Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
กาลาเทีย 3:26 - โคโลสี 4:18

บุตรของพระเจ้า

26 ท่านทั้งหลายล้วนเป็นบุตรของพระเจ้าโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ 27 เพราะพวกท่านทั้งปวงผู้ได้รับบัพติศมาเข้าส่วนในพระคริสต์แล้วได้คลุมกายของท่านด้วยพระคริสต์ 28 ไม่มียิวหรือกรีก ทาสหรือไท ชายหรือหญิง เพราะพวกท่านทั้งปวงเป็นหนึ่งเดียวในพระเยซูคริสต์ 29 ถ้าท่านเป็นของพระคริสต์ ท่านก็เป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮัมและเป็นทายาทตามพระสัญญา

สิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังกล่าวอยู่นี้ก็คือ ตราบใดที่ทายาทยังเด็กอยู่ก็ไม่ต่างอะไรกับทาส แม้เขาจะเป็นเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมด เขาก็ยังอยู่ในบังคับของผู้ปกครองและผู้ดูแลทรัพย์สิน จนกว่าจะถึงเวลาที่บิดากำหนด เช่นกันเมื่อเรายังเด็ก เราเป็นทาสอยู่ใต้บังคับของหลักการพื้นฐานทั้งหลายของโลก แต่เมื่อถึงกำหนด พระเจ้าได้ทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาประสูติจากครรภ์ของผู้หญิง ถือกำเนิดภายใต้บทบัญญัติ เพื่อไถ่คนทั้งปวงซึ่งอยู่ใต้บทบัญญัติ เพื่อเราจะได้รับสิทธิของบุตรอย่างสมบูรณ์ ในเมื่อท่านเป็นบุตร พระเจ้าจึงทรงให้พระวิญญาณของพระบุตรของพระองค์เข้ามาในใจเรา พระวิญญาณผู้ทรงร้องเรียกว่า “อับบา[a] พ่อ” ฉะนั้นท่านจึงไม่เป็นทาสอีกต่อไป แต่เป็นบุตร และเพราะท่านเป็นบุตร พระเจ้าจึงทรงให้ท่านเป็นทายาทด้วย

เปาโลห่วงใยพี่น้องชาวกาลาเทีย

เมื่อก่อนท่านยังไม่รู้จักพระเจ้า ท่านเป็นทาสของผู้ซึ่งโดยสภาพแล้วไม่ใช่เทพเจ้าเลย แต่เดี๋ยวนี้ท่านรู้จักพระเจ้าแล้ว หรือที่ถูกคือพระเจ้าทรงรู้จักท่านแล้ว ท่านยังจะหวนกลับไปหาหลักการเก่าๆ ซึ่งอ่อนแอและน่าสังเวชหรือ? ท่านอยากตกเป็นทาสด้วยสิ่งทั้งปวงนี้อีกหรือ? 10 ท่านกำลังถือวันเดือนฤดูและปี! 11 ข้าพเจ้าหวาดหวั่นแทนท่าน เกรงว่าที่ข้าพเจ้าบากบั่นทุ่มเทให้ท่านนั้นจะเปล่าประโยชน์

12 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอร้องท่าน ขอให้เป็นเหมือนข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าได้เป็นเหมือนท่าน ท่านไม่ได้ทำผิดอะไรต่อข้าพเจ้า 13 ท่านก็ทราบอยู่ตอนแรกที่ข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐแก่ท่านนั้นก็เพราะความเจ็บป่วย 14 แม้ว่าความเจ็บป่วยของข้าพเจ้าเป็นการทดลองสำหรับท่าน ท่านก็ไม่ได้ดูถูกหรือสบประมาทข้าพเจ้าเลย กลับต้อนรับราวกับข้าพเจ้าเป็นทูตของพระเจ้า ราวกับข้าพเจ้าเป็นองค์พระเยซูคริสต์เอง 15 ความชื่นชมยินดีของท่านหายไปไหนหมดแล้ว? ข้าพเจ้ายืนยันได้ว่าถ้าท่านทำได้ ท่านก็คงจะควักตาของท่านให้ข้าพเจ้าแล้ว 16 บัดนี้ข้าพเจ้าได้กลายเป็นศัตรูของท่านเพราะบอกความจริงแก่ท่านหรือ?

17 คนพวกนั้นร้อนรนเพื่อชนะใจท่าน แต่ไม่ใช่เพราะหวังดี สิ่งที่เขาต้องการคือแยกท่านออกไปจากเรา เพื่อให้ท่านร้อนรนเพื่อพวกเขา 18 ถ้าร้อนรนเพราะหวังดีก็ดีอยู่ ขอให้เป็นเช่นนั้นตลอด ไม่ใช่แค่เฉพาะช่วงที่ข้าพเจ้าอยู่กับท่าน 19 ลูกที่รักเอ๋ย ข้าพเจ้ายังต้องเจ็บปวดราวกับคลอดบุตรเพื่อท่านอีกจนกว่าพระคริสต์จะทรงก่อร่างขึ้นในท่าน 20 ข้าพเจ้าปรารถนาอย่างยิ่งที่จะอยู่กับท่านตอนนี้ และเปลี่ยนน้ำเสียงของข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าข้องใจในตัวท่าน!

นางฮาการ์กับนางซาราห์

21 ท่านที่อยากอยู่ใต้บทบัญญัติ บอกข้าพเจ้าเถิด ท่านไม่ตระหนักถึงสิ่งที่บทบัญญัติกล่าวไว้หรือ? 22 เพราะมีเขียนไว้ว่าอับราฮัมมีบุตรชายสองคน คนหนึ่งเกิดจากหญิงที่เป็นทาส อีกคนเกิดจากหญิงที่เป็นไท 23 บุตรจากหญิงที่เป็นทาสเกิดตามปกติธรรมดา ส่วนบุตรจากหญิงที่เป็นไทเกิดตามพระสัญญา

24 เรื่องนี้ถือเป็นการเปรียบเทียบได้ หญิงทั้งสองหมายถึงสองพันธสัญญา พันธสัญญาหนึ่งมาจากภูเขาซีนาย คือ นางฮาการ์ให้กำเนิดลูกทาส 25 นางฮาการ์หมายถึงภูเขาซีนายในประเทศอาระเบีย เล็งถึงกรุงเยรูซาเล็มปัจจุบัน เพราะนางกับบรรดาบุตรของนางเป็นทาสอยู่ 26 ส่วนเยรูซาเล็มซึ่งอยู่เบื้องบนนั้นเป็นไท เป็นมารดาของเราทั้งหลาย 27 ตามที่มีเขียนไว้ว่า

“จงยินดีเถิด หญิงหมันเอ๋ย
ผู้ไม่เคยมีลูก
จงเปล่งเสียงโห่ร้องเถิด
เจ้าผู้ไม่เคยเจ็บครรภ์
เพราะลูกของหญิงที่โดดเดี่ยว
ก็ยังมีมากกว่าลูกของหญิงผู้มีสามี”[b]

28 พี่น้องทั้งหลาย ฝ่ายท่านเป็นบุตรแห่งพระสัญญาเช่นเดียวกับอิสอัค 29 ครั้งนั้นบุตรที่เกิดตามปกติธรรมดารังแกบุตรที่เกิดโดยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณ บัดนี้ก็เช่นกัน 30 แต่พระคัมภีร์กล่าวว่าอย่างไร? “ขอให้ไล่เมียทาสกับลูกของนางไปเถิด เพราะลูกของเมียทาสนั้นจะไม่มีวันมีส่วนร่วมในมรดกกับลูกของหญิงที่เป็นไท”[c] 31 ฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย เราไม่ใช่บุตรของหญิงที่เป็นทาส แต่เป็นบุตรของหญิงที่เป็นไท

เสรีภาพในพระคริสต์

พระคริสต์ทรงปลดปล่อยเราเป็นไทเพื่อเสรีภาพ ฉะนั้นจงยืนหยัด อย่ายอมตกอยู่ใต้แอกแห่งความเป็นทาสอีก

จงจดจำคำพูดของข้าพเจ้า! ข้าพเจ้าเปาโลขอบอกท่านว่า หากท่านยอมตัวเข้าสุหนัต พระคริสต์จะไร้ค่าสำหรับท่านอย่างสิ้นเชิง ข้าพเจ้าขอประกาศอีกครั้งแก่ทุกคนที่ยอมตัวเข้าสุหนัตว่า เขาจำเป็นต้องทำตามบทบัญญัติทั้งหมด ท่านที่ขวนขวายจะให้พระเจ้าทรงนับว่าท่านเป็นผู้ชอบธรรมโดยบทบัญญัติก็ขาดจากพระคริสต์ ท่านได้หล่นพ้นจากพระคุณไปเสียแล้ว แต่โดยความเชื่อเราจดจ่อรอคอยที่จะได้รับความชอบธรรมผ่านทางพระวิญญาณตามที่เรามุ่งหวังไว้ เพราะในพระเยซูคริสต์การเข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัตก็ไม่มีค่าอันใด สิ่งเดียวที่สำคัญคือความเชื่ออันแสดงออกด้วยความรัก

ท่านกำลังวิ่งแข่งด้วยดีอยู่แล้ว ใครมาขัดจังหวะทำให้ท่านเลิกเชื่อฟังความจริง? การโน้มน้าวแบบนั้นไม่ได้มาจากพระองค์ผู้ทรงเรียกท่าน “เชื้อขนมนิดเดียวทำให้แป้งดิบฟูขึ้นทั้งก้อน” 10 ข้าพเจ้ามั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ท่านจะไม่ยอมรับทัศนะอื่นๆ ผู้ที่มาทำให้ท่านสับสนวุ่นวายนั้นจะต้องรับโทษ ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม 11 พี่น้องทั้งหลาย หากข้าพเจ้ายังประกาศให้เข้าสุหนัต ทำไมข้าพเจ้ายังถูกข่มเหงอยู่อีก? ถ้าเป็นอย่างนั้นเรื่องไม้กางเขนก็ไม่ถูกต่อต้านแล้ว 12 สำหรับนักก่อกวนพวกนั้น ข้าพเจ้าอยากให้เขาตอนตัวเองเสียเลย!

ชีวิตโดยพระวิญญาณ

13 พี่น้องทั้งหลาย ที่ทรงเรียกท่านนั้นก็เพื่อให้มีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพของท่านเพื่อปล่อยตัวตามวิสัยบาป[d] แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรัก 14 บทบัญญัติทั้งหมดสรุปรวมเป็นข้อเดียวว่า “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”[e] 15 หากท่านยังคอยแต่กัดกินกันเอง ระวังให้ดีจะย่อยยับไปตามๆ กัน

16 ดังนั้นข้าพเจ้าขอบอกว่าจงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ อย่าสนองตัณหาของวิสัยบาป 17 เพราะตัณหาของวิสัยบาปขัดกับพระวิญญาณ และพระวิญญาณขัดกับวิสัยบาป ทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน สิ่งที่ท่านอยากทำจึงไม่ได้ทำ 18 แต่ถ้าพระวิญญาณทรงนำท่าน ท่านก็ไม่ได้อยู่ใต้บทบัญญัติ

19 พฤติกรรมของวิสัยบาปนั้นเห็นได้ชัดคือ การผิดศีลธรรมทางเพศ ความไม่บริสุทธิ์ และการลามก 20 การกราบไหว้รูปเคารพ การใช้คาถาอาคม ความเกลียดชัง ความบาดหมาง ความริษยาหึงหวง ความโมโหโทโส ความทะเยอทะยานอย่างเห็นแก่ตัว การไม่ลงรอยกัน การแบ่งพรรคแบ่งพวก 21 และการอิจฉากัน การเมามาย การมั่วสุมเสพสุราและกาม และอื่นๆ ในทำนองนี้ ข้าพเจ้าขอเตือนท่านเหมือนที่เคยเตือนแล้วว่า ผู้ที่ประพฤติเช่นนี้จะไม่ได้รับอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก

22 ส่วนผลของพระวิญญาณนั้นคือ ความรัก ความชื่นชมยินดี สันติสุข ความอดทน ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ 23 ความสุภาพอ่อนโยนและการควบคุมตนเอง สิ่งเหล่านี้ไม่มีบทบัญญัติข้อไหนห้ามเลย 24 ผู้ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ได้ตรึงวิสัยบาปและกิเลสตัณหาของวิสัยบาปไว้ที่กางเขนแล้ว 25 ในเมื่อเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณก็ให้เราดำเนินตามพระวิญญาณเถิด 26 เราอย่าอวดดี ยั่วโมโห และอิจฉากันเลย

ทำดีต่อคนทั้งปวง

พี่น้องทั้งหลาย หากใครถูกจับได้ว่าทำบาป ท่านที่อยู่ฝ่ายจิตวิญญาณควรช่วยเขาอย่างสุภาพอ่อนโยนให้เขากลับตั้งตัวใหม่ แต่จงระวังตัวท่านเอง มิฉะนั้นท่านเองจะถูกล่อลวงให้ทำบาปไปด้วย จงช่วยรับภาระของกันและกัน ทำดังนี้แล้วท่านก็ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระคริสต์ หากผู้ใดคิดว่าตนสำคัญทั้งๆ ที่ไม่สำคัญ ผู้นั้นก็หลอกตัวเอง แต่ละคนควรสำรวจการกระทำของตนเองจึงจะมีข้อภาคภูมิใจในตัวเอง โดยไม่ต้องเอาตัวไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะว่าแต่ละคนต้องแบกภาระของตัวเอง

ผู้ที่รับคำสั่งสอนจงแบ่งสิ่งดีทั้งปวงแก่ผู้สอน

อย่าหลงเลย ท่านไม่อาจหลอกลวงพระเจ้า ใครหว่านอะไรย่อมเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น ผู้ที่หว่านเพื่อวิสัยบาปของเขาจะเก็บเกี่ยวความพินาศจากวิสัยนั้น[f] ส่วนผู้ที่หว่านเพื่อพระวิญญาณจะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณ อย่าให้เราอ่อนล้าในการทำดี เพราะถ้าเราไม่ย่อท้อ เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันเหมาะสม 10 เหตุฉะนั้นเมื่อมีโอกาส ให้เราทำดีต่อคนทั้งปวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อคนที่อยู่ในครอบครัวแห่งความเชื่อ

ไม่ใช่เข้าสุหนัตแต่รับการทรงสร้างใหม่

11 ดูเถิด ข้าพเจ้าใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่เพียงไร เมื่อเขียนถึงท่านด้วยมือของข้าพเจ้าเอง!

12 บรรดาผู้ที่อยากสร้างความประทับใจแต่เพียงเปลือกนอกพยายามบังคับให้ท่านเข้าสุหนัต เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตนเองถูกข่มเหงเพราะเรื่องไม้กางเขนของพระคริสต์ 13 แม้แต่คนที่เข้าสุหนัตแล้วยังไม่เชื่อฟังบทบัญญัติ แต่พวกเขาต้องการให้ท่านเข้าสุหนัตจะได้อวดอ้างเนื้อหนังของท่าน 14 ขออย่าให้ข้าพเจ้าอวดอะไรเว้นแต่ไม้กางเขนขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา โดยไม้กางเขนนั้น[g] โลกถูกตรึงไว้จากข้าพเจ้าแล้วและข้าพเจ้าถูกตรึงไว้จากโลกแล้ว 15 เข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัตก็ไม่มีความหมาย ความสำคัญอยู่ที่การได้รับการทรงสร้างใหม่ 16 สันติสุขและพระเมตตาคุณจงมีแก่คนทั้งปวงที่ทำตามกฎนี้ คือแก่ชนอิสราเอลของพระเจ้า

17 สุดท้ายนี้อย่าให้ใครมาก่อความเดือดร้อนแก่ข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้ามีเครื่องหมายของพระเยซูอยู่บนกายของข้าพเจ้า

18 พี่น้องทั้งหลาย ขอให้พระคุณขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเราดำรงอยู่กับวิญญาณจิตของท่านทั้งหลายเถิด อาเมน

จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า

ถึงประชากรของพระเจ้าที่เมืองเอเฟซัส[h] ผู้สัตย์ซื่อใน[i]พระเยซูคริสต์

ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเราและจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้ามีแก่ท่านทั้งหลาย

พระพรฝ่ายจิตวิญญาณในพระคริสต์

สรรเสริญพระเจ้าพระบิดาของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ผู้ประทานพระพรฝ่ายจิตวิญญาณนานัปการในพระคริสต์แก่เราทั้งหลายในสวรรคสถาน เพราะพระองค์ได้ทรงเลือกเราไว้ในพระคริสต์[j]ตั้งแต่ก่อนทรงสร้างโลกให้บริสุทธิ์ปราศจากที่ติในสายพระเนตรพระองค์ ด้วยความรัก พระองค์[k]ทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าที่จะรับเราเป็นบุตรของพระองค์ผ่านทางพระเยซูคริสต์ตามพระประสงค์อันดีของพระองค์ เพื่อเป็นการสรรเสริญพระคุณสูงส่งซึ่งพระองค์ประทานให้เราเปล่าๆ อย่างเหลือล้นในพระองค์ผู้ทรงเป็นที่รักของพระเจ้า ในพระเยซู เราได้รับการไถ่บาปโดยพระโลหิตของพระองค์ คือได้รับการอภัยโทษบาปตามพระคุณอันอุดมของพระเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่เราอย่างเหลือล้นด้วยสติปัญญาและความเข้าใจทั้งปวง และพระองค์[l]ทรงให้เรารู้ความล้ำลึกแห่งพระดำริของพระองค์ตามที่พอพระทัยซึ่งทรงมุ่งหมายไว้ในพระคริสต์ 10 พระดำริของพระองค์ก็คือ เมื่อถึงกำหนดเวลา พระองค์จะทรงรวมสิ่งสารพัดทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินโลกไว้ภายใต้พระคริสต์ผู้ทรงเป็นศีรษะ

11 ในพระองค์ เรายังได้รับการทรงเลือก[m] ตามที่ทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าตามแผนการของพระองค์ผู้ทรงกระทำให้ทุกสิ่งเป็นไปตามจุดมุ่งหมายของพระประสงค์ของพระองค์ 12 เพื่อเราทั้งหลายซึ่งเป็นพวกแรกที่มีความหวังในพระคริสต์จะได้สรรเสริญพระเกียรติสิริของพระองค์ 13 และท่านทั้งหลายก็ได้ร่วมอยู่ในพระคริสต์เช่นกัน เมื่อท่านได้ฟังพระวจนะแห่งความจริงคือข่าวประเสริฐแห่งความรอดของท่าน เมื่อท่านเชื่อก็ทรงประทับตราท่านไว้ในพระองค์ด้วยดวงตราคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงสัญญาไว้ 14 ผู้เป็นมัดจำค้ำประกันว่าเราจะได้รับกรรมสิทธิ์ของเราจนกว่าคนของพระเจ้าจะได้รับการไถ่ อันเป็นการสรรเสริญพระเกียรติสิริของพระองค์

ขอบพระคุณและทูลขอ

15 ด้วยเหตุนี้ตั้งแต่ข้าพเจ้าได้ยินถึงความเชื่อของท่านในพระเยซูเจ้า และความรักของท่านที่มีต่อประชากรทุกคนของพระเจ้า 16 ข้าพเจ้าจึงขอบพระคุณพระเจ้าอย่างไม่หยุดยั้งเพราะท่านและเฝ้าอธิษฐานเผื่อท่าน 17 ข้าพเจ้าเพียรทูลขอให้พระเจ้าขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเราคือพระบิดาผู้ทรงพระเกียรติสิริ ทรงให้ท่านมีพระวิญญาณ[n]แห่งสติปัญญาและการสำแดงเพื่อท่านจะรู้จักพระองค์ดียิ่งขึ้น 18 ข้าพเจ้ายังขอให้ตาใจของท่านสว่าง เพื่อท่านจะได้รู้ถึงความหวังที่ทรงเรียกท่านมานั้น รู้ถึงความมั่งคั่งแห่งมรดกอันรุ่งเรืองของพระองค์สำหรับประชากรของพระองค์ 19 และรู้ถึงฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่สุดหาใดเทียบสำหรับเราทั้งหลายที่เชื่อ ฤทธานุภาพนี้เป็นเหมือนพระราชกิจแห่งพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 20 ซึ่งทรงกระทำในพระคริสต์เมื่อทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากตาย และให้ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ในสวรรคสถาน 21 สูงส่งยิ่งเหนือเทพผู้ครองและเทพผู้ทรงอำนาจ เทพผู้ทรงเดชานุภาพ และเทพผู้ครองอาณาจักรทั้งสิ้น และเหนือทุกนามที่เขาเอ่ยขึ้น ไม่เพียงในยุคนี้เท่านั้นแต่ในยุคหน้าด้วย 22 และพระเจ้าทรงให้สิ่งสารพัดอยู่ใต้พระบาทพระคริสต์ และทรงตั้งพระองค์ไว้เป็นประมุขเหนือทุกสิ่งเพื่อคริสตจักร 23 อันเป็นพระกายของพระองค์ ซึ่งบริบูรณ์ด้วยพระองค์ผู้ทรงให้ทุกสิ่งบริบูรณ์ในทุกทาง

มีชีวิตในพระคริสต์

ส่วนท่านทั้งหลายได้ตายแล้วในการล่วงละเมิดและในบาปทั้งหลาย ซึ่งท่านเคยทำเมื่อดำเนินชีวิตตามวิถีของโลกนี้ และวิถีของเจ้าแห่งย่านฟ้าอากาศซึ่งเป็นวิญญาณที่บัดนี้ทำการอยู่ในบรรดาผู้ที่ไม่เชื่อฟัง ครั้งหนึ่งเราเคยใช้ชีวิตร่วมกับพวกนั้นบำเรอตัณหาแห่งวิสัยบาปของเรา[o] สนองความอยากกับความคิดของมันตามวิสัย เราจึงควรแก่พระพิโรธเหมือนคนอื่น แต่เนื่องด้วยความรักใหญ่หลวงที่ทรงมีต่อเรา พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตาอันอุดม จึงทรงให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์แม้เมื่อเราได้ตายแล้วในบาป คือท่านทั้งหลายได้รับความรอดโดยพระคุณ และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระคริสต์ และในพระเยซูคริสต์ พระเจ้าทรงให้เรานั่งในสวรรคสถานกับพระคริสต์ เพื่อในยุคต่อๆ ไปพระองค์จะได้ทรงสำแดงความอุดมแห่งพระคุณอันหาใดเปรียบ ซึ่งได้ทรงแสดงด้วยพระกรุณาที่มีต่อเราในพระเยซูคริสต์ เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความรอดโดยพระคุณผ่านทางความเชื่อ ความรอดนี้ไม่ได้มาจากตัวท่านเอง แต่เป็นของประทานจากพระเจ้า ไม่ใช่ความรอดโดยการประพฤติ เพื่อจะไม่มีใครอวดได้ 10 เพราะเราทั้งหลายเป็นผลงานของพระเจ้าซึ่งทรงสร้างในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ทำการดีที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าให้เราทำ

หนึ่งเดียวกันในพระคริสต์

11 เพราะฉะนั้นจงระลึกว่าแต่ก่อนท่านเป็นคนต่างชาติโดยกำเนิด และบรรดาผู้ที่เรียกตนเองว่า “พวกที่เข้าสุหนัต” (ซึ่งกระทำทางกายด้วยมือมนุษย์) เรียกท่านว่า “พวกไม่เข้าสุหนัต” 12 จงระลึกว่าครั้งนั้นท่านแยกจากพระคริสต์ ไม่ได้เป็นพลเมืองอิสราเอลและเป็นคนต่างด้าวอยู่นอกพันธสัญญาที่ทรงสัญญาไว้ ไม่มีความหวังและอยู่ในโลกโดยปราศจากพระเจ้า 13 แต่บัดนี้ในพระเยซูคริสต์ท่านทั้งหลายซึ่งเมื่อก่อนอยู่ไกลได้เข้ามาใกล้แล้วโดยพระโลหิตของพระคริสต์

14 เพราะพระองค์เองทรงเป็นสันติสุขของเรา ผู้ทรงทำให้สองพวกกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน และทรงทำลายสิ่งกีดขวาง คือกำแพงแห่งความเกลียดชังที่กีดกั้นลง 15 โดยทรงล้มเลิกบทบัญญัติทั้งหมดของชาวยิวซึ่งประกอบด้วยข้อบังคับและกฎระเบียบต่างๆ ด้วยพระกายของพระองค์ จุดประสงค์ของพระองค์ก็เพื่อยุบสองฝ่ายและสร้างขึ้นใหม่เป็นหนึ่งเดียวในพระองค์ เช่นนี้แหละจึงทรงทำให้มีสันติสุข 16 และในกายเดียวนี้ทั้งสองพวกจึงกลับคืนดีกับพระเจ้าโดยไม้กางเขน ซึ่งพระองค์ทรงใช้ทำลายความเป็นศัตรูกันให้หมดสิ้นไป 17 พระองค์เสด็จมาประกาศสันติสุขแก่ท่านทั้งหลายที่อยู่ไกลและสันติสุขแก่ผู้ที่อยู่ใกล้ 18 เพราะโดยพระองค์เราทั้งสองพวกสามารถเข้าถึงพระบิดาโดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน

19 ดังนั้นท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวแปลกถิ่นอีกต่อไป แต่เป็นพลเมืองเดียวกับประชากรของพระเจ้าและเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า 20 ท่านได้รับการสร้างขึ้นบนฐานรากของเหล่าอัครทูตและผู้เผยพระวจนะโดยมีพระเยซูคริสต์เองเป็นศิลามุมเอก 21 ในพระองค์ ทุกส่วนของอาคารทั่วทั้งหมดต่อกันสนิท และประกอบกันขึ้นเป็นวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ในองค์พระผู้เป็นเจ้า 22 และในพระองค์ ท่านก็เช่นกันกำลังรับการทรงสร้างขึ้นด้วยกันให้เป็นที่ประทับซึ่งพระเจ้าสถิตอยู่โดยพระวิญญาณของพระองค์

พันธกิจของเปาโลเพื่อคนต่างชาติ

ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นนักโทษเพราะเห็นแก่พระเยซูคริสต์เพื่อท่านผู้เป็นคนต่างชาติ

แน่ทีเดียวท่านทั้งหลายย่อมได้ยินถึงภารกิจแห่งพระคุณของพระเจ้าซึ่งประทานแก่ข้าพเจ้าเพื่อท่านแล้ว อันได้แก่ข้อล้ำลึกซึ่งทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าตามที่ข้าพเจ้าได้เขียนไว้ก่อนหน้านี้อย่างย่อๆ เมื่อท่านอ่านแล้วจะสามารถเข้าใจถึงความรู้แจ้งของข้าพเจ้าในข้อล้ำลึกของพระคริสต์ ซึ่งในยุคก่อนๆ ไม่ได้ทรงเปิดเผยแก่มนุษย์เหมือนที่บัดนี้ทรงสำแดงโดยพระวิญญาณแก่เหล่าอัครทูตและผู้เผยพระวจนะผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า ข้อล้ำลึกนี้คือ โดยทางข่าวประเสริฐนั้นคนต่างชาติก็เป็นทายาทร่วมกับชนอิสราเอล เป็นอวัยวะร่วมในกายเดียวกันและเป็นผู้มีส่วนร่วมในพระสัญญาในพระเยซูคริสต์

ข้าพเจ้าได้เป็นผู้รับใช้แห่งข่าวประเสริฐนี้โดยพระคุณซึ่งพระเจ้าประทานแก่ข้าพเจ้าผ่านทางการทำงานของฤทธิ์อำนาจของพระองค์ แม้ข้าพเจ้าต่ำต้อยกว่าผู้เล็กน้อยที่สุดในประชากรทั้งหมดของพระเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้รับพระคุณนี้ คือได้ประกาศแก่คนต่างชาติถึงความไพบูลย์อันสุดจะหยั่งได้ของพระคริสต์ และได้แสดงให้คนทั้งปวงเห็นถึงภารกิจแห่งข้อล้ำลึกนี้อย่างชัดเจน ซึ่งตลอดยุคที่ผ่านๆ มาได้ถูกปิดซ่อนไว้ในพระเจ้าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง 10 เพื่อบัดนี้เหล่าเทพผู้ครองและเทพผู้ทรงอำนาจในสวรรคสถานจะได้เห็นถึงพระปรีชาญาณอันลึกซึ้งของพระเจ้าผ่านทางคริสตจักร 11 ตามพระประสงค์นิรันดร์ของพระองค์ซึ่งได้ทรงกระทำให้สำเร็จในพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา 12 ในพระองค์และโดยความเชื่อในพระองค์เราจึงเข้ามาหาพระเจ้าได้ด้วยเสรีภาพและความมั่นใจ 13 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขอท่านอย่าท้อใจเนื่องด้วยความทุกข์ยากของข้าพเจ้าเพื่อพวกท่าน ซึ่งเป็นสง่าราศีของท่าน

ทูลอธิษฐานเพื่อพี่น้องชาวเอเฟซัส

14 ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าลงต่อหน้าพระบิดา 15 ผู้ทรงเป็นที่มาของนามแห่งตระกูลทั้งมวลของพระองค์[p]ในสวรรค์และในแผ่นดินโลก 16 ข้าพเจ้าอธิษฐานว่าจากความไพบูลย์อันทรงเกียรติสิริของพระองค์ ขอให้พระองค์ทรงทำให้ท่านเข้มแข็งขึ้นด้วยฤทธานุภาพผ่านทางพระวิญญาณของพระองค์ที่อยู่ภายในท่าน 17 เพื่อพระคริสต์จะสถิตในใจของท่านโดยทางความเชื่อ และข้าพเจ้าอธิษฐานว่าเมื่อท่านหยั่งรากและตั้งมั่นคงในความรักแล้ว 18 ตัวท่านพร้อมกับประชากรทั้งหมดของพระเจ้าจะได้สามารถหยั่งถึงความรักของพระคริสต์ว่ากว้างยาวสูงลึกปานใด 19 และซาบซึ้งในความรักนี้ซึ่งเหนือกว่าความรู้ เพื่อท่านจะบริบูรณ์ด้วยความสมบูรณ์ทั้งสิ้นของพระเจ้า

20 บัดนี้ขอเทิดพระเกียรติพระองค์ผู้ทรงสามารถกระทำเกินกว่าที่เราจะทูลขอหรือคาดคิดได้ตามฤทธานุภาพของพระองค์ซึ่งกระทำการอยู่ภายในเรา 21 ขอพระเกียรติสิริมีแด่พระองค์ในคริสตจักรและในพระเยซูคริสต์ตลอดทุกชั่วอายุสืบๆ ไปเป็นนิตย์! อาเมน

เป็นหนึ่งเดียวกันในพระกายพระคริสต์

ฉะนั้นข้าพเจ้าผู้เป็นนักโทษเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงขอให้ท่านดำเนินชีวิตให้สมกับการทรงเรียกที่ท่านได้รับ จงถ่อมใจและสุภาพอ่อนโยนในทุกด้าน จงอดทนอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก จงเพียรพยายามรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในพระวิญญาณโดยมีสันติสุขเป็นเครื่องผูกพัน มีกายเดียวและพระวิญญาณองค์เดียวเหมือนกับที่ทรงเรียกท่านมาสู่ความหวังเดียวเมื่อทรงเรียกท่าน มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อเดียว บัพติศมาเดียว มีพระเจ้าองค์เดียวผู้ทรงเป็นพระบิดาของทั้งปวง ผู้ทรงอยู่เหนือทั้งมวล ทั่วทั้งสิ้น และในทั้งหมด

แต่พระคุณนั้นประทานแก่เราแต่ละคนตามที่พระคริสต์ทรงแบ่งสรร ฉะนั้นจึงมีกล่าว[q]ไว้ว่า

“เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง
ทรงนำเชลยไปด้วย
และประทานของประทานแก่มนุษย์”[r]

(ที่ว่า “พระองค์เสด็จขึ้น” นั้นย่อมไม่อาจหมายความเป็นอื่น นอกจากว่าพระองค์ได้เสด็จลงสู่เบื้องต่ำของโลกด้วย[s] 10 พระองค์ผู้เสด็จลงคือองค์เดียวกับที่เสด็จขึ้นสูงเหนือฟ้าสวรรค์ทั้งมวล เพื่อทรงเติมทั่วทั้งจักรวาลให้สมบูรณ์) 11 พระองค์เองทรงให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์ 12 เพื่อเตรียมประชากรของพระเจ้าสำหรับงานรับใช้ เพื่อว่าพระกายของพระคริสต์จะได้รับการเสริมสร้างขึ้น 13 จนกว่าเราทั้งหมดจะบรรลุความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์

14 เมื่อนั้นเราจะไม่เป็นทารกอีกต่อไป ถูกกระแสซัดไปซัดมา ถูกพัดไปทางโน้นทางนี้โดยลมปากแห่งคำสอนและโดยกลลวงอันฉ้อฉลแยบยลของมนุษย์ 15 แต่โดยการพูดความจริงด้วยความรัก เราจะเติบโตขึ้นในทุกสิ่งสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะคือพระคริสต์ 16 จากพระองค์ทั่วทั้งกายซึ่งประสานและยึดเข้าด้วยกันโดยเส้นเอ็นทุกเส้นนั้นเจริญเติบโตและเสริมสร้างตัวเองขึ้นในความรัก ขณะที่แต่ละส่วนทำหน้าที่ของตน

ดำเนินชีวิตสมกับเป็นลูกของความสว่าง

17 ฉะนั้นข้าพเจ้าขอบอกและยืนยันกับท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า แต่นี้ไปท่านอย่าดำเนินชีวิตแบบคนต่างชาติอีกเลย ซึ่งคิดแต่สิ่งไร้สาระ 18 ความเข้าใจของเขามืดมัวไปและเขาแยกห่างจากชีวิตฝ่ายพระเจ้า เนื่องด้วยความไม่รู้อันเนื่องมาจากจิตใจที่แข็งกระด้างของเขา 19 เขาปราศจากความยั้งคิดใดๆ ปล่อยตัวตามกามราคะ ลุ่มหลงมัวเมาในความโสมมทุกแบบด้วยตัณหาไม่สิ้นสุด

20 แต่ท่านไม่ได้เรียนรู้จักพระคริสต์อย่างนั้น 21 แน่ทีเดียวท่านได้ฟังเรื่องของพระองค์และรับคำสอนในพระองค์ตามความจริงซึ่งอยู่ในพระเยซู 22 เกี่ยวกับวิถีชีวิตเดิมนั้น ท่านได้รับการสอนให้ทิ้งตัวตนเก่าของท่านซึ่งกำลังถูกทำให้เสื่อมโทรมไปโดยตัณหาอันล่อลวงของมัน 23 เพื่อรับการสร้างท่าทีความคิดจิตใจขึ้นใหม่ 24 และเพื่อสวมตัวตนใหม่ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างขึ้นให้เป็นเหมือนพระองค์ในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง

25 เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายต้องทิ้งสิ่งจอมปลอมและพูดความจริงต่อเพื่อนบ้านของตน เพราะเราทั้งปวงล้วนเป็นอวัยวะในกายเดียวกัน 26 “ในยามโกรธ ท่านอย่าทำบาป”[t] อย่าให้ถึงดวงอาทิตย์ตกแล้วท่านยังโกรธอยู่ 27 และอย่าให้โอกาสแก่มาร 28 ผู้ที่เคยลักขโมยก็อย่าลักขโมยอีก แต่จงทำงาน ใช้มือของตนทำสิ่งที่มีประโยชน์ เผื่อจะมีอะไรแบ่งปันให้คนขัดสน

29 อย่าหลุดปากเอ่ยสิ่งที่ไม่สมควร แต่จงกล่าววาจาอันเป็นประโยชน์เพื่อเสริมสร้างผู้อื่นขึ้นตามความจำเป็นของเขา จะได้เป็นผลดีแก่ผู้ฟัง 30 และอย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียพระทัย โดยพระวิญญาณนี้ท่านได้รับการประทับตราแล้วสำหรับวันแห่งการทรงไถ่ให้รอด 31 จงขจัดความขมขื่นทั้งสิ้น ความเกรี้ยวกราด และความโกรธแค้น การทะเลาะและการใส่ร้ายป้ายสี พร้อมทั้งการมุ่งร้ายทุกรูปแบบ 32 จงเมตตาและสงสาร เห็นใจกันและกัน ให้อภัยต่อกันเหมือนที่พระเจ้าทรงอภัยแก่ท่านในพระคริสต์

เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเลียนแบบพระเจ้าให้สมกับเป็นบุตรที่รัก และจงดำเนินชีวิตในความรักเหมือนที่พระคริสต์ทรงรักเราทั้งหลาย และประทานพระองค์เองเพื่อเราเป็นเหมือนของถวายอันมีกลิ่นหอมและเครื่องบูชาแด่พระเจ้า

แต่อย่าเอ่ยถึงสิ่งที่ส่อถึงการผิดศีลธรรมทางเพศและความไม่บริสุทธิ์ใดๆ หรือความโลภในหมู่ท่านทั้งหลาย เพราะเป็นสิ่งไม่เหมาะสมสำหรับประชากรบริสุทธิ์ของพระเจ้า ทั้งอย่าพูดหยาบโลนลามก เฮฮาไร้สาระ หรือตลกหยาบช้า ซึ่งไม่สมควร แต่ให้ขอบพระคุณพระเจ้าดีกว่า ท่านแน่ใจได้เลยว่าคนผิดศีลธรรม คนไม่บริสุทธิ์ หรือคนโลภ คนเช่นนี้เป็นผู้กราบไหว้รูปเคารพ เขาจะไม่ได้รับมรดกใดๆ ในอาณาจักรของพระคริสต์และของพระเจ้า[u] อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านด้วยวาจาไร้สาระ เพราะเนื่องด้วยสิ่งเหล่านั้นพระพิโรธของพระเจ้าจึงมาถึงบรรดาผู้ที่ไม่เชื่อฟัง ฉะนั้นอย่าเป็นหุ้นส่วนกับคนเหล่านั้นเลย

เพราะเมื่อก่อนท่านเป็นความมืด แต่เดี๋ยวนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตอย่างลูกของความสว่าง (เพราะผลของความสว่างประกอบด้วยความดีทั้งปวง ความชอบธรรมทั้งมวลและความจริงทั้งสิ้น) 10 จงหาให้พบว่าอะไรเป็นที่ชอบพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า 11 อย่าเข้าส่วนใดๆ กับกิจกรรมของความมืดอันไร้ผล แต่จงเปิดเผยการเหล่านั้นดีกว่า 12 เพราะเพียงเอ่ยถึงสิ่งซึ่งพวกที่ไม่ยอมเชื่อฟังแอบทำกันนั้นก็ยังน่าอาย 13 แต่ทุกสิ่งที่ถูกเปิดเผยโดยความสว่างก็เห็นกันแจ่มแจ้ง 14 เนื่องจากความสว่างทำให้เห็นทุกสิ่งชัดแจ้ง ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวกันว่า

“โอ ผู้ที่หลับอยู่ จงตื่นขึ้น
จงฟื้นขึ้นจากความตาย
และพระคริสต์จะทรงส่องสว่างแก่ท่าน”

15 เพราะฉะนั้นท่านจงระมัดระวังในการดำเนินชีวิต อย่าดำเนินชีวิตแบบคนไร้ปัญญา แต่จงดำเนินชีวิตแบบคนมีปัญญา 16 จงรู้จักใช้ทุกโอกาสเพราะเวลานี้เป็นยุคอันเลวร้าย 17 ฉะนั้นจงอย่าโง่เขลา แต่จงเข้าใจพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นเช่นใด 18 และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน แต่จงเปี่ยมด้วยพระวิญญาณ 19 จงสนทนากันด้วยเพลงสดุดี เพลงสรรเสริญและบทเพลงฝ่ายจิตวิญญาณ จงร้องและบรรเลงเพลงในใจถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า 20 จงขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาสำหรับทุกสิ่งอยู่เสมอในพระนามขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา

21 จงยอมเชื่อฟังกันและกันเนื่องด้วยใจเคารพยำเกรงพระคริสต์

สามีภรรยา(A)

22 ผู้ที่เป็นภรรยาจงยอมเชื่อฟังสามีเหมือนที่ยอมเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า 23 เพราะสามีเป็นศีรษะของภรรยา เหมือนพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักรซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ ทั้งพระองค์ยังทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคริสตจักรด้วย 24 คริสตจักรยอมเชื่อฟังพระคริสต์อย่างไร ภรรยาก็ควรยอมเชื่อฟังสามีทุกเรื่องอย่างนั้น

25 ผู้ที่เป็นสามีจงรักภรรยาของตนเช่นเดียวกับที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร และประทานพระองค์เองแก่คริสตจักร 26 เพื่อทรงทำให้คริสตจักรบริสุทธิ์โดยการชำระ[v]ด้วยน้ำผ่านทางพระวจนะ 27 และเพื่อพระองค์จะได้มีคริสตจักรอันงามผ่องแผ้วปราศจากมลทินหรือริ้วรอยหรือตำหนิใดๆ แต่บริสุทธิ์และไม่มีที่ติ 28 เช่นนั้นแหละสามีจึงควรรักภรรยาของตนเหมือนรักกายของตนเอง ผู้ที่รักภรรยาก็รักตนเอง 29 ท้ายที่สุดไม่มีใครเกลียดชังกายของตนเอง มีแต่เลี้ยงดูทะนุถนอมเหมือนที่พระคริสต์ทรงกระทำแก่คริสตจักร 30 เพราะเราทั้งหลายเป็นอวัยวะในพระกายพระองค์ 31 “เพราะเหตุนี้ผู้ชายจะละจากบิดามารดาของตนไปผูกพันเป็นหนึ่งเดียวกับภรรยา และทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน”[w] 32 ตรงนี้เป็นความลึกลับอันลึกซึ้ง แต่ข้าพเจ้ากำลังพูดถึงพระคริสต์กับคริสตจักร 33 อย่างไรก็ตามพวกท่านแต่ละคนต้องรักภรรยาของตนเหมือนที่รักตนเองด้วย และภรรยาก็ต้องเคารพสามีของตน

บุตรกับบิดามารดา

ผู้ที่เป็นบุตรจงเชื่อฟังบิดามารดาในองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะนี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง “จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้า” นี่เป็นพระบัญญัติข้อแรกที่มีพระสัญญาไว้ด้วย “เพื่อเจ้าจะอยู่เย็นเป็นสุขและมีชีวิตยืนยาวในโลก”[x]

ผู้ที่เป็นบิดาอย่ายั่วโทสะบุตรของตน แต่จงอบรมเลี้ยงดูโดยการฝึกฝนและสั่งสอนตามแนวขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ทาสกับนาย

ผู้ที่เป็นทาสจงเชื่อฟังเจ้านายฝ่ายโลกด้วยความเคารพยำเกรงและด้วยความจริงใจ เหมือนที่ท่านเชื่อฟังพระคริสต์ ไม่เพียงแต่เชื่อฟังเจ้านายต่อหน้าเพื่อให้เขาพึงพอใจ แต่ให้เป็นเหมือนทาสของพระคริสต์ คือทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าจากใจของท่าน จงรับใช้ด้วยความเต็มใจราวกับกำลังรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ใช่มนุษย์ เพราะท่านรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงปูนบำเหน็จความดีความชอบแก่ทุกคนที่ทำดี ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นทาสหรือเป็นไท

ผู้ที่เป็นนายจงปฏิบัติต่อทาสในทำนองเดียวกัน อย่าข่มขู่เขาในเมื่อรู้อยู่ว่าพระองค์ผู้ทรงเป็นองค์เจ้านายทั้งของเขาและของท่านนั้นอยู่ในสวรรค์ และพระองค์ไม่ทรงลำเอียงเข้าข้างใคร

ยุทธภัณฑ์ของพระเจ้า

10 สุดท้ายนี้จงเข้มแข็งในองค์พระผู้เป็นเจ้าและในฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ 11 จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าเพื่อท่านจะยืนหยัดต่อสู้แผนการทั้งหลายของมารได้ 12 เพราะเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเหล่าเทพผู้ครอง เทพผู้ทรงอำนาจ เทพผู้ทรงเดชานุภาพของโลกอันมืดมนนี้ และต่อสู้กับเหล่าวิญญาณชั่วในย่านฟ้าอากาศ 13 ฉะนั้นจงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าเพื่อท่านจะยืนหยัดรับมือได้เมื่อถึงวันอันชั่วร้าย และหลังจากท่านได้ผ่านทุกอย่างแล้ว ท่านก็ยังยืนหยัดอยู่ได้ 14 ด้วยเหตุนี้จงยืนหยัดมั่นคง โดยคาดเอวด้วยเข็มขัดแห่งความจริง สวมเสื้อเกราะแห่งความชอบธรรม 15 สวมรองเท้าที่ทำให้พร้อมประกาศข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข 16 นอกจากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จงยึดโล่แห่งความเชื่อ ซึ่งพวกท่านใช้ดับลูกศรเพลิงทั้งปวงของมารร้ายได้ 17 จงสวมหมวกเกราะแห่งความรอด และถือดาบแห่งพระวิญญาณคือพระวจนะของพระเจ้า 18 และจงอธิษฐานในพระวิญญาณทุกโอกาสด้วยการอธิษฐานและการวิงวอนทุกรูปแบบ โดยคำนึงถึงสิ่งนี้จงเฝ้าระวังด้วยความมานะอดทนและด้วยการวิงวอนเผื่อประชากรทั้งปวงของพระเจ้าเสมอ

19 และเผื่อข้าพเจ้าด้วย เพื่อว่าเมื่อใดที่ข้าพเจ้าเอ่ยปากพระเจ้าจะประทานถ้อยคำให้ข้าพเจ้าสำแดงข้อล้ำลึกแห่งข่าวประเสริฐอย่างกล้าหาญ 20 เพราะข่าวประเสริฐนี้ข้าพเจ้าจึงเป็นทูตที่ถูกล่ามโซ่อยู่ เพื่อว่าข้าพเจ้าจะประกาศข่าวประเสริฐอย่างกล้าหาญตามที่ข้าพเจ้าสมควรจะทำ

คำลงท้าย

21 ทีคิกัสน้องที่รัก ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเล่าทุกอย่างให้ท่านฟัง เพื่อท่านจะได้ทราบด้วยว่าข้าพเจ้าเป็นอย่างไร และกำลังทำอะไรอยู่ 22 ข้าพเจ้าจะส่งเขาไปหาท่านก็เพราะจุดประสงค์ข้อนี้เอง คือเพื่อให้ท่านทราบว่าพวกเราเป็นอยู่อย่างไรและเพื่อเขาจะได้ให้กำลังใจท่าน

23 ขอสันติสุขและความรักด้วยความเชื่อจากพระเจ้าพระบิดาและจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้ามีแก่พี่น้องทั้งหลาย 24 ขอพระคุณดำรงอยู่กับคนทั้งปวงที่รักองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเราด้วยความรักอันไม่เสื่อมสลาย

จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าเปาโลกับทิโมธีผู้เป็นผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์

ถึงประชากรทุกคนของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์ที่เมืองฟีลิปปี ตลอดจนคณะผู้ปกครอง[y] และคณะมัคนายก

ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเราและจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้ามีแก่พวกท่าน

ขอบพระคุณและทูลขอ

ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าทุกครั้งที่ระลึกถึงพวกท่าน ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าอธิษฐานเผื่อพวกท่านทั้งปวง ข้าพเจ้าก็อธิษฐานด้วยความชื่นชมยินดีเสมอ เพราะท่านมีส่วนร่วมในข่าวประเสริฐตั้งแต่แรกจวบจนบัดนี้ ข้าพเจ้ามั่นใจว่าพระองค์ผู้ทรงตั้งต้นการดีในพวกท่านนั้นจะทรงสานต่อให้เสร็จสมบูรณ์จนถึงวันแห่งพระเยซูคริสต์

สมควรแล้วที่ข้าพเจ้ารู้สึกเช่นนี้เกี่ยวกับพวกท่านทุกคน เนื่องจากพวกท่านอยู่ในดวงใจของข้าพเจ้า เพราะไม่ว่าข้าพเจ้าจะถูกจองจำหรือกำลังกล่าวปกป้องและยืนยันข่าวประเสริฐนั้น พวกท่านก็มีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าในงานที่พระเจ้าประทานแก่ข้าพเจ้าโดยพระคุณของพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นพยานได้ว่าข้าพเจ้าปรารถนาจะพบพวกท่านทั้งปวงมากเพียงใด ข้าพเจ้ารักท่านด้วยความรักของพระเยซูคริสต์

และข้าพเจ้าอธิษฐานว่าขอให้ความรักของท่านทวียิ่งๆ ขึ้น มีความรู้และความเข้าใจอันลึกซึ้ง 10 เพื่อท่านจะสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรดีที่สุด และเพื่อท่านจะได้บริสุทธิ์ปราศจากที่ติจนกว่าจะถึงวันแห่งพระคริสต์ 11 และเปี่ยมด้วยผลแห่งความชอบธรรมซึ่งมาทางพระเยซูคริสต์ อันเป็นการถวายพระเกียรติสิริและการสรรเสริญแด่พระเจ้า

การถูกจองจำของเปาโลทำให้ข่าวประเสริฐแพร่ออกไป

12 พี่น้องทั้งหลาย บัดนี้ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทราบว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่เกิดกับข้าพเจ้ากลับทำให้ข่าวประเสริฐแพร่ออกไป 13 จนทหารทั้งปวงที่รักษาวัง[z] และคนอื่นๆ ทุกคนประจักษ์ทั่วกันว่าข้าพเจ้าถูกจองจำเพื่อพระคริสต์ 14 เพราะการที่ข้าพเจ้าถูกจองจำทำให้พี่น้องส่วนใหญ่ในองค์พระผู้เป็นเจ้าได้รับกำลังใจให้กล่าวพระวจนะของพระเจ้าอย่างกล้าหาญและไม่หวั่นเกรงมากขึ้น

15 จริงอยู่บางคนประกาศพระคริสต์ด้วยจิตใจที่อิจฉาและชิงดีชิงเด่น แต่คนอื่นๆ ประกาศด้วยเจตนาดี 16 คนกลุ่มหลังทำด้วยความรักโดยรู้ว่าข้าพเจ้าถูกจับมาที่นี่ก็เพราะปกป้องข่าวประเสริฐ 17 ส่วนพวกแรกนั้นประกาศพระคริสต์ด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูงอย่างเห็นแก่ตัว ไม่ใช่ด้วยใจจริง หวังสร้างความเดือดร้อนให้ข้าพเจ้าขณะถูกจองจำ[aa] 18 แต่จะเป็นไรเล่า? ไม่ว่าจะทำด้วยแรงจูงใจที่ผิดหรือถูก สิ่งสำคัญคือเขาได้ประกาศพระคริสต์ก็แล้วกัน เพราะสิ่งนี้ทำให้ข้าพเจ้าชื่นชมยินดี

และข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีต่อไป 19 เพราะรู้ว่าโดยคำอธิษฐานของท่านและโดยความช่วยเหลือที่พระวิญญาณของพระเยซูคริสต์ประทาน สิ่งที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าจะทำให้ข้าพเจ้ารอดพ้น 20 ข้าพเจ้ามาดมั่นและมุ่งหวังไว้ว่าข้าพเจ้าจะไม่ทำสิ่งใดให้เป็นที่ละอายเลย แต่จะมีความกล้าหาญเพียงพอ เพื่อบัดนี้พระคริสต์จะได้รับเกียรติเพราะกายของข้าพเจ้าเหมือนที่เคยได้รับเสมอมา ไม่ว่าข้าพเจ้าจะอยู่หรือจะตาย 21 เพราะสำหรับข้าพเจ้า การมีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระคริสต์และการตายก็ได้กำไร 22 ถ้ายังมีชีวิตอยู่ในกายนี้ต่อไปก็หมายความว่าข้าพเจ้าจะทำงานอย่างเกิดผล แต่ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะเลือกทางไหนดี? 23 ยังลังเลใจอยู่ระหว่างสองทาง ใจหนึ่งอยากจากไปเพื่ออยู่กับพระคริสต์ซึ่งประเสริฐกว่ามากนัก 24 แต่การที่ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ก็จำเป็นสำหรับพวกท่านมากกว่า 25 เมื่อแน่ใจอย่างนี้ข้าพเจ้าก็รู้ว่าจะยังอยู่กับพวกท่านทั้งปวงต่อไป เพื่อความก้าวหน้าและความชื่นชมยินดีของท่านในความเชื่อ 26 เพื่อว่าเมื่อข้าพเจ้าได้อยู่กับพวกท่านอีก พวกท่านก็จะชื่นชมยินดีในพระเยซูคริสต์อย่างเปี่ยมล้นเนื่องด้วยข้าพเจ้า

27 ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านจงประพฤติตนให้สมกับข่าวประเสริฐของพระคริสต์ แล้วไม่ว่าข้าพเจ้าจะมาหาท่านหรือเพียงแต่ได้ยินข่าวของท่าน ข้าพเจ้าก็รู้ว่าท่านยืนหยัดมั่นคงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ต่อสู้เหมือนเป็นคนเดียวกันเพื่อความเชื่อแห่งข่าวประเสริฐ 28 และการที่ท่านไม่หวาดกลัวผู้ที่ต่อต้านท่านเลยนั้นก็จะเป็นเครื่องหมายให้พวกนั้นรู้ว่าพวกเขาจะถูกทำลาย แต่พระเจ้าจะทรงช่วยพวกท่านให้รอด 29 เพราะพระเจ้าได้ประทานสิทธิพิเศษแก่ท่านเพื่อปรนนิบัติพระคริสต์ ไม่เพียงให้ท่านเชื่อในพระองค์เท่านั้น แต่ให้ทนทุกข์เพื่อพระองค์ด้วย 30 เพราะท่านเองก็กำลังต่อสู้ฝ่าฟันแบบเดียวกับที่ท่านได้เห็นข้าพเจ้าฝ่าฟันมาแล้ว และบัดนี้ท่านก็ได้ยินว่าข้าพเจ้ายังต่อสู้อยู่

ถ่อมใจอย่างพระคริสต์

ในเมื่อท่านได้รับกำลังใจจากการเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์ ได้รับการปลอบโยนจากความรักของพระองค์ ได้สามัคคีธรรมกับพระวิญญาณ ได้รับความอ่อนโยนและความสงสาร ก็จงทำให้ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีอย่างบริบูรณ์โดยมีความคิดอย่างเดียวกัน มีความรักอย่างเดียวกัน มีใจเดียวกัน และมีเป้าหมายเดียวกัน อย่าทำสิ่งใดด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูงอย่างเห็นแก่ตัว หรือด้วยความถือดี แต่จงทำด้วยความถ่อมใจ ถือว่าคนอื่นดีกว่าตน แต่ละคนไม่ควรมุ่งหาประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่ควรคิดถึงประโยชน์ของคนอื่นด้วย

ท่านควรมีท่าทีแบบเดียวกับพระเยซูคริสต์

ผู้ทรงสภาพ[ab]พระเจ้า
แต่ไม่ได้ทรงยึดติดในความเท่าเทียมกับพระเจ้า
พระองค์กลับทรงสละทุกสิ่ง
มารับสภาพ[ac]ทาส
บังเกิดเป็นมนุษย์
และเมื่อทรงปรากฏเป็นมนุษย์
พระองค์ทรงถ่อมพระองค์ลง
และยอมเชื่อฟังแม้ต้องตายบนไม้กางเขน!

ฉะนั้นพระเจ้าจึงทรงเชิดชูพระองค์ขึ้นสู่ที่สูงสุด
และประทานพระนามเหนือนามทั้งปวงแก่พระองค์
10 เพื่อทุกชีวิต[ad]ในสวรรค์ บนแผ่นดินโลก
และใต้แผ่นดินโลก
จะคุกเข่าลงนมัสการพระนามของพระเยซู
11 และทุกลิ้นจะยอมรับว่าพระเยซูคริสต์คือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติสิริแด่พระเจ้าพระบิดา

ส่องสว่างดั่งดวงดาว

12 ฉะนั้นเพื่อนที่รักทั้งหลาย ในเมื่อท่านได้เชื่อฟังเสมอมา ไม่เพียงขณะที่ข้าพเจ้าอยู่ด้วย แต่ยิ่งเชื่อฟังมากขึ้นขณะที่ข้าพเจ้าไม่อยู่ด้วย ก็จงบากบั่นต่อไปด้วยความเกรงกลัวจนตัวสั่นจนกระทั่งความรอดของท่านบรรลุผล 13 เพราะพระเจ้าคือผู้ทรงกระทำกิจภายในท่าน ให้ท่านตั้งใจและทำตามพระประสงค์อันดีของพระองค์

14 จงทำทุกสิ่งโดยปราศจากการบ่นว่าหรือทุ่มเถียงกัน 15 เพื่อท่านจะปราศจากตำหนิและบริสุทธิ์ เป็นบุตรของพระเจ้าผู้ปราศจากข้อบกพร่องในยุคอันคดโกงและเสื่อมทราม ส่องสว่างท่ามกลางพวกเขาดั่งดวงดาวในจักรวาล 16 ขณะที่ท่านยึดมั่นในพระวจนะแห่งชีวิตเพื่อข้าพเจ้าจะอวดได้ในวันแห่งพระคริสต์ว่าข้าพเจ้าไม่ได้วิ่งหรือลงแรงโดยเปล่าประโยชน์ 17 ถึงแม้ว่าข้าพเจ้ากำลังถูกเทลงบนเครื่องบูชาและการรับใช้ที่มาจากความเชื่อของท่านดั่งเป็นเครื่องดื่มบูชา ข้าพเจ้าก็ยังดีใจและชื่นชมยินดีร่วมกับพวกท่านทั้งปวง 18 ดังนั้นท่านเองก็ควรจะดีใจและชื่นชมยินดีร่วมกับข้าพเจ้าด้วย

ทิโมธีกับเอปาโฟรดิทัส

19 ข้าพเจ้าคาดหวังในองค์พระเยซูเจ้าว่าอีกไม่นานจะส่งทิโมธีไปหาท่าน เพื่อข้าพเจ้าเองจะได้ชื่นใจเมื่อได้รับข่าวเกี่ยวกับท่าน 20 ข้าพเจ้าไม่มีใครอื่นที่เหมือนทิโมธีผู้ซึ่งเอาใจใส่ทุกข์สุขของท่านอย่างแท้จริง 21 เพราะทุกคนมุ่งหาประโยชน์ของตนเอง ไม่ได้คำนึงถึงพระเยซูคริสต์ 22 แต่ท่านทราบอยู่ว่าทิโมธีได้พิสูจน์ตนเองแล้วเพราะเขาได้ร่วมรับใช้กับข้าพเจ้าในการประกาศข่าวประเสริฐเหมือนบุตรรับใช้บิดา 23 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงหวังจะส่งเขามาทันทีที่ข้าพเจ้าเห็นว่าเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับข้าพเจ้าจะลงเอยอย่างไร 24 และข้าพเจ้ามั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่าข้าพเจ้าเองจะมาหาท่านในไม่ช้า

25 แต่ข้าพเจ้าคิดว่าจำเป็นต้องส่งเอปาโฟรดิทัสกลับมาหาท่าน เขาเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนร่วมงาน และเป็นเพื่อนทหารของข้าพเจ้า ทั้งยังเป็นผู้ที่พวกท่านส่งมาเพื่อปรนนิบัติข้าพเจ้าในยามขัดสน 26 เนื่องจากเขาคิดถึงพวกท่านทั้งปวงมากและทุกข์ใจเพราะท่านได้ข่าวว่าเขาป่วย 27 ที่จริงเขาป่วยหนักเกือบตาย แต่พระเจ้าทรงเมตตาเขา และไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แต่ยังทรงเมตตาข้าพเจ้าด้วยเพื่อไม่ให้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ซ้อนทุกข์ 28 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงยิ่งรีบส่งเขามาเพื่อพวกท่านจะได้ดีใจที่เจอเขาอีกและข้าพเจ้าเองจะได้คลายความกระวนกระวายใจ 29 ขอให้ท่านต้อนรับเขาในองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง และจงให้เกียรติคนเช่นนี้ 30 เพราะเขาเกือบตายเพื่องานของพระคริสต์ เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือข้าพเจ้าในสิ่งที่ท่านไม่สามารถทำได้

อย่ามั่นใจในเนื้อหนัง

สุดท้ายนี้พี่น้องทั้งหลาย จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า! ไม่ลำบากสำหรับข้าพเจ้าเลยที่จะเขียนเรื่องเดียวกันถึงท่านอีก ทั้งสิ่งนี้ยังเป็นการป้องกันท่านด้วย จงระวังพวกสุนัข จงระวังพวกคนทำชั่ว จงระวังพวกเชือดเนื้อเถือหนัง เพราะว่าพวกเราคือผู้เข้าสุหนัตแท้ เรารับใช้[ae]พระเจ้าด้วยพระวิญญาณของพระองค์ เราอวดอ้างพระเยซูคริสต์ และเราไม่มั่นใจในเนื้อหนังร่างกาย แม้ข้าพเจ้ามีเหตุผลหลายประการที่มั่นใจเช่นนั้น

ถ้าคนใดคิดว่าเขามีเหตุผลที่จะมั่นใจในเนื้อหนังร่างกาย ข้าพเจ้าก็มีมากยิ่งกว่าคือ ข้าพเจ้าเกิดมาได้แปดวันก็เข้าสุหนัต ข้าพเจ้าเป็นคนอิสราเอลตระกูลเบนยามิน เป็นชาวฮีบรูแท้ ในด้านบทบัญญัติข้าพเจ้าเป็นฟาริสี ในด้านความเคร่งศาสนาข้าพเจ้าเคยข่มเหงคริสตจักร ในด้านความชอบธรรมตามบทบัญญัติข้าพเจ้าก็ไม่มีที่ติ

แต่สิ่งใดๆ ที่เคยเป็นกำไรของข้าพเจ้า บัดนี้ข้าพเจ้าถือว่าขาดทุนเพื่อเห็นแก่พระคริสต์ ยิ่งกว่านั้นอีกข้าพเจ้าเห็นว่าทุกสิ่งไร้ค่าเมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ล้ำเลิศในการที่ได้รู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพื่อพระองค์ข้าพเจ้าได้สละทุกสิ่ง ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเศษขยะเพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์ และอยู่ในพระองค์ ตัวข้าพเจ้าเองไม่มีความชอบธรรมที่ได้มาโดยบทบัญญัติ มีแต่ความชอบธรรมที่ได้มาโดยความเชื่อในพระคริสต์ เป็นความชอบธรรมซึ่งมาจากพระเจ้าและได้มาโดยความเชื่อ 10 ข้าพเจ้าต้องการรู้จักพระคริสต์และมีประสบการณ์ในฤทธิ์อำนาจแห่งการคืนพระชนม์ของพระองค์และร่วมสามัคคีธรรมในการทนทุกข์ของพระองค์ เป็นเหมือนพระองค์ในการสิ้นพระชนม์ 11 เพื่อจะได้เป็นขึ้นจากตายโดยทางใดทางหนึ่ง

บากบั่นสู่หลักชัย

12 ไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าได้ทั้งหมดนี้แล้วหรือได้รับการปรับปรุงให้เป็นคนดีพร้อมแล้ว แต่ข้าพเจ้ารุดหน้าไปเพื่อฉวยเอาสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงตั้งไว้สำหรับข้าพเจ้าเมื่อทรงฉวยข้าพเจ้ามาเป็นของพระองค์ 13 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าตนเองฉวยสิ่งนี้มาได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านมาและโน้มตัวไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า 14 ข้าพเจ้ารุดหน้าไปสู่หลักชัยเพื่อคว้ารางวัลซึ่งพระเจ้าได้ทรงเรียกข้าพเจ้าจากสวรรค์ผ่านทางพระเยซูคริสต์ให้ไปรับ

15 พวกเราทุกคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วควรมีทัศนะเช่นนี้ และถ้าท่านคิดเห็นแตกต่างไปในบางประเด็น พระเจ้าจะทรงให้ท่านเข้าใจเรื่องนั้นอย่างแจ่มแจ้งด้วย 16 ขอแต่เพียงให้เราดำเนินชีวิตให้สมกับสิ่งที่เราได้รับมาแล้ว

17 พี่น้องทั้งหลายจงร่วมกันทำตามแบบอย่างของข้าพเจ้าและเลียนแบบผู้ที่ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างที่เราได้ให้ท่านไว้ 18 เพราะว่าดังที่ข้าพเจ้าเคยพร่ำเตือนท่านและบัดนี้ก็เตือนอีกด้วยน้ำตาว่า มีหลายคนที่ใช้ชีวิตอย่างเป็นศัตรูต่อไม้กางเขนของพระคริสต์ 19 ปลายทางของพวกเขาคือความพินาศ พระของเขาคือกระเพาะ เขาภูมิใจในสิ่งที่ควรอับอาย ปักใจอยู่แต่กับสิ่งฝ่ายโลก 20 แต่เราเป็นพลเมืองสวรรค์และเราเฝ้ารอคอยพระผู้ช่วยให้รอดจากสวรรค์คือองค์พระเยซูคริสต์เจ้า 21 พระองค์จะทรงเปลี่ยนกายอันต่ำต้อยของเราให้เหมือนพระกายอันทรงพระเกียรติสิริของพระองค์โดยฤทธานุภาพที่สยบทุกสิ่งไว้ใต้อำนาจของพระองค์

ฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายผู้ซึ่งข้าพเจ้ารักและอาลัยหา ผู้เป็นความชื่นชมยินดีและเป็นมงกุฎของข้าพเจ้า เพื่อนที่รัก ท่านควรจะยืนหยัดมั่นคงในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างนั้น!

ตักเตือน

ข้าพเจ้าขอวิงวอนนางยูโอเดียและนางสินทิเคให้ปรองดองกันในองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอร้องท่านผู้เป็นเพื่อนร่วมแบกภาระที่สัตย์ซื่อของข้าพเจ้าให้ช่วยหญิงเหล่านี้ผู้ร่วมฝ่าฟันเพื่อข่าวประเสริฐเคียงข้างข้าพเจ้า พร้อมทั้งเคลเมนท์กับเพื่อนร่วมงานอื่นๆ ของข้าพเจ้า คนเหล่านี้มีชื่ออยู่ในหนังสือแห่งชีวิตแล้ว

จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอ ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่าจงชื่นชมยินดีเถิด! ให้ความสุภาพอ่อนโยนของท่านเป็นที่ประจักษ์แก่คนทั้งปวง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว อย่ากระวนกระวายในเรื่องใดๆ เลย แต่จงทูลขอทุกสิ่งต่อพระเจ้าด้วยการอธิษฐานและการอ้อนวอนพร้อมกับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจจะปกป้องความคิดจิตใจของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์

สุดท้ายนี้พี่น้องทั้งหลาย จงใคร่ครวญถึงสิ่งที่เลอเลิศหรือสิ่งที่ควรสรรเสริญคือ สิ่งที่จริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่น่ายกย่อง ทุกสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้ ได้รับ ได้ยินจากข้าพเจ้า หรือได้เห็นจากข้าพเจ้า จงนำไปปฏิบัติและพระเจ้าแห่งสันติสุขจะสถิตกับท่าน

ขอบคุณสำหรับของฝากจากพี่น้องชาวฟีลิปปี

10 ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้ายิ่งนักเนื่องจากในที่สุดพวกท่านก็กลับมาห่วงใยข้าพเจ้าอีกครั้ง อันที่จริงท่านห่วงใยข้าพเจ้ามาตลอด แต่ไม่มีโอกาสที่จะแสดงออก 11 ข้าพเจ้าพูดอย่างนี้ไม่ใช่เพราะกำลังขัดสน เพราะข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะพอใจในสิ่งที่ตนมีไม่ว่าสภาพการณ์จะเป็นเช่นไร 12 ข้าพเจ้ารู้ว่ายามขาดแคลนเป็นอย่างไร และรู้ว่ายามมีเหลือเฟือเป็นอย่างไร ข้าพเจ้ารู้จักเคล็ดลับที่จะพอใจกับสิ่งที่ตนมีในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะอิ่มหนำหรือหิวโหย มั่งมีหรือขัดสน 13 ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้โดยพระองค์ผู้ประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า

14 กระนั้นก็เป็นความกรุณาของท่านที่ได้แบ่งปันให้ในยามที่ข้าพเจ้าเดือดร้อน 15 ยิ่งกว่านั้นตามที่พวกท่านชาวฟีลิปปีทราบอยู่ว่า ในตอนที่ท่านเพิ่งรู้จักข่าวประเสริฐ เมื่อข้าพเจ้าออกเดินทางต่อจากแคว้นมาซิโดเนีย ไม่มีคริสตจักรไหนมีส่วนร่วมในรายรับรายจ่ายของข้าพเจ้าเลย มีแต่พวกท่านเท่านั้น 16 แม้เมื่อข้าพเจ้าอยู่ในเมืองเธสะโลนิกา ท่านก็ยังส่งความช่วยเหลือมาให้ข้าพเจ้าในยามขัดสนครั้งแล้วครั้งเล่า 17 ไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าอยากได้ของกำนัล แต่ข้าพเจ้าอยากให้ตัวเลขในบัญชีของท่านเพิ่มขึ้น 18 ข้าพเจ้าได้รับครบถ้วน ที่จริงได้มากเกินพอเสียด้วยซ้ำ บัดนี้ข้าพเจ้าได้รับของที่ท่านฝากมากับเอปาโฟรดิทัสแล้ว พวกท่านจัดหาให้ข้าพเจ้าอย่างเหลือเฟือ สิ่งเหล่านี้เป็นของถวายอันหอมหวล เป็นเครื่องบูชาที่พระเจ้าทรงรับและพอพระทัย 19 และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานสิ่งที่จำเป็นทุกอย่างแก่ท่านจากความมั่งคั่งอันเลอเลิศของพระองค์ในพระเยซูคริสต์

20 ขอพระเกียรติสิริมีแด่พระเจ้าพระบิดาของเราสืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน

คำลงท้าย

21 ข้าพเจ้าขอฝากความคิดถึงมายังประชากรทุกคนของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์ บรรดาพี่น้องที่อยู่กับข้าพเจ้าก็ฝากความคิดถึงมายังท่าน 22 ประชากรทุกคนของพระเจ้าโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในราชสำนักของซีซาร์ ฝากความคิดถึงมายังพวกท่านด้วย

23 ขอพระคุณองค์พระเยซูคริสต์เจ้าดำรงอยู่กับวิญญาณจิตของท่านทั้งหลายเถิด อาเมน[af]

จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามพระประสงค์ของพระเจ้ากับทิโมธีน้องของเรา

ถึงประชากรของพระเจ้าที่เมืองโคโลสีผู้เป็นพี่น้องที่สัตย์ซื่อในพระคริสต์

ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเรา[ag] มีแก่ท่านทั้งหลาย

ขอบพระคุณและทูลขอ

เราขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเราเสมอเมื่ออธิษฐานเผื่อท่าน เพราะเราได้ยินถึงความเชื่อของท่านในพระเยซูคริสต์และความรักที่ท่านมีต่อประชากรทั้งปวงของพระเจ้า คือความเชื่อและความรักอันเกิดจากความหวังซึ่งสะสมไว้สำหรับท่านในสวรรค์ และซึ่งท่านได้ยินมาแล้วในถ้อยคำแห่งความจริงคือข่าวประเสริฐ ซึ่งมาถึงท่าน ข่าวประเสริฐนี้กำลังเกิดผลและเจริญขึ้นทั่วโลก เหมือนที่กำลังเป็นอยู่ท่ามกลางพวกท่านตั้งแต่วันที่ท่านได้ยินข่าวประเสริฐและเข้าใจพระคุณของพระเจ้าตามความจริงทั้งสิ้นที่อยู่ในข่าวประเสริฐนี้ ท่านได้เรียนรู้ข่าวประเสริฐจากเอปาฟรัสเพื่อนร่วมรับใช้ที่รักของเรา ผู้ปรนนิบัติพระคริสต์อย่างสัตย์ซื่อเพื่อพวกเรา[ah] และเขายังเล่าถึงความรักของท่านในพระวิญญาณให้เราฟัง

ด้วยเหตุนี้นับตั้งแต่วันที่เราได้ยินเรื่องราวของพวกท่าน เราก็อธิษฐานเผื่อท่านตลอดมาไม่เคยหยุด ขอพระเจ้าทรงให้ท่านเปี่ยมด้วยความรู้ถึงพระประสงค์ของพระองค์โดยทางสติปัญญาและความเข้าใจฝ่ายจิตวิญญาณทั้งปวง 10 เพื่อท่านจะได้ดำเนินชีวิตอย่างสมกับที่เป็นคนขององค์พระผู้เป็นเจ้า และจะได้เป็นที่พอพระทัยในทุกด้าน คือ เกิดผลในการดีทุกอย่าง รู้จักพระเจ้าดียิ่งขึ้น 11 ได้รับการเสริมสร้างให้เข้มแข็งขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจทั้งมวลตามฤทธานุภาพอันทรงเกียรติสิริของพระองค์ เพื่อท่านจะทรหดอดทนอย่างยิ่งและมีความชื่นชมยินดี 12 ในการขอบพระคุณพระบิดาผู้ทรงทำให้พวกท่าน[ai]เหมาะสมที่จะมีส่วนในกรรมสิทธิ์ของประชากรของพระเจ้าในอาณาจักรแห่งความสว่าง 13 เพราะพระองค์ได้ทรงช่วยเราให้พ้นจากอาณาจักรของความมืด และทรงนำเราเข้ามาสู่อาณาจักรของพระบุตรที่รักของพระองค์ 14 ในพระบุตรนี้เราได้รับการไถ่บาป[aj] คือการอภัยโทษบาปของเรา

พระคริสต์ผู้สูงสุด

15 พระบุตรทรงเป็นพระฉายของพระเจ้าผู้ที่เราไม่อาจมองเห็นได้ เป็นบุตรหัวปีเหนือสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง 16 เพราะโดยพระองค์ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นทั้งในฟ้าสวรรค์และบนแผ่นดินโลก ทั้งสิ่งที่มองเห็นได้และไม่อาจมองเห็นได้ ไม่ว่าบรรดาเทพผู้ครองบัลลังก์ หรือเทพผู้ทรงเดชานุภาพ หรือเทพผู้ครอง หรือเทพผู้ทรงอำนาจ ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์และเพื่อพระองค์ 17 ทรงดำรงอยู่ก่อนทุกสิ่งและในพระองค์ทุกสิ่งประสานเข้าด้วยกัน 18 พระองค์ทรงเป็นศีรษะของกายคือคริสตจักร ทรงเป็นจุดเริ่มต้น เป็นบุตรหัวปีที่เป็นขึ้นจากตาย เพื่อพระองค์จะทรงเป็นผู้สูงสุดในทุกสิ่ง 19 เพราะว่าพระเจ้าพอพระทัยที่จะให้ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นของพระองค์อยู่ในพระบุตร 20 และให้ทุกสิ่งทั้งบนแผ่นดินโลกและในสวรรค์กลับคืนดีกับพระองค์ผ่านทางพระบุตร สันติภาพนี้มีขึ้นโดยพระโลหิต

ของพระบุตรซึ่งหลั่งรินที่กางเขน

21 ครั้งหนึ่งพวกท่านเคยแยกขาดจากพระเจ้าและเป็นศัตรูกับพระองค์อยู่ในใจเพราะ[ak]พฤติการณ์ชั่วของท่าน 22 แต่บัดนี้ทรงให้ท่านคืนดีกับพระองค์โดยการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์[al] เพื่อถวายท่านให้เป็นผู้บริสุทธิ์ ปราศจากตำหนิ และพ้นจากข้อกล่าวหาต่อหน้าพระองค์ 23 ทั้งนี้ท่านเองต้องดำเนินต่อไปในความเชื่อของท่าน ตั้งมั่นและหนักแน่นมั่นคง ไม่คลอนแคลนจากความหวังซึ่งมีอยู่ในข่าวประเสริฐ นี่คือข่าวประเสริฐที่ท่านได้ยินและได้ประกาศแก่ทุกชีวิตใต้ฟ้าสวรรค์ และข้าพเจ้าเปาโลเป็นผู้รับใช้ของข่าวประเสริฐนี้

เปาโลบากบั่นเพื่อคริสตจักร

24 บัดนี้ข้าพเจ้าทั้งชื่นชมยินดีในสิ่งที่ได้ทนทุกข์เพื่อพวกท่าน และข้าพเจ้ากำลังเติมการทนทุกข์ของพระคริสต์ที่ยังขาดอยู่ให้เต็มในร่างกายข้าพเจ้า เพื่อเห็นแก่พระกายของพระองค์คือคริสตจักร 25 ข้าพเจ้ามาเป็นผู้รับใช้ของคริสตจักรตามภารกิจที่พระเจ้าได้ทรงมอบหมายให้ข้าพเจ้าทำในหมู่พวกท่านคือการให้พระวจนะของพระเจ้าประจักษ์แจ้งอย่างสมบูรณ์ 26 พระวจนะนี้คือข้อล้ำลึกซึ่งถูกปิดบังไว้ตลอดหลายยุคหลายชั่วอายุ แต่บัดนี้ทรงสำแดงแก่ประชากรของพระเจ้า 27 สำหรับพวกเขา พระเจ้าได้ทรงประสงค์ที่จะสำแดงความมั่งคั่งอันทรงเกียรติสิริของข้อล้ำลึกนี้ในหมู่คนต่างชาติ คือพระคริสต์สถิตในท่านทั้งหลายซึ่งเป็นความหวังแห่งเกียรติสิริ

28 เราประกาศพระองค์ เราตักเตือนสั่งสอนทุกคนด้วยสติปัญญาทั้งสิ้นเพื่อจะถวายทุกคนให้เป็นผู้ที่ดีพร้อมในพระคริสต์ 29 เพื่อจุดหมายนี้ข้าพเจ้าจึงบากบั่นฝ่าฟันด้วยเรี่ยวแรงกำลังทั้งสิ้นของพระองค์ซึ่งกำลังทำกิจอย่างเข้มแข็งในข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทราบว่าข้าพเจ้ากำลังต่อสู้ดิ้นรนขนาดไหนเพื่อท่าน เพื่อพวกพี่น้องที่เมืองเลาดีเซียและเพื่อคนทั้งปวงที่ยังไม่เคยพบหน้าข้าพเจ้าเลย จุดมุ่งหมายของข้าพเจ้าก็คือให้กำลังใจพวกเขา ให้พวกเขาประสานรวมกันด้วยความรักและด้วยความเชื่อมั่นอันเต็มเปี่ยมซึ่งเกิดจากความเข้าใจที่แท้จริง เพื่อว่าพวกเขาจะได้รู้ถึงความล้ำลึกของพระเจ้า คือพระคริสต์ ซึ่งคลังสติปัญญาและความรู้ทั้งมวลซ่อนอยู่ในพระองค์ ข้าพเจ้าบอกอย่างนี้เพื่อไม่ให้ใครมาล่อลวงท่านด้วยถ้อยคำที่ฟังน่าเชื่อถือ เพราะถึงแม้ตัวข้าพเจ้าไม่อยู่กับท่านแต่ใจก็อยู่กับท่าน และดีใจที่เห็นว่าท่านอยู่กันอย่างเรียบร้อยและเชื่อมั่นคงในพระคริสต์

ความบริบูรณ์ในพระคริสต์

ดังนั้นในเมื่อท่านได้รับพระเยซูคริสต์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วก็จงดำเนินชีวิตในพระองค์ต่อ ไป ด้วยการหยั่งรากและรับการก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ มั่นคงขึ้นในความเชื่อตามที่ได้รับการสอนมาและเต็มล้นด้วยการขอบพระคุณ

จงระวังให้ดีอย่าให้ใครมาจับท่านเป็นทาสด้วยปรัชญาอันไร้แก่นสารและหลอกลวง ซึ่งอาศัยธรรมเนียมปฏิบัติที่มนุษย์ถ่ายทอดกันมาและหลักการพื้นฐานต่างๆ ของโลกนี้[am] แทนที่จะอาศัยพระคริสต์

เพราะในพระคริสต์พระลักษณะทั้งสิ้นของพระเจ้าดำรงอยู่อย่างบริบูรณ์ในพระกายของพระองค์ 10 และท่านได้รับความบริบูรณ์ในพระคริสต์ผู้ทรงเป็นศีรษะเหนือเทพผู้ทรงเดชานุภาพและเทพผู้ทรงอำนาจทั้งสิ้น 11 ในพระองค์ท่านยังได้เข้าสุหนัตคือการสลัดวิสัยบาป[an] ทิ้ง เป็นสุหนัตที่ไม่ได้ทำด้วยมือมนุษย์แต่ทำโดยพระคริสต์ 12 ท่านถูกฝังไว้กับพระองค์ในพิธีบัพติศมา และทรงให้ท่านเป็นขึ้นจากตายกับพระองค์ผ่านทางความเชื่อของท่านในฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าผู้ทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตาย

13 เมื่อท่านตายแล้วในบาปของท่านและในวิสัยบาป[ao]ของท่านซึ่งไม่ได้เข้าสุหนัต พระเจ้าได้ทรงให้ท่าน[ap]มีชีวิตด้วยกันกับพระคริสต์ พระองค์ทรงอภัยโทษบาปทั้งสิ้นของเรา 14 ทรงยกเลิกหนังสือสัญญาที่ผูกมัดเราด้วยกฎเกณฑ์ต่างๆ ซึ่งขัดขวางและต่อต้านเรา พระองค์ทรงเอาหนังสือนี้ออกไปตรึงที่กางเขน 15 และทรงปลดเทพผู้ทรงเดชานุภาพและเทพผู้ทรงอำนาจต่างๆ ลง พระองค์ได้ทรงประจานและพิชิตพวกนี้โดยกางเขนนั้น[aq]

16 เพราะฉะนั้นอย่าให้ใครมาตัดสินท่านจากสิ่งที่ท่านกินหรือดื่มหรือเกี่ยวกับเทศกาลทางศาสนา ไม่ว่าวันฉลองขึ้นหนึ่งค่ำหรือวันสะบาโต 17 สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของสิ่งที่จะมาภายหลัง ส่วนความจริงแท้พบอยู่ในพระคริสต์ 18 อย่าให้ใครที่ชื่นชอบการแสร้งถ่อมตัวและการกราบไหว้ทูตสวรรค์มาทำให้ท่านหมดสิทธิ์รับรางวัล คนเช่นนี้เพ้อพล่ามถึงสิ่งที่ตนเห็น ผยองขึ้นด้วยความคิดไร้สาระตามจิตใจฝ่ายเนื้อหนัง 19 เป็นเหมือนร่างกายที่ไม่ได้ยึดติดกับองค์ผู้ทรงเป็นศีรษะซึ่งบำรุงเลี้ยงและประสานทั้งร่างกายไว้ด้วยข้อและเอ็นต่างๆ และให้ร่างกายนี้เจริญเติบโตขึ้นตามที่พระเจ้าทรงให้เติบโต

20 ในเมื่อท่านตายกับพระคริสต์ พ้นจากหลักการพื้นฐานต่างๆ ของโลกนี้ ทำไมยังยอมอยู่ใต้กฎต่างๆ ราวกับว่าท่านยังเป็นของโลก 21 เช่นกฎที่ว่า “ห้ามหยิบ! ห้ามชิม! ห้ามแตะต้อง!” 22 สิ่งทั้งปวงเหล่านี้ถูกกำหนดให้เสื่อมสูญไปเมื่อใช้มัน เพราะตั้งอยู่บนคำสั่งและคำสอนของมนุษย์ 23 ที่จริงกฎเกณฑ์พวกนี้ดูเหมือนมีปัญญา พวกเขานมัสการตามแนวที่กำหนดขึ้นเอง เสแสร้งถ่อมตัวและทรมานร่างกายของตน แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรต่อการควบคุมกิเลสตัณหาเลย

การดำเนินชีวิตอันบริสุทธิ์

ในเมื่อทรงให้ท่านทั้งหลายเป็นขึ้นกับพระคริสต์แล้ว ก็จงให้ใจของท่านจดจ่อกับสิ่งที่อยู่เบื้องบนที่ซึ่งพระคริสต์ประทับอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า จงให้ความคิดของท่านจดจ่ออยู่กับสิ่งเบื้องบน ไม่ใช่สิ่งฝ่ายโลก เพราะท่านตายแล้ว และบัดนี้ชีวิตของท่านถูกซ่อนอยู่กับพระคริสต์ในพระเจ้า เมื่อพระคริสต์ผู้ทรงเป็นชีวิตของท่าน[ar]ปรากฏ เมื่อนั้นท่านก็จะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในพระเกียรติสิริด้วย

เหตุฉะนั้นจงประหารโลกียวิสัยของท่านคือ การผิดศีลธรรมทางเพศ ความโสมม ราคะตัณหา ความปรารถนาชั่วและความโลภ ซึ่งเป็นการบูชารูปเคารพ เนื่องด้วยสิ่งเหล่านี้พระพิโรธของพระเจ้ากำลังจะมาถึง[as] ครั้งหนึ่งท่านเคยดำเนินชีวิตในทางเหล่านี้ แต่บัดนี้ท่านจงกำจัดสิ่งทั้งปวงต่อไปนี้ให้หมดจากตัวท่านคือ ความโกรธ ความเกรี้ยวกราด การคิดปองร้าย การกล่าวร้าย และวาจาหยาบช้าจากปากของท่าน อย่าโกหกกันในเมื่อท่านสลัดทิ้งตัวตนเก่าๆ พร้อมกับความประพฤติเดิมๆ แล้ว 10 และสวมตัวตนใหม่ซึ่งกำลังทรงสร้างขึ้นใหม่ตามพระฉายขององค์พระผู้สร้างขณะที่ท่านเรียนรู้จักพระองค์มากขึ้น[at] 11 จึงไม่มีกรีกหรือยิว เข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัต คนชาติอื่นๆ คนป่า[au] ทาสหรือไท แต่พระคริสต์ทรงเป็นทุกสิ่งและทรงอยู่ในทุกคน

12 ฉะนั้นในฐานะประชากรที่พระเจ้าทรงเลือก ผู้บริสุทธิ์และเป็นที่รักยิ่งของพระองค์ จงสวมความสงสาร ความกรุณา ความอ่อนโยน ความถ่อมสุภาพ และความอดทน 13 จงอดทนอดกลั้นต่อกันและกัน และไม่ว่าท่านมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจประการใดต่อกันก็จงยกโทษให้กัน ท่านจงยกโทษให้กันเหมือนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงยกโทษให้ท่าน 14 และจงสวมความรักทับคุณความดีทั้งหมดนี้ ความรักผูกพันสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์

15 จงให้สันติสุขของพระคริสต์ครองใจท่านเพราะพระเจ้าทรงเรียกท่านมาเป็นอวัยวะของกายเดียวกัน เพื่อท่านจะได้รับสันติสุขนี้ และจงมีใจขอบพระคุณ 16 จงให้พระวจนะของพระคริสต์เปี่ยมล้นอยู่ในท่านขณะที่ท่านสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น และขณะที่ท่านร้องเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และบทเพลงฝ่ายวิญญาณด้วยใจกตัญญูต่อพระเจ้า 17 และไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใด จะเป็นวาจาหรือการกระทำก็ตาม จงทำทุกสิ่งในพระนามขององค์พระเยซูเจ้า ขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาโดยทางพระเยซู

กฎเกณฑ์สำหรับครอบครัวคริสเตียน(B)

18 ภรรยาทั้งหลายจงยอมเชื่อฟังสามีของท่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่เหมาะสมในองค์พระผู้เป็นเจ้า

19 สามีทั้งหลายจงรักภรรยาของท่านและอย่ารุนแรงต่อนาง

20 บุตรทั้งหลายจงเชื่อฟังบิดามารดาของท่านทุกอย่าง เพราะสิ่งนี้ทำให้องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย

21 บิดาทั้งหลายอย่าทำให้บุตรของท่านขมขื่นใจ มิฉะนั้นพวกเขาจะท้อใจ

22 ทาสทั้งหลายจงเชื่อฟังเจ้านายฝ่ายโลกของท่านทุกอย่าง และจงทำอย่างนี้ไม่ใช่เพียงต่อหน้า หรือเพื่อประจบเอาใจ แต่ด้วยใจจริงและด้วยความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า 23 ไม่ว่าท่านทั้งหลายจะทำสิ่งใดจงทุ่มเททำอย่างสุดใจเหมือนทำเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เพื่อมนุษย์ 24 เพราะท่านรู้ว่าท่านจะได้รับมรดกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นรางวัล องค์พระคริสต์เจ้านี่แหละคือผู้ที่ท่านกำลังรับใช้อยู่ 25 ผู้ใดทำผิดก็จะได้รับผลตอบสนองตามความผิดและไม่มีการลำเอียงเข้าข้างใครเลย

เจ้านายทั้งหลายจงปฏิบัติต่อทาสของท่านอย่างถูกต้องและยุติธรรม เพราะท่านรู้อยู่ว่าท่านก็มีเจ้านายองค์หนึ่งในสวรรค์เช่นกัน

คำสอนเพิ่มเติม

จงอุทิศตนในการอธิษฐาน จงเฝ้าระวังและมีใจขอบพระคุณ และอธิษฐานเผื่อเราด้วย ขอให้พระเจ้าทรงเปิดประตูให้เรื่องราวที่เราเผยแพร่ เพื่อเราจะได้ประกาศข้อล้ำลึกแห่งพระคริสต์ ที่ข้าพเจ้าถูกจองจำอยู่ก็เนื่องด้วยข้อล้ำลึกนี้ โปรดอธิษฐานเพื่อข้าพเจ้าจะได้ประกาศเรื่องราวอย่างแจ่มชัดตามที่ควร จงปฏิบัติต่อคนภายนอกอย่างเฉลียวฉลาด จงใช้ทุกโอกาสให้เป็นประโยชน์ที่สุด จงให้คำสนทนาของท่านเปี่ยมด้วยพระคุณเสมอ ปรุงด้วยเกลือให้มีรส เพื่อท่านจะรู้ว่าควรตอบทุกคนอย่างไร

คำลงท้าย

ทีคิกัสจะแจ้งข่าวทุกอย่างเกี่ยวกับข้าพเจ้าแก่ท่าน เขาเป็นน้องที่รัก เป็นผู้ปรนนิบัติที่สัตย์ซื่อและเป็นเพื่อนร่วมรับใช้ในองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ากำลังจะส่งเขามาหาท่าน เพื่อท่านจะได้ทราบถึงสถานการณ์ของเรา[av] และเพื่อเขาจะให้กำลังใจท่านทั้งหลาย เขาจะมาพร้อมกับโอเนสิมัสน้องที่รักและสัตย์ซื่อของเราซึ่งเป็นคนหนึ่งในพวกท่าน คนทั้งสองจะเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ให้ท่านฟัง

10 อาริสทารคัสเพื่อนนักโทษของข้าพเจ้าและมาระโกลูกพี่ลูกน้องของบารนาบัส ขอฝากความคิดถึงมายังท่าน (ข้าพเจ้าเคยกำชับท่านไว้ว่าให้ต้อนรับมาระโกถ้าเขามาหาท่าน) 11 เยซูซึ่งมีอีกชื่อว่ายุสทัสฝากความคิดถึงมายังท่านด้วย มีเพียงสามคนนี้ที่เป็นยิวในหมู่เพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าเพื่ออาณาจักรของพระเจ้า และพวกเขาได้ปลอบใจข้าพเจ้ามาก 12 เอปาฟรัสผู้เป็นคนหนึ่งในพวกท่านและเป็นผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์ฝากความคิดถึงมายังท่าน เขาได้ปล้ำสู้อธิษฐานเพื่อท่านเสมอ เพื่อท่านจะยืนหยัดมั่นคงในพระประสงค์ทั้งสิ้นของพระเจ้า เป็นผู้ใหญ่และมั่นใจเต็มที่ 13 ข้าพเจ้ารับรองได้ว่าเขาตรากตรำทำงานหนักเพื่อพวกท่าน และเพื่อคนทั้งหลายที่เมืองเลาดีเซียและเมืองฮีเอราโปลิส 14 นายแพทย์ลูกาเพื่อนที่รักของเรากับเดมาสฝากความคิดถึงมายังท่าน

15 ข้าพเจ้าขอฝากความคิดถึงไปยังพี่น้องทั้งหลายที่เมืองเลาดีเซีย รวมถึงนางนุมฟากับคริสตจักรในบ้านของนาง

16 หลังจากอ่านจดหมายนี้แล้วช่วยดูแลให้เขาอ่านจดหมายนี้ในคริสตจักรที่เมืองเลาดีเซียด้วย และขณะเดียวกันให้ท่านรับจดหมายจากเมืองเลาดีเซียมาอ่านเช่นกัน

17 ฝากบอกอารคิปปัสว่า “ท่านจงทำงานที่ได้รับมอบหมายในองค์พระผู้เป็นเจ้าให้สำเร็จ”

18 ข้าพเจ้าเปาโลเขียนคำแสดงความคิดถึงนี้ด้วยมือของข้าพเจ้าเอง โปรดระลึกถึงโซ่ตรวนของข้าพเจ้า ขอพระคุณดำรงอยู่กับท่านทั้งหลาย

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.