Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
ฮาบากุก 1 - เศคาริยาห์ 10

หนังสือเล่มนี้ เป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์บอกกับฮาบากุก ผู้พูดแทนพระเจ้า ผ่านมาทางนิมิต

ฮาบากุกบ่นต่อพระเจ้า

พระยาห์เวห์เจ้าข้า จะปล่อยให้ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือไปอีกนานแค่ไหน พระองค์ถึงจะฟัง จะปล่อยให้ข้าพเจ้าร้องว่า “โหดร้ายป่าเถื่อน” ไปอีกนานแค่ไหน พระองค์ถึงจะมาช่วย ทำไมพระองค์ถึงต้องให้ข้าพเจ้าเจอกับความเจ็บปวดและความทุกข์ยากนี้ด้วย ทำไมพระองค์ถึงดูอยู่เฉยๆไม่ทำอะไร เมื่อมีการกดขี่ข่มเหงและความป่าเถื่อนเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า มีทั้งการฟ้องร้องและโต้เถียงกันเกิดขึ้น ดังนั้นกฎหมายก็ตายด้านไป และไม่มีใครได้รับความยุติธรรม เพราะคนชั่วก็มีมากกว่าคนดี ดังนั้นความยุติธรรมก็บิดๆเบี้ยวๆไป

พระยาห์เวห์ตอบฮาบากุก

พระยาห์เวห์ตอบว่า “มองไปที่ชนชาติต่างๆสิ ดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าจะต้องอ้าปากค้างพูดไม่ออกเลยล่ะ ที่เราพูดอย่างนี้ ก็เพราะพวกเจ้าจะไม่เชื่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงชีวิตของเจ้า เมื่อเจ้าได้ยินเรื่องนี้ เจ้าก็ยังจะไม่เชื่ออยู่ดี เพราะเรายาห์เวห์ กำลังยกคนบาลิโลนให้มีอำนาจขึ้นมา พวกนี้เป็นชนชาติที่ดุร้ายและป่าเถื่อน พวกมันจะบุกไปทั่วโลก เพื่อยึดเอาดินแดนของคนอื่นมาเป็นของมัน พวกมันน่ากลัวและน่าสยดสยองยิ่งนัก มันตั้งกฎของมันเอง และอวดตัวถือดี พวกม้าของบาบิโลนก็วิ่งเร็วกว่าพวกเสือดาวเสียอีก และดุร้ายยิ่งกว่าหมาป่าในยามค่ำคืน พวกม้าของมันก็วิ่งห้อเหมือนบิน พวกทหารม้าบินมาจากแดนไกล เหมือนอินทรีที่โฉบเหยื่อของมัน พวกมันแต่ละคนมาเพื่อสร้างความรุนแรง พวกมันบุกไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง พวกมันรวบรวมเชลยไว้มากมายมหาศาลเหมือนเม็ดทราย

10 พวกมันหัวเราะเยาะใส่พวกกษัตริย์ต่างๆและมองพวกแม่ทัพทั้งหลายเป็นเรื่องน่าขัน และหัวเราะเยาะป้อมปราการของเมืองต่างๆ พวกมันสร้างเนินดินขึ้นมาเพื่อบุกขึ้นไปยึดป้อมแต่ละอัน”

11 ในทันใดนั้น พระวิญญาณของพระเจ้าก็หายวับไป ผมก็ตกตะลึงและพูดว่า “แต่บาบิโลนพวกนี้ ถือว่าพละกำลังของเขาเองเป็นพระเจ้าของเขา”

ฮาบากุกบ่นเป็นครั้งที่สอง

12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์อยู่มาตั้งแต่โบราณกาลแล้วไม่ใช่หรือ
    พระเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ของข้าพเจ้า พระองค์จะไม่ตายไม่ใช่หรือ
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เลือกบาบิโลน
    เพื่อนำการตัดสินลงโทษของพระองค์มา ใช่อย่างนี้แน่หรือ
    ข้าแต่พระศิลา[a] พระองค์ตั้งบาบิโลนขึ้นมาเพื่อตีสอนชนชาติยูดาห์ ใช่อย่างนี้แน่หรือ
13 ดวงตาของพระองค์นั้นบริสุทธิ์เกินกว่าที่จะมองสิ่งชั่วร้าย
    และพระองค์ก็ทนดูคนทำผิดไม่ได้
แล้วทำไมพระองค์ถึงทนดูคนทรยศอย่างบาบิโลนได้โดยไม่ทำอะไรเลย
    แล้วทำไมพระองค์ถึงได้นิ่งเฉยเมื่อคนชั่วช้ากลืนกินคนที่ดีกว่าเขา

14 พระองค์ทำกับมนุษย์เหมือนกับปลาในทะเล
    หรือเหมือนกับสัตว์เลื้อยคลานตัวเล็กๆที่ไม่มีผู้นำ
15 บาบิโลนจับทุกคนมาด้วยเบ็ดตกปลา เขาลากคนมาด้วยอวน
เขารวบรวมคนมาไว้ในแหตกปลาของเขา
    ดังนั้นบาบิโลนจึงกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
16 บาบิโลนจึงฆ่าสัตว์เป็นเครื่องบูชาให้กับอวนของเขา
    และเผาเครื่องหอมให้กับแหตกปลาของเขา
เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้เขามีเนื้อกินมากมาย
    และมีอาหารเอร็ดอร่อยกินกัน
17 แล้วพระองค์จะยังคงปล่อยให้บาบิโลนชักดาบ
    ฆ่าฟันชนชาติต่างๆอย่างไร้ความปรานีอย่างนี้หรือ
ผมจะยืนเฝ้าดู ผมจะยืนเป็นยาม
    และผมจะคอยดูสิว่า พระยาห์เวห์จะพูดอะไรกับผม
และจะคอยดูสิว่าพระองค์จะตอบสิ่งที่ผมกล่าวหาพระองค์ว่ายังไง

พระเจ้าตอบฮาบากุก

พระยาห์เวห์ก็ตอบผมว่า “ให้เขียนนิมิตนี้ให้ชัดเจนลงบนพวกแผ่นป้าย เพื่อคนที่อ่านจะอ่านได้อย่างง่ายดายรวดเร็ว ที่เราพูดอย่างนี้ก็เพราะว่า นิมิตนี้ยืนยันถึงเวลาที่กำหนดไว้นั้น มันเป็นพยานถึงจุดจบของพวกบาบิโลนที่กำลังจะมาถึงและมันก็ไม่โกหกด้วย แต่ถ้าดูเหมือนช้า ใจเย็นๆคอยไว้ เพราะวันนั้นจะมาถึงแน่ มันจะไม่สายหรอก คนที่คอยไม่ไหว[b]ก็จะยอมแพ้ไป ไม่ทำตามนิมิตนี้ แต่คนที่ทำตามใจพระเจ้า ก็มีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไปเพราะว่านิมิตนี้เชื่อถือได้[c]

แต่ความร่ำรวยจะหลอกลวงคนหยิ่งผยอง และคนโลภที่อ้าปากกว้างเหมือนแดนคนตาย จะไม่มีวันสำเร็จ คนโลภเหมือนความตายที่ไม่เคยหยุดกระหายเหยื่อ คนโลภนั้นรวบรวมชนชาติทั้งหมดมาเป็นของตัวเองและรวบคนทั้งหมดมาเป็นของเขา[d] แต่คนที่เขารวบรวมมานั้นจะแต่งเพลงเยาะเย้ยเขา แต่งนิทานและตั้งคำถามกันล้อเลียนเขา จะมีคนพูดว่า ‘นี่ เจ้า ที่ได้สะสมสิ่งที่ไม่ใช่ของเจ้า และก่อหนี้ไว้มากมาย เจ้าจะทำอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน’

ในไม่ช้า เจ้าหนี้จะตามทวงหนี้เจ้า คือคนพวกนั้นที่เจ้ากลัวจนตัวสั่นจะมาปล้นสะดมเจ้า และตอนนั้นก็เป็นตาของเจ้าบ้างที่จะตกเป็นเหยื่อ บาบิโลน เจ้าเคยไปปล้นสะดมชนชาติต่างๆมากมาย ดังนั้นตอนนี้ชนชาติที่เหลือก็จะกลับมาปล้นเจ้าคืน เพราะเจ้าเคยทำให้เลือดของมนุษย์ตก และเจ้าเคยทำทารุณกรรมกับแผ่นดินต่างๆ รวมทั้งเมืองต่างๆและคนที่อยู่ในเมืองเหล่านั้น

นี่ เจ้าที่ร่ำรวยจากการฉ้อโกงคนอื่น เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังทำรังอยู่สูงพ้นจากอันตราย แต่ความจริงแล้วการฉ้อโกงนั้น กลับนำความพินาศมาสู่ทั้งบ้านของเจ้า 10 เมื่อเจ้าวางแผนทำลายล้างชนชาติมากมายนั้น เจ้ากำลังวางแผนนำความอัปยศอดสูมาสู่ทั้งบ้านของเจ้าเองและกำลังทำบาปต่อชีวิตตัวเอง 11 หินบนฝาบ้านของเจ้าก็ยังจะร้องต่อว่าเจ้า แม้แต่ขื่อบนหลังคาบ้านของเจ้าเอง ก็ยังจะสะท้อนรับเห็นด้วยกับหินฝาบ้านนั้น

12 นี่ เจ้าที่สร้างเมืองขึ้นมาด้วยเลือดของผู้บริสุทธิ์ เจ้าที่ก่อตั้งเมืองขึ้นมาด้วยความชั่วร้าย 13 ชนชาติเหล่านั้นที่เจ้าได้ชัยชนะมา ทำงานหนักให้กับเจ้าโดยที่พวกเขาไม่ได้อะไรเลย พวกเขาทำงานเหน็ดเหนื่อยแทบตาย แต่สิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมานั้นก็จะถูกไฟเผาไปจนหมดเกลี้ยง ความหายนะที่จะเกิดขึ้นนี้ เกิดมาจากพระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ไม่ใช่หรือ 14 แล้วโลกนี้จะเต็มไปด้วยคนที่รู้จักพระบารมีของพระยาห์เวห์ เหมือนกับน้ำที่เต็มทะเล 15 นี่ เจ้าที่เทความโกรธออกมา[e] แล้วบังคับให้คนอื่นดื่มจากจอกนั้นจนเมา เพื่อเจ้าจะได้ดูความเปลือยเปล่าของเขา[f]

16 เจ้าดื่มความอัปยศอดสูจนอิ่มหนำแทนที่จะดื่มเกียรติยศเข้าไป เจ้าเองก็จะต้องดื่มและเปลือยเปล่าด้วยเหมือนกัน จอกแห่งความโกรธที่พระยาห์เวห์ถืออยู่ในมือขวานั้น ก็จะเวียนมาถึงเจ้าและแทนที่เจ้าจะได้รับเกียรติ ก็จะได้รับความอัปยศอดสู 17 ความโหดร้ายที่เจ้าเคยทำต่อเลบานอนนั้น ก็จะหวนกลับมาหาเจ้า เจ้าเคยทำลายฝูงสัตว์มากมาย เจ้าจะต้องหวาดกลัวที่จะถูกทำลาย เพราะเจ้าเคยทำให้เลือดของมนุษย์ตก และเจ้าทำทารุณกรรมกับแผ่นดินต่างๆรวมทั้งเมืองต่างๆและคนที่อยู่ในเมืองเหล่านั้น”

18 รูปแกะสลักให้ประโยชน์อะไรบ้าง คนถึงได้อยากแกะสลักมันนัก รูปหล่อหรือรูปปั้นของพระปลอมเหล่านั้น ให้ประโยชน์อะไรบ้าง คนสร้างถึงได้ศรัทธานัก เพราะรูปเคารพที่เขาสร้างนั้นแม้แต่จะพูดก็ไม่ได้ 19 นี่ เจ้าที่พูดกับท่อนไม้ว่า “ตื่นได้แล้ว” หรือพูดกับหินที่พูดไม่ได้ว่า “ลุกขึ้นได้แล้ว” พระปลอมนั้นให้คำชี้แนะอะไรเจ้าได้บ้าง มันถูกหุ้มด้วยทองและเงินและไม่มีลมหายใจด้วย 20 แต่พระยาห์เวห์นั้นสถิตอยู่ในวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ โลกทั้งใบเอ๋ย ให้เงียบสงบอยู่ต่อหน้าพระองค์เถิด

ฮาบากุกอธิษฐาน

นี่คือคำอธิษฐานของฮาบากุก ผู้พูดแทนพระเจ้า ตามแนวเพลงชิกิโอโนท[g]

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ สิ่งที่พระองค์ทำนั้น ทำให้ข้าพเจ้ายำเกรงพระองค์
เมื่อเวลาที่กำหนดนั้นใกล้มาถึงแล้ว
    ขอให้พระองค์ทำงานยิ่งใหญ่เหมือนกับที่เคยทำในอดีต
เมื่อเวลาที่กำหนดนั้นใกล้มาถึงแล้ว
    ขอให้คนรู้จักฤทธิ์อำนาจของพระองค์อีกครั้ง
    ในเวลาที่พระองค์โกรธ อย่าลืมแสดงความเมตตาด้วย

พระเจ้ากำลังมาจากเทมาน[h]
    พระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์กำลังมาจากภูเขาปาราน เซลาห์[i]
พระบารมีของพระองค์ครอบคลุมไปทั่วฟ้าสวรรค์
    โลกนี้ก็เต็มไปด้วยความสง่างามของพระองค์
ทันใดนั้น ก็สว่างจ้าเหมือนฟ้าแลบ พระองค์ก็ปรากฏขึ้น ในมือถือสายฟ้าแลบ
    แล้วพระองค์ซ่อนฤทธิ์อำนาจของพระองค์เข้าไปในกลีบเมฆ
โรคระบาดเดินนำหน้าพระองค์ไป
    การเจ็บไข้ตามส้นเท้าพระองค์ไป
พระองค์ยืนและเขย่าโลกนี้
    พระองค์มองดูชนชาติต่างๆ
และพวกเขาก็ตื่นผวาด้วยความกลัว
    ภูเขาต่างๆที่เคยอยู่ตลอดมาก็แตกกระจายไป
พวกเนินเขาที่อยู่นิรันดร์ก็จมหายไป
    พระองค์ก็เดินตามเส้นทางที่เคยเดินมาในอดีต

แทนที่ผมจะเห็นความไม่ยุติธรรมเหมือนเมื่อก่อน ผมกลับเห็นทั้งเต็นท์ของคนคูชัน
    และเห็นม่านในเต็นท์ของแผ่นดินมีเดียนสั่นไหวด้วยความกลัว
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ที่พระองค์ขับรถรบพร้อมม้าเหล่านั้นของพระองค์ สู่ชัยชนะ
    เป็นเพราะพระองค์โกรธต่อแม่น้ำต่างๆหรือ
พระองค์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟต่อแม่น้ำต่างๆหรือ
    พระองค์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟต่อทะเลหรือ

พระองค์ดึงคันธนูออกจากแล่ง
    พระองค์เอาลูกธนูมาใส่ไว้ในสายของมัน

    พระองค์แยกโลกออกด้วยแม่น้ำทั้งหลาย เซลาห์
10 เมื่อภูเขาเหล่านั้นมองเห็นพระองค์ก็บิดเบี้ยวไปมาด้วยความเจ็บปวด
    เมฆที่หนาทึบก็โปรยน้ำฝนลงมา
ก้นมหาสมุทรก็ส่งเสียงร้อง
    คลื่นมหาสมุทรยกมือของมันขึ้นสูงเพื่อท่วมแผ่นดิน
11 ดวงอาทิตย์หยุดส่องแสง ดวงจันทร์หยุดอยู่กับที่
    มีแต่แสงจากลูกธนูของพระองค์ที่แล่นออกมาเท่านั้น
    สายฟ้าแลบจากหอกของพระองค์ส่องสว่างบนท้องฟ้า
12 พระองค์ได้เหยียบย่ำโลกนี้ด้วยความโกรธแค้น
    พระองค์ได้บดขยี้ชนชาติต่างๆด้วยความโกรธ
13 พระองค์ออกไปเพื่อช่วยคนของพระองค์ให้รอด
    พระองค์ออกไปเพื่อช่วยกษัตริย์ที่พระองค์ได้เจิมไว้ให้รอด
พระองค์ทุบหลังของคนชั่ว
    และดึงเสื้อผ้าเขาออกจากคอถึงก้น เซลาห์

14 แล้วพระองค์ก็เอาลูกธนูของเขาไปเสียบหัวของทหารของเขาเอง
    ถึงแม้ว่าพวกทหารนี้บุกเข้ามาเหมือนพายุทราย
เพื่อมาทำให้พวกเรากระจัดกระจายไป
    แล้วพวกมันเฉลิมฉลองเหมือนกับคนที่ดักซุ่มเขมือบคนจน
15 พระองค์ยังเหยียบย่ำทะเลด้วยม้าทั้งหลายของพระองค์
    ทำให้น้ำจำนวนมากเดือดพลุ่งขึ้นมา
16 ผมได้ยินเรื่องนี้ ทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด
    เมื่อได้ยินเสียง ริมฝีปากผมก็สั่นระริก รู้สึกเหมือนกับกระดูกจะผุพัง และเท้าก็สั่นไปหมด
ผมจะคอยอย่างเงียบๆ
    ถึงเวลานั้นที่คนที่มาโจมตีเราจะได้รับความทุกข์ยาก

17 ถึงแม้ต้นมะเดื่อจะไม่ออกดอก
    และสวนองุ่นก็ไม่เกิดผล
ถึงแม้ผลของมะกอกเทศเหี่ยวแห้งไป
    และท้องทุ่งก็ไม่ผลิตอาหารอะไรเลย
ถึงแม้ว่าจะไม่มีฝูงแกะอยู่ในคอก
    และไม่มีฝูงวัวในโรงวัว
18 ผมก็ยังจะชื่นชมยินดีในพระยาห์เวห์ ผมก็ยังจะเฉลิมฉลอง
    ในพระเจ้าที่ช่วยผมให้รอดพ้น

19 พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้าเป็นกำลังของข้าพเจ้า
    พระองค์ทำให้เท้าของข้าพเจ้ามั่นคงเหมือนเท้ากวาง
    และพระองค์ทำให้ข้าพเจ้าสามารถเดินไปบนยอดเขาได้

ถึงหัวหน้านักดนตรี ให้ร้องเพลงนี้พร้อมกับเล่นเครื่องสาย

นี่คือข่าวสารของพระยาห์เวห์ ที่มีมาถึงเศฟันยาห์ลูกของคูชิ ที่เป็นลูกของเกดาลิยาห์ ที่เป็นลูกของอามาริยาห์ ที่เป็นลูกของเฮเซคียาห์ เศฟันยาห์ได้รับข่าวสารนี้ ในช่วงที่โยสิยาห์[j] ลูกของอาโมน เป็นกษัตริย์ปกครองแคว้นยูดาห์

วันแห่งการพิพากษาของพระยาห์เวห์

พระยาห์เวห์พูดว่า
    “เราจะกวาดล้างทุกสิ่งทุกอย่างให้หมดสิ้นไปจากผืนแผ่นดินโลก
เราจะกวาดล้างทั้งมนุษย์และสัตว์
    เราจะกวาดล้างนกในท้องฟ้าและปลาในทะเล
เราจะกวาดล้างสิ่งต่างๆพวกนั้น ที่ทำให้พวกคนชั่วหลงไปทำบาป[k]
    และเราจะกำจัดมนุษย์ให้หมดไปจากผืนแผ่นดินโลก”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

เราจะยื่นมือของเราออกมาลงโทษยูดาห์และทุกคนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม
    เราจะกำจัดเศษเดนที่เหลือของพระบาอัลให้หมดสิ้นไปเสียจากสถานที่นั้น
จากท่ามกลางพวกนักบวชของอิสราเอล
    เราจะกำจัดพวกนักบวชที่กราบไหว้รูปเคารพให้หมดสิ้นไปจากความทรงจำของทุกคน
และเราจะกำจัดคนพวกนั้นที่ขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อกราบไหว้พระอาทิตย์ พระจันทร์และดวงดาวต่างๆบนท้องฟ้า
    เราจะกำจัดคนพวกนั้นที่กราบไหว้และสาบานต่อเรา แล้วยังไปสาบานต่อพระมิลโคม[l]
เราจะกำจัดคนพวกนั้นที่หันกลับจากการติดตามพระยาห์เวห์ ที่ไม่ได้แสวงหาพระยาห์เวห์
    และไม่ได้ขอคำปรึกษาจากพระองค์
ให้นิ่งเงียบอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตของผม
    เพราะว่าวันของพระยาห์เวห์ใกล้เข้ามาแล้ว
    เพราะว่าพระยาห์เวห์จัดเตรียมเครื่องเซ่นไหว้แล้ว และพระองค์แยกคนที่พระองค์ได้เชื้อเชิญไว้แล้วออกมาเป็นพิเศษ
พระยาห์เวห์พูดว่า “ในวันแห่งการเซ่นไหว้ของพระยาห์เวห์นั้น
    เราจะลงโทษพวกข้าหลวงและพวกสมาชิกของครอบครัวกษัตริย์ และทุกคนที่ใส่เสื้อผ้าของคนต่างชาติ[m]
และในวันนั้น เราจะลงโทษทุกคนที่กระโดดข้ามธรณีประตู[n]
    และลงโทษคนพวกนั้นที่ทำให้บ้านของกษัตริย์ของเขาเต็มไปด้วยการกดขี่และฉ้อโกง”

10 พระยาห์เวห์พูดว่า “ในวันนั้นจะมีเสียงร้องให้ช่วย จากประตูปลาในเมืองเยรูซาเล็ม
    และเสียงร้องคร่ำครวญแห่งความสิ้นหวังจากเขตใหม่ของเมือง
    และเสียงแตกร้าวของตึกรามบ้านช่องจากเนินเขา
11 พวกเจ้าที่อาศัยอยู่ในเขตครก ร้องไห้คร่ำครวญซะ
    เพราะพวกคนทำการค้าถูกทำลายไปแล้ว พวกพ่อค้าถูกกำจัดแล้ว
12 ในเวลานั้น เราจะเอาตะเกียงค้นหาทั่วเยรูซาเล็ม
    และเราจะลงโทษคนพวกนั้นที่พอใจที่จะตกอยู่ในความบาป เหมือนเหล้าองุ่นที่ตกตะกอนเสียไป
คนพวกนั้นคิดในใจว่า ‘พระยาห์เวห์ไม่ทำอะไรเราหรอก ไม่ว่าดีหรือร้าย’
13 ความร่ำรวยของพวกเขาจะถูกปล้น และบ้านของพวกเขาจะถูกทำลาย
    พวกเขาจะสร้างบ้านเรือนขึ้นมาแต่จะไม่ได้อยู่
    พวกเขาจะปลูกสวนองุ่น แต่จะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นจากสวนพวกนั้น”

14 วันอันยิ่งใหญ่ของพระยาห์เวห์ใกล้เข้ามาแล้ว มันใกล้มาถึงแล้ว และมันจะมาอย่างรวดเร็ว
    ในวันของพระยาห์เวห์ เสียงของวันนั้นจะมีแต่ความขมขื่น
    ในวันนั้น พวกนักรบจะร้องเสียงดัง
15 วันนั้นจะเป็นวันแห่งความโกรธเกรี้ยว จะเป็นวันแห่งความทุกข์ยากและทรมาน
    จะเป็นวันแห่งการทำลายล้างและพินาศ จะเป็นวันแห่งความมืดมิดและสลัว
    จะเป็นวันที่เมฆครึ้มและดำทะมึน
16 จะเป็นวันที่เสียงแตรดังกระหึ่มและเสียงร้องทำศึกเข้าประจันบานกับเมืองต่างๆที่มีกำแพงแน่นหนาและหอคอยที่สูงชัน
17 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะนำความเดือดร้อนมาให้กับผู้คน และพวกเขาก็จะเดินเหมือนกับคนตาบอด
    เพราะคนยูดาห์ได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ เลือดของพวกเขาจะถูกเทเหมือนฝุ่น และเนื้อหนังของพวกเขาก็จะกระจัดกระจายไปบนดินเหมือนมูลสัตว์
18 แม้แต่เงินและทองของพวกเขาก็ไม่สามารถช่วยชีวิตพวกเขาได้ ในวันแห่งความกริ้วโกรธของพระยาห์เวห์
    ในไฟแห่งความหึงหวงของพระองค์นั้น แผ่นดินทั้งหมดก็จะถูกเผาผลาญไป
    เพราะพระยาห์เวห์จะบดขยี้ทุกคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้อย่างราบคาบ”

พระยาห์เวห์เรียกให้คนกลับใจเสียใหม่

รวบรวมกันเข้ามา เจ้าชนชาติที่เหลือเดน
    รวมตัวกันเข้าเหมือนฟาง
ก่อนที่พวกเจ้าจะถูกผลักไสออกไป เหมือนกับแกลบที่ถูกลมพัดไป
    ก่อนที่ความโกรธแค้นที่เผาผลาญของพระยาห์เวห์จะตกลงมาบนเจ้า
พวกเจ้าผู้ต่ำต้อยทุกคนที่อยู่บนแผ่นดินนี้ ให้แสวงหาพระยาห์เวห์
พวกเจ้าที่พยายามทำตามคำสั่งต่างๆของพระยาห์เวห์ ให้แสวงหาความชอบธรรมและแสวงหาความนอบน้อมถ่อมตน
    ถ้าเจ้าทำอย่างนั้น ไม่แน่พวกเจ้าอาจจะถูกปิดซ่อนไปจากความโกรธของพระยาห์เวห์ ในวันแห่งความโกรธกริ้วของพระองค์

พระยาห์เวห์จะลงโทษชนชาติทั้งหลายที่อยู่ล้อมรอบอิสราเอล

แน่นอนเลยว่า เมืองกาซาจะถูกทอดทิ้ง และเมืองอัชเคโลนจะถูกทำลาย
    ชาวเมืองอัชโดดจะถูกขับไล่ออกไปในตอนเที่ยงวัน
    และเมืองเอโครนจะถูกถอนรากถอนโคน
ความหายนะจะเกิดกับพวกเจ้า ไอ้พวกที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเล
    และไอ้พวกเจ้าชนชาติเคเรธี
พระยาห์เวห์ได้พูดต่อต้านเจ้าไอ้คานาอัน
    แผ่นดินของชาวฟีลิสเตีย พระองค์พูดว่า “เราจะทำลายเจ้าจนไม่เหลือใครสักคนเลย”
แล้วชายฝั่งทะเลก็จะกลายเป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์
    เหมาะสำหรับพวกคนเลี้ยงแกะ และคอกของฝูงแพะแกะ
ชายฝั่งทะเลนั้นจะตกเป็นของคนยูดาห์ที่ยังเหลืออยู่
    คนยูดาห์ก็จะเลี้ยงฝูงสัตว์ของพวกเขาที่นั่น
ในตอนกลางคืนคนยูดาห์ก็จะนอนในบ้านที่ว่างเปล่าของพวกอัชเคโลน
    เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาจะมาหาพวกเขา
    และจะอยู่กับพวกเขา และทำให้พวกเขากลับมามีสภาพดีเหมือนเดิม
พระยาห์เวห์พูดว่า “เราได้ยินคนโมอับพูดสบประมาทคนยูดาห์ของเรา
    และเราได้ยินคนอัมโมนพูดเยาะเย้ยคนยูดาห์ด้วย คนพวกนี้คุยโวว่าได้ยึดเขตแดนของคนยูดาห์ไว้แล้ว”
พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอล
    จึงพูดว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่นอนฉันใด โมอับจะเป็นเหมือนเมืองโสโดม
    และคนอัมโมนก็จะเป็นเหมือนเมืองโกโมราห์
คือจะเป็นผืนดินที่มีแต่วัชพืชขึ้น เป็นบ่อเกลือ และเป็นที่รกร้างตลอดไป
    และคนของเราที่เหลืออยู่จะปล้นทรัพย์สมบัติของพวกเขา
    ผู้ที่รอดชีวิตของชนชาติเราจะยึดเอาที่ดินทั้งหลายของพวกเขา”
10 สิ่งต่างๆเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับคนโมอับและคนอัมโมน เพื่อตอบแทนความเย่อหยิ่งจองหองของพวกเขา
    เพราะพวกเขาดูถูกเหยียดหยาม คนของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นและโอ้อวดว่าได้ยึดที่ดินของพวกเขาไว้
11 พระยาห์เวห์จะทำให้พวกเขาหวาดกลัว ใช่แล้ว พระองค์จะทำให้พระทั้งหลายของโลกนี้เหี่ยวแห้งตายไป
    และชนชาติทั้งหลายทั่วโลกจะก้มลงกราบนมัสการพระองค์ในที่ที่พวกเขาอยู่

12 พระยาห์เวห์พูดว่า “แม้แต่เจ้า ชาวเอธิโอเปีย ก็จะถูกดาบของเราเสียบแทง”
13 พระองค์จะยื่นมือของพระองค์ไปทางเหนือ และทำลายอัสซีเรีย
    และพระองค์จะทำลายล้างเมืองนีนะเวห์[o] ทำให้มันแห้งแล้งเหมือนกับทะเลทราย
14 แม้แต่ฝูงนกอีกา และฝูงนกฮูกก็จะมาอาศัยอยู่ตามเสาที่ปรักหักพัง
    และจะมีเสียงนกร้องอยู่ตลอดเวลาตามช่องหน้าต่าง
และพวกอีกาจะมายืนอยู่ตามธรณีประตู
    เพราะแผ่นไม้สนซีดาร์จะถูกแกะออกจากฝาตึกทั้งหลาย
15 นี่นะหรือ เมืองนีนะเวห์ที่เคยมีแต่ความสนุกสนานครื้นเครง เมืองที่แสนจะปลอดภัยและมั่นคง
    เมืองที่เคยคิดในใจว่า “มีแต่ข้าเท่านั้นที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีเมืองไหนเหมือนกับข้าอีกแล้ว”
แล้วดูสิ มันพังย่อยยับได้ถึงขนาดนี้ กลายเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าทั้งหลาย
    ทุกคนที่เดินผ่านเมืองนี้ ต่างก็ส่งเสียงเยาะและชูกำปั้นเข้าใส่

เมืองเยรูซาเล็มในอนาคต

ไอ้กบฏและมลทิน
    เมืองที่ชอบกดขี่ข่มเหงคนอื่น
เมืองที่ไม่ยอมฟังเสียงพระเจ้า
    เมืองที่ไม่ยอมรับคำตักเตือน
เมืองที่ไม่ยอมไว้วางใจในพระยาห์เวห์
    เมืองที่ไม่ยอมเข้าใกล้พระเจ้าของเธอ
ข้าราชการที่อยู่ในเมืองนี้ต่างก็เป็นเหมือนพวกสิงโตที่แผดเสียงร้องคำราม
    พวกผู้พิพากษาในเมืองนี้เป็นเหมือนกับพวกหมาป่าในตอนค่ำคืนที่กัดกินเหยื่อจนไม่เหลืออะไรจนถึงเช้า
ผู้พูดแทนพระเจ้าของเมืองนี้ก็เป็นนักตอแหลที่เย่อหยิ่ง พวกเขาไม่น่าไว้ใจ
    พวกนักบวชของเมืองนี้ก็ดูหมิ่นต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และตั้งใจตีความกฎคำสอนทั้งหลายให้ผิดเพี้ยนไป
แต่พระยาห์เวห์ที่อยู่ในเมืองนี้ยุติธรรม พระองค์ไม่ได้ทำสิ่งที่ชั่วร้าย
ทุกๆเช้า พระองค์ให้ความยุติธรรม
    ในรุ่งอรุณ พระองค์ให้ความเป็นธรรมเสมอไม่ขาดสักวัน
    แต่คนชั่วไม่รู้จักละอายใจ
พระยาห์เวห์พูดว่า “เราได้บดขยี้ประชาชาติของพวกเขา
    และพวกหอคอยของพวกเขาต่างก็ถูกทำลายลง
เราทำให้พวกถนนหนทางรกร้าง จนไม่มีใครใช้เดินอีกแล้ว
    บ้านเมืองของพวกเขาก็ถูกทำให้รกร้างว่างเปล่าจนไม่มีใครอาศัยอยู่อีกต่อไป”
เราพูดกับตัวเองว่า “เจ้าจะต้องเกรงกลัวเราแน่
    เจ้าจะต้องได้รับบทเรียนแล้วแน่
เจ้าจะได้เห็นอย่างชัดเจนว่า เราเองได้ลงโทษเมืองนี้”
    แต่ความจริงคือ พวกเขายิ่งอยากจะทำสิ่งที่ไม่ได้ยั้งคิดมากขึ้นไปอีก
พระยาห์เวห์จึงพูดว่า “ดังนั้น คอยดูเราให้ดี คอยวันที่เราจะลุกขึ้นมาเป็นพยานต่อต้านเจ้า
    เพราะเป็นการตัดสินใจของเราที่จะรวบรวมชนชาติต่างๆและอาณาจักรต่างๆ
เพื่อว่าเราจะได้แสดงให้พวกเขาเห็นว่าเราเดือดดาลขนาดไหน และโกรธอย่างร้อนแรงขนาดไหน
    เพราะในเพลิงแห่งความหึงหวงของเรา แผ่นดินทั้งหมดนี้จะถูกเผาผลาญ
เพราะในเวลานั้น เราจะทำให้คำพูดของผู้คนบริสุทธิ์
    เพื่อว่าพวกเขาทุกคนจะได้ออกชื่อของพระยาห์เวห์ และพวกเขาจะได้เคียงบ่าเคียงไหล่กันรับใช้พระองค์
10 ผู้คนจะมาจากที่ไกลโพ้น เลยแม่น้ำทั้งหลายของเอธิโอเปียไปอีก
    คนของเราที่ได้กระจัดกระจายไป แต่ยังคงอธิษฐานต่อเรา
    คนพวกนี้จะนำของขวัญมาถวายให้กับเรา
11 ในวันนั้น เยรูซาเล็ม เจ้าจะไม่ถูกทำให้อับอาย เพราะการกระทำที่ชั่วช้าทั้งหลายที่เจ้าได้ทำต่อเรา
    เพราะในเวลานั้น เราจะเอาพวกที่เย่อหยิ่งจองหองไปจากท่ามกลางเจ้า
    เจ้าจะไม่ทำตัวใหญ่โตและสูงส่งอีกต่อไปแล้วบนภูเขาที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรา
12 เราจะเหลือแต่คนที่ถ่อมสุภาพและยากจนไว้ท่ามกลางเจ้า
    และพวกเขาก็จะแสวงหาที่หลบภัยในนามของพระยาห์เวห์
13 คนอิสราเอลที่เหลืออยู่ก็จะไม่ทำสิ่งที่ชั่วร้าย พวกเขาจะไม่พูดสิ่งที่ไม่เป็นความจริง
    และจะไม่เจอลิ้นที่หลอกลวงในปากของพวกเขา
เพราะพวกเขาจะเหมือนกับแกะที่นอนลง
    โดยไม่ต้องห่วงว่าจะมีอะไรมาทำร้าย”

เพลงแห่งความสุข

14 นางสาวศิโยนเอ๋ย ร้องเพลงด้วยความยินดีเถิด
    อิสราเอลเอ๋ย ตะโกนออกมาด้วยความสุขเถิด
นางสาวเยรูซาเล็มเอ๋ย ชื่นชมยินดี และเฉลิมฉลองกันอย่างสุดใจเถิด
15 พระยาห์เวห์ได้ยกเลิกการลงโทษเจ้าแล้ว
    พระองค์เอาศัตรูของเจ้าไปจากเจ้าแล้ว
พระยาห์เวห์ กษัตริย์ของอิสราเอลอยู่ท่ามกลางเจ้า
    ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกลัวความหายนะ
16 ในวันนั้น คนจะพูดกับเมืองเยรูซาเล็มว่า
“เมืองศิโยนเอ๋ย ไม่ต้องกลัว
    อย่าปล่อยให้มือของเจ้าหมดแรงสิ้นหวังไป
17 พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าอยู่ท่ามกลางเจ้า
    พระองค์เป็นนักรบผู้ช่วยกู้ชีวิตเจ้า
พระองค์จะร้องเพลงและเฉลิมฉลองเพราะตัวเจ้า
    พระองค์จะรื้อฟื้นความรักที่มีต่อเจ้าขึ้นใหม่
พระองค์จะชื่นชมยินดีในตัวเจ้าด้วยเสียงเพลงแห่งความสุข
18 เหมือนที่คนร้องกันในช่วงเทศกาลต่างๆ[p]
    พระยาห์เวห์พูดว่า ‘เราจะเอาการหัวเราะเยาะและการดูหมิ่นไปจากเจ้า
    เราจะเอาคนที่ชอบทำให้เจ้าเป็นตัวน่าขันไป
19 แน่นอนในเวลานั้น เราจะจัดการกับคนพวกนั้นที่ข่มเหงเจ้า
    เราจะช่วยกู้คนพิการ
เราจะรวบรวมคนที่เคยกระจัดกระจายไป
    เราจะให้คำสรรเสริญและชื่อเสียงเกียรติยศกับพวกเขาในที่ทุกหนแห่งที่พวกเขาเคยได้รับความอับอายมาก่อน
20 ในเวลานั้น เราจะนำพวกเจ้ากลับมา เมื่อเรารวบรวมพวกเจ้าเข้ามา
    แล้วเราก็จะให้คำสรรเสริญและชื่อเสียงกับเจ้าท่ามกลางชนชาติทั้งหลายในโลกนี้
เราจะทำอย่างนี้ต่อหน้าต่อตาเจ้า เมื่อเราทำให้พวกเจ้ากลับมามีสภาพดีเหมือนเดิม’”
พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น

ถึงเวลาแล้วที่จะสร้างวิหาร

ในวันที่หนึ่งของเดือนที่หก ในปีที่สองที่กษัตริย์ดาริอัส[q] ครองราชย์ พระยาห์เวห์พูดผ่านมาทางฮักกัย ผู้พูดแทนพระองค์ ให้กับเศรุบบาเบล[r] ลูกของเชอัลทิเอล และโยชูวาลูกของเยโฮซาดัก ตอนนั้นเศรุบบาเบลเป็นเจ้าเมืองยูดาห์ และโยชูวาเป็นนักบวชสูงสุด ฮักกัยบอกพวกเขาว่า พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้พูดไว้อย่างนี้ว่า “คนยูดาห์พูดว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะสร้างวิหารของพระยาห์เวห์ขึ้นมาใหม่”[s]

ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงพูดผ่านมาทางฮักกัย ผู้พูดแทนพระองค์ว่า “พวกเจ้าคิดว่า นี่เป็นเวลาที่พวกเจ้าจะอยู่ในบ้านของเจ้าที่ตกแต่งอย่างสวยหรูด้วยไม้ราคาแพง แต่ปล่อยให้วิหารของเราพังทลายอยู่อย่างนี้หรือ” ตอนนี้ พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า “ลองคิดดูให้ดีถึงชีวิตของเจ้าที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ว่าเป็นยังไง พวกเจ้าหว่านมาก แต่เก็บเกี่ยวได้น้อย มีกินแต่ก็ไม่อิ่ม มีเหล้าองุ่นให้ดื่มแต่ไม่พอให้เมา มีเสื้อผ้าใส่แต่ก็ไม่พอให้อุ่น หาเงินมาได้แต่กลับใส่ในกระเป๋าที่มีรูรั่ว”

นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด “ลองคิดดูให้ดีถึงชีวิตของเจ้าที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ว่าเป็นยังไง ให้พวกเจ้าขึ้นไปบนภูเขา และเอาต้นไม้ลงมาสร้างวิหารขึ้นใหม่ แล้วเราจะได้พอใจกับวิหารนั้น และได้รับเกียรติในวิหารนั้น” พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนั้น

“เจ้าตั้งตาคอยที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตมากๆแต่มันกลับมีแค่นิดเดียว แล้วพวกเจ้าก็เอาผลอันนิดเดียวนั้นกลับไปบ้าน เราก็มาเป่ามันทิ้งไปเสียอีก แล้วพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นถามว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นหรือ ก็เพราะวิหารของเรายังพังทลายอยู่น่ะสิ ในขณะที่พวกเจ้าแต่ละคนกำลังวุ่นอยู่กับเรื่องบ้านของตัวเอง 10 ดังนั้น เพราะเจ้านี่แหละ ท้องฟ้าถึงได้ยั้งฝนไว้ไม่ให้ตก และแผ่นดินก็ยั้งผลผลิตไว้จากเจ้า

11 ดังนั้นเราจึงทำให้เกิดภัยแล้งขึ้นบนแผ่นดินและบนภูเขา ทำให้เกิดภัยแล้งต่อเมล็ดพืชพันธุ์ เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันมะกอก รวมทั้งผลผลิตอะไรก็ตามที่แผ่นดินจะงอกออกมา เรายังทำให้เกิดภัยแล้งต่อคนและสัตว์ รวมทั้งทุกอย่างที่คนลงมือเพาะปลูกขึ้นมา”

พวกเขาเริ่มสร้างวิหารใหม่

12 แล้วเศรุบบาเบลลูกชายของเชอัลทิเอล กับโยชูวานักบวชสูงสุดลูกชายของเยโฮซาดัก รวมทั้งทุกคนที่เหลือรอดกลับมาจากการเป็นเชลย[t] ต่างก็พากันเชื่อฟังคำสั่งของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ซึ่งก็คือคำพูดของฮักกัยผู้พูดแทนพระเจ้า

ฮักกัยก็พูดตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาสั่งให้เขาพูด และผู้คนต่างพากันเกรงกลัวพระยาห์เวห์

13 แล้วฮักกัยผู้ส่งข่าวของพระยาห์เวห์ ทำตามคำสั่งของพระยาห์เวห์ เขาบอกกับผู้คนว่า พระยาห์เวห์พูดว่า “เราอยู่กับพวกเจ้า”

14 แล้วพระยาห์เวห์ก็ปลุกใจเศรุบบาเบลลูกชายของเชอัลทิเอล และปลุกใจโยชูวา นักบวชสูงสุด ลูกชายของเยโฮซาดัก รวมทั้งปลุกใจคนที่เหลืออยู่ทั้งหมด ให้กระตือรือร้นลงมือทำงาน ดังนั้นพวกเขาจึงพากันลงมือสร้างวิหารของพระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าของพวกเขาขึ้นมาใหม่ 15 พวกเขาเริ่มสร้างวิหารในวันที่ยี่สิบสี่เดือนหก[u] ในปีที่สองที่กษัตริย์ดาริอัสครองราชย์

พระยาห์เวห์ให้กำลังใจกับผู้คน

ในวันที่ยี่สิบเอ็ดเดือนเจ็ด[v] พระยาห์เวห์พูดผ่านมาทางฮักกัยผู้พูดแทนพระองค์ว่า “ให้ไปบอกกับเศรุบบาเบลเจ้าเมืองยูดาห์ลูกชายของเชอัลทิเอล และโยชูวานักบวชสูงสุดลูกชายของเยโฮซาดัก และคนที่เหลือทั้งหมดว่า ‘ใครบ้างที่เหลืออยู่ในที่นี้ที่เคยเห็นวิหารนี้ ในตอนนั้นที่มันยังสวยงามอยู่ แล้วตอนนี้เจ้าเห็นว่ามันเป็นยังไง มันเปรียบกันไม่ได้เลยใช่ไหม’” พระยาห์เวห์พูดว่า “แต่ตอนนี้ เศรุบบาเบล อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ และโยชูวานักบวชสูงสุด ลูกชายของเยโฮซาดัก อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ รวมทั้งพวกเจ้าทุกคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ” พระองค์พูดว่า “ให้ลงมือทำงานต่อไป เพราะเราอยู่กับพวกเจ้า” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดไว้ว่าอย่างนั้น

“นั่นคือคำสัญญาที่เราได้ให้ไว้กับพวกเจ้า ตอนที่พวกเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ และตอนนี้ พระวิญญาณของเราก็ยังอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าไม่ต้องกลัว” เพราะพระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดไว้ว่าอย่างนี้ คือ “ในไม่ช้านี้ เราจะทำให้ท้องฟ้าและแผ่นดินโลกสั่นสะเทือนอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งทะเลและแผ่นดิน เราจะทำให้ชนชาติทั้งหมดสั่นสะเทือน แล้วพวกเขาจะเอาทรัพย์สมบัติอันมีค่ามาไว้ที่นี่ และเราจะทำให้วิหารนี้เต็มไปด้วยสง่าราศี” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดไว้ว่าอย่างนั้น “เงินและทองนั้นเป็นของเรา” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่าอย่างนั้น “วิหารหลังใหม่นี้จะมีสง่าราศีมากกว่าวิหารหลังเก่าเสียอีก”[w] พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่าอย่างนี้ “เราจะให้เกิดสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองในสถานที่นี้” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดอย่างนี้

งานได้เริ่มแล้ว พระพรกำลังจะมา

10 ในวันที่ยี่สิบสี่เดือนเก้า[x] ในปีที่สองที่กษัตริย์ดาริอัสครองราชย์ พระยาห์เวห์พูดกับฮักกัย ผู้พูดแทนพระองค์ 11 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า “ให้ถามพวกนักบวชดูสิว่า พวกเขาตีความกฎของพระเจ้ายังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ 12 ถ้ามีใครที่เอาเนื้อที่ศักดิ์สิทธิ์[y] ห่อไว้ในเสื้อคลุมของเขา และเสื้อคลุมนั้นไปแตะถูกพวกขนมปัง หรือผักตุ๋น หรือเหล้าองุ่น หรือน้ำมันมะกอก หรืออาหารชนิดไหนก็แล้วแต่ ถ้าเป็นอย่างนี้ ของพวกนั้นจะกลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์ไปด้วยหรือเปล่า”

และพวกนักบวชก็ตอบว่า “ไม่ศักดิ์สิทธิ์”

13 แล้วฮักกัยก็พูดว่า “ถ้ามีคนหนึ่งที่ไม่บริสุทธิ์เพราะไปแตะต้องศพมา แล้วมาแตะต้องถูกของพวกนี้อย่างหนึ่งอย่างใด มันจะกลายเป็นของไม่บริสุทธิ์หรือเปล่า”

และพวกนักบวชก็ตอบว่า “ใช่แล้ว มันจะกลายเป็นของไม่บริสุทธิ์”

14 แล้วฮักกัยพูดว่า “พระยาห์เวห์พูดว่ามันเป็นอย่างนั้นเหมือนกันกับคนพวกนี้คือชนชาตินี้ เพราะคนพวกนี้ไม่บริสุทธิ์ต่อหน้าเรา ดังนั้นทุกอย่างที่พวกเขาลงมือเพาะปลูก และทุกสิ่งที่พวกเขาเอามาที่วิหารนี้ ก็จะไม่บริสุทธิ์ไปด้วย”

15 “ต่อจากนี้ไป ให้คิดถึงเรื่องนี้ดูให้ดี คือ ให้คิดถึงช่วงเวลานั้นก่อนที่เจ้าจะเริ่มสร้างวิหารของพระยาห์เวห์ขึ้นมาใหม่ 16 ตอนนั้นเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง บางคนมาที่กองข้าว คาดหวังว่าจะได้ข้าวสักยี่สิบถัง แต่กลับได้แค่สิบถัง บางคนมาที่บ่อเก็บเหล้าองุ่น กะจะเทได้ห้าสิบไห กลับเทได้แค่ยี่สิบไห 17 เราทำร้ายพวกเจ้า และทุกอย่างที่เจ้าลงมือเพาะปลูก ด้วยโรคใบไหม้ ด้วยเชื้อราของพืช และด้วยลูกเห็บ แต่พวกเจ้าก็ไม่ยอมหันกลับมาหาเรา” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

18 “นับจากวันนี้ไปให้คิดถึงเรื่องนี้ดูให้ดี นับตั้งแต่วันที่ยี่สิบสี่เดือนเก้า ตั้งแต่วันที่ได้วางฐานรากสำหรับวิหารของพระยาห์เวห์เสร็จ คิดดูให้ดีว่า 19 มีเมล็ดพืชเหลืออยู่ในยุ้งอีกหรือ ไม่เหลือแล้ว เอาไปหว่านจนหมดแล้ว ดูต้นองุ่น หรือต้นมะเดื่อ หรือต้นทับทิม หรือต้นมะกอกสิ พวกมันยังไม่ออกผลอีกหรือ ไม่เลย มันกำลังออกผลอยู่ ต่อจากนี้ไป เราจะอวยพรเจ้าให้มีผลผลิตที่ดี”

20 พระยาห์เวห์พูดกับฮักกัยอีกเป็นครั้งที่สอง ในวันที่ยี่สิบสี่ของเดือนนั้นว่า 21 “ให้บอกกับเศรุบบาเบล เจ้าเมืองยูดาห์ว่าเรากำลังจะสั่นสะเทือนท้องฟ้าและแผ่นดินโลก 22 เราจะพลิกคว่ำบัลลังก์ของอาณาจักรต่างๆและเราจะทำลายอำนาจของอาณาจักรทั้งหลายของคนต่างชาติ เราจะพลิกคว่ำรถม้าและคนขับพวกมัน และพวกม้าและคนขี่ก็จะล้มตายลงด้วยคมดาบของพวกพี่น้องเขา 23 ในวันนั้น พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า เราจะแต่งตั้งเจ้า เศรุบบาเบล ผู้รับใช้เรา ลูกชายของเชอัลทิเอล ให้มีอำนาจเหมือนแหวนตราประจำตำแหน่ง[z] เพราะเราเลือกเจ้าแล้ว” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่าอย่างนั้น

พระยาห์เวห์ต้องการให้คนของพระองค์กลับมาหาพระองค์

ในเดือนที่แปดของปีที่สอง[aa] ที่ดาริอัส[ab] เป็นกษัตริย์ของเปอร์เซีย ถ้อยคำของพระยาห์เวห์มาถึงเศคาริยาห์ ผู้พูดแทนพระเจ้า ที่เป็นลูกของเบเรคิยาห์ที่เป็นลูกของอิดโด ข้อความนั้นพูดว่า

เรายาห์เวห์โกรธพวกบรรพบุรุษของพวกเจ้ามาก ดังนั้น เจ้าควรจะบอกคนของเจ้าว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด ‘กลับมาหาเราซะ แล้วเราจะกลับมาหาเจ้า’

อย่าเป็นเหมือนกับพวกบรรพบุรุษของพวกเจ้า ที่พวกผู้พูดแทนพระเจ้ารุ่นก่อนหน้านี้ได้พูดกับพวกเขาว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด “หันกลับจากทางชั่วและการทำชั่วพวกนั้นของเจ้าซะ” แต่พวกเขาก็ไม่ยอมฟัง และไม่สนใจเราด้วย’” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

“ส่วนพวกบรรพบุรุษของเจ้า ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนแล้ว แล้วพวกผู้พูดแทนพระเจ้าละ พวกเขาอยู่ค้ำฟ้าหรือยังไง แต่พวกคำเตือนและกฎต่างๆของเรา ที่เราได้สั่งผ่านมาทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้า ซึ่งเป็นพวกผู้รับใช้ของเรานั้น ก็ไล่ทันพวกบรรพบุรุษของพวกเจ้าไม่ใช่หรือ พวกเขาถึงได้กลับใจเสียใหม่ และพูดว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น วางแผนไว้ว่าจะทำอย่างไรกับพวกเรา เพื่อให้สาสมกับวิถีทางและการกระทำต่างๆของพวกเรา และพระองค์ก็ได้ทำอย่างนั้นกับพวกเราแล้ว’”

นิมิตที่หนึ่ง: ม้าสี่ตัว

ในวันที่ยี่สิบสี่ของเดือนที่สิบเอ็ด ซึ่งเป็นเดือนเชบัท[ac] ในปีที่สองที่กษัตริย์ดาริอัสครองราชย์[ad] ถ้อยคำของพระยาห์เวห์มาถึงเศคาริยาห์ ผู้พูดแทนพระเจ้า ที่เป็นลูกของเบเรคิยาห์ที่เป็นลูกของอิดโด ข้อความนั้นพูดว่า

ในช่วงกลางคืน ผมเห็นนิมิต ผมเห็นชายคนหนึ่งขี่ม้าสีดำแดง ยืนอยู่ท่ามกลางพุ่มไม้ดอกในหุบเขาลึก และข้างหลังเขาก็มีม้าสีดำแดง ม้าสีน้ำตาลแดง และม้าสีขาว ผมถามว่า “ท่านครับ ม้าพวกนี้เอาไว้ทำอะไรหรือครับ”

ทูตสวรรค์พูดกับผมว่า “เราจะให้เจ้าเห็นว่าม้าพวกนี้มีไว้ทำอะไร”

10 ชายคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางพุ่มไม้นั้นตอบว่า “พวกม้านี้คือพวกที่พระยาห์เวห์ส่งมาเพื่อท่องตรวจตราไปในโลกนี้”

11 พวกคนขี่ม้าเหล่านั้นได้รายงานให้กับทูตของพระยาห์เวห์ที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้นั้นว่า “พวกเราได้ท่องตรวจตราไปในโลกนี้ และโลกทั้งโลกก็อยู่ในความสงบเรียบร้อยดี”

12 ทูตของพระยาห์เวห์พูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น อีกนานแค่ไหนที่พระองค์จะยับยั้งความเมตตาสงสารไปจากเยรูซาเล็มและพวกเมืองต่างๆของยูดาห์ ที่พระองค์โกรธมาเป็นเวลาถึงเจ็ดสิบปีแล้ว[ae]

13 พระยาห์เวห์ตอบกับทูตสวรรค์ที่พูดกับผม พระยาห์เวห์ใช้คำพูดที่เต็มไปด้วยความเมตตาและการปลอบโยน 14 ทูตสวรรค์ที่พูดกับผม บอกให้ผมไปประกาศเรื่องนี้ คือ

พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
    “เราหึงหวงเยรูซาเล็มและภูเขาศิโยนมาก
15 เราโกรธชนชาติที่เย่อหยิ่งจองหองเหล่านั้นมาก คือชนชาติเหล่านั้นที่คิดว่าตัวเองมั่นคงปลอดภัย
    ตอนนั้นเราโกรธคนอิสราเอลไม่มาก
เราจึงใช้คนพวกนี้ไปลงโทษคนของเรา
    แต่พวกเขาก็ทำเกินไป”
16 ดังนั้น พระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า
    “เราจะกลับมาเยรูซาเล็มด้วยความสงสาร
วิหารของเราจะถูกสร้างขึ้นใหม่ในเมืองนั้น
    จะมีการขึงเชือกวัดไปทั่วทั้งเมืองเยรูซาเล็มเพื่อสร้างเมืองขึ้นมาใหม่”
17 ทูตสวรรค์ยังบอกผมให้ประกาศเรื่องนี้ด้วย
“พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
    ‘เมืองต่างๆของเราจะเต็มล้นไปด้วยความมั่งคั่งอีก
เราจะปลอบโยนศิโยนอีกครั้ง
    และเราจะเลือกเมืองเยรูซาเล็มเป็นเมืองพิเศษของเราอีกครั้งหนึ่ง’”

นิมิตที่สอง: เขาสัตว์สี่อันกับช่างสี่คน

18 ผมเงยหน้าขึ้นมาเห็นเขาสัตว์สี่อัน 19 ผมถามทูตสวรรค์ที่พูดอยู่กับผมว่า “เขาสัตว์พวกนี้หมายถึงอะไรครับ”

ท่านตอบว่า “เขาสัตว์พวกนี้คือชนชาติต่างๆที่ทำให้ยูดาห์ อิสราเอล และเยรูซาเล็มต้องกระจัดกระจายไป”

20 พระยาห์เวห์ให้ผมเห็นช่างสี่คน 21 ผมถามว่า “ช่างพวกนี้จะมาทำอะไรหรือครับ”

พระองค์ตอบว่า “เขาสัตว์เหล่านั้นคือชนชาติต่างๆที่ทำให้ยูดาห์ต้องกระจัดกระจายไป ทำให้ไม่มีใครโงหัวขึ้นมาได้ และช่างพวกนี้[af] ก็มาเพื่อทำให้เขาสัตว์ทั้งสี่นั้นกลัว พวกเขามาตัดและโยนเขาสัตว์นั้นทิ้งไป ซึ่งก็คือชนชาติเหล่านั้น ชนชาติที่ได้ยกเขาขึ้น[ag] ต่อต้านแผ่นดินยูดาห์ และทำให้พวกเขาต้องกระจัดกระจายไป”

นิมิตที่สาม: เอาเชือกวัดเยรูซาเล็ม

ผมเงยหน้าขึ้นมองเห็นชายคนหนึ่งถือสายวัดอยู่ในมือ ผมถามเขาว่า “จะไปไหนหรือครับ”

เขาตอบผมว่า “เรากำลังจะไปวัดเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อดูว่ามันมีขนาดกว้างยาวเท่าไหร่”

แล้วทูตสวรรค์ที่พูดอยู่กับผมก็เดินออกไปต้อนรับทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาหาเขา ทูตสวรรค์องค์แรกบอกกับทูตสวรรค์องค์ที่สองว่า “ให้วิ่งไปบอกกับชายหนุ่มคนนั้นที่ถือสายวัดว่า

‘เยรูซาเล็มจะเป็นเหมือนกับหมู่บ้านต่างๆในชนบทที่ไม่มีกำแพง
    เพราะเยรูซาเล็มจะมีคนกับสัตว์อาศัยอยู่อย่างล้นเหลือ’
พระยาห์เวห์พูดว่า
‘แต่เราจะเป็นกำแพงเพลิงที่ล้อมรอบปกป้องเมืองนั้นไว้
    และเราก็จะเป็นสง่าราศีให้กับเมืองนั้น’”

พระเจ้าเรียกคนของพระองค์กลับมา

พระยาห์เวห์พูดว่า
“นี่ พวกเจ้า รีบหนีออกจากแผ่นดินที่อยู่ทางเหนือได้แล้ว
    เพราะเราทำให้เจ้ากระจัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ
นี่ พวกเจ้าคนศิโยน ที่ตอนนี้อาศัยอยู่ในเมืองบาบิโลน
    ให้รีบหนีไปจากเมืองนั้นซะ”
หลังจากที่สง่าราศีของพระองค์ได้ปรากฏให้ผมเห็นแล้ว
    แล้วพระองค์ส่งผมไป
นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดเกี่ยวกับชนชาติต่างๆพวกนั้นที่ปล้นพวกเจ้า
    “ใครทำร้ายเจ้าก็คือทำร้ายแก้วตาดวงใจของเรานั่นเอง
เพราะเราจะยกมือขึ้นเตรียมฟาดขับไล่ชนชาติเหล่านั้นไป
    ชนชาติเหล่านั้นจะกลายเป็นของที่โดนปล้น
สำหรับคนเหล่านั้นที่เคยเป็นทาสของพวกมัน
    แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นเป็นผู้ที่ส่งผมมา”

10 พระยาห์เวห์พูดว่า
“นางสาวศิโยนเอ๋ย ร้องเพลงและเฉลิมฉลองกันเถอะ
    เพราะเรากำลังมาอาศัยอยู่ในเจ้า
11 ในวันนั้น ชนชาติเป็นจำนวนมากจะมาร่วมกับเรา
    พวกเขาจะกลายเป็นคนของเรา แล้วศิโยน เราจะอาศัยอยู่กับเจ้า”
แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้ส่งผมมาหาพวกเจ้าชาวศิโยน

12 พระยาห์เวห์จะรับยูดาห์เป็นส่วนแบ่งของพระองค์ในแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์
    และพระองค์จะเลือกเยรูซาเล็มเป็นเมืองพิเศษของพระองค์อีกครั้ง
13 มนุษย์ทุกคน ให้เงียบๆไว้ต่อหน้าพระยาห์เวห์
    เพราะพระองค์กำลังลุกขึ้นมาจากที่พักอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

นิมิตที่สี่: เรื่องนักบวชสูงสุด

ทูตสวรรค์ทำให้ผมเห็นโยชูวานักบวชสูงสุดยืนอยู่ต่อหน้าทูตของพระยาห์เวห์ และซาตาน[ah] ก็ยืนอยู่ทางขวามือของโยชูวา กำลังกล่าวหาท่านอยู่ ทูตของพระยาห์เวห์บอกกับซาตานว่า “ขอให้พระยาห์เวห์ประณามเจ้า ไอ้ซาตาน ขอให้พระยาห์เวห์ ผู้ที่เลือกเมืองเยรูซาเล็มมาเป็นสถานที่พิเศษสำหรับพระองค์ ประณามเจ้า โยชูวาคนนี้เป็นเหมือนท่อนฟืนที่ถูกดึงออกมาจากกองไฟ ไม่ใช่หรือ”

โยชูวาใส่เสื้อผ้าสกปรกเลอะเทอะยืนอยู่ต่อหน้าทูตสวรรค์ ทูตสวรรค์องค์นั้นบอกกับพวกทูตสวรรค์เหล่านั้นที่ยืนอยู่ตรงหน้าว่า “ถอดเสื้อผ้าที่สกปรกเลอะเทอะพวกนั้นให้เขา” ทูตสวรรค์องค์นั้นพูดกับโยชูวาว่า “เห็นไหม เราทำให้ความผิดบาปของเจ้าหมดไปจากเจ้าแล้ว และเราก็จะสวมใส่เสื้อผ้าที่สวยงามของนักบวชให้กับเจ้า”

ผมพูดว่า “ให้พวกเขาเอาผ้าโพกหัวที่สะอาดมาโพกหัวให้กับเขาด้วยสิ” พวกเขาจึงเอาผ้าที่สะอาดมาโพกหัวของโยชูวา และเอาเสื้อผ้าใหม่นั้นมาสวมใส่ให้กับโยชูวาด้วย และทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ก็ยืนอยู่ที่นั่น ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์กำชับโยชูวาว่า

“พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
    ถ้าเจ้าจะเดินในทางต่างๆของเราและเชื่อฟังข้อเรียกร้องต่างๆของเรา
เจ้าก็จะได้เป็นคนจัดการอยู่ในวิหารของเรา
    เจ้าจะได้ดูแลบริเวณลานวิหาร
และเราจะให้เจ้าเข้ามาหาเราอย่างอิสระ
    เหมือนทูตสวรรค์ที่ยืนอยู่ที่นี่
ฟังให้ดี โยชูวา นักบวชสูงสุด เจ้าและเพื่อนนักบวชที่นั่งอยู่ตรงหน้าเจ้า
    พวกเจ้าเป็นลางบอกเหตุล่วงหน้า
เพราะเรากำลังจะนำผู้รับใช้ของเรามา
    เขามีชื่อว่า ‘กิ่ง’
ดูหินที่เราวางไว้ตรงหน้าโยชูวาสิ
    บนหินก้อนเดียวนี้มีเจ็ดด้าน[ai]
ดูสิ เรากำลังจะสลักข้อความลงบนมัน
    และเราจะกำจัดความผิดของแผ่นดินนี้ให้หมดสิ้นไปในวันเดียว”

10 พระยาห์เวห์พูดว่า
“ในวันนั้นพวกเจ้าจะเชื้อเชิญเพื่อนบ้านของตน
    มานั่งกันอยู่ใต้ต้นองุ่นและใต้ต้นมะเดื่อของเจ้า”

นิมิตที่ห้า: ขาตั้งตะเกียงและต้นมะกอกสองต้น

ทูตสวรรค์ที่เคยพูดกับผมกลับมา และมาเขย่าตัวผมเหมือนกับปลุกคนให้ตื่น ท่านพูดกับผมว่า “เจ้าเห็นอะไร”

ผมตอบว่า “ผมเห็นตะเกียงไฟยืนที่ทำจากทองคำล้วนๆ ที่มีชามใส่น้ำมันอยู่บนยอดของมัน และยังมีตะเกียงไฟเจ็ดดวงอยู่บนมัน และตะเกียงแต่ละดวงก็มีปากที่ยื่นออกมาไว้วางไส้ตะเกียง และผมเห็นต้นมะกอกสองต้นอยู่ข้างๆถ้วยใส่น้ำมัน ทางขวาต้นหนึ่งและทางซ้ายต้นหนึ่ง” จากนั้นผมพูดกับทูตสวรรค์ที่พูดอยู่กับผมว่า “ท่านครับ พวกนี้มันอะไรกันครับ”

ทูตสวรรค์ที่พูดอยู่กับผม ตอบผมว่า “เจ้าไม่รู้หรือว่าสิ่งเหล่านี้คืออะไร”

ผมตอบว่า “ไม่รู้ครับท่าน”

ท่านตอบว่า “นี่คือข่าวสารของพระยาห์เวห์ที่มีมาถึงเศรุบบาเบลว่า ‘ความสำเร็จ[aj] ไม่ได้มาจากพละกำลังและฤทธิ์อำนาจของมนุษย์ แต่มาจากพระวิญญาณของเรา’ พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่าอย่างนั้น เจ้าภูเขาที่ยิ่งใหญ่ เจ้าคืออะไร ต่อหน้าเศรุบบาเบล เจ้าจะกลายเป็นพื้นราบ ท่านจะวางหินบนยอดสูงสุดของวิหาร และผู้คนจะร้องว่า ‘สวยมาก วิหารนี้ ช่างสวยจริงๆ’”

ผมได้รับข่าวสารของพระยาห์เวห์ว่า “เศรุบบาเบลได้วางรากฐานของวิหารนี้แล้ว และเขาจะสร้างมันจนเสร็จด้วย” เจ้าจะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นเป็นผู้ที่ส่งผมมาหาพวกเจ้า 10 คนที่เห็นว่าตอนเริ่มต้นนั้นกระจอกงอกง่อย จะได้เฉลิมฉลอง เมื่อพวกเขาเห็นแผ่นดีบุกคำจารึกอยู่ในมือของเศรุบบาเบล ทูตสวรรค์พูดกับผมว่า “ตะเกียงทั้งเจ็ดอันนี้ เป็นดวงตาของพระยาห์เวห์ ที่มองสาดส่ายไปมาทั่วโลก”

11 เมื่อผมถามท่านว่า “แล้วต้นมะกอกสองต้นที่อยู่ทางซ้ายขวาของขาตั้งตะเกียงนั้นล่ะ หมายถึงอะไรครับ” 12 ผมถามเขาอีกเป็นครั้งที่สองว่า “แล้วกิ่งของต้นมะกอกสองกิ่ง ที่เทน้ำมันสีทองผ่านทางท่อทองคำสองท่อนั้น มันหมายถึงอะไรครับ”

13 ท่านตอบผมว่า “เจ้าไม่รู้หรือว่าของพวกนี้หมายถึงอะไร”

ผมตอบว่า “ไม่รู้ครับท่าน”

14 ท่านก็บอกว่า “ของพวกนี้หมายถึงผู้นำสองคน[ak] ที่ได้รับการเจิมด้วยน้ำมัน ทั้งสองยืนอยู่ข้างๆพระยาห์เวห์ผู้เป็นเจ้านายของโลกทั้งใบ”

นิมิตที่หก: แผ่นม้วนหนังที่ลอยในอากาศ

ผมเงยหน้าขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และมองเห็นแผ่นม้วนหนังม้วนหนึ่งลอยอยู่ในอากาศ ทูตสวรรค์ถามผมว่า “เจ้าเห็นอะไร”

ผมตอบว่า “ผมเห็นแผ่นม้วนหนังม้วนหนึ่งลอยอยู่ในอากาศ แผ่นม้วนหนังนี้ยาวยี่สิบศอก และกว้างสิบศอก”

ทูตสวรรค์พูดกับผมว่า “มีคำสาปแช่งเขียนอยู่บนแผ่นม้วนหนังนั้น เป็นคำสาปแช่งที่แพร่กระจายไปทั่วแผ่นดินนี้ เพราะที่ผ่านมา ทุกคนที่ขโมย ไม่ได้ถูกลงโทษ และทุกคนที่สาบานว่าจะพูดความจริงแต่กลับเป็นพยานเท็จ ก็ไม่ได้ถูกลงโทษ” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า “เราจะส่งคำสาปแช่งนั้นเข้าไปในบ้านของพวกขโมย และเข้าไปในบ้านของคนที่สาบานว่าจะพูดความจริงแต่กลับเป็นพยานเท็จ คำสาปแช่งนั้นจะอยู่ในบ้านของพวกเขา และมันจะทำลายบ้านของพวกเขา รวมทั้งพวกท่อนไม้และก้อนหินของมัน”

นิมิตที่เจ็ด: ผู้หญิงในถังตวง

ทูตสวรรค์ที่เคยพูดอยู่กับผมก็ออกมา และพูดกับผมว่า “เงยหน้าดูสิ่งที่กำลังมาทางนี้”

ผมพูดว่า “นั่นอะไรครับ”

ท่านบอกว่า “สิ่งที่กำลังมานั้น คือถังตวง”

ท่านบอกว่า “ถังตวงนี้หมายถึงความผิดบาปของคนทั้งแผ่นดิน”

ฝาตะกั่วของถังนั้นถูกยกขึ้น และมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในถังนั้น ทูตสวรรค์บอกว่า “ผู้หญิงคนนี้หมายถึงความชั่วร้าย” ทูตสวรรค์ผลักเธอกลับเข้าไปในถังนั้น แล้วเลื่อนฝาตะกั่วมาปิดปากถังไว้ ผมเงยหน้าขึ้นมา เห็นผู้หญิงสองคนบินตรงมาหาเรา พวกนางมีปีกเหมือนปีกนกกระสา และปีกของพวกนางก็กางออกรับลม พวกนางมายกถังตวงนั้นแล้วบินไป 10 ผมพูดกับทูตสวรรค์ที่พูดอยู่กับผมว่า “พวกนางจะเอาถังนั้นไปไหนหรือครับ”

11 ทูตสวรรค์บอกผมว่า “พวกนางกำลังจะไปสร้างบ้านให้กับถังนั้น ในแผ่นดินชินาร์[al] และหลังจากที่พวกนางสร้างบ้านนั้นแล้ว พวกนางก็จะวางถังนั้นไว้ที่นั่น”

นิมิตที่แปด: รถม้าสี่คัน

ผมเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้งหนึ่ง ผมเห็นรถรบสี่คันออกมาจากระหว่างภูเขาทองสัมฤทธิ์สองลูก รถรบคันแรกมีพวกม้าสีแดงลาก รถรบคันที่สองมีพวกม้าสีดำลาก รถรบคันที่สามมีพวกม้าสีขาวลาก และรถรบคันที่สี่มีพวกม้าที่เป็นจุดด่างๆลาก ม้าทุกตัวเป็นม้าที่แข็งแรง

จากนั้นผมถามทูตสวรรค์ที่พูดอยู่กับผมว่า “พวกนี้หมายถึงอะไรกันครับท่าน”

ทูตสวรรค์ตอบว่า “พวกนี้คือลมสี่ทิศจากฟ้าสวรรค์ที่กำลังออกไป หลังจากยืนประจำการอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์เจ้าของโลกนี้ พวกม้าสีดำกำลังออกไปทางทิศเหนือ พวกม้าสีขาวกำลังออกไปทางทิศตะวันตก และพวกม้าจุดด่างกำลังออกไปทางทิศใต้”[am]

พวกม้าที่แข็งแรงพวกนี้ออกมา พวกมันอยากจะท่องตรวจตราไปในโลกนี้ พระยาห์เวห์จึงพูดว่า “ไปเลย ไปท่องตรวจตราโลก” พวกมันจึงท่องตรวจตราไปในโลกนี้

พระองค์เรียกผมเข้าไปหาและพูดกับผมว่า “ดูม้าพวกนั้นที่เดินทางไปทางเหนือสิ พวกมันได้ทำให้ความโกรธของเราสงบลงที่นั่น”

โยชูวานักบวชสูงสุดได้รับมงกุฎ

พระคำของพระยาห์เวห์ที่มาถึงผมพูดว่า 10 “เฮลดัย โทบียาห์ และเยดายาห์ เพิ่งกลับมาจากการถูกเนรเทศไปบาบิโลน ไปเอาเงินและทองจากพวกเขาสิ และในวันเดียวกันนั้นให้เจ้าไปบ้านของโยสิยาห์ลูกชายของเศฟันยาห์ 11 ให้เอาเงินและทองนั้นมาทำเป็นมงกุฎสองอัน และให้เอามงกุฎอันหนึ่งไปสวมหัวของโยชูวานักบวชสูงสุด ลูกชายของเยโฮซาดัก 12 และให้บอกกับโยชูวาว่า

พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
    ‘ดูสิ นี่คือชายชื่อ “กิ่ง”
เขาจะแผ่กิ่งของเขาออกมาในที่ที่เขาอยู่
    และเขาจะสร้างวิหารของพระยาห์เวห์
13 คนนี้แหละจะเป็นคนสร้างวิหารของพระยาห์เวห์
    คนนี้แหละจะเป็นคนได้รับเกียรติ
เขาจะนั่งและปกครองอยู่บนบัลลังก์ของเขา
    และจะมีนักบวชคนหนึ่งอยู่ข้างๆบัลลังก์ของเขา
ชายทั้งสองคนนี้จะทำงานร่วมกันอย่างกลมเกลียว’

14 และมงกุฎอีกอันหนึ่งจะเป็นเครื่องเตือนใจในวิหารของพระยาห์เวห์ให้กับ เฮลดัย โทบียาห์ เยดายาห์ และโยสิยาห์ลูกของเศฟันยาห์

15 คนที่อยู่ไกลๆจะได้มาช่วยกันสร้างวิหารของพระยาห์เวห์ แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้ส่งผมมาหาเจ้า และสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ถ้าพวกเจ้าจะเชื่อฟังเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าอย่างเต็มที่”

พระยาห์เวห์อยากให้คนของพระองค์มีความเมตตาปรานี

ในปีที่สี่ที่ดาริอัสเป็นกษัตริย์ของเปอร์เซีย ถ้อยคำของพระยาห์เวห์มาถึงเศคาริยาห์ ในวันที่สี่ของเดือนเก้า ซึ่งเป็นเดือนคิสเลฟ[an] เมืองเบธเอลส่งชาเรเซอร์ และเรเกมเมเลค มาขอให้พระยาห์เวห์อวยพรพวกเขา พวกเขาพูดกับพวกนักบวชที่วิหารของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นและพูดกับพวกผู้พูดแทนพระเจ้าว่า “ในช่วงเดือนที่ห้าของทุกปี[ao] พวกเราร้องไห้และอดอาหาร ไว้ทุกข์ให้กับวิหารที่ถูกทำลายไป เราทำอย่างนี้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว จะให้เราทำต่อไปอีกหรือเปล่า”

ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นมาถึงผมว่า “ให้บอกกับทุกคนในแผ่นดินนี้และให้บอกกับพวกนักบวชด้วยว่า ‘ที่พวกเจ้าอดอาหารและไว้ทุกข์ในเดือนที่ห้าและในเดือนที่เจ็ดเป็นเวลาถึงเจ็ดสิบปีแล้วนั้น พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าได้อดอาหารให้กับเราจริงๆ แล้วเวลาที่เจ้ากินและดื่มนั้น พวกเจ้าไม่ใช่กินและดื่มเพื่อประโยชน์สุขของตัวเองหรอกหรือ คำพูดอย่างนี้ พระยาห์เวห์ก็เคยพูดไปแล้วไม่ใช่หรือผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้าในสมัยก่อน เรื่องนี้พระองค์เคยพูดไปแล้วไม่ใช่หรือ ตอนที่เยรูซาเล็มและหมู่บ้านรอบข้างมั่นคงปลอดภัยและมีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย และเรื่องนี้พระองค์เคยพูดไปแล้วไม่ใช่หรือตอนที่ดินแดนเนเกบและเชเฟลาห์[ap]ยังมีผู้คนอาศัยอยู่’”

ถ้อยคำของพระยาห์เวห์มาถึงเศคาริยาห์ พูดอย่างนี้ว่า
“นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด
    ‘ให้ตัดสินอย่างยุติธรรม
    ให้มีน้ำใจต่อกันและเห็นอกเห็นใจกัน
10 อย่ากดขี่ข่มเหงแม่หม้าย เด็กกำพร้า คนต่างชาติ หรือคนจน
    อย่าวางแผนชั่วในใจต่อกัน’

11 แต่คนพวกนั้นก็ไม่ยอมฟัง
    พวกเขาทำเป็นเมิน ดื้อดึง
และยังอุดหูไม่ยอมฟัง
12 เขาทำให้ใจตัวเองแข็งเหมือนเพชรเพื่อจะไม่ได้ยินกฎและคำสั่งต่างๆ
    ที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นส่งผ่านมาทางพระวิญญาณของพระองค์
โดยพวกผู้พูดแทนพระเจ้าในสมัยก่อน
    พระยาห์เวห์จึงโกรธแค้นมาก
13 ดังนั้นพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
    ‘ตอนที่เราเรียกพวกเขา พวกเขาก็ไม่ยอมฟังเรา
ดังนั้น ตอนนี้พวกเขาขอความช่วยเหลือจากเรา
    เราก็จะไม่ยอมฟังพวกเขาเหมือนกัน
14 แล้วเราได้พัดพวกเขาให้กระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางชนชาติที่พวกเขาไม่รู้จัก
    จนแผ่นดินรกร้างว่างเปล่าจนไม่มีใครเดินผ่านไปมา
เมื่อชนชาติต่างๆเหล่านั้นบุกเข้ามา
    และแผ่นดินที่น่าอยู่ก็ถูกทำลายไป’”

พระเจ้าสัญญาว่าจะอวยพรเยรูซาเล็ม

ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นที่มาถึงผมพูดว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด ‘เราหึงหวงศิโยน ด้วยความหึงหวงมาก เราหึงหวงเธออย่างแรงกล้า’ พระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ คือ ‘เราได้กลับมายังศิโยน และเราจะอาศัยอยู่ท่ามกลางเยรูซาเล็ม ดังนั้นเยรูซาเล็มจะมีชื่อเรียกว่า “เมืองแห่งความสัตย์ซื่อ” และภูเขาของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น จะมีชื่อเรียกว่า “ภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์”’”

นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดคือ “คนแก่ทั้งชายและหญิงจะได้มานั่งพักผ่อนกันตามลานเมืองทั้งหลายของเยรูซาเล็มอีก ผู้ชายแต่ละคนจะถือไม้เท้าอยู่ในมือเพราะแก่แล้ว ตามลานเมืองทั้งหลายจะเต็มไปด้วยเด็กๆทั้งชายและหญิงวิ่งเล่นกัน” นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นถามคือ “ถึงแม้มันจะดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ในสายตาของคนที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบันนี้ นั่นหมายความว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ในสายตาของเราด้วยหรือ” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นถาม

นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด คือ “เรากำลังจะช่วยกู้คนของเราจากแผ่นดินทางทิศตะวันออก และทางทิศตะวันตก เราจะนำพวกเขามาอาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มนี้ พวกเขาจะเป็นคนของเรา และเราก็จะเป็นพระเจ้าของพวกเขา ที่สัตย์ซื่อและชอบธรรม”

นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดคือ “กล้าหาญไว้ พวกเจ้าที่เพิ่งได้ยินคำเหล่านี้จากปากของพวกผู้พูดแทนพระเจ้า ตอนวางรากฐานสร้างวิหารของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นขึ้นมาใหม่ 10 ก่อนหน้าที่จะสร้างวิหารนั้น ไม่มีเงินพอที่จะจ้างคนงานแม้แต่คนเดียว ไม่มีเงินพอที่จะเช่าสัตว์สักตัวมาใช้งาน คนที่เดินทางก็ไม่มีความปลอดภัยจากศัตรู และเราก็ได้ทำให้แต่ละคนเป็นศัตรูกัน 11 แต่ตอนนี้ จะไม่เหมือนตอนนั้นอีกแล้ว เราจะเป็นพระเจ้าของคนที่ยังเหลืออยู่พวกนี้” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่าอย่างนั้น

12 “พวกเขาจะหว่านเมล็ดพืชในเวลาที่สงบศึก ต้นองุ่นจะออกผลของมัน ผืนดินจะให้ผลผลิต ท้องฟ้าจะให้ฝน และเราจะยกสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดให้เป็นสมบัติของคนของเราที่ยังเหลืออยู่ 13 คนยูดาห์และคนอิสราเอลเอ๋ย ชนชาติทั้งหลายเคยพูดว่า พวกเจ้าเป็นตัวอย่างของคนที่ถูกสาปแช่ง แต่อีกไม่ช้า เราจะช่วยกู้พวกเจ้า และคนก็จะพูดถึงพวกเจ้าว่า เป็นตัวอย่างของคนที่ได้รับพระพร ไม่ต้องกลัว กล้าหาญไว้”

14 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด คือ “เราเคยตั้งใจจะทำให้เกิดความหายนะขึ้นกับเจ้า ตอนที่บรรพบุรุษของเจ้าทำให้เราโกรธ และเราก็ไม่ได้เปลี่ยนใจ” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่าอย่างนั้น 15 “แล้วในวันนี้ เราตั้งใจที่จะทำดีต่อคนเยรูซาเล็มและคนยูดาห์ ดังนั้นอย่าได้กลัวเลย 16 พวกเจ้าจะต้องทำสิ่งเหล่านี้ คือ ให้พูดแต่ความจริงเท่านั้นต่อเพื่อนบ้านของตน ให้ตัดสินอย่างยุติธรรมในศาลเพื่อก่อให้เกิดสันติภาพ 17 พวกเจ้าจะต้องไม่วางแผนชั่วร้ายในใจต่อเพื่อนบ้านของตน เจ้าต้องไม่เป็นพยานเท็จ เพราะทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราเกลียด” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

18 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ได้มาถึงผมว่า 19 “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด ‘วันอดอาหารในเดือนสี่ เดือนห้า เดือนเจ็ดและเดือนสิบ จะกลายเป็นเวลาชื่นชมยินดีและเฉลิมฉลองกัน เป็นเทศกาลแห่งความสุขสำหรับคนยูดาห์ แต่พวกเจ้าจะต้องรักความจริงและรักสันติภาพ’”

20 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด คือ
    “ในอนาคตผู้คนและพลเมืองจากหลายๆเมืองจะมาที่เยรูซาเล็ม
21 คนของเมืองหนึ่งจะพูดกับคนของอีกเมืองหนึ่งว่า
    ‘พวกเราไปขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์กันเถอะ
    ไปนมัสการพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นกันเถอะ ผมเองกำลังจะไป’”

22 คนเป็นจำนวนมาก และชนชาติต่างๆที่มีอำนาจ จะมานมัสการพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นในเยรูซาเล็ม และมาแสวงหาความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ 23 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด คือ “ในวันเหล่านั้น ชาวยิวแต่ละคน จะโดนคนต่างชาติสิบคนที่พูดคนละภาษา เข้ามาจับ ใช่แล้วคือมาจับชายเสื้อคลุมของพวกเขา และพูดว่า ‘ขอพวกเราไปกับพวกท่านด้วยเถิด เพราะเราได้ยินว่าพระเจ้าสถิตกับพวกท่าน’”

การตัดสินชนชาติอื่นๆ

ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ ต่อต้านแผ่นดินหัดรากและเพ่งเล็งเมืองดามัสกัส เพราะพระยาห์เวห์เฝ้าดูว่าคนเขาทำอะไรกันในอารัม เหมือนกับที่พระองค์เฝ้าดูเผ่าต่างๆของอิสราเอล[aq] ถ้อยคำนี้ได้ต่อต้านเมืองฮามัทซึ่งมีพรมแดนติดกับดามัสกัสและยังต่อต้านเมืองไทระกับเมืองไซดอนด้วย ทั้งๆที่พวกเขาเฉลียวฉลาดมาก เมืองไทระสร้างป้อมปราการสำหรับตัวเอง มันสะสมเงินไว้เป็นกองพะเนินเหมือนฝุ่นและสะสมทองไว้เป็นกองพะเนินเหมือนผงดินที่อยู่ตามถนนต่างๆ องค์เจ้าชีวิตจะขับไล่เธอออกไป พระองค์จะซัดป้อมปราการของเธอลงไปในทะเล[ar] และไทระจะถูกไฟเผาเป็นเถ้าถ่านไป

เมืองอัชเคโลน[as] จะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับไทระและจะกลัว เมืองกาซาก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เหมือนกัน และจะดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เมืองเอโครนก็จะดิ้นทุรนทุรายเหมือนกัน เพราะความคาดหวังของเธอเหือดแห้งไปเสียแล้ว จะไม่มีกษัตริย์ในกาซาอีกแล้ว และอัชเคโลนก็จะไม่มีผู้คนอาศัยอีกต่อไป พวกลูกผสมจะมาอาศัยอยู่ในอัชโดด และเราจะทำลายความเย่อหยิ่งจองหองของคนฟีลิสเตียให้หมดไป เราจะเอาเนื้อที่ยังมีเลือดติดอยู่ออกจากปากของเขา เราจะเอาของที่น่าขยะแขยงออกจากซี่ฟันของเขา และคนฟีลิสเตียที่ยังเหลืออยู่จะเป็นของพระเจ้าของเรา[at] พวกเขาจะมีฐานะเหมือนกับตระกูลหนึ่งของยูดาห์และชาวเอโครนจะเป็นเหมือนคนเยบุส[au] เราจะตั้งค่ายที่วิหารของเราเหมือนเป็นเมืองหน้าด่าน เราจะคอยป้องกันไม่ให้คนบุกรุกเข้ามา และผู้กดขี่จะไม่มีวันได้เข้ามาข่มเหงพวกเขาอีกต่อไป เพราะตอนนี้เรากำลังเฝ้าดูอยู่ด้วยตาของเราเอง

กษัตริย์ในอนาคต

ศิโยน ลูกสาวเอ๋ย ให้ชื่นชมยินดีอย่างสุดใจเถิด
    เยรูซาเล็ม ลูกสาวเอ๋ย โห่ร้องด้วยความยินดีเถิด
ดูสิ กษัตริย์ของเธอมาหาเธอแล้ว
    พระองค์ให้ความเป็นธรรมและมีชัยชนะ
    พระองค์นั้นถ่อมสุภาพและขี่อยู่บนหลังลา ขี่บนลาหนุ่ม ลูกของแม่ลา
10 เราจะกำจัดพวกรถรบไปจากเอฟราอิม
    เราจะกำจัดพวกม้าศึกไปจากเยรูซาเล็ม
ธนูสงครามจะถูกกำจัดให้หมดไป
    กษัตริย์องค์นั้นจะเจรจาสงบศึกระหว่างประชาชาติทั้งหลาย
ท่านจะปกครองจากทะเลฟากหนึ่งไปถึงทะเลอีกฟากหนึ่ง
    และจากแม่น้ำยูเฟสติสไปถึงสุดปลายโลก

พระยาห์เวห์จะช่วยกู้คนของพระองค์

11 ส่วนเจ้า เยรูซาเล็ม เราได้ใช้เลือดเพื่อยืนยันข้อตกลงกับเจ้า[av]
    เราจะปลดปล่อยคนของเจ้าที่เป็นนักโทษนั้นออกจากบ่อที่ไม่มีน้ำ
12 พวกเจ้า นักโทษเอ๋ย กลับไปยังป้อมปราการของเจ้าซะ
    ตอนนี้พวกเจ้ามีความหวังแล้ว
วันนี้ เราขอประกาศว่า
    เราจะคืนให้กับเจ้าเป็นสองเท่าสำหรับสิ่งที่ถูกยึดไปนั้น
13 เพราะเราได้โก่งยูดาห์เหมือนคันธนู
    เราได้ใส่เอฟราอิมเป็นลูกธนู
ศิโยนเอ๋ย เราจะแกว่งลูกๆของเจ้าไปรอบๆเหมือนดาบของนักรบผู้กล้าเพื่อต่อสู้กับพวกเจ้าชาวกรีซ
14 พระยาห์เวห์จะมาปรากฏเหนือพวกเขา
    ลูกธนูของพระองค์จะพุ่งออกมาเหมือนฟ้าแลบ
พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต จะเป่าแตรประจัญบาน
    และพระองค์จะลุยไปข้างหน้าอย่างพายุทะเลทรายจากทิศใต้
15 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นจะปกป้องพวกเขา
    แล้วคนของพระยาห์เวห์จะชนะพวกศัตรูอย่างราบคาบด้วยหินที่เหวี่ยงจากเชือกหนัง
พวกเขาจะดื่มและร้องตะโกนเหมือนพวกเมาเหล้าองุ่น
    และเต็มอิ่มเหมือนชามเลือดจากการถวายสัตวบูชา
    พวกเขาจะโชกไปด้วยเลือดเหมือนตามมุมของแท่นบูชา
16 ในวันนั้น พระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเขา จะช่วยกู้คนของพระองค์
    เหมือนคนเลี้ยงแกะช่วยแกะของเขาให้รอดพ้น
พวกเขาเป็นเหมือนเพชรพลอยบนมงกุฎ
    ส่องแสงระยิบระยับบนแผ่นดินของพระองค์
17 คนของพระยาห์เวห์นั้นช่างมีเสน่ห์และสวยงามเสียจริงๆ
    คนหนุ่มและหญิงสาวจะแข็งแรงและมีสุขภาพดี
    เพราะมีข้าวและเหล้าองุ่นใหม่อย่างเหลือเฟือ

คำสัญญาของพระยาห์เวห์

10 ให้ขอฝนจากพระยาห์เวห์ในช่วงที่พืชผลต้องการฝน พระยาห์เวห์เป็นผู้ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง พระองค์ใช้พวกมันรดน้ำให้พืชผลในไร่นาเจริญเติบโต

พวกรูปเคารพ[aw]ประจำบ้านให้คำทำนายที่ผิดๆไป และพวกเล่นเวทมนตร์ก็เห็นนิมิตที่ผิดๆ พวกทำนายฝันก็ทำนายไม่ได้เรื่อง ดังนั้นคนยูดาห์จึงเร่ร่อนไปเหมือนแกะ และพวกเขาก็ต้องลำบากเพราะไม่มีผู้เลี้ยง

พระยาห์เวห์พูดว่า “เราโกรธพวกผู้เลี้ยงนี้มาก และเราจะลงโทษพวกผู้นำนี้” เพราะพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น เฝ้าดูแลฝูงสัตว์ของพระองค์ซึ่งก็คือคนยูดาห์ พระองค์จะเปลี่ยนคนยูดาห์ให้กลายเป็นม้าศึกที่สง่าผ่าเผยของพระองค์

จะมีผู้นำทุกประเภทออกมาจากยูดาห์ พวกเขาจะแข็งแรงอย่างกับหินมุมตึก จะมั่นคงอย่างกับหมุดปักเต็นท์ จะทรงอานุภาพอย่างกับธนูสงคราม เมื่อรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน พวกเขาจะเป็นเหมือนพวกนักรบในสงครามที่เหยียบย่ำศัตรูอย่างขี้โคลนบนถนน พวกเขาจะสู้รบในสงคราม เพราะพระยาห์เวห์สถิตอยู่กับพวกเขา และพวกเขาจะทำให้ทหารม้าพวกนั้นอับอาย เราจะทำให้คนยูดาห์เข้มแข็งขึ้น เราจะช่วยกู้คนของโยเซฟ เราจะนำพวกเขากลับมา เพราะเราสงสารพวกเขา เราจะทำกับพวกเขาเหมือนกับว่าเราไม่เคยปฏิเสธพวกเขามาก่อน เพราะเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา และเราจะตอบคำอธิษฐานของพวกเขา คนเอฟราอิมจะเป็นเหมือนพวกนักรบ และจิตใจของเขาจะมีความสุขเหมือนได้ดื่มเหล้าองุ่น คนของพวกเขาจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและชื่นบาน และจิตใจของเขาจะชื่นชมยินดีในพระยาห์เวห์

พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะผิวปากเหมือนผู้เลี้ยงแกะเรียกพวกเขาเข้ามารวมกันเพราะเราไถ่พวกเขาแล้ว และพวกเขาจะมีจำนวนมากมายเหมือนกับแต่ก่อน เราหว่านพวกเขาไปทั่วอย่างกับเมล็ดพืช แต่พวกเขาจะระลึกถึงเราในที่ห่างไกลเหล่านั้น พวกเขาและลูกๆจะมีชีวิตรอดกลับมา 10 เราจะนำพวกเขากลับมาจากแผ่นดินอียิปต์ เราจะรวบรวมพวกเขามาจากอัสซีเรีย เราจะนำพวกเขามายังแผ่นดินกิเลอาดและเลบานอน เพราะแผ่นดินอิสราเอลของพวกนั้นจะมีคนเต็มไปหมดจนไม่มีที่เพียงพอสำหรับพวกเขาแล้ว 11 พวกเขาจะเดินลอดทะเลแห่งความทุกข์ พวกเขาจะตีคลื่นในทะเลนั้น ส่วนที่ลึกที่สุดของแม่น้ำไนล์จะแห้งไป ความเย่อหยิ่งจองหองของอัสซีเรียจะตกต่ำลง และคทาแห่งอำนาจของอียิปต์จะถูกเอาไป 12 เราจะทำให้คนของเราเข้มแข็งขึ้นในพระยาห์เวห์ และพวกเขาจะเดินลุยออกไปในนามของเรา” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International