Bible in 90 Days
พระเจ้าจะก่อตั้งอาณาจักรขึ้นมาใหม่
11 ในวันนั้น เราก็จะตั้งเต็นท์ของดาวิดที่ล้มไปแล้วขึ้นมาใหม่[a]
เราก็จะซ่อมแซมช่องกำแพงที่แตกร้าว
เราจะซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย
และสร้างมันขึ้นมาใหม่ให้เหมือนกับในอดีต
12 เพื่อที่ว่าคนอิสราเอลก็จะได้ยึดครองส่วนที่เหลือของประเทศเอโดม
และชนชาติทั้งหลายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเรา”
พระยาห์เวห์ ผู้ที่จะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นพูดไว้อย่างนั้น
13 พระยาห์เวห์พูดว่า “วันเวลานั้นกำลังมาแล้ว
ถึงช่วงไถอีกครั้ง แต่คนเกี่ยวก็ยังเกี่ยวไม่เสร็จ
ถึงเวลาปลูกอีกแล้ว แต่คนย่ำองุ่นก็ยังย่ำไม่เสร็จ
ภูเขาทั้งหลายก็จะไหลนองไปด้วยเหล้าองุ่นใหม่
เนินเขาทั้งหมดก็จะไหลนองด้วยเหล้าองุ่น
14 เราจะอวยพรชาวอิสราเอลคนของเราอย่างเดิม[b]
พวกเขาจะสร้างเมืองและอาศัยอยู่ในเมืองพวกนั้น
พวกเขาจะปลูกสวนองุ่นและดื่มเหล้าองุ่นจากสวนนั้น
พวกเขาจะทำสวนและกินผลจากสวนนั้น
15 เราจะปลูกพวกเขาไว้ในแผ่นดินนั้น
พวกเขาก็จะไม่มีวันถูกถอนขึ้นมาอีกจากแผ่นดินของพวกเขา ที่เราได้ให้กับพวกเขานั้น”
พระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า พูดไว้ว่าอย่างนั้น
ชนชาติเอโดมจะถูกลงโทษ
1 นี่คือนิมิตของโอบาดียาห์[c]
พวกเราได้ยินรายงานจากพระยาห์เวห์ว่า
พระองค์ได้ส่งผู้ส่งข่าวคนหนึ่งออกไปท่ามกลางชนชาติต่างๆให้ไปบอกว่า
“ลุกขึ้นไปทำสงครามกับเอโดมกันเถอะ”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตของผมพูดอย่างนี้กับเอโดม
2 พระยาห์เวห์พูดว่า “เอโดม เราได้ทำให้เจ้าเป็นชนชาติที่กระจอกท่ามกลางชนชาติต่างๆ
และเจ้าก็ถูกดูหมิ่นเหยียดหยามมาก
3 เจ้าหลงตัวเองคิดว่าแน่เหลือเกิน
เจ้าได้อาศัยอยู่ตามถ้ำบนผาสูง[d]
และบ้านของเจ้าอยู่บนภูเขาสูง
เจ้าคิดในใจว่า
‘เราตั้งอยู่สูงขนาดนี้ไม่มีใครดึงให้เราลงไปถึงพื้นดินได้หรอก’”
4 พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ “ถึงแม้เจ้าจะทำรังสูงเหมือนนกอินทรี
ถึงจะทำรังอยู่ท่ามกลางดวงดาวต่างๆ
เราก็จะดึงเจ้าลงมาจากที่นั่น”
5 ถ้าพวกขโมยขึ้นบ้านเจ้าหรือพวกโจรมาบุกในตอนกลางคืน
พวกมันก็จะขโมยไปแค่ที่มันอยากได้ ไม่ใช่หรือ
หรือเมื่อคนงานมาเก็บองุ่นในไร่ของเจ้า
พวกเขาก็ยังเหลือองุ่นทิ้งไว้บ้าง ไม่ใช่หรือ
แต่เอโดม ศัตรูของเจ้า จะทำลายเจ้าลงอย่างราบคาบ
6 ศัตรูจะค้นหาทุกซอกทุกมุม
และเอาทรัพย์สมบัติที่เอซาวซ่อนไว้ไปจนหมดเกลี้ยง
7 และพันธมิตรทั้งหมดของเจ้าก็จะขับไล่เจ้าออกไปอยู่ที่ชายแดน
คนที่ทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับเจ้าก็จะทำให้เจ้าตายใจ แล้วยึดครองเจ้า
สหายที่เจ้ากินด้วยก็จะให้คนต่างชาติมาตั้งถิ่นฐานในบ้านเมืองของเจ้าแทนเจ้า
ความเฉลียวฉลาดก็จะหมดไปจากแผ่นดินเอโดม
8 พระยาห์เวห์พูดว่า
“ในวันนั้นเราจะทำลายคนเฉลียวฉลาดให้หมดไปจากเอโดม
และเราจะทำลายคนที่มีความเข้าใจจากภูเขาของเอซาว[e]
9 เมืองเทมาน[f] แม้แต่นักรบผู้เก่งกล้าของเจ้าก็ยังจะกลัวจนหัวหด
แต่ละคนจะถูกฆ่าจนหมดไปจากภูเขาเอซาว
10 เพราะความโหดร้ายที่เจ้าทำต่อยาโคบน้องของเจ้า
เจ้าจะต้องอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ไหน
และเจ้าจะถูกทำลายไปตลอดกาล
11 เจ้ายืนอยู่เฉยๆในวันที่คนต่างชาติเข้ามายึดทรัพย์สินและคนของยาโคบไป
ในวันที่คนต่างชาติบุกเข้ามาทางประตูเมืองและจับสลากแบ่งเมืองเยรูซาเล็มกัน
และเอโดม เจ้าก็ทำตัวเหมือนคนหนึ่งในพวกเขา
12 ตอนนั้นเจ้าไม่น่าจะไปสมน้ำหน้าในความล่มจมของน้องชายเจ้า[g] ในวันที่เขาได้รับความหายนะนั้น
และเจ้าก็ไม่น่าจะเฉลิมฉลองในความสูญเสียของคนยูดาห์ในวันที่เขาถูกทำลาย
และเจ้าก็ไม่น่าจะคุยเย้ยทับถมพวกเขาในวันที่พวกเขาเดือดร้อนนั้น
13 เจ้าไม่น่าจะบุกเข้าไปในประตูเมืองของคนของเราในวันที่พวกเขาทนทุกข์ทรมานนั้น
เจ้าไม่น่าจะไปสมน้ำหน้าในสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับพวกเขาในวันที่พวกเขาทนทุกข์ทรมานนั้น
เจ้าไม่น่าจะยึดเอาทรัพย์สมบัติของพวกเขาไปในวันที่เขาทนทุกข์ทรมานนั้น
14 เจ้าไม่น่าจะไปยืนดักที่ทางแยกเพื่อดักจับคนยูดาห์ที่กำลังจะหนีไป
เจ้าไม่น่าจะมอบคนที่รอดชีวิตนั้นไปให้กับศัตรูในวันที่เขาเดือดร้อนนั้น
15 เพราะวันของพระยาห์เวห์ที่พระองค์จะมาตัดสินทุกๆชนชาติใกล้จะมาถึงแล้ว
เอโดม เจ้าทำอะไรไว้กับคนอื่น เจ้าก็จะได้รับอย่างนั้นเหมือนกัน
กรรมที่เจ้าได้ก่อไว้ มันจะสนองกลับมาลงบนหัวเจ้าเอง
16 ส่วนเจ้า คนยูดาห์ เจ้าได้ดื่มจากจอกแห่งการลงโทษบนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา
ทุกชนชาติก็จะต้องดื่มจากจอกแห่งการลงโทษนั้นเหมือนกัน
พวกเขาจะดื่มกันอย่างตะกละตะกลาม
และจะหายไปเหมือนไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
17 แต่บนภูเขาศิโยน ก็จะมีคนที่หลบหนีมาอยู่
มันจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
และคนของยาโคบจะกลับมาครอบครองแผ่นดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาอีกครั้งหนึ่ง
18 ครอบครัวของยาโคบก็จะเป็นเหมือนไฟ
ครอบครัวของโยเซฟ[h] ก็จะเป็นเหมือนเปลวไฟ
แต่ครอบครัวของเอซาวก็จะเป็นเหมือนแกลบ
ครอบครัวของยาโคบก็จะเผาพวกมันจนสิ้นซาก
และจะไม่เหลือผู้รอดชีวิตเลยในครอบครัวของเอซาว
เพราะพระยาห์เวห์ได้สั่งให้มันเป็นอย่างนั้น
19 ชาวยูดาห์ที่อยู่ที่เนเกบ ก็จะได้ครอบครองภูเขาของเอซาว
และคนเชเฟลาห์[i] ก็จะได้ครอบครองดินแดนของฟีลิสเตีย
คนอิสราเอลก็จะได้ครอบครองแคว้นเอฟราอิมและแคว้นสะมาเรีย
เผ่าเบนยามินก็จะได้ครอบครองแคว้นกิเลอาด
20 กองทัพของพวกเชลยชาวอิสราเอลก็จะได้ครอบครองแผ่นดินคานาอันไปจนถึงศาเรฟัท
และพวกเชลยศึกชาวเยรูซาเล็ม ที่อยู่ที่เสฟาราดก็จะได้ครอบครองเมืองต่างๆของเนเกบ
21 พวกวีรบุรุษกู้ชาติก็จะขึ้นไปบนภูเขาศิโยนเพื่อปกครองภูเขาของเอซาว
แล้วพระยาห์เวห์ก็จะครอบครองเป็นกษัตริย์”
พระยาห์เวห์เรียกแต่โยนาห์วิ่งหนี
1 พระยาห์เวห์พูดกับโยนาห์[j] ซึ่งเป็นลูกชายของอามิททัยว่า 2 “ลุกขึ้น ไปยังเมืองนีนะเวห์[k] ที่ยิ่งใหญ่นั้น ไปประณามมัน เพราะเรารู้ถึงสิ่งชั่วร้ายที่คนของมันกำลังทำอยู่”
3 แต่โยนาห์ลุกขึ้นหนีไปทิศตรงข้าม คือหนีไปเมืองทารชิช เพื่อไปให้พ้นหน้าพระยาห์เวห์ โยนาห์มุ่งหน้าลงไปทางเมืองยัฟฟา[l] และเขาก็เจอกับเรือสินค้าลำหนึ่ง ที่กำลังจะไปเมืองทารชิช โยนาห์จึงจ่ายค่าเดินทาง แล้วลงไปในเรือ เพื่อเดินทางไปเมืองทารชิชกับพวกเขา เพื่อไปให้ไกลจากหน้าของพระยาห์เวห์
พระยาห์เวห์ส่งพายุใหญ่มา
4 แต่พระยาห์เวห์โยนลมแรงลงไปบนทะเล จึงเกิดพายุใหญ่โหมกระหน่ำขึ้นในทะเล และเรือเกือบจะแตกเป็นชิ้นๆ 5 พวกลูกเรือตกใจกลัวมาก ต่างคนต่างก็ร้องขอความช่วยเหลือจากเทพเจ้าของตน พวกเขาโยนสินค้าทิ้งทะเล เพื่อทำให้เรือเบาขึ้น ก่อนหน้านั้นโยนาห์ได้ลงไปอยู่ที่ท้องเรือและล้มตัวลงนอนหลับสนิท 6 หัวหน้าลูกเรือเข้าไปหาโยนาห์และพูดกับเขาว่า “ทำไมเจ้ามานอนอยู่อย่างนี้ ลุกขึ้น ร้องให้เทพเจ้าของเจ้าช่วยสิ บางทีเทพเจ้าองค์นั้นอาจจะสงสารเรา พวกเราจะได้ไม่ต้องตาย”
7 พวกลูกเรือก็พูดกันว่า “พวกเรามาจับสลากกันเถอะ ดูซิว่า เป็นความผิดของใคร ที่ทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายนี้” พวกเขาจึงจับสลากกัน และสลากนั้นก็ชี้ไปที่โยนาห์
8 พวกเขาก็เลยพูดกับโยนาห์ว่า ช่วยบอกหน่อยสิว่าเป็นความผิดของใคร ที่ทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายนี้ขึ้น เจ้ามาทำอะไรบนเรือลำนี้ เจ้ามาจากไหน มาจากประเทศอะไร เจ้าเป็นคนชาติไหน
9 โยนาห์ตอบพวกเขาว่า “ผมเป็นคนฮีบรู และผมก็นมัสการพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ พระองค์เป็นพระเจ้าที่สร้างทั้งทะเลและแผ่นดิน”
10 แล้วโยนาห์เล่าให้พวกเขาฟังว่า เขากำลังหนีพระยาห์เวห์มา พวกเขาก็พากันหวาดกลัวมาก จึงพูดกับโยนาห์ว่า “เจ้าทำอะไรลงไปนี่”
11 พวกเขาพูดกับโยนาห์ว่า “พวกเราควรจะทำอะไรกับเจ้าหรือ ทะเลถึงจะสงบลงได้” ในเวลานั้นพายุในทะเลก็ยิ่งโหมกระหน่ำแรงขึ้นๆ
12 โยนาห์ตอบไปว่า “โยนผมลงไปในทะเลเลย แล้วทะเลก็จะสงบลง เพราะผมเป็นคนผิดเอง ที่ทำให้พายุร้ายแรงนี้เกิดขึ้นกับพวกคุณ” 13 แต่พวกลูกเรือก็ยังคงพยายามพายเรือกลับเข้าฝั่ง แต่พวกเขาก็ทำไม่ได้ เพราะน้ำทะเลยิ่งโหมกระหน่ำซัดใส่พวกเขา
14 พวกเขาร้องอ้อนวอนต่อพระยาห์เวห์ และพูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ อย่าให้เราต้องตาย เพราะทำให้ชายคนนี้ต้องตาย อย่าได้ลงโทษเราเหมือนกับว่าเราเป็นฆาตกรเพราะพระองค์เป็นผู้ทำให้เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นตามที่พระองค์ต้องการ”
15 แล้วพวกเขาก็เอาโยนาห์โยนลงไปในทะเล แล้วทะเลก็สงบนิ่งทันที 16 พวกเขาพากันเกรงกลัวพระยาห์เวห์ยิ่งนัก พวกเขาจึงฆ่าสัตว์เป็นเครื่องบูชาให้กับพระยาห์เวห์ และพวกเขาก็ได้สาบานกับพระองค์
17 แล้วพระยาห์เวห์สั่งให้ปลาใหญ่มากตัวหนึ่งมากลืนโยนาห์ โยนาห์อยู่ในท้องปลาถึงสามวันสามคืน
คำอธิษฐานของโยนาห์
2 โยนาห์อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาจากในท้องปลา
2 เขาพูดว่า “ในยามที่ข้าพเจ้าตกทุกข์ได้ยาก
ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์
พระองค์ก็ตอบข้าพเจ้าจากแดนคนตาย
ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือ
แล้วพระองค์ก็ได้ยินเสียงของข้าพเจ้า
3 พระองค์โยนข้าพเจ้าลงไปในทะเลลึกลงไปใจกลางทะเล
และน้ำนั้นท่วมข้าพเจ้าจนมืดมิด
คลื่นหนักหน่วงของพระองค์ท่วมท้นตัวข้าพเจ้า
4 แล้วข้าพเจ้าก็พูดว่า ข้าพเจ้าถูกขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าพระองค์
แต่ข้าพเจ้าจะได้เห็นวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์อีก
5 ตอนนั้น น้ำอยู่รอบตัวข้าพเจ้าสูงถึงคอ
น้ำทะเลลึกห้อมล้อมข้าพเจ้าไว้
สาหร่ายทะเลพันรอบหัวข้าพเจ้า
6 ข้าพเจ้าจมลึกลงไปถึงรากของภูเขา
ข้าพเจ้าไปถึงโลกของคนตาย
กลอนประตูนั้นปิดขังข้าพเจ้าไว้ตลอดกาล
ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้า
พระองค์ยกข้าพเจ้าขึ้นมาจากหลุม
7 เมื่อข้าพเจ้าเกือบจะตาย
ข้าพเจ้ายังคิดถึงพระยาห์เวห์
และคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
ก็ไปถึงพระองค์ในวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
8 คนพวกนั้นที่นมัสการพวกรูปเคารพอันไร้ค่า
ต่างพากันทอดทิ้งความเมตตากรุณาของพระเจ้าที่มีต่อเขา
9 แต่ข้าพเจ้าจะร้องสรรเสริญและขอบพระคุณพระองค์
ข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาให้กับพระองค์
ข้าพเจ้าจะทำตามสิ่งที่ข้าพเจ้าสาบานไว้
ความรอดมาจากพระยาห์เวห์”
10 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับปลา และมันก็คายโยนาห์ออกมาไว้บนบก
พระยาห์เวห์เรียกโยนาห์อีกครั้ง
3 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับโยนาห์เป็นครั้งที่สองว่า 2 “ลุกขึ้นไปยังเมืองนีนะเวห์ที่ยิ่งใหญ่นั้น ไปป่าวประกาศเรื่องที่เราบอกกับเจ้าให้กับคนที่นั่น” 3 แล้วโยนาห์ก็ลุกขึ้นไปเมืองนีนะเวห์ ตามที่พระยาห์เวห์บอก นีนะเวห์เป็นเมืองที่ใหญ่โตมโหฬารต้องใช้เวลาเดินถึงสามวันถึงจะทั่วเมือง 4 โยนาห์เริ่มต้นเดินเข้าไปในเมือง หลังจากเดินไปได้หนึ่งวันแล้ว เขาก็เริ่มป่าวประกาศว่า “อีกสี่สิบวัน เมืองนีนะเวห์จะถูกทำลาย”
5 และชาวเมืองนีนะเวห์ก็เชื่อพระเจ้า พวกเขาประกาศว่าจะอดอาหารและสวมใส่เสื้อผ้ากระสอบ เพื่อแสดงความเสียใจต่อบาปที่พวกเขาทำ พวกเขาทำอย่างนี้กันหมดทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่หรือคนต่ำต้อยก็ตาม
6 เมื่อข่าวนี้ไปถึงหูของกษัตริย์เมืองนีนะเวห์ พระองค์ลุกขึ้นจากบัลลังก์ ถอดเสื้อคลุม สวมใส่ผ้ากระสอบแทน และนั่งบนกองขี้เถ้า
7 จากนั้นพระองค์ออกคำสั่งไปทั่วเมืองนีนะเวห์ว่า
กษัตริย์และเหล่าขุนนางทั้งหลายของพระองค์ออกคำสั่งว่า
“ทั้งคน ทั้งสัตว์ ทั้งวัว ทั้งแกะ ห้ามชิม ห้ามกิน และห้ามดื่ม 8 แต่ให้ทุกคนรวมทั้งสัตว์ ใส่เสื้อผ้ากระสอบ ให้ทุกคนอธิษฐานต่อพระเจ้าสุดกำลัง แต่ละคนจะต้องเลิกทำชั่ว และเลิกทำทารุณโหดร้าย 9 ถ้าทำอย่างนี้ ไม่แน่ บางทีพระเจ้าอาจจะเปลี่ยนใจ และหันจากความโกรธของพระองค์ที่กำลังเผาผลาญอยู่ต่อเราก็ได้ เพื่อพวกเราจะได้ไม่ต้องตาย”
10 พระเจ้าเห็นสิ่งที่พวกเขาทำ พระองค์เห็นว่าพวกเขาได้หันไปจากทางชั่วของเขา พระเจ้าจึงเปลี่ยนใจ ไม่ลงโทษพวกเขาอย่างที่พระองค์บอกไว้ว่าจะทำ
โยนาห์โกรธที่พระเจ้าใจดี
4 แต่สิ่งนี้ทำให้โยนาห์ไม่พอใจมาก เขาโกรธมาก 2 เขาจึงอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์และพูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ นึกแล้วว่ามันจะต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆตั้งแต่อยู่ที่บ้านแล้ว นั่นเป็นเหตุที่ข้าพเจ้าถึงพยายามหนีไปเมืองทาร์ชิช เพราะข้าพเจ้ารู้ว่า พระองค์มีเมตตาปรานี พระองค์อดทนนาน พระองค์มีความรักที่ยิ่งใหญ่ และพร้อมเสมอที่จะเปลี่ยนใจไม่ลงโทษ
3 ดังนั้น พระยาห์เวห์เจ้าข้า ฆ่าข้าพเจ้าเลย เพราะข้าพเจ้าตายซะดีกว่า”
4 แล้วพระยาห์เวห์พูดว่า
“ที่เจ้าโกรธอย่างนี้คิดว่าถูกแล้วหรือ” 5 แล้วโยนาห์ก็ออกไปนอกเมือง เขาไปนั่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง ทำเพิงที่พักขึ้นมาหลังหนึ่งและนั่งหลบแดดอยู่ในนั้น เฝ้าดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเมือง
6 แล้วพระยาห์เวห์ก็สั่งให้ต้นละหุ่งต้นหนึ่งงอกขึ้นมาอยู่เหนือโยนาห์ เพื่อเป็นร่มเงาบังหัวให้กับโยนาห์ และช่วยดับร้อนคลายทุกข์[m] ให้กับเขา โยนาห์ดีใจมากที่มีต้นละหุ่งนี้
7 เช้าวันต่อมา พระเจ้าก็สั่งให้หนอนตัวหนึ่งมากัดกินต้นละหุ่งนั้น ทำให้มันเหี่ยวแห้งตายไป
8 ต่อมา เมื่อดวงอาทิตย์ลอยสูงขึ้นบนท้องฟ้า พระเจ้าก็สั่งให้ลมร้อนพัดมาจากทางทิศตะวันออก และแสงอาทิตย์ก็แผดกล้าลงบนหัวของโยนาห์ ทำให้เขาอ่อนเพลียหมดแรงไป เขาร่ำร้องอยากตาย เขาพูดว่า “ให้ข้าพเจ้าตายซะดีกว่า”
9 แล้วพระเจ้าก็พูดกับโยนาห์ว่า “ที่เจ้าโกรธเรื่องต้นละหุ่งนั้น คิดว่าถูกแล้วหรือ”
โยนาห์ตอบว่า “โกรธสิ โกรธแทบตายอยู่แล้ว”
10 พระเจ้าจึงพูดว่า “ดูเจ้าเป็นห่วงเป็นใยต้นไม้นั้นเสียเหลือเกินนะ ทั้งๆที่เจ้าไม่ได้ลงแรงปลูกและไม่ได้ทำให้มันโตขึ้นด้วย ต้นไม้นั้นงอกออกมาในคืนเดียว อยู่ได้วันเดียวแล้วก็ตาย
11 แล้วอย่างนี้ จะไม่ให้เราเป็นห่วงนีนะเวย์เมืองใหญ่นั้นได้ยังไง เป็นเมืองที่มีคนอยู่มากกว่าหนึ่งแสนสองหมื่นคน เขาเป็นเหมือนเด็กที่ไม่รู้ว่าข้างไหนมือขวาข้างไหนมือซ้าย[n] แถมยังมีสัตว์ต่างๆอีกมากมายในเมืองนั้นด้วย”
1 มีคาห์ชาวเมืองโมเรเชทได้รับข่าวสารนี้จากพระยาห์เวห์ ในช่วงสมัยที่โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์ เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ นี่คือข่าวสารที่มีคาห์เห็นเกี่ยวกับสะมาเรียและเยรูซาเล็ม[o]
สะมาเรียและเยรูซาเล็มจะถูกลงโทษ
2 ชนชาติทั้งหลาย ฟังให้ดี
ทั้งแผ่นดินโลกและทุกสิ่งที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ ตั้งใจฟังให้ดี
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตจะมาเป็นพยานต่อต้านพวกเจ้า
องค์เจ้าชีวิตจะลงมาจากวังอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
3 ดูสิ พระยาห์เวห์กำลังจะออกมาจากสถานที่ของพระองค์
พระองค์จะลงมาเหยียบย่ำบนพวกที่สูง[p] ของแผ่นดินโลก
4 ภูเขาทั้งหลายจะหลอมละลายภายใต้พระองค์
และหุบเขาทั้งหลายจะแยกออกจากกัน
ภูเขาทั้งหลายจะละลายเหมือนขี้ผึ้งถูกลนไฟ
หุบเขาทั้งหลายจะกลายเป็นเหมือนกับน้ำที่ไหลบ่าจากที่ชัน
5 สาเหตุที่ทุกสิ่งทุกอย่างนี้จะเกิดขึ้น ก็เพราะการกบฏของยาโคบ
และเพราะความบาปทั้งหลายของคนอิสราเอล
ใครคือคนที่ทำให้ยาโคบกบฏ
ไม่ใช่เมืองสะมาเรียหรอกหรือ
แล้วพวกศาลเจ้า[q] ของยูดาห์อยู่ที่ไหน
อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มไม่ใช่หรือ
6 ดังนั้นพระยาห์เวห์พูดว่า
“เราจะทำลายสะมาเรียให้กลายเป็นกองซากหินในชนบท
ให้กลายเป็นที่สำหรับทำไร่องุ่น
เราจะรื้อตึกของนางโยนลงในหุบเขา
เราจะเปิดโปงรากฐานของนาง
7 รูปเคารพทั้งหมดของนางจะถูกขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ค่าขายตัวทั้งหมดของนางจะถูกเผาด้วยไฟ
เราจะทำลายรูปเคารพทั้งหมดของนาง
เพราะสะมาเรียขายตัวและเอาเงินไปซื้อรูปเคารพต่างๆ
หลังจากนั้นคนอื่นจะมายึดเอารูปเคารพพวกนี้ของนางไปขายและเอาเงินไปเที่ยวโสเภณี[r]อีกครั้งหนึ่ง”
เพลงคร่ำครวญของมีคาห์
8 ผมจะร้องไห้และคร่ำครวญเพราะสะมาเรียถูกทำลาย
ผมจะเดินเท้าเปล่าและเปลือยกายครึ่งท่อน
ผมจะร้องไห้คร่ำครวญเสียงดังเหมือนพวกหมาไน
ผมจะครวญครางเหมือนพวกนกกระจอกเทศ
9 เพราะบาดแผลของสะมาเรียเกินกว่าที่จะรักษาได้
มันลามไปถึงยูดาห์ด้วย
การทำลายนี้ลามไปถึงประตูเมืองของประชากรของผม
ไปไกลถึงเยรูซาเล็ม
10 อย่าบอกเรื่องนี้ในเมืองกัท[s]
อย่าร้องไห้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยในเมืองอักโก
เอาตัวไปเกลือกกลิ้งกับฝุ่นในเมืองเบธเลอัฟราห์[t] ซะ
11 พวกเจ้า พวกที่อาศัยอยู่ในเมืองชาฟีร์[u]
ให้จากเมืองของเจ้าไปอย่างเปลือยกายและอับอาย
ชาวเมืองศานัน[v] จะออกมาไม่ได้
เบธเอเซล[w] จะร้องไห้คร่ำครวญ แล้วพวกเขาจะไม่ช่วยเหลือพวกเจ้า
12 ชาวเมืองมาโรท[x] กำลังตั้งตารอคอยสิ่งดีๆให้เกิดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ
แต่เรื่องเลวร้ายกำลังจะลงมาจากพระยาห์เวห์ มันจะไปถึงประตูเมืองเยรูซาเล็มเลย
13 ชาวเมืองลาคีช[y]
ให้ผูกรถรบเข้ากับม้าชุดที่เร็วที่สุด
นางสาวศิโยนได้ไว้วางใจในรถรบ นี่แหละเป็นจุดเริ่มต้นของบาป
การกบฏทั้งหลายของอิสราเอลก็ได้เจอในเมืองลาคีช
14 ดังนั้นเจ้าจะมอบของขวัญก่อนลา แก่โมเรเชทกัท[z]
โรงงานทั้งหลายในอัคซีบ[aa] จะกลายเป็นสิ่งหลอกลวงต่อพวกกษัตริย์อิสราเอล
15 พวกเจ้า พวกที่อาศัยอยู่ในเมืองมาเรชาห์[ab]
ผู้พิชิตคนใหม่จะมาสู้รบกับพวกเจ้า
พวกผู้นำที่มีเกียรติของอิสราเอลจะหนีไปอยู่ที่อดุลลัม[ac]
16 ตัดผมและโกนหัวซะ
เป็นการไว้ทุกข์ให้กับลูกๆที่เจ้ารัก
ให้หัวล้านเหมือนนกแร้ง
เพราะลูกๆของเจ้าจะถูกเนรเทศไปจากเจ้า
ชาวอิสราเอลวางแผนทำเรื่องเลวร้าย
2 พวกเจ้าที่คิดทำแต่เรื่องเลวร้าย
บนเตียงนอนของเจ้า เจ้าวางแผนเรื่องเลวร้าย
พอถึงเช้าก็ออกไปทำ
เพราะพวกเจ้ามีอำนาจที่จะทำแบบนั้นได้
2 พวกนี้โลภอยากได้ไร่นาของคนอื่นก็ไปยึดเอามา
พวกนี้โลภอยากได้บ้านเรือนของคนอื่นก็ไปริบเอามา
พวกนี้โกงคนอื่นและยึดบ้านเขาไว้
พวกนี้ยึดทั้งคนและทรัพย์สมบัติ
พระยาห์เวห์วางแผนเรื่องเลวร้ายสำหรับคนพวกนี้
3 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงพูดว่าอย่างนี้
“ตอนนี้ เรากำลังวางแผนเรื่องเลวร้ายสำหรับคนพวกนี้
เป็นแอกที่พวกเจ้าไม่สามารถเอาออกไปจากคอของพวกเจ้าได้
พวกเจ้าจะไม่สามารถเดินอย่างทะนงได้
เพราะมันจะเป็นเวลาที่เลวร้ายจริงๆ
4 ในเวลานั้น พวกเจ้าจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ
และคนที่เยาะเย้ยเจ้า จะทำทีร้องเพลงคร่ำครวญอันขมขื่นให้กับเจ้าว่า
‘พวกเราถูกทำลายย่อยยับ
พระองค์ยึดเอาที่ดินที่เป็นส่วนแบ่งของชาวเมืองเราไปแล้ว
พระองค์ยึดที่ดินไปจากเราได้ยังไง
พระองค์แบ่งไร่นาของเราไปให้กับคนที่หลงไปจากพระองค์แล้ว’
5 ดังนั้น พวกเจ้าจะไม่มีใครเหลืออยู่เลยในครอบครัวที่จะมาจับสลากแบ่งที่ดินกันในหมู่ประชุมของพระยาห์เวห์”
มีคาห์ถูกห้ามไม่ให้เทศนา
6 ผู้คนพูดว่า “มีคาห์ เจ้าและพวกพ้องหยุดเทศนาเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว
เพราะเรื่องเลวร้ายเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับเรา”
7 ชุมชนยาโคบพูดว่า “อะไรกัน พระยาห์เวห์หมดความอดทนแล้วหรือ
พระองค์ทำเรื่องอย่างนี้หรือ
คำพูดทั้งหลายของพระองค์ไม่ได้เกิดผลดีกับคนที่ใช้ชีวิตอย่างถูกต้องหรอกหรือ”
8 แต่พระยาห์เวห์พูดว่า “แต่พวกเจ้ากำลังตั้งตัวเป็นเหมือนศัตรูกับคนของเรา
เจ้ากระชากเสื้อคลุมของคนที่เดินผ่านมาโดยที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่
พวกเขาไม่เคยคิดที่จะทำสงครามกับใครเลย[ad]
9 ส่วนพวกผู้หญิงที่เป็นคนของเรา พวกเจ้าก็ขับไล่พวกเขาออกไปจากบ้านที่สุขสบายของเขา
ส่วนลูกๆของพวกเขา พวกเจ้าได้ยึดเอาที่ดิน[ae]ที่พวกเขาได้รับจากเรา เพื่อเป็นของเขาไปตลอดกาล
10 ลุกขึ้นแล้วไปให้พ้น
ที่นี่ไม่ใช่สถานที่พักผ่อน
เพราะพวกเจ้าไม่บริสุทธิ์
พวกเจ้าจะถูกทำลาย และจะถูกทำลายอย่างทรมานด้วย
11 ถ้ามีใครมาพูดโกหกและเทศนาว่า
‘จะมีเหล้าองุ่นและเบียร์อย่างเหลือเฟือ’
คนนั้นแหละคือนักเทศน์ที่พวกเขาชื่นชอบ”
พระยาห์เวห์จะรวบรวบคนของพระองค์
12 พระยาห์เวห์พูดว่า “ใช่แล้ว เราจะรวบรวมพวกเจ้าทุกคนเข้ามาคือพวกเจ้าที่เป็นคนของยาโคบ
เราจะรวบรวมพวกที่รอดชีวิตของอิสราเอลเข้ามา
เราจะนำพวกเขามาอยู่ด้วยกันเหมือนแกะในคอก
เหมือนฝูงแกะในท่ามกลางทุ่งหญ้าของมัน แล้วทุ่งหญ้านั้นจะส่งเสียงดังลั่น
13 แล้วตัวที่สามารถพังรั้วออกมาได้จะเดินนำหน้าพวกมันออกไป
พวกมันจะเดินผ่านประตูและเดินออกไป
กษัตริย์ของเขาจะเดินนำหน้าพวกเขาออกไปก่อน
พระยาห์เวห์จะเป็นหัวขบวนของพวกเขา”
พวกผู้นำอิสราเอลผิด
3 แล้วผมก็พูดว่า “ฟังให้ดี พวกผู้นำของยาโคบและพวกผู้ปกครองชนชาติอิสราเอล
พวกเจ้าน่าจะรู้ว่าความยุติธรรมเป็นยังไง
2 แต่พวกเจ้ากลับเกลียดชังความดีและรักความชั่ว
พวกเจ้าถลกหนังของคนของผม
และฉีกเนื้อออกจากกระดูกของพวกเขา
3 พวกเจ้ากินเนื้อของคนของผม
พวกเจ้าถลกหนังและหักกระดูกของพวกเขา
พวกเจ้าสับพวกเขาเป็นชิ้นๆเหมือนกับสับเนื้อที่โยนลงกระทะ เหมือนกับเนื้อในหม้อตุ๋น
4 แต่เมื่อถึงตอนนั้น พวกเจ้าจะร้องทุกข์ต่อพระยาห์เวห์
แต่พระองค์จะไม่ตอบพวกเจ้า
ในเวลานั้นพระองค์จะซ่อนหน้าไปจากพวกเจ้า
เพราะความชั่วทั้งหลายที่พวกเจ้าได้ทำไป”
เปรียบเทียบพวกผู้พูดแทนพระเจ้าแท้กับเทียม
5 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดไว้เกี่ยวกับพวกผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอมที่ทำให้คนของผมหลงทางไป
ซึ่งถ้าใครป้อนอาหารให้กับพวกมันกินอย่างเหลือเฟือ มันก็สัญญาว่าจะมีสันติสุขเกิดขึ้น
แต่ถ้าใครไม่ยอมให้อาหารตามที่พวกมันสั่ง มันก็จะประกาศสงครามศักดิ์สิทธิ์กับคนนั้น
6 ดังนั้น แทนที่พวกเจ้าจะเห็นนิมิตกลับมองไม่เห็นเหมือนกลางคืน
แทนที่จะล่วงรู้อนาคตกลับมืดแปดด้าน
ดวงอาทิตย์จะตกไป สำหรับพวกผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนี้
และกลางวันจะกลายเป็นความมืดมิดไปสำหรับพวกเขา
7 พวกนั้นที่เห็นนิมิตเป็นประจำจะต้องอับอายขายหน้า
และพวกที่ทำนายอนาคตจะต้องเสียหน้า
พวกเขาทุกคนจะต้องปกปิดปากไว้
เพราะพวกเขาจะไม่ได้รับคำตอบอะไรเลยจากพระเจ้า
8 ส่วนผม ผมเต็มเปี่ยมไปด้วยเรี่ยวแรง คือ
ด้วยพระวิญญาณของพระยาห์เวห์
รวมทั้งความถูกต้องและกำลัง
เพื่อที่ ผมจะได้ประกาศให้ยาโคบรู้ถึงการกบฏของเขา
และประกาศให้อิสราเอลรู้ถึงความบาปของเขา
9 ฟังผมให้ดี พวกผู้นำของครอบครัวยาโคบและพวกผู้ปกครองของครอบครัวอิสราเอล
พวกเจ้าเกลียดชังความถูกต้อง พวกเจ้าทำทุกอย่างที่ตรงอยู่ให้บิดเบี้ยวไป
10 พวกเจ้าสร้างศิโยนด้วยเลือดของคนบริสุทธิ์
พวกเจ้าสร้างเยรูซาเล็มด้วยการโกง
11 พวกผู้นำของเยรูซาเล็มรับสินบนในการตัดสินคดีความต่างๆ
พวกนักบวชก็สอนเพราะอยากได้ค่าสอน
พวกผู้พูดแทนพระเจ้าทำนายเพื่อแลกกับเงิน
แล้วพวกเจ้ายังมีหน้ามาอ้างว่าพวกเจ้าพึ่งพิงพระยาห์เวห์และพูดว่า
“พระยาห์เวห์อยู่ท่ามกลางพวกเราไม่ใช่หรือ
จะไม่มีอันตรายใดๆเกิดขึ้นกับเราได้”
12 ดังนั้น เพราะพวกเจ้านี่แหละ
ศิโยนจะถูกไถให้ราบเป็นหน้ากลอง
เยรูซาเล็มจะกลายเป็นกองซากปรักหักพัง
และเนินของวิหารจะกลายเป็นเนิน[af] ที่มีพุ่มไม้ขึ้นปกคลุมเต็มไปหมด[ag]
คำสั่งสอนจะมาจากเยรูซาเล็ม
4 แต่ในวันข้างหน้านั้น เนินของวิหาร ของพระยาห์เวห์จะถูกก่อตั้งขึ้นให้เป็นยอดสูงสุดของภูเขาทั้งหมด
มันจะถูกยกขึ้นสูงเหนือเนินเขาทั้งหมด
และคนทั้งหลายจะหลั่งไหลกันไปที่นั่น
2 ชนชาติต่างๆมากมายจะพากันไปที่นั่น
พวกเขาจะพูดว่า
“ไป ให้พวกเราขึ้นไปยังภูเขาของพระยาห์เวห์กันเถอะ
ไปยังวิหารของพระเจ้าของยาโคบ
เพื่อพระองค์จะได้สอนวิถีทางของพระองค์ให้กับพวกเรา
แล้วพวกเราจะได้เดินตามเส้นทางของพระองค์”
คำสั่งสอนจะออกมาจากศิโยน
และคำพูดของพระยาห์เวห์จะออกมาจากเยรูซาเล็ม
3 พระองค์จะเป็นผู้พิพากษาระหว่างคนจำนวนมาก
พระองค์จะตัดสินระหว่างชนชาติทั้งหลายที่เข้มแข็งที่อยู่ห่างไกล
พวกเขาจะตีดาบของพวกเขาให้เป็นคันไถ
และตีหอกของพวกเขาให้เป็นเครื่องมือตัดแต่งกิ่งไม้
ชนชาติหนึ่งจะไม่ชูดาบขึ้นต่อสู้กับอีกชนชาติหนึ่ง
และพวกเขาจะไม่มีการฝึกทำสงครามอีกต่อไป
4 แต่ละคนจะนั่งอยู่ใต้ต้นองุ่นและใต้ต้นมะเดื่อของเขา
จะไม่มีใครมาทำให้พวกเขาตกใจกลัว
เพราะพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นบอกไว้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้
5 ถึงแม้ว่าชนชาติอื่นๆจะติดตามพวกพระของเขาไป
แต่เราจะยังคงติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราตลอดไป
พระเจ้าจะนำคนของพระองค์กลับมา
6 พระยาห์เวห์พูดว่า
“ในตอนนั้น เราจะรวบรวมคนพิการ คนที่กระจัดกระจายไป
รวมทั้งคนเหล่านั้นที่เราเคยทำให้บาดเจ็บด้วย
7 เราจะทำให้คนพิการที่รอดชีวิตเป็นต้นตระกูลของชาติใหม่
เราจะทำให้คนพวกนั้นที่ถูกขับไล่ออกไปเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่”
พระยาห์เวห์จะเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเขาบนภูเขาศิโยน ตั้งแต่นั้นไปตลอดกาล
8 ส่วนเจ้าหอคอยเฝ้าฝูงสัตว์[ah]
ป้อมปราการของนางสาวศิโยน
เวลานั้นจะมาถึง เมื่ออำนาจการปกครองจะกลับมาสู่เจ้า
อาณาจักรจะกลับมาเป็นของนางสาวเยรูซาเล็มเหมือนเดิม
ทำไมชาวอิสราเอลต้องไปบาบิโลน
9 เยรูซาเล็ม ตอนนี้ ทำไมเจ้าถึงได้ร้องไห้สะอึกสะอื้น
พวกเจ้าไม่มีกษัตริย์ในหมู่พวกเจ้าแล้วใช่ไหม
ผู้นำที่แสนฉลาดของเจ้าหายไปแล้วใช่ไหม
พวกเจ้ากำลังเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเหมือนกับหญิงที่กำลังจะคลอดลูก
10 นางสาวศิโยน ให้ชักดิ้นชักงอด้วยความเจ็บปวด
และกรีดร้องเหมือนกับหญิงที่กำลังจะคลอดลูก
เพราะว่า ตอนนี้พวกเจ้าจะต้องออกไปจากเมืองนี้ต้องไปอยู่ในที่โล่งกว้าง
เจ้าจะต้องไปที่บาบิโลน[ai]
แต่พวกเจ้าจะได้รับการช่วยกู้ที่นั่น
พระยาห์เวห์จะไถ่เจ้าที่นั่นจากเงื้อมมือของศัตรูเจ้า
พระยาห์เวห์จะทำลายชนชาติอื่นๆ
11 ตอนนี้มีหลายชนชาติรวมตัวกันมาต่อสู้กับเจ้า
พวกเขาพูดกันว่า “ไปทำลายศิโยนกันเถอะ แล้วเราจะได้มองดูความพ่ายแพ้ของนางอย่างสะใจ”
12 แต่ชนชาติพวกนี้ ไม่รู้ถึงความคิดต่างๆของพระยาห์เวห์
พวกเขาไม่เข้าใจถึงแผนงานของพระองค์
เพราะพระองค์ได้รวบรวมพวกเขาไว้เหมือนฟ่อนข้าว
เพื่อไปบดบนลานนวดข้าว
13 พระยาห์เวห์พูดว่า “นางสาวศิโยน ลุกขึ้นและบดขยี้พวกมัน
เพราะเราจะทำให้เขาสัตว์ของเจ้ากลายเป็นเหล็ก
ทำให้เกือกม้าของเจ้าเป็นทองแดง
เจ้าจะได้บดขยี้คนเป็นจำนวนมาก
แล้วเจ้าจะถวายทรัพย์สินที่พวกมันได้มาอย่างผิดๆให้กับพระยาห์เวห์
เจ้าจะถวายทรัพย์สินมีค่าของพวกมันให้กับเจ้าของโลกนี้ทั้งสิ้น”
กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่จะมาจากเบธเลเฮม
5 ลูกสาวเอ๋ย ตอนนี้ให้เจ้ากรีดเนื้อของเจ้า
เจ้ากำลังถูกโจมตี พวกมันกำลังโอบล้อมพวกเรา
พวกมันใช้ไม้ตีแก้มของคนนั้นที่ปกครองอิสราเอล
2 แต่เจ้า เบธเลเฮม เอฟราธาห์
เจ้าเป็นแค่เมืองเล็กๆท่ามกลางแคว้นต่างๆของยูดาห์
แต่จากเจ้านี่แหละจะมีผู้ปกครองคนหนึ่งออกมาให้กับเรา
เขาจะปกครองอยู่เหนืออิสราเอล
เขาจะสืบเชื้อสายมาจากพวกคนที่มีชื่อเสียงในยุคแรกๆของชนชาตินี้
3 พระยาห์เวห์จะมอบคนของพระองค์ให้กับศัตรูจนกว่านางที่กำลังเบ่งคลอดอยู่ จะคลอดลูกออกมา[aj]
หลังจากนั้น พี่น้องที่เหลือของเขาจะกลับไปยังลูกๆของอิสราเอล
4 ผู้ปกครองคนนั้น จะยืนขึ้นและเลี้ยงดูอิสราเอลเหมือนผู้เลี้ยงแกะด้วยพละกำลังของพระยาห์เวห์
ด้วยสิทธิอำนาจในพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา
พวกเขาจะอยู่อย่างปลอดภัย
เพราะความยิ่งใหญ่ของเขาจะแผ่ไปจนถึงสุดขอบโลก
5 นี่คือผู้ที่จะนำสันติสุขมาให้
การชนะอัสซีเรียและชนชาติอื่นๆ
ถ้าอัสซีเรียบุกเข้ามาในประเทศของเราและเหยียบย่ำเข้ามาในแผ่นดินของเรา[ak]
เมื่อนั้น พวกเราจะแต่งตั้งผู้เลี้ยงขึ้นมาเจ็ดคนและจะแต่งตั้งผู้นำขึ้นมาแปดคน เพื่อต่อต้านพวกมัน
6 พวกนี้ก็จะปกครองแผ่นดินอัสซีเรียด้วยดาบ
และจะปกครองแผ่นดินนิมโรด[al] ด้วยหอก
กษัตริย์ของเราจะช่วยเหลือพวกเราให้รอดพ้นจากอัสซีเรีย
เมื่ออัสซีเรียบุกเข้ามาในแผ่นดินของเราและเหยียบย่ำเข้ามาในเขตแดนของเรา
7 แล้วพวกยาโคบที่รอดชีวิตจะอยู่ท่ามกลางชนชาติมากมาย
พวกเขาจะเป็นเหมือนน้ำค้าง[am]จากพระยาห์เวห์
เหมือนฝนที่ตกลงบนใบหญ้า ที่ไม่ต้องรอคอยมนุษย์ และไม่ต้องฝากความหวังไว้กับมนุษย์คนไหน
8 พวกยาโคบ ที่เหลือรอดชีวิตท่ามกลางชนชาติต่างๆ
พวกเขาที่อยู่ท่ามกลางชนชาติมากมาย
จะเป็นเหมือนสิงโตที่อยู่ท่ามกลางสัตว์ป่าทั้งหลายในป่า
เหมือนสิงโตหนุ่มที่อยู่ท่ามกลางฝูงแกะ
เป็นสิงโตที่ไม่มีใครหนีรอดไปได้เมื่อมันเข้าจู่โจมขย้ำและฉีกเนื้อเหยื่อ
9 เจ้าจะยกมือขึ้นต่อสู้กับศัตรูของเจ้า
และศัตรูทั้งหมดของเจ้าจะถูกทำลายไป
ประชาชนจะต้องพึ่งพระเจ้าเท่านั้น
10 พระยาห์เวห์พูดว่า “เมื่อถึงเวลานั้น
เราจะเอาม้าของพวกเจ้าไป เราจะทำลายรถรบของพวกเจ้าด้วย
11 เราจะพังเมืองต่างๆในแผ่นดินของเจ้า
เราจะรื้อป้อมปราการทั้งหลายของเจ้าลง
12 เราจะกำจัดเวทมนตร์ของเจ้าให้หมดไป
และจะไม่มีใครในพวกเจ้าฝึกวิชาหมอดูอีกต่อไป
13 เราจะทำลายรูปเคารพของพวกเจ้ารวมถึงเสาหินศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ในเมืองของพวกเจ้า
เจ้าจะไม่กราบไหว้สิ่งที่พวกเจ้าสร้างขึ้นมากับมือของเจ้าอีกต่อไป
14 เราจะถอนรากถอนโคนพวกเสาของอาเชราห์
เราจะทำลายรูปเคารพ[an] ทั้งหมดของพวกเจ้า
15 เราจะแก้แค้นด้วยความโกรธแค้น
ต่อชนชาติทั้งหลายที่ไม่ยอมเชื่อฟังเรา”
พระยาห์เวห์ฟ้องร้องคนของพระองค์
6 ตอนนี้ ฟังให้ดีว่าพระยาห์เวห์พูดอะไร
“ลุกขึ้น ว่าความของเจ้ามา ต่อหน้าภูเขาทั้งหลาย
ให้หุบเขาทั้งหลาย ได้ยินเสียงของเจ้า
2 ภูเขาทั้งหลาย ให้ฟังคำฟ้องร้องของพระยาห์เวห์
รากฐานอันมั่นคงถาวรทั้งหลายของแผ่นดินโลกให้ฟังพระองค์เถิด
เพราะพระยาห์เวห์กำลังฟ้องร้องคนของพระองค์
พระองค์ต้องการสู้ความกับอิสราเอล”
3 พระยาห์เวห์พูดว่า “ประชาชนของเรา
เราทำผิดต่อพวกเจ้าตรงไหน
เราทำให้เจ้าเหน็ดเหนื่อยตรงไหน
แสดงหลักฐานให้เราดูหน่อย
4 เราพาเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์
เราไถ่เจ้าให้เป็นอิสระจากเรือนทาส
และเราส่งโมเสส อาโรนกับมิเรียมให้มานำหน้าเจ้า
5 ประชาชนของเราเอ๋ย ให้จดจำแผนการชั่วร้ายของบาลาคกษัตริย์โมอับ
ให้จดจำว่าบาลาอัมลูกชายของเบโอร์ตอบบาลาค[ao] ไปว่าอย่างไร
ให้นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่พวกเจ้าเดินผ่านชิทธิมไปกิลกาล[ap]
เพื่อเจ้าจะได้สำนึกถึงการกระทำอันสัตย์ซื่อของพระยาห์เวห์ที่ได้ช่วยกู้เจ้าให้รอด”
6 แต่เจ้าพูดว่า
“เมื่อข้าพเจ้ามาเข้าเฝ้าพระยาห์เวห์
และก้มกราบลงอยู่ต่อหน้าพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด
จะให้ข้าพเจ้าเอาอะไรมาหรือ
จะให้เอาลูกวัวอายุหนึ่งขวบมาเป็นเครื่องเผาบูชาหรือยังไง
7 หรือพระยาห์เวห์จะชอบแกะตัวผู้หลายพันตัว
หรือน้ำมันมะกอกมากมายราวกับแม่น้ำหลายหมื่นสาย
หรือจะให้สังเวยลูกชายหัวปีของข้าพเจ้า สำหรับการละเมิดของข้าพเจ้า
หรือจะให้สังเวยเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าพเจ้า เพื่อเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาปของข้าพเจ้าอย่างนั้นหรือ”
8 เจ้ามนุษย์ พระยาห์เวห์ บอกเจ้าแล้วถึงสิ่งที่ดี
และสิ่งที่พระองค์ต้องการจากเจ้า คือ
ให้ทำสิ่งที่ยุติธรรม รักความเมตตา
และเดินกับพระเจ้าของเจ้าด้วยความถ่อมใจ
ชาวอิสราเอลทำอะไรหรือ
9 เสียงของพระยาห์เวห์ตะโกนให้เมืองนั้นฟัง
คนที่ฉลาดจะยำเกรงชื่อของพระองค์
พระยาห์เวห์พูดว่า “ชนเผ่าและประชาชนในเมืองนี้ ฟังเราให้ดี
10 พวกเจ้ายังเก็บทรัพย์สมบัติที่ฉ้อโกงเขามาไว้ในบ้านหรือเปล่า
พวกเจ้ายังเก็บเครื่องตวงที่เราสาปแช่งเพราะเล็กกว่ามาตรฐานไว้อีกหรือเปล่า
11 เราจะทำเป็นมองข้ามเรื่องตาชั่ง
หรือถุงใส่ลูกตุ้มที่โกงน้ำหนักได้หรือ
12 พวกคนรวยในเมืองนี้ชอบทารุณคนอื่น
คนในเมืองนี้ชอบพูดโกหก
ลิ้นในปากของพวกเขาหลอกลวงอยู่ร่ำไป
13 ดังนั้น ในอีกไม่นาน เรา ยาห์เวห์ จะฟาดพวกเจ้าให้ล้มลง
เราจะทำลายพวกเจ้าเพราะบาปของพวกเจ้า
14 พวกเจ้าจะกิน แต่จะไม่มีวันอิ่ม
โรคบิดจะรุมกัดกินอวัยวะภายในของพวกเจ้า
เจ้าจะเก็บตุนของไว้ แต่จะเก็บไว้ไม่อยู่
สิ่งของที่เจ้าเก็บไว้อย่างดี เราจะส่งศัตรูไปทำลาย
15 เจ้าจะปลูกพืช แต่จะไม่ได้เก็บเกี่ยวผลของมัน
เจ้าจะย่ำมะกอก แต่จะไม่ได้น้ำมันมะกอกพอที่จะใช้ชโลมตัวเอง
เจ้าจะย่ำองุ่น แต่จะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่น
16 พวกเจ้าทำตามกฎต่างๆของอมรี[aq] อย่างเคร่งครัด
และเดินตามรอยสิ่งที่ครอบครัวอาหับ[ar] ทำ
พวกเจ้าทำตามแบบอย่างต่างๆของพวกเขา
ดังนั้นเราจะปล่อยให้เจ้าถูกทำลาย ผู้คนจะหัวเราะเยาะคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้
และพวกเจ้าจะต้องทนกับคำดูถูกจากชนชาติอื่นๆ”
สังคมเสื่อมทราม
7 น่าสมเพชจริงๆ ผมกลายเป็นคนเก็บผลไม้หรือลูกองุ่น
หลังจากที่เขาเก็บลูกองุ่นไปหมดแล้ว
ไม่เหลือองุ่นสักพวงให้กิน
ไม่มีลูกมะเดื่อที่ผมชอบเหลืออยู่เลย
2 ผมหมายถึง คนที่จงรักภักดีถูกทำลายไปหมดแล้วจากแผ่นดินนี้
ไม่มีคนซื่อตรงเหลืออยู่เลยสักคน
ทุกคนเฝ้าคอยซุ่มฆ่าคนอื่น
ต่างคนต่างล่าชีวิตของกันและกันด้วยตาข่าย
3 มือทั้งสองของพวกเขาก็ถนัดในการทำชั่ว
พวกข้าราชการและผู้พิพากษารับสินบน
พวกคนใหญ่คนโตก็เรียกร้องสิ่งที่พวกเขาอยากได้
และร่วมมือกับผู้พิพากษาในการบิดเบือนความยุติธรรม
4 คนที่ดีที่สุดของพวกเขาก็ยังเหมือนกับพุ่มหนาม
คนที่ซื่อตรงที่สุดของพวกเขาก็เหมือนกับลวดหนาม
เวลาแห่งการลงโทษใกล้เข้ามาแล้ว
ข้าแต่พระยาห์เวห์ เวลานั้นที่พวกคนเฝ้ายาม[as] ของพระองค์ทำนายเอาไว้ ใกล้เข้ามาแล้ว
เวลานั้นที่พระองค์จะมาลงโทษใกล้เข้ามาแล้ว
แล้วเมื่อนั้น พวกคนชั่วทั้งหลายจะสับสนวุ่นวาย
5 อย่าได้ไว้วางใจเพื่อนบ้านของพวกเจ้า อย่าไว้ใจเพื่อนสนิทของเจ้า
แม้แต่เมียในอ้อมอกเจ้าก็ต้องระวังว่าจะพูดอะไรกับนาง
6 ลูกชายหัวเราะเยาะพ่อของเขา
ลูกสาวกบฏต่อแม่ของตัวเอง
ลูกสะใภ้กบฏต่อแม่ผัว
ศัตรูที่เลวร้ายที่สุดก็คือ คนในบ้านของตัวเอง
พระยาห์เวห์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด
7 แต่ส่วนผม จะเฝ้ารอคอยและฝากความหวังไว้กับพระยาห์เวห์
ผมจะอดทนรอคอยพระเจ้า ผู้ช่วยให้รอดของผม
เมื่อผมร้องขอความช่วยเหลือ พระเจ้าของผมจะฟังผม
8 ศิโยนพูดว่า ศัตรูของข้า อย่าได้ดีใจไป ที่ข้าต้องพบกับความยากลำบาก
ถึงข้าล้ม ข้าก็จะลุกขึ้นมาอีก
ถึงแม้ตอนนี้ข้าจะนั่งอยู่ในความมืด
พระยาห์เวห์จะเป็นแสงสว่างให้กับข้า
9 ข้าจะต้องทนต่อความโกรธของพระยาห์เวห์
เพราะข้าได้ทำบาปต่อพระองค์
จนกว่าพระองค์จะแก้ต่างให้กับข้า
และให้ความยุติธรรมกับข้า
พระองค์จะนำข้าไปสู่ความสว่าง
และข้าจะเห็นพระองค์ให้ความเป็นธรรม
10 ขอให้ศัตรูของข้าได้เห็นเรื่องนี้และอับอายขายหน้าอย่างยิ่ง
แล้วตาของข้าจะจ้องมองเธอคนที่พูดใส่หน้าข้าว่า
“ไหนล่ะ พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า”
เมื่อถึงตอนนั้น เธอจะถูกเหยียบย่ำเหมือนขี้โคลนบนถนน
11 มีคาห์พูดกับศิโยนว่า แล้วในวันนั้น กำแพงของพวกเจ้าจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่[at]
วันนั้นจะเป็นวันที่พรมแดนของเจ้าจะขยายออกไป
12 เมื่อถึงตอนนั้น คนของเจ้าจะกลับมาหาเจ้าจากทุกหนแห่ง จากอัสซีเรียไกลถึงอียิปต์
จากอียิปต์ไกลถึงแม่น้ำยูเฟรติส
จากทะเลหนึ่งไปถึงอีกทะเลหนึ่ง
จากภูเขาหนึ่งไปถึงอีกภูเขาหนึ่ง
13 แต่โลกนอกเขตแดนของเจ้าจะถูกทำลาย
มันเป็นผลกรรมของคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น
14 ผู้คนพูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ได้โปรดเลี้ยงดูคนของพระองค์ซึ่งเป็นลูกแกะของพระองค์ด้วยไม้เลี้ยงแกะของพระองค์
ลูกแกะเหล่านั้นอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวในป่าละเมาะ มีทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ล้อมรอบ
ขอให้พวกฝูงแกะมาหากินในบาชานและกิเลอาดเหมือนที่พวกมันเคยทำในสมัยก่อนโน้น
คำอธิษฐานขอพระเจ้าจัดการศัตรู
15 พระยาห์เวห์ ได้โปรดแสดงการอัศจรรย์ทั้งหลายให้เราเห็น
เหมือนกับตอนที่พระองค์นำพวกเราออกมาจากแผ่นดินอียิปต์
16 ขอให้ชนชาติทั้งหลายเห็นการอัศจรรย์ต่างๆเหล่านั้น
และรู้สึกละอายกับอำนาจอันน้อยนิดที่พวกเขามี
ขอให้พวกเขาเอามือปิดปากด้วยความตะลึงงัน
และขอให้หูของพวกเขาหนวกไป
17 ขอให้พวกเขาเลียผงดินเหมือนงูหรือสัตว์อื่นๆที่เลื้อยคลานอยู่บนดิน
ขอให้พวกเขาเดินออกมาจากป้อมปราการของเขาอย่างตัวสั่นงันงก
ขอให้พวกเขามาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ด้วยความหวาดกลัวและเกรงกลัวอยู่ต่อหน้าพระองค์
สรรเสริญพระยาห์เวห์
18 จะมีพระองค์ไหนที่เป็นเหมือนกับพระองค์
พระองค์ให้อภัยกับการกระทำชั่ว
พระองค์ให้อภัยกับพวกที่กบฏต่อพระองค์
คือคนของพระองค์ที่รอดชีวิตมาได้
พระองค์ไม่ฝังใจโกรธพวกนั้นตลอดไป
เพราะพระองค์มีความสุขที่จะแสดงความรักอันมั่นคงของพระองค์
19 พระองค์จะกลับมาเมตตาพวกเราอีกครั้ง
พระองค์จะให้อภัยกับการกระทำที่ชั่วร้ายของเรา
พระองค์จะโยนบาปทั้งหมดของเราทิ้งลงในทะเลลึก
20 พระองค์เจ้าข้า ขอให้พระองค์รักษาสัญญาที่ให้กับยาโคบ
ขอให้พระองค์แสดงความรักอันมั่นคงให้กับอับราฮัม
ตามที่พระองค์สาบานไว้กับบรรพบุรุษของเราตั้งแต่สมัยก่อนโน้น”
1 หนังสือเล่มนี้ เป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์บอกกับนาฮูม ชาวเอลโขช ผ่านทางนิมิต เกี่ยวกับเมืองนีนะเวห์[au]
พระยาห์เวห์โกรธเมืองนีนะเวห์
2 พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าที่หึงหวง[av] และแก้แค้น
พระยาห์เวห์จะทำการแก้แค้นและพระองค์อารมณ์รุนแรง
พระยาห์เวห์จะแก้แค้นคนเหล่านั้นที่ต่อต้านพระองค์
และพระองค์ก็โกรธแค้นพวกศัตรูของพระองค์
3 พระยาห์เวห์โกรธช้าแต่มีฤทธิ์อำนาจมหาศาล
พระยาห์เวห์จะไม่ปล่อยให้คนผิดลอยนวล
เมื่อพระองค์เดินทางก็จะเกิดลมบ้าหมูและพายุ
และเมฆก็ฟุ้งตลบขึ้นมาแทบเท้าของพระองค์
4 พระองค์สั่งทะเลและทะเลก็เหือดแห้งไป
พระองค์ทำให้แม่น้ำทั้งหลายระเหยไปหมด
แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ของบาชานและคารเมลก็แห้งแล้งไป
ต้นที่แตกแขนงออกมาใหม่ของเลบานอนก็เหี่ยวเฉาไป
5 ภูเขาก็สั่นสะเทือนเพราะเกรงกลัวพระองค์
และเนินเขาต่างๆก็ละลายไป
แผ่นดินไหวยกพื้นสูงขึ้น
โลกและคนที่อาศัยอยู่ในโลกก็สั่นไปด้วยเพราะเกรงกลัวพระองค์
6 ใครจะสามารถไปยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ได้ตอนที่พระองค์โกรธ
ใครจะทนต่อความร้อนแรงของความโกรธของพระองค์ได้
ความโกรธแค้นของพระองค์พลุ่งออกมาเหมือนไฟ
พระองค์ทำให้หน้าผาแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
7 พระยาห์เวห์ดีกับคนเหล่านั้นที่รอคอยพระองค์
พระองค์เป็นที่ลี้ภัยเมื่อพวกเขาเดือดร้อน
พระยาห์เวห์ดูแลคนเหล่านั้นที่หันมาลี้ภัยในพระองค์
8 พระองค์จะกวาดล้างคนที่ต่อต้านพระองค์เหมือนกับน้ำที่ไหลท่วมอย่างรุนแรง
พระองค์ก็ไล่ล่าศัตรูของพระองค์ลงไปในแดนคนตายอันมืดมิด
9 พวกเจ้าวางแผนต่อต้านพระยาห์เวห์ทำไม
พระองค์จะทำลายล้างศัตรูจนหมดสิ้น
จะได้ไม่มีใครมาต่อต้านพระองค์อีกเป็นครั้งที่สอง
10 ถึงแม้พวกเขาจะเป็นเหมือนกำแพงป้องกันที่ทำจากหนามที่พันกันยุ่งเหยิง
ถึงแม้พวกเขาจะเหมือนกองทัพที่มีอาหารและเหล้าอย่างเหลือเฟือ
พวกเขาจะแพ้อย่างรวดเร็วเหมือนฟางที่ถูกเผา
11 ยูดาห์ คนที่ออกอุบายและวางแผนชั่วร้ายต่อต้านพระยาห์เวห์
จะถูกไล่ออกไปจากพวกเจ้าในไม่ช้านี้
12 ดังนั้น พระยาห์เวห์จึงพูดว่า
ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกอัสซีเรียจะแข็งแรงและมีจำนวนมาก
แต่พวกเขาจะถูกตัดขาดและตายไป
ดังนั้นถึงแม้เราทำให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมาน
เราจะไม่ให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป
13 ตอนนี้ เราจะหักแอกของอัสซีเรียออกจากเจ้า
และจะทำลายโซ่ตรวนของเจ้า
14 กษัตริย์อัสซีเรีย พระยาห์เวห์ออกคำสั่งเกี่ยวกับท่านแล้ว
“เจ้าจะไม่มีลูกหลานไว้สืบสกุลอีกต่อไป
เรายาห์เวห์จะตัดรูปเคารพที่แกะสลักและรูปเคารพที่หล่อทั้งหมดจากวิหารของเจ้า
เราเตรียมหลุมฝังศพให้กับเจ้าแล้ว เพราะเจ้ามันไร้ค่า”
15 ยูดาห์ ดูบนภูเขาเหล่านั้นสิ มีคนวิ่งมาบอกข่าวดี
เขามาประกาศว่า มีสันติภาพแล้ว
ยูดาห์เอ๋ย เฉลิมฉลองเทศกาลของเจ้าได้แล้ว แก้บนของเจ้าด้วย
พวกคนไร้ค่านั้นจะไม่มีวันมาโจมตีเจ้าได้อีก
เพราะพวกเขาถูกกำจัดไปจนหมดแล้ว
นีนะเวห์จะถูกทำลาย
2 เจ้าผู้เป็นกษัตริย์อัสซีเรีย คนที่จะทำให้คนของเจ้ากระจัดกระจายไป ได้บุกขึ้นมาโจมตีเจ้าแล้ว
ป้องกันป้อมปราการต่างๆไว้ให้ดี
เฝ้าระวังถนนหนทางด้วย
เตรียมอาวุธของเจ้าให้พร้อม
เตรียมตัวให้แข็งแกร่งไว้
2 เพราะว่าพระยาห์เวห์กำลังคืนศักดิ์ศรีให้กับคนของยาโคบ
คือคืนศักดิ์ศรีให้กับชนชาติอิสราเอล
เพราะพวกศัตรูได้ทำลายอิสราเอล
และทำลายไร่องุ่นของพวกเขาไปจนหมดแล้ว
3 ผู้ที่ทำให้กระจัดกระจายไปนั้นพร้อมทำศึก
โล่ของนักรบของเขาเป็นสีแดง
พวกทหารของเขาสวมเครื่องแบบสีแดงเข้ม
เหล็กของรถรบก็ส่องประกายแวววาวเหมือนเปลวเพลิง
และหอกต่างๆก็สั่นไปมาเป็นระลอกๆ
4 รถรบก็แข่งกันอย่างดุเดือดไปตามถนนหนทาง
พวกมันแข่งกันไปที่ลานกลางเมือง
พวกมันดูเหมือนเปลวเพลิง
พวกมันพุ่งไปราวกับสายฟ้าแลบ
5 ผู้ที่ทำให้กระจัดกระจายไปนั้นออกคำสั่งต่อพวกนายทหาร
พวกเขารีบเร่งผลักโล่กำบังเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างตะกุกตะกัก
รีบมุ่งหน้าไปที่กำแพง
และตั้งโล่กำบังขึ้น
6 ประตูน้ำถูกเปิดออก
และวังของกษัตริย์ก็ถูกน้ำซัดพังทลายไป
7 เจ้าหญิงนีนะเวห์ก็ถูกจับมายืนแก้ผ้าในที่สาธารณะ
ส่วนสาวใช้ของนางก็ถูกจับไป พวกเขาก็ทุบอกตัวเอง ร้องครวญครางเหมือนเสียงนกพิราบ
8 นีนะเวห์เป็นเหมือนกับสระน้ำสระหนึ่ง
แต่น้ำของมันไหลทะลักออกไปอย่างรวดเร็ว
พวกผู้นำของนีนะเวห์พูดว่า “หยุดก่อน หยุดก่อน”
แต่ไม่มีใครหันกลับมา
9 ปล้นเอาเงินเอาทองของนีนะเวห์สิ
มีทรัพย์สมบัติมากมายจนนับไม่ถ้วน
และมีของมีค่าต่างๆมากมายเหลือเฟือ
10 หมดแล้ว หมดเกลี้ยงแล้ว ทั้งเมืองสูญสิ้นหมดแล้ว
ผู้คนก็หัวใจสลายหมดแล้ว
ทุกหัวเข่าก็สั่นกระทบกัน
ตัวสั่นหมด
หน้าซีดเผือด
11 ไหนล่ะถ้ำสิงห์[aw]
ไหนล่ะรังสิงห์หนุ่ม
ไหนล่ะที่อยู่ของสิงห์ตัวผู้และตัวเมีย
ไหนล่ะที่ที่ลูกสิงห์อยู่อย่างไม่ต้องกลัวอันตราย
12 สิงห์[ax] หาเหยื่อ[ay] ได้อย่างเหลือเฟือมาเลี้ยงลูกๆของมัน
และมันก็ฆ่าเหยื่อเอามาให้พวกเมียๆของมัน
มันเอาเหยื่อมาไว้เต็มถ้ำของมัน
และถ้ำของมันก็เต็มไปด้วยเนื้อที่ฉีกแล้ว
13 พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พูดว่า
“เราต่อต้านเจ้า เราจะเผาสิ่งที่เจ้ามีเหลือเฟือให้เป็นควัน
และดาบจะฆ่าสิงห์หนุ่มของเจ้าในสนามรบ
ต่อไปนี้จะไม่มีใครตกเป็นเหยื่อของเจ้าอีกแล้ว
และจะไม่มีใครได้ยินข่าวร้ายจากพวกผู้ส่งข่าวของเจ้าอีกต่อไป”
ข่าวร้ายสำหรับเมืองนีนะเวห์
3 นี่ เจ้า เมืองที่เต็มไปด้วยเลือด
เมืองที่เต็มไปด้วยการโกหก
เมืองที่เต็มไปด้วยของที่ปล้นมา
เมืองที่เต็มไปด้วยคนที่ตกเป็นเหยื่อของเจ้า
2 นั่นไง เสียงหวดของแส้ เสียงของล้อดังเอี๊ยดๆ
เสียงของม้าที่พุ่งทะยานและเสียงรถรบที่เต้นตามไป
3 ทหารม้าก็บุกเข้าประจัญบาน
ดาบส่องประกายแวววับ หอกก็ทอแสงแวววาว
มีคนถูกฆ่าตายเกลื่อนกลาด
ซากศพกองพะเนิน มากมายเกลื่อนกลาดจนนับไม่ถ้วน
ผู้คนเดินสะดุดซากศพ
4-5 พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พูดว่า
“เราต่อต้านเจ้า เพราะเจ้านีนะเวห์เป็นเหมือนโสเภณีที่ยั่วยวนชนชาติต่างๆให้หลงใหล ตกเป็นทาสของเจ้า
เจ้าเป็นแม่มดที่สวยงามมีเสน่ห์ที่ใช้มนตร์สะกดคนทั้งหลาย
เราจะยกกระโปรงเจ้าขึ้นปิดหน้าเจ้า
เราจะให้ชนชาติต่างๆเห็นร่างอันเปลือยเปล่าของเจ้า
และเราจะให้อาณาจักรต่างๆเห็นความน่าอับอายของเจ้า
6 เราจะโยนขยะเน่าเหม็นใส่เจ้า
เราจะดูถูกเจ้า จะเอาเจ้ามาประจานให้คนดู
7 เมื่อคนเห็นเจ้า จะรีบเผ่นหนีไปจากเจ้า
ทุกคนจะพูดว่า ‘นีนะเวห์ถูกทำลายแล้ว
จะมีใครเสียใจให้กับนางบ้าง
จะไปหาใครที่ไหนมาปลอบโยนนางได้’”
8 นีนะเวห์ เจ้าคิดว่าเจ้าวิเศษกว่าเมืองเธเบส[az] หรือ
เมืองเธเบสที่ตั้งอยู่บนแม่น้ำไนล์
มีน้ำล้อมรอบ
มีแม่น้ำเป็นที่กำบัง
มีน้ำเป็นกำแพง
9 และมีกำลังอย่างไม่จำกัด
เพราะเอธิโอเปียและอียิปต์เสริมกำลังให้
แล้วยังเป็นพันธมิตรกับพูตและลิเบียด้วย
10 แต่ถึงขนาดนั้น เธเบสก็ยังถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย
ตามหัวถนนทุกแห่ง พวกเด็กทารกของเธอถูกเหวี่ยงทิ้งพื้นแหลกเป็นชิ้นๆ
พวกเขาจับสลากแบ่งพวกผู้ดีของเมืองนั้นไปเป็นทาส
และจับคนใหญ่คนโตของเมืองนั้นล่ามโซ่ไว้
11 ดังนั้นนีนะเวห์ เจ้าก็เหมือนกัน จะเป็นเหมือนคนเมาที่มึนงง
และพยายามหาที่หลบภัยจากศัตรู
12 พวกป้อมปราการทั้งหลายของเจ้าก็จะเป็นเหมือนต้นมะเดื่อที่มีลูกมะเดื่อรุ่นแรกที่สุกคาต้น
เมื่อมีคนมาเขย่าต้นมัน ลูกมะเดื่อก็จะหล่นเข้าปากคนนั้น
13 นีนะเวห์ กองทัพของเจ้า
เป็นเหมือนผู้หญิงที่อยู่ท่ามกลางเจ้า
ประตูเมืองทั้งหลายของเจ้าก็เปิดอ้าให้พวกศัตรู
พวกไม้กลอนประตูเมืองของเจ้าก็ถูกไฟไหม้หมดแล้ว
14 ไปตักน้ำมาตุนไว้สำหรับตัวเองจะได้ใช้มันเมื่อเมืองถูกล้อม
ทำให้ป้อมปราการของเจ้าแข็งแรงขึ้น
ลงไปในโคลน เหยียบย่ำดินเหนียวให้เข้ากัน
แล้วเอามาใส่เบ้าทำอิฐ
15 ในการสู้รบนั้น ไฟจะเผาผลาญเจ้าและดาบจะฟาดฟันเจ้า
ไฟนั้นจะเผาผลาญเจ้าเหมือนตั๊กแตนกินหญ้า
ให้เพิ่มจำนวนคนของเจ้าให้มีมากเหมือนตั๊กแตน
ให้คนของเจ้าทวีคูณเหมือนฝูงตั๊กแตน
16 ถึงพวกพ่อค้าของเจ้ามีมากมายมหาศาลเหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้า
แต่พวกเขาก็จะเป็นเหมือนฝูงตั๊กแตนที่ลอกคราบแล้วบินไป
17 เจ้าหน้าที่ที่เจ้าแต่งตั้งขึ้นมาก็เป็นเหมือนตั๊กแตน
และพวกเสมียนก็เป็นเหมือนฝูงตั๊กแตนที่เกาะอยู่ตามกำแพงที่อบอุ่นในวันที่อากาศหนาวเย็น
แต่เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น พวกมันก็บินหนีไป
และไม่มีใครรู้ด้วยว่ามันบินไปไหน
18 กษัตริย์อัสซีเรีย พวกขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของเจ้า[ba] ก็ล่วงลับไปแล้ว
พวกผู้นำของเจ้าก็ไปเป็นสุขๆแล้ว
คนของเจ้าก็กระจัดกระจายไปตามเนินเขาต่างๆและไม่เหลือผู้นำอีกแล้วที่จะไปรวบรวมพวกเขากลับมา
19 ไม่มีการซ่อมแซมส่วนที่หักร้าวในตัวเจ้า
บาดแผลของเจ้านั้นเกินกว่าที่จะเยียวยารักษาได้
ทุกคนที่ได้ยินข่าวเรื่องเจ้า ต่างก็พากันตบมือดีใจเพราะพวกเขาทุกคนเคยถูกเจ้าทรมานครั้งแล้วครั้งเล่า
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International