Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
ปฐมกาล 28:20-40:11

20 แล้วยาโคบสาบานว่า “ถ้าพระเจ้าจะอยู่กับข้าพเจ้า และปกป้องข้าพเจ้าในการเดินทางครั้งนี้ และให้ข้าพเจ้ามีอาหารกินกับมีเสื้อผ้าใส่ 21 และนำข้าพเจ้ากลับไปยังบ้านของพ่อข้าพเจ้าอย่างปลอดภัยแล้วละก็ พระยาห์เวห์ก็จะเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า 22 และหินก้อนนี้ที่ข้าพเจ้าได้ตั้งขึ้นเป็นเสาหิน ก็จะเป็นบ้านของพระเจ้า[a] ข้าพเจ้าก็จะถวายพระองค์หนึ่งในสิบจากทุกอย่างที่พระองค์ให้กับข้าพเจ้า”

ยาโคบพบนางราเชล

29 แล้วยาโคบก็เดินทางต่อ จนมาถึงแผ่นดินของคนทางฝั่งตะวันออก เขามองดูไปรอบๆและเห็นบ่อน้ำแห่งหนึ่งในท้องทุ่ง มีแกะอยู่สามฝูงที่กำลังนอนอยู่ข้างบ่อน้ำนั้น เพราะฝูงแกะดื่มน้ำจากบ่อน้ำนั้น มีหินก้อนใหญ่ปิดปากบ่อน้ำอยู่ เมื่อฝูงแกะทั้งหลายมาอยู่รวมกันที่นั่น คนเลี้ยงแกะก็จะกลิ้งหินนั้นออกจากปากบ่อน้ำ และตักน้ำให้ฝูงแกะกินกัน แล้วพวกเขาก็จะกลิ้งหินปิดปากบ่อน้ำเหมือนเดิม

ยาโคบพูดกับพวกเขาว่า “พวกพี่ มาจากที่ไหนกัน”

พวกเขาตอบว่า “พวกเรามาจากเมืองฮาราน”

ยาโคบก็ตอบพวกเขาว่า “แล้วรู้จักลาบัน ลูกชายของนาโฮร์ไหมครับ”

พวกเขาตอบว่า “รู้จักสิ”

ยาโคบจึงถามต่อว่า “เขาสบายดีไหมครับ”

พวกเขาตอบว่า “เขาสบายดี นั่นไง ราเชลลูกสาวของเขากำลังมาพร้อมกับฝูงแกะ” ยาโคบจึงพูดว่า “นี่ก็ยังกลางวันอยู่เลย ยังไม่ถึงเวลาที่จะรวบรวมฝูงสัตว์ตอนเย็นเลย ให้น้ำกับแกะและเอามันกลับไปกินหญ้าเถอะ”

พวกคนเลี้ยงแกะตอบว่า “พวกเราทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก จนกว่าแกะทุกฝูงจะมารวมกันอยู่ที่นี่ แล้วพวกเราถึงจะกลิ้งหินออกจากปากบ่อ แล้วเอาน้ำให้แกะดื่มได้”

ในขณะที่ยาโคบยังคุยอยู่กับพวกเขานั้น ราเชลก็มาถึงพร้อมกับแกะของพ่อนาง เพราะนางเป็นคนเลี้ยงแกะ 10 เมื่อยาโคบเห็นราเชล ลูกสาวของลาบันพี่ชายของแม่เขาและฝูงแกะของลาบัน ยาโคบจึงเข้าไปใกล้และกลิ้งหินจากปากบ่อ และเอาน้ำให้ฝูงแกะของลาบันพี่ชายของแม่เขาดื่ม 11 แล้วยาโคบก็จูบราเชลและเริ่มร้องไห้ด้วยเสียงอันดัง 12 แล้วยาโคบก็บอกราเชลว่า พ่อของนางเป็นญาติกับเขา และเขาเองเป็นลูกของนางเรเบคาห์ นางก็วิ่งไปบอกพ่อของนาง

13 เมื่อลาบันได้ยินเรื่องยาโคบลูกของน้องสาวเขา เขาวิ่งออกไปหายาโคบ แล้วกอดจูบยาโคบ และพายาโคบไปที่บ้านของเขาแล้วยาโคบก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ลาบันฟัง

14 ลาบันจึงพูดกับเขาว่า “อันที่จริงแล้ว หลานก็เป็นกระดูกและเนื้อของลุง” แล้วยาโคบก็อยู่กับเขาทั้งเดือน

ลาบันหลอกลวงยาโคบ

15 แล้วลาบันก็พูดกับยาโคบว่า “หลานต้องทำงานกับลุงฟรีๆเพราะเป็นญาติหรือยังไง บอกลุงมาสิว่าจะเอาอะไรเป็นค่าจ้างดี”

16 ลาบันมีลูกสาวสองคน คนโตชื่อเลอาห์ คนเล็กชื่อราเชล

17 ดวงตาของนางเลอาห์น่ารัก[b] แต่ราเชลนั้นมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามไปหมด 18 ยาโคบรักราเชล เขาจึงพูดว่า “ผมจะทำงานให้กับลุงเจ็ดปี เพื่อแลกกับราเชลลูกสาวคนเล็กของลุง”

19 ลาบันตอบว่า “ลุงจะยกนางให้กับหลาน ก็ยังดีกว่ายกให้กับชายอื่น อยู่กับลุงที่นี่แหละ”

20 ดังนั้นยาโคบจึงทำงานเจ็ดปีเพื่อราเชล แต่สำหรับยาโคบ เจ็ดปีนั้นก็ดูเหมือนไม่กี่วัน เพราะความรักที่เขามีกับนาง

21 แล้วยาโคบก็พูดกับลาบันว่า “ผมทำงานครบแล้ว ขอยกเมียให้กับผมด้วย เพื่อผมจะได้หลับนอนกับนาง”

22 ลาบันก็รวบรวมคนแถวนั้นมาทั้งหมด และจัดงานเลี้ยงให้พวกเขา 23 แต่ในคืนนั้น เขาได้เอาเลอาห์ลูกสาวของเขาไปให้กับยาโคบ ยาโคบก็ได้หลับนอนกับเลอาห์ 24 (ลาบันก็ยกสาวใช้ของตนชื่อศิลปาห์ให้เป็นสาวใช้ของเลอาห์) 25 ในตอนเช้า ยาโคบเห็นว่าเป็นเลอาห์ ดังนั้นเขาจึงถามลาบันว่า “ทำไมลุงถึงทำกับผมอย่างนี้ ที่ผมทำงานเจ็ดปี ก็เพื่อราเชลไม่ใช่หรือ ลุงหลอกลวงผมทำไม”

26 ลาบันตอบว่า “คนที่นี่เขาไม่ทำกันอย่างนั้นหรอก ที่จะให้น้องสาวแต่งงานก่อนพี่สาว 27 ขอให้ครบเจ็ดวันของงานแต่งงาน[c]กับคนพี่ก่อนนะ แล้วลุงจะยกคนน้องให้กับหลาน แล้วหลานจะทำงานตอบแทนให้กับลุงอีกเจ็ดปี”

28 ยาโคบก็ทำตาม และรอให้ครบเจ็ดวันสำหรับเลอาห์ แล้วลาบันก็ยกราเชลลูกสาวของเขาให้เป็นเมียยาโคบ 29 (ลาบันได้ยกบิลฮาห์สาวใช้ของเขาให้เป็นสาวใช้ของราเชล) 30 แล้วยาโคบก็ร่วมหลับนอนกับราเชลด้วย ยาโคบรักราเชลมากกว่าเลอาห์ แล้วยาโคบก็ทำงานให้กับลาบันอีกเจ็ดปี

ครอบครัวของยาโคบเติบโตขึ้น

31 พระยาห์เวห์เห็นว่า ยาโคบเกลียดเลอาห์ พระองค์จึงเปิดครรภ์ของเลอาห์ แต่ราเชลเป็นหมัน

32 นางเลอาห์ก็ตั้งท้องและคลอดลูกชาย นางตั้งชื่อเขาว่ารูเบน[d] เพราะนางพูดว่า “พระยาห์เวห์มองเห็นความอัปยศอดสูของฉันจริงๆ ตอนนี้สามีของฉันต้องรักฉันแน่ๆ”

33 เลอาห์ก็ตั้งท้องอีก และคลอดลูกชายอีกคนหนึ่ง นางพูดว่า “เพราะพระยาห์เวห์ได้ยินว่าฉันเป็นที่เกลียดชัง พระองค์จึงให้ลูกชายคนนี้กับฉัน” แล้วนางจึงตั้งชื่อเด็กว่าสิเมโอน[e]

34 เลอาห์ได้ตั้งท้องอีก และคลอดลูกชายอีกคน นางพูดว่า “คราวนี้สามีฉันต้องใกล้ชิดกับฉัน เพราะฉันคลอดลูกชายให้กับเขาถึงสามคน” นางจึงตั้งชื่อลูกชายคนนี้ว่าเลวี[f]

35 แล้วเลอาห์ก็ตั้งท้องอีก และคลอดลูกชายอีกคนหนึ่ง นางพูดว่า “ครั้งนี้ฉันจะสรรเสริญพระยาห์เวห์” นางจึงตั้งชื่อเด็กว่ายูดาห์ แล้วนางก็ไม่มีลูกอีก

30 เมื่อราเชลเห็นว่านางไม่สามารถมีลูกให้กับยาโคบได้ ราเชลก็เริ่มอิจฉาพี่สาว นางจึงพูดกับยาโคบว่า “ให้ฉันมีลูกบ้างสิ ไม่อย่างนั้นฉันขอตายดีกว่า”

ยาโคบจึงโกรธราเชล แล้วพูดว่า “พี่ไม่ใช่พระเจ้า พระองค์ต่างหากที่ทำให้น้องไม่มีลูก”

แล้วนางพูดว่า “นี่สาวใช้ของฉัน บิลฮาห์ พี่เข้าไปนอนกับนางก็แล้วกัน เพื่อว่านางจะได้มีลูกให้กับฉัน และฉันจะได้สร้างครอบครัวของฉันผ่านทางนาง”

แล้วนางราเชลจึงยกบิลฮาห์สาวใช้ของนางให้เป็นเมียของยาโคบ แล้วยาโคบเข้าไปร่วมหลับนอนกับนาง บิลฮาห์ก็ตั้งท้องและคลอดลูกชายให้กับยาโคบ

ราเชลพูดว่า “พระเจ้าตัดสินเข้าข้างฉัน และพระองค์ก็ได้ยินเสียงฉันด้วย พระองค์ได้ให้ลูกชายกับฉันหนึ่งคน” นางจึงตั้งชื่อเด็กว่าดาน[g]

แล้วบิลฮาห์สาวใช้ของราเชลก็ตั้งท้องอีก และคลอดลูกชายคนที่สองให้กับยาโคบ ราเชลพูดว่า “ฉันได้ต่อสู้อย่างหนักกับพี่สาวของฉัน และฉันก็ชนะ” นางจึงตั้งชื่อเด็กว่านัฟทาลี[h]

เมื่อเลอาห์เห็นว่านางไม่มีลูกแล้ว นางจึงยกสาวใช้ของนาง ชื่อศิลปาห์ให้เป็นเมียยาโคบ 10 แล้วศิลปาห์สาวใช้ของเลอาห์ ได้คลอดลูกชายให้กับยาโคบ 11 เลอาห์พูดว่า “โชคดีจริงๆ” นางจึงตั้งชื่อเด็กว่ากาด[i] 12 แล้วศิลปาห์สาวใช้ของเลอาห์ก็คลอดลูกชายคนที่สองให้กับยาโคบ 13 เลอาห์พูดว่า “ฉันได้รับเกียรติจริงๆ” เพราะพวกผู้หญิงจะต้องพูดว่า “ฉันมีเกียรติ” แล้วนางจึงตั้งชื่อเด็กว่าอาเชอร์[j]

14 ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวข้าวสาลี รูเบนได้ออกไปในทุ่งนาและเจอต้นแมนเดร็ก[k] เขาจึงเอาพวกมันกลับมาให้เลอาห์แม่ของเขา แล้วราเชลก็พูดกับเลอาห์ว่า “ขอแบ่งต้นแมนเดร็กของลูกชายพี่ให้กับฉันบ้างสิ”

15 แต่เลอาห์ตอบราเชลว่า “เธอแย่งสามีฉันไป นี่ยังจะมาเอาต้นแมนเดร็กของลูกชายฉันไปอีกหรือ”

แล้วราเชลพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะให้เขามานอนกับพี่คืนนี้ เพื่อแลกกับต้นแมนเดร็กของลูกพี่”

16 เมื่อยาโคบกลับมาจากท้องทุ่งในตอนเย็น เลอาห์ออกไปพบเขาแล้วพูดว่า “คืนนี้พี่ต้องมานอนกับฉัน เพราะฉันได้จ่ายค่าจ้างให้กับพี่แล้วด้วยต้นแมนเดร็กของลูกชายฉัน” ยาโคบจึงไปร่วมหลับนอนกับนางในคืนนั้น

17 พระยาห์เวห์ได้ตอบคำอธิษฐานของเลอาห์ นางจึงตั้งท้องอีก และคลอดลูกชายคนที่ห้า 18 นางพูดว่า “พระเจ้าได้ให้บำเหน็จกับฉัน เพราะฉันได้ยกสาวใช้ของฉันให้กับสามีฉัน” แล้วนางจึงตั้งชื่อเด็กว่าอิสสาคาร์[l]

19 แล้วเลอาห์ก็ตั้งท้องอีก และคลอดลูกชายคนที่หกให้ยาโคบ 20 นางพูดว่า “พระองค์ได้ให้ของขวัญที่ดีกับฉัน คราวนี้สามีฉันจะต้องให้เกียรติกับฉัน เพราะฉันได้คลอดลูกชายให้กับเขาถึงหกคน” แล้วนางจึงตั้งชื่อเด็กว่าเศบูลุน[m]

21 ต่อมาเลอาห์ก็คลอดลูกสาว และตั้งชื่อเธอว่าดีนาห์

22 แล้วพระเจ้าก็ได้ระลึกถึงราเชล และตอบคำอธิษฐานของนาง และพระองค์ทำให้นางสามารถมีลูกได้[n] 23 แล้วราเชลก็ตั้งท้องและคลอดลูกชาย นางพูดว่า “พระเจ้าได้เอาความอับอายขายหน้าของฉันไปแล้ว” 24 นางจึงตั้งชื่อเด็กว่าโยเซฟ[o] นางพูดว่า “ขอพระยาห์เวห์เพิ่มลูกชายให้กับฉันอีกหนึ่งคน”

ยาโคบร่ำรวยขึ้น

25 เมื่อราเชลคลอดโยเซฟแล้ว ยาโคบพูดกับลาบันว่า “ขออนุญาตให้ผมกลับไปบ้านเกิดของผมด้วย 26 ขอพวกเมียๆและลูกๆของผมด้วย ผมได้ทำงานชดใช้ให้กับลุงแล้วสำหรับพวกเขา ขอยกพวกเขาให้กับผมเถอะ แล้วผมจะได้ไป ลุงก็รู้อยู่แล้วว่าผมได้ทำงานหนักแค่ไหนให้กับลุง”

27 แล้วลาบันจึงพูดกับยาโคบว่า “ขอให้ลุงพูดอะไรหน่อยได้ไหม ที่พระยาห์เวห์อวยพรให้ลุงร่ำรวยขึ้นมานี้[p] เป็นเพราะหลานอยู่กับลุง” 28 แล้วลาบันพูดว่า “บอกลุงมาเถอะ เจ้าจะให้จ่ายค่าแรงยังไง แล้วลุงจะจ่ายให้”

29 ยาโคบตอบว่า “ลุงก็รู้ว่า ผมทำงานหนักแค่ไหนให้กับลุง และลุงก็รู้ว่าผมเอาใจใส่ดูแลฝูงสัตว์ของลุงดีขนาดไหน 30 ก่อนผมมา ลุงมีแค่ฝูงสัตว์เล็กๆ แต่ตอนนี้มันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ไม่ว่าผมจะหันไปทางไหนก็ตามพระยาห์เวห์ก็ได้อวยพรให้กับลุง แต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องทำงานสร้างครอบครัวของผมเอง”

31 ลาบันพูดว่า “แล้วลุงควรจะให้อะไรกับเจ้าดี”

ยาโคบตอบว่า “ลุงไม่ต้องให้อะไรกับผมเลย ถ้าลุงยอมทำอย่างนี้ให้กับผม ผมก็จะกลับไปดูแลฝูงสัตว์ให้กับลุงเหมือนเดิม 32 ในวันนี้ผมจะเข้าไปสำรวจฝูงสัตว์ของลุง แกะทุกตัวที่เป็นจุดเป็นด่าง มีลายตามตัว และแกะดำทุกตัว รวมทั้งแพะตัวเมียที่เป็นจุดเป็นด่าง มีลายตามตัว ผมก็จะแยกออกมาจากฝูง พวกมันจะเป็นค่าแรงของผม 33 ในอนาคต ลุงจะได้เห็นง่ายๆว่าผมซื่อสัตย์หรือเปล่า ลุงก็แค่มาตรวจดูค่าแรงของผม ถ้าเห็นแพะตัวไหนไม่เป็นจุดเป็นด่าง หรือมีลายตามตัว หรือพบแกะตัวไหนที่ไม่ใช่แกะดำ อยู่กับผม ก็ถือว่าขโมยมา”

34 แล้วลาบันก็พูดว่า “ตกลงตามที่หลานพูด” 35 แต่ในวันนั้นลาบันได้แอบคัดเอาแพะตัวผู้และตัวเมียที่เป็นจุดเป็นด่าง และมีลายตามตัว ทุกตัวที่มีจุดขาว และลูกแกะดำทุกตัว เขาแอบแยกพวกมันออกมา แล้วเอาไปให้พวกลูกชายของเขาเลี้ยง 36 แล้วลาบันก็เอาสัตว์พวกนี้ไปเลี้ยงอีกที่หนึ่ง ที่ต้องเดินทางไปสามวัน เพื่อให้ห่างจากยาโคบ แต่ยาโคบก็เฝ้าดูแลฝูงสัตว์ของลาบันที่เหลืออยู่

37 แล้วยาโคบตัดกิ่งไม้สดของต้นไค้[q] ต้นอัลมอนต์[r] และพวกต้นเปลน[s] แล้วเขาก็ลอกเอาเปลือกไม้ออก เพื่อให้เห็นเนื้อไม้สีขาวด้านใน 38 และเขาก็เอากิ่งไม้พวกนั้นที่ลอกเปลือกออกแล้ว ไปวางไว้ในรางน้ำต่างๆตรงหน้าฝูงสัตว์ ตรงบริเวณที่มีน้ำที่ฝูงสัตว์จะมาดื่มน้ำกัน และฝูงสัตว์ก็ผสมพันธุ์กัน ตอนที่พวกมันมาดื่มน้ำ 39 เมื่อฝูงแพะผสมพันธุ์กันตรงหน้ากิ่งไม้นั้น มันก็ออกลูกมาเป็นลาย เป็นจุดเป็นด่างกัน

40 ยาโคบก็แยกแกะออกมาไว้ต่างหาก เขาทำให้ฝูงแกะหันไปทางกิ่งที่มีลายดำๆ ทำให้แกะเกิดออกมาสีดำทุกตัวในฝูงของลาบัน ยาโคบก็เลยแยกฝูงสัตว์ออกมาเป็นของเขาเอง ไม่ได้รวมอยู่กับของลาบัน 41 เมื่อไหร่ก็ตามที่สัตว์ตัวที่แข็งแรงผสมพันธุ์กัน ยาโคบก็จะวางกิ่งไม้พวกนั้นในรางน้ำ ตรงหน้าพวกมัน เพื่อว่าพวกสัตว์จะได้ผสมพันธุ์กันตรงหน้ากิ่งไม้พวกนั้น 42 แต่เวลาสัตว์ที่อ่อนแอผสมพันธุ์กัน ยาโคบก็ไม่ได้เอากิ่งไม้มาวาง ดังนั้นสัตว์ตัวที่อ่อนแอที่เกิดมาก็เป็นของลาบัน ส่วนตัวที่แข็งแรงก็เป็นของยาโคบ 43 แล้วยาโคบก็กลายเป็นคนที่ร่ำรวยมหาศาล เขามีฝูงสัตว์ที่ใหญ่มาก มีพวกทาสชายหญิง มีทั้งฝูงอูฐ และฝูงลา

ยาโคบหลบหนีจากลาบัน

31 ยาโคบได้ยินพวกลูกชายของลาบันคุยกันว่า “ยาโคบเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของพ่อพวกเราไปหมดแล้ว และที่เขาร่ำรวยอยู่นี้ ก็มาจากของพ่อพวกเราทั้งนั้น” แล้วยาโคบสังเกตเห็นสีหน้าและแววตาของลาบันที่มีต่อเขานั้นเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม แล้วพระยาห์เวห์พูดกับยาโคบว่า “กลับไปยังแผ่นดินของบรรพบุรุษเจ้าและครอบครัวของเจ้าได้แล้ว เราจะอยู่กับเจ้า”

ยาโคบจึงเรียกคนไปตามราเชลและเลอาห์ให้มาเจอกันที่ฝูงสัตว์ในท้องทุ่ง ยาโคบบอกกับพวกเขาว่า “พี่สังเกตเห็นสีหน้าของพ่อพวกน้องที่มีต่อพี่นั้นเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม แต่พระเจ้าของพ่อพี่อยู่กับพี่ น้องก็รู้ว่าพี่ได้ทำงานให้กับพ่อของน้องอย่างเต็มที่ แต่พ่อของน้องโกงพี่ และเปลี่ยนแปลงค่าแรงของพี่เป็นสิบครั้งแล้ว แต่พระเจ้าไม่ปล่อยให้เขาทำร้ายพี่หรอก

ถ้าลาบันพูดว่า ‘สัตว์ทุกตัวที่เป็นจุดจะเป็นค่าจ้างของเจ้า’ สัตว์ทุกตัวก็ออกลูกมาเป็นจุด ถ้าเขาพูดว่า ‘สัตว์ทุกตัวที่เป็นลายจะเป็นค่าจ้างของเจ้า’ สัตว์ทุกตัวก็ออกลูกมาเป็นลาย พระเจ้าได้เอาฝูงสัตว์ของพ่อน้องไป และเอามาให้กับพี่

10 ในช่วงฤดูที่สัตว์ผสมพันธุ์กันนั้น พี่ได้ฝันเห็นฝูงแพะตัวผู้ที่กำลังผสมพันธุ์กันนั้นเป็นจุด เป็นด่าง และมีลายตามตัว 11 และทูตสวรรค์ของพระเจ้าพูดกับพี่ในความฝันว่า ‘ยาโคบ’ แล้วพี่ก็ตอบว่า ‘ผมอยู่นี่ครับ’

12 ทูตสวรรค์พูดว่า ‘มองดูสิ แพะตัวผู้ทุกตัวที่กำลังผสมพันธุ์กันนั้นมีลาย เป็นจุดและเป็นด่าง เพราะเราได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ลาบันได้ทำกับเจ้า 13 เราเป็นพระเจ้าแห่งเบธเอลที่ที่เจ้าได้เจิมเสาหิน และที่ที่เจ้าได้สาบานกับเรา บัดนี้ ลุกขึ้น และไปจากที่นี่ซะ และกลับไปยังแผ่นดินของครอบครัวเจ้า’”

14 แล้วราเชลและเลอาห์ตอบยาโคบว่า “พ่อของเราไม่มีอะไรเหลือให้กับเราทั้งสองคนแล้วเมื่อเขาตาย 15 เขาทำกับเราเหมือนคนต่างชาติ เพราะเขาได้ขายเราให้กับพี่ แล้วใช้เงินที่ควรจะเป็นของเราไปจนหมดแล้ว 16 ความมั่งคั่งทั้งหมดที่พระเจ้าได้เอาไปจากพ่อของเรา อันที่จริงแล้วมันเป็นของเราและลูกๆของเรา ตอนนี้ให้พี่ทำทุกอย่างตามที่พระเจ้าบอกพี่เถิด”

17 แล้วยาโคบก็ลุกขึ้น และให้พวกลูกเมียของเขาขึ้นขี่อูฐ 18 แล้วยาโคบได้ต้อนพวกสัตว์เลี้ยงทั้งหมด รวมทั้งเอาทรัพย์สินทั้งหมดที่เขาหาได้ตอนที่อยู่ปัดดาน อารัม เดินทางไปหาอิสอัคพ่อของเขาในแผ่นดินคานาอัน

19 ในเวลานั้นลาบันได้ออกไปตัดขนแกะจากฝูงแกะของเขา และราเชลได้ขโมยพวกพระประจำครอบครัวของพ่อนางไปด้วย

20 ยาโคบหลอกลาบันชาวอารัม คือไม่ยอมบอกลาบันว่าเขากำลังจะจากไป 21 ยาโคบรีบหนีไปพร้อมกับทุกอย่างที่เขามี เขาเริ่มออกเดินทางและข้ามแม่น้ำยูเฟรติส มุ่งหน้าไปยังแถบเนินเขากิเลอาด

22 ในวันที่สาม มีคนมาบอกลาบันว่ายาโคบได้หลบหนีไปแล้ว

23 ลาบันจึงพาญาติพี่น้องออกไล่ตามยาโคบไปถึงเจ็ดวัน และก็ตามยาโคบทันที่แถบเนินเขากิเลอาด 24 ในคืนนั้นพระเจ้าได้มาหาลาบันชาวอารัมในความฝัน พระองค์พูดกับลาบันว่า “ระวังให้ดี อย่าได้ขู่ทำร้ายยาโคบ[t]

การค้นหาพวกพระที่ถูกขโมยมา

25 ลาบันได้ไล่ตามยาโคบมาทัน ยาโคบตั้งเต็นท์อยู่ในแถบเนินเขา และลาบันได้ตั้งเต็นท์ของเขาอยู่ในแถบเนินเขากิเลอาด

26 ลาบันพูดกับยาโคบว่า “นี่เจ้าทำอะไรลงไป เจ้าหลอกลวงลุงทำไม และเจ้าได้พาลูกสาวของลุงหนีมาเหมือนเชลยศึก 27 ทำไมเจ้าต้องหลบหนีมา และหลอกลวงไม่ยอมบอกลุง ถ้าเจ้าบอกลุง ลุงจะได้จัดงานเลี้ยงส่งเจ้าอย่างสนุกสนานครื้นเครงด้วยเสียงเพลงจากกลองรำมะนาและพิณ[u] 28 เจ้ายังไม่ให้ลุงจูบลาพวกหลานๆและลูกสาวของลุงด้วย เจ้าทำตัวโง่จริงๆ 29 ลุงมีอำนาจที่จะทำร้ายพวกเจ้า แต่เมื่อคืนนี้พระเจ้าของพ่อเจ้าได้มาบอกกับลุงว่า ‘ระวังให้ดี อย่าได้ขู่ทำร้ายยาโคบ’ 30 แต่ตอนนี้ เจ้าก็ได้จากมาแล้ว เพราะคิดถึงบ้านของพ่อเจ้ามาก แต่ทำไมเจ้าถึงต้องขโมยพวกพระประจำบ้านของลุงมาด้วย”

31 ยาโคบตอบลาบันว่า “ที่ผมต้องหนีมาก็เพราะผมกลัว เพราะผมคิดว่าลุงจะต้องยึดเอาลูกสาวทั้งสองคนของลุงคืนไปจากผมแน่ 32 แต่ถ้าลุงเจอพระของลุงอยู่กับใคร คนๆนั้นจะต้องตาย ให้พวกญาติๆของลุงเป็นพยาน ชี้เลยถ้าลุงเห็นอะไรที่เป็นของลุงแล้วมาอยู่ที่นี่กับผม ลุงเอากลับไปได้เลย” แต่ยาโคบไม่รู้ว่าราเชลได้ขโมยพระพวกนั้นมา

33 ลาบันจึงเข้าไปในเต็นท์ของยาโคบ ของเลอาห์ และของสาวใช้ทั้งสองคนด้วย แต่หาไม่เจอ แล้วลาบันออกจากเต็นท์ของเลอาห์ แล้วเข้าไปในเต็นท์ของราเชล 34 ตอนนั้นราเชลได้เอาพระพวกนั้นไปซ่อนไว้ในอานอูฐ และนั่งทับพวกมันไว้ ลาบันคลำหาไปทั่วเต็นท์แต่ไม่พบ

35 ราเชลพูดกับพ่อว่า “อย่าโกรธฉันเลยนะพ่อ ที่ฉันไม่ได้ยืนขึ้นมาต้อนรับพ่อ เพราะฉันกำลังมีประจำเดือนอยู่” ลาบันได้ค้นหาจนทั่ว แต่ไม่พบพระประจำบ้านพวกนั้น 36 ยาโคบจึงโกรธ และได้ต่อว่าลาบัน ยาโคบถามลาบันว่า “ผมได้ทำผิดอะไรร้ายแรงหรือ ผมได้ทำบาปอะไรลงไป ลุงถึงได้ไล่ตามผมมาอย่างนี้ 37 ถึงแม้ว่าลุงได้คลำหาของๆผมจนทั่วแล้ว ลุงก็หาอะไรที่เป็นของลุงไม่พบเลยสักชิ้น ถ้าพบก็เอามันออกมาวางต่อหน้าญาติของผมและญาติของลุงเลย แล้วให้พวกเขาตัดสินระหว่างเราสองคน 38 ตลอดยี่สิบปีที่ผมอยู่กับลุง แกะและแพะตัวเมียสักตัวก็ไม่เคยแท้งลูก และผมก็ไม่เคยกินแกะตัวผู้จากฝูงของลุงเลย 39 ทุกครั้งที่สัตว์ของลุงถูกสัตว์ป่ากัดกิน ผมก็ยอมชดใช้ค่าเสียหายเอง ไม่เคยเอาซากมาให้ลุงดู แล้วบอกว่าผมไม่ผิด ลุงให้ผมต้องรับผิดชอบอยู่ดี ไม่ว่ามันจะถูกขโมยไปจากผมตอนกลางวันหรือกลางคืน 40 ในตอนกลางวันผมถูกแสงแดดแผดเผาจนหมดแรง ในตอนกลางคืนผมก็หนาวเหน็บจนนอนไม่หลับ 41 ตลอดยี่สิบปีนี้ที่ผมอยู่ในบ้านของลุง ผมได้ทำงานอย่างหนัก สิบสี่ปีแรกเพื่อแลกกับลูกสาวสองคนของลุง และอีกหกปีหลังเพื่อฝูงสัตว์ของลุง และลุงก็เปลี่ยนค่าจ้างของผมเป็นสิบครั้ง 42 ถ้าพระเจ้าของพ่อผม พระเจ้าของอับราฮัม พระองค์ผู้ที่อิสอัคเกรงกลัว[v] ไม่ได้อยู่ฝ่ายผมแล้วละก็ ตอนนี้ลุงคงส่งผมกลับไปมือเปล่าแน่ๆ พระเจ้าได้เห็นถึงความยากลำบากและงานหนักที่ผมลงมือทำ พระองค์ถึงได้เตือนลุงเมื่อคืนนี้”

ยาโคบกับลาบันทำข้อตกลงกัน

43 แล้วลาบันตอบยาโคบว่า “พวกลูกสาวนี้ก็เป็นลูกสาวของลุง พวกเด็กนี้ก็เป็นเด็กของลุง ฝูงสัตว์พวกนั้นก็เป็นฝูงสัตว์ของลุง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าเห็นก็เป็นของลุงทั้งนั้น แต่วันนี้ลุงจะทำอะไรได้กับลูกสาวพวกนี้ของลุง หรือเด็กๆที่พวกเขาเกิดมา 44 มาเถิด ให้เรามาทำข้อตกลงกันระหว่างเจ้ากับลุง[w] และขอให้มีพยานระหว่างเจ้ากับลุง” 45 ยาโคบได้เอาหินมาก้อนหนึ่งตั้งขึ้นเป็นแท่งหิน 46 แล้วยาโคบก็พูดกับญาติๆของเขาว่า “ไปเก็บก้อนหินมารวมกันที่นี่” แล้วพวกเขาได้ไปเก็บก้อนหินมารวมกันจนเป็นกอง แล้วพวกเขาได้กินอาหารกันข้างกองหินนั้น 47 ลาบันจึงเรียกสถานที่นั้นว่า “เยการ์สหดูธา”[x] ส่วนยาโคบเรียกมันว่า “กาเลเอด”[y] 48 แล้วลาบันพูดว่า “ในวันนี้ กองหินนี้ได้เป็นพยานระหว่างเจ้ากับลุง” ดังนั้นมันจึงมีชื่อเรียกว่า “กาเลเอด” 49 และ “มิสปาห์”[z] เพราะลาบันพูดว่า “ขอให้พระยาห์เวห์เฝ้าดูระหว่างเจ้ากับลุง ตอนที่เราแยกจากกัน 50 ถ้าเจ้าทำร้ายลูกสาวทั้งสองคนของลุง หรือถ้าเจ้าเอาเมียอื่นอีกนอกเหนือจากลูกสาวของลุง ถึงแม้จะไม่มีใครอยู่กับพวกเราก็ตาม ให้จำไว้ว่าพระเจ้าได้เป็นพยานระหว่างเจ้ากับลุง” 51 ลาบันพูดกับยาโคบว่า “ดูกองหินและเสาหินที่เราได้ตั้งขึ้นมาไว้ระหว่างเราสิ 52 กองหินนี้ก็เป็นพยาน เสาหินนี้ก็เป็นพยาน ว่าลุงจะไม่ข้ามกองหินนี้ไปฝั่งเจ้า และเจ้าก็จะไม่ข้ามกองหินและเสาหินนี้มาฝั่งลุง เพื่อทำร้ายกัน 53 ขอให้พระเจ้าของอับราฮัมและพระเจ้าของนาโฮร์ (พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา) ตัดสินระหว่างเรา”

ยาโคบได้สาบานในนามของผู้ที่อิสอัคพ่อของเขาเกรงกลัว 54 แล้วยาโคบได้ถวายเครื่องบูชาบนภูเขานั้น และเชิญญาติๆของเขามาร่วมกินอาหารกัน พวกเขาก็ได้มากินอาหารกัน และค้างคืนอยู่บนภูเขานั้น 55 ลาบันตื่นแต่เช้าตรู่ และจูบลาหลานๆและลูกสาวทั้งสองคน และเขาก็อวยพรให้กับพวกเขา แล้วลาบันได้เดินทางกลับไปยังบ้านของตน

ยาโคบเตรียมตัวเจอเอซาว

32 ยาโคบไปตามทางของเขา พวกทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้มาพบเขา เมื่อยาโคบเห็นพวกทูตสวรรค์นั้น เขาพูดว่า “นี่คือค่ายของพระเจ้า”[aa] เขาจึงเรียกสถานที่นั้นว่า “มาหะนาอิม”[ab]

แล้วยาโคบได้ส่งพวกผู้ส่งข่าวไปล่วงหน้าเขา เพื่อไปหาเอซาวพี่ชายของเขา ที่แคว้นเสอีร์ในเมืองเอโดม[ac] ยาโคบสั่งพวกเขาว่า “ให้พูดอย่างนี้กับเอซาวเจ้านายของฉันว่า ‘นี่คือสิ่งที่ยาโคบ ผู้รับใช้ของท่านกล่าวคือ “น้องได้อาศัยอยู่กับลาบัน ในฐานะคนต่างชาติมาจนถึงเดี๋ยวนี้ น้องมีทั้งฝูงวัว ฝูงลา ฝูงแกะ และทาสชายหญิงมากมาย และน้องส่งข่าวนี้มาบอกกับพี่ เจ้านายของน้อง เพื่อให้พี่ยอมรับ”’”

พวกผู้ส่งข่าวกลับมาหายาโคบและบอกว่า “พวกเราไปหาเอซาวพี่ชายของท่านแล้ว เขากำลังมาหาท่าน พร้อมกับคนสี่ร้อยคน”

ยาโคบกลัวมากและเครียดด้วย เขาจึงได้แบ่งคนที่มากับเขา รวมทั้งฝูงสัตว์ ฝูงวัว และพวกอูฐ ออกเป็นสองกลุ่ม เขาคิดว่า “ถ้าเอซาวมาพบกลุ่มแรกและทำลายมัน อีกกลุ่มที่เหลือจะได้หนีทัน”

แล้วยาโคบจึงพูดว่า “พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัคพ่อของข้าพเจ้า พระยาห์เวห์ พระองค์บอกกับข้าพเจ้าว่า ‘กลับไปยังประเทศและครอบครัวของเจ้า แล้วเราจะทำให้เจ้าเจริญรุ่งเรือง’ 10 ข้าพเจ้าไม่สมควรที่จะได้รับความรัก ความซื่อสัตย์ ที่พระองค์มอบให้กับข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์เลย เพราะตอนที่ข้าพเจ้าข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้ไปนั้น ข้าพเจ้ามีแค่ไม้เท้าอันเดียว แต่เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าเจริญขึ้นจนเป็นสองกลุ่ม 11 ได้โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของเอซาวพี่ชายของข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะข้าพเจ้ากลัวว่าเขาจะมาฆ่าข้าพเจ้า รวมทั้งแม่ทั้งหลายกับเด็กๆด้วย 12 แต่พระองค์บอกว่า ‘เราจะทำให้เจ้าเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน และเราจะทำให้เจ้ามีลูกหลานมากมาย เหมือนเม็ดทรายในทะเลที่ไม่มีวันนับได้หมด’”

13 แล้วยาโคบก็ค้างคืนอยู่ที่นั่น เขาได้เลือกของขวัญให้กับเอซาวพี่ชายของเขา เขาคัดพวกมันออกมาจากสิ่งที่มีอยู่ในมือเขา 14 คือแพะตัวเมียสองร้อยตัวและแพะตัวผู้ยี่สิบตัว แกะตัวเมียสองร้อยตัวและแกะตัวผู้ยี่สิบตัว 15 อูฐตัวเมียสามสิบตัวพร้อมกับลูกของมัน วัวตัวเมียสี่สิบตัวและวัวตัวผู้สิบตัว ลาตัวเมียยี่สิบตัวและลาตัวผู้สิบตัว 16 ยาโคบจึงจัดฝูงสัตว์แต่ละฝูงแยกต่างหากจากกัน และมอบให้คนรับใช้ของเขาดูแล แล้วยาโคบพูดกับคนรับใช้ว่า “ล่วงหน้าเราไปก่อน และให้ฝูงสัตว์แต่ละฝูงอยู่ห่างๆกัน” 17 ยาโคบสั่งกับคนใช้ของกลุ่มแรกว่า “เมื่อเอซาวพี่ชายเราเห็นเจ้าและถามว่า ‘เจ้าเป็นคนของใคร จะไปไหน และสัตว์พวกนี้ที่อยู่ตรงหน้าเจ้าเป็นของใคร’ 18 ก็ให้เจ้าตอบว่า ‘พวกมันเป็นของยาโคบผู้รับใช้ของท่าน ยาโคบส่งของขวัญนี้มาให้ท่าน เอซาวเจ้านายของเรา และโน่น ยาโคบกำลังตามหลังพวกเรามา’”

19 ยาโคบได้สั่งคนใช้ในกลุ่มที่สอง กลุ่มที่สาม และคนใช้ทั้งหมดที่เดินตามฝูงสัตว์พวกนั้น ให้พูดเหมือนๆกัน คือ “พวกเจ้าต้องพูดอย่างนี้กับเอซาวเมื่อเจ้าพบเขา 20 และเจ้าต้องพูดด้วยว่า ‘โน่นไง ยาโคบผู้รับใช้ท่านกำลังตามหลังพวกเรามา’”

เพราะยาโคบคิดว่า “ฉันจะระงับความโกรธของเขาด้วยของขวัญที่ล่วงหน้าไปก่อนฉัน หลังจากนั้นฉันจะพบเขาต่อหน้า บางทีเขาอาจจะยกโทษให้ฉัน” 21 ดังนั้นของขวัญจึงล่วงหน้ายาโคบไปก่อน ส่วนตัวเขาเองยังคงค้างคืนอยู่ในค่ายในคืนนั้น

22 ในคืนนั้น ยาโคบได้ลุกขึ้นมา พาเมียทั้งสองคนของเขา รวมทั้งสาวใช้ทั้งสองคน และลูกทั้งสิบเอ็ดคน ลุยตรงทางข้ามของแม่น้ำยับบอกไป 23 ยาโคบพาพวกเขาออกมาและส่งพวกเขาข้ามแม่น้ำไป และส่งทรัพย์สินทุกอย่างที่เขามีอยู่ข้ามแม่น้ำไปด้วย

การต่อสู้กับพระเจ้า

24 เหลือยาโคบเป็นคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้ข้ามไป มีชายคนหนึ่งมาปล้ำสู้กับเขาจนถึงรุ่งสาง 25 เมื่อชายคนนั้นเห็นว่าเขาไม่สามารถที่จะเอาชนะยาโคบได้ ในระหว่างที่ยังปล้ำสู้กันอยู่นั้น เขาได้ต่อยไปที่ข้อต่อตรงสะโพกข้างหนึ่งของยาโคบ ทำให้ข้อต่อนั้นเคลื่อนไป

26 ชายคนนั้นพูดว่า “ปล่อยเราไปเถิด เพราะตะวันกำลังขึ้นแล้ว”

ยาโคบตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไม่ปล่อยท่านไปหรอก จนกว่าท่านจะอวยพรให้ข้าพเจ้าก่อน”

27 ชายคนนั้นถามยาโคบว่า “เจ้าชื่ออะไร”

ยาโคบตอบว่า “ยาโคบ”

28 ชายคนนั้นพูดว่า “ชื่อของเจ้าจะไม่ใช่ยาโคบอีกต่อไป แต่จะเป็นอิสราเอล[ad] เพราะเจ้าได้ต่อสู้กับพระเจ้าและมนุษย์ และเจ้าก็ชนะด้วย”

29 ยาโคบถามว่า “ช่วยบอกชื่อท่านหน่อย”

แต่ชายคนนั้นตอบว่า “เจ้าถามชื่อเราทำไม” และชายคนนั้นได้อวยพรยาโคบที่นั่น

30 ยาโคบจึงเรียกสถานที่นั้นว่า “เปนีเอล”[ae] เขาพูดว่า “เพราะเราได้เห็นพระเจ้าซึ่งๆหน้า แต่เราก็ยังมีชีวิตอยู่” 31 ตะวันขึ้นในขณะที่เขาเดินผ่านเปนูเอลไป แต่เขาเดินโขยกเขยกเพราะสะโพกของเขา 32 เพราะอย่างนี้ คนอิสราเอลถึงไม่กินเอ็นที่สะโพก ตรงข้อต่อสะโพก จนถึงทุกวันนี้ เพราะยาโคบถูกต่อยตรงข้อต่อที่สะโพก ตรงเส้นเอ็นที่สะโพก

ยาโคบเจอกับเอซาวอีกครั้งหนึ่ง

33 ยาโคบมองเห็นเอซาวกำลังมาพร้อมกับพวกอีกสี่ร้อยคน ยาโคบจึงแบ่งเด็กๆให้เลอาห์ ราเชล และสาวใช้ทั้งสองคน เขาให้สาวใช้ทั้งสองกับลูกอยู่ข้างหน้า ถัดมาเป็นเลอาห์กับลูก และสุดท้ายเป็นราเชลและโยเซฟ

ส่วนตัวเขาเองอยู่ข้างหน้าพวกเขา และเขาก้มกราบลงกับพื้นถึงเจ็ดครั้ง จนเข้าใกล้พี่ชายของเขา

แต่เอซาววิ่งเข้ามาหาเขา สวมกอดและจูบเขา แล้วต่างก็ร้องไห้ แล้วเอซาวมองเห็นพวกผู้หญิงกับลูกๆ เอซาวจึงพูดว่า “คนพวกนี้ที่อยู่กับน้องเป็นใครกัน”

ยาโคบตอบว่า “ลูกๆที่พระเจ้าได้ให้กับน้องผู้รับใช้ของพี่”

สาวใช้ทั้งสองคนพร้อมกับลูกๆของพวกนาง ก็เข้ามาถึงเอซาวและก้มกราบลง เลอาห์และลูกๆของนางได้เข้ามาถึงและก้มกราบลง แล้วโยเซฟและราเชลก็เข้ามาถึงและก้มกราบลง

เอซาวพูดว่า “แล้วที่พี่เจอระหว่างทางมาที่นี่นั้น น้องกำลังจะทำอะไรหรือ”

ยาโคบตอบว่า “เพื่อให้พี่ผู้เป็นเจ้านายของน้องยอมรับน้องไง”

เอซาวตอบว่า “น้องพี่ พี่มีมากมายเหลือเฟือแล้ว เก็บของน้องไว้เถิด”

10 แต่ยาโคบพูดว่า “ไม่ได้ครับพี่ ถ้าพี่ยอมรับน้อง ช่วยรับของขวัญพวกนั้นจากมือน้องด้วย เพราะสำหรับน้องแล้ว ได้มาอยู่ต่อหน้าพี่ ก็เหมือนได้มาอยู่ต่อหน้าพระเจ้า เพราะพี่ยอมรับน้องแล้ว 11 ช่วยรับของขวัญที่น้องเอามาให้กับพี่ด้วยเถิด เพราะพระเจ้าได้เมตตาน้อง ทำให้น้องมีทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ” ยาโคบได้อ้อนวอนให้เอซาวรับ สุดท้ายเอซาวก็ยอมรับของขวัญนั้นไว้

12 เอซาวพูดว่า “ให้พวกเราเดินทางต่อไปด้วยกันเถิด พี่จะเดินทางไปกับน้องด้วย”

13 แต่ยาโคบบอกเขาว่า “พี่ท่าน พี่ก็รู้อยู่แล้วว่าพวกเด็กๆนั้นอ่อนแอ และพวกฝูงแพะ แกะ และฝูงวัวกำลังเลี้ยงลูกอ่อนอยู่ น้องเป็นห่วงพวกมัน ถ้าน้องบังคับให้พวกมันเดินมากเกินไปในหนึ่งวัน สัตว์ทั้งหมดก็จะตาย 14 ขอให้พี่ท่านเดินทางล่วงหน้าไปก่อนผู้รับใช้เถิด แล้วน้องจะเดินตามไปช้าๆตามกำลังของสัตว์ที่อยู่ข้างหน้า และตามกำลังของเด็กๆจนกว่าจะไปพบพี่เจ้านายของน้องที่เสอีร์”

15 เอซาวพูดว่า “พี่จะทิ้งคนของพี่ไว้กับน้องบ้าง”

ยาโคบพูดว่า “ไม่ต้องหรอกพี่ ขอให้พี่ยอมรับน้องก็พอแล้ว”

16 ในวันนั้นเอซาวจึงมุ่งหน้ากลับไปที่เสอีร์ 17 แต่ยาโคบไปยังสุคคท และเขาได้สร้างบ้านให้กับตนเองที่นั่น และสร้างที่พักให้กับฝูงวัวของเขา เพราะอย่างนี้เขาจึงตั้งชื่อสถานที่นั้นว่า “สุคคท”[af]

18 ยาโคบจึงได้เดินทางจากปัดดาน อารัม มาถึงเมืองเชเคมแผ่นดินคานาอันอย่างปลอดภัย เขาได้ตั้งเต็นท์อยู่ทางตะวันออกของเมืองนั้น 19 ยาโคบได้ซื้อส่วนหนึ่งของทุ่งหญ้าที่เขาได้ใช้ตั้งเต็นท์นั้น จากลูกๆของฮาโมร์พ่อของเชเคม เป็นเงินหนึ่งร้อยเหรียญ 20 ยาโคบได้สร้างแท่นบูชาไว้ที่นั่นและได้เรียกมันว่า “เอล[ag] พระเจ้าของอิสราเอล”

ดีนาห์ถูกข่มขืน

34 ดีนาห์ ลูกสาวของเลอาห์และยาโคบ ได้ออกไปเยี่ยมเยียนผู้หญิงในแคว้นนั้น เชเคมลูกชายของฮาโมร์คนฮีไวต์ซึ่งเป็นเจ้าชายของแคว้นนั้น เห็นดีนาห์ ก็จับนางไปข่มขืน แต่เชเคมรู้สึกผูกพันอย่างลึกซึ้งกับดีนาห์ ลูกของยาโคบ และเขาหลงรักนาง เขาพยายามพูดอ่อนหวานกับนาง เพื่อจะชนะใจนาง เชเคมพูดกับฮาโมร์พ่อของเขาว่า “ขอหญิงคนนี้ให้มาเป็นเมียลูกด้วยเถิด”

เมื่อยาโคบรู้เรื่องที่เชเคมทำร้ายข่มขืนดีนาห์ลูกสาวของเขา ตอนนั้นพวกลูกๆของเขายังดูแลฝูงวัวอยู่ในทุ่ง ยาโคบจึงรอจนพวกเขากลับมา ฮาโมร์พ่อของเชเคมมาพบยาโคบเพื่อขอเจรจา เป็นเวลาเดียวกับที่พวกลูกชายของยาโคบกลับมาจากทุ่ง เมื่อพวกเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็โมโหเดือดดาลมาก เพราะเชเคมได้ทำสิ่งชั่วช้าในอิสราเอล โดยนอนกับลูกสาวของยาโคบ ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้น

ฮาโมร์พูดกับพวกเขาว่า “เชเคมลูกชายของเราหลงรักลูกสาวของท่าน โปรดยกลูกสาวท่านให้เป็นเมียเขาด้วยเถิด การแต่งงานนี้จะเป็นเครื่องผูกมิตรกัน พวกท่านยกลูกสาวให้กับพวกเรา และรับลูกสาวของพวกเราไปให้กับพวกท่าน 10 พวกท่านมาตั้งหลักแหล่งร่วมกับเราที่นี่ก็ได้ ทั่วทั้งแผ่นดินนี้ยินดีต้อนรับท่าน เข้ามาตั้งถิ่นฐานและทำมาหากิน และครอบครองที่ดินที่นี่”

11 เชเคมพูดกับพ่อของดีนาห์และพี่น้องของนางว่า “ขอให้ยอมรับผมด้วย และผมจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านขอ 12 เรียกสินสอดและของขวัญแต่งงานแพงๆก็ได้ ผมจะจ่ายให้ตามที่ท่านบอก ขอเพียงยกนางให้เป็นเมียผม”

13 พวกลูกชายของยาโคบออกอุบายเพื่อแก้แค้นเชเคมกับฮาโมร์พ่อของเชเคม เพราะเชเคมไปข่มขืนดีนาห์น้องสาวของพวกเขา 14 พวกเขาบอกว่า “พวกเราไม่สามารถยกน้องสาวของเราให้กับชายที่ยังไม่ผ่านการขลิบ เพราะมันเป็นเรื่องเสื่อมเสียสำหรับพวกเรา 15 ตามเงื่อนไขนี้เท่านั้น เราถึงจะยอมตกลงกับท่าน คือถ้าท่านจะเป็นเหมือนพวกเรา ต้องขลิบผู้ชายทุกคน 16 แล้วเราจะยอมยกลูกสาวของพวกเราให้ท่าน และจะยอมรับลูกสาวของท่านมาอยู่กับพวกเรา และเราจะตั้งถิ่นฐานที่นี่กับท่าน เป็นพวกเดียวกับท่าน 17 แต่ถ้าพวกท่านไม่ยอมฟังเราและไม่ยอมขลิบ เราจะเอาตัวดีนาห์และไปจากที่นี่”

18 สิ่งที่พวกเขาบอกนั้น สร้างความพอใจให้ฮาโมร์และลูกชายเป็นอย่างมาก 19 เชเคมจึงไม่ได้ลังเลที่จะทำตามที่พวกเขาบอก เพราะเขาหลงรักลูกสาวยาโคบมาก

การแก้แค้น

ขณะนั้น เชเคมเป็นผู้ที่คนให้ความเคารพนับถือมากที่สุดในบ้านของพ่อเขา 20 ฮาโมร์และเชเคมลูกชายไปที่ประตูเมือง พวกเขาพูดกับผู้ชายในเมืองของเขาว่า 21 “คนเหล่านี้เป็นมิตรกับเรา ให้พวกเขาตั้งถิ่นฐานอยู่ในดินแดนนี้ และทำมาหากินกัน ดูสิ แผ่นดินนี้กว้างใหญ่พอสำหรับพวกเขา เราจะได้ลูกสาวของพวกเขามาเป็นเมียพวกเรา และเราจะยกลูกสาวพวกเราให้กับพวกเขา 22 แต่มีเงื่อนไขหนึ่ง ที่พวกเราจะต้องทำ คนพวกนี้ถึงจะตกลงอยู่กับเราและเป็นพวกเดียวกับเรา คือผู้ชายทุกคนในเมืองนี้จะต้องขลิบเหมือนกับที่พวกเขาขลิบ 23 แล้วฝูงวัว ทรัพย์สมบัติทั้งหมด และสัตว์เลี้ยงทั้งหมดของพวกเขา ก็จะตกเป็นของพวกเราอย่างแน่นอน เพียงแต่ให้พวกเราตกลงทำตามเงื่อนไขพวกเขาเท่านั้น แล้วพวกเขาถึงจะยอมอยู่ที่นี่กับเรา” 24 ทุกคนที่อยู่ที่ประตูเมืองนั้นยอมฟังฮาโมร์และเชเคมลูกชายของเขา ดังนั้นผู้ชายทุกคนในเมืองนั้นจึงขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศกัน

25 ในวันที่สาม ขณะที่พวกผู้ชายในเมืองยังเจ็บแผลอยู่ ลูกชายสองคนของยาโคบ คือสิเมโอนและเลวี พี่ชายของดีนาห์ ต่างถือดาบเข้าไปบุกในเมืองและลงมือฆ่าฟันผู้ชายทุกคน 26 พวกเขาฆ่าฮาโมร์กับเชเคมด้วย และพาตัวดีนาห์ออกมาจากบ้านของเชเคมและจากไป 27 แล้วพวกลูกชายคนอื่นๆของยาโคบก็เข้าไปในเมืองและขโมยทุกสิ่งทุกอย่างในนั้น เพราะเชเคมได้ข่มขืนน้องสาวของเขา 28 พวกเขาเอาฝูงแพะแกะ ฝูงวัว ฝูงลาของคนพวกนั้น ทุกอย่างที่อยู่ในเมืองและในท้องทุ่ง 29 ทั้งทรัพย์สมบัติ ผู้หญิงและเด็กๆ รวมทั้งทุกอย่างที่อยู่ในบ้านของพวกเขา เอาไปจนหมดสิ้น 30 แล้วยาโคบก็พูดกับสิเมโอนและเลวีว่า “พวกเจ้าสร้างปัญหาให้กับพ่อเสียแล้ว พวกเจ้าจะทำให้พ่อถูกคนที่นี่เหม็นขี้หน้า ทั้งพวกคานาอันและเปริสซี พ่อมีคนอยู่น้อยมาก และคนที่นี่อาจรวมตัวกันต่อต้านและโจมตีพ่อได้ เมื่อถึงเวลานั้นพ่อและครอบครัวของพ่อก็จะถูกทำลาย”

31 แต่ลูกของยาโคบตอบว่า “สมควรแล้วหรือ ที่เชเคมจะทำกับน้องสาวของพวกเราเหมือนกับเป็นหญิงโสเภณี”

ยาโคบที่เบธเอล

35 พระเจ้าพูดกับยาโคบว่า “ลุกขึ้นเถอะ ไปที่เบธเอล[ah] และตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่น ให้สร้างแท่นบูชาขึ้นที่นั่นให้กับพระเจ้าองค์ที่เคยปรากฏกับเจ้า[ai] ตอนที่เจ้าหลบหนีจากเอซาวพี่ชายของเจ้า”

ยาโคบจึงบอกกับครอบครัวของเขาและทุกคนที่อยู่กับเขาว่า “ให้ทิ้งพวกพระของคนต่างชาติที่พวกเจ้ามีอยู่ และชำระตัวเองให้บริสุทธิ์ และเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย ให้พวกเราไปจากที่นี่ แล้วขึ้นไปที่เบธเอล ที่นั่น ข้าจะสร้างแท่นบูชาให้กับพระเจ้า องค์ที่ตอบข้าในเวลาที่ข้ากำลังลำบาก และอยู่ด้วยกับข้าตลอดทางที่ข้าไป”

พวกเขาจึงเอาพวกพระต่างชาติที่พวกเขามี รวมทั้งต่างหูของพวกพระนั้นและต่างหูของพวกเขาเอง มาให้กับยาโคบ แล้วยาโคบได้เอาไปฝังไว้ใต้ต้นโอ้คใกล้เมืองเชเคม

พวกเขาได้ออกเดินทาง พระเจ้าทำให้ผู้คนที่อยู่ตามเมืองต่างๆแถบนั้น กลัวครอบครัวของยาโคบ จึงไม่มีใครกล้าไล่ตามมาแก้แค้นลูกชายของยาโคบ ยาโคบและคนที่อยู่กับเขาได้ไปถึงที่ลูส ซึ่งปัจจุบันเรียกว่าเบธเอลในแคว้นคานาอัน ยาโคบได้สร้างแท่นบูชาขึ้นที่นั่น และเรียกตำบลนั้นว่า “เอลเบเธล”[aj] เพราะพระเจ้าได้ปรากฏให้เขาเห็นที่นั่นเมื่อครั้งที่เขาหลบหนีจากพี่ชาย

เดโบราห์พี่เลี้ยงของเรเบคาห์ตายที่นั่น นางถูกฝังอยู่ใต้ต้นโอ๊คใกล้เบธเอล ยาโคบเรียกสถานที่นั้นว่า “อัลโลนบาคูท”[ak]

ชื่อใหม่ของยาโคบ

พระเจ้าได้ปรากฏตัวกับยาโคบอีก เมื่อเขากลับมาจากปัดดาน อารัม และพระองค์ได้อวยพรให้กับยาโคบ 10 พระองค์พูดกับเขาว่า “เจ้าชื่อยาโคบ แต่ชื่อของเจ้าจะไม่ใช่ยาโคบอีกต่อไป เจ้าจะมีชื่อใหม่ว่าอิสราเอล[al]” พระเจ้าจึงตั้งชื่อให้กับเขาว่าอิสราเอล

11 พระเจ้าพูดกับเขาว่า “เราคือพระเจ้าผู้เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจ[am] ให้เจ้าเกิดลูกหลานมากมาย และมีจำนวนมากขึ้น ชนชาติหนึ่งหรือแม้แต่อีกหลายๆชนชาติ จะสืบเชื้อสายมาจากเจ้า กษัตริย์ทั้งหลายจะมาจากเจ้า 12 แผ่นดินที่เราได้ยกให้อับราฮัมและอิสอัค เราก็จะยกให้กับเจ้าและลูกหลานของเจ้าที่เกิดมาภายหลัง” 13 แล้วพระเจ้าก็ลอยขึ้นไปจากเขา ตรงที่พระองค์พูดกับเขานั้น 14 ยาโคบจึงตั้งแท่งหินขึ้น ตรงบริเวณนั้นที่พระเจ้าได้พูดกับเขา และยาโคบได้เทเครื่องดื่มบูชาและเทน้ำมันมะกอกลงบนเสาหินนั้น เพื่ออุทิศมันให้กับพระเจ้า 15 ยาโคบตั้งชื่อสถานที่นั้นว่า “เบธเอล” เป็นสถานที่ที่พระเจ้าพูดกับเขา

ราเชลตายเมื่อคลอดลูก

16 หลังจากนั้นยาโคบและครอบครัวได้เดินทางออกจากเบธเอล ในระหว่างทางที่ยังอีกไกลกว่าจะถึงเอฟราธาห์ ราเชลเจ็บท้องคลอด นางคลอดลูกยากมาก เจ็บปวดทรมานมาก 17 ในระหว่างที่นางกำลังคลอดด้วยความยากลำบากนั้น หมอตำแยได้บอกนางว่า “ไม่ต้องกลัว นี่จะเป็นลูกชายอีกคนหนึ่งให้กับท่าน”

18 ขณะที่นางกำลังจะตาย นางตั้งชื่อลูกว่า เบนโอนี[an] แต่ยาโคบผู้เป็นพ่อตั้งชื่อเด็กว่า เบนยามิน[ao]

19 เมื่อราเชลตาย ร่างของนางถูกฝังอยู่ระหว่างทางที่จะไปเอฟราธาห์ (ซึ่งก็คือเบธเลเฮม) 20 ยาโคบจึงตั้งเสาหินขึ้นบนหลุมฝังศพของนาง และเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า เสาหินของหลุมศพราเชล มาจนถึงทุกวันนี้ 21 แล้วอิสราเอลได้เดินทางต่อ และเขาตั้งค่ายอยู่ทางตอนใต้ของหอคอยเอเดอร์[ap]

22 ในช่วงที่อิสราเอลอาศัยอยู่ในแคว้นนั้น รูเบนได้ไปร่วมหลับนอนกับบิลฮาห์[aq] เมียน้อยของพ่อเขา และเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของอิสราเอล

ครอบครัวอิสราเอล

(1 พศด. 2:1-2)

ขณะนั้นยาโคบมีลูกชายสิบสองคน

23 ลูกที่เกิดจากเลอาห์คือ รูเบน (ลูกคนโตของยาโคบ) สิเมโอน เลวี ยูดาห์ อิสสาคาร์ และเศบูลุน

24 ลูกชายที่เกิดจากราเชลคือ โยเซฟ และเบนยามิน

25 ลูกชายของบิลฮาห์สาวใช้ของราเชลคือ ดานและนัฟทาลี

26 ลูกชายของศิลปาห์สาวใช้ของเลอาห์คือ กาดและอาเชอร์ คนเหล่านี้คือลูกชายของยาโคบที่เกิดในปัดดาน อารัม

27 ยาโคบได้มาหาอิสอัคพ่อของเขาที่มัมเร (เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าคิริยาทอารบา หรือเฮโบรน) เป็นที่ที่อับราฮัมและอิสอัคอาศัยอยู่ 28 อิสอัคมีชีวิตอยู่หนึ่งร้อยแปดสิบปี 29 เขาตายและถูกฝังร่วมกับบรรพบุรุษ เขาเป็นคนแก่ที่มีอายุยืนยาวมาก เอซาวและยาโคบลูกทั้งสองของเขาได้ร่วมกันฝังศพเขา

ครอบครัวเอซาว

(1 พศด. 1:34-37)

36 ต่อไปนี้คือลูกหลานของเอซาว (ซึ่งก็คือเอโดม) เอซาวได้เอาพวกผู้หญิงชาวคานาอันมาเป็นเมีย คือ นางอาดาห์ลูกสาวของเอโลนชาวฮิตไทต์ นางโอโฮลีบามาห์ลูกสาวของอานาห์ อานาห์เป็นลูกชายของศิเบโอนชาวฮีไวต์ และนางบาเสมัท[ar]ที่เป็นลูกสาวของอิชมาเอล นางเป็นน้องสาวของเนบาโยธ ฝ่ายนางอาดาห์และเอซาวมีลูกชายชื่อเอลีฟัส ส่วนนางบาเสมัทมีลูกชายชื่อเรอูเอล และนางโอโฮลีบามาห์มีลูกชายชื่อ เยอูช ยาลาม และโคราห์ คนเหล่านี้คือลูกชายของเอซาวที่เกิดในแคว้นคานาอัน

เอซาวพาบรรดาเมีย ลูกชาย ลูกสาว และผู้คนทั้งหมดที่อยู่กับเขา รวมทั้งสัตว์เลี้ยง สัตว์อื่นๆและทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เขามีในแผ่นดินคานาอัน แล้วย้ายไปอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลจากยาโคบน้องชายของเขา เพราะพวกเขามีทรัพย์สมบัติมากมายเกินกว่าที่จะอยู่ด้วยกันได้ แผ่นดินที่พวกเขาอยู่ในขณะนี้ ไม่มีที่พอที่จะรับฝูงสัตว์ของพวกเขา เพราะฝูงสัตว์ของพวกเขาใหญ่โตเกินไป เอซาวจึงไปอาศัยอยู่ในแถบเนินเขาเสอีร์ (เอซาวก็คือเอโดม)

และนี่คือลูกหลานของเอซาว เอซาวเป็นบรรพบุรุษของคนเอโดมที่อาศัยอยู่ในแถบเนินเขาเสอีร์

10 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของลูกๆเอซาว คือ เอลีฟัส เกิดจากนางอาดาห์ เมียของเอซาว และเรอูเอล เกิดจากนางบาเสมัทเมียของเอซาว

11 เอลีฟัสมีลูกชายห้าคน คือเทมาน โอมาห์ เศโฟ กาทามและเคนัส

12 (เอลีฟัสยังมีเมียน้อยชื่อทิมนา และนางทิมนาคลอดลูกชายให้กับเอลีฟัส ชื่ออามาเลค) พวกนี้คือรายชื่อหลานๆของเอซาว ที่เกิดจากลูกชายของอาดาห์เมียของเอซาว

13 ส่วนเรอูเอลมีลูกสี่คน คือนาหัท เศราห์ ชัมมาห์และมิสซาห์

พวกนี้คือรายชื่อหลานๆของเอซาว ที่เกิดจากลูกชายของบาเสมัทเมียของเอซาว

14 ส่วนเมียคนที่สามของเอซาวคือโอโฮลีบามาห์ นางเป็นลูกสาวของอานาห์ อานาห์เป็นลูกชายศิเบโอน นางโอโฮลีบามาห์ได้คลอดลูกชายสามคนให้กับเอซาว คือเยอูช ยาลาม และโคราห์

15 ต่อไปนี้คือหัวหน้าตระกูลต่างๆที่สืบเชื้อสายมาจากเอซาว

ลูกชายคนแรกของเอซาวคือเอลีฟัส ลูกๆของเอลีฟัส ก็มีเทมาน โอมาห์ เศโฟ เคนัส

16 โคราห์ กาทามและอามาเลค

คนพวกนี้ได้กลายเป็นหัวหน้าตระกูลต่างๆที่สืบเชื้อสายมาจากเอลีฟัสในดินแดนเอโดม พวกเขาเป็นลูกหลานของนางอาดาห์เมียเอซาว

17 เรอูเอลลูกชายของเอซาวก็มีลูกๆคือ นาหัท เศราห์ ชัมมาห์และมิสซาห์

คนพวกนี้ได้กลายเป็นหัวหน้าตระกูลต่างๆที่สืบเชื้อสายมาจากเรอูเอลในดินแดนเอโดม พวกเขาเป็นลูกหลานของนางบาเสมัทเมียเอซาว

18 นางโอโฮลีบามาห์เมียเอซาว ได้คลอดลูกชายคือเยอูช ยาลาม และโคราห์ ทั้งสามคนได้กลายเป็นหัวหน้าตระกูลเยอูช ยาลามและโคราห์ ที่สืบเชื้อสายมาจากนางโอโฮลีบามาห์เมียเอซาว ลูกสาวของอานาห์

19 คนพวกนั้นทั้งหมดเป็นหัวหน้าตระกูลต่างๆที่สืบเชื้อสายมาจากเอซาว (ซึ่งก็คือเอโดม)

ครอบครัวเสอีร์

(1 พศด. 1:38-42)

20 ต่อไปนี้คือพวกลูกชายของเสอีร์ชาวโฮรี ที่อาศัยในแผ่นดินนั้น พวกเขาชื่อว่า

โลทาน โชบาล ศิเบโอน อานาห์ 21 ดีโชน เอเซอร์ และดีชาน พวกเขาเป็นหัวหน้าตระกูลของคนโฮรี ผู้สืบเชื้อสายมาจากเสอีร์ ในแผ่นดินเอโดม

22 โลทานมีลูกชาย คือ โฮรี เฮมาน[as] โลทานมีน้องสาวคือทิมนา

23 โชบาลมีลูกชาย คือ อัลวาน มานาฮาท เอบาล เชโฟและโอนัม

24 ศิเบโอนมีลูกชายคือ อัยยาห์และอานาห์ (อานาห์คือผู้พบตาน้ำ[at] ในเขตเทือกเขา ขณะที่เขากำลังดูแลฝูงลาของพ่อเขาอยู่)

25 อานาห์มีลูกชายคือ ดีโชน และมีลูกสาวคือโอโฮลีบามาห์

26 ดีโชนมีลูกชาย คือ เฮมดาน เอชบาน อิธรานและเคราน

27 เอเซอร์มีลูกชาย คือ บิลฮาน ศาวาน และอาขาน

28 ดีชานมีลูกชาย คือ อูสและอารัน

29 ต่อไปนี้คือหัวหน้าตระกูลต่างๆของชาวโฮรี คือ โลทาน โชบาล ศิเบโอน อานาห์ 30 ดีโชน เอเซอร์ และดีชาน พวกเขาเป็นหัวหน้าตระกูลต่างๆของชาวโฮรีในแคว้นเสอีร์

กษัตริย์ของเอโดม

(1 พศด. 1:43-54)

31 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของกษัตริย์ที่ปกครองแผ่นดินเอโดม ก่อนที่อิสราเอลจะมีกษัตริย์ปกครอง[au]

32 เบลาลูกชายของเบโอร์ขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองแคว้นเอโดมเมืองของเขา[av] ชื่อว่าดินฮาบาห์

33 เมื่อเบลาตาย โยบับลูกชายเศราห์จากเมืองโบสราห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อ

34 เมื่อโยบับตาย หุชามจากดินแดนเทมานขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อ

35 เมื่อหุชามตาย ฮาดัด[aw] ลูกชายเบดัดเป็นกษัตริย์ต่อ (ฮาดัดคือผู้ที่รบชนะชาวมีเดียนในประเทศโมอับ) เมืองของเขาชื่ออาวีท

36 เมื่อฮาดัดตาย สัมลาห์จากเมืองมัสเรคาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อ

37 เมื่อสัมลาห์ตาย ชาอูลจากเมืองเรโหโบทริมแม่น้ำยูเฟรติสขึ้นเป็นกษัตริย์

38 เมื่อชาอูลตาย บาอัลฮานันลูกชายอัคโบร์ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อ

39 เมื่อบาอัลฮานันลูกชายอัคโบร์ตาย ฮาดาร์ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อ เมืองของเขาชื่อปาอู เขามีเมียชื่อเมเหทาเบล ซึ่งเป็นลูกสาวของมัทเรด มัทเรดเป็นลูกสาวของเมซาหับ

40 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของหัวหน้าตระกูลต่างๆที่เกิดจากเอซาว เรียงตามตระกูลและแคว้นต่างๆที่ใช้ชื่อเดียวกับตระกูลนั้น พวกเขาคือ

ทิมนา อัลวาห์ เยเธท 41 โอโฮลีบามาห์ เอลาห์ ปิโนน 42 เคนัส เทมาน มิบซาร์ 43 มักดีเอล และอิราม พวกเขาคือหัวหน้าตระกูลต่างๆของเอโดม ตามถิ่นฐานและแผ่นดินที่พวกเขาเป็นเจ้าของ เอซาวจึงเป็นต้นตระกูลของชาวเอโดม

โยเซฟนักฝัน

37 ยาโคบอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่พ่อเขาเคยอาศัยมาก่อน คือแผ่นดินคานาอัน นี่คือประวัติของครอบครัวยาโคบ

ตอนที่โยเซฟมีอายุสิบเจ็ดปี เขาเป็นคนดูแลฝูงแกะร่วมกับพี่น้องของเขา เขาเป็นผู้ช่วยของพวกลูกชายบิลฮาห์และศิลปาห์เมียของพ่อเขา โยเซฟจะกลับมาฟ้องเรื่องไม่ดีของพวกเขาให้พ่อฟังอยู่เรื่อย อิสราเอลรักโยเซฟมากกว่าลูกชายคนอื่น เพราะโยเซฟเพิ่งเกิดตอนที่อิสราเอลแก่แล้ว อิสราเอลทำเสื้อคลุมตัวยาวสวยสดงดงามที่มีแขนให้กับโยเซฟ พวกพี่ๆเห็นว่าพ่อรักโยเซฟมากกว่าพวกเขา พวกเขาจึงพากันเกลียดโยเซฟ และไม่ยอมแม้แต่จะทักทาย

ครั้งหนึ่งโยเซฟฝัน และเขาเล่าความฝันนั้นให้พวกพี่ชายฟัง ทำให้พวกเขายิ่งเกลียดโยเซฟมากขึ้น

โยเซฟเล่าว่า “ฟังความฝันของผมดูสิ พวกเรากำลังมัดฟ่อนข้าวอยู่กลางทุ่งนา ทันใดนั้น ฟ่อนข้าวของผมก็ตั้งตรงขึ้น และฟ่อนข้าวของพวกพี่ๆได้มาล้อมรอบและโค้งคำนับฟ่อนข้าวของผม”

พวกพี่ชายของเขาพูดกับเขาว่า “นี่เจ้าคิดว่าเจ้าจะได้เป็นกษัตริย์ปกครองเหนือพวกเราจริงๆล่ะซินะ” หลังจากนั้นพี่ชายของเขาก็ยิ่งเกลียดเขามากขึ้น เพราะความฝันและสิ่งที่โยเซฟเล่าเกี่ยวกับความฝันนั้น

ต่อมาโยเซฟได้ฝันอีก และเขาก็เล่าให้พวกพี่ชายฟังอีกว่า “ดูสิ ผมฝันอีกแล้ว คราวนี้ฝันว่า มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดาวสิบเอ็ดดวง ต่างมาโค้งคำนับผม”

10 เมื่อเขาเล่าให้พ่อและพวกพี่ชายฟัง พ่อก็ต่อว่าเขา และพูดกับโยเซฟว่า “เจ้าฝันอะไรของเจ้า นี่พ่อ แม่ และพี่ชายของเจ้าจะต้องกราบลงถึงพื้นต่อหน้าเจ้าอย่างนั้นหรือ” 11 พวกพี่ชายต่างอิจฉาเขา แต่พ่อของเขาเก็บเรื่องพวกนี้ไปคิด

12 วันหนึ่ง พวกพี่ชายของโยเซฟได้พาฝูงสัตว์ของพ่อไปกินหญ้าแถวเชเคม 13 อิสราเอลจึงพูดกับโยเซฟว่า “พวกพี่ชายเจ้ากำลังดูแลฝูงสัตว์อยู่ที่เชเคม มานี่เถิด พ่อจะส่งเจ้าไปหาพวกเขา”

โยเซฟตอบว่า “ครับพ่อ”

14 อิสราเอลพูดกับโยเซฟว่า “ไปเดี๋ยวนี้เลย ไปดูสิว่าพี่ชายของเจ้ากับฝูงสัตว์สบายดีหรือเปล่า แล้วกลับมาบอกพ่อนะ” แล้วอิสราเอลก็ส่งโยเซฟจากหุบเขาเฮโบรนไปยังเชเคม แล้วโยเซฟก็มาถึงเชเคม

15 ชายคนหนึ่งพบโยเซฟกำลังเดินไปมาอยู่ในท้องทุ่ง เขาจึงถามโยเซฟว่า “เจ้ากำลังหาอะไรหรือ”

16 โยเซฟตอบว่า “ผมกำลังตามหาพวกพี่ชาย ช่วยบอกหน่อยว่าพวกเขาเอาสัตว์ไปกินหญ้าแถวไหน”

17 ชายคนนั้นตอบว่า “พวกเขาไปจากที่นี่แล้ว ข้าได้ยินพวกเขาพูดกันว่า ‘พวกเราไปเมืองโดธานกันเถอะ’” โยเซฟจึงตามพวกพี่ชายไป และพบพวกเขาในเมืองโดธาน

โยเซฟถูกขายเป็นทาส

18 เมื่อพวกพี่ชายเห็นโยเซฟมาแต่ไกล พวกเขาได้วางแผนฆ่าโยเซฟก่อนที่โยเซฟจะเดินมาถึง 19 พวกเขาพูดกันว่า “ดูนั่น เจ้านักฝันกำลังเดินมาแล้ว 20 มาเถอะ ช่วยกันฆ่ามัน แล้วโยนมันทิ้งในบ่อน้ำแห้งๆพวกนี้ แล้วให้เราบอกว่ามันถูกสัตว์ป่าขย้ำกิน แล้วมาดูสิว่าฝันพวกนั้นของมันจะเป็นยังไง”

21 เมื่อรูเบนได้ยิน เขาพยายามจะช่วยโยเซฟให้พ้นจากมือของพวกนั้น เขาพูดว่า “อย่าฆ่าเขาเลย” 22 รูเบนพูดว่า “อย่าให้ถึงกับนองเลือดเลย แค่โยนเขาลงไปในบ่อแห้งกลางทะเลทรายก็พอ อย่าทำร้ายเขาเลย” รูเบนพูดอย่างนี้ เพราะกะว่าจะช่วยโยเซฟให้พ้นจากเงื้อมมือของพวกนี้ และส่งเขากลับไปหาพ่อ 23 เมื่อโยเซฟมาถึง พวกพี่ชายก็ช่วยกันดึงเสื้อคลุมที่มีแขนออกจากตัวโยเซฟ 24 แล้วเอาเขาโยนลงไปในบ่อน้ำที่ว่างเปล่าและไม่มีน้ำ

25 พวกเขาได้นั่งลงกินอาหาร เมื่อพวกเขามองไป ก็เห็นขบวนพ่อค้าคนอิชมาเอลมาจากเมืองกิเลอาด มีฝูงอูฐบรรทุกเครื่องเทศ พิมเสนและยางไม้หอม พวกเขากำลังมุ่งหน้าลงไปอียิปต์ 26 ยูดาห์พูดกับพวกพี่น้องของเขาว่า “มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเราฆ่าน้องชายของเรา แล้วซ่อนศพไว้เฉยๆ 27 มาเถิด เอาตัวเขาขายให้กับชาวอิชมาเอล อย่าทำร้ายเขาเลย ยังไงเขาก็เป็นน้องของเรา เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเราเอง” แล้วพวกพี่น้องของเขาก็เห็นด้วย 28 เมื่อพ่อค้าชาวมีเดียนผ่านมา พวกเขาช่วยกันดึงตัวโยเซฟขึ้นจากบ่อ และพวกเขาได้ขายโยเซฟให้กับชาวอิชมาเอลเป็นเงินยี่สิบเชเขล[ax] และพวกอิชมาเอลก็พาโยเซฟไปอียิปต์

29 เมื่อรูเบนกลับมาที่บ่อน้ำนั้นอีกครั้ง เขาไม่พบโยเซฟในนั้น เขาฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเขาแสดงความเศร้าโศกเสียใจ 30 รูเบนกลับมาหาน้องๆของเขา และพูดว่า “เจ้าเด็กนั่นไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว แล้วทีนี้พี่จะทำยังไงดี” 31 พวกเขาจึงเอาเสื้อคลุมของโยเซฟมา และฆ่าแพะตัวผู้ตัวหนึ่ง แล้วเอาเสื้อคลุมของโยเซฟจุ่มลงไปในเลือดนั้น 32 แล้วพวกเขาก็เอาเสื้อเปื้อนเลือดตัวนั้นส่งให้พ่อดูและบอกว่า “เราพบเสื้อตัวนี้ ช่วยดูหน่อยว่าใช่เสื้อคลุมของลูกชายพ่อหรือเปล่าครับ”

33 ยาโคบจำเสื้อตัวนั้นได้และพูดว่า “มันเป็นเสื้อคลุมของลูกพ่อ สัตว์ป่าได้กัดกินเขาเสียแล้ว โยเซฟคงถูกฉีกเป็นชิ้นๆแน่แล้ว” 34 แล้วยาโคบก็ฉีกเสื้อผ้าของตน และเอาผ้ากระสอบมาคาดเอว เพื่อแสดงความเศร้าโศก เขายังคงเศร้าโศกเสียใจให้กับลูกชายของเขาเป็นเวลานาน 35 ทั้งลูกชายและลูกสาวคนอื่นต่างมาปลอบโยนเขา แต่เขาก็ทำใจไม่ได้ เขาพูดว่า “พ่อจะไว้ทุกข์ให้กับลูกคนนี้จนกว่าพ่อจะลงไปหาเขาในแดนคนตาย” แล้วยาโคบก็ร้องไห้ให้โยเซฟ

36 ขณะนั้นชาวมีเดียนได้ขายโยเซฟต่อไปให้กับโปทิฟาร์ในอียิปต์ โปทิฟาร์เป็นข้าราชการของฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์ และเป็นผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์

ยูดาห์และทามาร์

38 ในเวลานั้นยูดาห์ได้จากพี่น้องของเขา และเดินทางไปตั้งเต็นท์ อาศัยอยู่กับคนอดุลลัมคนหนึ่งชื่อฮีราห์ ที่นั่นยูดาห์ได้พบหญิงชาวคานาอันคนหนึ่ง พ่อของนางชื่อชูวา ยูดาห์เอานางมา และมีเพศสัมพันธ์กับนาง นางตั้งท้องและคลอดลูกชาย นางตั้งชื่อเด็กว่าเอร์ แล้วนางก็ตั้งท้องอีกคนและคลอดลูกเป็นชาย นางตั้งชื่อเด็กว่าโอนัน แล้วนางก็คลอดลูกชายอีกคน แล้วนางก็ตั้งชื่อเด็กว่าเชลาห์ ยูดาห์อาศัยอยู่ที่เคซิบเมื่อนางคลอดเชลาห์

ยูดาห์หาเมียคนหนึ่งให้เอร์ลูกชายคนโต นางชื่อทามาร์ แต่เอร์เป็นคนชั่วร้ายในสายตาพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์จึงทำให้เขาตาย ยูดาห์จึงพูดกับโอนันว่า “เข้าไปนอนกับเมียของพี่ชายเจ้าสิ เขาตายไปแล้ว และให้เจ้าไปทำหน้าที่น้องเขย[ay] ให้กับนาง และเกิดลูกให้กับพี่ชายของเจ้าด้วย”

โอนันรู้ว่าเด็กที่เกิดมานั้นจะไม่เป็นของเขา ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เขามีเพศสัมพันธ์กับเมียพี่ชาย เขาจะหลั่งน้ำกามบนพื้น เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องมีลูกให้กับพี่ชายของเขา 10 สิ่งที่โอนันทำนี้ เป็นสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ พระองค์จึงทำให้โอนันตายไปอีกคน 11 ยูดาห์จึงพูดกับทามาร์ลูกสะใภ้ว่า “กลับไปอยู่กับพ่อของเจ้าก่อนนะ และอย่าแต่งงานล่ะ รอจนกว่าเชลาห์ลูกชายของพ่อจะโต” เพราะยูดาห์กลัวว่าเชลาห์อาจจะตายเหมือนกับพี่ๆของเขา ทามาร์จึงกลับไปอยู่บ้านพ่อของนาง

12 หลังจากเวลาผ่านไปนาน เมียของยูดาห์ ลูกสาวของชูวาตาย เมื่อยูดาห์หายเศร้าโศกแล้ว เขากับฮีราห์เพื่อนคนอดุลลัมก็ขึ้นไปที่หมู่บ้านทิมนาห์ ไปหาคนที่ตัดขนแกะของเขา 13 มีคนมาบอกทามาร์ว่า “พ่อผัวของเธอกำลังมาที่หมู่บ้านทิมนาห์เพื่อมาตัดขนแกะของเขา” 14 ทามาร์จึงถอดชุดที่แสดงถึงการเป็นหม้ายออกและเอาผ้าคลุมหน้า แต่งตัวแล้วไปนั่งอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้านเอนาอิม ซึ่งอยู่ระหว่างทางไปหมู่บ้านทิมนาห์ เพราะนางรู้ว่าเชลาห์โตแล้ว และนางก็ยังไม่ได้ถูกยกให้เป็นเมียของเขา

15 เมื่อยูดาห์เห็นนางก็คิดว่าเป็นโสเภณี เพราะนางมีผ้าคลุมหน้า 16 ยูดาห์จึงเข้าไปหานางที่ข้างทางและพูดว่า “มาสิ มาร่วมหลับนอนกับพี่หน่อย” เพราะเขาไม่รู้ว่านางคือลูกสะใภ้ของเขา

ทามาร์จึงพูดว่า “พี่จะให้อะไรน้องหรือ ถ้าน้องยอมหลับนอนกับพี่”

17 ยูดาห์ตอบว่า “พี่จะส่งลูกแพะจากฝูงสัตว์มาให้กับน้องตัวหนึ่ง”

นางพูดว่า “ได้ค่ะ แต่พี่จะต้องให้อะไรเป็นเครื่องมัดจำกับน้องก่อน จนกว่าพี่จะส่งแพะมา”

18 ยูดาห์พูดว่า “พี่จะให้อะไรเป็นเครื่องมัดจำดีล่ะ”

นางตอบว่า “ขอตราประทับกับเชือกห้อย[az] ของพี่ก็แล้วกัน รวมทั้งไม้เท้าที่พี่ถืออยู่ด้วย” เขาจึงให้พวกมันกับนาง และเข้าไปนอนกับนาง อย่างนั้นนางจึงตั้งท้องกับเขา 19 แล้วนางลุกขึ้นกลับบ้านไป แล้วนางได้ถอดผ้าคลุมหน้าออกและสวมชุดแม่หม้ายตามเดิม

20 ยูดาห์ส่งลูกแพะมากับฮีราห์คนอดุลลัมเพื่อนของเขา เพื่อเอามาแลกกับตราประทับ เชือกห้อยและไม้เท้าจากหญิงคนนั้น แต่ฮีราห์หาหญิงคนนั้นไม่พบ 21 เขาถามคนแถวๆนั้นว่า “หญิงโสเภณีของวัด ที่อยู่ข้างทางเข้าหมู่บ้านเอนาอิมอยู่ที่ไหนหรือ”

แต่พวกเขาตอบว่า “แถวนี้ไม่เคยมีหญิงโสเภณีของวัดมาก่อน”

22 ฮีราห์จึงกลับมาหายูดาห์และบอกว่า “เราหานางไม่พบ และคนแถวนั้นบอกว่า ‘แถวนี้ไม่เคยมีหญิงโสเภณีของวัดมาก่อน’”

23 ยูดาห์จึงพูดว่า “ก็ปล่อยให้นางเก็บของพวกนั้นไว้แล้วกัน ไม่อย่างนั้นเราจะถูกหัวเราะเยาะได้ เราได้ส่งลูกแพะไปให้แล้ว แต่ท่านหานางไม่พบ”

นางทามาร์ตั้งท้อง

24 สามเดือนต่อมา มีคนมาบอกยูดาห์ว่า “ทามาร์ลูกสะใภ้ของท่านทำตัวเป็นโสเภณี ดูสิ ตอนนี้นางตั้งท้องแล้วเพราะการเป็นโสเภณีของนาง”

ยูดาห์พูดว่า “นำตัวนางออกมาและเผานางทั้งเป็น”

25 เมื่อทามาร์ถูกนำตัวมา นางได้ส่งคนส่งข่าวไปหาพ่อผัวของนางว่า “ชายคนที่เป็นเจ้าของสิ่งเหล่านี้เป็นคนทำให้ฉันท้อง” นางพูดว่า “ดูของพวกนี้สิ ทั้งตราประทับ เชือกห้อยและไม้เท้า มันเป็นของใครกัน”

26 ยูดาห์จำของพวกนี้ได้ทันที เขาพูดว่า “นางทำถูกแล้ว เราผิดเอง เพราะเราไม่ได้ยกนางให้เชลาห์ลูกชายของเราตามสัญญา” ยูดาห์ไม่เคยร่วมหลับนอนกับนางอีกเลยตั้งแต่นั้น

27 เมื่อครบกำหนดคลอด มีเด็กแฝดอยู่ในท้องนาง 28 และเมื่อนางคลอดลูกนั้น ลูกคนหนึ่งยื่นมือออกมาก่อน หมอตำแยก็เลยเอาด้ายแดงผูกข้อมือเด็กคนนั้นไว้ นางพูดว่า “คนนี้คลอดก่อน” 29 แต่ทันทีที่เด็กดึงมือกลับไป น้องชายของเขาก็คลอดออกมา หมอตำแยจึงพูดว่า “อะไรกัน นี่เจ้าแย่งออกมาก่อนเลยหรือ” ดังนั้นเขาจึงมีชื่อว่าเปเรศ[ba] 30 และต่อมาเด็กคนที่มีด้ายแดงผูกข้อมือจึงคลอดตามออกมา เขาจึงมีชื่อว่าเศราห์[bb]

โยเซฟถูกขายให้โปทิฟาร์ในอียิปต์

39 ตอนนี้โยเซฟได้ถูกนำตัวไปถึงอียิปต์ และโปทิฟาร์ชาวอียิปต์ซึ่งเป็นข้าราชสำนักของฟาโรห์และเป็นผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ได้ซื้อเขาต่อจากชาวอิชมาเอลคนที่พาโยเซฟมาที่นั่น พระยาห์เวห์สถิตอยู่กับโยเซฟ และทำให้เขาประสบความสำเร็จ เขาอาศัยอยู่ในบ้านของเจ้านายชาวอียิปต์คนนั้น

นายของเขาเห็นว่าพระยาห์เวห์สถิตอยู่กับเขา และพระองค์ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำประสบผลสำเร็จ เจ้านายของโยเซฟชอบโยเซฟมาก โยเซฟจึงกลายเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของเขา นายของเขาตั้งให้โยเซฟดูแลรับผิดชอบบ้านของเขา และทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี นับตั้งแต่เวลาที่เขาได้ตั้งให้โยเซฟดูแลบ้านของเขาและทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี พระยาห์เวห์ได้อวยพรให้กับบ้านของชาวอียิปต์คนนี้ เพราะโยเซฟอยู่กับเขา พระองค์ได้อวยพรให้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่โปทิฟาร์มี ทั้งในบ้านและในท้องทุ่ง

โปทิฟาร์จึงตั้งให้โยเซฟดูแลทุกสิ่งทุกอย่างของเขา เมื่อโยเซฟดูแลทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขา โปทิฟาร์ก็ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอะไรเลย นอกจากว่ามื้อต่อไปจะกินอะไรดี[bc]

โยเซฟปฏิเสธเมียของโปทิฟาร์

ตอนนี้โยเซฟโตเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาดี ต่อมาภายหลัง เมียของเจ้านายเริ่มให้ความสนใจในตัวโยเซฟ นางพูดว่า “มาร่วมหลับนอนกับฉันเถิด”

แต่โยเซฟปฏิเสธ เขาพูดกับเมียของเจ้านายว่า “ดูเถิด กับผมแล้ว เจ้านายไม่เคยต้องเป็นห่วงกังวลเกี่ยวกับเรื่องอะไรเลย เขาได้ตั้งให้ผมดูแลทุกสิ่งทุกอย่าง ในบ้านหลังนี้ไม่มีใครใหญ่กว่าผมอีกแล้ว และเขาไม่เคยห้ามอะไรผมเลย ยกเว้นท่าน เพราะท่านเป็นเมียเขา จะให้ผมทำสิ่งชั่วร้ายอย่างนี้ และทำบาปต่อพระเจ้าได้อย่างไร”

10 นางก็พูดชักชวนโยเซฟวันแล้ววันเล่า แต่โยเซฟไม่ยอมที่จะร่วมหลับนอนกับนาง 11 อยู่มาวันหนึ่ง โยเซฟเข้ามาทำงานของเขาในบ้าน ตอนนั้นไม่มีใครอยู่ในบ้านเลยสักคนเดียว 12 ทันใดนั้นเมียของโปทิฟาร์ก็คว้าเสื้อคลุมของเขาไว้และพูดว่า “มาร่วมหลับนอนกับฉันเถิด”

โยเซฟจึงสลัดเสื้อตัวนั้นทิ้งติดมือของนาง และวิ่งหนีออกไปข้างนอก

13 เมื่อนางเห็นว่าโยเซฟทิ้งเสื้อไว้ในมือนางและวิ่งหนีออกไปข้างนอก 14 นางจึงร้องเรียกคนใช้ของนางและพูดกับพวกเขาว่า “ดูสิ ผัวฉันเอาตัวเจ้าคนฮีบรูนั้นมาเพื่อทำให้พวกเราอับอายชัดๆ เขาเข้ามาหาฉันและพยายามจะปลุกปล้ำฉัน แต่ฉันร้องตะโกนเสียงดัง 15 เมื่อเขาได้ยินฉันร้องตะโกนเสียงดัง เขาจึงทิ้งเสื้อเขาไว้ข้างฉันและวิ่งหนีไปข้างนอก” 16 แล้วนางก็เก็บเสื้อของเขาไว้กับตัว จนผัวนางกลับมาบ้าน 17 นางก็เล่าเรื่องเดิมให้เขาฟังอีก “เจ้าคนใช้ชาวฮีบรูคนนั้น คนที่ท่านนำตัวมา เขาเข้ามาจะลวนลามฉัน 18 แต่เมื่อฉันตะโกนร้องให้ช่วยเสียงดัง เขาจึงทิ้งเสื้อเขาไว้กับฉันและวิ่งหนีไปข้างนอก”

โยเซฟถูกจำคุก

19 เมื่อเจ้านายของเขาได้ยินเรื่องที่เมียของเขาเล่าให้ฟังที่ว่า นี่คือสิ่งที่คนใช้ของท่านทำกับฉัน เขาโกรธมาก 20 เจ้านายของโยเซฟก็จับโยเซฟไปขังไว้ในคุกที่ใช้ขังพวกนักโทษของกษัตริย์ โยเซฟจึงถูกขังอยู่ที่นั่น

21 แต่พระยาห์เวห์สถิตกับโยเซฟ พระองค์แสดงความเอ็นดูเขาโดยทำให้หัวหน้าผู้ดูแลคุกนั้นชอบโยเซฟ 22 เขาก็ตั้งโยเซฟให้เป็นผู้ดูแลนักโทษทั้งหมดในคุกแห่งนั้น และโยเซฟได้เป็นคนสั่งงานทุกอย่างภายในคุกแห่งนั้น 23 งานอะไรก็แล้วแต่ที่โยเซฟดูแลอยู่ หัวหน้าคุกก็ปล่อยได้เลย ไม่ต้องสนใจ เพราะพระยาห์เวห์สถิตกับโยเซฟ และพระองค์ทำให้ทุกอย่างที่โยเซฟทำประสบผลสำเร็จ

โยเซฟทำนายฝันของนักโทษ

40 ต่อมาคนรับใช้ที่มีหน้าที่คอยยกแก้วเหล้าองุ่นให้กับกษัตริย์ของอียิปต์ และคนอบขนมปังของพระองค์ ทำให้พระองค์ไม่พอใจ ฟาโรห์โกรธทั้งสองคนนี้มาก คือทั้งคนยกแก้วเหล้าองุ่นและคนอบขนมปัง ฟาโรห์จึงให้จับสองคนนี้ไปขังในคุกที่อยู่ในบ้านของผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นคุกเดียวกับที่โยเซฟถูกขังอยู่ ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์มอบหมายให้โยเซฟคอยดูแลพวกเขา พวกเขาอยู่ในคุกไปได้ระยะหนึ่ง ทั้งคนยกเหล้าองุ่นและคนอบขนมปังของฟาโรห์ที่ถูกขังอยู่ในคุก ต่างก็ฝันในคืนเดียวกัน และความฝันนั้นก็มีความหมายแตกต่างกันไป ในตอนเช้าโยเซฟมาหาพวกเขา เห็นพวกเขาสองคนดูท่าทางเป็นทุกข์มาก โยเซฟจึงถามคนรับใช้ทั้งสองคนของฟาโรห์ที่อยู่กับเขาในคุกในบ้านของเจ้านายเขาว่า “ทำไมวันนี้หน้าตาพวกท่านดูเคร่งเครียดจัง”

พวกเขาตอบว่า “เมื่อคืนพวกเราฝัน แต่ไม่มีใครแก้ฝันให้เราได้เลย”

โยเซฟจึงตอบว่า “พระเจ้าเท่านั้นที่แก้ฝันได้ ไหนเล่าให้ผมฟังสิ”

ความฝันของคนยกเหล้าองุ่น

หัวหน้าคนยกถ้วยเหล้าองุ่นจึงเล่าความฝันให้โยเซฟฟังว่า “ในความฝันผมได้เห็นเถาองุ่นอยู่ตรงหน้า 10 บนเถานั้นมีกิ่งอยู่สามกิ่ง ทันใดนั้นมันก็ผลิดอกและดอกของมันก็บาน และช่อของมันก็กลายเป็นผลองุ่นสุก 11 และถ้วยของฟาโรห์ก็อยู่ในมือผม ผมได้หยิบผลองุ่นมาคั้นเป็นน้ำใส่ถ้วยของฟาโรห์ และเอาถ้วยนั้นใส่มือของฟาโรห์”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International