Bible in 90 Days
ดาเนียลอธิษฐานให้ชนชาติของตน
9 ในปีแรกของดาริอัสบุตรของอาหสุเอรัส ชาวมีเดียโดยกำเนิด ผู้เป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักรของชาวเคลเดีย[a] 2 ในปีแรกที่ท่านครองราชย์ ข้าพเจ้าดาเนียลศึกษาจากพระคัมภีร์ ตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าที่ได้มอบให้แก่เยเรมีย์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า คือความวิบัติของเยรูซาเล็มจะยาวนานถึง 70 ปี[b]
3 แล้วข้าพเจ้าก็หันหน้าเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า ข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์ด้วยการอธิษฐานและทูลขอร้องด้วยการอดอาหาร สวมผ้ากระสอบ และนั่งอยู่ในกองขี้เถ้า 4 ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า และสารภาพบาปว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และเป็นที่น่าเกรงขาม พระองค์รักษาพันธสัญญาและความรักอันมั่นคงต่อบรรดาผู้ที่รักพระองค์ และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ 5 พวกเรากระทำบาป กระทำผิด ประพฤติอย่างชั่วร้าย และขัดขืน พวกเราได้หันเหไปจากพระบัญญัติและคำสั่งของพระองค์ 6 พวกเราไม่ได้เชื่อฟังผู้รับใช้ของพระองค์คือ บรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ซึ่งท่านเหล่านั้นได้พูดในพระนามของพระองค์ กับบรรดากษัตริย์ของพวกเรา กับบรรดาผู้นำ บรรพบุรุษ และกับประชาชนทั้งปวงของแผ่นดิน
7 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์มีความชอบธรรม แต่พวกเรากระทำสิ่งที่น่าอับอายมาจนถึงทุกวันนี้ ปวงชนชาวยูดาห์ ผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็มและอิสราเอลทั้งปวง ทุกคนที่อยู่ใกล้และไกล พระองค์ได้ทำให้พวกเรากระจัดกระจายออกไปในทุกดินแดน ก็เพราะความไม่ภักดีของพวกเราที่มีต่อพระองค์ 8 โอ พระผู้เป็นเจ้า พวกเราและบรรดากษัตริย์ของเรา บรรดาผู้นำและบรรพบุรุษของเราต้องอับอายเพราะพวกเราได้กระทำบาปต่อพระองค์ 9 พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรากอปรด้วยความเมตตาและการให้อภัย แม้ว่าพวกเราจะขัดขืนต่อพระองค์ 10 และพวกเราไม่ได้เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราในการดำเนินตามกฎบัญญัติของพระองค์ ซึ่งพระองค์ได้มอบให้แก่พวกเราผ่านบรรดาผู้รับใช้ คือผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า 11 ชาวอิสราเอลทั้งปวงได้ละเมิดกฎบัญญัติของพระองค์ ฝ่าฝืนและไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์ ฉะนั้นคำสาปแช่งและคำปฏิญาณที่เขียนไว้ในกฎบัญญัติของโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้า จึงตกอยู่กับพวกเราเพราะเราได้ทำบาปต่อพระองค์[c] 12 พระองค์ให้ทุกสิ่งเกิดขึ้นตามที่พระองค์กล่าวไว้ว่าจะเกิดขึ้นกับพวกเราและผู้ที่ปกครองพวกเรา ด้วยการนำความวิบัติมาสู่พวกเรา สิ่งที่เกิดขึ้นกับเยรูซาเล็มไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนภายใต้ฟ้าสวรรค์ 13 อย่างที่เขียนไว้ในกฎบัญญัติของโมเสส ความวิบัติเช่นนั้นเกิดขึ้นกับพวกเรา แต่พวกเราก็ไม่ได้ทำสิ่งซึ่งเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา ด้วยการหยุดทำบาป และเอาใจใส่ในความจริงของพระองค์ 14 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าได้เตรียมและนำความวิบัติมาสู่พวกเรา ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเรามีความชอบธรรมในทุกสิ่งที่พระองค์กระทำ และพวกเราไม่ได้เชื่อฟังพระองค์ 15 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเรา พระองค์นำชนชาติของพระองค์ออกจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ และทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่เลื่องลือ พวกเราได้ทำบาป และประพฤติอย่างชั่วร้ายมาจนถึงทุกวันนี้
16 โอ พระผู้เป็นเจ้า เนื่องจากการกระทำอันชอบธรรมทั้งสิ้นของพระองค์ ขอความโกรธและการลงโทษของพระองค์หันไปจากเยรูซาเล็ม ภูเขาอันบริสุทธิ์ของพระองค์ เพราะบาปของพวกเราและความชั่วของบรรพบุรุษของเรา เยรูซาเล็มและชนชาติของพระองค์เป็นที่หัวเราะเยาะท่ามกลางทุกคนที่อยู่รอบตัวเรา 17 โอ พระเจ้าของพวกเรา บัดนี้ขอพระองค์โปรดฟังคำอธิษฐานและคำวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า เพื่อพระองค์เอง โปรดหันหน้าด้วยแสงอันรุ่งโรจน์ของพระองค์สู่ที่พำนักซึ่งถูกทำลาย 18 โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดเงี่ยหูฟังและได้ยิน ลืมตาและดูความวิบัติของพวกเรา และดูเมืองที่ได้รับเรียกว่าเป็นของพระองค์เถิด เนื่องจากพวกเราไม่ได้วิงวอนต่อหน้าพระองค์เพราะพวกเรามีความชอบธรรม แต่เป็นเพราะความเมตตาอันใหญ่หลวงของพระองค์ 19 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดฟัง โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดยกโทษ โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดได้ยินและตอบเถิด โปรดอย่ารอช้า เพื่อพระองค์เอง โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเมืองและชนชาติของพระองค์ได้รับเรียกว่าเป็นของพระองค์”
กาเบรียลนำคำตอบมา
20 ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังพูดและอธิษฐาน สารภาพบาปของข้าพเจ้าและของอิสราเอลชนชาติของข้าพเจ้า และวิงวอน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า เพื่อภูเขาอันบริสุทธิ์ของพระเจ้าของข้าพเจ้า 21 ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังอธิษฐานอยู่ กาเบรียลผู้ซึ่งข้าพเจ้าเห็นในภาพนิมิตแต่แรกแล้ว บินโผมาหาข้าพเจ้าในเวลามอบเครื่องสักการะตอนเย็น[d] 22 ทูตสวรรค์มาบอกข้าพเจ้าว่า “โอ ดาเนียล เรามาหาก็เพื่อจะมอบสติปัญญาและความเข้าใจ 23 ทันทีที่ท่านเริ่มอธิษฐานขอ ท่านก็ได้รับคำตอบซึ่งเราจะให้ทราบว่า ท่านเป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่ง ฉะนั้นจงตั้งใจฟังคำตอบให้ดี เพื่อจะเข้าใจภาพนิมิต
70 สัปดาห์
24 เวลาที่ถูกกำหนดไว้ให้ประชาชนและเมืองอันบริสุทธิ์ของท่าน เพื่อยุติการล่วงละเมิดและหยุดทำบาป เพื่อชดใช้ความชั่ว เพื่อให้เกิดความชอบธรรมอันเป็นนิรันดร์ เพื่อผนึกภาพนิมิตและคำพยากรณ์ด้วยตราประทับ และเพื่อเจิมบริเวณที่บริสุทธิ์ที่สุดนั้น เป็นระยะเวลา 70 สัปดาห์[e] 25 ฉะนั้น จงทราบและเข้าใจว่า นับจากระยะเวลาที่ออกคำสั่งเพื่อฟื้นฟูและสร้างเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ จนกระทั่งถึงการมาของผู้ได้รับการเจิม คือองค์ราชา จะเป็นเวลานาน 7 สัปดาห์และ 62 สัปดาห์ เยรูซาเล็มจะถูกสร้างขึ้นใหม่อีก มีทั้งถนนและคูเมือง แต่จะเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยาก 26 หลังจาก 62 สัปดาห์ ผู้ได้รับการเจิมจะถูกกำจัดไป และจะไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย ประชาชนของผู้นำที่จะมาก็จะทำลายเมืองและสถานที่บริสุทธิ์ จุดจบจะมาพร้อมกับน้ำท่วม จะเกิดสงครามจนถึงจุดจบ ความหายนะถูกกำหนดไว้แล้ว 27 เขาจะมีข้อสัญญาตกลงกับคนจำนวนมากเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และครึ่งหลังของสัปดาห์เขาจะทำให้การเผาสัตว์เป็นเครื่องสักการะและการมอบของถวายยุติลง และเขาจะเชิดชูสิ่งที่น่าชังอันเป็นเหตุให้เกิดความวิบัติ[f] และเป็นยอดสูงสุดของพระวิหาร จนกระทั่งผู้ที่ถูกกำหนดคนนั้นจะถึงจุดจบของเขา”
ภาพนิมิตที่น่าตกใจของดาเนียล
10 ในปีที่สามของไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย ดาเนียลซึ่งมีอีกชื่อว่า เบลเทชัสซาร์ ได้รับการเผยความซึ่งมาจากพระเจ้า ข้อความเป็นความจริงและเข้าใจยาก และท่านเข้าใจข้อความและเข้าใจภาพนิมิต
2 ในครั้งนั้น ข้าพเจ้าดาเนียลเศร้าใจอยู่ 3 สัปดาห์ 3 ข้าพเจ้าไม่ได้รับประทานอาหารดีๆ หรือเนื้อสัตว์ หรือดื่มเหล้าองุ่น และไม่ได้ชโลมตัวด้วยน้ำมันนานถึง 3 สัปดาห์เต็ม 4 ในวันที่ยี่สิบสี่ของเดือนแรก ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังยืนอยู่บนฝั่งแม่น้ำใหญ่ไทกริส 5 ข้าพเจ้าแหงนหน้าขึ้นมอง ดูเถิด ชายผู้หนึ่งสวมเสื้อผ้าป่าน คาดเข็มขัดทองคำจากอุฟาส 6 ร่างกายของท่านเปล่งประกายดั่งโกเมน ใบหน้าปรากฏเหมือนฟ้าแลบ ดวงตาดั่งเปลวเพลิงจากคบไฟ แขนและขาดั่งทองสัมฤทธิ์ขัดมัน และเสียงของท่านเหมือนเสียงของคนจำนวนมาก 7 และข้าพเจ้าดาเนียลเป็นผู้เดียวที่เห็นภาพนิมิต เพราะบรรดาผู้ที่อยู่ด้วยไม่เห็นภาพนิมิต แต่พวกเขาตกใจกลัวมากจึงวิ่งหนีไปซ่อนตัว 8 ดังนั้น จึงเหลือข้าพเจ้าอยู่เพียงคนเดียวที่เห็นภาพนิมิตที่แปลกมาก ทำให้ข้าพเจ้าหมดแรง สีหน้าของข้าพเจ้าซีดลงด้วยความกลัว ข้าพเจ้าไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย 9 ครั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงของท่าน เมื่อได้ยินเสียงแล้วข้าพเจ้าจึงล้มตัวลงหลับสนิทหน้าชิดพื้น
10 ดูเถิด มีมือมาแตะตัวข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้าลุกขึ้นขณะที่เข่าและมือสั่นระริก 11 และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “โอ ดาเนียล ท่านเป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่ง จงลุกขึ้นยืนและใส่ใจในสิ่งที่เรากำลังจะพูดกับท่านให้ดี เราถูกส่งมาหาท่าน” ขณะที่ท่านกำลังพูดกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ยืนขึ้นตัวสั่นเทา 12 แล้วท่านก็พูดกับข้าพเจ้าว่า “ดาเนียลเอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะตั้งแต่วันแรกที่ท่านสนใจที่จะเข้าใจและถ่อมตัวลง ณ เบื้องหน้าพระเจ้าของท่าน พระองค์ได้ยินคำอธิษฐานของท่าน และเรามาเพื่อตอบคำขอของท่าน 13 ทูตสวรรค์ของอาณาจักรเปอร์เซียมาขัดขวางเรา 21 วัน แต่มีคาเอล[g]หนึ่งในบรรดาทูตสวรรค์ชั้นเอกมาช่วยเรา เพราะเราอยู่เพียงลำพังกับบรรดากษัตริย์แห่งอาณาจักรเปอร์เซีย 14 เรามาเพื่อช่วยให้ท่านเข้าใจว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับประชาชนของท่านในภายภาคหน้า เพราะภาพนิมิตเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า”
15 เมื่อท่านได้พูดกับข้าพเจ้าดังนี้แล้ว ข้าพเจ้าก้มหน้าลงและพูดไม่ออก 16 และดูเถิด มีผู้หนึ่งดูเหมือนบรรดาบุตรมนุษย์ ท่านแตะริมฝีปากของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงเปิดปากพูดกับท่าน คือผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้าว่า “โอ นายท่าน ภาพนิมิตนี้ทำให้ข้าพเจ้าเจ็บปวดรวดร้าวจนทำให้ข้าพเจ้าหมดแรง 17 ผู้รับใช้ของนายท่านจะพูดกับนายท่านได้อย่างไร เพราะข้าพเจ้าหมดแรงและหมดลมหายใจ”
18 ผู้หนึ่งที่เหมือนมนุษย์แตะตัวข้าพเจ้าและทำให้ข้าพเจ้ามีแรงขึ้น 19 ท่านพูดว่า “โอ ท่านเป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่ง อย่ากลัวเลย ขอสันติสุขจงอยู่กับท่าน จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด” เมื่อท่านพูดกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็มีแรงขึ้นและพูดว่า “นายท่านโปรดพูดเถิด เพราะนายท่านทำให้ข้าพเจ้ามีแรงขึ้น” 20 ท่านพูดว่า “ท่านทราบหรือไม่ว่า ทำไมเราจึงมาหาท่าน แต่เราจะต้องกลับไปต่อสู้กับทูตสวรรค์ของเปอร์เซีย ต่อจากนั้นทูตสวรรค์ของกรีกจะมา 21 แต่เราจะบอกท่านถึงความจริงที่เขียนไว้คือ ไม่มีผู้ใดต่อสู้อยู่เคียงข้างเรา ยกเว้นมีคาเอลทูตสวรรค์ของท่านเท่านั้น
บรรดากษัตริย์จากทิศใต้และทิศเหนือ
11 ในปีแรกของดาริอัสชาวมีเดีย เราเองที่ช่วยท่านผู้นั้นให้เข้มแข็ง
2 ในเวลานี้เราจะบอกความจริงแก่ท่านคือ จะมีกษัตริย์อีก 3 ท่านที่จะลุกขึ้นครองในเปอร์เซีย กษัตริย์ท่านที่สี่จะมั่งคั่งยิ่งกว่ากษัตริย์ทั้งสามที่มาล่วงหน้าท่าน เมื่อท่านมีอานุภาพจากความมั่งคั่ง ท่านจะกระตุ้นให้ทุกฝ่ายขัดขืนต่ออาณาจักรกรีก 3 และกษัตริย์นักรบผู้เก่งกล้าจะลุกขึ้นครอง ท่านจะปกครองด้วยอำนาจและกระทำตามความพอใจของท่าน 4 แต่เมื่อท่านได้ขึ้นครองแล้ว อาณาจักรของท่านจะล่มสลายและจะแบ่งแยกออกเป็นลมทั้ง 4 ทิศของฟ้าสวรรค์ และจะไม่ตกเป็นของบรรดาผู้สืบเชื้อสายของท่าน หรือมีอำนาจเหมือนกับเวลาที่ท่านปกครอง เพราะอาณาจักรของท่านจะถูกถอนรากถอนโคนและตกเป็นของผู้อื่นแทน
5 กษัตริย์แห่งทิศใต้[h]จะเข้มแข็ง แต่หนึ่งในบรรดาผู้นำจะเข้มแข็งกว่าท่าน และการปกครองของเขาจะมีอำนาจมาก 6 หลายปีต่อจากนั้น ก็จะมีการสร้างสัมพันธภาพโดยที่บุตรหญิงของกษัตริย์แห่งทิศใต้เข้าหากษัตริย์แห่งทิศเหนือ[i] เพื่อทำสนธิสัญญา แต่นางจะไม่สามารถรักษาอำนาจของนางไว้ได้ และทั้งตัวท่านและอำนาจของท่านก็ไม่ยั่งยืนนาน นางจะถูกมอบตัว รวมทั้งบรรดาผู้รับใช้ใกล้ชิดของนาง บิดาของนาง และผู้ที่สนับสนุนนาง
7 ในครั้งนั้น ญาติผู้หนึ่งจากตระกูลของนางจะขึ้นเป็นกษัตริย์แทน ท่านจะมาโจมตีกองกำลังของกษัตริย์แห่งทิศเหนือ และเข้าถึงป้อมปราการ ท่านจะต่อสู้และได้ชัยชนะ 8 ท่านจะขนเทพเจ้าที่หล่อเป็นรูปเคารพ ภาชนะเครื่องใช้เงินและทองคำอันมีค่าของพวกเขาไปยังอียิปต์ หลายปีต่อมา ท่านจะหยุดต่อสู้กับกษัตริย์แห่งทิศเหนือ 9 กษัตริย์แห่งทิศเหนือจะบุกรุกอาณาเขตของกษัตริย์แห่งทิศใต้ แต่จะต้องถอยทัพกลับไปยังดินแดนของตน
10 บรรดาบุตรของกษัตริย์แห่งทิศเหนือจะสู้รบ จึงรวบรวมกำลังทหารจำนวนมหาศาล ซึ่งจะยกมาอย่างพรั่งพร้อมหลั่งไหลเข้าไปอย่างน้ำท่วม และโจมตีถึงป้อมปราการของกษัตริย์แห่งทิศใต้ 11 กษัตริย์แห่งทิศใต้จะออกมาต่อสู้กับกษัตริย์แห่งทิศเหนือด้วยความเดือดดาล จนรบชนะ แม้ว่ากำลังทหารจากทิศเหนือจะมีกำลังมหาศาลก็ตาม 12 เมื่อทหารจำนวนมหาศาลถูกตีจนพ่ายแพ้ไปแล้ว ใจของท่านก็หยิ่งผยอง และท่านจะฆ่าคนจำนวนหลายหมื่น แต่ท่านจะไม่ชนะต่อไป 13 เพราะกษัตริย์แห่งทิศเหนือจะรวบรวมกำลังมหาศาลอีก ซึ่งจะมากกว่าครั้งก่อน และเมื่อถึงกำหนดเวลา ท่านก็จะกลับมาด้วยกำลังทัพที่ใหญ่มากและพร้อมเพรียงด้วยกำลังสงคราม
14 ในครั้งนั้น มีผู้คนจำนวนมากที่ไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองของกษัตริย์แห่งทิศใต้ และนักเลงหัวไม้ในหมู่ชนชาติของดาเนียลเองจะขัดขืน เพื่อให้เป็นไปตามภาพนิมิต แต่ก็ไม่สำเร็จ 15 และกษัตริย์แห่งทิศเหนือจะมา และท่านจะก่อเชิงเทิน และยึดเมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่ง และกำลังของทิศใต้จะต้านทานไม่ไหว แม้แต่นักรบที่เลือกสรรอย่างดีแล้วก็ยังหมดกำลัง 16 กษัตริย์แห่งทิศเหนือบุกรุกมาและกระทำต่อท่านตามใจชอบ โดยที่ไม่มีผู้ใดขัดขวางท่านได้ ท่านจะยืนอย่างมั่นคงในแผ่นดินอันงดงาม และจะมีอำนาจทำลายทุกสิ่งได้ 17 ท่านจะตั้งหน้ามาด้วยกำลังทั้งหมดที่มีจากอาณาจักรของท่าน และจะสร้างสัมพันธภาพกับกษัตริย์แห่งทิศใต้ จะยกบุตรสาวของตนให้แต่งงานกับเขาด้วยเพื่อล่มอาณาจักร แต่แผนของท่านจะไม่สำเร็จผล 18 หลังจากนั้นท่านจะเบี่ยงความตั้งใจไปยังหมู่เกาะ และจะยึดหลายเกาะ แต่ผู้บัญชาการคนหนึ่งจะทำให้ความหยิ่งผยองของท่านยุติลง ความหยิ่งผยองของท่านจะมีผลย้อนกลับเข้าตัวของท่านเอง 19 แล้วท่านก็จะหันกลับไปยังป้อมปราการที่ดินแดนของท่านเอง แต่ก็จะล้มลุกคลุกคลานจนไม่มีใครเห็นหน้าท่านอีก
20 จากนั้นจะมีผู้หนึ่งลุกขึ้นมาแทนที่ท่าน ผู้นี้จะใช้คนเก็บภาษีเพื่อคงความมั่งคั่งของอาณาจักร แต่เพียงระยะเวลาอันสั้น ท่านจะถูกกำจัดอย่างลับๆ 21 คนโอหังผู้หนึ่งที่จะขึ้นมาแทนที่ท่านไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ท่านจะมาโดยที่ไม่มีใครคาดการณ์ล่วงหน้า และจะรับอาณาจักรไว้ได้ด้วยเล่ห์เหลี่ยมของท่าน[j] 22 พวกทหารจะถูกกวาดล้างต่อหน้าท่านจนไม่เหลือสักคน และหัวหน้ามหาปุโรหิตของพระเจ้า[k]ก็จะถูกกำจัดเช่นกัน 23 หลังจากที่ท่านได้ทำสัมพันธภาพกับชาติอื่นแล้ว ท่านก็จะใช้วิธีการหลอกลวงเสมอ แม้ว่าจะมีคนหนุนหลังท่านอยู่น้อยมาก ท่านก็จะลุกขึ้นด้วยอำนาจได้ 24 ท่านจะบุกรุกแคว้นที่มั่งคั่งที่สุดโดยที่ไม่มีใครคาดการณ์ล่วงหน้า และจะกระทำสิ่งที่บรรพบุรุษก่อนหน้าท่านไม่เคยทำมาก่อน ท่านจะแบ่งสิ่งที่ปล้นและริบมาให้กับพรรคพวกของท่าน ท่านจะวางแผนยึดป้อมปราการ แต่ก็ได้เพียงเวลาจำกัดเท่านั้น 25 ท่านจะรวมกำลังและความใจกล้ามาโจมตีกษัตริย์แห่งทิศใต้ด้วยกองทัพใหญ่ กษัตริย์แห่งทิศใต้จะสู้รบด้วยกำลังกองทัพที่ใหญ่และเข้มแข็งมาก แต่ก็จะต้านไม่ไหวเพราะแผนการที่วางไว้เป็นอุบายต่อต้านท่าน 26 แม้แต่บรรดาผู้ที่รับประทานอาหารเหมือนกับกษัตริย์จะทำให้ท่านพินาศ กองทัพของท่านจะถูกกวาดล้าง และจะมีคนตายในสงครามมากมาย 27 กษัตริย์ทั้งสองนี้[l]มีจิตใจที่โน้มไปในทางชั่วร้าย ท่านจะนั่งร่วมโต๊ะและพูดเท็จต่อกันและกัน และต่างก็ไม่ประสบผล เพราะยังไม่ถึงกำหนดเวลาบั้นปลาย 28 กษัตริย์แห่งทิศเหนือจะกลับไปยังแผ่นดินของท่านเองด้วยสิ่งมากมายที่ปล้นมาได้ แต่ยังตั้งใจต่อต้านพันธสัญญาอันบริสุทธิ์ ท่านจะทำตามความพอใจของท่าน แล้วจึงกลับแผ่นดินของตนไป
29 เมื่อถึงกำหนดเวลา ท่านจะกลับไปบุกรุกอาณาจักรแห่งทิศใต้อีก แต่ครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งก่อน 30 เรือจากคิทธิม[m]จะมาต่อต้านท่าน ฉะนั้นท่านจะใจเสีย แต่ก็จะหวนกลับมาและแสดงความโกรธเกรี้ยวต่อพันธสัญญาอันบริสุทธิ์ และกลับไปใส่ใจบรรดาผู้ที่ละเลยต่อพันธสัญญาอันบริสุทธิ์ 31 กองทัพทหารจะลุกฮือกันมาดูหมิ่นสถานที่บริสุทธิ์ซึ่งเป็นหลักยึดอันมั่นคง และเลิกล้างการถวายเครื่องสักการะประจำวัน และพวกเขาจะตั้งสิ่งที่น่าชังซึ่งทำให้เกิดความวิบัติบนแท่นบูชา[n] 32 กษัตริย์จะพูดจาเอาใจบรรดาผู้ที่ได้ฝ่าฝืนพันธสัญญา แต่ประชาชนที่รู้จักพระเจ้าของพวกเขาจะมั่นคงและไม่โอนอ่อนผ่อนตาม 33 บรรดาผู้กอปรด้วยสติปัญญาจะสอนคนจำนวนมาก แต่บางครั้งพวกเขาจะเสียชีวิตในสงครามหรือไม่ก็ถูกไฟเผา ถูกจับเข้าคุก และถูกปล้น 34 เมื่อเขาเหล่านั้นถูกบีบคั้น พวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือบ้าง แต่มีคนจำนวนมากที่เสแสร้งเข้ามาร่วมกลุ่มด้วย 35 ผู้ที่กอปรด้วยสติปัญญาบางคนจะพลาดพลั้ง เพื่อจะได้ถูกหลอมอย่างโลหะ ทำให้บริสุทธิ์ และขาวสะอาด จนถึงระยะเวลาสุดท้าย เพราะยังไม่ถึงกำหนดเวลา
36 และกษัตริย์แห่งทิศเหนือจะกระทำตามความพอใจ ท่านจะยกย่องและโอ้อวดตนเองเหนือบรรดาเทพเจ้า และจะพูดสิ่งที่ไม่เคยมีผู้ใดพูดมาก่อนเป็นการต่อต้านพระเจ้า ผู้อยู่เหนือบรรดาเทพเจ้า ท่านจะมีความสำเร็จจนกระทั่งเวลาแห่งการลงโทษของพระเจ้ามาถึง เพราะจะเป็นไปตามที่พระองค์ได้ตัดสินใจแล้ว 37 กษัตริย์จะไม่ใส่ใจในเทพเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน หรือเทพเจ้าที่บรรดาผู้หญิงนิยมชมชอบ[o] ท่านจะไม่ใส่ใจในเทพเจ้าใดๆ เลย เพราะท่านจะโอ้อวดตนเองเหนือเทพเจ้าทั้งปวง 38 ท่านจะให้เกียรติแก่เทพเจ้าที่คุ้มกันป้อมปราการ[p] ท่านจะมอบทองคำ เงิน เพชรนิลจินดา และสิ่งที่สูงค่าแก่เทพเจ้าที่บรรพบุรุษไม่รู้จัก 39 ท่านจะโจมตีป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุดด้วยความช่วยเหลือจากเทพเจ้าต่างชาติ และจะให้เกียรติอย่างสูงแก่บรรดาผู้ที่ยอมรับท่าน ท่านจะแต่งตั้งพวกเขาให้เป็นผู้ปกครองคนจำนวนมาก และจะแจกจ่ายที่ดินให้เป็นรางวัล
40 เมื่อถึงเวลาสิ้นสุด กษัตริย์แห่งทิศใต้จะโจมตีท่าน แต่กษัตริย์แห่งทิศเหนือจะรีบสนองตอบราวกับพายุหมุน ด้วยรถศึกและทหารม้า ด้วยเรือหลายลำ ท่านจะบุกรุกหลายดินแดนดั่งน้ำท่วมที่ไหลหลาก 41 ท่านจะเข้ามาในแผ่นดินอันงดงาม และคนนับหมื่นจะเสียชีวิต แต่เอโดม โมอับ และชาวอัมโมนที่ยังมีชีวิตอยู่จะรอดจากมือของท่าน 42 ท่านจะใช้อำนาจรุกรานหลายดินแดน และแผ่นดินอียิปต์จะไม่รอดจากมือของท่าน 43 ท่านจะยึดสมบัติจำพวกทองคำและเงิน และสิ่งมีค่าของอียิปต์ ลิเบียและคูช[q]จะยอมอยู่ใต้บังคับของท่าน 44 แต่ข่าวลือที่ท่านทราบจากทางทิศตะวันออกและทิศเหนือจะทำให้ท่านตกใจ และท่านจะไหวตัวด้วยความเดือดดาลและฆ่าคนจำนวนมาก 45 ท่านจะให้ตั้งค่ายกษัตริย์อยู่ระหว่างทะเลและภูเขาบริสุทธิ์อันงดงาม[r] แต่ท่านก็จะมาถึงจุดจบซึ่งไม่มีผู้ใดช่วยท่านได้เลย
ระยะเวลาสุดท้าย
12 ในเวลานั้น มีคาเอลทูตสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้ปกป้องชนชาติของดาเนียลจะลุกขึ้น และจะเป็นเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่แรกที่มีประชาชาติจนถึงเวลานี้ แต่ในเวลานั้น ชนชาติของดาเนียลที่มีนามบันทึกไว้แล้วในหนังสือจะรอดชีวิต 2 ผู้คนจำนวนมากมายที่นอนในผงธุลีจะตื่นขึ้น บางคนจะได้รับชีวิตอันเป็นนิรันดร์ บางคนจะอับอายและถูกดูหมิ่นไปจนชั่วนิรันดร์ 3 และรัศมีของบรรดาผู้ที่กอปรด้วยสติปัญญาจะสาดส่องดั่งความสว่างของฟ้าสวรรค์ และบรรดาผู้ที่นำคนจำนวนมากให้ถึงซึ่งความชอบธรรม จะสาดส่องดั่งดวงดาวไปชั่วนิรันดร์กาล 4 แต่ดาเนียล ท่านจงปิดเรื่องเป็นความลับและผนึกตราหนังสือไว้ จนถึงระยะเวลาสุดท้าย คนจำนวนมากจะวิ่งไปมา และความรู้จะเพิ่มยิ่งขึ้น”
5 ครั้นแล้ว ข้าพเจ้าดาเนียลก็มองดู ข้าพเจ้าเห็นอีก 2 ท่านยืนอยู่ ท่านหนึ่งยืนอยู่บนฝั่งนี้ของแม่น้ำ ส่วนอีกท่านยืนอยู่บนฝั่งนั้นของแม่น้ำ 6 และข้าพเจ้าถามชายผู้สวมผ้าป่าน ซึ่งอยู่เหนือต้นน้ำว่า “จะนานแค่ไหนจนกว่าจะถึงระยะเวลาสุดท้ายของสิ่งวิเศษเหล่านี้” 7 ชายที่สวมผ้าป่านที่อยู่เหนือต้นน้ำยกมือขวาและมือซ้ายขึ้นสู่สวรรค์ ข้าพเจ้าได้ยินท่านกล่าวปฏิญาณโดยอ้างพระนามของพระองค์ผู้ดำรงชีวิตชั่วนิรันดร์กาลว่า “จะเป็นเวลา 1 วาระ 2 วาระ และครึ่งวาระ[s] เมื่อการกดขี่ข่มเหงที่มีต่อชนชาติบริสุทธิ์สิ้นสุดลง และสิ่งเหล่านี้ก็จะสัมฤทธิผล” 8 ข้าพเจ้าได้ยิน แต่ไม่เข้าใจจึงถามว่า “โอ นายท่านของข้าพเจ้า ผลจะออกมาเป็นอย่างไร” 9 ท่านตอบว่า “ดาเนียลเอ๋ย ท่านไม่ต้องกังวล เพราะเรื่องถูกปิดผนึกจนจะถึงระยะเวลาสุดท้าย 10 หลายคนจะชำระตัวให้บริสุทธิ์ และทำตนให้ขาวสะอาด และถูกหลอมอย่างโลหะ แต่คนชั่วร้ายจะประพฤติชั่ว และไม่มีผู้ใดในหมู่คนชั่วจะเข้าใจ แต่บรรดาผู้ที่กอปรด้วยสติปัญญาจะเข้าใจ 11 และนับจากเวลาที่เลิกล้างการถวายเครื่องสักการะประจำวัน และจัดตั้งสิ่งที่น่าชังซึ่งทำให้เกิดความวิบัติ เวลา 1,290 วันจะผ่านพ้นไป 12 บรรดาผู้ที่คงความภักดีจนกระทั่ง 1,335 วันผ่านพ้นไปก็เป็นสุข[t] 13 แต่ท่านไม่ต้องกังวลจนถึงระยะเวลาสุดท้าย และท่านจะได้หยุดพัก และจะลุกขึ้นรับส่วนแบ่งของท่านเมื่อวันสิ้นสุดลง”
1 คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ามาถึงโฮเชยาบุตรของเบเออรี ในสมัยของกษัตริย์อุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์ ซึ่งเป็นบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ และในสมัยของกษัตริย์เยโรโบอัมบุตรของเยโฮอาชกษัตริย์แห่งอิสราเอล
ภรรยาและบุตรของโฮเชยา
2 เมื่อพระผู้เป็นเจ้าเริ่มกล่าวผ่านโฮเชยา พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโฮเชยาดังนี้ “จงไปรับหญิงผู้ผิดประเวณีมาเป็นภรรยาของเจ้า และมีลูกๆ ที่เกิดจากการผิดประเวณี เพราะแผ่นดินประพฤติผิดประเวณีอย่างร้ายแรงเมื่อได้ทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า” 3 ดังนั้นท่านจึงไปรับโกเมอร์บุตรสาวของดิบลาอิมมาเป็นภรรยา และนางตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย
4 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านดังนี้ “จงตั้งชื่อเขาว่า ยิสเรเอล[u] เพราะอีกไม่นานเราจะลงโทษพงศ์พันธุ์ของเยฮูที่ฆ่ายิสเรเอล และเราจะทำให้อาณาจักรของพงศ์พันธุ์อิสราเอลหมดสิ้นลง 5 และในวันนั้น เราจะหักแอกของอิสราเอลในหุบเขายิสเรเอล”
6 ต่อมานางตั้งครรภ์อีกและให้กำเนิดบุตรหญิง และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านดังนี้ “จงตั้งชื่อเธอว่า โลรุหะมาห์[v] เพราะเราจะไม่มีความเมตตาต่อพงศ์พันธุ์อิสราเอลอีกต่อไป จะไม่ยกโทษให้พวกเขาเลย 7 แต่เราจะมีเมตตาต่อพงศ์พันธุ์ยูดาห์ และเราจะช่วยพวกเขาให้รอดปลอดภัย แต่มิใช่ด้วยคันธนู ดาบหรือสงคราม หรือด้วยม้าและทหารม้า แต่โดยพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา”
8 เมื่อนางหย่านมโลรุหะมาห์แล้ว นางก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย 9 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “จงตั้งชื่อเขาว่า โลอัมมี[w] เพราะเจ้าไม่ใช่ชนชาติของเรา และเราไม่ใช่พระเจ้าของพวกเจ้า
10 ถึงกระนั้นจำนวนลูกหลานของอิสราเอลจะมากมายเปรียบได้กับเม็ดทรายบนชายฝั่งทะเล ซึ่งนับไม่ถ้วน และในสถานที่ซึ่งพวกเขาถูกกล่าวถึงว่า ‘เจ้าไม่ใช่ชนชาติของเรา’ พวกเขาจะได้รับเรียกว่า ‘บรรดาบุตรของพระเจ้าผู้ดำรงอยู่’[x] 11 บรรดาบุตรของยูดาห์และบรรดาบุตรของอิสราเอลจะถูกรวบรวมเข้าด้วยกัน และพวกเขาจะแต่งตั้งผู้นำคนหนึ่ง พวกเขาทุกคนจะขึ้นไปจากแผ่นดิน เพราะวันของยิสเรเอลจะเป็นวันที่ยิ่งใหญ่
อิสราเอลถูกลงโทษเพราะความไม่ภักดี
2 จงพูดกับบรรดาพี่น้องผู้ชายดังนี้ว่า ‘พวกท่านเป็นชนชาติของเรา’ และพูดกับบรรดาพี่น้องผู้หญิงว่า ‘พวกท่านได้รับความเมตตา’
2 จงห้ามแม่ของพวกเจ้า จงห้ามนาง
เพราะนางไม่ใช่ภรรยาของเรา
และเราไม่ใช่สามีของนาง
ให้นางกำจัดสีหน้าซึ่งเป็นเยี่ยงหญิงแพศยา
และกำจัดความไม่ซื่อจากหว่างอกของนางไป
3 มิฉะนั้น เราจะเปลื้องนางให้เปลือยเปล่า
และทำให้นางเหลือตัวเปล่าอย่างวันที่นางเกิดมา
และทำให้นางเป็นอย่างถิ่นทุรกันดาร
และทำให้นางเป็นอย่างแผ่นดินอันแห้งระแหง
และปล่อยให้นางกระหายน้ำจนสิ้นชีวิต
4 เราจะไม่มีเมตตาต่อลูกๆ ของนาง
เพราะพวกเขาเป็นลูกๆ ของความแพศยา
5 เพราะแม่ของพวกเขาแพศยา
นางมีครรภ์อันเกิดจากการกระทำอันน่าอับอาย
เพราะนางพูดดังนี้ว่า ‘ฉันจะไล่ตามบรรดาคนรักของฉัน
ซึ่งให้อาหารและน้ำดื่มแก่ฉัน
ให้ผ้าขนสัตว์และผ้าป่าน
ให้น้ำมันและเครื่องดื่มแก่ฉัน’
6 ฉะนั้น เราจะขวางกั้นทางของนางด้วยขวากหนาม
และเราจะก่อกำแพงปิดกั้นนาง
เพื่อนางจะหาทางไม่พบ
7 นางจะวิ่งตามบรรดาคนรักของนางไป
แต่จะจับพวกเขาไม่อยู่
และนางจะตามหาพวกเขา
แต่จะหาไม่พบ
ครั้นแล้ว นางจะพูดว่า
‘ฉันจะกลับไปหาสามีคนแรกของฉัน
เพราะตอนนั้นฉันสบายยิ่งกว่าเวลานี้’
8 แต่นางไม่รู้เลยว่า เราเป็นผู้ที่ให้
ธัญพืช เหล้าองุ่น และน้ำมันแก่นาง
และเราเป็นผู้ที่ให้เงินและทองแก่นางอย่างเหลือล้น
ซึ่งพวกเขาเอาไปใช้สักการะเทวรูปบาอัล[y]
9 ฉะนั้น เราจะเอาธัญพืชกลับคืน
เมื่อได้เวลาของมัน
และเหล้าองุ่นตามฤดูกาลของมัน
และเราจะเอาขนสัตว์และผ้าป่านของเรา
ซึ่งใช้ปกปิดกายที่เปลือยเปล่าของนางคืนมา
10 บัดนี้ เราจะเปิดเผยความมักมากในกามของนาง
ต่อหน้าบรรดาคนรักของนาง
และจะไม่มีใครที่จะช่วยนางให้รอดไปจากมือของเรา
11 และเราจะยุติการเฉลิมฉลองของนางทั้งสิ้น
งานฉลองเทศกาล วันข้างขึ้น วันสะบาโต
และเทศกาลที่กำหนดไว้ทั้งสิ้น
12 และเราจะทำลายเถาองุ่นและต้นมะเดื่อของนางจนหมดสิ้น
อันเป็นสิ่งที่นางพูดว่า
‘สิ่งเหล่านี้เป็นค่าแรง
ซึ่งบรรดาคนรักของฉันได้ให้แก่ฉัน’
เราจะทำให้ที่เหล่านั้นเป็นป่า
และสัตว์ในไร่นาจะขย้ำกิน
13 และเราจะลงโทษนางในวันที่นาง
จุดเครื่องหอมให้แก่บาอัล
เวลาที่นางประดับตัวด้วยแหวนและเพชรพลอย
และไล่ตามบรรดาคนรักของนางไป แล้วก็ลืมเรา”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
พระผู้เป็นเจ้ามีเมตตาต่ออิสราเอล
14 “ฉะนั้น ดูเถิด เราจะชวนนาง
และนำนางเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร
และพูดกับนางอย่างนุ่มนวล
15 และเราจะมอบสวนองุ่นของนางคืนให้แก่นางที่นั่น
และจะทำให้หุบเขาอาโคร์[z]เป็นประตูแห่งความหวัง
และนางจะตอบรับเหมือนกับเวลาที่นางอยู่ในวัยรุ่น
เหมือนกับเวลาที่นางออกจากแผ่นดินอียิปต์”
16 และพระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “ในเวลานั้น เจ้าจะเรียกเราว่า ‘สามีของฉัน’ และเจ้าจะไม่เรียกเราว่า ‘บาอัลของฉัน’ อีกต่อไป 17 เพราะเราจะกำจัดชื่อของบาอัลไปจากปากของนาง และชื่อบาอัลจะไม่เป็นที่ระลึกถึงอีกต่อไป 18 ในวันนั้น เราจะทำพันธสัญญากับบรรดาสัตว์ในไร่นา นกในอากาศ และสิ่งที่เลื้อยคลานบนพื้นดิน และเราจะยกเลิกใช้คันธนู ดาบ และสงครามในแผ่นดินเพื่อพวกเขา และเราจะให้พวกเขาได้นอนลงอย่างปลอดภัย 19 และเราจะหมั้นเจ้าไว้กับเราชั่วนิรันดร์กาล เราจะให้หมั้นเจ้าไว้กับเราในความชอบธรรมและความเป็นธรรม ในความรักอันมั่นคงและความเมตตา 20 เราจะหมั้นเจ้าไว้กับเราในความภักดี และเจ้าจะยอมรับรู้พระผู้เป็นเจ้า”
21 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
“เราจะตอบรับ
และในวันนั้นเราจะตอบรับฟ้าสวรรค์
และฟ้าสวรรค์จะตอบรับแผ่นดินโลก
22 และแผ่นดินโลกจะตอบรับธัญพืช
เหล้าองุ่น และน้ำมัน
และสิ่งเหล่านั้นจะตอบรับยิสเรเอล
23 และเราจะหว่านนางสำหรับเราเองในแผ่นดิน
และเราจะมีเมตตาต่อผู้ที่ไม่มีความเมตตา[aa]
และเราจะพูดกับผู้ที่ไม่ใช่ชนชาติของเราว่า ‘เจ้าเป็นชนชาติของเรา’[ab]
และเขาจะพูดว่า ‘พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า’”
โฮเชยาได้รับภรรยากลับคืน
3 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “จงไปแสดงความรักต่อภรรยาของเจ้าอีก แม้จะมีชายอื่นที่รักนางอยู่แล้ว และนางผิดประเวณี จงรักนางอย่างที่พระผู้เป็นเจ้ารักพงศ์พันธุ์อิสราเอล แม้ว่าพวกเขาหันไปเชื่อบรรดาเทพเจ้าและติดใจขนมลูกเกด”[ac] 2 ข้าพเจ้าจึงได้ซื้อตัวนางเป็นค่าของเงินหนัก 15 เชเขล และข้าวบาร์เลย์ 1 โฮเมอร์ และ 1 เลเทค[ad] 3 และข้าพเจ้าพูดกับนางดังนี้ว่า “เจ้าจะต้องอยู่กับเราหลายวัน เจ้าจะไม่ทำตัวเป็นหญิงแพศยาหรือเป็นของชายอื่น และเราจะทำอย่างนั้นต่อเจ้าด้วย” 4 เพราะพงศ์พันธุ์อิสราเอลจะใช้ชีวิตโดยปราศจากกษัตริย์หรือผู้นำเป็นเวลานาน ปราศจากเครื่องสักการะหรือเสาหิน ปราศจากชุดคลุมของปุโรหิตหรือรูปเคารพ 5 หลังจากนั้น พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะกลับมาและแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา และดาวิดกษัตริย์ของพวกเขา[ae] และพวกเขาจะตัวสั่นเทาเมื่อมาหาพระผู้เป็นเจ้า และมารับพระพรจากพระองค์ในช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้าย
พระผู้เป็นเจ้ากล่าวโทษอิสราเอล
4 โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย
จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระผู้เป็นเจ้ามีคำกล่าวโทษ
ต่อบรรดาผู้อยู่อาศัยของแผ่นดิน
“เพราะไม่มีความสัตย์จริงหรือความรักอันมั่นคง
และไม่มีความรู้เรื่องพระเจ้าในแผ่นดิน
2 มีการสาปแช่ง พูดเท็จ ฆ่า
ลักขโมย และผิดประเวณี
พวกเขาฝ่าฝืนทุกกรณี
และมีการนองเลือดอย่างไม่หยุดหย่อน[af]
3 เพราะเหตุนี้ แผ่นดินจึงร้องคร่ำครวญ
และทุกคนที่อยู่อาศัยในแผ่นดินก็เศร้าสลด
นอกจากนั้นบรรดาสัตว์ในไร่นา
นกในอากาศ
และแม้แต่ปลาในทะเลก็ยังถูกพรากไป
4 ถึงกระนั้น ก็อย่าให้ผู้ใดฟ้องร้อง
และอย่าให้ผู้ใดกล่าวหา
โอ ปุโรหิตเอ๋ย เพราะเรามีเรื่อง
ที่จะฟ้องร้องเจ้า
5 เจ้าจะสะดุดทั้งวันและคืน
และผู้เผยคำกล่าวก็จะสะดุดไปกับเจ้าด้วย
และเราจะกำจัดแม่ของเจ้า
6 ชนชาติของเราถูกทำลายล้าง
เพราะขาดความรู้
เพราะเจ้าได้ปฏิเสธความรู้
เราจึงปฏิเสธที่จะให้เจ้าเป็นปุโรหิตของเรา
และในเมื่อเจ้าได้ละเลยกฎบัญญัติของพระเจ้าของเจ้า
เราจะละเลยพงศ์พันธุ์ของเจ้าเช่นกัน
7 ยิ่งบรรดาปุโรหิตเพิ่มจำนวนมากขึ้น
พวกเขายิ่งกระทำบาปต่อเรา
เราจะเปลี่ยนเกียรติของพวกเขาให้กลายเป็นความอับอาย
8 พวกเขามีกินก็เพราะเครื่องสักการะลบล้างบาปของชนชาติของเรา
และต้องการให้ประชาชนกระทำบาป
9 ฉะนั้น สิ่งที่จะเกิดแก่ประชาชน ก็จะเกิดแก่ปุโรหิตคือ
เราจะลงโทษทั้งสองพวกตามวิถีทางของเขา
และจะสนองตอบการกระทำของเขา
10 พวกเขาจะรับประทาน แต่จะไม่อิ่ม
พวกเขาจะทำตัวเป็นหญิงแพศยา แต่จะไม่เพิ่มจำนวนคนขึ้น
เพราะพวกเขาไม่เอาใจใส่ต่อพระผู้เป็นเจ้า
11 และจำนนให้กับความแพศยา เหล้าองุ่นใหม่และเก่า
ซึ่งปล้นความเข้าใจไปจากชนชาติของเรา
12 ชนชาติของเราปรึกษากับท่อนไม้
และพวกเขาใช้ไม้เท้าเพื่อหาคำตอบ
เพราะวิญญาณของความแพศยาได้นำพวกเขาให้หลงผิด
พวกเขาจึงได้ละไปจากพระเจ้าของพวกเขา และกระทำตนเป็นแพศยา
13 พวกเขามอบเครื่องสักการะบนยอดเขา
และเผาของถวายบนเนินเขา
ที่ใต้ต้นโอ๊ก ต้นพ๊อพลาร์ และต้นเทเรบินธ์
เพราะต้นไม้เหล่านั้นเป็นที่ร่มรื่น
บรรดาลูกสาวของพวกเจ้าจึงได้กระทำตนเป็นแพศยา
และบรรดาเจ้าสาวของพวกเจ้าประพฤติผิดประเวณี
14 เราจะไม่ลงโทษบรรดาลูกสาวของพวกเจ้า
เมื่อพวกเขากระทำตนเป็นแพศยา
และไม่ลงโทษบรรดาเจ้าสาวของพวกเจ้า
เมื่อพวกเขาประพฤติผิดประเวณี
เพราะบรรดาผู้ชายเองยังไปกับบรรดาหญิงแพศยา
และมอบเครื่องสักการะร่วมกับหญิงแพศยาประจำวิหาร
และคนที่ขาดความหยั่งรู้ก็จะพินาศ
15 โอ อิสราเอลเอ๋ย แม้ว่าเจ้ากระทำตนเป็นแพศยา
ก็อย่าปล่อยให้ยูดาห์มีความผิด
อย่าเข้าไปในกิลกาล
หรือขึ้นไปยังเบธอาเวน
และอย่าสาบานดังนี้ว่า
‘ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด’
16 อิสราเอลหัวรั้นเหมือนลูกโคตัวเมีย
ฉะนั้นแล้ว พระผู้เป็นเจ้ายังจะให้พวกเขาเล็มหญ้า
อยู่ในทุ่งหญ้าเหมือนลูกแกะได้อย่างไร
17 เอฟราอิมมีความสัมพันธ์กับรูปเคารพ
ก็ช่างเขา
18 แม้เวลาเครื่องดื่มของพวกเขาจะหมดแล้ว
พวกเขาก็ยังจะกระทำตนเป็นแพศยาต่อไป
บรรดาผู้นำของพวกเขารักวิถีทางที่น่าอับอาย
19 ลมพายุจะหอบอุ้มพวกเขาไว้ใต้ปีกของมัน
และพวกเขาจะอับอายเพราะแท่นบูชาของพวกเขา
การลงโทษอิสราเอลและยูดาห์
5 บรรดาปุโรหิตเอ๋ย จงฟังเถิด
พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงเอาใจใส่ให้ดี
พงศ์พันธุ์ของกษัตริย์เอ๋ย จงเงี่ยหูฟัง
เพราะการลงโทษตกอยู่กับพวกเจ้า
เพราะพวกเจ้าเป็นกับดักที่มิสปาห์
และเป็นตาข่ายพรางบนภูเขาทาโบร์
2 พวกที่ไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองได้เข่นฆ่าอย่างโหดร้าย
แต่เราจะกำราบพวกเขาทุกคน
3 เรารู้เรื่องของเอฟราอิมดี
และอิสราเอลหลบซ่อนจากเราไม่ได้
เอฟราอิมเอ๋ย บัดนี้เจ้าได้กระทำตนเป็นแพศยา
อิสราเอลก็มีมลทิน
4 การกระทำของพวกเขาไม่ยอมให้
พวกเขากลับไปหาพระเจ้าของตน
เพราะวิญญาณของความแพศยาอยู่ในตัวพวกเขา
และพวกเขาไม่รู้จักพระผู้เป็นเจ้า
5 ความภูมิใจของอิสราเอลเป็นพยานฟ้องต่อหน้าเขา
อิสราเอลและเอฟราอิมจะสะดุดในความผิดของเขา
ยูดาห์จะสะดุดไปด้วยกันกับพวกเขา
6 พวกเขาจะไปกับฝูงแพะแกะและโค
เพื่อแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า
แต่พวกเขาจะไม่พบพระองค์
พระองค์ได้ไปจากพวกเขาแล้ว
7 พวกเขาไม่ภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า
เพราะได้มีลูกที่เกิดจากการผิดประเวณี
บัดนี้เทศกาลข้างขึ้นจะเขมือบกินพวกเขาไปพร้อมกับไร่นา
8 จงเป่าแตรงอนในกิเบอาห์
เป่าแตรยาวในรามาห์
ตะโกนก้องสนามรบที่เบธอาเวน
เบนยามินเอ๋ย พวกเราตามหลังเจ้าไป
9 เอฟราอิมจะกลายเป็นที่รกร้าง
ในวันแห่งการลงโทษ
เราประกาศให้รู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอน
ในบรรดาเผ่าของอิสราเอล
10 บรรดาผู้นำของยูดาห์ได้
กลายเป็นเหมือนบรรดาผู้ที่เขยื้อนหลักเขต
เราจะกระหน่ำการลงโทษของเรา
ลงบนพวกเขาอย่างน้ำหลาก
11 เอฟราอิมถูกกดขี่ข่มเหง
ถูกขยี้ในการลงโทษ
เพราะเขาปักใจจะไล่ตามความโสโครก
12 แต่เราจะเป็นเหมือนแมลงเม่าต่อเอฟราอิม
และเป็นเหมือนความผุพังต่อพงศ์พันธุ์ยูดาห์
13 เมื่อเอฟราอิมเห็นความเจ็บป่วยของเขา
และยูดาห์เห็นบาดแผลของเขา
แล้วเอฟราอิมหันไปหาอัสซีเรีย
และขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์ยาเรบ[ag]
แต่เขาไม่สามารถรักษาพวกเจ้า
หรือทำให้บาดแผลของพวกเจ้าหายขาดได้
14 เพราะเราจะเป็นเหมือนสิงห์ต่อเอฟราอิม
และเป็นดั่งสิงห์หนุ่มต่อพงศ์พันธุ์ยูดาห์
แม้แต่เราเองก็จะฉีกพวกเขาออกเป็นชิ้นๆ แล้วจึงจากไป
เราจะคาบพวกเขาไป และจะไม่มีใครมาช่วยให้รอดปลอดภัย
15 เราจะกลับไปยังที่ของเรา
จนกว่าพวกเขาจะยอมรับความผิดของตน
และจะแสวงหาเรา
เมื่อพวกเขาเป็นทุกข์
พวกเขาจะแสวงหาเราอย่างจริงใจ”
อิสราเอลและยูดาห์ไม่กลับใจ
6 “มาเถิด พวกเราหันกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้ากันเถิด
พระองค์ได้ฉีกพวกเราออกเป็นชิ้นๆ
แต่พระองค์จะรักษาพวกเราให้หาย
พระองค์ทำให้พวกเราบาดเจ็บ
แต่พระองค์จะพันบาดแผลให้
2 อีกสองวันพระองค์จะให้ชีวิตแก่พวกเรา
ในวันที่สามพระองค์จะทำให้พวกเราฟื้นขึ้นอีก
เพื่อพวกเราจะมีชีวิตอยู่ ณ เบื้องหน้าพระองค์
3 พวกเรายอมรับเถิด พวกเรามุมานะที่จะยอมรับพระผู้เป็นเจ้าต่อไปเถิด
พระองค์จะปรากฏอย่างแน่นอนดั่งอรุณรุ่ง
พระองค์จะมาหาพวกเราเหมือนสายฝนหลั่ง
เหมือนฝนในฤดูใบไม้ผลิที่โปรยปรายลงสู่พื้นดิน”
4 “โอ เอฟราอิมเอ๋ย เราจะทำอย่างไรกับเจ้า
โอ ยูดาห์เอ๋ย เราจะทำอย่างไรกับเจ้า
ความรักของเจ้าเป็นเหมือนละอองน้ำในยามเช้า
เป็นเหมือนน้ำค้างยามเช้าตรู่ที่จางหายไป
5 ฉะนั้น เราได้สกัดพวกเขาด้วยบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า
เราได้สังหารพวกเขาด้วยคำพูดจากปากของเรา
และการตัดสินโทษของเราจะมาเหมือนสายฟ้าแลบ
6 เพราะเราต้องการความรักอันมั่นคง[ah] มากกว่าเครื่องสักการะ
และการรู้จักพระเจ้า มากกว่าสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย
7 พวกเขาได้ละเมิดพันธสัญญาเช่นเดียวกับอาดัม
พวกเขาไม่ภักดีต่อเรา
8 กิเลอาดเป็นเมืองของบรรดาคนทำความชั่ว
มีรอยเท้าที่เปื้อนเลือด
9 นั่งดักซุ่มรอคนราวกับโจร
กลุ่มปุโรหิตก็กระทำเช่นเดียวกัน
พวกเขาฆ่าคนตามทางที่ไปยังเชเคม
กระทำการฆาตกรรมที่น่าอับอาย
10 เราเห็นสิ่งที่น่ากลัวในพงศ์พันธุ์อิสราเอล
ความแพศยาของเอฟราอิมก็อยู่ที่นั่น
อิสราเอลมีมลทิน
11 โอ ยูดาห์เอ๋ย เวลาเก็บเกี่ยวถูกกำหนดสำหรับเจ้าแล้ว
เมื่อเราทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของชนชาติของเราคืนสู่สภาพเดิม
7 เมื่อเราจะรักษาอิสราเอลให้หาย
บาปต่างๆ ของเอฟราอิมก็ถูกเปิดโปง
และความชั่วที่สะมาเรียกระทำก็ถูกเปิดเผย
เพราะพวกเขาปฏิบัติด้วยความหลอกลวง
พวกขโมยบุกเข้าบ้าน
พวกโจรปล้นอยู่นอกบ้าน
2 แต่พวกเขาไม่คิดว่า
เราจำความชั่วร้ายของพวกเขาได้หมด
บัดนี้การกระทำของพวกเขามัดตัวไว้
และอยู่ที่เบื้องหน้าเรา
3 พวกเขาทำให้กษัตริย์ยินดีกับความชั่วร้ายของพวกเขา
และให้บรรดาผู้นำยินดีกับความมดเท็จของพวกเขา
4 พวกเขาทุกคนผิดประเวณี
ร้อนระอุเหมือนเตาอบ
ที่คนอบขนมไม่จำเป็นต้องเกลี่ยไฟให้คุยิ่งขึ้น
นับจากเวลานวดแป้ง
จนถึงเวลาแป้งฟู
5 ในวันของกษัตริย์ของพวกเรา
บรรดาผู้นำกลายเป็นเพลิงลุกขึ้นก็เพราะเหล้าองุ่น
และเขามีสัมพันธไมตรีกับคนช่างเย้ยหยัน
6 เพราะใจของพวกเขาเป็นเหมือนเตาอบ
พวกเขาเข้าหาเจ้าด้วยเล่ห์อุบาย
ความโกรธของพวกเขาคุขึ้นตลอดคืน
พอรุ่งเช้าความโกรธก็ลุกโพลงอย่างเปลวไฟ
7 พวกเขาทุกคนร้อนระอุเหมือนเตาอบ
พวกเขากำจัดบรรดาผู้ปกครองของตนเอง
บรรดากษัตริย์ทั้งปวงล่มสลาย
และไม่มีสักคนในพวกเขาร้องเรียกถึงเรา
8 เอฟราอิมร่วมคลุกคลีกับชนชาติต่างๆ
เอฟราอิมเป็นขนมที่สุกเพียงด้านเดียว
9 บรรดาคนต่างชาติสูบกำลังของเขาไป
แต่เขาไม่รู้ตัว
ผมของเขาหงอกประปราย
แต่เขาไม่ได้สังเกตดู
10 ความภูมิใจของอิสราเอลเป็นพยานฟ้องต่อหน้าเขา
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม พวกเขายังไม่หันกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา
และไม่แสวงหาพระองค์
11 เอฟราอิมเป็นเหมือนนกพิราบ
หลอกง่ายและเบาปัญญา
ร้องเรียกถึงอียิปต์ ไปหาอัสซีเรีย
12 ขณะที่พวกเขาไป เราจะเหวี่ยงตาข่ายของเรา
เราจะดึงพวกเขาให้ลงมาอย่างพวกนกในอากาศ
เวลาเราได้ยินเสียงพวกเขารวมตัวกันเป็นฝูง
เราก็จะจับพวกเขาไว้
13 วิบัติจงเกิดแก่พวกเขา
เพราะได้เร่ร่อนไปจากเรา
ความพินาศจงเกิดแก่พวกเขา
ที่ได้ดื้อดึงต่อเรา
เราใคร่ที่จะไถ่พวกเขา
แต่พวกเขาพูดเท็จต่อว่าเรา
14 พวกเขาไม่ได้ส่งเสียงร้องถึงเราจากใจ
แต่พวกเขาร้องฟูมฟายอยู่ที่เตียง
พวกเขาเชือดเนื้อตัวเองเวลาขอข้าวและเหล้าองุ่นใหม่
แต่แล้วพวกเขาก็หันเหไปจากเรา
15 เราได้ฝึกฝนและช่วยพวกเขาให้เข้มแข็ง
แต่พวกเขายังวางแผนชั่วต่อต้านเรา
16 พวกเขาไม่หันขึ้นสู่เบื้องบน
พวกเขาเป็นเหมือนคันธนูคด
บรรดาผู้นำของพวกเขาจะถูกดาบฟาดฟันจนตาย
ก็เพราะลิ้นของพวกเขาพูดสบประมาท
เพราะเหตุนี้ พวกเขาจะถูกดูหมิ่น
ในแผ่นดินของอียิปต์
อิสราเอลจะเก็บเกี่ยวลมพายุ
8 จงแตะริมฝีปากด้วยแตรงอน
ดูเหมือนนกอินทรีตัวหนึ่งอยู่ที่พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
เพราะพวกเขาได้ละเมิดพันธสัญญาของเรา
และฝ่าฝืนกฎบัญญัติของเรา
2 พวกเขาส่งเสียงร้องดังนี้ว่า
‘พระเจ้าของข้าพเจ้า พวกเราชาวอิสราเอลรู้จักพระองค์’
3 แต่อิสราเอลได้ปฏิเสธสิ่งที่ดี
ศัตรูจะไล่ล่าเขา
4 พวกเขาแต่งตั้งบรรดากษัตริย์โดยไม่ได้ปรึกษาเรา
พวกเขาเลือกบรรดาผู้นำโดยไม่ขอความเห็นจากเรา
พวกเขาหล่อรูปเคารพด้วยเงินและทองคำ
ซึ่งก่อความพินาศให้แก่ตนเอง
5 โอ สะมาเรียเอ๋ย จงโยนรูปปั้นลูกโคทิ้งเสีย
ความกริ้วของเราพลุ่งขึ้นต่อพวกเขา
พวกเขาจะคงความไม่บริสุทธิ์ไปอีกนานเพียงไร
6 ด้วยว่า รูปปั้นนั้นมาจากอิสราเอล
ช่างฝีมือทำมันขึ้นมา
มันไม่ใช่พระเจ้า
รูปปั้นลูกโคของสะมาเรีย
จะแตกหักเป็นชิ้นๆ
7 ด้วยว่า พวกเขาหว่านลม
และพวกเขาจะเก็บเกี่ยวลมพายุ
ธัญพืชที่ยืนตั้งขึ้นไม่มีเมล็ด
มันจะไม่ผลิตแป้งสาลี
แต่ถ้าหากว่ามันมีเมล็ดได้
บรรดาคนต่างชาติก็จะกลืนกินมันเสีย
8 อิสราเอลถูกกลืน
พวกเขาอยู่ท่ามกลางบรรดาประชาชาติแล้ว
เหมือนกับภาชนะที่ไร้ประโยชน์
9 เพราะพวกเขาได้ขึ้นไปยังอัสซีเรีย
ลาป่าตัวหนึ่งเร่ร่อนไปตามลำพัง
เอฟราอิมได้ขายตัวให้กับคนรักทั้งหลาย
10 ถึงแม้ว่าพวกเขาได้ขายตัวให้กับบรรดาประชาชาติ
เราจะรวบรวมพวกเขาเข้าด้วยกันในไม่ช้า
พวกเขาจะเริ่มเศร้าสลด
ภายใต้การกดขี่ข่มเหงของกษัตริย์ผู้มีอานุภาพ
11 เพราะเอฟราอิมสร้างแท่นบูชามากมายเพื่อมอบเครื่องสักการะลบล้างบาป
แต่แล้วมันก็กลับกลายเป็นแท่นบูชาสำหรับการกระทำบาป
12 มีหลายสิ่งที่เราเขียนในกฎบัญญัติของเราเพื่อพวกเขา
แต่พวกเขานับว่าเป็นสิ่งแปลกประหลาด
13 ส่วนเครื่องสักการะอันเป็นของถวายของเรา
พวกเขาถวายเนื้อสัตว์แล้วก็กินเสียเอง
แต่พระผู้เป็นเจ้าไม่พอใจพวกเขา
ฉะนั้นพระองค์จะจดจำความชั่ว
และจะลงโทษบาปของพวกเขา
พวกเขาจะกลับไปยังอียิปต์
14 ด้วยว่า อิสราเอลได้ลืมผู้สร้างของเขา
และสร้างวังทั้งหลาย
ยูดาห์ได้สร้างเมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น เราจะจุดไฟเผาตามเมืองต่างๆ ของพวกเขา
และไฟจะเผาไหม้ป้อมปราการของเมืองเสีย”
พระผู้เป็นเจ้าจะลงโทษอิสราเอล
9 โอ อิสราเอลเอ๋ย อย่ายินดีเลย
อย่าโห่ร้องอย่างบรรดาชนชาติต่างๆ
เพราะท่านได้ทำตนเป็นแพศยาด้วยการทอดทิ้งพระเจ้าของท่าน
ท่านรักค่าแรงหญิงแพศยา
ที่ลานนวดข้าวทุกแห่ง
2 ลานนวดข้าวและเครื่องสกัดเหล้าองุ่นจะเลี้ยงดูประชาชนไม่ได้
และเหล้าองุ่นใหม่จะช่วยพวกเขาไม่ได้
3 พวกเขาไม่อาจจะคงอยู่ในแผ่นดินของพระผู้เป็นเจ้า
แต่เอฟราอิมจะกลับไปยังอียิปต์
และพวกเขาจะรับประทานอาหารที่มีมลทินในอัสซีเรีย
4 พวกเขาจะไม่รินเหล้าองุ่นซึ่งเป็นเครื่องดื่มบูชาให้แด่พระผู้เป็นเจ้า
และเครื่องสักการะของพวกเขาจะไม่ทำให้พระองค์พอใจ
มันจะเป็นเหมือนขนมปังของผู้ร้องคร่ำครวญ
ทุกคนที่รับประทานก็จะมีมลทิน
เพราะขนมปังของพวกเขาจะแก้ความหิวของพวกเขาได้เท่านั้น
มันจะไม่เข้ามาในพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า
5 พวกท่านจะทำอะไรในวันเทศกาลที่กำหนดไว้
และในวันฉลองของพระผู้เป็นเจ้า
6 ดูเถิด พวกเขาจะหนีไปจากความพินาศ
แต่อียิปต์จะรวบรวมพวกเขา
เมมฟิสจะบรรจุศพพวกเขา
พุ่มไม้หนามจะงอกแทรกอยู่กับเครื่องเงินที่มีค่า
หนามจะงอกอยู่ในกระโจมของพวกเขา
7 วันแห่งการลงโทษมาถึงแล้ว
วันแห่งการตอบสนองมาถึงแล้ว
อิสราเอลก็จะรู้
ผู้เผยคำกล่าวเป็นคนโง่
คนซึ่งควรดำรงในฝ่ายวิญญาณกลับวิกลจริต
เพราะบาปและความจงเกลียดจงชัง
ของท่านมากมายนัก
8 ผู้เผยคำกล่าวเป็นคนเฝ้ายาม
ของเอฟราอิมร่วมกับพระเจ้าของเรา
แต่ก็ยังมีกับดักรออยู่ทุกทางที่เขาไป
และความจงเกลียดจงชังอยู่ในพระตำหนักของพระเจ้าของเขา
9 พวกเขาได้ถลำลึกในการกระทำอันเสื่อมทราม
อย่างที่เกิดขึ้นในสมัยกิเบอาห์[ai]
พระองค์จะระลึกถึงความชั่วของพวกเขา
พระองค์จะลงโทษบาปของพวกเขา
10 “เมื่อเราพบอิสราเอล
เขาเป็นเหมือนผลองุ่นในถิ่นทุรกันดาร
เมื่อเราเห็นบรรพบุรุษของพวกเจ้า
พวกเขาเป็นเหมือนผลแรก
ของต้นมะเดื่อในฤดูแรกเริ่ม
แต่พวกเขามายังบาอัลเปโอร์[aj]
และอุทิศตนให้แก่สิ่งที่น่าอับอาย
และกลายเป็นที่น่ารังเกียจเหมือนสิ่งที่พวกเขารัก
11 บารมีของเอฟราอิมจะบินหนีไปเหมือนนกบิน
ไม่มีการให้กำเนิด ไม่มีการตั้งครรภ์ ไม่มีการปฏิสนธิ
12 ถึงแม้ว่าพวกเขาเลี้ยงดูลูกๆ
เราก็จะพรากลูกทุกคนของพวกเขาไป
วิบัติจงเกิดแก่พวกเขา
เมื่อเราไปจากพวกเขา
13 อย่างที่เราได้เห็นเอฟราอิมซึ่งเป็นเหมือนไทระ
ที่ถูกปลูกสร้างไว้ในที่น่าอยู่
แต่เอฟราอิมจะนำลูกๆ
ของพวกเขาไปยังผู้สังหาร”
14 โอ พระผู้เป็นเจ้า ให้แก่พวกเขาเถิด
พระองค์จะให้อะไรแก่พวกเขา
ให้ครรภ์ที่แท้งลูก
และอกที่ขาดน้ำนมแก่พวกเขา
15 “เพราะความชั่วทั้งปวงของพวกเขาที่กิลกาล
เราจึงเกลียดชังพวกเขาที่นั่น
เพราะการกระทำที่เป็นบาปของพวกเขา
เราจะขับไล่พวกเขาออกไปจากตำหนักของเรา
เราจะไม่รักพวกเขาอีกต่อไป
บรรดาผู้นำของพวกเขาทุกคนเป็นพวกฝ่าฝืน
16 เอฟราอิมแห้งโรยรา
รากเง่าของพวกเขาแห้งเหี่ยว
พวกเขาจะไม่ออกผล
แม้ว่าพวกเขาจะตั้งครรภ์
เราก็จะสังหารลูกๆ ที่พวกเขาทะนุถนอม”
17 พระเจ้าของข้าพเจ้าจะไม่ยอมรับพวกเขา
เพราะพวกเขาไม่ยอมฟังพระองค์
พวกเขาจะระหกระเหินอยู่ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
10 อิสราเอลเป็นเถาองุ่นงาม
ที่แผ่ออกไปและออกผล
ยิ่งเกิดผลมากขึ้นเท่าใด
อิสราเอลก็ยิ่งจะสร้างแท่นบูชามากขึ้นเท่านั้น
ในเวลาที่แผ่นดินอุดมสมบูรณ์
อิสราเอลก็ตกแต่งเสาหินของเขา
2 จิตใจของพวกเขาลวงหลอก
บัดนี้พวกเขาจะต้องรับความผิดของตน
พระผู้เป็นเจ้าจะพังทลายแท่นบูชาของพวกเขา
และจะทำลายเสาหินของพวกเขา
3 แล้วพวกเขาจะพูดดังนี้ว่า
“พวกเราไม่มีกษัตริย์
เพราะพวกเราไม่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
แต่ถึงแม้ว่า พวกเราจะมีกษัตริย์
ท่านจะทำสิ่งใดให้พวกเราได้”
4 พวกเขาเพียงแต่พูดด้วยถ้อยคำ
ทำพันธสัญญาด้วยคำสาบานลวง
ดังนั้น การตัดสินโทษปรากฏขึ้น
เหมือนวัชพืชที่เป็นพิษในไร่นา
ตามร่องที่ไถคราดไว้
5 บรรดาผู้อยู่อาศัยของสะมาเรียกลัวจนตัวสั่น
เพราะรูปเคารพลูกโคของเบธอาเวน
ประชาชนของที่แห่งนั้นร้องรำพันถึงรูปเคารพนั้น
และบรรดาปุโรหิตที่บูชารูปเคารพ
ก็จะร้องรำพันถึงความเรืองรองของมันเช่นกัน
เพราะมันได้ไปจากพวกเขาแล้ว
6 สิ่งนั้นจะถูกแบกไปยังอัสซีเรีย
เป็นเช่นของกำนัลแก่กษัตริย์ยาเรบ[ak]
เอฟราอิมจะรับความอัปยศ
และอิสราเอลจะละอายในรูปเคารพของเขา
7 กษัตริย์แห่งสะมาเรียจะเป็นอย่างกิ่งไม้
ลอยไปบนผิวน้ำ
8 สถานบูชาบนภูเขาสูงของอาเวน[al]
ซึ่งเป็นบาปของอิสราเอลจะถูกทำให้พินาศ
พุ่มไม้หนามและพืชพันธุ์ไม้มีหนาม
จะงอกโตที่แท่นบูชาของพวกเขา
และพวกเขาจะพูดกับภูเขาดังนี้ว่า “กลบตัวเราเถิด”
และพูดกับเนินเขาว่า “กลิ้งลงมาทับเราเถิด”
9 “โอ อิสราเอลเอ๋ย เจ้าได้ทำบาปตั้งแต่สมัยกิเบอาห์[am]
และพวกเขาก็ยังยืนหยัดต่อไป
สงครามไม่ได้กำจัดคนชั่ว
ในกิเบอาห์หรอกหรือ
10 เราจะลงโทษพวกเขาตามที่เราต้องการ
บรรดาชนชาติจะถูกรวบรวมไปต่อสู้กับพวกเขา
เมื่อพวกเขาถูกมัดเพราะบาป 2 ประการของพวกเขา
11 เอฟราอิมเป็นลูกโคตัวเมียที่ได้รับการฝึกแล้ว
นางชอบนวดข้าว
และเราจะวางแอก
บนคออันงามของนาง
เราจะให้เอฟราอิมแบกแอกไป
ยูดาห์จะต้องไถร่อง
ยาโคบจะต้องไถคราดด้วยตนเอง
12 จงหว่านความชอบธรรมให้แก่พวกเจ้าเอง
เก็บเกี่ยวผลแห่งความรักอันมั่นคง
จงพรวนที่ดินของเจ้าที่ยังไม่ได้ไถ
เพราะถึงเวลาที่จะแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า
เพื่อพระองค์จะมา
และหลั่งความชอบธรรมลงบนพวกเจ้า
13 พวกเจ้าปลูกความชั่ว
พวกเจ้าเก็บเกี่ยวความไม่ยุติธรรม
พวกเจ้ารับประทานผลแห่งความลวงหลอก
เพราะพวกเจ้าวางใจในวิถีทางของตนเอง
และในนักรบจำนวนมากของเจ้า
14 ฉะนั้น เสียงชุลมุนของสงครามจะดังขึ้นในหมู่ประชาชนของเจ้า
และป้อมปราการของเจ้าทุกแห่งจะถูกพังทลาย
อย่างที่ชัลมันได้พังเบธอาร์เบลในวันสงคราม
แม่ทั้งหลายกับลูกๆ ของพวกนางถูกทำร้ายอย่างเหี้ยมโหด
15 โอ เบธเอลเอ๋ย พวกเจ้าจะถูกกระทำเหมือนอย่างนั้น
เพราะความชั่วร้ายของเจ้ามากมายเหลือเกิน
เมื่ออรุณรุ่ง กษัตริย์แห่งอิสราเอล
ก็จะถูกกำจัดโดยสิ้นเชิง
ความรักของพระผู้เป็นเจ้ามีต่ออิสราเอล
11 เมื่ออิสราเอลยังเป็นเด็ก เรารักเขามาก
และเราเรียกบุตรของเราออกมาจากประเทศอียิปต์[an]
2 ยิ่งเขาถูกเรียกให้มา
พวกเขายิ่งหนีห่างออกไป
พวกเขามอบเครื่องสักการะให้แก่บาอัล
และเผาเครื่องบูชาให้แก่รูปเคารพทั้งหลาย
3 แต่ก็เป็นเรานั่นแหละที่สั่งสอนเอฟราอิมให้เดิน
เราจูงมือจูงแขนของพวกเขา
แต่พวกเขาไม่ตระหนักใจเลยว่า
เราได้รักษาพวกเขาให้หายขาด
4 เรานำพวกเขาไปด้วยสายใยของความเป็นมนุษย์
ด้วยความผูกพันแห่งความรัก
และเราคลายแอกจากคอของพวกเขา
และเราก้มลงให้อาหารแก่พวกเขา
5 พวกเขาจะไม่กลับไปยังแผ่นดินอียิปต์
แต่อัสซีเรียจะเป็นกษัตริย์ของพวกเขา
เพราะพวกเขาปฏิเสธที่จะกลับมาหาเรา
6 ดาบจะห้ำหั่นเมืองต่างๆ
และจะพังดาลประตูของพวกเขา
และทำให้แผนการของพวกเขาพินาศ
7 ชนชาติของเราได้ตัดสินใจหันเหไปจากเรา
และถ้าแม้ว่าพวกเขาจะร้องเรียกถึงองค์ผู้สูงสุด
พระองค์ก็จะไม่ช่วยพวกเขาให้ลุกขึ้นมาได้อีก
8 โอ เอฟราอิมเอ๋ย เราจะไม่แยแสเจ้าได้อย่างไร
โอ อิสราเอลเอ๋ย เราจะยกเจ้าให้ผู้อื่นได้อย่างไร
เราจะทำให้เจ้าเป็นอย่างอัดมาห์ได้อย่างไร
เราจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างเศโบยิมได้อย่างไร[ao]
ส่วนลึกในใจของเราเปลี่ยนไป
พร้อมกับความเมตตาของเราที่ถูกกระตุ้นขึ้น
9 เราจะไม่ปฏิบัติตามความกริ้วของเราที่คุขึ้น
เราจะไม่ทำลายเอฟราอิมอีก
เพราะเราเป็นพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์
เราเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ท่ามกลางเจ้า
และเราจะไม่มาพร้อมกับการลงโทษ[ap]
10 พวกเขาจะตามพระผู้เป็นเจ้าไป
พระองค์จะคำรามเหมือนสิงห์
เมื่อพระองค์คำราม
บรรดาลูกๆ ของพระองค์จะมาด้วยตัวสั่นเทาจากทิศตะวันตก
11 พวกเขาจะมาด้วยตัวสั่นเทาเหมือนนกจากอียิปต์
และเหมือนนกพิราบจากแผ่นดินของอัสซีเรีย
และเราจะให้พวกเขากลับไปยังบ้านของพวกเขา”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
12 เอฟราอิมเต็มด้วยความเท็จ
และพงศ์พันธุ์อิสราเอลมีแต่ความหลอกลวง
ยูดาห์ไม่ดำเนินในทางของพระเจ้า
และไม่ภักดีต่อองค์ผู้บริสุทธิ์
12 เอฟราอิมไขว่คว้าลม
เขาตามล่าลมทะเลทรายตลอดวัน
พวกเขาทวีความเท็จและความรุนแรง
พวกเขาทำพันธสัญญากับอัสซีเรีย
และส่งน้ำมันมะกอกไปให้อียิปต์
พระผู้เป็นเจ้ามีข้อกล่าวหาอิสราเอลและยูดาห์
2 พระผู้เป็นเจ้ามีข้อกล่าวหายูดาห์
พระองค์จะลงโทษยาโคบตามวิถีทางของเขา
พระองค์จะสนองตอบเขาตามการกระทำของเขา
3 เขาบีบส้นเท้าพี่ชายของเขาขณะยังอยู่ในครรภ์
และได้สู้กับพระเจ้าเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่[aq]
4 เขาสู้กับทูตสวรรค์และได้ชัยชนะ
เขาร้องไห้และอ้อนวอนท่าน
เขาพบกับพระเจ้าที่เบธเอล
และพระเจ้ากล่าวกับพวกเราที่นั่น
5 พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธา
พระผู้เป็นเจ้าคือพระนามอันเลื่องลือของพระองค์
6 “แต่เจ้าต้องกลับไปหาพระเจ้าของเจ้า
จงคงไว้ซึ่งความรักอันมั่นคงและความเป็นธรรม
และรอพระเจ้าของเจ้าเสมอ”
7 พ่อค้าใช้ตาชั่งไม่เที่ยงตรง
เขาชอบกดขี่ข่มเหง
8 เอฟราอิมได้พูดว่า “ฉันร่ำรวยมาก
ฉันหาความมั่งมีให้กับตัวเองแล้ว
พวกเขาไม่อาจพบความชั่วหรือบาปในงานที่ฉันลงแรงทำทั้งสิ้น”
9 “เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
ซึ่งนำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์
เราจะให้เจ้าอาศัยอยู่ในกระโจมอีก
เหมือนเมื่อครั้งที่มีเทศกาลที่กำหนดไว้
10 เรากล่าวกับบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า
เราให้พวกเขามีภาพนิมิตมากมาย
และตั้งปริศนาหลายครั้งแก่บรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า”
11 ถ้ามีความชั่วในกิเลอาด
พวกเขาก็จะไร้ค่า
พวกเขาสักการะด้วยโคในกิลกาล
แท่นบูชาของพวกเขาเป็นเหมือนกองหิน
บนไร่ที่ไถคราดแล้ว
12 ยาโคบหลบหนีไปยังดินแดนอารัม[ar]
อิสราเอลทำงานรับใช้เพื่อจะได้ภรรยาจากที่นั่น
และเขาเลี้ยงดูฝูงแกะเป็นค่าแรงงานสำหรับนาง
13 พระผู้เป็นเจ้าใช้ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าผู้หนึ่งนำอิสราเอลขึ้นมาจากอียิปต์
และพระองค์ให้ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าดูแลเขา
14 เอฟราอิมได้ยั่วโทสะพระองค์
พระผู้เป็นเจ้าของเขาจะให้ความผิดของการหลั่งเลือดตกอยู่กับเขา
และจะสนองตอบการกระทำอันอัปยศของเขา
พระผู้เป็นเจ้าลงโทษอิสราเอล
13 เวลาที่เอฟราอิมพูด คนอื่นตัวสั่นเทา
เขาได้รับการยกย่องในอิสราเอล
แต่เขามีความผิดที่กราบบูชาบาอัลและเขาก็สิ้นชีวิต
2 และบัดนี้พวกเขาทำบาปมากยิ่งขึ้น
พวกเขาใช้เครื่องเงินหล่อรูปเคารพให้ตนเอง
ด้วยความชำนาญ
ล้วนเป็นงานของช่างฝีมือ
มีการพูดถึงพวกเขาว่า
“คนเหล่านั้นถวายมนุษย์เป็นเครื่องสักการะ
และจูบรูปเคารพลูกโค”
3 ฉะนั้น พวกเขาจะเป็นเหมือนละอองน้ำในยามเช้า
และเป็นเหมือนน้ำค้างยามเช้าตรู่ที่จางหายไป
เป็นเหมือนแกลบที่ปลิวว่อนไปจากลานนวดข้าว
เป็นเหมือนควันที่ลอดออกไปทางหน้าต่าง
4 “แต่เราเป็นพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
ซึ่งนำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์
เจ้าไม่ควรยอมรับพระเจ้าใดนอกจากเรา
และนอกเหนือจากเราแล้ว
ไม่มีผู้ใดช่วยให้รอดพ้นได้
5 เรานั่นแหละเป็นผู้ที่รู้จักเจ้าในถิ่นทุรกันดาร
ในแผ่นดินอันแห้งผาก
6 แต่เมื่อพวกเขารับการเลี้ยงดูในทุ่งหญ้า พวกเขาก็อิ่ม
พวกเขาได้รับจนอิ่มหนำแล้ว
ใจของพวกเขาก็หยิ่งผยองขึ้น
แล้วก็ลืมเรา
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation