Bible in 90 Days
12 โยเซฟพูดว่า “แก้ฝันตามนี้คือ 3 กิ่งได้แก่ 3 วัน 13 ภายใน 3 วันฟาโรห์จะให้ท่านออกไปจากคุกและคืนตำแหน่งหน้าที่ให้ท่าน และท่านจะยื่นถ้วยของฟาโรห์ใส่มือให้ดังเดิม เป็นหน้าที่ถวายเหล้าองุ่นอย่างที่ท่านเคยทำแต่แรก 14 เมื่อทุกสิ่งเป็นไปด้วยดีสำหรับท่านแล้ว ก็ขอให้ระลึกถึงข้าพเจ้าบ้าง ขอความกรุณาพูดถึงข้าพเจ้าให้ฟาโรห์ฟัง และพาตัวข้าพเจ้าออกไปจากบ้านนี้ด้วย 15 ข้าพเจ้าถูกลักตัวมาจากดินแดนของชาวฮีบรู แม้แต่ที่นี่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ทำสิ่งใดที่ควรแก่การถูกจำคุก”
16 เมื่อหัวหน้าพนักงานทำขนมปังเห็นว่าการแก้ฝันออกมาดี เขาจึงพูดกับโยเซฟว่า “เราก็ฝันด้วย มีตะกร้าขนมปัง 3 ใบบนศีรษะเรา 17 ตะกร้าที่อยู่บนสุดมีขนมปังสารพัดชนิดสำหรับฟาโรห์ แต่นกพากันจิกกินขนมปังจากตะกร้าบนศีรษะเรา” 18 โยเซฟตอบว่า “แก้ฝันตามนี้คือ ตะกร้า 3 ใบได้แก่ 3 วัน 19 ภายใน 3 วันฟาโรห์จะให้ท่านออกไปจากคุกและท่านจะถูกตัดหัว ตัวท่านจะถูกแขวนไว้ที่ต้นไม้ แล้วพวกนกจะกินเนื้อท่าน”
20 สามวันต่อมาเป็นวันเกิดฟาโรห์ ท่านจัดงานฉลองใหญ่ให้ผู้รับใช้ทั้งปวงของท่าน และให้หัวหน้าพนักงานถวายเหล้าองุ่นกับหัวหน้าพนักงานทำขนมปังออกไปจากคุก แล้วให้มาอยู่ท่ามกลางบรรดาผู้รับใช้ของท่าน 21 ท่านให้หัวหน้าพนักงานถวายเหล้าองุ่นรับตำแหน่งเดิม แล้วเขาก็ยื่นถ้วยใส่มือฟาโรห์ 22 ส่วนร่างของหัวหน้าพนักงานทำขนมปังถูกแขวนไว้ ตามที่โยเซฟได้แก้ฝันให้ทั้งสองคน 23 กระนั้นก็ตามหัวหน้าพนักงานถวายเหล้าองุ่นก็ไม่ได้ระลึกถึงโยเซฟ แล้วก็ลืมเขาไป
โยเซฟแก้ฝันให้ฟาโรห์
41 สองปีเต็มหลังจากนั้น ฟาโรห์ฝันว่าท่านกำลังยืนอยู่บนฝั่งแม่น้ำไนล์ 2 ดูเถิด โค 7 ตัวงามอ้วนพีเดินขึ้นมาจากแม่น้ำ แล้วก็เล็มใบอ้อ 3 ดูเถิด โคอีก 7 ตัวน่าเกลียดผอมโซเดินตามขึ้นมาจากแม่น้ำไนล์ มันยืนอยู่ข้างๆ โค 7 ตัวแรกบนฝั่งแม่น้ำไนล์ 4 ครั้นแล้วโคตัวที่น่าเกลียดผอมโซก็กินโคตัวงามอ้วนพี 7 ตัวจนเกลี้ยง แล้วฟาโรห์ก็ตื่นขึ้น 5 ท่านหลับต่อ และฝันอีกเป็นครั้งที่สองว่า มีข้าวต้นหนึ่งออกรวงงามสมบูรณ์ 7 รวง 6 จากนั้นก็มีอีก 7 รวงงอกตามมา ลมทะเลทรายพัดเผาจนลีบและเกรียม 7 ข้าวรวงลีบกลืนกินรวงที่งอกงามสมบูรณ์ แล้วฟาโรห์ก็ตื่นขึ้น ตระหนักว่าเป็นเพียงความฝัน 8 ครั้นรุ่งเช้า จิตใจของท่านก็หดหู่ ท่านจึงให้ไปตามพวกที่ใช้วิทยาคมและบรรดาผู้เรืองปัญญาของชาวอียิปต์ทั้งหมดมา แล้วฟาโรห์เล่าเรื่องที่ท่านฝันให้พวกเขาฟัง แต่ไม่มีใครสามารถแก้ฝันให้ฟาโรห์ได้
9 หัวหน้าพนักงานถวายเหล้าองุ่นจึงพูดกับฟาโรห์ว่า “วันนี้ข้าพเจ้าขอสารภาพ 10 คือเมื่อครั้งที่ท่านโกรธกริ้วข้าพเจ้าและหัวหน้าพนักงานทำขนมปัง และท่านจำขังข้าพเจ้าทั้งสองไว้ที่บ้านหัวหน้าองครักษ์ 11 อยู่มาคืนหนึ่งต่างคนต่างฝัน และต่างก็มีความหมายไม่เหมือนกัน 12 หนุ่มชาวฮีบรูผู้หนึ่งอยู่ที่นั่นกับพวกข้าพเจ้า เขาเป็นผู้รับใช้หัวหน้าองครักษ์ เมื่อพวกข้าพเจ้าเล่าให้เขาฟัง เขาก็แก้ฝันให้พวกข้าพเจ้า แต่ละเรื่องสำหรับแต่ละคนตามความฝัน 13 และเรื่องก็เกิดขึ้นตามการแก้ฝันของเขาคือ ข้าพเจ้าได้รับตำแหน่งคืน ส่วนร่างหัวหน้าพนักงานทำขนมปังถูกแขวนไว้”
14 ฟาโรห์จึงให้คนไปตามโยเซฟมา เขาก็ถูกพาตัวมาจากคุกทันที เมื่อโกนหนวดเครา พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาก็เข้าเฝ้าฟาโรห์ 15 ฟาโรห์กล่าวกับโยเซฟว่า “เราฝัน และไม่มีใครที่สามารถแก้ฝันได้ เราได้ยินคนพูดถึงเจ้าว่า เจ้าสามารถแก้ฝันที่คนเล่าให้เจ้าฟังได้” 16 โยเซฟตอบฟาโรห์ว่า “ไม่ใช่ข้าพเจ้าที่เป็นคนแก้ พระเจ้าจะให้คำตอบอันน่ายินดีแก่ฟาโรห์” 17 แล้วฟาโรห์กล่าวกับโยเซฟว่า “ดูเถิด เราฝันว่าเรากำลังยืนอยู่บนฝั่งแม่น้ำไนล์ 18 มีโค 7 ตัวงามอ้วนพีเดินขึ้นมาจากแม่น้ำไนล์ แล้วก็เล็มใบอ้อ 19 โคอีก 7 ตัวเดินตามขึ้นมา ผอมโซน่าเกลียดมาก อย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในดินแดนของอียิปต์ 20 โคตัวที่ผอมโซและน่าเกลียดก็กินโคอ้วนพี 7 ตัวแรก 21 แต่เมื่อกินจนหมดแล้ว ไม่มีใครทราบเลยว่ามันกินหมดทุกตัว เพราะมันก็ยังน่าเกลียดเหมือนเดิม แล้วเราก็ตื่นขึ้น 22 ในฝันเราเห็นต้นข้าวต้นหนึ่งออกรวงงามสมบูรณ์ 7 รวง 23 มีอีก 7 รวงที่งอกตามมา ลมทะเลทรายพัดเผาจนลีบและเกรียม 24 ข้าวรวงลีบกลืนกินรวงที่งาม แล้วเราก็เล่าเรื่องให้พวกที่ใช้วิทยาคมฟัง แต่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบแก่เราได้”
25 โยเซฟจึงพูดกับฟาโรห์ว่า “ฝันของฟาโรห์มีความหมายเดียวกัน พระเจ้าได้เผยให้ฟาโรห์ทราบถึงสิ่งที่พระองค์กำลังจะกระทำ 26 โคงาม 7 ตัวคือ 7 ปี และรวงข้าวงาม 7 รวงคือ 7 ปี หมายถึงสิ่งเดียวกัน 27 โคผอมโซและน่าเกลียดที่ตามหลังมาคือ 7 ปี และรวงข้าวลีบ 7 รวงถูกลมทะเลทรายพัดเผาคือ 7 ปีแห่งทุพภิกขภัย 28 เป็นจริงตามที่ข้าพเจ้ากล่าวให้ฟัง พระเจ้าได้ชี้ให้ฟาโรห์ทราบถึงสิ่งที่พระองค์กำลังจะกระทำ 29 จะมี 7 ปีแห่งความอุดมสมบูรณ์ทั่วแผ่นดินอียิปต์ 30 แต่หลังจากนั้น 7 ปีแห่งทุพภิกขภัยจะเกิดขึ้น และคนจะลืมความอุดมสมบูรณ์ทั้งหลายที่มีในดินแดนของอียิปต์ ทุพภิกขภัยจะผลาญแผ่นดินจนสิ้น 31 และความอุดมสมบูรณ์จะไม่เป็นที่รู้จักในแผ่นดิน เพราะทุพภิกขภัยที่จะเกิดตามมานั้นรุนแรงอย่างที่สุด 32 ฟาโรห์ฝัน 2 ครั้งคู่กัน หมายถึงพระเจ้าเป็นผู้ประสงค์ให้เกิดขึ้น และพระองค์จะให้เกิดขึ้นในไม่ช้า 33 ฉะนั้นบัดนี้ท่านฟาโรห์น่าจะเลือกชายผู้เรืองปัญญาและเข้าใจสิ่งต่างๆ ดี เป็นผู้ดูแลดินแดนอียิปต์ 34 ท่านฟาโรห์ควรจะแต่งตั้งหัวหน้าหลายๆ คนเพื่อคุมกิจการทั่วแผ่นดิน และเก็บสะสมหนึ่งในห้าของผลิตผลที่เก็บเกี่ยวได้ในดินแดนอียิปต์ตลอดช่วง 7 ปีแห่งความอุดมสมบูรณ์ 35 ให้พวกเขารวบรวมอาหารนับแต่ปีอันอุดมที่จะถึง และเก็บธัญพืชที่อยู่ในการควบคุมของฟาโรห์สะสมไว้ในเมืองต่างๆ เพื่อเป็นอาหาร และให้เก็บรักษาไว้ 36 อาหารส่วนนี้จะเป็นเสบียงสำรองสำหรับประเทศในยาม 7 ปี ที่อียิปต์จะประสบทุพภิกขภัย วิธีนี้จะช่วยประชาชนไม่ให้อดตาย”
โยเซฟขึ้นปกครองประเทศอียิปต์
37 ฟาโรห์และผู้รับใช้ทั้งหลายเห็นดีด้วยกับข้อเสนอนี้ 38 ฟาโรห์จึงพูดกับบรรดาผู้รับใช้ว่า “เราจะหาใครที่มีพระวิญญาณพระเจ้าอยู่ด้วยเหมือนกับคนนี้ได้บ้าง” 39 ฟาโรห์จึงกล่าวกับโยเซฟว่า “ในเมื่อพระเจ้าได้ชี้ให้เจ้าเห็นแจ้งในทุกสิ่งแล้ว ไม่มีใครที่จะเข้าใจและเรืองปัญญาเท่ากับตัวเจ้าแล้ว 40 เจ้าจงเป็นผู้คุมกิจการของแผ่นดินเรา และประชาชนทั้งปวงจะเชื่อฟังคำสั่งของเจ้า เว้นแต่เราผู้อยู่บนบัลลังก์จะเป็นใหญ่เหนือเจ้า” 41 แล้วฟาโรห์กล่าวกับโยเซฟว่า “ดูเถิด เราได้แต่งตั้งให้เจ้าควบคุมทั่วดินแดนอียิปต์” 42 ครั้นแล้วฟาโรห์ถอดแหวนตราจากนิ้วมือท่าน และสวมให้โยเซฟแทน ให้เขาสวมผ้าป่านเนื้อดี และสวมสร้อยคอทองคำให้ด้วย 43 ฟาโรห์โปรดให้เขาใช้รถศึกส่วนตัวคันที่สองของท่าน และทหารหลวงร้องตะโกนไปล่วงหน้าเขาว่า “คุกเข่าลง” เพื่อแสดงว่าท่านแต่งตั้งโยเซฟให้เป็นผู้ควบคุมดินแดนทั่วอียิปต์ 44 ยิ่งกว่านั้น ฟาโรห์ยังกล่าวกับโยเซฟว่า “เราคือฟาโรห์ เราจะไม่ให้ผู้ใดในดินแดนอียิปต์ยกมือยกเท้าได้เลย นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้า” 45 และฟาโรห์ตั้งชื่อโยเซฟว่า ศาเฟนาทปาเนอาห์ และมอบอาเสนัทบุตรหญิงของโปทิเฟราปุโรหิตแห่งโอนให้เป็นภรรยา โยเซฟจึงเดินทางไปทั่วดินแดนอียิปต์
46 โยเซฟมีอายุ 30 ปีเมื่อเริ่มรับใช้ฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ หลังจากเข้าเฝ้ากษัตริย์แล้วโยเซฟก็ออกเดินทางไปทั่วดินแดนอียิปต์ 47 ในระยะเวลา 7 ปีแห่งความอุดมสมบูรณ์ มีผลิตผลมากมายเกิดจากพื้นดิน 48 เขาจึงรวบรวมอาหารจาก 7 ปีที่อุดมในดินแดนอียิปต์ไว้หมดเพื่อเก็บสะสมไว้ อาหารที่เขาได้มาจากไร่นารอบเมืองใดก็เก็บไว้ในเมืองนั้น 49 โยเซฟสะสมธัญพืชไว้เป็นจำนวนมากเทียบเท่าได้กับเม็ดทรายในทะเล จนกระทั่งเขาต้องหยุดคำนวณปริมาณ เพราะมากเกินกว่าที่จะทำได้
50 ก่อนที่ทุพภิกขภัยจะเกิดขึ้น โยเซฟมีบุตรชาย 2 คนอันเกิดจากอาเสนัทบุตรหญิงของโปทิเฟราปุโรหิตแห่งโอน 51 โยเซฟพูดว่า “เพราะว่าพระเจ้าได้ช่วยให้ข้าพเจ้าลืมความยากลำบากทั้งปวงและญาติพี่น้องทั้งหลาย” เขาจึงตั้งชื่อบุตรคนแรกว่า มนัสเสห์ 52 เขาตั้งชื่อบุตรคนที่สองว่า เอฟราอิม “เพราะพระเจ้าได้ช่วยให้ข้าพเจ้าเกิดลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ในดินแดนแห่งความทุกข์ยากของข้าพเจ้า”
53 และแล้ว 7 ปีแห่งความอุดมสมบูรณ์ในอียิปต์ก็ยุติลง 54 และ 7 ปีแห่งทุพภิกขภัยก็เริ่มขึ้นตามที่โยเซฟได้พูดไว้ ทุกประเทศประสบความอดอยาก ยกเว้นแต่ในดินแดนของอียิปต์ที่ยังมีขนมปังรับประทาน 55 เมื่อชาวอียิปต์เริ่มอดอยาก ผู้คนต่างก็ร้องขออาหารจากฟาโรห์ และฟาโรห์บอกชาวอียิปต์ทุกคนว่า “จงไปหาโยเซฟ ทำตามที่โยเซฟบอกทุกอย่าง”
56 ดังนั้น เมื่อทุพภิกขภัยแผ่ขยายไปทั่วแผ่นดิน โยเซฟจึงเปิดยุ้งฉางทั้งหมดเพื่อขายข้าวให้ชาวอียิปต์ เพราะในเวลานั้นในแผ่นดินอียิปต์ก็เกิดทุพภิกขภัยที่ร้ายแรงอย่างที่สุด 57 และยิ่งกว่านั้นคนจากทุกดินแดนมาหาโยเซฟที่อียิปต์เพื่อซื้อธัญพืช เพราะทั่วโลกเกิดทุพภิกขภัยขึ้นอย่างรุนแรง
ครอบครัวโยเซฟไปประเทศอียิปต์ครั้งแรก
42 ครั้นยาโคบทราบว่ามีธัญพืชที่ประเทศอียิปต์ ท่านจึงพูดกับลูกๆ ของตนว่า “ทำไมเจ้ามัวแต่จ้องหน้ากันอยู่ได้” 2 ท่านพูดต่ออีกว่า “ดูสิ พ่อได้ยินว่ามีธัญพืชที่อียิปต์ เจ้าจงลงไปที่นั่น แล้วก็ซื้อกลับมา พวกเราจะได้รอดตายกัน” 3 ดังนั้น พี่ชายทั้งสิบของโยเซฟจึงพากันลงไปซื้อธัญพืชที่อียิปต์ 4 แต่ยาโคบไม่ให้เบนยามินน้องชายของโยเซฟไปด้วย เพราะกลัวว่าอาจจะเป็นอันตรายกับเขา 5 ดังนั้นบรรดาบุตรชายของอิสราเอลจึงไปซื้อธัญพืชเหมือนกับคนอื่นๆ ที่ไปกัน เพราะเกิดทุพภิกขภัยขึ้นในดินแดนคานาอันเช่นกัน
6 ขณะนั้นโยเซฟเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน เขาเป็นผู้ที่ขายข้าวให้แก่พวกราษฎรทั่วไปในแผ่นดิน เมื่อพี่ๆ ของโยเซฟมาถึงก็ก้มหน้าจรดดิน กราบอยู่ ณ เบื้องหน้าโยเซฟ 7 โยเซฟเห็นพวกพี่ๆ ก็จำได้ แต่เขาทำเป็นไม่รู้จักและพูดจาแข็งกร้าวต่อเขาว่า “พวกเจ้ามาจากไหน” พวกเขาตอบว่า “มาจากดินแดนคานาอัน เพื่อซื้ออาหาร” 8 แม้ว่าโยเซฟจำพวกพี่ๆ ของเขาได้ แต่พวกเขาจำโยเซฟไม่ได้ 9 เนื่องจากโยเซฟจำเรื่องที่เขาเคยฝันเกี่ยวกับพวกเขาได้ เขาจึงพูดกับพี่ๆ ว่า “พวกเจ้าเป็นไส้ศึก เจ้าเข้ามาเพื่อสำรวจดูจุดอ่อนของแผ่นดินนี้” 10 พวกเขาตอบว่า “ไม่ใช่ นายท่าน ผู้รับใช้ของท่านมาเพียงเพื่อซื้ออาหาร 11 พวกข้าพเจ้าเป็นลูกร่วมบิดาเดียวกัน เราเป็นคนสุจริต ผู้รับใช้ของท่านไม่ได้เป็นไส้ศึก”
12 โยเซฟพูดกับพวกเขาว่า “ไม่ใช่เช่นนั้นแน่ แต่เจ้ามาสำรวจหาจุดอ่อนของประเทศนี้ต่างหาก” 13 พวกเขาตอบว่า “พวกเราคือผู้รับใช้ของท่าน เป็นพี่น้อง 12 คน ลูกร่วมบิดาเดียวกันในดินแดนคานาอัน เวลานี้น้องคนสุดท้องอยู่กับบิดาของเรา ส่วนอีกคนไม่อยู่กับเราแล้ว” 14 แต่โยเซฟพูดกับเขาว่า “เป็นจริงอย่างที่เราพูดคือ พวกเจ้าเป็นไส้ศึก 15 พวกเจ้าจะถูกตรวจสอบอย่างนี้คือ เรารับรองในนามแห่งฟาโรห์ว่า พวกเจ้าจะไม่ได้ไปจากที่นี่จนกว่าน้องคนสุดท้องของเจ้าจะมาถึง 16 จงส่งคนใดคนหนึ่งในพวกเจ้ากลับไป เพื่อพาน้องชายของเจ้ามา ขณะที่พวกเจ้าถูกจองจำ เพื่อทดสอบคำพูดของเจ้าว่าเป็นจริงหรือไม่ มิฉะนั้นเรารับรองในนามของฟาโรห์ว่า พวกเจ้าเป็นไส้ศึกแน่นอน” 17 แล้วโยเซฟก็กักเขาทุกคนไว้ด้วยกันในคุกเป็นเวลา 3 วัน
18 ในวันที่สาม โยเซฟพูดกับพวกเขาว่า “จงทำตามนี้ แล้วเจ้าจะมีชีวิตอยู่ เพราะเราเกรงกลัวพระเจ้า 19 ถ้าพวกเจ้าเป็นคนสุจริต ให้คนใดคนหนึ่งในพวกเจ้าถูกจองจำต่อไป ส่วนคนอื่นก็ไปขนธัญพืชสำหรับครอบครัวของเจ้าที่อดอยาก 20 แล้วพาน้องชายคนสุดท้องมาหาเรา เพื่อตรวจสอบคำพูดของเจ้า แล้วเจ้าจะไม่ตาย” พวกเขาจึงปฏิบัติตามนั้น 21 ครั้นแล้วพวกเขาพูดต่อกันและกันว่า “ความจริงแล้ว เราผิดในเรื่องน้องชายของเรา เพราะเราเห็นแล้วว่าเขาน่าสังเวช เวลาเขาขอร้อง เราก็ไม่ฟัง ฉะนั้นความทุกข์นี้จึงตกถึงพวกเรา” 22 รูเบนจึงตอบพวกเขาว่า “ฉันบอกพวกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่า อย่าทำผิดต่อเจ้าเด็กหนุ่ม แต่เจ้าไม่ยอมฟัง มาบัดนี้พวกเราก็กำลังรับโทษที่ทำให้เขาตาย” 23 เขาทั้งหลายไม่ทราบว่า โยเซฟเข้าใจเรื่องราว เพราะว่าก่อนหน้านี้เขาพูดโต้ตอบกันโดยผ่านล่าม 24 โยเซฟผละตัวออกไปและร้องไห้ แล้วกลับมาพูดกับพวกเขา โดยจับสิเมโอนไว้และมัดตัวต่อหน้าต่อตาพวกพี่ๆ 25 แล้วโยเซฟสั่งให้คนบรรจุข้าวใส่ถุงของพี่ๆ ให้เต็ม และคืนเงินลงในถุงของทุกคน อีกทั้งให้อาหารไปกินระหว่างเดินทาง คนรับใช้ก็ทำตามทุกอย่าง
26 พวกพี่ๆ บรรทุกธัญพืชไว้บนลาของตนและออกเดินทางไป 27 เมื่อมาถึงที่ๆ จะค้างแรม คนหนึ่งเปิดถุงเอาอาหารให้ลา จึงพบว่าเงินของตนอยู่ที่ปากถุง 28 เขาพูดกับพี่น้องว่า “มีคนคืนเงินให้ฉัน นี่ไง อยู่ที่ปากถุงของฉัน” พวกเขาตกใจจนตัวสั่น ต่างก็มองหน้ากันและพูดว่า “พระเจ้าทำอะไรกับพวกเรา”
29 เมื่อเขากลับไปถึงบ้านยาโคบบิดาของเขาที่ดินแดนคานาอัน พวกเขาก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า 30 “ชายที่เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินพูดจาแข็งกร้าวกับเรา และกล่าวหาว่าเราเป็นไส้ศึกของแผ่นดิน 31 แต่เราแจ้งท่านไปว่า ‘เราเป็นคนสุจริต เราไม่ใช่ไส้ศึก 32 เราเป็นพี่น้อง 12 คน ลูกร่วมบิดาเดียวกัน คนหนึ่งไม่อยู่กับเราแล้ว และเวลานี้น้องคนสุดท้องอยู่กับบิดาของเราในดินแดนคานาอัน’ 33 แล้วชายคนที่เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินพูดกับเราว่า ‘เราจะรู้ว่าพวกเจ้าสุจริตโดยวิธีนี้ จงให้คนใดคนหนึ่งอยู่กับเรา ขณะที่คนอื่นๆ เอาธัญพืชไปให้ครอบครัวของเจ้าที่อดอยาก จงไปตามทางของเจ้า 34 พาน้องชายคนสุดท้องของเจ้ามาหาเรา เราจะได้รู้ว่าพวกเจ้าไม่ได้เป็นไส้ศึก แต่เป็นคนสุจริต แล้วเราจะคืนน้องชายของเจ้ากลับไป และเจ้าก็จะค้าขายได้ในประเทศนี้’”
35 ขณะที่พวกเขาขนของออกจากถุง พบเงินเป็นมัดของทุกคนอยู่ในถุงของตน เมื่อพ่อและลูกๆ เห็นเงินเป็นมัดเช่นนั้นแล้วก็กลัว 36 ยาโคบบิดาของเขาจึงพูดว่า “พวกเจ้าพรากลูกๆ ไปจากพ่อ โยเซฟไม่อยู่แล้ว และสิเมโอนก็ไม่อยู่แล้ว มาบัดนี้เจ้าจะเอาตัวเบนยามินไปอีก พ่อเองที่เป็นทุกข์” 37 ครั้นแล้วรูเบนจึงพูดกับบิดาของตนว่า “ถ้าลูกไม่พาเบนยามินกลับมาให้พ่อ พ่อก็ฆ่าลูกชาย 2 คนของลูกได้เลย ลูกจะรับผิดชอบเบนยามินเอง แล้วลูกจะพาเขากลับมาให้พ่อ” 38 แต่ยาโคบพูดว่า “ลูกชายของพ่อจะไม่ลงไปกับเจ้า เพราะพี่ชายของเขาตายแล้ว เขาเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ ถ้าเกิดมีอันตรายกับเขาระหว่างการเดินทางที่เจ้าจะไป ความโศกเศร้าที่เจ้าก่อขึ้นจะทำให้คนแก่อย่างพ่อสิ้นใจตาย”
ครอบครัวโยเซฟไปประเทศอียิปต์ครั้งที่สอง
43 ในเวลานั้นทุพภิกขภัยเกิดขึ้นอย่างรุนแรงที่สุดในแผ่นดิน 2 และเมื่อเขาทั้งหลายได้ใช้ธัญพืชที่ได้มาจากอียิปต์จนหมดแล้ว บิดาพูดกับพวกเขาว่า “ไปอีก ไปซื้ออาหารให้พวกเราอีกหน่อย” 3 แต่ยูดาห์พูดว่า “ชายผู้นั้นเตือนเราอย่างเอาจริงเอาจังว่า ‘อย่ามาให้เราเห็นหน้าอีก เว้นเสียแต่ว่าน้องชายของเจ้าจะมากับเจ้าด้วย’ 4 ถ้าพ่อจะให้น้องชายไปกับพวกเรา เราก็จะลงไปซื้ออาหารมาให้พ่อ 5 แต่ถ้าพ่อไม่ให้เขาไป เราก็จะไม่ลงไป เพราะว่าชายผู้นั้นพูดกับเราว่า ‘อย่ามาให้เราเห็นหน้าอีก จนกว่าน้องชายของเจ้าจะมากับเจ้าด้วย’” 6 อิสราเอลพูดว่า “ทำไมเจ้าจึงบอกชายผู้นั้นว่าเจ้ามีน้องชายอีกคน นั่นก็เป็นการสร้างปัญหาให้กับพ่อมาก” 7 พวกเขาตอบว่า “ชายผู้นั้นซักไซ้พวกเราอย่างละเอียดเกี่ยวกับตัวเราและครอบครัว โดยถามว่า ‘บิดาของเจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เจ้ามีน้องอีกคนหรือไม่’ ทุกสิ่งที่พวกเราตอบก็ตอบตามคำถามพวกนี้แหละ เราจะทราบได้อย่างไรว่าท่านจะสั่งว่า ‘ให้พาน้องชายของเจ้าลงมาด้วย’” 8 แล้วยูดาห์พูดกับอิสราเอลบิดาของตนว่า “ให้เจ้าหนุ่มน้อยไปกับลูกเถิด เราจะได้ลุกขึ้นไปกัน พวกเราจะได้มีชีวิตอยู่ต่อ จะได้ไม่ตาย ทั้งตัวเราเอง ตัวพ่อ และเจ้าตัวเล็กๆ ของเราด้วย 9 ลูกจะเป็นประกันตัวเขา พร้อมกับจะรับผิดชอบแทนเขาเอง ถ้าลูกไม่พาเขากลับมาให้พ่อ และมาให้ยืนตรงหน้าพ่อ ลูกก็ยินดีรับผิดไปตลอดชีวิต 10 ถ้าพวกเราไม่ล่าช้า ป่านนี้คงจะไปและกลับมาได้ 2 เที่ยวแล้ว”
11 ครั้นแล้วอิสราเอลบิดาของเขาพูดว่า “ถ้าจะต้องเป็นอย่างนั้น ก็จงทำไปตามนี้เถิด เอาผลิตผลชั้นดีของถิ่นเราใส่ถุงของเจ้าไป แล้วแบกไปให้ชายผู้นั้นเป็นของกำนัล ยางไม้ชนิดต่างๆ น้ำผึ้งอย่างละนิดละหน่อย มดยอบ ถั่วพิสตาชิโอและอัลมอนด์ 12 เอาเงินติดตัวไปเป็น 2 เท่า หอบเงินที่ติดอยู่ปากถุงของเจ้ากลับไป บางทีมันอาจจะติดมากับตัวเจ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ 13 เอาตัวน้องชายเจ้าไปด้วย ลุกขึ้นได้แล้ว กลับไปหาชายผู้นั้น 14 ขอให้พระเจ้าผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพโปรดให้ชายผู้นั้นมีเมตตาต่อพวกเจ้า ท่านจะได้ปล่อยตัวพี่ชายกับเบนยามินกลับมา แต่ถ้าพ่อจะต้องเสียลูก พ่อก็จำต้องเสียพวกเขาไป”
15 ดังนั้น พวกบุตรของยาโคบจึงเอาของกำนัล แบกเงินเป็นจำนวน 2 เท่าติดตัวพร้อมกับเบนยามิน ออกเดินทางลงไปยังประเทศอียิปต์ เพื่อไปหาโยเซฟ
16 เมื่อโยเซฟเห็นเบนยามินมากับพวกพี่ๆ เขาบอกหัวหน้าคุมงานของเขาว่า “พาชายพวกนั้นเข้ามาในเรือนของเรา ฆ่าสัตว์ตัวหนึ่งเตรียมเป็นอาหารไว้ เพราะว่าชายเหล่านั้นจะรับประทานด้วยกันกับเราในตอนเที่ยง” 17 หัวหน้าคุมงานทำตามที่โยเซฟสั่ง และนำพวกผู้ชายไปยังบ้านโยเซฟ 18 ชายเหล่านั้นกลัวเพราะถูกนำตัวไปยังบ้านของโยเซฟ จึงพูดกันว่า “เป็นเพราะเงินที่อยู่ในถุงของพวกเราครั้งแรก เราจึงถูกนำตัวมาที่นี่ ท่านหาโอกาสกล่าวหาและบังคับพวกเราได้ จะให้เราเป็นทาสและจะเอาลาของเราไปด้วย” 19 พวกเขาเดินไปหาหัวหน้าคุมงานของโยเซฟ และพูดกับเขาที่ทางเข้าบ้าน 20 โดยกล่าวว่า “ได้โปรดเถิดนาย พวกเราลงมาครั้งแรกเพื่อซื้ออาหาร 21 พอเราถึงที่ค้างแรมก็เปิดถุงของเราออก จึงเห็นว่ามีเงินของทุกคนอยู่ที่ปากถุงของตนเอง เงินเต็มจำนวน เราจึงเอากลับมาคืน 22 และเราเอาเงินอีกจำนวนติดมือมาซื้ออาหาร เราไม่ทราบว่าใครใส่เงินของเรากลับไว้ในถุง” 23 เขาตอบว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก อย่ากังวลเลย พระเจ้าของท่านและพระเจ้าของบิดาของท่านคงเป็นผู้ใส่สิ่งมีค่าในถุงให้ท่าน เราได้รับเงินของท่านแล้ว” แล้วเขาก็นำตัวสิเมโอนออกมาให้ 24 เมื่อหัวหน้าคุมงานพาชายเหล่านั้นไปยังบ้านโยเซฟแล้ว ก็หาน้ำมาให้ล้างเท้า และให้อาหารแก่ลา 25 หลังจากนั้นพวกเขาก็จัดเตรียมของกำนัลเพื่อมอบแก่โยเซฟเมื่อเขามาถึงในราวเที่ยงวัน เพราะพวกเขาทราบมาว่าควรจะรับประทานร่วมกับเขาที่นั่น
26 เมื่อโยเซฟถึงบ้าน พวกเขาก็นำของกำนัลที่เอาติดตัวมาเข้าบ้านมอบให้แก่โยเซฟ และก้มตัวลงราบกับพื้น ณ เบื้องหน้าโยเซฟ 27 เขาถามถึงทุกข์สุขของพวกเขาและพูดว่า “บิดาของเจ้าสบายดีหรือ ชายชราที่เจ้าเคยพูดถึงน่ะ เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่” 28 พวกเขาตอบว่า “บิดาของเราคือผู้รับใช้ของท่านสบายดี และท่านยังมีชีวิตอยู่” แล้วพวกเขาก็ก้มศีรษะและแสดงความเคารพ 29 โยเซฟเงยหน้าขึ้นดูก็เห็นเบนยามินน้องชายร่วมมารดาของตน เขาจึงพูดว่า “นี่เป็นน้องคนสุดท้องของเจ้าที่เล่าให้เราฟังหรือ ลูกเอ๋ย ขอพระเจ้าจงมีพระคุณต่อเจ้าเถิด” 30 แล้วรีบออกไปข้างนอก เพราะความรักและความสงสารที่มีต่อน้องชายนั้นมีมากจนน้ำตาจะหลั่ง เขาจึงเข้าไปที่ห้องชั้นใน และร้องไห้อยู่ที่นั่น 31 หลังจากที่เขาได้ล้างหน้าแล้วก็ออกมา พอควบคุมตนเองได้ก็พูดว่า “ตั้งโต๊ะได้แล้ว” 32 เขานั่งคนละโต๊ะกับพวกเขา มีพวกชาวอียิปต์ที่รับประทานอยู่ด้วยนั่งคนละโต๊ะกับเขา เพราะชาวอียิปต์ไม่รับประทานอาหารร่วมกับชาวฮีบรู เนื่องจากชาวอียิปต์นับว่าชาวฮีบรูน่ารังเกียจ 33 พวกเขาถูกจัดให้นั่งที่ตรงหน้าโยเซฟตามลำดับอายุ เรียงแถวจากคนที่มีอายุมากสุดไปจนถึงคนที่มีอายุน้อยสุด และชายเหล่านั้นมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ 34 อาหารแบ่งออกไปจากโต๊ะของโยเซฟให้พวกเขา แต่ส่วนที่เป็นของเบนยามินมากกว่าของทุกคนเป็น 5 เท่า เขาทั้งหลายดื่มและรื่นเริงอยู่กับเขา
ถ้วยเงินในถุง
44 โยเซฟสั่งหัวหน้าคุมงานของเขาว่า “จงบรรจุอาหารใส่ถุงของชายเหล่านี้ให้เต็มเท่าที่เขาจะแบกได้ และเอาเงินของเขาแต่ละคนใส่ที่ปากถุง 2 ใส่ถ้วยเงินของเราที่ปากถุงของคนสุดท้อง พร้อมกับเงินของเขาที่เอามาซื้อข้าวด้วย” เขาก็ทำตามที่โยเซฟสั่ง
3 ทันทีที่ฟ้าสางชายเหล่านั้นก็เริ่มออกเดินทางไปกับลาของเขา 4 เมื่อออกไปจากเมืองได้เพียงระยะสั้น โยเซฟบอกหัวหน้าคุมงานของเขาว่า “รีบตามชายพวกนั้นไป พอตามจับทันก็ให้พูดกับเขาว่า ‘ทำไมพวกท่านจึงทำชั่วตอบแทนความดีเล่า ทำไมพวกท่านจึงขโมยถ้วยเงินของเราไป 5 มันเป็นถ้วยที่เจ้านายใช้ดื่มนี่นา และท่านก็ใช้ในการทำนาย สิ่งที่พวกท่านทำนั้นเป็นความผิดมหันต์’”
6 เมื่อเขาตามจับทันแล้ว เขาก็พูดไปตามนั้น 7 ชายเหล่านั้นพูดกับเขาว่า “ทำไมท่านจึงพูดอย่างนั้น ผู้รับใช้ทั้งหลายของท่านไม่มีวันทำตัวแบบนั้นแน่ 8 ก็ดูสิ เงินที่พวกเราพบที่ปากถุงของเราก็นำกลับมาจากดินแดนคานาอัน แล้วเราจะขโมยเงินหรือทองคำจากบ้านเจ้านายของท่านได้อย่างไร 9 ถ้าหากถ้วยอยู่กับผู้รับใช้ของท่านคนใด ก็ฆ่าให้คนนั้นตาย และเราจะยอมเป็นทาสของเจ้านายของท่านด้วย” 10 เขาตอบว่า “ให้เป็นไปตามที่ท่านพูดเถิด ถ้าถ้วยอยู่กับสิ่งของๆ ผู้ใด ผู้นั้นจะต้องเป็นทาสของเรา ส่วนคนอื่นๆ ก็จะเป็นอิสระ” 11 ดังนั้น ทุกคนจึงหย่อนถุงลงบนพื้นดินโดยเร็ว และต่างก็เปิดถุงของตน 12 แล้วเขาค้นโดยเริ่มจากคนโตสุด ลงท้ายที่คนสุดท้อง และพบถ้วยในถุงของเบนยามิน 13 พวกเขาจึงฉีกเสื้อผ้าของตน และต่างก็บรรทุกของขึ้นลากลับเข้าไปในเมือง
14 เมื่อยูดาห์และพวกพี่น้องมาถึงบ้านโยเซฟ เขายังอยู่ที่บ้าน พวกเขาก็ทิ้งตัวลงราบกับพื้น ณ เบื้องหน้าเขา 15 โยเซฟพูดกับเขาทั้งปวงว่า “พวกเจ้าทำอะไรลงไป เจ้าไม่รู้หรือว่า คนอย่างเราสามารถรู้อะไรต่อมิอะไรได้จากการทำนาย” 16 ยูดาห์พูดว่า “พวกเราจะพูดอะไรต่อนายท่านของเราได้เล่า เราจะโต้กลับได้อย่างไร เราจะแก้ตัวได้อย่างไร พระเจ้าได้เผยให้เห็นความผิดของผู้รับใช้ของท่านแล้ว พวกเราเป็นทาสของนายท่านของเรา คือไม่เป็นเพียงคนที่ถูกค้นพบว่า มีถ้วยอยู่ในครอบครอง แต่เป็นพวกเราทุกคนด้วย” 17 แต่โยเซฟพูดว่า “เราไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่ คนที่มีถ้วยอยู่ในครอบครองเท่านั้นที่จะเป็นทาสของเรา ส่วนพวกเจ้าก็กลับขึ้นไปหาบิดาของเจ้าได้อย่างปลอดภัย”
18 ยูดาห์จึงเข้าไปใกล้โยเซฟและพูดว่า “โอ นายท่าน ข้าพเจ้าขอร้อง โปรดให้ผู้รับใช้ของท่านได้พูดให้นายท่านฟังเถิด และอย่าโกรธผู้รับใช้ของท่านเลย เพราะท่านเสมือนเป็นฟาโรห์กระนั้น 19 นายท่านถามผู้รับใช้ทั้งหลายว่า ‘พวกเจ้ามีบิดาหรือน้องชายหรือไม่’ 20 และพวกเราตอบนายท่านว่า ‘เรามีบิดาผู้ชราคนหนึ่งกับน้องชายผู้เยาว์เกิดครั้งบิดามีอายุมากแล้ว และพี่ชายของเขาก็เสียชีวิตไปแล้ว เขาไม่มีใครอีกแล้วที่เกิดจากมารดาเดียวกัน บิดาของเขาก็รักเขามากด้วย’ 21 แล้วท่านบอกผู้รับใช้ทั้งปวงของท่านว่า ‘พาเขาลงมาหาเรา เราจะได้เห็นตัวเขา’ 22 พวกเราบอกนายท่านว่า ‘เด็กหนุ่มจะจากบิดาของเขาไปไม่ได้ เพราะถ้าเขาจากไป บิดาของเขาก็จะตาย’ 23 แล้วท่านบอกผู้รับใช้ของท่านว่า ‘อย่ามาให้เราเห็นหน้าอีก จนกว่าน้องชายคนเล็กของเจ้าจะลงมากับเจ้า’
24 เมื่อพวกเรากลับไปหาบิดาของเรา เราก็บอกให้ฟังว่าท่านพูดอย่างไร 25 ครั้นบิดาของเราพูดว่า ‘ไปอีก ไปซื้ออาหารให้พวกเราอีกหน่อย’ 26 เราบอกว่า ‘พวกเราลงไปไม่ได้ ถ้าน้องชายคนสุดท้องลงไปด้วย เราจึงจะลงไป เพราะพวกเราจะไปให้ชายผู้นั้นเห็นหน้าเราอีกไม่ได้ จนกว่าน้องชายคนสุดท้องของเราจะไปกับเรา’ 27 บิดาของเราผู้รับใช้ของท่านพูดว่า ‘เจ้าก็รู้ว่าภรรยาพ่อให้กำเนิดลูกชาย 2 คน 28 คนหนึ่งไม่อยู่แล้ว เขาคงถูกสัตว์ขม้ำ และจนบัดนี้พ่อก็ไม่ได้เห็นเขาอีก 29 ถ้าเจ้าเอาตัวคนนี้ไปจากพ่ออีก ถ้าเกิดมีอันตรายกับเขา ความโศกเศร้าจะทำให้คนแก่อย่างพ่อขาดใจตาย’
30 ฉะนั้น ณ บัดนี้เวลาข้าพเจ้าไปหาบิดาผู้รับใช้ของท่าน แล้วเด็กหนุ่มไม่ได้อยู่กับพวกเรา โอ ชีวิตท่านผูกพันอยู่กับชีวิตของเด็กหนุ่มคนนี้ 31 เมื่อท่านเห็นว่าเด็กหนุ่มไม่ได้อยู่กับพวกเรา ท่านก็จะตาย พวกผู้รับใช้ของท่านจะทำให้ความโศกเศร้าเป็นเหตุให้คนแก่อย่างบิดาของเราที่เป็นผู้รับใช้ของท่านขาดใจตาย 32 ยิ่งกว่านั้นอีก ข้าพเจ้าได้เอาชีวิตข้าพเจ้าเป็นประกันตัวเด็กไว้กับบิดาข้าพเจ้า หากข้าพเจ้าไม่พาตัวเด็กกลับไป ข้าพเจ้าจะรับผิดไปตลอดชีวิต 33 ฉะนั้น ณ บัดนี้ข้าพเจ้าขอร้องท่าน ให้ผู้รับใช้ของท่านอยู่แทนตัวเด็กหนุ่มในฐานะทาสของนายท่าน และปล่อยให้เด็กกลับไปกับพวกพี่ๆ ของเขาเถิด 34 ข้าพเจ้าจะกลับไปหาบิดาของข้าพเจ้าได้อย่างไร ในเมื่อเด็กหนุ่มไม่อยู่กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สามารถทนดูเหตุร้ายเกิดขึ้นกับบิดาของข้าพเจ้าได้”
โยเซฟประกาศตัว
45 โยเซฟไม่สามารถควบคุมตนเองต่อหน้าคนทั้งปวงที่ยืนอยู่รอบข้างเขาได้อีก เขาจึงร้องขึ้นว่า “ให้ทุกคนออกไปข้างนอก” ดังนั้นไม่มีใครอยู่กับโยเซฟเวลาเขาประกาศตัวให้พวกพี่น้องของเขาทราบ 2 แล้วเขาก็ร้องไห้เสียงดังจนชาวอียิปต์ได้ยิน และข่าวกระจายไปจนถึงเรือนของฟาโรห์ 3 โยเซฟพูดกับพี่น้องของเขาว่า “เราคือโยเซฟ บิดาเรายังมีชีวิตอยู่หรือ” แต่พวกพี่น้องของเขาไม่สามารถตอบอะไรออกมาได้สักคำเพราะตกใจที่ประจันหน้ากับเขา
4 โยเซฟจึงพูดกับพวกพี่น้องของเขาว่า “โปรดเข้ามาใกล้ๆ เราเถิด” พวกเขาจึงเข้าไปใกล้โยเซฟ เขาพูดว่า “เราคือโยเซฟน้องชายที่พี่ขายมายังประเทศอียิปต์ 5 มาบัดนี้อย่ากลุ้มใจหรือโทษตัวเองที่พวกพี่ๆ ขายตัวเราให้มาอยู่นี่เลย เพราะพระเจ้าได้ส่งเรามาล่วงหน้าพี่ก็เพื่อช่วยชีวิต 6 เพราะทุพภิกขภัยที่เกิดขึ้นในแผ่นดินมาแล้ว 2 ปี ยังเหลือเวลาอีก 5 ปีที่จะไม่มีโอกาสไถนาหรือเก็บเกี่ยวข้าวได้ 7 และพระเจ้าส่งเรามาล่วงหน้าพี่ เพื่อสงวนให้มีคนเหลืออยู่บนโลกจำนวนหนึ่งสำหรับพี่ๆ และเพื่อช่วยคนของพี่ให้มีชีวิตรอดอยู่ได้จำนวนมาก 8 ฉะนั้นไม่ใช่พี่ที่ส่งเรามาที่นี่ แต่เป็นพระเจ้า และพระองค์ให้เราได้เป็นที่ปรึกษาชั้นสูงของฟาโรห์ คุมกิจการทั้งหมดของแผ่นดินของท่าน และควบคุมทั่วดินแดนอียิปต์ 9 รีบขึ้นไปหาบิดาของเรา และบอกท่านว่า ‘โยเซฟลูกชายของพ่อพูดว่า พระเจ้าได้ให้ลูกเป็นคนคุมกิจการทั่วอียิปต์ รีบลงมาหาลูกเถิด 10 พ่อจะอาศัยอยู่ในอาณาเขตโกเชน จะได้อยู่ใกล้ลูก ทั้งพ่อและลูกหลาน แพะแกะ และฝูงสัตว์ของพ่อ และทุกสิ่งที่พ่อเป็นเจ้าของ 11 ลูกจะดูแลพ่อที่นั่น เพราะยังมีช่วงเวลาแห่งทุพภิกขภัยอีก 5 ปี กลัวว่าพ่อกับครอบครัวทั้งหมดและฝูงสัตว์จะอดตายกัน’ 12 บัดนี้พวกพี่ๆ เองและเบนยามินน้องชายของเราก็เห็นด้วยตาว่า เป็นปากเราที่พูดกับทุกคน 13 พี่ไปเล่าให้พ่อเราฟังถึงความมั่งคั่งของเราที่อียิปต์ และทุกสิ่งที่ได้เห็นแล้ว รีบไปเถิด และพาพ่อของเราลงมาที่นี่” 14 แล้วเขาก็ซบหน้าลงที่บ่าเบนยามินน้องชายของเขา และร้องไห้ เบนยามินก็กอดคอเขา และร้องไห้ 15 เขาจูบแก้มพี่ชายทุกคน และร้องไห้ หลังจากนั้นพวกพี่ๆ ของเขาพูดคุยกับเขา
16 เมื่อวังของฟาโรห์ทราบข่าวว่า “พี่น้องของโยเซฟมา” ฟาโรห์และผู้รับใช้ของท่านก็ยินดี 17 และฟาโรห์พูดกับโยเซฟว่า “จงบอกพี่ๆ ของเจ้าว่า ‘จงทำตามนี้ ขนของขึ้นลากลับไปยังดินแดนคานาอัน 18 พาบิดาและครอบครัวทั้งหมดของเจ้ามาหาเรา และเราจะให้ที่ดินผืนงามที่สุดในอียิปต์ และเจ้าจะได้ดื่มกินอย่างดีที่สุดในแผ่นดินนี้’ 19 สั่งพวกเขาด้วยว่า ‘จงทำตามนี้คือ เอาเกวียนจากดินแดนอียิปต์ไปรับเด็กเล็กและพวกภรรยาของเจ้า และพาบิดาของเจ้ามา 20 ไม่ต้องห่วงสมบัติของเจ้าเลย เพราะสิ่งดีๆ ทั้งหลายทั่วดินแดนอียิปต์เป็นของเจ้า’”
21 บรรดาบุตรของอิสราเอลก็ทำตาม และโยเซฟให้เกวียนพวกเขาไป ตามคำสั่งของฟาโรห์ และให้อาหารไปกินระหว่างเดินทาง 22 เขาให้เสื้อใหม่แก่ทุกคน คนละ 1 ชุด แต่เขาให้เงินหนัก 300 เชเขลและเสื้อใหม่ 5 ชุดแก่เบนยามิน 23 ของที่เขาฝากไปให้บิดามี ลา 10 ตัวบรรทุกสิ่งดีๆ ของอียิปต์ ลาตัวเมียบรรทุกธัญพืช ขนมปังและอาหารสำหรับการเดินทางของบิดาของเขา 24 เขาส่งพวกพี่น้องกลับไป และขณะที่กำลังออกเดินทางไป โยเซฟบอกพวกเขาว่า “อย่าทะเลาะกันระหว่างทาง”
25 ดังนั้น พวกเขาเดินทางขึ้นไปจากอียิปต์ กลับมาหายาโคบบิดาของเขาที่ดินแดนคานาอัน 26 พวกเขาบอกยาโคบว่า “โยเซฟยังมีชีวิตอยู่ เขาเป็นผู้ปกครองทั่วทั้งอียิปต์” ยาโคบใจหายเพราะไม่เชื่อ 27 แต่เมื่อเขาทั้งหลายเล่าทุกอย่างให้ยาโคบฟังตามที่โยเซฟกำชับ และเมื่อเห็นเกวียนที่โยเซฟได้ส่งมารับตัวไป จึงหายตกใจ 28 และอิสราเอลพูดว่า “โยเซฟลูกชายของพ่อยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นก็พอแล้ว พ่อจะไปหาเขาก่อนพ่อตาย”
ครอบครัวโยเซฟไปประเทศอียิปต์ครั้งที่สาม
46 ดังนั้น อิสราเอลจึงออกเดินทางและนำทุกอย่างที่มีไปด้วย เมื่อถึงเบเออร์เช-บาก็ได้มอบเครื่องสักการะแด่พระเจ้าของอิสอัคบิดาของตน 2 และในยามค่ำอิสราเอลได้ยินเสียงพระเจ้ากล่าวในภาพนิมิตว่า “ยาโคบเอ๋ย ยาโคบ” ยาโคบตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่” 3 พระองค์ตอบว่า “เราคือพระเจ้า พระเจ้าของบิดาของเจ้า อย่ากลัวที่จะลงไปยังประเทศอียิปต์ เพราะเราจะให้ประชาชาติหนึ่งที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นมาจากตัวเจ้าที่นั่น 4 เราจะลงไปยังอียิปต์กับเจ้า และเราจะนำเจ้ากลับขึ้นมาอีก และมือของโยเซฟเองที่จะปิดตาให้เจ้า”
5 ยาโคบก็จากเบเออร์เช-บาไป บรรดาบุตรของท่านพายาโคบบิดาของตน เด็กเล็กๆ และภรรยาของเขาขึ้นเกวียนที่ฟาโรห์ได้ส่งไปรับ 6 พวกเขาเอาปศุสัตว์และทรัพย์สิ่งของที่หาได้จากดินแดนคานาอันไปยังอียิปต์ ยาโคบพาบรรดาผู้สืบเชื้อสายทุกคนไปด้วย 7 ท่านพาบรรดาลูกและหลาน ทั้งชายและหญิง คือผู้สืบเชื้อสายทุกคนไปยังอียิปต์กับท่าน
8 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อบรรดาผู้สืบเชื้อสายของอิสราเอลที่ไปยังอียิปต์คือ ยาโคบและบรรดาบุตรของท่าน รูเบนบุตรหัวปีของยาโคบ 9 รูเบนมีบุตรชื่อ ฮาโนค ปัลลู เฮสโรน และคาร์มี 10 สิเมโอนมีบุตรชื่อ เยมูเอล ยามีน โอหาด ยาคีน โศหาร์ และชาอูลบุตรของหญิงชาวคานาอัน 11 เลวีมีบุตรชื่อ เกอร์โชน โคฮาท และเมรารี 12 ยูดาห์มีบุตรชื่อ เอร์ โอนัน เชลาห์ เปเรศ และเศรัค (แต่เอร์และโอนันสิ้นชีวิตที่ดินแดนคานาอัน) เปเรศมีบุตรชื่อ เฮสโรน และฮามูล 13 อิสสาคาร์มีบุตรชื่อ โทลา ปูวาห์ โยบ และชิมโรน 14 เศบูลุนมีบุตรชื่อ เสเรด เอโลน และยาเลเอล 15 (ชายที่กล่าวข้างต้นเป็นบุตรของเลอาห์ที่ได้ให้กำเนิดแก่ยาโคบที่ปัดดานอารัม ท่านมีบุตรหญิงชื่อดีนาห์ รวมจำนวนลูกหลานชายหญิงได้ 33 คน)
16 กาดมีบุตรชื่อ ศิฟีโยน ฮักกี ชูนี เอสโบน เอรี อาโรดี และอาเรลี 17 อาเชอร์มีบุตรชื่อ อิมนาห์ อิชวาห์ อิชวี เบรีอาห์ กับเสราห์น้องสาวพวกเขา เบรีอาห์มีบุตรชื่อ เฮเบอร์ และมัลคีเอล 18 (ชายที่กล่าวข้างต้นเป็นบุตรของศิลปาห์หญิงทาสที่ลาบันยกให้เลอาห์บุตรหญิงของตน นางมีลูกหลานกับยาโคบจำนวน 16 คน)
19 ราเชลภรรยายาโคบมีบุตรชื่อ โยเซฟ และเบนยามิน 20 มนัสเสห์ และเอฟราอิมเป็นบุตร 2 คนที่โยเซฟมีกับอาเสนัทบุตรหญิงของโปทิเฟราปุโรหิตแห่งโอนที่อียิปต์ 21 เบนยามินมีบุตรชื่อ เบ-ลา เบเคอร์ อัชเบล เก-รา นาอามาน เอไฮ โรช มุปปิม หุปปิม และอาร์ด 22 (รายชื่อที่กล่าวข้างต้นเป็นลูกหลานของราเชลที่เกิดแก่ยาโคบ รวมได้ 14 คน)
23 ดานมีบุตรชื่อหุชิม 24 นัฟทาลีมีบุตรชื่อ ยาเซเอล กูนี เยเซอร์ และชิลเลม 25 (รายชื่อที่กล่าวข้างต้นเป็นลูกหลานของบิลฮาห์หญิงทาสที่ลาบันยกให้ราเชล บุตรหญิงของเขา นางมีลูกหลานกับยาโคบจำนวน 7 คน)
26 รวมจำนวนผู้สืบเชื้อสายของยาโคบที่ลงไปอียิปต์ มีทั้งหมด 66 คนโดยไม่นับบุตรสะใภ้ของท่าน 27 โยเซฟมีบุตรชาย 2 คน ที่อียิปต์ รวมสมาชิกในครอบครัวยาโคบที่เข้าไปในอียิปต์ได้ 70 คน[a]
ยาโคบกับโยเซฟพบกันอีก
28 ยาโคบให้ยูดาห์ไปหาโยเซฟก่อน เพื่อรับคำสั่งล่วงหน้าเรื่องไปที่โกเชน แล้วพวกเขาก็มาถึงอาณาเขตโกเชน 29 โยเซฟได้จัดเตรียมรถศึกไปพบกับอิสราเอลบิดาของตนที่โกเชน เขาแสดงตัวแก่ยาโคบ ซบลงที่บ่าและร้องไห้อยู่พักใหญ่ 30 อิสราเอลพูดกับโยเซฟว่า “พ่อจะตายตาหลับได้แล้ว ในเมื่อพ่อได้เห็นหน้าเจ้า และรู้แล้วว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่” 31 โยเซฟพูดกับพี่น้องและครอบครัวของบิดาว่า “เราจะขึ้นไปบอกฟาโรห์ให้ทราบ และจะพูดตามนี้คือ ‘พี่น้องและครอบครัวบิดาข้าพเจ้าที่อยู่ในดินแดนคานาอันได้มาหาข้าพเจ้าแล้ว 32 พวกเขาต่างก็เป็นผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ เพราะเขามีปศุสัตว์ และได้พาฝูงแพะแกะ ฝูงสัตว์ และทุกสิ่งที่มีมาด้วย’ 33 เวลาฟาโรห์เรียกตัวไปถามว่า ‘พวกเจ้าทำอาชีพอะไร’ 34 จงบอกไปว่า ‘ผู้รับใช้ทั้งหลายของท่านดูแลปศุสัตว์มาตั้งแต่เด็กจนถึงทุกวันนี้ ทั้งพวกเราทุกคนที่นี่และบรรพบุรุษของเราด้วย’ เพื่อจะได้อาศัยอยู่ในอาณาเขตโกเชน ด้วยเหตุว่าผู้เลี้ยงดูฝูงแกะทุกคนเป็นที่น่ารังเกียจของชาวอียิปต์”
47 ดังนั้น โยเซฟจึงไปหาฟาโรห์ และบอกท่านว่า “บิดาและพี่น้องของข้าพเจ้ามาจากดินแดนคานาอันพร้อมกับฝูงแพะแกะและฝูงสัตว์ อีกทั้งนำทุกสิ่งที่เป็นของพวกเขามาด้วย และขณะนี้ก็ได้มาถึงอาณาเขตโกเชนแล้ว” 2 จากนั้นโยเซฟก็แนะนำพี่น้อง 5 คนให้พบกับฟาโรห์ 3 ฟาโรห์ถามพี่น้องของโยเซฟว่า “พวกเจ้าทำอาชีพอะไร” พวกเขาตอบฟาโรห์ว่า “ผู้รับใช้ทั้งหลายของท่านเป็นผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ ตามที่บรรพบุรุษของเราเป็น” 4 และพวกเขาบอกฟาโรห์ว่า “พวกเราเข้ามาอาศัยอยู่ในดินแดน เพราะไม่มีทุ่งหญ้าให้ฝูงแพะแกะของผู้รับใช้ของท่าน เนื่องจากเกิดทุพภิกขภัยรุนแรงอย่างที่สุดในดินแดนคานาอัน บัดนี้พวกเราขอร้องให้ท่านโปรดบรรดาผู้รับใช้ของท่านได้อาศัยอยู่ในดินแดนโกเชนเถิด” 5 ฟาโรห์พูดกับโยเซฟว่า “บิดาและพี่น้องของเจ้ามาหาเจ้าแล้ว 6 แผ่นดินอียิปต์เป็นของเจ้า หาที่ดินผืนงามที่สุดให้บิดาและพี่น้องของเจ้าอาศัยอยู่ ให้พวกเขาอยู่ในดินแดนโกเชน และถ้าเจ้ารู้ว่าใครมีความสามารถ ก็ให้เป็นคนดูแลปศุสัตว์ของเรา”
7 แล้วโยเซฟก็พายาโคบบิดาของตนเข้ามาหาฟาโรห์ ยาโคบก็ให้พรแก่ฟาโรห์ 8 ฟาโรห์ถามยาโคบว่า “ท่านมีอายุเท่าไหร่แล้ว” 9 ยาโคบตอบว่า “ข้าพเจ้ามีชีวิต 130 ปีซึ่งก็ได้อพยพเรื่อยมา แต่ไม่กี่ปีเอง และได้ฟันฝ่ามาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่ยืนยาวเท่ากับบรรพบุรุษซึ่งได้อพยพเรื่อยมาเช่นกัน” 10 ยาโคบก็ให้พรแก่ฟาโรห์แล้วลาไป 11 แล้วโยเซฟหาที่อยู่อาศัยให้บิดาและพี่น้องของเขา ให้ที่ดินผืนงามในอียิปต์ ในดินแดนของราเมเสส ตามที่ฟาโรห์สั่งไว้ 12 โยเซฟจัดการให้บิดา พี่น้อง และทุกคนในครอบครัวของบิดา รวมถึงเด็กเล็กๆ มีอาหารรับประทานกัน
ทุพภิกขภัยในประเทศอียิปต์
13 เนื่องจากทุพภิกขภัยที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงอย่างที่สุด จึงทำให้ไม่มีอาหารทั่วทั้งอียิปต์ และผู้คนทั้งในอียิปต์และคานาอันต่างอ่อนระโหยโรยแรงเพราะขาดอาหาร 14 โยเซฟรวบรวมเงินที่ได้จากประชาชนในอียิปต์และคานาอันครั้งที่นำมาซื้อธัญพืช โดยโยเซฟนำเงินนั้นมายังวังของฟาโรห์ 15 เมื่อประชาชนในดินแดนอียิปต์และคานาอันใช้เงินหมดแล้ว ชาวอียิปต์จึงมาหาโยเซฟและพูดว่า “ให้อาหารแก่พวกเราเถิด จะให้พวกเราตายต่อหน้าท่านหรือ ในเมื่อเราใช้เงินจนหมดแล้ว” 16 โยเซฟตอบว่า “ถ้าเงินของเจ้าหมด ก็เอาปศุสัตว์ของเจ้ามา แล้วเราจะให้อาหารเป็นการแลกเปลี่ยนกับปศุสัตว์ของเจ้า” 17 ดังนั้นพวกเขาจึงนำปศุสัตว์มาให้โยเซฟ และโยเซฟให้อาหารแก่คนเหล่านั้นเป็นการแลกเปลี่ยนกับม้า แพะแกะ โค และลา โยเซฟจัดหาอาหารให้พวกเขาเป็นการแลกเปลี่ยนกับปศุสัตว์ในปีนั้น 18 เมื่อสิ้นปีนั้นแล้ว พวกเขามาหาโยเซฟในปีต่อไป และพูดกับเขาว่า “พวกเราจะไม่ปิดบังนายท่านว่าเงินของเราหมดแล้ว ฝูงปศุสัตว์ก็เป็นของนายท่าน ไม่มีอะไรเหลือให้เห็นแล้ว นอกจากร่างกายและที่ดินของพวกเรา 19 จะให้พวกเราตายต่อหน้าท่านหรือ ทั้งตัวเราและที่ดินของเราด้วย ท่านซื้อตัวเราและที่ดินของเราแลกกับอาหารสิ เรากับที่ดินจะได้เป็นทาสรับใช้ฟาโรห์ ให้เมล็ดข้าวแก่เราเพื่อเราจะได้มีชีวิตต่อไป แล้วที่ดินจะได้ไม่เป็นที่รกร้าง”
20 โยเซฟจึงซื้อที่ดินทั้งหมดในอียิปต์ให้ฟาโรห์ เพราะชาวอียิปต์พากันขายที่ดินของตน เนื่องจากประสบทุพภิกขภัยอย่างรุนแรงที่สุด ที่ดินทั้งหมดจึงตกเป็นของฟาโรห์ 21 ส่วนประชาชน โยเซฟก็ให้พวกเขาเป็นทาสรับใช้จากสุดเขตแดนด้านหนึ่งของอียิปต์จนถึงอีกด้านหนึ่ง 22 ยกเว้นที่ดินของพวกปุโรหิตที่โยเซฟไม่ได้ซื้อ เพราะว่าปุโรหิตมีรายได้ประจำจากฟาโรห์อยู่แล้ว พวกเขาก็อยู่กินจากรายได้ที่ฟาโรห์ให้ ฉะนั้นเขาจึงไม่ต้องขายที่ดินของเขา
23 โยเซฟพูดกับประชาชนว่า “ดูเถิด บัดนี้เราได้ซื้อตัวเจ้าและที่ดินของเจ้าให้กับฟาโรห์ นี่เป็นเมล็ดข้าวสำหรับเจ้าใช้หว่านในนา 24 เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว เจ้าจะมอบหนึ่งในห้าแก่ฟาโรห์ ส่วนที่เหลือเป็นของเจ้าเอง เพื่อใช้ปลูกในนาเป็นอาหารสำหรับตัวเจ้า ครอบครัวของเจ้า และเด็กเล็กๆ ด้วย” 25 พวกเขาพูดว่า “นายท่านได้ช่วยชีวิตพวกเราไว้ หวังว่านายท่านพอใจ เราจะเป็นทาสรับใช้ฟาโรห์” 26 ดังนั้น โยเซฟจึงตั้งเป็นกฎเกณฑ์เรื่องที่ดินของประเทศอียิปต์มาจนถึงทุกวันนี้ว่า ฟาโรห์ควรได้รับหนึ่งในห้า ยกเว้นที่ดินของพวกปุโรหิตที่ไม่ได้ตกเป็นของฟาโรห์
27 ดังนั้น อิสราเอลตั้งรกรากอยู่ในดินแดนของอียิปต์ ในดินแดนของโกเชน พวกเขาเป็นเจ้าของทรัพย์สิ่งของที่นั่น เกิดลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง และทวีคนมากยิ่งขึ้น 28 ยาโคบใช้ชีวิตอยู่ในอียิปต์เป็นเวลา 17 ปี และยาโคบมีชีวิตอยู่จนถึงอายุ 147 ปี
29 เมื่อใกล้เวลาที่อิสราเอลจะสิ้นชีวิต ท่านเรียกโยเซฟบุตรชายมาและพูดว่า “ถ้าพ่ออยู่ในสายตาของลูก ก็ขอให้ลูกวางมือไว้ที่ใต้ขาอ่อนของพ่อ และสัญญาว่าจะกระทำต่อพ่อด้วยความภักดีและความจริง อย่าบรรจุศพพ่อไว้ที่อียิปต์เลย 30 แต่ขอให้พ่อนอนตายกับบรรพบุรุษ ยกพ่อออกไปจากอียิปต์และบรรจุไว้ที่เดียวกับถ้ำเก็บศพของพวกเขา” เขาตอบว่า “ลูกจะทำตามที่พ่อพูด” 31 อิสราเอลพูดว่า “สาบานต่อพ่อสิ” และเขาก็สาบานต่อบิดา แล้วอิสราเอลก้มตัวลงกราบที่หัวเตียงของตน[b]
ยาโคบให้พรแก่บุตรของโยเซฟ
48 หลังจากนั้นระยะหนึ่งมีคนบอกโยเซฟว่า “ดูเถิด บิดาของท่านไม่สบาย” เขาจึงพามนัสเสห์และเอฟราอิมบุตรทั้งสองของเขาไป 2 มีคนบอกยาโคบว่า “โยเซฟลูกชายของท่านมาหา” อิสราเอลจึงรวบรวมกำลังของตนและลุกขึ้นนั่งบนเตียง 3 ยาโคบพูดกับโยเซฟว่า “พระเจ้าผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพได้ปรากฏแก่พ่อที่ลูสในดินแดนคานาอันและให้พรแก่พ่อ 4 แล้วกล่าวกับพ่อว่า ‘ดูเถิด เราจะทำให้เจ้าเกิดลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ทวีคนของเจ้าขึ้น และเราจะทำให้เจ้าเป็นชนชาติกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่ง และจะยกดินแดนนี้ให้แก่บรรดาผู้สืบเชื้อสายของเจ้าที่มาภายหลังเจ้า เพื่อเป็นที่ครอบครองไปตลอดกาล’ 5 มาบัดนี้ ลูกชายทั้งสองของเจ้า ที่เกิดแก่เจ้าในดินแดนอียิปต์ก่อนพ่อมาหาเจ้าที่อียิปต์เป็นของพ่อ เอฟราอิมและมนัสเสห์เป็นของพ่อ เท่าๆ กับที่รูเบนและสิเมโอนเป็น 6 และลูกคนต่อๆ ไปที่เกิดแก่เจ้าจะเป็นของเจ้า และอาณาเขตที่พวกเขาจะได้เป็นมรดกจะมาจากเอฟราอิมและมนัสเสห์ 7 ขณะที่พ่อกำลังมาจากปัดดาน ราเชลก็เสียชีวิตที่ดินแดนคานาอันระหว่างทางก่อนถึงเอฟราธาห์ พ่อเศร้าใจมาก และฝังร่างแม่ของเจ้าไว้ที่นั่นระหว่างทางไปเอฟราธาห์” (คือเบธเลเฮม)
8 เมื่ออิสราเอลเห็นบุตรทั้งสองของโยเซฟก็ถามว่า “นี่ใคร” 9 โยเซฟบอกบิดาของตนว่า “ลูกทั้งสองเป็นลูกที่พระเจ้าได้มอบแก่ลูกที่นี่” และท่านพูดว่า “ช่วยพาเขามาหาพ่อหน่อย พ่อจะได้ให้พรแก่เขา” 10 อิสราเอลตามัวลงตามอายุของท่านจึงมองไม่เห็น ดังนั้นโยเซฟจึงพาสองคนเข้าใกล้บิดาของตน แล้วท่านก็จูบแก้ม และกอดหลานทั้งสอง 11 อิสราเอลพูดกับโยเซฟว่า “พ่อไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นหน้าเจ้าอีก แต่ดูเถิด พระเจ้าได้ให้พ่อเห็นลูกๆ ของเจ้าด้วย” 12 โยเซฟให้บุตรทั้งสองลุกขึ้นจากเข่ายาโคบ แล้วเขาก็ก้มตัวลงราบกับพื้น หน้าซบดิน 13 และโยเซฟจับตัวเอฟราอิมมายืนด้านขวาของตน คือทางซ้ายมือของอิสราเอล และมนัสเสห์ยืนด้านซ้ายของตน คือทางขวามือของอิสราเอล และพาทั้งสองเข้ามาใกล้ยาโคบ 14 อิสราเอลก็ยื่นมือขวาของตนไปวางบนศีรษะของเอฟราอิมผู้น้อง และมือซ้ายอยู่บนศีรษะของมนัสเสห์โดยไขว้มือของตน แม้ว่ามนัสเสห์เป็นบุตรหัวปี[c] 15 แล้วท่านก็ให้พรแก่โยเซฟ โดยพูดว่า
“ขอให้พระเจ้าที่บรรพบุรุษของข้าพเจ้าคืออับราฮัมและอิสอัคได้รับใช้มา
พระเจ้าผู้เฝ้าดูแลข้าพเจ้ามาตลอดชีวิตจนถึงทุกวันนี้
16 อีกทั้งทูตสวรรค์ที่ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากภัยทั้งปวง อวยพรเด็กทั้งสอง
ขอให้คนระลึกถึงชื่อข้าพเจ้า ชื่ออับราฮัมและอิสอัคบรรพบุรุษของข้าพเจ้าได้โดยเด็กสองคนนี้
และขอให้เขาทั้งสองทวีจำนวนทายาทเป็นชนกลุ่มใหญ่บนแผ่นดินโลก”
17 ครั้นโยเซฟเห็นว่าบิดาของตนวางมือขวาบนศีรษะของเอฟราอิม เขาไม่พอใจและยกมือของบิดาจากศีรษะเอฟราอิมไปวางบนศีรษะมนัสเสห์ 18 และโยเซฟพูดกับบิดาของตนว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น พ่อช่วยวางมือขวาของพ่อบนศีรษะของคนนี้ซึ่งเป็นคนหัวปี” 19 แต่บิดาปฏิเสธและพูดว่า “พ่อรู้ ลูกเอ๋ย พ่อรู้ เขาจะเป็นชนชาติกลุ่มหนึ่ง และเขาจะมีความสำคัญด้วย แต่อย่างไรก็ดีน้องชายของเขาจะสำคัญยิ่งกว่าเขา และบรรดาผู้สืบเชื้อสายของเขาจะเป็นประชาชาติจำนวนมาก” 20 ท่านอวยพรทั้งสองคนในวันนั้นว่า
“ชาวอิสราเอลจะกล่าวคำอวยพรในนามของเจ้าว่า
‘ขอให้พระเจ้าโปรดเจ้าอย่างที่โปรดเอฟราอิมและมนัสเสห์เถิด’”
แสดงว่ายาโคบให้เอฟราอิมขึ้นหน้าก่อนมนัสเสห์
21 แล้วอิสราเอลพูดกับโยเซฟว่า “ดูเถิด พ่อใกล้จะตายแล้ว แต่พระเจ้าจะอยู่กับลูก และจะนำเจ้ากลับไปยังดินแดนของบรรพบุรุษของเจ้า 22 ยิ่งกว่านั้น เนินเขาลูกหนึ่งที่พ่อได้มาด้วยดาบและธนูของพ่อจากมือของชาวอาโมร์ พ่อก็ยกให้แก่เจ้าแทนที่จะให้แก่พี่น้องของเจ้า”
ยาโคบอำลาบุตรทุกคน
49 แล้วยาโคบเรียกตัวบุตรชายทั้งหลายมาและกล่าวว่า “ทุกคนมาใกล้ๆ พ่อ พ่อจะได้บอกว่า อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
2 เข้ามาร่วมกันฟังเถิด ลูกของยาโคบเอ๋ย
จงฟังอิสราเอลบิดาของเจ้า
3 รูเบน ลูกหัวปีของพ่อ
เจ้าเป็นกำลังของพ่อ ผลแรกแห่งวัยกำยำของพ่อ
เจ้าเยี่ยมยอดและมีกำลังเหนือกว่าบุคคลอื่น
4 เชี่ยวกรากดั่งสายน้ำ แต่เจ้าจะไม่เหนือกว่าผู้ใด
เพราะเจ้าขึ้นไปยังที่นอนของบิดาของเจ้า
ที่เอนกายของพ่อ และทำให้ที่นั้นเป็นมลทิน
5 สิเมโอนและเลวีเป็นพี่น้องกัน
ดาบของพวกเขาเป็นอาวุธแห่งความรุนแรง
6 ชีวิตพ่อจะไม่ไปรวมเข้ากับกลุ่มผู้สมรู้ร่วมคิด
วิญญาณของพ่อจะไม่ไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขา
เพราะพวกเขาฆ่าคนด้วยความโกรธ
และทำร้ายโคจนพิการตามใจชอบของพวกเขา
7 ความโกรธของพวกเขาจะถูกสาปแช่งเพราะร้อนแรงนัก
ความฉุนเฉียวของพวกเขาก็เช่นกันเพราะโหดร้ายเหลือ
พ่อจะกระจายพวกเขาไปทั่วดินแดนของยาโคบ
และให้พวกเขากระจัดกระจายอยู่ทั่วดินแดนอิสราเอล
8 ยูดาห์เอ๋ย[d] พี่น้องของเจ้าจะยกย่องเจ้า
ศัตรูของเจ้าจะอยู่ในเงื้อมมือของเจ้า
พี่น้องของเจ้าจะก้มลงกราบเจ้า
9 ยูดาห์เป็นดั่งสิงโตหนุ่ม
ลูกเอ๋ย เมื่อเจ้าได้เหยื่อแล้ว เจ้าก็กลับขึ้นไป
เขาหมอบและนอนลงเยี่ยงสิงโต
ดั่งสิงโตตัวเมีย ใครเล่าจะกล้าแหย่ให้ผงาดขึ้น
10 คทาจะไม่หลุดไปจากยูดาห์
และไม้อาชญาสิทธิ์จะไม่ขยับพ้นระหว่างสองเท้าของเขาอย่างไร
ชิโลห์ก็จะมาอย่างนั้น
และบรรดาชนชาติจะปฏิบัติตามคำสั่งของเขา
11 เขาผูกลาผู้ของเขาไว้ที่เถาองุ่น
ผูกลูกลาของเขาไว้ที่เถาองุ่นที่งามที่สุด
เขาซักเสื้อผ้าของเขาด้วยเหล้าองุ่น
ซักเครื่องนุ่งห่มด้วยน้ำองุ่นแดงดั่งเลือด
12 ตาขาวของเขาเป็นสีแดงด้วยเหล้าองุ่น
และฟันของเขาขาวด้วยน้ำนม
13 เศบูลุนจะอาศัยอยู่ที่ชายฝั่งทะเล
เขาจะเป็นดั่งท่าสำหรับเรือ
ชายแดนของเขาจะยื่นไปทางไซดอน
14 อิสสาคาร์เป็นเหมือนลากระดูกแกร่ง
นอนทรุดลงอยู่ระหว่างถุงบรรทุกบนหลังของมัน
15 เขาเห็นว่าเป็นสถานที่เหมาะสม เป็นที่พำนัก
และทำเลก็น่าอยู่
เขาจึงก้มลงรับภาระไว้บนบ่า
และถูกเกณฑ์มาทำงานหนัก
16 ดานจะปกครองบรรดาคนของเขา
เหมือนเผ่าอื่นๆ ของอิสราเอล
17 ดานจะเป็นเสมือนงูริมทาง
งูพิษริมทางที่แว้งกัดส้นเท้าม้า
และทำให้คนขี่ตกหงายหลัง
18 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ารอคอยที่จะรับการรอดพ้นจากพระองค์
19 กาดจะถูกพวกโจรปล้น
แต่เขาก็จะไล่ตามโจรไปจนประชิดตัว
20 อาเชอร์จะอยู่ในดินแดนอันอุดม
ได้ผลผลิตอันดีเลิศ เหมาะสำหรับกษัตริย์
21 นัฟทาลีเป็นเสมือนกวางตัวเมียที่โลดแล่นอย่างมีอิสระ
และให้กำเนิดลูกกวางตัวงาม
22 โยเซฟเป็นเสมือนเถาไม้อุดมผล
เถาไม้อุดมผลที่ข้างน้ำพุ
กิ่งก้านขยายปกคลุมทั่วกำแพง
23 นายขมังธนูโจมตีเขาอย่างดุร้าย
ยิงใส่เขา และรังควานด้วยความเคียดแค้น
24 แต่คันธนูของเขาไม่สะทกสะท้าน
มือและแขนของเขาแข็งแรงได้
โดยมือขององค์ผู้มีอานุภาพของยาโคบ
โดยผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ ศิลาของอิสราเอล
25 โดยพระเจ้าของบิดาของเจ้า ผู้ช่วยเหลือเจ้า
โดยพระเจ้า ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพ
ผู้อวยพรเจ้าด้วยพระพรจากฟ้าสวรรค์เบื้องบน
พระพรจากห้วงน้ำลึกที่อยู่เบื้องล่าง
พระพรจากอกและครรภ์
26 พระพรของบิดาของเจ้าเหนือยิ่งไปกว่า
พระพรของเทือกเขาที่ตั้งอย่างถาวร
และเหนือกว่าความอุดมของเนินเขาที่ยืนยง
ขอพระพรเหล่านี้จงอยู่บนศีรษะของโยเซฟ
บนหน้าผากของผู้นำ ท่ามกลางพี่น้องของเขา
27 เบนยามินฉีกเนื้อกินอย่างสุนัขป่า
เขาเขมือบเหยื่อในยามเช้า
และแบ่งปันสิ่งที่ชิงมาได้ในยามเย็น”
28 นี่แหละคือ 12 เผ่าของอิสราเอล และเป็นสิ่งที่บิดาของพวกเขากล่าวไว้เป็นคำอวยพร เป็นพรที่เหมาะสมกับแต่ละคน 29 แล้วยาโคบสั่งพวกเขาว่า “พ่อกำลังจะไปรวมหมู่กับญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว จงเก็บศพพ่อไว้กับบรรพบุรุษในถ้ำที่อยู่ในทุ่งนาของเอโฟรนชาวฮิต 30 ในถ้ำที่อยู่ในทุ่งนาที่มัคเป-ลาห์ ซึ่งอยู่ใกล้มัมเรในดินแดนคานาอัน ที่อับราฮัมได้ซื้อไว้เป็นสถานบรรจุศพจากเอโฟรนชาวฮิตพร้อมกับทุ่งนา[e] 31 ที่นั่นเป็นที่ที่เขาบรรจุศพอับราฮัมและซาราห์ภรรยา ที่นั่นเป็นที่ที่เขาบรรจุศพอิสอัคและเรเบคาห์ภรรยา และที่นั่นแหละที่พ่อบรรจุศพเลอาห์ 32 เป็นทุ่งนาและถ้ำที่อยู่ในนาที่ซื้อมาจากพวกชาวฮิต” 33 ครั้นยาโคบสั่งพวกบุตรชายเสร็จแล้ว ก็ยกเท้าขึ้นบนที่นอน และหายใจเฮือกสุดท้าย และศพถูกบรรจุรวมไว้กับญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว
50 โยเซฟซบลงแนบใบหน้าของบิดา ร้องไห้และจูบแก้มท่าน 2 แล้วโยเซฟสั่งบรรดาคนรับใช้และแพทย์ให้อาบศพบิดาด้วยน้ำยา พวกแพทย์จึงทำตามนั้นให้อิสราเอล 3 ใช้เวลา 40 วันตามขั้นตอนจึงเสร็จสิ้นจากการอาบน้ำยาศพ และชาวอียิปต์ร้องคร่ำครวญถึงยาโคบเป็นเวลา 70 วัน
4 เมื่อช่วงเวลาแห่งการร้องคร่ำครวญผ่านพ้นไปแล้ว โยเซฟพูดกับกลุ่มข้าราชสำนักของฟาโรห์ว่า “ถ้าข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่าน ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านพูดกับฟาโรห์ว่า 5 บิดาให้ข้าพเจ้าสาบานกับท่านว่า ‘พ่อกำลังจะตายแล้ว เจ้าจงบรรจุศพพ่อในถ้ำที่พ่อสลักไว้เองที่ดินแดนคานาอัน’ บัดนี้กรุณาให้ข้าพเจ้าขึ้นไปจัดการศพบิดาข้าพเจ้า แล้วจึงจะกลับมา” 6 ฟาโรห์ตอบว่า “ขึ้นไปเถิด ไปจัดการศพบิดาของเจ้าตามคำสาบานที่ให้กับบิดา” 7 ดังนั้นโยเซฟจึงขึ้นไปจัดการศพบิดา บรรดาผู้รับใช้ของฟาโรห์ เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ในวัง และเจ้าหน้าที่ชั้นสูงในดินแดนอียิปต์ก็ร่วมเดินทางไปกับโยเซฟ 8 นอกจากนั้นก็มีครอบครัวโยเซฟ พวกพี่น้อง และครอบครัวของยาโคบ เหลือแต่พวกเด็กๆ แพะแกะ และฝูงสัตว์ทั้งหลายที่ปล่อยให้อยู่ในพื้นที่โกเชน 9 มีรถศึกพร้อมคนขับไปกับเขาด้วย รวมเข้าเป็นขบวนใหญ่โตมาก 10 เมื่อพวกเขามาถึงลานนวดข้าวที่อาทาดซึ่งอยู่โพ้นแม่น้ำจอร์แดน ก็ส่งเสียงร้องไห้ฟูมฟายอยู่ที่นั่นด้วยความเศร้าใจยิ่งนัก และโยเซฟร้องคร่ำครวญถึงบิดาตามพิธีเป็นเวลา 7 วัน 11 เมื่อพลเมืองดินแดนคานาอันเห็นการร้องคร่ำครวญบนลานนวดข้าวที่อาทาด พวกเขาก็พูดว่า “นี่เป็นการร้องคร่ำครวญที่เศร้าโศกยิ่งนักของชาวอียิปต์” ฉะนั้นสถานที่นั้นจึงชื่อว่า อาเบลมิสราอิม ซึ่งอยู่เลยแม่น้ำจอร์แดนออกไป
12 บรรดาบุตรของยาโคบก็ได้จัดการเรื่องให้ตามที่บิดาได้สั่งให้พวกเขาทำ 13 บุตรชายยาโคบหามศพไปยังดินแดนคานาอัน และเก็บไว้ในถ้ำที่อยู่ในทุ่งนาที่มัคเป-ลาห์ซึ่งอยู่ใกล้มัมเร ที่อับราฮัมได้ซื้อไว้พร้อมกับทุ่งนาจากเอโฟรนชาวฮิต เพื่อมีไว้ใช้เป็นที่บรรจุศพ 14 หลังจากที่ได้บรรจุศพบิดาของเขาไว้ในถ้ำแล้ว โยเซฟกับพวกพี่น้องและทุกคนที่ไปจัดการเรื่องศพด้วยก็กลับไปยังอียิปต์
โยเซฟให้อภัยพี่ๆ
15 เมื่อพวกพี่ๆ ของโยเซฟเห็นว่าบิดาของเขาสิ้นชีวิตลงแล้ว ต่างก็พูดว่า “โยเซฟอาจจะเกลียดชังพวกเรา และจะแก้แค้นความเลวร้ายที่เราได้กระทำต่อเขา” 16 พวกเขาจึงส่งคนไปบอกโยเซฟว่า “บิดาของท่านสั่งไว้ก่อนสิ้นชีวิตตามนี้ 17 ‘จงบอกกับโยเซฟว่าพ่อขอร้องให้เจ้าให้อภัยความเลวร้ายและบาปที่พวกพี่ชายได้ทำไว้กับเจ้า’ และมาบัดนี้ พวกเราขอร้องท่านให้อภัยความเลวร้ายที่พวกเราคือผู้รับใช้ของพระเจ้าของบิดาของท่านได้กระทำไว้” โยเซฟร้องไห้ เมื่อพวกพี่ๆ พูดกับเขาอย่างนั้น 18 พี่ชายของเขามา และทิ้งตัวลงราบกับพื้นต่อหน้าเขา และพูดว่า “พวกเราเป็นผู้รับใช้ของท่าน” 19 แต่โยเซฟพูดกับพวกเขาว่า “อย่ากลัวเลย เราเป็นพระเจ้าหรืออย่างไร 20 พี่มีแผนชั่วร้ายกับเรา แต่พระเจ้าต่างหากที่ให้เกิดสิ่งดี เพื่อให้เป็นไปอย่างวันนี้คือ คนเป็นจำนวนมากได้มีชีวิตอยู่ 21 บัดนี้ อย่ากลัวเลย เราจะดูแลเรื่องอาหารให้พี่และลูกหลานของพี่ด้วย” โยเซฟจึงปลอบใจพวกเขา และพูดให้เขาสบายใจขึ้น
โยเซฟสิ้นชีวิต
22 โยเซฟและครอบครัวบิดาของเขาตั้งรกรากที่อียิปต์ และโยเซฟมีชีวิตอยู่ถึง 110 ปี 23 โยเซฟได้เห็นลูกหลานของเอฟราอิมถึง 3 ชั่วอายุคน และลูกๆ ของมาคีร์บุตรชายของมนัสเสห์ก็เกิดมาให้โยเซฟได้เชยชมด้วย 24 โยเซฟพูดกับญาติพี่น้องของเขาว่า “เราใกล้จะตายแล้ว แต่พระเจ้าจะมาเยี่ยมเยียน และนำพวกเจ้าออกจากดินแดนนี้ไปยังดินแดนที่พระองค์ได้ปฏิญาณไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ” 25 แล้วโยเซฟให้บรรดาลูกหลานของอิสราเอลสาบานต่อเขา โดยกล่าวว่า “พระเจ้าจะมาเยี่ยมเยียนพวกเจ้า และเจ้าจะต้องนำกระดูกของเราออกไปจากที่นี่” 26 โยเซฟสิ้นชีวิตเมื่อมีอายุได้ 110 ปี พวกเขาใช้น้ำยาอาบศพโยเซฟ และบรรจุร่างเขาไว้ในโลงที่อียิปต์
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation