Bible in 90 Days
ดาวิดจัดหน้าที่ให้ปุโรหิต
24 กองเวรของบุตรของอาโรนมีดังนี้ อาโรนมีบุตรคือ นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์ และอิธามาร์ 2 นาดับและอาบีฮูสิ้นชีวิตก่อนบิดาของเขาโดยไม่มีบุตร[a] ดังนั้นเอเลอาซาร์และอิธามาร์จึงรับตำแหน่งเป็นปุโรหิต 3 ศาโดกบุตรเอเลอาซาร์ และอาหิเมเลคบุตรอิธามาร์ ก็ได้ช่วยดาวิดจัดหน้าที่ให้ปุโรหิตตามที่ได้กำหนด เพื่อปฏิบัติงาน 4 ในเมื่อพบว่าในบรรดาบุตรของเอเลอาซาร์มีผู้นำมากกว่าบรรดาบุตรของอิธามาร์ จึงจัดได้หัวหน้า 16 คนจากตระกูลเอเลอาซาร์ และ 8 คนจากบรรดาบุตรของอิธามาร์ 5 พวกเขาจัดแบ่งงานด้วยการจับฉลาก ไม่ว่าจะเป็นบุตรของเอเลอาซาร์ หรือบุตรของอิธามาร์ พวกเขาทุกคนเป็นขุนนางที่บริสุทธิ์ และผู้ปฏิบัติหน้าที่ของพระเจ้า 6 เชไมยาห์เป็นผู้คัดลอกข้อความ เขาเป็นบุตรของเนธันเอลชาวเลวี เป็นผู้บันทึกรายชื่อต่อหน้ากษัตริย์และขุนนางเหล่านี้คือ ศาโดกปุโรหิต อาหิเมเลคบุตรของอาบียาธาร์ และบรรดาหัวหน้าตระกูลของปุโรหิตและของชาวเลวีทั้งหลาย (บรรดาผู้สืบเชื้อสายของเอเลอาซาร์และอิธามาร์ผลัดกันจับฉลาก)
7 ฉลากแรกได้แก่เยโฮยาริบ ที่สองเยดายาห์ 8 ที่สามฮาริม ที่สี่เสโอริม 9 ที่ห้ามัลคิยาห์ ที่หกมิยามิน 10 ที่เจ็ดฮักโขส ที่แปดอาบียาห์[b] 11 ที่เก้าเยชูอา ที่สิบเชคานิยาห์ 12 ที่สิบเอ็ดเอลียาชีบ ที่สิบสองยาคิม 13 ที่สิบสามหุปปาห์ ที่สิบสี่เยเชเบอับ 14 ที่สิบห้าบิลกาห์ ที่สิบหกอิมเมอร์ 15 ที่สิบเจ็ดเฮซีร์ ที่สิบแปดฮัปปิสเซส 16 ที่สิบเก้าเปธาหิยาห์ ที่ยี่สิบเยเฮเซเคล 17 ที่ยี่สิบเอ็ดยาคีน ที่ยี่สิบสองกามูล 18 ที่ยี่สิบสามเดไลยาห์ ที่ยี่สิบสี่มาอาซิยาห์ 19 เขาเหล่านี้ได้รับมอบหมายหน้าที่รับใช้ ให้มายังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ตามวิธีดำเนินการที่ตั้งไว้ให้พวกเขา โดยอาโรนผู้เป็นบิดาต้นตระกูล ดังที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลได้บัญชาท่านไว้
20 ส่วนบรรดาผู้สืบเชื้อสายของชาวเลวีที่เหลือมีดังต่อไปนี้คือ เชื้อสายของอัมรามคือ ชูบาเอล เชื้อสายของชูบาเอลคือ เยเดยาห์ 21 ส่วนเรหับยาห์ เชื้อสายของเขาคือ ยิชชียาห์ผู้เป็นหัวหน้า 22 ของชาวอิสฮาร์คือ เชโลโมท เชื้อสายของเชโลโมทคือ ยาหาท 23 เชื้อสายของเฮโบรนคือ เยรียาห์ผู้เป็นหัวหน้า อามาริยาห์ที่สอง ยาฮาซีเอลที่สาม เยคาเมอัมที่สี่ 24 เชื้อสายของอุสซีเอลคือ มีคาห์ จากมีคาห์คือ ชามีร์ 25 น้องชายของมีคาห์คือ ยิชชียาห์ เชื้อสายของยิชชียาห์คือ เศคาริยาห์ 26 เชื้อสายของเมรารีคือ มัคลี และมูชี เชื้อสายของยาอาซียาห์คือ เบโน 27 เชื้อสายของเมรารีได้แก่ ยาอาซียาห์ เบโน โชฮัม ศัคเคอร์ และอิบรี 28 ของมัคลีคือ เอเลอาซาร์ผู้ไม่มีบุตร 29 ของคีช เชื้อสายของคีชคือ เยราเมเอล 30 เชื้อสายของมูชีคือ มัคลี เอเดอร์ และเยรีโมท คนเหล่านี้คือบรรดาผู้สืบเชื้อสายของชาวเลวีตามตระกูลของพวกเขา 31 เช่นเดียวกับผู้สืบเชื้อสายของอาโรน คือพวกเขาได้รับหน้าที่ให้ปฏิบัติงานด้วยการจับฉลาก ไม่ว่าจะอายุสูงหรือน้อยก็ตาม ต่างก็จับฉลากต่อหน้ากษัตริย์ดาวิดและศาโดก อาหิเมเลค และหัวหน้าตระกูลของบรรดาปุโรหิต และต่อหน้าชาวเลวี
ดาวิดจัดหน้าที่ให้แก่นักดนตรี
25 ดาวิดและบรรดาหัวหน้าปฏิบัติงานได้แบ่งแยกบุตรของอาสาฟ ของเฮมาน และของเยดูธูนให้ปฏิบัติรับใช้ในด้านการเผยคำกล่าวของพระเจ้าด้วยพิณเล็ก พิณสิบสาย และฉาบ รายชื่อบรรดาผู้ที่ปฏิบัติงานและหน้าที่มีดังนี้ 2 จากเชื้อสายของอาสาฟคือ ศัคเคอร์ โยเซฟ เนธานิยาห์ และอาชาเรลาห์ อาสาฟเผยคำกล่าวของพระเจ้าภายใต้การควบคุมของกษัตริย์ และอาสาฟควบคุมบุตรของเขา 3 จากเยดูธูน เชื้อสายของเขาคือ เก-ดาลิยาห์ เศรี เยชายาห์ ฮาชาบิยาห์ และมัททีธิยาห์ มี 6 คนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเยดูธูนบิดาของเขา ผู้เผยคำกล่าวด้วยการขอบคุณและสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าด้วยพิณเล็ก 4 จากเฮมาน เชื้อสายของเขาคือ บุคคิยาห์ มัทธานิยาห์ อุสซีเอล เชบูเอล เยรีโมท ฮานันยาห์ ฮานานี เอลียาธาห์ กิดดาลที และโรมัมทีเอเซอร์ โยชเบคาชาห์ มัลโลธี โฮธีร์ มาหะซิโอท 5 เฮมานผู้รู้ของกษัตริย์เป็นบิดาของคนเหล่านี้ พระเจ้าให้พวกเขาสรรเสริญพระองค์ตามคำสัญญา พระเจ้าได้มอบบุตรชาย 14 คน และบุตรหญิง 3 คนให้แก่เฮมาน 6 เขาเหล่านี้อยู่ภายใต้การควบคุมของบิดาของเขาในด้านดนตรีในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ด้วยฉาบ พิณสิบสาย และพิณเล็ก เพื่อปฏิบัติงานในพระตำหนักของพระเจ้า อาสาฟ เยดูธูน และเฮมานอยู่ภายใต้คำบัญชาของกษัตริย์ 7 จำนวนคนทั้งหมด 288 คนที่ได้รับการฝึกร้องเพลงถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า รวมทั้งพี่น้องของพวกเขาด้วย ทุกคนล้วนแต่มีความชำนาญ 8 และพวกเขาจับฉลากรับปฏิบัติหน้าที่ของตน ผู้น้อยและผู้ใหญ่ ทั้งครูและลูกศิษย์ก็เหมือนกัน
9 ฉลากแรกตกเป็นของพวกอาสาฟคือโยเซฟ ที่สองตกเป็นของเก-ดาลิยาห์กับพี่น้องและบุตรของเขา รวมได้ 12 คน 10 ที่สามตกเป็นของศัคเคอร์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 11 ที่สี่ตกเป็นของอิสรีกับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 12 ที่ห้าตกเป็นของเนธานิยาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 13 ที่หกตกเป็นของบุคคิยาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 14 ที่เจ็ดตกเป็นของเยชาเรลาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 15 ที่แปดตกเป็นของเยชายาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 16 ที่เก้าตกเป็นของมัทธานิยาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 17 ที่สิบตกเป็นของชิเมอีกับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 18 ที่สิบเอ็ดตกเป็นของอาซาร์เอลกับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 19 ที่สิบสองตกเป็นของฮาชาบิยาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 20 ที่สิบสามตกเป็นของชูบาเอลกับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 21 ที่สิบสี่ตกเป็นของมัททีธิยาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 22 ที่สิบห้าตกเป็นของเยเรโมทกับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 23 ที่สิบหกตกเป็นของฮานันยาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 24 ที่สิบเจ็ดตกเป็นของโยชเบคาชาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 25 ที่สิบแปดตกเป็นของฮานานีกับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 26 ที่สิบเก้าตกเป็นของมัลโลธีกับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 27 ที่ยี่สิบตกเป็นของเอลียาธาห์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 28 ที่ยี่สิบเอ็ดตกเป็นของโฮธีร์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 29 ที่ยี่สิบสองตกเป็นของกิดดาลทีกับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 30 ที่ยี่สิบสามตกเป็นของมาหะซิโอทกับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน 31 คนที่ยี่สิบสี่ตกเป็นของโรมัมทีเอเซอร์กับบุตรและพี่น้องของเขา รวมได้ 12 คน
กองเวรเฝ้าประตู
26 สำหรับกองเวรเฝ้าประตู จากชาวโคราห์ได้แก่ เมเชเลมิยาห์บุตรของโคเร เชื้อสายของอาสาฟ 2 เมเชเลมิยาห์มีบุตรคือ เศคาริยาห์บุตรหัวปี เยดียาเอลคนที่สอง เศบาดิยาห์คนที่สาม ยาทนีเอลคนที่สี่ 3 เอลามคนที่ห้า เยโฮฮานันคนที่หก เอลีโฮเอนัยคนที่เจ็ด 4 โอเบดเอโดมมีบุตรคือ เชไมยาห์บุตรหัวปี เยโฮซาบาดคนที่สอง โยอาห์คนที่สาม สาคาร์คนที่สี่ เนธันเอลคนที่ห้า 5 อัมมีเอลคนที่หก อิสสาคาร์คนที่เจ็ด เปอุลเลธัยคนที่แปด เพราะว่าพระเจ้าอวยพรเขา 6 เชไมยาห์ผู้เป็นบุตรก็มีบุตรที่เกิดแก่เขาด้วย พวกเขาเป็นหัวหน้าตระกูล เพราะว่าเป็นผู้มีความสามารถมาก 7 เชไมยาห์มีบุตรชื่อ โอทนี เรฟาเอล โอเบด และเอลซาบาด เอลซาบาดมีพี่น้องที่มีความสามารถคือ เอลีฮู และเส-มาคิยาห์ 8 คนเหล่านี้เป็นลูกหลานและญาติพี่น้องของโอเบดเอโดม เป็นผู้มีคุณสมบัติในการปฏิบัติงาน เป็นเชื้อสายของโอเบดเอโดม 62 คน 9 เมเชเลมิยาห์มีบุตรและพี่น้องที่มีความสามารถ 18 คน 10 และโฮสาห์ชาวเมรารีมีบุตรชื่อ ชิมรีผู้เป็นหัวหน้า (แม้ว่าเขาไม่ใช่บุตรหัวปี บิดาของเขาก็ให้เป็นหัวหน้า) 11 ฮิลคียาห์คนที่สอง เทบาลิยาห์คนที่สาม เศคาริยาห์คนที่สี่ บุตรและพี่น้องของโฮสาห์ทั้งหมดมี 13 คน
12 คนเหล่านี้เป็นผู้นำกองเวรเฝ้าประตู มีหน้าที่ปฏิบัติงานในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เช่นเดียวกับญาติพี่น้องของเขา 13 พวกเขาจับฉลากตามแต่ตระกูลว่าจะต้องประจำที่ประตูใด ทั้งผู้น้อยและผู้ใหญ่ 14 ฉลากตกเป็นของเชเลมิยาห์ที่เฝ้าทางด้านตะวันออก และเศคาริยาห์บุตรผู้ชาญฉลาดของเขาได้ฉลากที่ต้องเฝ้าทางด้านเหนือ 15 โอเบดเอโดมได้ฉลากที่ต้องเฝ้าทางด้านใต้ และบรรดาบุตรของเขาประจำอยู่ที่เรือนเก็บของ 16 ส่วนชุปปิมและโฮสาห์ได้ฉลากที่ต้องเฝ้าทางด้านตะวันตก ที่ประตูชัลเลเคททางถนนที่ขึ้นไป มียามเฝ้าต่อเนื่องกัน 17 ในแต่ละวันมีชาวเลวีเฝ้า 6 คนที่ทางด้านตะวันออก มี 4 คนเฝ้าที่ทางด้านเหนือ และ 4 คนเฝ้าที่ทางด้านใต้ ส่วนที่เรือนเก็บของให้เฝ้าครั้งละ 2 คน 18 สำหรับที่เฉลียงทางด้านตะวันตก มี 4 คนที่ถนน และ 2 คนที่เฉลียง 19 คนเหล่านี้เป็นกองเวรเฝ้าประตูที่เป็นชาวโคราห์และเมรารี
ผู้ดูแลคลังและเจ้าหน้าที่อื่นๆ
20 อาหิยาห์ชาวเลวีมีหน้าที่ดูแลคลังพระตำหนักของพระเจ้า และคลังเก็บสิ่งบริสุทธิ์ 21 ผู้สืบเชื้อสายของลาดานคือชาวเกอร์โชน ซึ่งมาจากลาดาน หัวหน้าตระกูลของลาดาน เป็นชาวเกอร์โชนคือเยฮีเอลี
22 เยฮีเอลีมีบุตรชื่อ เศธาม และโยเอลน้องชายของเขา มีหน้าที่ดูแลคลังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 23 จากชาวอัมราม ชาวอิสฮาร์ ชาวเฮโบรน และชาวอุสซีเอล 24 เชบูเอลบุตรของเกอร์โชมผู้เป็นบุตรของโมเสส เป็นหัวหน้าใหญ่ดูแลคลัง 25 ญาติพี่น้องเขามีดังต่อไปนี้ เอลีเอเซอร์มีบุตรชื่อ เรหับยาห์ เรหับยาห์มีบุตรชื่อเยชายาห์ เยชายาห์มีบุตรชื่อโยรัม โยรัมมีบุตรชื่อศิครี ศิครีมีบุตรชื่อเชโลโมท 26 เชโลโมทคนนี้และพี่น้องของเขามีหน้าที่ดูแลคลังทั้งหมดของสิ่งบริสุทธิ์ ที่กษัตริย์ดาวิดและบรรดาหัวหน้าตระกูล บรรดานายพันนายร้อย และผู้บัญชาการกองทัพได้มอบถวาย 27 พวกเขาได้มอบสิ่งบริสุทธิ์ที่ริบมาได้จากสงคราม เพื่อใช้ในการซ่อมแซมพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 28 อีกทั้งทุกสิ่งที่ซามูเอลผู้รู้ และซาอูลบุตรของคีช และอับเนอร์บุตรของเนอร์ และโยอาบบุตรของนางเศรุยาห์ได้มอบถวาย สิ่งบริสุทธิ์ทั้งสิ้นที่มอบถวายแล้วอยู่ในการดูแลของเชโลโมทและพี่น้องของเขา
29 จากชาวอิสฮาร์คือ เคนานิยาห์และบุตรของเขาได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ภายนอกสำหรับอิสราเอล ให้เป็นเจ้าหน้าที่และเป็นผู้วินิจฉัย 30 จากชาวเฮโบรน ฮาชาบิยาห์ และพี่น้องของเขา รวมเป็น 1,700 คนที่มีความสามารถ เป็นผู้ดูแลอิสราเอลที่ทางด้านตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ในเรื่องงานทั้งสิ้นของพระผู้เป็นเจ้า และงานรับใช้กษัตริย์ 31 จากชาวเฮโบรน ก็มีเยรียาห์ผู้เป็นหัวหน้าของชาวเฮโบรน ตามบันทึกลำดับเชื้อสายของตระกูล (ในปีที่สี่สิบของรัชสมัยของดาวิด มีการเสาะหาชายที่มีความสามารถมาก และพบเขาเหล่านั้นที่ยาเซอร์ในกิเลอาด) 32 กษัตริย์ดาวิดแต่งตั้งเยรียาห์และญาติพี่น้องจำนวน 2,700 คนที่มีความสามารถและเป็นหัวหน้าตระกูล ให้เป็นผู้ควบคุมชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้า และกิจการของกษัตริย์
กองเวร
27 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อชาวอิสราเอล บรรดาหัวหน้าตระกูล บรรดาผู้บัญชาการนายพันนายร้อย และเจ้าหน้าที่รับใช้กษัตริย์ ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกองเวรประจำหน้าที่ แต่ละเดือนตลอดทั้งปี แต่ละกองเวรมี 24,000 คน
2 ยาโชเบอัมบุตรของศับดีเอลมีหน้าที่ดูแลกองเวรที่หนึ่งในเดือนที่หนึ่ง กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 3 เขาสืบเชื้อสายมาจากเปเรศ และเป็นหัวหน้าผู้บัญชาการทั้งปวง เขารับใช้ในเดือนที่หนึ่ง 4 โดดัยชาวอาโคคมีหน้าที่ดูแลกองเวรในเดือนที่สอง กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 5 ผู้บัญชาการคนที่สามสำหรับเดือนที่สาม คือเบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดามหาปุโรหิต กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 6 เบไนยาห์ผู้นี้ที่เป็นทหารกล้าในหมู่ทหารทั้งสามสิบ และควบคุมทหารทั้งสามสิบ อัมมีซาบาดบุตรของเขาเป็นผู้ดูแลกองเวรของเขา 7 อาสาเฮลน้องชายของโยอาบเป็นกองเวรที่สี่ ในเดือนที่สี่ และเศบาดิยาห์บุตรของเขาดูแลต่อจากเขา กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 8 ผู้บัญชาการคนที่ห้าสำหรับเดือนที่ห้า คือชัมหุทชาวอิสราห์ กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 9 กลุ่มเวรที่หกสำหรับเดือนที่หก คืออิราบุตรของอิกเขชชาวเทโคอา กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 10 กลุ่มเวรที่เจ็ดสำหรับเดือนที่เจ็ด คือเฮเลสชาวเปโลนจากพงศ์พันธุ์ของเอฟราอิม กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 11 กลุ่มเวรที่แปดสำหรับเดือนที่แปด คือสิบเบคัยชาวหุชาห์จากชาวเศรัค กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 12 กลุ่มเวรที่เก้าสำหรับเดือนที่เก้า คืออาบีเอเซอร์แห่งอานาโธทจากชาวเบนยามิน กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 13 กลุ่มเวรที่สิบสำหรับเดือนที่สิบ คือมาหะรัยแห่งเนโทฟาห์จากชาวเศรัค กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 14 กลุ่มเวรที่สิบเอ็ดสำหรับเดือนที่สิบเอ็ด คือเบไนยาห์แห่งปิราโธนจากพงศ์พันธุ์ของเอฟราอิม กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน 15 กลุ่มเวรที่สิบสองสำหรับเดือนที่สิบสอง คือเฮลดัยชาวเนโทฟาห์จากพงศ์พันธุ์ของโอทนีเอล กลุ่มเวรของเขามี 24,000 คน
บรรดาผู้นำของเผ่า
16 บรรดาผู้นำเผ่าของอิสราเอลได้แก่ ชาวรูเบนมีเอลีเอเซอร์บุตรศิครีเป็นหัวหน้าใหญ่ ชาวสิเมโอนมีเชฟาทิยาห์บุตรมาอาคาห์เป็นหัวหน้า 17 ชาวเลวีมีฮาชาบิยาห์บุตรเคมูเอล อาโรนมีศาโดกเป็นหัวหน้า 18 ยูดาห์มีเอลีฮู พี่ชายคนหนึ่งของดาวิดเป็นหัวหน้า อิสสาคาร์มีอมรีบุตรมีคาเอลเป็นหัวหน้า 19 เศบูลุนมีอิชมัยยาห์บุตรโอบาดีห์เป็นหัวหน้า นัฟทาลีมีเยรีโมทบุตรอัสรีเอลเป็นหัวหน้า 20 ชาวเอฟราอิมมีโฮเชยาบุตรอาซัซยาห์เป็นหัวหน้า ครึ่งเผ่าของมนัสเสห์มีโยเอลบุตรเปดายาห์เป็นหัวหน้า 21 ครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ในกิเลอาดมีอิดโดบุตรเศคาริยาห์เป็นหัวหน้า เบนยามินมียาอาซีเอลบุตรอับเนอร์เป็นหัวหน้า 22 ดานมีอาซาร์เอลบุตรเยโรฮัมเป็นหัวหน้า คนเหล่านี้เป็นผู้นำของเผ่าต่างๆ ของอิสราเอล 23 ดาวิดไม่ได้นับผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าสัญญาว่าจะให้อิสราเอลมีคนจำนวนมากมายเท่ากับดวงดาวในฟ้าสวรรค์[c] 24 โยอาบบุตรของนางเศรุยาห์เริ่มนับ แต่เขานับยังไม่ครบ เพราะว่าพระเจ้าโกรธอิสราเอลในเรื่องนี้ และจำนวนที่นับก็ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือแห่งพงศาวดารของกษัตริย์ดาวิด
25 อัสมาเวทบุตรของอาดีเอลเป็นผู้ดูแลคลังของกษัตริย์ และโยนาธานบุตรของอุสซียาห์ดูแลคลังที่นอกเมือง ในเมืองต่างๆ ในหมู่บ้าน และที่หอคอยยืนยาม 26 เอสะรีบุตรเคลูบดูแลบรรดาผู้ทำไร่พรวนดิน 27 ชิเมอีชาวรามาห์ดูแลไร่องุ่น ศับดีชาวชิฟามดูแลผลิตผลที่ไร่องุ่นสำหรับห้องเก็บเหล้าองุ่น 28 บาอัลฮานานชาวเกเดอร์ดูแลต้นมะกอกและต้นมะเดื่อในที่ลุ่ม โยอาชดูแลคลังน้ำมัน 29 ชิตรัยชาวชาโรนดูแลฝูงโคที่เล็มหญ้าอยู่ในชาโรน ชาฟัทบุตรของอัดลัยดูแลฝูงโคในหุบเขา 30 โอบิลชาวอิชมาเอลดูแลอูฐ เยดายาห์ชาวเมโรโนทดูแลลาตัวเมีย ยาซีสชาวฮาการ์ดูแลฝูงแพะแกะ 31 คนเหล่านี้เป็นผู้ดูแลสมบัติของกษัตริย์ดาวิด
32 โยนาธานลุงของดาวิดเป็นที่ปรึกษา เป็นคนที่มีความเข้าใจและเป็นผู้คัดลอกข้อความ โยนาธานและเยฮีเอลบุตรฮัคโมนีเป็นผู้เลี้ยงดูบรรดาบุตรของกษัตริย์ 33 อาหิโธเฟลเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์ หุชัยชาวอาร์คีเป็นสหายของกษัตริย์ 34 เยโฮยาดาบุตรเบไนยาห์ และอาบียาธาร์เป็นผู้รับหน้าที่ต่อจากอาหิโธเฟล โยอาบเป็นผู้บังคับกองพันทหารของกษัตริย์
ดาวิดสั่งการเรื่องการสร้างพระวิหาร
28 ที่เยรูซาเล็ม ดาวิดเรียกประชุมบรรดาผู้ปฏิบัติหน้าที่ทั้งปวงของอิสราเอลคือ บรรดาผู้ปฏิบัติหน้าที่ประจำเผ่า ประจำกองเวรที่รับใช้กษัตริย์ บรรดาผู้บัญชาการกองพันและกองร้อย ผู้ดูแลสมบัติทั้งสิ้นและฝูงปศุสัตว์ของกษัตริย์และบรรดาบุตรของท่าน พร้อมกับผู้ปฏิบัติหน้าที่ของวังกษัตริย์ ทหารกล้า และนักรบผู้เก่งกล้า 2 และกษัตริย์ดาวิดยืนขึ้นกล่าวว่า “พี่น้องและประชาชนของเรา ขอฟังเรา เรานึกอยู่ในใจว่าจะสร้างพระตำหนักเป็นที่พักสำหรับหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า และเพื่อเป็นที่วางเท้าของพระเจ้าของพวกเรา และเราก็ได้เตรียมสิ่งของสำหรับการก่อสร้างแล้ว 3 แต่พระเจ้ากล่าวกับเราว่า ‘เจ้าจะไม่สร้างตำหนักเพื่อยกย่องนามของเรา เพราะว่าเจ้าเป็นนักรบ และได้ทำให้คนหลั่งเลือด’ 4 ถึงกระนั้น พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลเลือกเราจากตระกูลของเรา เพื่อปกครองอิสราเอลเป็นนิตย์ เพราะว่าพระองค์เลือกยูดาห์ให้เป็นผู้นำ และจากตระกูลยูดาห์ พระองค์เลือกครอบครัวของเรา และในบรรดาบุตรของบิดาของเรา พระองค์พอใจในตัวเรา และให้เราเป็นผู้ปกครองทั่วอิสราเอล 5 และในบรรดาบุตรของเรา (ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้าได้ให้เรามีบุตรหลายคน) พระองค์ก็ได้เลือกซาโลมอนบุตรของเรา ให้นั่งบนบัลลังก์ของอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อปกครองอิสราเอล 6 พระองค์กล่าวกับเราว่า ‘ซาโลมอนบุตรของเจ้าจะเป็นผู้สร้างตำหนักและลานตำหนักของเรา เพราะว่าเราได้เลือกเขาให้เป็นบุตรของเรา และเราจะเป็นบิดาของเขา 7 เราจะสร้างอาณาจักรของเขาตลอดไปเป็นนิตย์ ถ้าเขาปฏิบัติตามคำบัญญัติและกฎเกณฑ์ดังที่เขาทำอยู่ในวันนี้’ 8 ฉะนั้น ต่อหน้าอิสราเอลทั้งปวง และคณะประชุมของพระผู้เป็นเจ้า และพระเจ้าได้ยินเป็นพยาน พวกท่านจงรักษาและระมัดระวังปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน เพื่อพวกท่านจะเป็นเจ้าของแผ่นดินอันงามนี้ และมอบให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานของพวกท่านที่มาภายหลังสืบไปเป็นนิตย์
ดาวิดสั่งการซาโลมอน
9 ส่วนเจ้า ซาโลมอนบุตรของเรา จงรู้จักพระเจ้าของบรรพบุรุษของเจ้า และรับใช้พระองค์อย่างสุดดวงใจและสุดดวงจิต และด้วยความเต็มใจ เพราะพระผู้เป็นเจ้าชั่งใจของทุกคน และเข้าใจแผนการณ์และความคิดทั้งสิ้น ถ้าเจ้าแสวงหาพระองค์ เจ้าก็จะพบพระองค์ แต่ถ้าเจ้าทอดทิ้งพระองค์ พระองค์จะเหวี่ยงเจ้าออกไปตลอดกาล 10 เจ้าจงระมัดระวัง เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าได้เลือกเจ้าให้เป็นผู้สร้างพระตำหนักให้เป็นที่พำนัก จงเข้มแข็งและดำเนินงานให้สำเร็จ”
11 แล้วดาวิดก็มอบแบบมุขพระวิหาร แบบห้องต่างๆ ของพระตำหนัก คลังและห้องชั้นบน ห้องชั้นใน และห้องทำพิธีชดใช้บาป ให้แก่ซาโลมอนบุตรของท่าน 12 และแบบรายละเอียดทุกอย่างตามที่ท่านคิดเตรียมไว้สำหรับลานพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ห้องต่างๆ โดยรอบ คลังพระตำหนักของพระเจ้า และคลังสำหรับเก็บสิ่งบริสุทธิ์ 13 ท่านให้คำกำกับแก่กองเวรปุโรหิตและของชาวเลวี สำหรับงานปฏิบัติทุกแผนกในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า สำหรับภาชนะทั้งสิ้นสำหรับงานปฏิบัติในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 14 ท่านเจาะจงน้ำหนักทองคำสำหรับภาชนะทองคำทั้งสิ้นเพื่อปฏิบัติงานแต่ละอย่าง น้ำหนักเงินของภาชนะเงินเพื่อปฏิบัติงานแต่ละอย่าง 15 น้ำหนักของคันประทีปทองคำและดวงประทีป น้ำหนักทองคำสำหรับตีคันประทีปและดวงประทีปแต่ละคัน น้ำหนักเงินสำหรับตีคันประทีป 1 คันและดวงประทีป ตามที่จะใช้คันประทีปแต่ละคันในการปฏิบัติงาน 16 น้ำหนักทองคำสำหรับหุ้มโต๊ะตั้งขนมปังไร้เชื้อแต่ละตัว และเงินสำหรับหุ้มโต๊ะเงิน 17 ทองบริสุทธิ์สำหรับตีส้อม หล่ออ่างน้ำ โถ และน้ำหนักทองคำสำหรับหล่ออ่างแต่ละใบ น้ำหนักเงินสำหรับหล่ออ่างเงินแต่ละใบ 18 น้ำหนักทองคำหลอมบริสุทธิ์สำหรับหุ้มแท่นบูชาเครื่องหอม และแบบรถศึกที่มีตัวเครูบกางปีกปกหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า 19 ดาวิดกล่าวว่า “พระองค์ให้ความกระจ่างแก่เราเป็นลายลักษณ์อักษรที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า งานทุกชิ้นจะต้องทำตามแบบที่วางไว้”
20 และดาวิดกล่าวกับซาโลมอนบุตรของท่านว่า “จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวหรือหวาดหวั่น เพราะพระเจ้าของเรา พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าสถิตกับเจ้า พระองค์จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังหรือทอดทิ้งเจ้าไป จนกว่างานทุกอย่างเพื่อการรับใช้พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าจะเสร็จสิ้น 21 ดูเถิด กองเวรปุโรหิต และชาวเลวีที่ปฏิบัติงานของพระตำหนักของพระเจ้า พร้อมจะปฏิบัติงานทุกชิ้นด้วยกับเจ้า ทุกคนที่เต็มใจล้วนมีความชำนาญในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่และประชาชนทั้งปวง ก็จะยินดีรับคำสั่งจากเจ้า”
เครื่องสักการะสำหรับพระตำหนัก
29 ดาวิดผู้เป็นกษัตริย์กล่าวแก่ทุกคนในที่ประชุมว่า “ซาโลมอนบุตรของเรา เป็นคนเดียวที่พระเจ้าได้เลือก เป็นคนหนุ่มและยังอ่อนหัด งานก็ใหญ่มาก เพราะว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สำหรับมนุษย์ แต่สำหรับพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า 2 ดังนั้นเราได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้สำหรับพระเจ้าของเรา เท่าที่เราจะสามารถทำได้ มีทองคำสำหรับสิ่งที่หล่อด้วยทอง เงินสำหรับสิ่งที่หล่อด้วยเงิน และทองสัมฤทธิ์สำหรับสิ่งที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ เหล็กสำหรับสิ่งที่หล่อด้วยเหล็ก และไม้สำหรับสิ่งที่สร้างด้วยไม้ รวมถึงกรอบที่ฝังพลอยหลากสี พลอยสีฟ้า พลอยหลากสี อัญมณีหลากชนิดและหินอ่อนจำนวนมาก 3 ยิ่งกว่านั้นอีก มีสิ่งที่เราได้เตรียมเพิ่มสำหรับพระตำหนักอันบริสุทธิ์คือ เรามีสมบัติส่วนตัวที่เป็นทองคำและเงิน และเพื่อเป็นการอุทิศแก่พระตำหนักของพระเจ้าของเรา เราขอมอบให้แก่พระตำหนักของพระเจ้าของเรา 4 เป็นทองคำหนัก 3,000 ตะลันต์ ทองคำจากโอฟีร์ และเงินหลอมบริสุทธิ์หนัก 7,000 ตะลันต์ สำหรับฝังลายที่กำแพงพระตำหนัก 5 และสำหรับงานทั้งหมดที่ให้ช่างมีฝีมือทำ ทองคำสำหรับสิ่งที่หล่อด้วยทองคำ และเงินสำหรับสิ่งที่หล่อด้วยเงิน มีผู้ใดบ้างที่จะมอบให้ด้วยความเต็มใจ ถวายตัวในวันนี้แด่พระผู้เป็นเจ้า”
6 แล้วบรรดาหัวหน้าของตระกูลก็ได้มอบของถวายด้วยความสมัครใจ บรรดาหัวหน้าเผ่า ผู้บัญชาการกองพันและกองร้อย และบรรดาผู้ปฏิบัติงานให้กษัตริย์ก็กระทำเช่นเดียวกัน 7 สิ่งที่เขาเหล่านั้นมอบให้เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานของพระตำหนักของพระเจ้า มีดังต่อไปนี้คือ ทองคำ 5,000 ตะลันต์[d]และ 10,000 ดาริค[e] เงิน 10,000 ตะลันต์ ทองสัมฤทธิ์ 18,000 ตะลันต์ และเหล็ก 100,000 ตะลันต์ 8 และผู้ที่มีเพชรพลอยก็มอบให้แก่กรมคลังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ภายใต้การดูแลของเยฮีเอลชาวเกอร์โชน 9 แล้วประชาชนก็ร่าเริงใจเพราะว่าพวกเขาได้มอบให้ด้วยความสมัครใจ พวกเขาได้มอบแด่พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดใจ ดาวิดผู้เป็นกษัตริย์ก็ปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ดาวิดอธิษฐานในที่ประชุม
10 ฉะนั้น ดาวิดจึงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าทุกคนในที่ประชุม และดาวิดกล่าวว่า “โอ สรรเสริญพระองค์ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลบรรพบุรุษของเรา จากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล 11 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเกียรติ อานุภาพ พระบารมี ความมีชัย และความยิ่งใหญ่ ทุกสิ่งในสวรรค์และแผ่นดินโลกเป็นของพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า อาณาจักรเป็นของพระองค์ และพระองค์ได้รับการยกย่องเป็นเจ้านายเหนือสรรพสิ่ง 12 ความมั่งมีและเกียรติมาจากพระองค์ และพระองค์ปกครองเหนือสิ่งทั้งปวง อานุภาพและพละกำลังอยู่ในมือของพระองค์ และทุกสิ่งจะยิ่งใหญ่และมีพละกำลังได้ก็ขึ้นอยู่กับมือของพระองค์ 13 โอ พระเจ้าของเราทั้งหลาย บัดนี้เราทั้งหลายขอบคุณพระองค์ และสรรเสริญพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
14 แต่ข้าพเจ้าเป็นผู้ใด และประชาชนของข้าพเจ้าเป็นผู้ใด ที่เราทั้งหลายจะมอบถวายได้ด้วยความเต็มใจเช่นนี้ เพราะว่าทุกสิ่งมาจากพระองค์ และเรามอบแด่พระองค์ด้วยสิ่งที่มาจากพระองค์เท่านั้น 15 เพราะว่าเราเป็นผู้อพยพและคนต่างถิ่นในสายตาของพระองค์ เช่นเดียวกับบรรพบุรุษทั้งหลายของเรา วันเวลาของเราทั้งหลายเป็นเหมือนเงา และจะหวังพึ่งก็ไม่ได้ 16 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา สิ่งที่เราได้จัดเตรียมมากมาย เพื่อสร้างพระตำหนักแด่พระองค์ เพื่อพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์ ก็มาจากมือของพระองค์ และเป็นของพระองค์ทั้งสิ้น 17 พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทราบว่า พระองค์ทดสอบจิตใจ และยินดีในความเที่ยงธรรม จากความเที่ยงธรรมในจิตใจของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอมอบสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้นด้วยความสมัครใจ และบัดนี้ข้าพเจ้าได้เห็นชนชาติของพระองค์ ซึ่งอยู่ ณ ที่นี้ ต่างก็มอบแด่พระองค์ด้วยความสมัครใจและความยินดี 18 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอล ผู้เป็นบรรพบุรุษของเรา ขอพระองค์รักษาความตั้งใจและความคิดเช่นนี้ให้อยู่ในจิตใจของชนชาติของพระองค์ไปตลอดกาล และช่วยนำพาจิตใจของพวกเขาให้ภักดีต่อพระองค์ 19 ขอพระองค์โปรดให้ซาโลมอนบุตรของข้าพเจ้าปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ ตามคำสั่ง และกฎเกณฑ์ของพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ และกระทำทุกสิ่งเพื่อสร้างวังที่ข้าพเจ้าได้ตระเตรียมให้เรียบร้อยแล้ว”
20 ครั้นแล้ว ดาวิดก็กล่าวแก่ทุกคนในที่ประชุมว่า “สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน” และทุกคนในที่ประชุมสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขาทั้งปวง และก้มศีรษะ และแสดงความเคารพต่อพระผู้เป็นเจ้าและกษัตริย์ 21 และเขาทั้งหลายมอบเครื่องสักการะแด่พระผู้เป็นเจ้า และในวันรุ่งขึ้นก็มอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า ด้วยโคหนุ่ม 1,000 ตัว แพะหนุ่ม 1,000 ตัว และลูกแกะตัวผู้ 1,000 ตัว พร้อมด้วยเครื่องดื่มบูชา และเครื่องสักการะมากมายเพื่ออิสราเอลทั้งปวง 22 เขาทั้งหลายรับประทานและดื่ม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในวันนั้นด้วยความยินดียิ่ง
ซาโลมอนได้รับการเจิมเป็นกษัตริย์
และเขาทั้งหลายรับซาโลมอนบุตรของดาวิดเป็นกษัตริย์เป็นครั้งที่สอง และเจิมท่านให้เป็นผู้นำถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า และให้ศาโดกเป็นปุโรหิต
23 แล้วซาโลมอนก็ครองบัลลังก์ของพระผู้เป็นเจ้า เป็นกษัตริย์แทนดาวิดบิดาของท่าน และท่านมีความเจริญ และอิสราเอลทั้งปวงเชื่อฟังท่าน 24 บรรดาหัวหน้าและทหารกล้า รวมทั้งบรรดาบุตรทั้งปวงของกษัตริย์ดาวิดด้วย ก็สาบานตัวต่อกษัตริย์ซาโลมอน 25 และพระผู้เป็นเจ้าโปรดให้ซาโลมอนเป็นผู้ยิ่งใหญ่มากในสายตาของอิสราเอลทั้งปวง และประทานเกียรติอันสูงส่ง อย่างที่ไม่เคยมีกษัตริย์อื่นใดในอิสราเอลได้รับมาก่อน
ดาวิดสิ้นชีวิต
26 ดาวิดบุตรของเจสซีครองราชย์ทั่วทั้งอิสราเอล 27 ท่านปกครองอิสราเอลเป็นเวลา 40 ปี ท่านครองราชย์ 7 ปีในเฮโบรน และ 33 ปีในเยรูซาเล็ม 28 และท่านสิ้นชีวิตเมื่อมีอายุมาก สุขใจกับชีวิตอันยืนนาน มั่งคั่ง และมีเกียรติ และซาโลมอนครองราชย์แทนท่าน 29 ทุกสิ่งที่กษัตริย์ดาวิดกระทำ ตั้งแต่แรกจนถึงสุดท้ายก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในประวัติของซามูเอลผู้รู้ และในประวัติของนาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และในประวัติของกาดผู้รู้ 30 พร้อมด้วยรายละเอียดเรื่องการปกครองของท่าน อานุภาพ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับท่านและอิสราเอล และกับอาณาจักรอื่นทั้งปวง
ซาโลมอนนมัสการที่กิเบโอน
1 ซาโลมอนบุตรของดาวิดสถาปนาอาณาจักรของท่านให้มั่นคง และพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสถิตกับท่าน และโปรดให้ท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่มาก
2 ซาโลมอนกล่าวแก่อิสราเอลทั้งปวง แก่บรรดาผู้บัญชากองพันและกองร้อย ผู้พิพากษา ผู้นำทั้งปวงในอิสราเอล และแก่หัวหน้าครอบครัว 3 ซาโลมอนและผู้ที่มาร่วมประชุมกับท่านก็ไปยังสถานบูชาบนภูเขาสูงในกิเบโอน เพราะว่ากระโจมที่นัดหมายของพระเจ้า ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าได้สร้างไว้ในถิ่นทุรกันดารตั้งอยู่ที่นั่น 4 ดาวิดได้นำหีบของพระเจ้าจากคีริยาทเยอาริมขึ้นมายังที่ซึ่งท่านได้เตรียมไว้ คือท่านได้ตั้งกระโจมพร้อมไว้ในเยรูซาเล็ม[f] 5 ยิ่งกว่านั้น แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ที่เบซาเลลบุตรของอุรีผู้เป็นบุตรของฮูร์ได้สร้าง ก็อยู่ที่นั่น ณ เบื้องหน้ากระโจมที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้า ซาโลมอนกับที่ประชุมจึงได้ถามพระองค์ 6 และซาโลมอนก็ขึ้นไปถึงแท่นบูชา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งอยู่ที่กระโจมที่นัดหมาย และมอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย 1,000 ตัวบนนั้น
ซาโลมอนอธิษฐานขอสติปัญญา
7 ในคืนนั้น พระเจ้าปรากฏแก่ซาโลมอน และกล่าวกับท่านว่า “เจ้าอยากจะขอสิ่งใดจากเรา” 8 ซาโลมอนตอบพระเจ้าว่า “พระองค์ได้แสดงความรักอันยิ่งใหญ่และมั่นคงแก่ดาวิดบิดาของข้าพเจ้า และแต่งตั้งข้าพเจ้าให้เป็นกษัตริย์แทนท่าน 9 โอ พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า ขอคำสัญญาของพระองค์ที่มีต่อดาวิดบิดาของข้าพเจ้าบรรลุผล เพราะพระองค์ได้แต่งตั้งข้าพเจ้าให้เป็นกษัตริย์ปกครองประชาชนจำนวนมากเท่าฝุ่นผงในโลก 10 บัดนี้ขอพระองค์มอบสติปัญญาและความรู้แก่ข้าพเจ้า เพื่อนำหน้าประชาชนเหล่านี้ออกไปและนำเขากลับเข้ามาอีก มีใครที่จะสามารถปกครองชนชาติอันใหญ่เยี่ยงนี้ของพระองค์ได้” 11 พระเจ้าตอบซาโลมอนว่า “เป็นเพราะสิ่งนี้อยู่ในใจของเจ้า และเจ้าไม่ได้ขอทรัพย์สิ่งของ ความมั่งคั่ง เกียรติยศ หรือชีวิตของพวกที่เกลียดชังเจ้า เจ้าไม่ได้ขอให้มีชีวิตยืนยาว แต่ได้ขอสติปัญญาและความรู้เพื่อตัวเจ้าเองในการปกครองชนชาติของเรา ซึ่งเรากำหนดให้เจ้าเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเขา 12 สติปัญญาและความรู้เป็นของเจ้า เราจะให้ความมั่งมีแก่เจ้า อีกทั้งทรัพย์สิ่งของและเกียรติยศ อย่างที่ไม่มีกษัตริย์อื่นใดที่มาก่อนหน้าเจ้าได้รับ หรือใครที่มาหลังเจ้าก็จะไม่ได้รับเท่าเทียมเจ้า” 13 ดังนั้นซาโลมอนกลับมาจากเบื้องหน้ากระโจมที่นัดหมาย คือสถานบูชาบนภูเขาสูงที่กิเบโอน ไปยังเยรูซาเล็ม และท่านปกครองอิสราเอล
ความมั่งคั่งของซาโลมอน
14 ซาโลมอนสะสมรถศึกและทหารม้า ท่านมีรถศึก 1,400 คัน และทหารม้า 12,000 คน ซึ่งท่านให้ประจำอยู่ที่เมืองเก็บรถศึกทั้งหลาย และให้ประจำอยู่กับกษัตริย์ในเยรูซาเล็มด้วย 15 กษัตริย์ทำให้มีเงินและทองคำใช้ทั่วไปในเยรูซาเล็มราวกับใช้ก้อนหิน และท่านมีไม้ซีดาร์มากมายราวกับต้นมะเดื่อในที่ลุ่ม 16 ม้าของซาโลมอนถูกนำเข้ามาจากประเทศอียิปต์และเมืองคูเอ บรรดาพ่อค้าของกษัตริย์ซื้อจากคูเอตามกำหนดราคา 17 พวกเขานำรถศึกเข้ามาจากอียิปต์ ราคาแต่ละคันมีค่าเป็นเงิน 600 เชเขล[g] และม้าราคา 150 เชเขล และพวกเขาก็ส่งออกไปขายให้แก่บรรดากษัตริย์ของชาวฮิตและแก่บรรดากษัตริย์แห่งอารัม[h]
เตรียมสร้างพระตำหนัก
2 ซาโลมอนประสงค์ที่จะสร้างพระตำหนักเพื่อยกย่องพระนามของพระผู้เป็นเจ้า และสร้างวังของท่านเอง 2 ท่านจึงสั่งให้เกณฑ์ผู้ชายจำนวน 70,000 คนทำหน้าที่แบกหาม และ 80,000 คนสกัดหินในแถบภูเขา และ 3,600 คนเป็นผู้คุมคนงาน 3 ซาโลมอนแจ้งไปยังฮีรามกษัตริย์แห่งไทระว่า “ขอท่านส่งไม้ซีดาร์มาให้เรา อย่างที่ท่านเคยส่งมาให้ดาวิดบิดาของเรา เพื่อสร้างวังด้วยเถิด 4 ดูเถิด เรากำลังจะสร้างพระตำหนักเพื่อยกย่องพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา และถวายแด่พระองค์ เพื่อเผาเครื่องหอมที่เบื้องหน้าพระองค์ และเพื่อจัดขนมปังอันบริสุทธิ์เป็นประจำ และเพื่อเผาสัตว์เป็นของถวายในเวลาเช้าและเย็น สำหรับวันสะบาโต และวันข้างขึ้น และเทศกาลต่างๆ ที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเรากำหนดไว้ ซึ่งเป็นบัญญัติเพื่ออิสราเอลตลอดไป
5 พระตำหนักที่เรากำลังจะสร้างนั้นยิ่งใหญ่เพราะว่า พระเจ้าของเรายิ่งใหญ่กว่าเทพเจ้าทั้งปวง 6 แต่ใครสามารถสร้างพระตำหนักสำหรับพระองค์ได้ ในเมื่อสวรรค์เบื้องบนและฟ้าสวรรค์ที่อยู่เกินเอื้อมยังยับยั้งจำกัดพระองค์ไว้ไม่ได้ เราเป็นใคร ที่จะสร้างพระตำหนักสำหรับพระองค์ นอกจากว่า จะเป็นสถานที่สำหรับถวายเครื่องสักการะ ณ เบื้องหน้าพระองค์
7 ฉะนั้น บัดนี้ขอท่านส่งชายคนหนึ่งให้เรา ซึ่งเป็นช่างผู้ชำนาญงานด้านทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ และเหล็ก และชำนาญผ้าสีม่วง สีแดงเลือดนก และสีฟ้า ได้รับการฝึกฝนงานแกะสลักด้วย เพื่อมาร่วมงานกับช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญที่อยู่กับเราในยูดาห์และเยรูซาเล็ม ซึ่งดาวิดบิดาของเราเตรียมไว้พร้อมแล้ว
8 ขอท่านส่งไม้ซีดาร์ ไม้สน และไม้จันทน์จากเลบานอน เราทราบว่าบรรดาคนของท่านชำนาญในการตัดไม้ซุงในเลบานอน และคนของเราจะทำงานร่วมกับคนของท่าน 9 เพื่อจัดเตรียมไม้จำนวนมากให้เรา เพราะว่าพระตำหนักที่เรากำลังจะสร้างนั้นยิ่งใหญ่และงามตระการ 10 เราจะให้ข้าวสาลีป่นและข้าวบาร์เลย์อย่างละ 20,000 โคร์[i] เหล้าองุ่นและน้ำมันอย่างละ 20,000 โคร์ แก่คนของท่านที่ตัดไม้”
11 ครั้นแล้วฮีรามกษัตริย์แห่งไทระจึงตอบในจดหมายถึงซาโลมอนว่า
“เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้ารักชนชาติของพระองค์ พระองค์จึงกำหนดให้ท่านเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเขา” 12 ฮีรามกล่าวอีกว่า “สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล ผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก พระองค์มอบบุตรผู้เรืองปัญญาแก่กษัตริย์ดาวิด ท่านกอปรด้วยความฉลาดรอบรู้และความเข้าใจ และเป็นผู้ที่จะสร้างพระตำหนักสำหรับพระผู้เป็นเจ้า และวังของท่านเอง
13 ข้าพเจ้าได้ส่งฮูรามอาบีซึ่งเป็นช่างผู้ชำนาญชั้นเยี่ยมมาให้ เขามีความเข้าใจ 14 เขาเป็นบุตรของหญิงจากเผ่าดาน บิดาของเขามาจากเมืองไทระ ได้รับการฝึกฝนงานช่างทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก หิน และไม้ ชำนาญผ้าสีม่วง สีฟ้า และสีแดงเลือดนก และผ้าป่านเนื้อดี และทำงานแกะสลักทุกชนิด และทำตามแบบที่มอบหมายได้ทั้งนั้น เขาจะทำงานร่วมกับช่างฝีมือของท่านและของดาวิดเจ้านายของข้าพเจ้า บิดาของท่าน
15 ฉะนั้นข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ น้ำมันและเหล้าองุ่น ที่เจ้านายของข้าพเจ้าพูดถึง ก็ขอส่งไปให้บรรดาผู้รับใช้ของท่านเถิด 16 และพวกเราจะตัดไม้ซุงตามที่ท่านต้องการจากเลบานอน และส่งเป็นแพซุงมาทางทะเลให้ท่านที่เมืองยัฟฟา เพื่อให้ท่านนำขึ้นไปยังเยรูซาเล็ม”
17 ซาโลมอนให้นับจำนวนประชากรต่างด้าวทั้งหมดที่อยู่ในแผ่นดินของอิสราเอล เหมือนกับทะเบียนสำมะโนประชากรที่ดาวิดบิดาของท่านได้ทำแล้ว[j] นับจำนวนได้ 153,600 คน 18 ท่านกำหนดให้คนจำนวน 70,000 คนทำหน้าที่แบกหาม คนสกัดหินในแถบภูเขา 80,000 คน และให้ผู้คุม 3,600 คนเป็นผู้สั่งการกับคนงาน
ซาโลมอนสร้างพระตำหนัก
3 ซาโลมอนเริ่มสร้างพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าที่เยรูซาเล็มบนภูเขาโมริยาห์ ที่ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้ปรากฏแก่ดาวิดบิดาของท่าน บนลานนวดข้าวของโอร์นันชาวเยบุส[k] และเป็นสถานที่ซึ่งดาวิดเลือกไว้ 2 ท่านเริ่มสร้างในเดือนที่สอง ซึ่งเป็นปีที่สี่ของการครองราชย์ 3 พระตำหนักของพระเจ้าที่ซาโลมอนสร้าง ใช้มาตรฐานการวัดเป็นศอกเหมือนครั้งแรกคือ ยาว 60 ศอก กว้าง 20 ศอก 4 มุขที่หน้าพระตำหนักชั้นนอกของพระวิหารยาว 20 ศอก เท่ากับความกว้างของพระตำหนัก และสูง 120 ศอก ท่านให้กรุภายในพระตำหนักด้วยทองคำบริสุทธิ์ 5 พระตำหนักชั้นนอกกรุด้วยไม้สนหุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์ ประดับเป็นรูปต้นอินทผลัมและโซ่ 6 ท่านตกแต่งพระตำหนักด้วยการใช้เพชรนิลจินดา ทองคำก็มาจากพาร์วายิม 7 ท่านใช้ทองคำหุ้มคานเพดาน ธรณีประตู ผนัง และบานประตูพระตำหนัก และท่านให้สลักตัวเครูบไว้ตามผนัง
8 ท่านสร้างอภิสุทธิสถาน มีความยาวเท่ากับพระตำหนักคือ ยาว 20 ศอก และกว้าง 20 ศอก ท่านให้กรุด้วยทองคำบริสุทธิ์หนัก 600 ตะลันต์[l] 9 ตะปูทองคำหนัก 50 เชเขล[m] และท่านให้ใช้ทองคำกรุห้องที่อยู่ชั้นบน
10 ท่านให้ทำตัวเครูบ 2 รูป และหุ้มด้วยทองคำสำหรับอภิสุทธิสถาน 11 ปีกเครูบกางออกยาวถึง 20 ศอก ปีกหนึ่งของเครูบยาว 5 ศอก แตะที่ผนังพระตำหนัก ส่วนปีกอีกข้างยาว 5 ศอก แตะปีกของเครูบอีกรูปหนึ่ง 12 ส่วนเครูบอีกรูปก็เช่นกันคือ ปีกหนึ่งยาว 5 ศอก แตะที่ผนังพระตำหนัก และปีกอีกข้างยาว 5 ศอก จรดกับปีกของเครูบรูปแรก 13 ปีกของเครูบทั้งสองกางออกยาวรวมกันได้ 20 ศอก เครูบยืนหันหน้าไปทางพระตำหนักชั้นนอก 14 ท่านให้ใช้ผ้าสีน้ำเงิน ม่วง และแดงเลือดนก กับผ้าป่านเนื้อดี ทำม่านกั้น และให้ปักรูปเครูบไว้ที่ม่าน
15 ที่ด้านหน้าของพระตำหนัก ท่านให้ทำเสาหลัก 2 เสาสูง 35 ศอก ที่ยอดของแต่ละเสายาว 5 ศอก 16 ท่านให้ทำโซ่เหมือนสร้อยคอคลุมที่ยอดเสาทั้งสอง และให้ทำลูกทับทิม 100 ลูกห้อยไว้ที่โซ่ 17 ท่านให้ตั้งเสาหลักไว้ที่หน้าพระวิหาร เสาหนึ่งตั้งไว้ทางทิศใต้ อีกเสาตั้งไว้ทางทิศเหนือ เสาที่อยู่ทางทิศใต้ชื่อว่า ยาคีน เสาที่อยู่ทางทิศเหนือชื่อว่า โบอาส
ภาชนะเครื่องใช้ในพระตำหนัก
4 ซาโลมอนให้สร้างแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ขนาดยาว 20 ศอก กว้าง 20 ศอก และสูง 10 ศอก 2 และท่านให้หล่อถังเก็บน้ำรูปทรงกลม เส้นศูนย์กลาง 10 ศอก สูง 5 ศอก เส้นรอบวง 30 ศอก 3 ใต้ขอบมีรูปน้ำเต้า[n]เรียงที่รอบถัง 2 รอบๆ ละ 150 ลูก หล่อเป็นเนื้อเดียวกับตัวถัง 4 ถังนี้ตั้งบนหลังโค 12 ตัว ซึ่ง 3 ตัวหันไปทิศเหนือ 3 ตัวหันไปทิศตะวันตก 3 ตัวหันไปทิศใต้ และอีก 3 ตัวหันไปทิศตะวันออก โคทุกตัวหันหางไปทางศูนย์กลาง 5 ถังหนา 1 ฝ่ามือ ขอบถังทำเหมือนขอบถ้วย เหมือนดอกพลับพลึง ถังนี้จุน้ำ 3,000 บัท[o] 6 ท่านให้ทำอ่างสำหรับชำระล้าง 10 ใบด้วย โดยตั้งอ่าง 5 ใบทางทิศใต้ และ 5 ใบทางทิศเหนือ เพื่อใช้ล้างภาชนะสำหรับสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย ส่วนถังเก็บน้ำนั้นมีไว้เพื่อให้ปุโรหิตใช้ชำระล้าง
7 ท่านให้ตีคันประทีปทองคำ 10 คัน ตามรายละเอียดที่ระบุไว้ และตั้งไว้ในพระวิหาร 5 คันทางทิศใต้ และ 5 คันทางทิศเหนือ 8 ท่านให้สร้างโต๊ะ 10 ตัว และวางไว้ในพระวิหาร 5 ตัวทางทิศใต้ และ 5 ตัวทางทิศเหนือ และท่านให้หล่ออ่างทองคำ 100 ใบ 9 ท่านให้สร้างลานของปุโรหิต สร้างลานใหญ่และประตูที่ลานบุด้วยทองสัมฤทธิ์ 10 และท่านให้ตั้งถังเก็บน้ำไว้ที่มุมด้านตะวันออกเฉียงใต้ของพระตำหนัก
11 ฮีรามหล่อหม้อ ทัพพี และอ่างน้ำ ดังนั้นฮีรามทำงานพระตำหนักของพระเจ้าให้กษัตริย์ซาโลมอนเสร็จสิ้น 12 เสาหลักทั้งสองต้น และบัวรูปทรงกลมที่ปิดยอดเสา และโซ่ถักเป็นตาข่ายคลุมบัวทรงกลมที่ยอดเสา 13 และผลทับทิม 400 ผลที่รอบตาข่ายทั้งสอง ตาข่ายแต่ละผืนมีผลทับทิม 2 แถวสำหรับคลุมบัวรูปทรงกลมทั้งสองที่ยอดเสา 14 เขาสร้างแท่นและอ่างน้ำที่วางบนแท่นด้วย 15 ถังเก็บน้ำ 1 ใบ มีรูปโค 12 ตัวอยู่ใต้ถัง 16 ภาชนะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หม้อ ทัพพี และส้อม ที่อยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งฮูรามอาบีหล่อให้กษัตริย์ซาโลมอน ล้วนแล้วแต่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์อันมันปลาบ 17 กษัตริย์ได้หล่อภาชนะเหล่านี้ในเบ้าดินที่อยู่ระหว่างเมืองสุคคทและศาเรธาน ในที่ราบของแม่น้ำจอร์แดน 18 ซาโลมอนให้สร้างภาชนะเหล่านี้เป็นจำนวนมาก จึงไม่ได้ชั่งว่าทองสัมฤทธิ์ที่ใช้นั้นมากเพียงไร
19 ซาโลมอนได้สร้างและหล่อภาชนะทุกชิ้นในพระตำหนักของพระเจ้า คือแท่นบูชาทองคำ โต๊ะทองคำสำหรับวางขนมปังอันบริสุทธิ์ 20 คันประทีปและดวงประทีปทองคำบริสุทธิ์ สำหรับใช้จุดที่ด้านหน้าพระตำหนักชั้นใน ตามรายละเอียดที่ระบุไว้ 21 ดอกไม้ ดวงประทีปและคีม ซึ่งตีขึ้นด้วยทองคำบริสุทธิ์ที่สุด 22 กรรไกรตัดไส้ดวงประทีป อ่าง ภาชนะเครื่องหอม และถาดที่ใช้เก็บถ่านร้อน ซึ่งเป็นทองคำบริสุทธิ์ บานพับสำหรับประตูชั้นในสุดของอภิสุทธิสถาน และสำหรับประตูที่พระตำหนักชั้นนอกของพระวิหาร ล้วนเป็นทองคำทั้งสิ้น
5 เมื่องานทั้งสิ้นที่กษัตริย์ซาโลมอนทำสำหรับพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าเสร็จสิ้นลงแล้ว ซาโลมอนก็ได้นำสิ่งที่ดาวิดบิดาของท่านได้ถวาย คือเครื่องเงิน ทองคำ และภาชนะต่างๆ มาเก็บไว้ในคลังพระตำหนักของพระเจ้า
นำหีบเข้ามาในพระตำหนัก
2 จากนั้นซาโลมอนก็เรียกประชุมที่เยรูซาเล็ม เพื่อให้บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอล หัวหน้าเผ่าทุกคน และบรรดาหัวหน้าตระกูลของชาวอิสราเอล เป็นผู้นำหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า ขึ้นมาจากเมืองของดาวิด คือศิโยน 3 ชาวอิสราเอลทั้งปวงรวมตัวกันเข้ามาเฝ้ากษัตริย์ระหว่างงานเทศกาล ซึ่งเป็นเดือนที่เจ็ด 4 เมื่อบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอลมาถึง พวกเลวีก็ยกหีบ 5 และพวกเขาได้นำหีบ กระโจมที่นัดหมาย และภาชนะอันบริสุทธิ์ทั้งหมดในกระโจมขึ้นมา พวกปุโรหิตที่เป็นชาวเลวีเป็นผู้หามสิ่งเหล่านั้น 6 กษัตริย์ซาโลมอนและชาวอิสราเอลทั้งมวลที่รวมตัวอยู่ด้วยกันกับท่าน ณ เบื้องหน้าหีบ ได้ถวายแกะและโคมากมายจนนับไม่ถ้วน 7 แล้วเหล่าปุโรหิตก็ได้นำหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้ามายังพระตำหนักชั้นในของพระวิหาร คือในอภิสุทธิสถาน โดยวางไว้ที่ใต้ปีกเครูบทั้งสอง 8 ด้วยว่าเครูบกางปีกขึ้นปกเหนือที่วางหีบ เพื่อโน้มเหนือหีบและคานหาม 9 คานหามนั้นยาวมากจนมองเห็นปลายทั้งสองข้างได้จากวิสุทธิสถานซึ่งอยู่ด้านหน้าพระตำหนักชั้นใน แต่มองไม่เห็นจากลานด้านนอก และคานหามก็ยังอยู่ที่นั่นมาจนถึงทุกวันนี้ 10 ในหีบไม่มีสิ่งใดนอกจากแผ่นศิลา 2 แผ่นที่โมเสสบรรจุไว้เมื่ออยู่ที่โฮเรบ ที่ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้ทำพันธสัญญากับบรรดาผู้สืบเชื้อสายของอิสราเอล ในช่วงเวลาที่พวกเขาออกจากอียิปต์ 11 และเมื่อปุโรหิตออกจากวิสุทธิสถาน (เนื่องจากปุโรหิตทั้งหมดที่อยู่ที่นั่นได้ชำระตัวให้บริสุทธิ์แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในกองเวรใด 12 และนักร้องชาวเลวีทั้งหมด อาสาฟ เฮมาน และเยดูธูน บุตรชายของพวกเขา และบรรดาพี่น้อง ต่างก็แต่งกายด้วยผ้าป่านเนื้อดี มีฉาบ พิณสิบสาย และพิณเล็ก ยืนอยู่ทางตะวันออกของแท่นบูชา พร้อมกับปุโรหิต 120 คนที่เป่าแตรยาว[p] 13 คนเป่าแตรและนักร้องมีหน้าที่บรรเลงร้องเพลงประสานกันเป็นหนึ่งเดียว สรรเสริญและขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า) และเมื่อพวกเขาร้องเพลงพร้อมกับแตรยาว ฉาบ และเครื่องดนตรีอื่นๆ สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าว่า
“เพราะพระองค์ประเสริฐ
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล”
พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าก็เต็มไปด้วยเมฆ 14 ทำให้บรรดาปุโรหิตไม่สามารถยืนปฏิบัติหน้าที่ได้เนื่องจากเมฆนั้น เพราะพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าได้ปรากฏขึ้นในพระตำหนักของพระเจ้า
ซาโลมอนอวยพรประชาชน
6 ครั้นแล้วซาโลมอนกล่าวว่า “พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวว่า พระองค์จะพำนักอยู่ในเมฆอันมืดทึบ[q] 2 ข้าพเจ้าได้สร้างพระตำหนักอันงามตระการถวายแด่พระองค์ เพื่อเป็นสถานที่ให้พระองค์พำนักตลอดไป” 3 แล้วกษัตริย์ก็หันมายังที่ประชุมของอิสราเอลซึ่งกำลังยืนอยู่ และให้พรแก่พวกเขา 4 ท่านกล่าวว่า
“สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล พระองค์ได้กระทำตามสัญญาด้วยวาจาที่ได้ให้แก่ดาวิดบิดาของเราด้วยฤทธานุภาพของพระองค์ พระองค์กล่าวว่า 5 ‘นับตั้งแต่วันที่เรานำอิสราเอลชนชาติของเราออกจากแผ่นดินอียิปต์ เราไม่ได้เลือกเมืองใดจากเผ่าต่างๆ ของอิสราเอล เพื่อสร้างตำหนักให้เป็นที่ยกย่องนามของเรา และเราไม่ได้เลือกผู้ใดมาเป็นผู้ปกครองอิสราเอลชนชาติของเรา 6 แต่เราได้เลือกเยรูซาเล็มให้เป็นที่ยกย่องนามของเรา และเราได้เลือกดาวิดมาเป็นผู้ปกครองอิสราเอลชนชาติของเรา’ 7 ดาวิดบิดาของเราตั้งใจจะสร้างพระตำหนักเพื่อยกย่องพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล 8 แต่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับดาวิดบิดาของเราว่า ‘เพราะว่าเจ้าตั้งใจจะสร้างตำหนักเพื่อยกย่องนามของเรา ความตั้งใจของเจ้านั้นดี 9 อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เจ้าที่จะเป็นผู้สร้างตำหนัก แต่บุตรของเจ้าที่จะเกิดแก่เจ้า จะเป็นผู้สร้างตำหนักเพื่อยกย่องนามของเรา’[r] 10 บัดนี้พระผู้เป็นเจ้าก็ได้กระทำตามสัญญา เพราะว่าเราได้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งของดาวิดบิดาของเรา และนั่งครองบัลลังก์ของอิสราเอล อย่างที่พระผู้เป็นเจ้าได้สัญญาไว้ และเราได้สร้างพระตำหนักเพื่อยกย่องพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล 11 และเราได้วางหีบอันเป็นที่เก็บพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งพระองค์ทำกับชาวอิสราเอลไว้ที่นั่นแล้ว”
ซาโลมอนอธิษฐานในงานถวาย
12 ครั้นแล้วซาโลมอนก็ยืน ณ เบื้องหน้าแท่นบูชาของพระผู้เป็นเจ้า ต่อหน้าที่ประชุมของอิสราเอล และยกมือขึ้น 13 ซาโลมอนได้สร้างแท่นทองสัมฤทธิ์ขนาดยาว 5 ศอก กว้าง 5 ศอก และสูง 3 ศอก ตั้งแท่นไว้ตรงกลางที่ลานรอบนอก ท่านยืนที่แท่นนั้น และคุกเข่าต่อหน้าที่ประชุมของอิสราเอล และยกมือขึ้นสู่สวรรค์ 14 และกล่าวว่า
“โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่เหมือนพระองค์ ทั้งในสวรรค์และโลก พระองค์รักษาพันธสัญญา และแสดงความรักอันมั่นคงต่อบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ ที่ดำเนินชีวิตในวิถีทางของพระองค์ด้วยใจจริง 15 พระองค์ได้รักษาสัญญากับดาวิดบิดาของข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ได้สัญญาด้วยวาจาของพระองค์ และกระทำตามสัญญาด้วยฤทธานุภาพของพระองค์ในวันนี้ 16 ฉะนั้น บัดนี้ โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล โปรดรักษาสัญญาที่พระองค์ได้ให้แก่ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ บิดาของข้าพเจ้า ดังคำของพระองค์ที่ว่า ‘เจ้าจะไม่ขาดคนที่จะนั่งครองบัลลังก์ของอิสราเอล ณ เบื้องหน้าเรา หากบรรดาบุตรของเจ้าใส่ใจในวิถีทางของเขา ให้ดำเนินชีวิตตามกฎบัญญัติของเรา เหมือนกับที่เจ้าได้กระทำมา’ 17 ฉะนั้น โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล ขอพระองค์ยืนยันคำที่พระองค์ได้กล่าวกับดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด
18 แต่พระเจ้าจะพำนักอยู่กับมนุษย์ในโลกหรือ ดูเถิด สวรรค์เบื้องบนและฟ้าสวรรค์ที่อยู่เกินเอื้อมยังจำกัดพระองค์ไม่ได้ แล้วพระตำหนักที่ข้าพเจ้าสร้างขึ้นมาหลังนี้จะเล็กน้อยกว่านั้นเพียงไร 19 แต่กระนั้นพระองค์ยังสนใจคำอธิษฐานและคำวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ขอโปรดฟังเสียงร้องและคำอธิษฐานที่ผู้รับใช้ของพระองค์อธิษฐาน ณ เบื้องหน้าพระองค์ 20 ขอพระองค์เฝ้าดูพระตำหนักหลังนี้ตลอดทั้งวันและคืนเถิด นี่เป็นสถานที่ซึ่งพระองค์สัญญาว่าจะเป็นที่ยกย่องพระนามของพระองค์ ขอพระองค์ฟังคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ เวลาที่เราหันหน้าอธิษฐานมาทางสถานที่แห่งนี้ 21 และขอพระองค์ฟังคำขอร้องของผู้รับใช้ของพระองค์ และของอิสราเอลชนชาติของพระองค์เมื่อเขาหันหน้าอธิษฐานมาทางสถานที่แห่งนี้ และเมื่อพระองค์ได้ยินจากสวรรค์ซึ่งเป็นที่พระองค์พำนัก ก็โปรดให้อภัยด้วยเถิด
22 ถ้าหากว่าผู้ใดกระทำบาปต่อเพื่อนบ้านของตน และต้องให้คำสาบาน เวลาที่เขามาและสาบาน ณ เบื้องหน้าแท่นบูชาในพระตำหนักนี้ 23 ก็ขอพระองค์ได้ยินจากสวรรค์ ขอโปรดตอบและพิพากษาบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ สนองตอบผู้ที่ทำผิดตามความผิดของเขา และโปรดช่วยให้ผู้บริสุทธิ์พิสูจน์ได้ว่าเขาไม่มีความผิด และพ้นข้อหาตามความบริสุทธิ์ของเขา
24 เวลาที่อิสราเอลชนชาติของพระองค์พ่ายแพ้ศัตรู เพราะพวกเขากระทำบาปต่อพระองค์ และหันกลับมาหาพระองค์ และยอมรับพระนามของพระองค์ เขาจะอธิษฐานและวิงวอนต่อพระองค์ในพระตำหนักนี้ 25 ก็ขอพระองค์โปรดฟังจากสวรรค์ และให้อภัยบาปของอิสราเอลชนชาติของพระองค์ และนำพวกเขามายังแผ่นดินซึ่งพระองค์ได้มอบให้แก่บรรพบุรุษของพวกเขาอีก
26 เมื่อฟ้าสวรรค์ปิดและไม่เอื้อฝนเนื่องจากพวกเขาได้กระทำบาปต่อพระองค์ ถ้าหากว่าพวกเขาอธิษฐานโดยหันมาทางสถานที่นี้ และยอมรับพระนามของพระองค์ และหยุดกระทำบาป หลังจากที่พระองค์ให้พวกเขารับทุกข์ทรมาน 27 ก็ขอพระองค์โปรดฟังจากสวรรค์ และให้อภัยบาปของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ คืออิสราเอลชนชาติของพระองค์ เมื่อพระองค์สอนในวิถีทางที่ดีซึ่งพวกเขาควรดำเนิน แล้วพระองค์โปรดให้ฝนโปรยลงบนแผ่นดินซึ่งพระองค์ได้มอบให้แก่ชนชาติของพระองค์เป็นมรดก
28 ถ้าหากว่าเกิดทุพภิกขภัยในแผ่นดิน หรือเกิดภัยพิบัติ ลมร้อนแห้ง หรือเชื้อรา ตั๊กแตน หรือตัวบุ้ง ถ้าหากว่าศัตรูใช้กำลังล้อมพวกเขาในแผ่นดิน ที่ตามประตูเมือง ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติหรือการเจ็บไข้ได้ป่วยใดๆ ก็ตาม 29 ถ้าหากว่าผู้ใดหรืออิสราเอลชนชาติของพระองค์อธิษฐานหรือวิงวอนในเรื่องใดก็ตาม เมื่อแต่ละคนสำนึกในความทุกข์ทรมานและความเศร้าของตน และเหยียดมือออกมาทางพระตำหนักนี้ 30 ก็ขอพระองค์ฟังจากสวรรค์ซึ่งเป็นที่พำนักของพระองค์ และโปรดให้อภัย และกระทำต่อพวกเขาตามความประพฤติของแต่ละคน เพราะว่าพระองค์ผู้เดียว พระองค์ทราบถึงจิตใจของมนุษย์ทั้งปวง 31 เพื่อพวกเขาจะเกรงกลัวพระองค์ และดำเนินชีวิตในวิถีทางของพระองค์ ตลอดเวลาที่พวกเขาอาศัยอยู่ในแผ่นดินซึ่งพระองค์มอบให้แก่บรรพบุรุษของพวกเรา
32 ในทำนองเดียวกัน เมื่อชาวต่างแดนซึ่งไม่ใช่อิสราเอลชนชาติของพระองค์มาจากดินแดนแสนไกล เพราะพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ อานุภาพและพลานุภาพของพระองค์ เมื่อเขามาและอธิษฐานมาทางพระตำหนักนี้ 33 ขอพระองค์ฟังจากสวรรค์ซึ่งเป็นที่พำนักของพระองค์ และโปรดทำตามที่ชาวต่างแดนทั้งปวงร้องขอต่อพระองค์ เพื่อชนชาติทั้งปวงบนโลกจะได้รู้จักพระนามของพระองค์ และเกรงกลัวพระองค์ อย่างที่อิสราเอลชนชาติของพระองค์รู้จัก และพวกเขาจะทราบว่าพระตำหนักที่ข้าพเจ้าสร้างหลังนี้ได้รับเรียกว่าเป็นของพระองค์
34 ถ้าหากว่าชนชาติของพระองค์ออกศึกสู้กับศัตรู ไม่ว่าที่ใดก็ตาม และพวกเขาอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้า โดยหันมาทางเมืองที่พระองค์ได้เลือก และพระตำหนักที่ข้าพเจ้าได้สร้างเพื่อพระนามของพระองค์ 35 ก็ขอพระองค์ฟังคำอธิษฐานและคำวิงวอนของพวกเขาจากสวรรค์ และช่วยเหลือพวกเขา
36 ถ้าหากว่าพวกเขาทำบาปต่อพระองค์ เนื่องจากว่าไม่มีผู้ใดที่ไม่ทำบาป[s] พระองค์จะโกรธกริ้วพวกเขา และให้ศัตรูจับตัวพวกเขาไปเป็นเชลยในดินแดนที่อยู่ไกลหรือใกล้ 37 แต่ถ้าพวกเขามีใจสำนึกได้เมื่ออยู่ในดินแดนที่ตนถูกจับไปเป็นเชลย โดยการกลับใจและขอร้องพระองค์ในดินแดนนั้น กล่าวว่า ‘พวกเราได้กระทำบาป ประพฤติผิด และกระทำตัวเลวทราม’ 38 ถ้าหากว่าพวกเขากลับใจเข้าหาพระองค์อย่างสุดดวงใจและสุดดวงจิต ในดินแดนที่พวกเขาถูกจับตัวไปเป็นเชลย และอธิษฐานโดยหันมาทางแผ่นดินของพวกเขา ซึ่งพระองค์มอบให้แก่บรรพบุรุษ เมืองที่พระองค์ได้เลือก และพระตำหนักที่ข้าพเจ้าสร้างไว้เพื่อพระนามของพระองค์ 39 ก็ขอพระองค์โปรดฟังคำอธิษฐานและคำวิงวอนจากสวรรค์ซึ่งเป็นที่พำนักของพระองค์ และช่วยเหลือพวกเขา และให้อภัยชนชาติของพระองค์ ที่ได้ทำบาปต่อพระองค์
40 บัดนี้ โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า ขอพระองค์เฝ้าดู และฟังคำอธิษฐานในที่แห่งนี้เถิด
41 บัดนี้ ได้โปรดลุกขึ้นเถิด โอ พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า และไปยังที่พักของพระองค์
ทั้งพระองค์และหีบพันธสัญญาอันมีอานุภาพของพระองค์
โอ พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า ขอให้บรรดาปุโรหิตของพระองค์สวมคลุมด้วยความรอดพ้น
และขอให้บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าชื่นชมยินดีในความกรุณาของพระองค์
42 โอ พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า ขออย่าเมินหน้าไปจากผู้ได้รับการเจิมของพระองค์
ขอพระองค์ระลึกถึงความรักอันมั่นคงของพระองค์ที่มีต่อดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์”
ไฟจากสวรรค์
7 ทันทีที่ซาโลมอนอธิษฐานจบ ก็มีไฟลงมาจากสวรรค์ และเผาไหม้สัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายและเครื่องสักการะ และพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าปรากฏขึ้นในพระตำหนัก 2 บรรดาปุโรหิตไม่สามารถเข้าไปในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าปรากฏขึ้นในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 3 เมื่อประชาชนอิสราเอลเห็นไฟลงมา และพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าสถิตบนพระตำหนัก พวกเขาก็ซบหน้าลงกับพื้น นมัสการและสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าว่า “เพราะพระองค์ประเสริฐ เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล”
การถวายพระตำหนัก
4 จากนั้นกษัตริย์และประชาชนทั้งปวงก็ถวายเครื่องสักการะ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 5 กษัตริย์ซาโลมอนถวายโค 22,000 ตัว และแกะ 120,000 ตัว เท่ากับว่ากษัตริย์และประชาชนทั้งปวงได้ถวายพระตำหนักของพระเจ้าแล้ว 6 บรรดาปุโรหิตต่างก็ยืนที่ตำแหน่งของตน ชาวเลวีก็เช่นกัน พร้อมด้วยเครื่องดนตรีเพื่อถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์ดาวิดได้สร้างเครื่องดนตรี เพื่อใช้ในการสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล บรรดาปุโรหิตยืนเป่าแตรยาวอยู่ฝั่งตรงข้ามกับชาวเลวี และอิสราเอลทั้งปวงก็ยืนขึ้น
7 ซาโลมอนทำพิธีชำระให้ส่วนกลางของลานที่อยู่หน้าพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าบริสุทธิ์ เพราะท่านได้มอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและไขมันจากของถวายเพื่อสามัคคีธรรม เนื่องจากแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ที่ซาโลมอนสร้างไว้แล้ว ไม่ใหญ่พอสำหรับบรรจุสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและเครื่องธัญญบูชาและไขมันได้
8 ในเวลานั้นซาโลมอนฉลองเทศกาลนานถึง 7 วันร่วมกับอิสราเอลทั้งปวง มีผู้ร่วมงานด้วยเป็นจำนวนมากจากบริเวณใกล้เลโบฮามัทไปจนถึงธารน้ำของอียิปต์ 9 ในวันที่แปด เขาทั้งหลายมีประชุม เพราะได้ถวายแท่นบูชา 7 วัน และงานเทศกาล 7 วัน 10 ในวันที่ยี่สิบสามของเดือนเจ็ด ซาโลมอนให้ประชาชนกลับบ้านไป ด้วยความยินดีและใจเปรมปรีดิ์ที่พระผู้เป็นเจ้าได้กระทำสิ่งดีๆ แก่ดาวิดและซาโลมอน และแก่อิสราเอลชนชาติของพระองค์
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation