Bible in 90 Days
ฟื้นฟูอิสราเอล
11 ในวันนั้น เราจะฟื้นฟูกระโจมของดาวิด
ที่ล้มลงขึ้นใหม่
เราจะซ่อมแซมส่วนที่แตกหัก
บูรณะสิ่งที่ปรักหักพัง
และสร้างขึ้นใหม่อย่างที่เคยเป็น
12 เพื่อพวกเขาจะเป็นเจ้าของสิ่งที่ดินแดนเอโดมมีเหลืออยู่
อีกทั้งประชาชาติทั้งปวงซึ่งได้รับเรียกว่าเป็นคนของเรา”
พระผู้เป็นเจ้าผู้จะกระทำสิ่งเหล่านี้ประกาศ[a]
13 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
“ดูเถิด จะถึงเวลาที่คนเก็บเกี่ยวจะมีข้าวให้เกี่ยวมากมายจนกระทั่งถึงเวลาไถนา
และคนย่ำองุ่นจะมีผลให้ย่ำมากมายจนกระทั่งถึงเวลาหว่านเมล็ด[b]
เหล้าองุ่นใหม่จะหยดจากเทือกเขา
และไหลจากเนินเขาทั้งหลาย
14 เราจะนำอิสราเอลชนชาติของเรากลับมาจากที่ลี้ภัย
พวกเขาจะสร้างเมืองที่ถูกพังทลายขึ้นใหม่เพื่ออยู่อาศัยในนั้น
พวกเขาจะปลูกไร่องุ่นและดื่มเหล้าองุ่น
พวกเขาจะปลูกไร่นาและรับประทานผลที่ได้
15 เราจะฟื้นฟูอิสราเอลให้อยู่ในแผ่นดินของพวกเขาเอง
และจะไม่มีวันที่เขาจะถูกถอนรากถอนโคน
ไปจากแผ่นดินที่เราได้มอบให้แก่พวกเขาอีก”
พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านกล่าว
1 ภาพนิมิตของโอบาดีห์
เอโดมจะต้องถ่อมตัวลง
พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวถึงเอโดม[c]ดังนี้
พวกเราได้รับข้อความจากพระผู้เป็นเจ้า
และผู้ส่งข่าวผู้หนึ่งถูกส่งให้ไปยังบรรดาประชาชาติ เพื่อบอกดังนี้ว่า
“จงเตรียมพร้อม พวกเราจงพร้อมที่จะสู้รบกับเอโดม”
2 “ดูเถิด เราจะทำให้เจ้าด้อยในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
เจ้าจะถูกดูหมิ่นอย่างมาก
3 ใจหยิ่งยโสของเจ้าได้ลวงเจ้าแล้ว
เจ้าอาศัยอยู่ในซอกหิน
และทำที่อยู่อาศัยบนภูเขาสูง
เจ้าคิดในใจว่า
‘ใครจะทำให้เราลงมายังพื้นดินได้’
4 แม้ว่าเจ้าจะโผบินอย่างนกอินทรี
แม้รังของเจ้าจะถูกวางในหมู่ดาว
เราก็จะทำให้เจ้าลงมาจากที่นั่น”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
5 “ถ้าพวกขโมยมาหาเจ้า
ถ้านักปล้นมาในเวลากลางคืน
โอ ความทุกข์ร้อนรอเจ้าอยู่เพียงไร
พวกเขาจะขโมยทุกสิ่งที่ต้องการ
ถ้าพวกคนเก็บองุ่นมาหาเจ้า
พวกเขาจะเหลือให้คนยากไร้เก็บบ้างมิใช่หรือ
6 เอซาวถูกปล้นจนหมดสิ้น
สมบัติของเขาที่ซ่อนไว้ก็ถูกค้นหาทุกซอกทุกมุม
7 มิตรสหายของเจ้าทุกคนได้ขับไล่เจ้าไปถึงชายแดนของเจ้า
บรรดาผู้ที่เป็นมิตรกับเจ้าได้ลวงเจ้า และข่มเจ้า
บรรดาผู้รับประทานอาหารของเจ้าได้วางกับดักจับเจ้า
แต่เจ้าจะไม่ทราบเลย”
8 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า
“ในวันนั้น เราจะไม่กำจัดผู้เรืองปัญญาให้สิ้นไปจากเอโดมหรือ
และกำจัดผู้มีความเข้าใจให้สิ้นไปจากภูเขาเอซาวหรือ
9 โอ เทมานเอ๋ย บรรดานักรบของเจ้าจะตื่นตระหนก
และทุกคนที่ภูเขาเอซาวจะถูกตัดขาดด้วยการถูกสังหาร
เอโดมรุนแรงต่อยาโคบ
10 เพราะความรุนแรงที่เจ้ากระทำต่อยาโคบน้องชายของเจ้า
เจ้าจะต้องอับอายมาก
และเจ้าจะถูกตัดขาดไปตลอดกาล
11 ในวันที่เจ้ายืนอยู่ห่างๆ
ในวันที่บรรดาคนแปลกหน้าขนสมบัติของเขาไป
และบรรดาชาวต่างชาติเข้าไปในประตูเมืองของเขา
และจับฉลากเพื่อชิงเยรูซาเล็ม[d]
เจ้าเป็นเหมือนคนหนึ่งในบรรดาพวกเขา
12 แต่เจ้าอย่าสะใจกับน้องชายของเจ้า
ในวันที่เขาประสบกับเรื่องร้ายๆ
อย่ายินดีในเวลาที่ชาวยูดาห์ลำบาก
อย่าโอ้อวดในวันแห่งความทุกข์
13 อย่าเข้าประตูเมืองของชนชาติของเรา
ในวันแห่งความวิบัติของพวกเขา
อย่าสะใจเมื่อพวกเขามีความทุกข์ร้อน
ในวันแห่งความวิบัติของพวกเขา
อย่ายึดทรัพย์สมบัติของพวกเขา
ในวันแห่งความวิบัติของพวกเขา
14 อย่ายืนที่ทางแยก
และกำจัดบรรดาผู้ลี้ภัย
อย่าจับบรรดาผู้รอดชีวิตส่งให้แก่ศัตรู
ในยามที่พวกเขาเดือดร้อน
วันของพระผู้เป็นเจ้าใกล้จะถึงแล้ว
15 ด้วยว่า วันของพระผู้เป็นเจ้าใกล้จะถึงแล้ว
สำหรับประชาชาติทั้งปวง
เจ้าได้กระทำอย่างไร เจ้าก็จะถูกกระทำตอบอย่างนั้น
การกระทำของเจ้าจะกลับมาสนองตัวเจ้าเอง
16 เจ้าได้ดื่มบนภูเขาอันบริสุทธิ์ของเราอย่างไร
ประชาชาติทั้งปวงก็จะดื่มต่อไปอย่างนั้น
พวกเขาจะดื่มและกลืนลงไป
และจะเป็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
17 แต่ที่ภูเขาศิโยนจะมีบรรดาผู้ที่หนีรอด
และจะเป็นที่บริสุทธิ์
และพงศ์พันธุ์ยาโคบจะเป็นเจ้าของมรดกของพวกเขา
18 พงศ์พันธุ์ยาโคบจะเป็นประดุจไฟ
และพงศ์พันธุ์โยเซฟจะเป็นเปลวไฟ
พงศ์พันธุ์เอซาวจะเป็นกองฟาง
ไฟและเปลวไฟจะเผาและทำให้เอซาวมอดไหม้
และจะไม่มีผู้ใดในพงศ์พันธุ์เอซาวรอดชีวิตมาได้”
เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวดังนั้น
อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า
19 ประชาชนจากเนเกบจะยึดภูเขาเอซาว
และประชาชนจากที่ลุ่มจะยึดแผ่นดินของชาวฟีลิสเตีย
พวกเขาจะยึดครองแผ่นดินของเอฟราอิมและแผ่นดินของสะมาเรีย
และเบนยามินจะยึดกิเลอาด
20 บรรดาเชลยชาวอิสราเอลซึ่งอยู่ในคานาอัน
จะยึดแผ่นดินจนถึงศาเรฟัท
และบรรดาเชลยของเยรูซาเล็มซึ่งอยู่ในเสฟาราด
จะยึดเมืองต่างๆ ในเนเกบ
21 บรรดาผู้ช่วยให้พ้นภัยจะขึ้นไปยังภูเขาศิโยน
และปกครองภูเขาเอซาว
และอาณาจักรจะเป็นของพระผู้เป็นเจ้า
โยนาห์หลบหนีพระผู้เป็นเจ้า
1 คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ามาถึงโยนาห์บุตรของอามิททัยดังนี้ว่า 2 “จงลุกขึ้นเถิด ไปยังนีนะเวห์เมืองอันยิ่งใหญ่ และประกาศต่อต้านเมืองนั้น เพราะความชั่วร้ายของพวกเขาได้ขึ้นมาปรากฏต่อหน้าเรา” 3 แต่โยนาห์ลุกขึ้นเพื่อหลบหนีไปยังเมืองทาร์ชิช เพื่อจะไปให้พ้นจากพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นเขาจึงลงไปยังเมืองยัฟฟา และพบเรือที่กำลังจะไปยังเมืองทาร์ชิช เขาจ่ายค่าโดยสาร และลงเรือไปกับเขาทั้งหลายเพื่อไปยังเมืองทาร์ชิช เพื่อไปให้พ้นจากพระผู้เป็นเจ้า
4 แล้วพระผู้เป็นเจ้าก็บันดาลให้เกิดกระแสลมแรงขึ้นที่ท้องทะเล พายุกล้าจึงเกิดขึ้นที่ทะเลจนเรือใกล้จะแตก 5 บรรดาลูกเรือเกิดความกลัว ต่างก็ตะโกนร้องเรียกถึงเทพเจ้าของตนเอง และเหวี่ยงสัมภาระในเรือทิ้งทะเลเพื่อให้เรือเบาขึ้น แต่โยนาห์กลับลงไปที่ท้องเรือ และเอนกายลงนอนจนหลับสนิท 6 นายเรือลงไปหาโยนาห์และพูดกับเขาดังนี้ว่า “ท่านเป็นอะไรไปจึงนอนหลับได้ ลุกขึ้นเถิด ร้องเรียกถึงเทพเจ้าของท่าน เผื่อเทพเจ้าจะคิดถึงพวกเรา เราจะได้ไม่วอดวายกัน”
7 เขาทั้งหลายพูดกันว่า “พวกเรามาจับฉลากกันเถิด จะได้รู้ว่าเหตุร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นกับพวกเราเพราะใคร” ดังนั้นพวกเขาก็จับฉลาก และฉลากชี้ชัดว่าเป็นเพราะโยนาห์ 8 พวกเขาจึงไปพูดกับโยนาห์ดังนี้ว่า “บอกเราเถิดว่า ใครจะรับผิดชอบกับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับพวกเราเช่นนี้ ท่านมีอาชีพอะไร มาจากไหน ดินแดนไหน ท่านเป็นชนชาติอะไร” 9 เขาตอบว่า “เราเป็นคนฮีบรู เราเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ ผู้สร้างทะเลและแผ่นดิน” 10 ชายเหล่านั้นตกใจกลัวยิ่งนัก จึงพูดกับเขาว่า “ทำไมท่านจึงทำเช่นนี้” พวกเขาทราบว่าโยนาห์กำลังหลบหนีให้พ้นจากพระผู้เป็นเจ้า เพราะโยนาห์ได้บอกพวกเขา
11 พายุในท้องทะเลกำลังโหมหนักมากยิ่งขึ้น พวกเขาจึงถามโยนาห์ว่า “เราควรจะทำอย่างไรกับท่าน ทะเลจึงจะสงบลงให้พวกเรา” 12 เขาตอบว่า “จับตัวเราโยนลงทะเล แล้วมันก็จะสงบลงให้พวกท่าน เราทราบว่าเป็นเพราะเรา พายุแรงกล้าเช่นนี้จึงเกิดขึ้นกับพวกท่าน” 13 ถึงกระนั้น พวกลูกเรือก็ยังพยายามพายเรือเพื่อนำเรือกลับเข้าฝั่ง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะพายุพัดต้านพวกเขาแรงยิ่งขึ้น 14 ดังนั้นพวกเขาจึงร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้าดังนี้ว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้าได้โปรดเถิด อย่าให้พวกข้าพเจ้าตายเพราะชีวิตของชายผู้นี้เลย และอย่าให้พวกข้าพเจ้ารับผิดชอบกับการตายของชายคนนี้ เพราะไม่ใช่ความผิดของพวกข้าพเจ้า โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้กระทำสิ่งที่พระองค์พอใจแล้ว” 15 ครั้นแล้วพวกลูกเรือก็โยนโยนาห์ลงทะเล และทะเลก็สงบลง 16 ชายเหล่านั้นจึงเกิดความเกรงกลัวในพระผู้เป็นเจ้ายิ่งนัก และถวายเครื่องสักการะแด่พระผู้เป็นเจ้า และให้คำสัญญาต่อพระองค์
17 แล้วพระผู้เป็นเจ้าโปรดให้ปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่งกลืนโยนาห์ ฉะนั้นโยนาห์อยู่ในท้องปลา 3 วัน 3 คืน[e]
คำอธิษฐานของโยนาห์
2 โยนาห์จึงอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเขาจากท้องปลาตัวนั้น 2 โดยพูดดังนี้ว่า
“เวลาข้าพเจ้าตกอยู่ในความลำบาก ข้าพเจ้าก็ได้ร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้า
และพระองค์ก็ตอบข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากส่วนลึกของแดนคนตาย
พระองค์ก็ได้ยินเสียงของข้าพเจ้า
3 พระองค์โยนข้าพเจ้าลงไปสู่ที่ลึก
ลงในใจกลางทะเล
และกระแสน้ำโอบรอบตัวข้าพเจ้า
ทั้งคลื่นลูกน้อยและลูกใหญ่
ซัดท่วมตัวข้าพเจ้า
4 ข้าพเจ้าจึงพูดว่า ‘ข้าพเจ้าถูกขับไป
จากสายตาของพระองค์
กระนั้น ข้าพเจ้าก็ยังจะมองดูพระวิหาร
อันบริสุทธิ์ของพระองค์อีก’
5 น้ำท่วมตัวข้าพเจ้าเจียนตาย
ทะเลลึกโอบรอบตัวข้าพเจ้า
สาหร่ายก็พันหัวข้าพเจ้า
6 ข้าพเจ้าจมลงสู่ฐานรากของเทือกเขา
แผ่นดินเบื้องล่างปิดกั้นข้าพเจ้าไปจนชั่วนิรันดร์
โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า
แต่พระองค์ได้ดึงชีวิตข้าพเจ้าออกมาจากหลุมลึก
7 ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังสิ้นหวัง
โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าก็นึกถึงพระองค์
และคำอธิษฐานของข้าพเจ้าขึ้นไปถึงพระองค์
ณ พระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์
8 บรรดาผู้ที่ยึดเหนี่ยวในรูปเคารพซึ่งไร้ค่าไร้ประโยชน์
สลัดทิ้งความรักอันมั่นคงของตน
9 แต่ข้าพเจ้าจะมอบเครื่องสักการะแด่พระองค์
ด้วยเสียงแห่งการขอบคุณว่า
สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้สัญญาไว้ ข้าพเจ้าจะกระทำตาม
ความรอดพ้นมาจากพระผู้เป็นเจ้า”
10 แล้วพระผู้เป็นเจ้าก็สั่งให้ปลาตัวนั้นสำรอกโยนาห์ออกบนแผ่นดินแห้ง
โยนาห์ไปยังนีนะเวห์
3 ครั้นแล้วคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าก็มาถึงโยนาห์เป็นครั้งที่สอง โดยกล่าวดังนี้ว่า 2 “จงลุกขึ้นเถิด ไปยังนีนะเวห์เมืองอันยิ่งใหญ่ และประกาศต่อต้านเมืองนั้น เป็นคำประกาศตามที่เรากำลังจะบอกเจ้า” 3 ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้น และไปยังเมืองนีนะเวห์ตามคำของพระผู้เป็นเจ้า ในเวลานั้นนีนะเวห์เป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่นัก ถ้าจะเดินให้ทั่วเมืองต้องใช้เวลา 3 วัน 4 โยนาห์เริ่มเข้าไปในเมือง เดินเป็นเวลาหนึ่งวัน เขาประกาศกล่าวโทษว่า “อีก 40 วัน นีนะเวห์จะถูกทำลาย” 5 แล้วชาวเมืองนีนะเวห์ก็เชื่อในพระเจ้า พวกเขาประกาศให้ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อยอดอาหารและสวมผ้ากระสอบ
6 เมื่อกษัตริย์แห่งนีนะเวห์ได้ยินเรื่องราว ท่านจึงลุกขึ้นจากที่นั่ง ถอดเสื้อคลุมออก คลุมกายด้วยผ้ากระสอบ และนั่งบนกองขี้เถ้า 7 แล้วกษัตริย์ก็สั่งให้เขียนข้อความประกาศทั่วนีนะเวห์ว่า “มีคำสั่งจากกษัตริย์และบรรดาผู้สูงศักดิ์ของท่านดังนี้ ‘อย่าให้คน สัตว์เลี้ยง ฝูงโค และฝูงแพะแกะลิ้มรสสิ่งใดเลย และอย่าให้ดื่มน้ำ 8 แต่ให้คนและสัตว์สวมผ้ากระสอบ และร้องเรียกถึงพระเจ้าอย่างไม่ย่อท้อ ทุกคนจงหันจากวิถีทางที่ชั่วร้ายและจากการประพฤติที่รุนแรง 9 ใครจะทราบได้ พระเจ้าอาจจะเปลี่ยนใจและสงสาร และถอนความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์ พวกเราจะได้ไม่วอดวาย’”
10 เมื่อพระเจ้าเห็นการกระทำของพวกเขาว่า พวกเขาได้หันไปจากทางที่ชั่วร้าย พระเจ้าจึงเปลี่ยนใจเรื่องภัยพิบัติที่พระองค์ได้ประกาศไว้ว่า จะให้เกิดขึ้นกับพวกเขา และพระองค์ไม่ให้มันเกิดขึ้น
โยนาห์ไม่พอใจกับความสงสารของพระเจ้า
4 แต่โยนาห์กลับไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ 2 และอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้าดังนี้ว่า “พระผู้เป็นเจ้า ได้โปรดเถิด ข้าพเจ้าได้พูดแล้วเมื่อครั้งยังอยู่ที่บ้านข้าพเจ้ามิใช่หรือ ข้าพเจ้าจึงได้รีบหลบหนีไปยังเมืองทาร์ชิช เพราะข้าพเจ้าทราบว่าพระองค์มีพระคุณและความสงสาร ไม่โกรธง่าย และบริบูรณ์ด้วยความรักอันมั่นคง เป็นพระเจ้าผู้เปลี่ยนความตั้งใจและไม่ให้ความวิบัติเกิดขึ้น 3 และบัดนี้ โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดเอาชีวิตข้าพเจ้าไปเถิด เพราะว่าให้ข้าพเจ้าตาย ยังจะดีกว่าให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่” 4 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “สมควรแล้วหรือที่เจ้าโกรธ”
5 โยนาห์ก็ออกไปจากตัวเมือง ไปนั่งทางทิศตะวันออกของเมือง เขาสร้างเพิงไว้เป็นที่พักอยู่ที่นั่น แล้วเขาก็นั่งอยู่ใต้ที่พักในที่ร่มเพื่อจะดูว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นในเมืองนั้น 6 ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าจึงกำหนดให้ไม้เลื้อยต้นหนึ่งงอกขึ้นจนเป็นที่ร่มรื่นบังศีรษะ ให้เขาพ้นจากความไม่สบายกาย แล้วโยนาห์ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีไม้เลื้อยต้นนั้น 7 เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น พระเจ้ากำหนดให้มีหนอนตัวหนึ่งมากินต้นไม้นั้นจนเหี่ยวเฉาไป 8 เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น พระเจ้ากำหนดให้ลมร้อนพัดมาจากทางทิศตะวันออก ดวงอาทิตย์ก็แผดเผาศีรษะของโยนาห์ โยนาห์จึงเป็นลม และขอให้ตนสิ้นชีวิต พลางพูดว่า “ให้ข้าพเจ้าตายยังจะดีกว่าให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่” 9 แต่พระเจ้ากล่าวกับโยนาห์ว่า “สมควรแล้วหรือที่เจ้าโกรธเรื่องไม้เลื้อยต้นนั้น” เขาพูดตอบว่า “สมควรแล้วที่ข้าพเจ้าโกรธ ข้าพเจ้าโกรธมากจนถึงแก่ความตายได้” 10 แต่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “เจ้ามีใจสงสารต่อไม้เลื้อยต้นนั้นซึ่งเจ้าก็ไม่ได้ดูแลหรือทำให้มันเติบโต มันมีชีวิตโตขึ้นในคืนเดียว แล้วมันก็ตายในชั่วคืนเดียว 11 แต่นีนะเวห์มีประชากรมากกว่า 120,000 คนซึ่งไม่รู้ว่ามือไหนเป็นมือขวา มือไหนเป็นมือซ้าย และมีสัตว์เลี้ยงเป็นจำนวนมากด้วย แล้วเราไม่ควรที่จะสงสารนีนะเวห์เมืองอันยิ่งใหญ่หรือ”
1 คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ามาถึงมีคาห์แห่งโมเรเชท ในรัชสมัยโยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์ บรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์[f] ท่านเห็นภาพนิมิตเกี่ยวกับสะมาเรียและเยรูซาเล็ม
ความพินาศใกล้เข้ามา
2 โอ บรรดาชนชาติเอ๋ย พวกท่านทุกคนจงฟัง
โอ แผ่นดินโลกเอ๋ย ทุกคนที่อยู่ในนั้น จงตั้งใจฟัง
และให้พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เป็นพยานถึงสิ่งที่พวกท่านกระทำ
พระผู้เป็นเจ้าจะมาจากพระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์
3 ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้ากำลังออกมาจากที่ของพระองค์
พระองค์จะลงมาและเดินย่ำสถานบูชาบนภูเขาสูงของแผ่นดินโลก
4 และภูเขาจะละลายอยู่ภายใต้พระองค์
หุบเขาจะแยกออก
เหมือนขี้ผึ้งที่อยู่หน้าไฟ
เหมือนน้ำที่ไหลลงจากที่สูงชัน
5 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นก็เพราะการล่วงละเมิดของยาโคบ
เพราะบาปของพงศ์พันธุ์อิสราเอล
การล่วงละเมิดของยาโคบคืออะไร
ไม่ใช่สะมาเรียหรือ
และอะไรคือสถานบูชาบนภูเขาสูงของยูดาห์
ไม่ใช่เยรูซาเล็มหรือ
6 “ฉะนั้น เราจะทำให้สะมาเรียเป็นกองหินปรักหักพังในทุ่งโล่ง
เป็นที่สำหรับปลูกสวนองุ่น
และเราจะเทหินของเมืองนั้นลงสู่หุบเขา
และจะไม่มีอะไรเหลือจนถึงฐานราก
7 รูปเคารพทั้งสิ้นของเมืองจะถูกทุบจนแหลก
ค่าจ้างทั้งสิ้นของเมืองนั้นจะถูกเผาไฟ
และเราจะทำลายรูปบูชาทั้งสิ้นให้พินาศ
ด้วยว่า เมืองนั้นสะสมมันมาได้จากค่าจ้างของหญิงแพศยา
และสิ่งเหล่านั้นจะกลับไปเป็นค่าจ้างของหญิงแพศยาอีก”
8 ข้าพเจ้าจะร้องรำพันและร้องฟูมฟาย
ข้าพเจ้าจะเดินเท้าเปล่าและไม่สวมเสื้อ
ข้าพเจ้าจะหอนดั่งหมาใน
และโอดครวญดั่งนกกระจอกเทศ
9 เพราะบาดแผลของเมืองนั้นรักษาไม่หาย
และได้เกิดขึ้นกับยูดาห์
มันถึงประตูเมืองของชนชาติของข้าพเจ้าแล้ว
มาจนถึงเยรูซาเล็ม
10 อย่าบอกเรื่องนี้ในเมืองกัท
อย่าร้องไห้เลย
พวกท่านจงเกลือกกลิ้งตัวในฝุ่น
ที่เมืองเบธเลอัฟราห์
11 ชาวเมืองชาฟีร์เอ๋ย
จงไปตามทางของพวกท่าน
ด้วยความเปลือยเปล่าและความอับอาย
ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองศาอานันเอ๋ย
จงอย่าออกมา
เบธเอเซลร้องรำพัน
ที่ยืนอันมั่นคงจะถูกเอาไปจากพวกท่าน
12 ด้วยว่า บรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในมาโรทเจ็บปวดแสนสาหัส
รอด้วยความหวังว่าจะดีขึ้น
เพราะความเลวร้ายได้ลงมาจากพระผู้เป็นเจ้า
และถึงประตูเมืองเยรูซาเล็ม
13 บรรดาผู้อาศัยอยู่ในลาคีชเอ๋ย
จงผูกอานม้าเข้ากับรถศึก
ท่านเป็นจุดเริ่มต้น
ที่ทำให้ธิดาแห่งศิโยนทำบาป
ด้วยว่า ท่านกระทำตาม
การล่วงละเมิดของอิสราเอล
14 ฉะนั้นท่านจงมอบสินสอด
ให้แก่โมเรเชทกัท
พงศ์พันธุ์ของอัคซีบจะกลายเป็นผู้หลอกลวง
สำหรับบรรดากษัตริย์ของอิสราเอล
15 “ผู้อยู่อาศัยของมาเรชาห์เอ๋ย
เราจะนำผู้ยึดครองมายังเจ้า
ความสูงส่งของอิสราเอล
จะมายังอดุลลาม
16 จงโกนศีรษะให้ล้านเป็นการไว้อาลัย
เพื่อลูกหลานที่เจ้าชื่นชอบ
โกนศีรษะให้ล้านอย่างนกแร้ง
เพราะพวกเขาจะลี้ภัยไปจากเจ้า”
วิบัติจงเกิดแก่ผู้กดขี่ข่มเหง
2 วิบัติจงเกิดแก่บรรดาผู้ที่วางแผนชั่วร้าย
และเจตนาทำความชั่วขณะที่นอนอยู่บนเตียง
ทันทีที่ฟ้าสาง พวกเขาก็ดำเนินการ
เพราะมีอำนาจอยู่ในมือ
2 พวกเขาโลภอยากได้ที่นาแล้วก็ยึดไป
อยากได้บ้านเรือนแล้วก็ยึดไป
พวกเขากดขี่ข่มเหงและปล้นเอาบ้านของเขาไป
บ้านซึ่งเป็นมรดกของเขา
3 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้
“ดูเถิด เรากำลังวางแผนที่จะทำให้ตระกูลนี้พินาศ
และเจ้าจะไม่สามารถช่วยตัวเองให้รอดได้
แล้วเจ้าจะไม่ดำเนินชีวิตด้วยความยโส
เพราะจะเป็นกาลวิบัติ
4 ในวันนั้น จะมีคนที่ใช้สุภาษิตถากถางเจ้า
และเขาจะร้องคร่ำครวญดังนี้ว่า
‘พวกเรายับเยินอย่างสิ้นเชิง
พระองค์เปลี่ยนส่วนแบ่งซึ่งเป็นของชนชาติของเรา
พระองค์เอาไปจากเราได้อย่างไร
พระองค์แบ่งที่นาของพวกเราไปให้แก่คนทรยศ’
5 ฉะนั้น เจ้าจะไม่มีใครสักคนในที่ประชุมของพระผู้เป็นเจ้า
ที่จะแบ่งที่ดินด้วยการจับฉลาก
6 พวกเขาเทศนาดังนี้ว่า ‘จงหยุดเทศนา
ไม่ควรมีใครกล่าวคำเทศนาเรื่องเหล่านี้
ความอัปยศจะไม่เกิดขึ้นกับพวกเรา’
7 โอ พงศ์พันธุ์ของยาโคบเอ๋ย เจ้าควรจะพูดอย่างนี้กันหรือว่า
‘พระผู้เป็นเจ้าหมดความอดทนแล้วหรือ
พระองค์กระทำสิ่งเหล่านี้หรือ’
คำพูดของเราไม่ทำให้เกิดผลดี
กับคนที่ดำเนินชีวิตด้วยความเที่ยงธรรมหรือ
8 เมื่อไม่นานมานี้ ชนชาติของเรา
ได้ลุกขึ้นสู้เหมือนกับว่าเป็นศัตรู
เจ้าริบเสื้อคลุมไปจากบรรดาผู้ที่เดินผ่านมา
อย่างไม่ระวังตัว
จากบรรดาผู้ที่กลับมาจากสงคราม
9 พวกเจ้าขับไล่บรรดาผู้หญิงของชนชาติของเราออกไปจากบ้านอันร่มรื่น
ของพวกนาง
เจ้าเอาบารมีของเราไปจากลูกๆ
ของพวกนางไปตลอดกาล
10 จงลุกขึ้นและไปให้พ้น
เพราะนี่ไม่ใช่ที่พักของพวกเจ้า
เนื่องจากความเป็นมลทิน
เจ้าจะถูกทำลายจนยับเยิน
11 ถ้าคนใดคนหนึ่งดำเนินชีวิตด้วยการพูดอย่างลมๆ แล้งๆ และโป้ปดว่า
‘เราจะเทศนาเรื่องเหล้าองุ่นและสุราแก่เจ้า’
เขาจะเป็นนักเทศน์ของชนชาตินี้
12 โอ ยาโคบเอ๋ย เราจะรวบรวมพวกเจ้าทุกคนอย่างแน่นอน
เราจะรวบรวมผู้ที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่ของอิสราเอล
เราจะให้พวกเขาเข้ามาอยู่ด้วยกัน
เหมือนแกะในคอก
เหมือนฝูงแกะในทุ่งหญ้า
ผู้คนจำนวนมากส่งเสียงเอิกเกริก
13 ผู้ที่ทะลวงทางจะนำหน้าพวกเขาขึ้นไป
จะพังประตู และออกไปทางนั้น
กษัตริย์ของพวกเขาจะเดินนำพวกเขาออกไป
พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้นำของพวกเขา”
ผู้ปกครองและผู้เผยคำกล่าวถูกห้ามปราม
3 และข้าพเจ้าพูดดังนี้ว่า
“บรรดาผู้นำของยาโคบ
และบรรดาผู้ปกครองของพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย
จงฟังเถิด พวกท่านควรรู้จักความยุติธรรมมิใช่หรือ
2 พวกท่านเกลียดความดีและรักความชั่ว
ท่านฉีกผิวหนังประชาชนของข้าพเจ้า
และขูดเนื้อจากกระดูกของพวกเขา
3 ท่านกินเนื้อประชาชนของข้าพเจ้า
และขูดผิวจากพวกเขา
และหักกระดูกเป็นชิ้นๆ
และสับอย่างสับเนื้อลงในกระทะ
อย่างเนื้อในหม้อต้ม”
4 แล้วพวกเขาจะส่งเสียงร้องถึงพระผู้เป็นเจ้า
แต่พระองค์จะไม่ตอบพวกเขา
ในเวลานั้นพระองค์จะซ่อนหน้าไปจากพวกเขา
เพราะพวกเขาได้กระทำความชั่ว
5 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า
“บรรดาผู้เผยคำกล่าว
ซึ่งนำชนชาติของเราให้หลงผิด
ในเวลาที่มีคนให้อาหาร
พวกเขาก็ร้องประกาศสันติสุข
แต่กลับประกาศสงครามต่อต้าน
คนที่ไม่ให้อาหารพวกเขา
6 ฉะนั้น ความมืดจะตกอยู่กับพวกเจ้าโดยปราศจากภาพนิมิต
และความมืดจะตกอยู่กับพวกเจ้าโดยปราศจากการทำนาย
จะไม่มีดวงอาทิตย์ส่องให้แก่บรรดาผู้เผยคำกล่าว
และพวกเขาจะเผชิญกับวันที่มืดมิด
7 บรรดาผู้รู้จะได้รับความอัปยศ
และบรรดาผู้ทำนายจะต้องอับอาย
พวกเขาทุกคนจะปิดปาก
เพราะไม่มีคำตอบจากพระเจ้า”
8 แต่สำหรับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะเปี่ยมล้นด้วยพลัง
ด้วยพระวิญญาณพระผู้เป็นเจ้า
ด้วยความยุติธรรมและอานุภาพ
เพื่อจะประกาศการล่วงละเมิดของยาโคบ
และประกาศบาปของอิสราเอลให้ทราบ
9 บรรดาผู้นำของยาโคบ
และบรรดาผู้ปกครองของพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด
ใครเกลียดความยุติธรรม
และทำทุกสิ่งที่ตรงให้คด
10 บรรดาผู้สร้างศิโยนด้วยการนองเลือด
และสร้างเยรูซาเล็มด้วยความชั่วร้าย
11 บรรดาผู้นำของเมืองตัดสินโทษเพราะเห็นแก่สินบน
บรรดาปุโรหิตของเมืองสอนเพราะเห็นแก่ค่าจ้าง
บรรดาผู้เผยคำกล่าวทำนายเพราะเห็นแก่เงินทอง
ถึงกระนั้นพวกเขายังพึ่งในพระผู้เป็นเจ้า และพูดว่า
“พระผู้เป็นเจ้าอยู่ท่ามกลางพวกเรามิใช่หรือ
ความวิบัติใดๆ จะไม่เกิดขึ้นกับพวกเราหรอก”
12 ฉะนั้น เป็นเพราะพวกท่าน
ศิโยนจะถูกไถเหมือนเป็นไร่นา
เยรูซาเล็มจะกลายเป็นกองซากปรักหักพัง
และภูเขาของพระตำหนักจะเป็นดงไม้ทึบ
ภูเขาของพระผู้เป็นเจ้า
4 เมื่อถึงช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้าย
ภูเขาของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
จะได้รับการสถาปนาเป็นภูเขาสูงที่สุดในบรรดาเทือกเขาทั้งหลาย
และจะถูกยกขึ้นอยู่เหนือเนินเขาทั้งปวง
และบรรดาชนชาติจะพากันหลั่งไหลเข้าไป
2 ประชาชาติจำนวนมากจะมาและพูดว่า
“มาเถิด เราขึ้นไปยังภูเขาของพระผู้เป็นเจ้า
ไปยังพระตำหนักของพระเจ้าของยาโคบกันเถิด
เพื่อให้พระองค์สอนวิถีทางของพระองค์ให้แก่พวกเรา
และเพื่อพวกเราจะดำเนินในทางของพระองค์”
เพราะกฎบัญญัติจะออกมาจากศิโยน
และคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าจะมาจากเยรูซาเล็ม
3 พระองค์จะตัดสินความระหว่างชนชาติจำนวนมาก
และจะตัดสินการโต้แย้งให้กับบรรดาประชาชาติที่แข็งแกร่งที่อยู่ห่างไกล
และพวกเขาจะตีดาบให้เป็นใบมีดคันไถ
และตีหอกให้เป็นขอเกี่ยวสำหรับลิดกิ่งไม้
ประชาชาติจะไม่ใช้ดาบต่อสู้กัน
และพวกเขาจะไม่ศึกษาเรื่องการสู้รบอีกต่อไป
4 ผู้ชายแต่ละคนจะนั่งอยู่ใต้ซุ้มองุ่นและใต้ต้นมะเดื่อของตน
จะไม่มีผู้ใดทำให้พวกเขาหวาดกลัว
เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวดังนั้นแล้ว
5 ชนชาติทั้งปวงดำเนินชีวิต
ในนามของปวงเทพเจ้าของพวกเขา
แต่พวกเราจะดำเนินชีวิตในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา
จนชั่วกัปชั่วกัลป์
พระผู้เป็นเจ้าจะช่วยศิโยนให้รอด
6 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้
“ในวันนั้นเราจะเรียกประชุมคนง่อย
และรวบรวมบรรดาผู้ที่ถูกขับไล่
และบรรดาผู้ที่เราได้ทำให้รับทุกข์
7 เราจะทำให้คนง่อยเป็นผู้ที่เหลืออยู่
และบรรดาผู้ที่ถูกขับไล่เป็นประชาชาติที่แข็งแกร่ง
และพระผู้เป็นเจ้าจะปกครองพวกเขาที่ภูเขาศิโยน
ตั้งแต่บัดนี้จนชั่วกัปชั่วกัลป์
8 สำหรับเจ้า โอ หอคอยของฝูงแกะ
เนินเขาของธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย
การปกครองแบบที่เคยเป็นจะกลับมา
อาณาจักรสำหรับธิดาแห่งเยรูซาเล็มจะกลับมาสู่เจ้า”
9 ทำไมท่านจึงร้องเสียงดังในเวลานี้
ท่านไม่มีกษัตริย์หรือ
ที่ปรึกษาของท่านเสียชีวิตไปแล้วหรือ
ท่านเจ็บปวดดั่งผู้หญิงในยามคลอดลูก
10 ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงบิดด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
และโอดครวญดั่งผู้หญิงในยามคลอดลูก
เพราะบัดนี้ ท่านจะออกไปจากเมือง
และอาศัยอยู่ในที่โล่งแจ้ง
ท่านจะไปยังบาบิโลน
ที่นั่นท่านจะได้รับความปลอดภัย
ที่นั่นพระผู้เป็นเจ้าจะไถ่ท่านให้พ้นจากมือของศัตรู
11 แต่ในเวลานี้ ประชาชาติจำนวนมาก
มาร่วมกันโจมตีท่าน พวกเขาพูดว่า
“เราไปทำให้เมืองเป็นมลทินกันเถิด
และมองดูศิโยนอย่างสะใจ”
12 แต่พวกเขาไม่ทราบความคิดของพระผู้เป็นเจ้า
พวกเขาไม่เข้าใจแผนการของพระองค์
พระองค์ได้รวบรวมพวกเขา
อย่างฟ่อนข้าวไปที่ลานนวดข้าว
13 “โอ ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย
จงลุกขึ้นและเหยียบย่ำเถิด
เพราะเราจะทำให้เขาของเจ้าแกร่งดั่งเหล็กกล้า
และเราจะทำให้กีบเท้าของเจ้าเป็นดั่งทองสัมฤทธิ์
เจ้าจะโจมตีชนชาติจำนวนมากให้แหลก”
และท่านจะมอบสิ่งที่พวกเขาริบไปเพื่อถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
มอบสมบัติมหาศาลของพวกเขาให้แด่พระผู้เป็นเจ้าแห่งโลกทั้งโลก
ผู้ปกครองจะบังเกิดในเบธเลเฮม
5 บัดนี้ จงรวบรวมกำลังของท่านเถิด เมืองแห่งพละกำลังเอ๋ย
พวกเราถูกล้อมเมือง
พวกเขาใช้ตะบองฟาดหน้า
ของผู้ตัดสินความของอิสราเอล
2 “เบธเลเฮม เอฟราธาห์เอ๋ย
แม้เจ้าจะด้อยในตระกูลของยูดาห์
แต่ท่านหนึ่งที่จะออกไปจากเจ้าเป็นผู้ปกครองของอิสราเอลเพื่อเรา
ท่านมาจากครั้งโบราณกาล
จากปฐมกาล”[g]
3 ฉะนั้น ท่านจะละทิ้งพวกเขาไปจนกระทั่งถึงเวลาเมื่อผู้หญิงที่เจ็บครรภ์คลอดบุตร
จากนั้นพี่น้องที่เหลืออยู่ของท่าน
จะกลับมารวมกับชาวอิสราเอล
4 และท่านจะยืนหยัดและเลี้ยงดูฝูงแกะของท่าน
ด้วยอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า
ในความยิ่งใหญ่ของพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน
และพวกเขาจะอยู่ด้วยความมั่นคง
ด้วยว่า ในเวลานั้นความยิ่งใหญ่ของท่านจะเป็นที่รู้จักไปจนสุดขอบโลก
5 และท่านจะเป็นสันติสุขของพวกเขา
เมื่อชาวอัสซีเรียรุกรานแผ่นดินของพวกเรา
และเหยียบย่ำวังทั้งหลายของพวกเรา
แล้วพวกเราจะกำหนดบรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ 7 คน
และผู้นำ 8 คนไปต่อสู้กับเขา
6 พวกเขาจะปกครองแผ่นดินอัสซีเรียด้วยดาบ
และแผ่นดินนิมโรดที่ทางเข้า
และท่านจะช่วยพวกเราให้รอดปลอดภัยจากชาวอัสซีเรีย
เมื่อเขารุกรานแผ่นดินของพวกเรา
และเหยียบย่ำอาณาเขตของเรา
พวกที่เหลืออยู่จะรอดปลอดภัย
7 แล้วผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของยาโคบ
จะอยู่ในท่ามกลางชนชาติจำนวนมาก
จะเป็นดั่งน้ำค้างจากพระผู้เป็นเจ้า
ดั่งละอองฝนบนใบหญ้า
ซึ่งไม่หวังพึ่งใคร
หรือรอคอยบรรดาบุตรของมนุษย์
8 และผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของยาโคบ
จะอยู่ในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
ในท่ามกลางชนชาติจำนวนมาก
จะเป็นดั่งสิงโตในท่ามกลางสัตว์ป่า
ดั่งสิงโตหนุ่มท่ามกลางฝูงแกะ
ซึ่งเวลาที่สิงโตเดินผ่านมาเหยียบย่ำ
และฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ
และไม่มีใครจะช่วยได้
9 มือของท่านจะยกชูขึ้นเหนือฝ่ายตรงข้าม
และศัตรูของท่านทุกคนจะพินาศ
10 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
“ในวันนั้น เราจะพรากม้าไปจากพวกเจ้า
และเราจะทำให้รถศึกของเจ้าพินาศ
11 เราจะทำเมืองในแผ่นดินของเจ้าพินาศ
และพังป้อมปราการอันแข็งแกร่งลง
12 และเราจะกำจัดผู้ใช้เวทมนตร์ของเจ้า
และเจ้าจะไม่มีผู้เสกคาถาอีกต่อไป
13 เราจะทำลายรูปเคารพทั้งหลายของเจ้า
จะทำลายเสาหินของเจ้าไปเสียจากเจ้า
และเจ้าจะไม่ก้มกราบสิ่งที่เจ้าสร้างขึ้น
ด้วยมือของเจ้าอีกต่อไป
14 และเราจะโค่นเทวรูปอาเชราห์ไปจากเจ้า
และทำลายเมืองทั้งหลายของเจ้า
15 เราจะแก้แค้นในความกริ้วและการลงโทษ
ต่อบรรดาประชาชาติที่ไม่เชื่อฟังเรา”
พระผู้เป็นเจ้ากล่าวท้วง
6 จงฟังให้ดีว่า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่าอย่างไร
“จงลุกขึ้น สู้ความของเจ้าต่อหน้าเทือกเขา
และให้เนินเขาได้ยินเสียงของเจ้า
2 เทือกเขาเอ๋ย จงฟังคำกล่าวท้วงของพระผู้เป็นเจ้า
และฐานรากอันมั่นคงของแผ่นดินโลก จงฟังเถิด
เพราะพระผู้เป็นเจ้ามีคำกล่าวท้วงชนชาติของพระองค์
และพระองค์จะกล่าวโทษอิสราเอล
3 โอ ชนชาติของเราเอ๋ย เราได้ทำสิ่งใดต่อเจ้าหรือ
เราให้เจ้าแบกภาระอะไร จงตอบเรา
4 เราได้นำเจ้าขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์
และไถ่เจ้าจากบ้านเรือนแห่งความเป็นทาส[h]
และเราส่งโมเสส อาโรน และมิเรียม
ให้นำหน้าเจ้าไป
5 โอ ชนชาติของเราเอ๋ย จงระลึกว่าบาลาคกษัตริย์ของโมอับวางอุบายอะไร
และบาลาอัมบุตรของเบโอร์ตอบเขาว่าอย่างไร[i]
และเกิดอะไรขึ้นจากเมืองชิทธีมถึงเมืองกิลกาล[j]
แล้วเจ้าจะได้รู้ถึงการกระทำอันชอบธรรมของพระผู้เป็นเจ้า”
พระผู้เป็นเจ้าประสงค์อะไร
6 ข้าพเจ้าจะนำอะไรมาเมื่อเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้า
และก้มกราบ ณ เบื้องหน้าพระเจ้าเบื้องสูง
ข้าพเจ้าควรจะเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย
ด้วยลูกโคตัวผู้อายุ 1 ปีหรือ
7 พระผู้เป็นเจ้าจะพอใจในแกะตัวผู้หลายพันตัว
และน้ำมันจากแม่น้ำนับหมื่นสายหรือ
ข้าพเจ้าควรจะมอบบุตรคนแรกของข้าพเจ้าสำหรับการล่วงละเมิดของข้าพเจ้า
คือผลแรกซึ่งเกิดจากข้าพเจ้าสำหรับบาปของตนเองหรือ
8 โอ มนุษย์เอ๋ย พระองค์ได้บอกให้ท่านทราบแล้วว่า อะไรดี
พระผู้เป็นเจ้าให้ท่านพึงปฏิบัติตนอย่างไรเล่า
จงให้ความเป็นธรรม รักความเมตตา
และดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าของท่านอย่างถ่อมตัว
คนชั่วร้ายพินาศ
9 เสียงของพระผู้เป็นเจ้าประกาศแก่เมือง
ความเกรงกลัวที่มีต่อพระนามของพระองค์นับว่ามีสติปัญญา
“จงฟังการลงโทษและฟังองค์ผู้กำหนดโทษ
10 โอ บ้านแห่งความชั่วเอ๋ย สิ่งที่พวกเขาริบไป
และเอฟาห์ของการวัดตวงที่ไม่ครบซึ่งถูกสาปแช่งนั้นเราจะลืมได้หรือ
11 เราควรจะปล่อยคนที่ใช้ตาชั่งลวง
และตุ้มน้ำหนักปลอมอย่างนั้นหรือ
12 บรรดาคนมั่งมีใช้การกระทำอันรุนแรง
ประชาชนพูดโกหก
ใช้ลิ้นหลอกลวง
13 ฉะนั้น เราทำให้เจ้าล้มป่วย
ทำให้บ้านเมืองรกร้างเพราะบาปของเจ้า
14 เจ้าจะกิน แต่ก็จะไม่อิ่มหนำ
และจะมีความหิวโหยอยู่ในบ้านเมือง
เจ้าจะเก็บตวง แต่ก็จะสงวนไว้ไม่ได้
และอะไรที่เจ้าสงวนไว้ เราจะให้ประสบกับคมดาบ
15 เจ้าจะหว่าน แต่จะไม่ได้เก็บเกี่ยว
เจ้าจะคั้นมะกอก แต่จะไม่ได้น้ำมันชโลมตัวเจ้า
เจ้าจะย่ำองุ่น แต่จะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่น
16 เพราะเจ้าได้รักษากฎเกณฑ์ของอมรี
และปฏิบัติทุกสิ่งตามแบบอย่างของพงศ์พันธุ์อาหับ[k]
และเจ้าได้ดำเนินในวิถีทางของพวกเขา
ฉะนั้น เราจะทำให้เจ้าวิบัติ
และบรรดาผู้อยู่อาศัยของเจ้าจะเป็นที่เหน็บแนม
พวกเจ้าจะถูกดูหมิ่นอันเนื่องมาจากชนชาติของเรา”
รอคอยพระเจ้าแห่งความรอดพ้น
7 วิบัติแก่ตัวข้าพเจ้าเอง เพราะข้าพเจ้าเป็น
เหมือนผลไม้ที่ถูกเก็บรวบรวมในฤดูร้อน
เหมือนองุ่นที่ถูกเก็บเมื่อตกหล่นแล้ว
ไม่มีพวงองุ่นรับประทาน
ไม่มีผลมะเดื่อสุกผลแรกที่ข้าพเจ้าอยากจะได้
2 ผู้ที่ภักดีได้ตายไปจากโลกแล้ว
ไม่มีใครที่เที่ยงธรรมในมวลมนุษย์
พวกเขาทุกคนนั่งดักรอให้มีการหลั่งเลือด
และแต่ละคนตามล่าพี่น้องของตนด้วยตาข่าย
3 มือทั้งสองถนัดในการทำความชั่ว
เจ้านายและผู้ตัดสินความรับสินบน
ผู้มีอำนาจสั่งการตามความต้องการของตน
พวกเขาจึงวางแผนร่วมกัน
4 คนที่ดีที่สุดในพวกเขาเป็นดั่งขวากหนาม
คนที่เที่ยงธรรมที่สุดในพวกเขาเป็นดั่งพุ่มไม้หนาม
วันของบรรดาผู้เฝ้ายามและการลงโทษของท่านได้มาถึงแล้ว
บัดนี้พวกเขาไม่รู้จะทำอย่างไร
5 อย่าไว้วางใจเพื่อนบ้าน
อย่ามั่นใจในเพื่อนฝูง
ระวังปากของท่าน
ไม่เผยให้กับเธอที่นอนอยู่ในอ้อมอกของท่าน
6 เพราะลูกชายดูหมิ่นพ่อ
ลูกสาวก้าวร้าวต่อแม่ของเธอ
ลูกสะใภ้ต่อต้านแม่สามีของเธอ
คนในบ้านกลับเป็นศัตรูของเขาเอง
7 แต่สำหรับข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าจะพึ่งในพระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าจะรอคอยพระเจ้าแห่งความรอดพ้นของข้าพเจ้า
พระเจ้าของข้าพเจ้าจะได้ยินข้าพเจ้า
8 โอ ศัตรูของข้าพเจ้าเอ๋ย อย่าสมน้ำหน้าข้าพเจ้า
เวลาที่ข้าพเจ้าล้มลง ข้าพเจ้าจะลุกขึ้น
เวลาที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ในความมืด
พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นแสงสว่างสำหรับข้าพเจ้า
9 เพราะข้าพเจ้ากระทำบาปต่อพระองค์
ข้าพเจ้าจะทนต่อความโกรธของพระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าจะทนจนกระทั่งพระองค์จะสู้ความให้ข้าพเจ้า
และให้ข้าพเจ้าได้รับความเป็นธรรม
พระองค์จะนำข้าพเจ้าไปสู่ความสว่าง
ข้าพเจ้าจะเห็นความชอบธรรมของพระองค์
10 แล้วศัตรูของข้าพเจ้าจะเห็น
และจะสวมด้วยความอับอาย
นางที่พูดดังนี้ว่า
“พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านอยู่ที่ไหน”
ดวงตาของข้าพเจ้าจะมองนาง
บัดนี้นางจะถูกเหยียบย่ำ
อย่างโคลนตมที่ถนน
11 วันที่จะสร้างกำแพงของท่านจะมาถึง
เป็นวันขยายเขตแดนของท่าน
12 ในวันนั้น ประชาชนจะมาหาท่าน
มาจากอัสซีเรียและเมืองต่างๆ ของอียิปต์
และจากอียิปต์ถึงแม่น้ำยูเฟรติส
จากทะเลจรดทะเล
และจากภูเขาจรดภูเขา
13 แต่แผ่นดินโลกจะกลายเป็นที่รกร้าง
เหตุเพราะผู้อยู่อาศัย
เนื่องจากผลแห่งการกระทำของพวกเขา
14 จงเลี้ยงดูชนชาติของพระองค์ด้วยไม้เท้า
พวกเขาเป็นฝูงชนซึ่งเป็นมรดกของพระองค์
และแยกอาศัยอยู่ตามลำพังในป่า
ในท่ามกลางแผ่นดินอันอุดม
ปล่อยให้พวกเขาหากินอยู่ในบาชานและกิเลอาด
เหมือนกับที่เป็นในครั้งโบราณกาล
15 “เหมือนสมัยที่เจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์
เราจะทำให้พวกเขาเห็นสิ่งมหัศจรรย์”
16 บรรดาประชาชาติจะเห็น
และอับอายกับพละกำลังของพวกเขาเอง
และจะเอามือปิดปากไว้
และหูของพวกเขาก็จะหนวก
17 พวกเขาจะเลียฝุ่นเหมือนงู
เหมือนสิ่งที่เลื้อยคลานบนดิน
พวกเขาจะตัวสั่นออกมาจากหลักยึดอันมั่นคง
พวกเขาจะหันเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเรา
และพวกเขาจะเกรงกลัวพระองค์
ความรักและความเมตตาของพระเจ้า
18 ใครเล่าที่เป็นพระเจ้าเหมือนพระองค์ซึ่งให้อภัยบาป
และยกโทษการล่วงละเมิดของผู้สืบมรดกที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่ของพระองค์
พระองค์ไม่เก็บความโกรธของพระองค์ไปตลอดกาล
เพราะพระองค์ยินดีแสดงความรักอันมั่นคง
19 พระองค์จะมีความเมตตาต่อพวกเราอีก
พระองค์จะเหยียบบาปทั้งหลายของพวกเราไว้ที่ใต้เท้า
และเหวี่ยงบาปต่างๆ ของพวกเราลงในทะเลลึก
20 พระองค์จะแสดงความสัตย์จริงแก่ยาโคบ
และแสดงความรักอันมั่นคงต่ออับราฮัม
อย่างที่พระองค์ได้ปฏิญาณแก่บรรพบุรุษของพวกเรา
ในครั้งโบราณกาล
1 คำพยากรณ์เกี่ยวกับนีนะเวห์[l] หนังสือภาพนิมิตของนาฮูมแห่งหมู่บ้านเอลโขช
พระเจ้าลงโทษนีนะเวห์
2 พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าผู้หวงแหนและแก้แค้นแทน
พระผู้เป็นเจ้าแก้แค้นแทนและลงโทษ
พระผู้เป็นเจ้าลงโทษปรปักษ์
และเก็บความโกรธกริ้วไว้สนองศัตรูของพระองค์
3 พระผู้เป็นเจ้าไม่โกรธง่ายและมีอานุภาพมาก
และพระผู้เป็นเจ้าจะไม่ปล่อยให้ผู้กระทำผิดลอยนวลไป
วิถีทางของพระองค์อยู่ในพายุหมุนและลมพายุ
และหมู่เมฆเป็นผงคลีจากเท้าของพระองค์
4 พระองค์บอกห้ามทะเล และทำให้มันเหือดหาย
พระองค์ทำให้แม่น้ำทั้งหลายเหือดแห้ง
บาชานและคาร์เมลแห้งเหี่ยว
และดอกที่เบ่งบานของเลบานอนก็เหี่ยวเฉา
5 ภูเขาสั่นไหว ณ เบื้องหน้าพระองค์
เนินเขาละลาย
แผ่นดินโลกสั่นสะเทือน ณ เบื้องหน้าพระองค์
ทั้งโลกและสิ่งทั้งปวงที่อยู่อาศัยในนั้นด้วย
6 ใครจะสามารถทนต่อความโกรธของพระองค์ได้
ใครจะทนรับความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์ได้
ความเกรี้ยวของพระองค์พลุ่งขึ้นดั่งเปลวไฟ
และหินแตกออกเมื่ออยู่ใกล้พระองค์
7 พระผู้เป็นเจ้าประเสริฐ
พระองค์เป็นที่พึ่งพิงในยามวิบัติ
พระองค์ดูแลบรรดาผู้ที่วางใจในพระองค์
8 แต่พระองค์จะทำให้บรรดาศัตรู
ถึงจุดจบด้วยกระแสน้ำอันแรงกล้า
และจะไล่ล่าพวกศัตรูไปสู่ความมืด
9 เจ้า[m]คิดวางแผนจะต่อต้านพระผู้เป็นเจ้าอย่างนั้นหรือ
พระองค์จะทำให้เจ้าถึงจุดจบ
ความยุ่งยากจะไม่ลุกขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง
10 เพราะว่าพวกเขาจะติดอยู่ในบ่วงหนาม
เหมือนคนเมาเหล้า
พวกเขาถูกเผาไหม้จนมอด
เหมือนฟางที่แห้งสนิท
11 มีผู้หนึ่งที่มาจากเจ้า
ซึ่งคิดวางแผนชั่วร้ายต่อต้านพระผู้เป็นเจ้า
เขาให้คำปรึกษาอันไร้ค่า
12 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้
“ถึงแม้ว่า พวกเขาเข้มแข็งและมีจำนวนมาก
พวกเขาจะถูกโค่นลง และสิ้นไป
แม้ว่าเราได้ทำให้เจ้ารับทุกข์ทรมานแล้ว
เราจะไม่กระทำต่อเจ้าเช่นนั้นอีก
13 บัดนี้ เราจะหักแอกของพวกเขาออกจากตัวเจ้า
และจะทำให้สิ่งที่มัดตัวเจ้าหลุดออกไป”
14 พระผู้เป็นเจ้าได้ให้คำบัญชาเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าดังนี้
“เจ้าจะไม่มีผู้สืบชื่อของเจ้าไปตลอดกาล
เราจะทำลายรูปเคารพที่สลักและหล่อขึ้น
ซึ่งอยู่ในวิหารของบรรดาเทพเจ้าของเจ้า
เราจะเตรียมหลุมศพของเจ้า
เพราะเจ้าสมควรที่จะถูกดูหมิ่น”
15 ดูเถิด ผู้หนึ่งมาบนภูเขา
พร้อมกับข่าวประเสริฐ[n]
ผู้ประกาศสันติสุข
โอ ยูดาห์เอ๋ย จงรักษาเทศกาลฉลอง
จงกระทำตามคำสัญญาของพวกท่าน
คนไร้ค่าจะไม่มีวันบุกรุกท่านอีกต่อไป
เขาจะถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง
ความพินาศของนีนะเวห์
2 ผู้โจมตีผู้หนึ่งบุกโจมตีเจ้า
จงเฝ้าระวังที่คุ้มกัน
เฝ้าถนนหนทาง
จงพร้อมรบ
รวบรวมกำลังทั้งหมด
2 เพราะพระผู้เป็นเจ้ากำลังให้ความยิ่งใหญ่ของยาโคบคืนสู่สภาพเดิม
เหมือนความยิ่งใหญ่ของอิสราเอล
เพราะพวกปล้นได้ปล้นพวกเขา
และทำลายกิ่งก้านของพวกเขาเสียหาย
3 โล่ของนักรบผู้เก่งกล้าเป็นสีแดง
บรรดาทหารของเขาแต่งกายสีแดงสด
รถศึกสะท้อนแสงวาววับ
ในวันที่เขารวบรวมพล
หอกไม้สนถูกโบกสะบัด
4 รถศึกควบแข่งกันอย่างบ้าคลั่งบนถนน
และรุดไปมาที่ลานชุมนุม
ลุกโพลงดั่งคบเพลิง
และพลุ่งดั่งสายฟ้าแลบ
5 เขานึกถึงบรรดาเจ้าหน้าที่ชั้นสูง
พวกเขาสะดุดในขณะที่ออกไป
และรีบรุดไปยังกำแพงเมือง
เพื่อตั้งแผงคุ้มกันเมือง
6 ประตูแม่น้ำเปิด
วังพังทลายลงไปกับน้ำ
7 นายหญิงถูกปลดเครื่องแต่งกาย
และจับตัวไป
บรรดาหญิงรับใช้ของนางร้องสะอื้นอย่างนกพิราบ
และตีอกชกหัวตนเอง
8 นีนะเวห์เป็นเหมือนสระน้ำ
ที่น้ำไหลทะลักออก
พวกเขาร้องว่า “หยุด หยุด”
แต่ไม่มีสักคนที่หันกลับ
9 จงปล้นเงิน
และปล้นทอง
มีทั้งสมบัติและความมั่งคั่ง
สิ่งมีค่ามากมายไม่มีวันหมด
10 ที่รกร้าง ความวิบัติ และความหายนะ
ตกใจกลัวและเข่าอ่อน
หวั่นหวาด ทุกคนหน้าซีดเผือด
11 ถ้ำสิงโตอยู่ไหน
ที่สำหรับป้อนเหยื่อให้กับลูกน้อยของมัน
ซึ่งเป็นที่สิงโตตัวผู้และตัวเมียเข้าไปอยู่
และไม่มีใครมารบกวนลูกๆ ของมัน
12 สิงโตฉีกเหยื่อให้ลูกของมันกิน
และกระชากคอเหยื่อให้คู่ของมัน
มันเก็บเหยื่อจนเต็มที่ซ่อน
และมีซากศพเต็มถ้ำของมัน
13 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนี้ “ดูเถิด เราคัดค้านเจ้า และเราจะเผารถศึกของเจ้าให้มอดไหม้ และดาบจะฟาดฟันลูกสิงโตของเจ้า เราจะไม่มีเหยื่อให้เจ้าล่าบนโลก และจะไม่มีใครได้ยินเสียงของบรรดาผู้ส่งข่าวอีกต่อไป”
วิบัติจงเกิดแก่นีนะเวห์
3 วิบัติจงเกิดแก่เมืองที่นองเลือด
ซึ่งเต็มด้วยความมดเท็จและการปล้นระดม
ผู้คนตกเป็นเหยื่อไม่จบสิ้น
2 มีเสียงแส้หวด
เสียงล้อรถศึกเคลื่อนกระทบกัน
ม้าควบ
และรถศึกเขย่าโครมคราม
3 ทหารม้ารุดหน้าไป
ดาบวาววับ
และหอกประกายวูบวาบ
คนถูกฆ่าตายมากมาย
ศพกองเป็นพะเนิน
ร่างคนเกลื่อนกลาด
ผู้คนสะดุดร่างคนตาย
4 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นก็เพราะกิเลสตัณหาของความแพศยา
ความงามสง่าและเสน่ห์ที่อันตรายถึงชีวิต
นางทำให้บรรดาประชาชาติลุ่มหลง
และพวกเขาตกเป็นทาสของนาง
5 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนี้
“ดูเถิด เราคัดค้านเจ้า
และเราจะยกกระโปรงของเจ้าปิดหน้าเจ้าเสีย
เราจะให้บรรดาประชาชาติดูความเปลือยเปล่าของเจ้า
อาณาจักรเหล่านั้นจะเห็นความอับอายของเจ้า
6 เราจะขว้างความโสโครกลงที่ตัวเจ้า
และจะกระทำต่อเจ้าด้วยการดูหมิ่น
และเจ้าจะตกเป็นเป้าสายตาของผู้คน
7 ทุกคนที่มองดูเจ้าจะถอยห่างจากเจ้า และพูดดังนี้ว่า
‘นีนะเวห์เป็นที่รกร้าง ใครจะแสดงความเห็นใจนาง’
เราจะหาบรรดาผู้ปลอบประโลมเจ้าได้จากที่ไหน”
8 เจ้าดีกว่าเธเบส
ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำไนล์หรือ
เธเบสมีน้ำล้อมรอบ
มีทะเลเป็นพลังคุ้มกัน
มีน้ำเป็นเหมือนกำแพง
9 คูชและอียิปต์เป็นพลังอันแข็งแกร่งของเธเบสอย่างไม่มีจำกัด
พูตและลิเบียเป็นสัมพันธมิตรของเธเบส
10 ถึงกระนั้นเธเบสก็ยังต้องลี้ภัย
และถูกจับไปเป็นเชลยศึก
บรรดาเด็กทารกถูกเหวี่ยงกระดูกหักตาย
ตามถนนทุกแห่ง
นางจับฉลากเป็นการตัดสินเลือกบรรดาผู้มีเกียรติ
และผู้นำทุกคนถูกล่ามโซ่
11 เจ้าด้วยที่จะมึนเมา
เจ้าจะต้องไปหลบซ่อนตัว
และหาที่พักพิงจากศัตรู
12 ป้อมปราการของเจ้าทุกแห่งเป็นเหมือนต้นมะเดื่อ
ที่มีผลสุกรุ่นแรก
ถ้าหากต้นถูกเขย่า
ผลก็จะร่วงหล่นเข้าปากของผู้กิน
13 ดูเถิด บรรดาทหารของเจ้า
เป็นผู้หญิงทั้งหมด
ประตูเมืองในแผ่นดินของเจ้า
เปิดกว้างให้ศัตรู
ไฟเผาผลาญลูกกรงของเจ้า
14 จงตุนน้ำดื่มไว้ยามศัตรูล้อมเมือง
คุ้มกันป้อมปราการของเจ้าให้แข็งแกร่ง
เตรียมดินเหนียวทำอิฐ
และผสมปูนสอ
15 ไฟจะเผาผลาญเจ้าที่นั่น
ดาบจะห้ำหั่นเจ้า
และเจ้าจะถูกกลืนกินอย่างที่ตั๊กแตนกิน
จงทวีคนอย่างตั๊กแตน
ทวีคนอย่างตั๊กแตนใหญ่
16 เจ้าได้เพิ่มจำนวนพ่อค้าของเจ้ามากขึ้น
จนมีจำนวนมากกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า
แต่พวกเขากัดกินแผ่นดินจนหมดเกลี้ยง
และบินหนีไปอย่างตั๊กแตน
17 เหล่าจอมพลของเจ้าเป็นเหมือนตั๊กแตนใหญ่
และผู้สูงศักดิ์ของเจ้าเป็นเหมือนฝูงตั๊กแตนเล็กที่ปักหลักอยู่บนกำแพงในวันที่หนาวเย็น
แต่เมื่อแดดส่อง พวกเขาก็บินหนีไป
ไม่มีใครรู้ว่าไปไหน
18 โอ กษัตริย์ของอัสซีเรียเอ๋ย
บรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะของท่านนอนหลับ
ผู้ยิ่งใหญ่ของท่านเอนกายพัก
ประชาชนของท่านกระจัดกระจายไปบนภูเขา
โดยไม่มีใครมารวบรวมพวกเขาเข้าด้วยกันได้
19 ไม่มีอะไรที่อาจบรรเทาความเจ็บปวดของนีนะเวห์ได้
และบาดแผลก็ฉกรรจ์นัก
ทุกคนที่ได้ยินเรื่องของพวกเจ้า
ก็ปรบมือเมื่อเจ้าล้มลง
มีใครบ้างที่ไม่รู้ถึงความโหดร้าย
ที่ไม่มีวันจบสิ้นของพวกเจ้า
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation