจากพื้นให้ยืนด้วยสองขาแบบมนุษย์ และมันได้รับจิตใจเยี่ยงมนุษย์

“ข้าพเจ้าเห็นสัตว์ตัวที่สองซึ่งดูเหมือนหมี มันโผล่ขึ้นมา ปากคาบซี่โครงสามซี่ไว้ มีผู้บอกมันว่า ‘ลุกขึ้นเถิด จงกินเนื้อให้อิ่ม!’

“หลังจากนั้นข้าพเจ้ามองไป มีสัตว์อีกตัวหนึ่งเหมือนเสือดาว ที่หลังของมันมีปีกสี่ปีกคล้ายปีกนก สัตว์ตัวนี้มีสี่หัว และมันได้รับอำนาจให้ปกครอง

“หลังจากนั้น ในนิมิตยามกลางคืน ข้าพเจ้าเห็นสัตว์ตัวที่สี่ น่ากลัวสยดสยองและมีฤทธิ์อำนาจมาก มันมีฟันเหล็กซี่มหึมา มันขย้ำเคี้ยวเหยื่อและเหยียบย่ำส่วนอื่นๆ ที่เหลือจนแหลกลาญ สัตว์ตัวนี้แตกต่างจากตัวอื่นๆ ตรงที่มีเขาสิบเขา

“ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังคิดเรื่องเขาต่างๆ อยู่นั้น ก็มีเขาเล็กๆ อีกอันหนึ่งโผล่ขึ้นมาท่ามกลางเขาอื่นๆ และทำให้สามในสิบเขาแรกนั้นถูกถอนออกไป เขาเล็กนี้มีตาเหมือนตามนุษย์และมีปากซึ่งคุยโวโอ้อวด

“ขณะที่ข้าพเจ้ามองดู ข้าพเจ้าก็เห็น

“บัลลังก์ต่างๆ จัดตั้งไว้แล้ว
และองค์ผู้ดำรงอยู่ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ประทับที่บัลลังก์ของพระองค์
ฉลองพระองค์ขาวเหมือนหิมะ
พระเกศา[ag]เหมือนขนสัตว์ที่ขาวสะอาด
บัลลังก์ของพระองค์มีเปลวไฟลุกโชน
และที่ล้อก็ลุกโชติช่วง
10 แม่น้ำเพลิงกำลังไหล
มาจากเบื้องพระพักตร์ของพระองค์
ผู้รับใช้[ah]นับล้านคอยปรนนิบัติพระองค์
และมีคนนับล้านๆ คนยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์
การพิจารณาคดีเริ่มขึ้น
หนังสือเล่มต่างๆ ถูกเปิดออก

11 “แล้วข้าพเจ้าจับตาดูต่อไปเพราะคำคุยโวโอ้อวดของเขาเล็กๆ นั้น ข้าพเจ้าเฝ้าดูจนกระทั่งสัตว์นั้นถูกฆ่า ร่างของมันถูกทำลาย แล้วถูกโยนลงในไฟที่ลุกโชน 12 (สัตว์อื่นๆ ถูกยึดอำนาจไปหมดแล้ว แต่ได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกชั่วระยะหนึ่ง)

13 “ในนิมิตคืนนั้น ข้าพเจ้าเห็นผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์ เสด็จมาพร้อมด้วยหมู่เมฆแห่งฟ้าสวรรค์ พระองค์เสด็จเข้าไปใกล้และเข้าเฝ้าองค์ผู้ดำรงอยู่ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ 14 พระองค์ได้รับสิทธิอำนาจ เกียรติสิริ และอำนาจปกครองสูงสุด ชาวโลกทุกชาติทุกภาษานมัสการพระองค์ ราชอำนาจของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล ราชอำนาจที่จะไม่มีวันสิ้นสุด และพระราชอาณาจักรของพระองค์จะไม่มีวันถูกทำลาย

ความหมายของความฝัน

15 “ข้าพเจ้าดาเนียลทุกข์ใจยิ่งนัก นิมิตที่เห็นทำให้ข้าพเจ้าว้าวุ่นสับสน 16 ข้าพเจ้าก้าวเข้าไปใกล้ผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ที่นั่น ขอให้ช่วยอธิบายความหมายของสิ่งทั้งปวงนี้

“ดังนั้นเขาผู้นั้นจึงบอกข้าพเจ้าและให้คำอธิบายเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ว่า 17 ‘สัตว์มหึมาทั้งสี่คืออาณาจักรทั้งสี่ที่จะรุ่งเรืองขึ้นในโลก 18 แต่ประชากรขององค์ผู้สูงสุดจะได้รับอาณาจักรและครอบครองตลอดไปชั่วนิจนิรันดร์’

19 “แล้วข้าพเจ้าต้องการรู้ความหมายแท้จริงของสัตว์ตัวที่สี่ซึ่งแตกต่างจากตัวอื่นๆ และน่ากลัวที่สุด มีฟันเหล็กและมีอุ้งเล็บทองสัมฤทธิ์ สัตว์ซึ่งเคี้ยวขย้ำเหยื่อของมันและเหยียบย่ำส่วนอื่นๆ ที่เหลือจนแหลกลาญ 20 และข้าพเจ้าต้องการทราบเกี่ยวกับเขาทั้งสิบบนหัวของสัตว์ตัวนั้น และเขาอีกอันหนึ่งซึ่งโผล่ขึ้นมาทำให้สามเขาถูกถอนออกไป เขานั้นโดดเด่นกว่าเขาอื่นๆ มันมีตาและมีปากซึ่งคุยโอ้อวด 21 ขณะที่ข้าพเจ้ามองดูอยู่ เขานั้นก็เข้าทำศึกกับเหล่าประชากรของพระเจ้าและได้ชัยชนะ 22 จนกระทั่งองค์ผู้ดำรงอยู่ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์เสด็จมาและประกาศคำตัดสินให้ประชากรขององค์ผู้สูงสุดชนะ และเป็นเวลาที่พวกเขาได้ครอบครองอาณาจักร

23 “เขาผู้นั้นอธิบายให้ข้าพเจ้าฟังว่า ‘สัตว์ตัวที่สี่คืออาณาจักรที่สี่ซึ่งจะเกิดขึ้นในโลก จะแตกต่างจากอาณาจักรอื่นๆ ทั้งปวงและจะทำลายล้างโลกทั้งโลก เหยียบย่ำและบดขยี้ให้แหลกลาญ 24 เขาสิบเขาคือกษัตริย์สิบองค์ที่จะมาจากอาณาจักรนี้ ภายหลังจะมีกษัตริย์อีกองค์หนึ่งขึ้นมาซึ่งแตกต่างจากองค์ก่อนๆ และจะโค่นล้มกษัตริย์สามองค์ลง 25 กษัตริย์องค์นี้จะกล่าวลบหลู่องค์ผู้สูงสุดและกดขี่ข่มเหงประชากรของพระเจ้า จะพยายามเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาและบทบัญญัติต่างๆ ประชากรของพระเจ้าจะตกอยู่ในกำมือของกษัตริย์องค์นี้ตลอดหนึ่งวาระ หลายวาระ และครึ่งวาระ[ai]

26 “ ‘แต่การพิจารณาคดีจะเริ่มขึ้นแล้ว ฤทธิ์อำนาจของกษัตริย์องค์นั้นจะถูกนำออกไป และถูกทำลายล้างไปอย่างสิ้นเชิง 27 แล้วประชากรขององค์ผู้สูงสุดจะได้รับสิทธิครอบครองอำนาจและความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรต่างๆ ทั่วใต้ฟ้า ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะยั่งยืนชั่วนิจนิรันดร์ ผู้ครอบครองทั้งปวงจะนอบน้อมเชื่อฟังและนมัสการพระองค์’

28 “จบเรื่องราวแต่เพียงนี้ แล้วข้าพเจ้าดาเนียลก็ทุกข์ใจยิ่งนักเพราะความคิดต่างๆ ของข้าพเจ้า ใบหน้าของข้าพเจ้าซีดเผือด แต่ข้าพเจ้าเก็บงำเรื่องนี้ไว้กับตัวเอง”

นิมิตของดาเนียลเกี่ยวกับแกะผู้และแพะผู้

ในปีที่สามแห่งรัชกาลเบลชัสซาร์ ข้าพเจ้าดาเนียลเห็นนิมิตอีกครั้งหนึ่ง ในนิมิตนั้นข้าพเจ้าเห็นตัวเองอยู่ที่ป้อมชั้นในเมืองสุสาในแคว้นเอลาม ข้าพเจ้าอยู่ริมคลองอุลัย ข้าพเจ้ามองไปเห็นแกะผู้ตัวหนึ่งยืนอยู่ริมลำคลอง แกะนี้มีสองเขา เขาข้างหนึ่งยาวกว่าอีกข้างหนึ่ง แต่งอกขึ้นมาทีหลัง ข้าพเจ้ามองดูแกะผู้ตัวนั้นขวิดไปทางตะวันตก ทางเหนือ และทางใต้ ไม่มีสัตว์ใดต่อกรกับมันได้และไม่มีสิ่งใดช่วยให้พ้นจากอำนาจของมัน มันทำอะไรตามใจชอบและยิ่งใหญ่ขึ้น

ขณะข้าพเจ้าครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ ทันใดนั้นมีแพะผู้ตัวหนึ่งซึ่งมีเขาโดดเด่นอยู่ระหว่างตา วิ่งห้อข้ามพื้นพิภพมาจากทางตะวันตกอย่างรวดเร็ว เท้าของมันไม่แตะดิน มันรี่เข้าใส่แกะผู้สองเขา ซึ่งข้าพเจ้าเห็นยืนอยู่ริมคลองนั้น และพุ่งชนด้วยความโกรธอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าเห็นมันขวิดแกะผู้อย่างโกรธจัดจนเขาทั้งสองของแกะหักไป แกะสู้ไม่ได้จึงล้มลงกับพื้นและถูกแพะเหยียบย่ำ ไม่มีใครช่วยแกะนั้นได้ แพะตัวนั้นยิ่งใหญ่มาก แต่เมื่อมันผยองตนขึ้นและเรืองอำนาจสุดขีด เขาอันใหญ่ของมันก็หักและมีเขาโดดเด่นสี่อันงอกขึ้นแทนที่ ชี้ไปยังทิศทางลมทั้งสี่แห่งฟ้าสวรรค์

มีเขาเล็กๆ งอกขึ้นจากเขาหนึ่งในสี่เขานี้ แล้วงอกขึ้นเรื่อยๆ แผ่อำนาจไปทางใต้ ทางตะวันออก และสู่ดินแดนอันงดงาม 10 มันเติบใหญ่ขึ้นจนถึงบริวารแห่งฟ้าสวรรค์ แล้วเหวี่ยงดาวบางดวงร่วงลงมาที่พื้นโลกและเหยียบย่ำเสีย 11 มันหยิ่งผยองตีเสมอองค์ราชันแห่งกองทัพสวรรค์ โดยเลิกล้มการถวายเครื่องบูชาประจำวันแด่พระองค์ และทำให้สถานนมัสการของพระองค์ตกต่ำ 12 เนื่องจากการกบฏนี้ กองกำลังของประชากรของพระเจ้าและการถวายเครื่องบูชาประจำวันก็ถูกมอบไว้ในมือของมัน มันทำอะไรก็เจริญรุ่งเรืองทุกอย่างและสัจธรรมถูกเหวี่ยงลงกับพื้น

13 แล้วข้าพเจ้าได้ยินผู้บริสุทธิ์องค์หนึ่งกล่าว และผู้บริสุทธิ์อีกองค์หนึ่งถามว่า “อีกนานเท่าไรที่นิมิตอันเกี่ยวกับเครื่องบูชาประจำวัน การกบฏซึ่งทำให้เกิดการเริศร้าง สถานนมัสการและกองทัพสวรรค์ถูกเหยียบย่ำจะสำเร็จ?”

14 ทูตองค์นั้นตอบว่า “อีก 2,300 วันคืน แล้วสถานนมัสการจะได้รับการชำระให้บริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่ง”

ความหมายของนิมิต

15 ขณะที่ข้าพเจ้าดาเนียลเฝ้าดูนิมิตอยู่ และพยายามทำความเข้าใจ ก็มีผู้หนึ่งซึ่งดูเหมือนมนุษย์ยืนอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า 16 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงชายคนหนึ่งร้องเรียกข้ามคลองอุลัยว่า “กาเบรียลเอ๋ย อธิบายความหมายของนิมิตให้ชายคนนี้ฟังเถิด”

17 ขณะที่ทูตกาเบรียลเข้ามาใกล้ที่ซึ่งข้าพเจ้ายืนอยู่นั้น ข้าพเจ้าก็ตกใจกลัวและล้มตัวลงกราบ เขากล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเข้าใจ เถิดว่านิมิตนั้นเกี่ยวกับกาลอวสาน”

18 ขณะที่เขากล่าวกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็หมดสติล้มซบหน้าลงกับดิน แล้วเขาแตะต้องข้าพเจ้าและพยุงให้ยืนขึ้น

19 เขากล่าวว่า “เรากำลังจะแจ้งให้เจ้าทราบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเวลาแห่งพระพิโรธในภายภาคหน้า เพราะนิมิตนี้เกี่ยวข้องกับกาลอวสานซึ่งกำหนดไว้แล้ว[aj] 20 แกะผู้สองเขาที่เจ้าเห็นคือบรรดากษัตริย์มีเดียและเปอร์เซีย 21 แพะผู้[ak]คือกษัตริย์กรีซ และเขาใหญ่ระหว่างตาคือกษัตริย์องค์แรก 22 เขาสี่อันซึ่งงอกแทนอันที่หักคือสี่อาณาจักรซึ่งก่อกำเนิดขึ้นจากชาตินั้น แต่ไม่มีอำนาจเทียบเท่า

23 “ในปลายรัชกาลกษัตริย์เหล่านั้น เมื่อพวกกบฏชั่วร้ายอย่างเต็มที่ จะมีกษัตริย์องค์หนึ่งขึ้นมา ซึ่งมีหน้าตาถมึงทึงและเจ้าเล่ห์เพทุบาย 24 เขาจะเข้มแข็งมาก แต่ไม่ใช่โดยอำนาจของเขาเอง เขาจะทำให้เกิดความเสียหายย่อยยับอย่างน่าตกใจและจะทำสิ่งใดก็สำเร็จลุล่วง เขาจะทำลายบรรดาผู้ทรงอำนาจและประชากรของพระเจ้า 25 เขาจะทำให้การล่อลวงแพร่ขยายมากขึ้นและถือว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่น เขาจะทำลายคนทั้งหลายขณะที่พวกเขารู้สึกมั่นคง และเขาถึงกับท้าทายองค์จอมเจ้านาย แต่เขาจะถูกทำลายโดยอำนาจซึ่งไม่ได้มาจากมนุษย์

26 “นิมิตเกี่ยวกับวันและคืนซึ่งบอกท่านแล้วนั้นจะเป็นจริง แต่จงประทับตราเก็บไว้เพราะเกี่ยวกับอนาคตอันไกล”

27 ข้าพเจ้าดาเนียลหมดแรง นอนป่วยอยู่หลายวัน แล้วข้าพเจ้าก็ลุกขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ถวายกษัตริย์ แต่ข้าพเจ้าวิตกกังวลมากเพราะนิมิตที่เกินความเข้าใจ

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.