Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
เลวีนิติ 1:1-14:32

สัตว์ที่เผาเป็นของถวาย

พระผู้เป็นเจ้าเรียกโมเสสจากกระโจมที่นัดหมายและกล่าวกับท่านว่า “จงบอกชาวอิสราเอลตามนี้ ‘เมื่อผู้ใดนำของมาถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า เจ้าจงนำสัตว์เลี้ยงอันเป็นของถวายมาจากฝูงโคหรือฝูงแพะแกะ

ถ้าสัตว์ที่เขาจะใช้เผาเป็นของถวาย เป็นสัตว์ที่มาจากฝูงโค เขาจะต้องถวายโคหนุ่มที่ปราศจากตำหนิ ณ ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย เพื่อพระผู้เป็นเจ้าจะได้ยอมรับเขา ให้เขาวางมือบนหัวสัตว์ที่จะใช้เผาเป็นของถวาย เพื่อให้มีการยอมรับในพิธีชดใช้บาปของเขา แล้วให้เขาฆ่าโคหนุ่มตัวนั้น ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า บรรดาปุโรหิตผู้เป็นบุตรของอาโรนถวายเลือดด้วยการสาดลงรอบๆ แท่นบูชาซึ่งตั้งอยู่หน้าทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย และให้เขาถลกหนังสัตว์ที่จะเผาเป็นของถวาย แล้วหั่นเป็นท่อนๆ บรรดาบุตรของอาโรนปุโรหิตก็จุดไฟที่แท่นบูชาแล้วเรียงฟืนไว้ให้เป็นระเบียบ บรรดาปุโรหิตผู้เป็นบุตรของอาโรนจะวางสัตว์ที่หั่นเป็นท่อนแล้ว รวมทั้งหัวและไขมันบนกองฟืนที่แท่นบูชาให้เป็นระเบียบ เขาใช้น้ำล้างเครื่องในและขาสัตว์ แล้วปุโรหิตจะเผาทุกส่วนที่แท่นบูชา เป็นสัตว์ที่เผาเป็นของถวายซึ่งถวายด้วยไฟ ส่งกลิ่นหอมเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า

10 ถ้าสัตว์ที่เขาจะใช้เผาเป็นของถวาย เป็นสัตว์ที่มาจากฝูงแพะหรือแกะ เขาจะต้องถวายสัตว์ตัวผู้ที่ปราศจากตำหนิ 11 เขาจะต้องฆ่าสัตว์ที่ด้านเหนือของแท่น ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ให้บรรดาปุโรหิตผู้เป็นบุตรของอาโรนสาดเลือดรอบแท่น 12 ให้เขาหั่นเป็นท่อนๆ รวมทั้งหัวและไขมัน ปุโรหิตจะวางไว้บนกองฟืนบนไฟที่แท่นอย่างเป็นระเบียบ 13 เขาใช้น้ำล้างเครื่องในและขาสัตว์ และปุโรหิตจะถวายสัตว์ทุกส่วนด้วยการเผาบนแท่นบูชา เป็นสัตว์ที่เผาเป็นของถวายซึ่งถวายด้วยไฟ ส่งกลิ่นหอมเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า

14 ถ้าสิ่งที่เขามอบแด่พระผู้เป็นเจ้าเป็นนกที่จะเผาเป็นของถวาย ก็จะต้องถวายนกเขาหรือนกพิราบหนุ่ม[a] 15 ปุโรหิตจะนำนกมาที่แท่นบูชา บิดคอและเผาบนแท่นให้เลือดไหลลงข้างแท่น 16 เขาต้องดึงกระเพาะนกและขน ทิ้งที่ข้างแท่นด้านตะวันออกซึ่งเป็นที่บรรจุขี้เถ้า 17 แล้วเขาต้องรวบปีกฉีกอก แต่อย่าให้ขาดเป็น 2 ท่อน และปุโรหิตจะเผานกทั้งตัวที่แท่นบูชา บนฟืนที่เรียงสุมไว้บนไฟ เป็นสัตว์ที่เผาเป็นของถวายซึ่งถวายด้วยไฟจะส่งกลิ่นหอมเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า

เครื่องธัญญบูชา

เมื่อผู้ใดมอบเครื่องธัญญบูชาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า ของถวายของเขาต้องเป็นแป้งสาลีชั้นเยี่ยม ราดด้วยน้ำมันและใส่กำยาน นำมาให้บรรดาปุโรหิตผู้เป็นบุตรของอาโรน ปุโรหิตจะหยิบแป้งชั้นเยี่ยมหนึ่งกำมือพร้อมน้ำมัน และกำยานทั้งหมดเผาเพื่อเป็นส่วนอนุสรณ์ที่แท่นบูชา และถวายด้วยไฟ ส่งกลิ่นหอมเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า ส่วนธัญญบูชาที่เหลือจะตกเป็นของอาโรนและบุตรของเขา เป็นของถวายด้วยไฟส่วนที่บริสุทธิ์แด่พระผู้เป็นเจ้า

เมื่อเจ้านำธัญญบูชาซึ่งอบจากเตาเป็นของถวายจะต้องใช้แป้งชั้นเยี่ยม อบขนมไร้เชื้อมีน้ำมันผสม หรือขนมปังกรอบไร้เชื้อทาน้ำมัน ถ้าของถวายของเจ้าเป็นธัญญบูชาที่ทอดบนกระทะก้นแบน ก็จะต้องทำจากแป้งชั้นเยี่ยมผสมกับน้ำมันโดยไร้เชื้อยีสต์ และจงบิออกเป็นชิ้นๆ ราดด้วยน้ำมันเป็นธัญญบูชา ถ้าของถวายของเจ้าเป็นธัญญบูชาที่ทอดด้วยกระทะ จะต้องทำจากแป้งสาลีชั้นเยี่ยมผสมกับน้ำมัน เจ้าจงนำธัญญบูชาที่เตรียมไว้ดังกล่าวถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า เมื่อนำมาให้ปุโรหิตแล้ว เขาก็จะนำมาให้ที่แท่นบูชา และปุโรหิตจะหยิบเอาส่วนที่เป็นอนุสรณ์แห่งการถวายจากเครื่องธัญญบูชา และเผาถวายด้วยไฟบนแท่นบูชา จะส่งกลิ่นหอมเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า 10 ส่วนธัญญบูชาที่เหลือจะตกเป็นของอาโรนและบุตรของเขา เป็นของถวายด้วยไฟส่วนที่บริสุทธิ์แด่พระผู้เป็นเจ้า

11 เครื่องธัญญบูชาที่เจ้านำมาถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าจะต้องไร้เชื้อยีสต์ เพราะเจ้าจะต้องไม่เผาเชื้อยีสต์หรือน้ำผึ้งเป็นของถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า 12 เจ้าจะนำธัญญบูชาซึ่งเป็นผลแรกมาถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าเป็นของถวายได้ แต่อย่าใช้เป็นของถวายที่ส่งกลิ่นหอมอันน่าพอใจที่แท่นบูชา 13 เจ้าจงปรุงเครื่องธัญญบูชาทั้งหมดด้วยเกลือ อย่าปล่อยให้เครื่องธัญญบูชาขาดเกลือแห่งพันธสัญญาที่ทำไว้กับพระเจ้า จงถวายเกลือในของถวายทุกอย่าง[b]

14 ถ้าเจ้าถวายธัญญบูชาแห่งผลแรกแด่พระผู้เป็นเจ้า ก็จงถวายธัญพืชใหม่จากรวงที่เพิ่งเกี่ยวมาได้ ทั้งคั่วไฟและบด 15 และจงราดธัญพืชที่บดแล้วด้วยน้ำมัน ใส่กำยาน เป็นเครื่องธัญญบูชา 16 ปุโรหิตจะเผาธัญพืชที่บดแล้ว พร้อมกับน้ำมันและกำยานทั้งหมดเพื่อเป็นส่วนอนุสรณ์ เป็นการถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า

ของถวายเพื่อสามัคคีธรรม

ถ้าเครื่องสักการะเป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรม และผู้ใดถวายโคจากฝูง ไม่ว่าตัวผู้หรือตัวเมีย เขาต้องถวายตัวที่ไม่มีตำหนิ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ให้เขาวางมือบนหัวสัตว์ที่ถวายและฆ่ามันที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย แล้วบรรดาปุโรหิตผู้เป็นบุตรของอาโรนจะสาดเลือดรอบแท่น จากเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรมที่ถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า ให้เขาถวายเครื่องในส่วนที่มีไขมันหุ้ม พร้อมกับไตมีไขมันติดทั้งสองข้างซึ่งอยู่ใกล้เอว และตับชิ้นยาวซึ่งเขาจะตัดมาพร้อมกับไต แล้วบรรดาบุตรของอาโรนจะเผาเครื่องในเหล่านี้ที่แท่นบูชา พร้อมกับสัตว์ที่เผาเป็นของถวายที่วางอยู่บนไม้ซึ่งติดไฟอยู่ เป็นของถวายด้วยไฟ ส่งกลิ่นหอมเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า

ถ้าเครื่องสักการะเป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรมแด่พระผู้เป็นเจ้า เป็นสัตว์จากฝูงแพะแกะ ไม่ว่าตัวผู้หรือตัวเมีย ให้เขาถวายตัวที่ไม่มีตำหนิ ถ้าของถวายของเขาเป็นลูกแกะ เขาก็จะถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า โดยวางมือของเขาบนหัวสัตว์และฆ่ามันที่หน้ากระโจมที่นัดหมาย และบรรดาบุตรของอาโรนจะสาดเลือดรอบแท่น จากเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรมที่ถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า ให้เขาถวายส่วนที่เป็นไขมัน หางที่เป็นไขมันทั้งหมดตัดจากกระดูกสันหลัง และไขมันที่หุ้มหรือติดกับเครื่องในทั้งหมด 10 และไตมีไขมันติดทั้งสองข้างซึ่งอยู่ใกล้เอว และตับชิ้นยาวซึ่งเขาจะตัดมาพร้อมกับไต 11 และปุโรหิตจะเผาสิ่งเหล่านี้ที่แท่นบูชาเป็นอาหารถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า

12 ถ้าของถวายของเขาเป็นแพะ เขาก็จะถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 13 โดยวางมือบนหัวสัตว์ และฆ่าสัตว์ที่หน้ากระโจมที่นัดหมาย บรรดาบุตรของอาโรนจะสาดเลือดรอบแท่น 14 แล้วให้เขาถวายเครื่องในมีไขมันติด และที่หุ้มด้วยไขมันเป็นของถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า 15 และไตมีไขมันติดทั้งสองข้างซึ่งอยู่ใกล้เอว และตับชิ้นยาวซึ่งเขาจะตัดมาพร้อมกับไต 16 และปุโรหิตจะเผาสิ่งเหล่านี้ที่แท่นบูชาเป็นอาหารถวายด้วยไฟ ส่งกลิ่นหอมอันน่าพอใจ ไขมันทั้งหมดเป็นของพระผู้เป็นเจ้า 17 และจงถือเป็นกฎเกณฑ์ของทุกชาติพันธุ์ของพวกเจ้าไปตลอดกาล ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ใดก็ตาม คืออย่ารับประทานไขมันหรือเลือด’”

เครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป

และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘ถ้าผู้ใดกระทำบาปโดยไม่มีเจตนา และกระทำสิ่งใดที่เป็นการห้าม และที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาไม่ให้ทำ ถ้าปุโรหิตผู้ได้รับการเจิมแล้วกระทำบาป ผลที่จะกระทบคือความผิดที่ประชาชนได้รับ ฉะนั้นจงให้เขาถวายโคหนุ่มที่ไม่มีตำหนิจากฝูงแด่พระผู้เป็นเจ้าเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป เขาต้องนำโคตัวนั้นมาไว้ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย ให้เขาวางมือบนหัวโค และฆ่ามัน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ให้ปุโรหิตที่ได้รับการเจิมแล้วนำเลือดโคเข้าไปในกระโจมที่นัดหมาย ปุโรหิตจะจุ่มนิ้วในเลือดและประพรมที่หน้าม่านกั้น[c]ของสถานที่บริสุทธิ์ 7 ครั้ง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และปุโรหิตจะป้ายเลือดที่เชิงงอนทั้งสี่ของแท่นเผาเครื่องหอม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในกระโจมที่นัดหมาย ให้เขาเทเลือดโคที่เหลือลงที่ฐานแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวายซึ่งอยู่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย ให้เขาเอาไขมันทั้งหมดจากโคหนุ่มนั้นที่เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป ไขมันหุ้มเครื่องในและติดกับเครื่องใน ไตมีไขมันติดทั้งสองข้างซึ่งอยู่ใกล้เอว และตับชิ้นยาวซึ่งเขาจะตัดมาพร้อมกับไต 10 เหมือนกับไขมันที่ตัดมาจากโคที่ใช้เป็นเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรม และปุโรหิตจะเผาสิ่งเหล่านี้บนแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย 11 ส่วนหนังและเนื้อโคหนุ่ม หัวและขา เครื่องในและไส้ 12 คือทุกส่วนที่เหลือจากโคทั้งตัว ให้เขาเอามันออกไปนอกค่ายยังที่สะอาดของพิธีกรรม ซึ่งเป็นที่สำหรับทิ้งขี้เถ้า แล้วเผาที่กองไฟ ทิ้งขี้เถ้าไว้ที่ไหนก็เผาตรงนั้น

13 ถ้ามวลชนชาวอิสราเอลทั้งกลุ่มกระทำบาปโดยไม่มีเจตนา แม้ว่าที่ประชุมไม่ทราบเรื่องว่าเขากระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาไม่ให้ทำ และนับว่ามีความผิด 14 เมื่อพวกเขารู้ตัวว่ากระทำบาป ที่ประชุมจะต้องถวายโคหนุ่มเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปโดยนำมาหน้ากระโจมที่นัดหมาย 15 และบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของมวลชนจะวางมือของเขาบนหัวโคตัวนั้น ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และโคจะถูกฆ่า ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 16 แล้วปุโรหิตที่ได้รับการเจิมแล้วจะนำเลือดโคมายังกระโจมที่นัดหมาย 17 ปุโรหิตจะจุ่มนิ้วในเลือดและประพรมที่หน้าม่านกั้น 7 ครั้ง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 18 ปุโรหิตจะป้ายเลือดที่เชิงงอนของแท่น ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในกระโจมที่นัดหมาย ให้เขาเทเลือดโคที่เหลือลงที่ฐานแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวายซึ่งอยู่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย 19 ให้เขาเอาไขมันทั้งหมดจากโคหนุ่มนั้นไปเผาบนแท่นบูชา 20 ให้เขากระทำกับโคตัวนี้เช่นเดียวกับที่เขากระทำกับโคที่เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้พวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้รับการยกโทษ 21 และให้เขาเอาโคออกไปเผาที่นอกค่าย เหมือนกับที่เขาเผาโคตัวก่อน เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปสำหรับมวลชน

22 เมื่อผู้นำกระทำบาปโดยไม่มีเจตนาในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเขาบัญชาไม่ให้ทำ และนับว่ามีความผิด 23 เมื่อเขารู้ตัวว่าตนกระทำบาป เขาจะต้องนำแพะตัวผู้ไม่มีตำหนิเป็นของถวาย 24 ให้เขาวางมือบนหัวแพะและฆ่าสัตว์ในที่เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป 25 แล้วปุโรหิตจะใช้นิ้วจุ่มเลือดจากเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป ป้ายที่เชิงงอนของแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย และเทเลือดที่เหลือลงที่ฐานแท่นที่ใช้เผาสัตว์ 26 ให้เขาเผาไขมันทั้งหมดที่แท่น เหมือนกับเผาไขมันสำหรับเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรม ดังนั้นปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้ผู้นำคนนั้น เพื่อเขาจะได้รับการยกโทษ

27 ถ้าบุคคลทั่วๆ ไปกระทำบาปโดยไม่มีเจตนาในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาไม่ให้ทำ ก็นับว่ามีความผิด 28 เมื่อเขารู้ตัวว่าตนกระทำบาป เขาจะต้องนำแพะตัวเมียที่ไม่มีตำหนิมาถวาย เพื่อบาปที่เขากระทำ 29 ให้เขาวางมือบนหัวสัตว์ที่เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และฆ่าสัตว์ในที่เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย 30 และปุโรหิตจะใช้นิ้วจุ่มเลือด และป้ายที่เชิงงอนของแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย เลือดที่เหลือก็เทลงที่ฐานแท่น 31 ให้เขาตัดไขมันสัตว์ทั้งหมดออกเหมือนกับไขมันสำหรับเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรม และปุโรหิตจะเผาไขมันที่แท่นให้ส่งกลิ่นหอมเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า และปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้เขา เพื่อเขาจะได้รับการยกโทษ

32 ถ้าเขานำลูกแกะมาถวายเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป จะต้องเป็นแกะตัวเมียไม่มีตำหนิ 33 และวางมือบนหัวสัตว์สำหรับเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และฆ่าสัตว์ในที่เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย 34 แล้วปุโรหิตจะใช้นิ้วจุ่มเลือดจากเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป ป้ายที่เชิงงอนของแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย และเทเลือดที่เหลือลงที่ฐานแท่น 35 ให้เขาตัดไขมันสัตว์ทั้งหมดออกเหมือนกับไขมันแกะสำหรับเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรม และปุโรหิตจะเผาไขมันที่แท่นโดยวางบนของถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า และปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปที่เขากระทำ เพื่อเขาจะได้รับการยกโทษ

ถ้าผู้ใดกระทำบาปในกรณีเป็นพยานในศาล แต่ไม่ยอมปริปากเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่ได้เห็นหรือรับรู้มา เขาจะต้องรับโทษ หรือถ้าผู้ใดแตะต้องสิ่งที่เป็นมลทิน ไม่ว่าจะเป็นซากสัตว์ป่าหรือสัตว์เลี้ยง หรือฝูงนกต่างๆ ที่เป็นมลทิน แม้ว่าเขาจะไม่รู้ตัว เขาก็เป็นคนมีมลทิน ซึ่งถือว่ามีความผิด หรือถ้าเขาแตะต้องสิ่งที่เป็นมลทินของมนุษย์ จะเป็นประเภทใดก็ตามที่ทำให้คนเป็นมลทิน แม้ว่าเขาจะไม่รู้ตัว แต่ต่อมาก็ทราบ เขาจะมีความผิด หรือถ้าผู้ใดเอ่ยปากสาบานโดยไม่ยั้งคิดว่าจะทำความดีหรือความชั่ว อะไรก็ตามที่เขาสาบานโดยไม่ยั้งคิด แม้ว่าเขาจะไม่รู้ตัว แต่ต่อมาก็ทราบในเรื่องเหล่านี้ เขาจะมีความผิด เมื่อผู้ใดผิดเรื่องเหล่านี้ เขาจะต้องสารภาพบาปที่กระทำ และจะต้องนำของถวายเพื่อไถ่โทษบาปที่เขากระทำแด่พระผู้เป็นเจ้า คือแกะหรือแพะตัวเมียจากฝูงสัตว์เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปที่เขากระทำ

แต่ถ้าเขาไม่สามารถถวายลูกแกะได้ ก็ต้องนำของมาถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าสำหรับบาปที่เขากระทำ เป็นการไถ่โทษ คือนกเขาหรือนกพิราบหนุ่ม 2 ตัว ตัวหนึ่งเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และอีก 1 ตัวเป็นสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย เขาจะต้องนำนกทั้ง 2 ตัวมาให้ปุโรหิต เพื่อถวายตัวแรกเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป ให้เขาบิดหัวนกหลุดจากคอ แต่อย่าให้ขาดจากกัน และเขาจะประพรมเลือดจากเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปที่ข้างแท่น แล้วเลือดที่เหลือก็จงเทลงที่ฐานแท่น เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป 10 ให้เขาถวายนกตัวที่สองเป็นสัตว์ที่เผาเป็นของถวายตามคำบัญชา และปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้เขา เพื่อเขาจะได้รับการยกโทษ

11 แต่ถ้าเขาถวายนกเขาหรือนกพิราบหนุ่ม 2 ตัวไม่ได้ ก็ให้เขานำแป้งสาลีชั้นเยี่ยมหนึ่งส่วนสิบเอฟาห์[d]เป็นของถวายสำหรับบาปที่เขากระทำ อย่าให้เขาผสมน้ำมันหรือกำยานลงไปด้วย เพราะเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป 12 ให้เขานำแป้งมาให้ปุโรหิต และปุโรหิตจะหยิบแป้งหนึ่งกำมือเป็นส่วนอนุสรณ์เพื่อเผาที่แท่นบูชา เป็นของถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป 13 แล้วปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปที่เขากระทำ และเขาจะได้รับการยกโทษ แป้งที่เหลือจะเป็นของปุโรหิตเหมือนกับเครื่องธัญญบูชา’”

ของถวายเพื่อไถ่โทษ

14 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 15 “ถ้าผู้ใดละเมิดและกระทำบาป โดยไม่มีเจตนาในสิ่งบริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าที่กล่าวข้างต้น เขาจะต้องนำของถวายเพื่อไถ่โทษมามอบแด่พระผู้เป็นเจ้า คือแกะตัวผู้ที่ไม่มีตำหนิจากฝูงมีค่าเทียบเท่าและเหมาะสมตามค่าของมาตราน้ำหนักเงินเชเขล[e]ของสถานที่บริสุทธิ์ เป็นของถวายเพื่อไถ่โทษ 16 นอกจากเขาจะต้องจ่ายคืนจำนวนที่เขาไม่ได้ถวายในเรื่องสิ่งบริสุทธิ์แล้ว เขายังต้องให้เพิ่มอีกหนึ่งในห้าสำหรับปุโรหิต และปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้เขา ด้วยแกะตัวผู้เป็นของถวายเพื่อไถ่โทษ และเขาจะได้รับการยกโทษ

17 ถ้าผู้ใดกระทำบาปในเรื่องใดๆ ที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาไม่ให้ทำ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ เขาก็ยังมีความผิดและจะต้องรับโทษ 18 ให้เขานำแกะตัวผู้ไม่มีตำหนิจากฝูงมาให้ปุโรหิต มีค่าเหมาะสมตามราคาของถวายเพื่อไถ่โทษ และปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้เขาเรื่องความผิดที่เขากระทำโดยไม่มีเจตนา และเขาจะได้รับการยกโทษ 19 เป็นของถวายเพื่อไถ่โทษความผิดที่เขาได้กระทำจริง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “ถ้าผู้ใดกระทำบาปและไม่ภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า โดยลวงหลอกเพื่อนร่วมชาติของตนในเรื่องของรับฝากหรือการให้ความปลอดภัย การขโมยหรือเอาเปรียบเพื่อนร่วมชาติ หรือพบสิ่งที่หายไปแล้วยังโกหก อีกทั้งสาบานเท็จ เขาจึงกระทำบาปในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่มนุษย์กระทำ เมื่อผู้ใดกระทำบาปและสำนึกผิด เขาจะต้องคืนสิ่งที่เขาขโมยหรือได้จากการฉ้อโกง หรือสิ่งที่เขาได้รับมอบหมาย หรือพบสิ่งที่หายไป หรือการสาบานในเรื่องโกหก เขาจะต้องจ่ายคืนให้ครบ และยังต้องมอบให้เจ้าของเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งในห้าส่วน ในวันถวายของเพื่อไถ่โทษ ให้เขานำของถวายเพื่อไถ่โทษมาให้ปุโรหิตเพื่อพระผู้เป็นเจ้า คือแกะตัวผู้ไม่มีตำหนิจากฝูง เท่ากับค่าของถวายเพื่อไถ่โทษ และปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้เขา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และเขาจะได้รับการยกโทษเรื่องที่เขากระทำและมีความผิด”

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงสั่งให้อาโรนและบรรดาบุตรของเขาว่า ‘นี่คือกฎบัญญัติที่เกี่ยวกับสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย ให้วางสัตว์ที่เผาเป็นของถวายบนพื้นเตาที่แท่นบูชาตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้า และให้ไฟลุกอยู่ตลอดเวลา 10 ปุโรหิตจะสวมเสื้อผ้าป่านทอทับเสื้อชั้นใน และเขาจะตักขี้เถ้าจากสัตว์ที่เผาเป็นของถวายซึ่งไหม้ไฟที่แท่นบูชา แล้ววางไว้ที่ข้างแท่น 11 จากนั้นให้ปุโรหิตเปลี่ยนเสื้อผ้าป่านเป็นเสื้ออื่นแทน และเอาขี้เถ้าออกไปนอกค่ายยังที่ที่สะอาดของพิธีกรรม 12 ให้ไฟที่แท่นบูชาลุกไหม้อยู่เสมอ อย่าให้ดับ ให้ปุโรหิตเผาไม้ที่นั่นทุกๆ เช้า และให้วางสัตว์ที่เผาเป็นของถวายบนนั้นให้เป็นระเบียบ แล้วเผาไขมันซึ่งเป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรมบนไฟกองนั้น 13 จงให้ไฟที่แท่นบูชาลุกอยู่เสมอ อย่าให้ดับ

เครื่องธัญญบูชา

14 และนี่คือกฎบัญญัติที่เกี่ยวกับเครื่องธัญญบูชา จงให้บรรดาบุตรของอาโรนถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าที่หน้าแท่นบูชา 15 ให้คนหนึ่งหยิบแป้งสาลีชั้นเยี่ยมหนึ่งกำมือจากเครื่องธัญญบูชาซึ่งมีน้ำมันผสม และกำยานทั้งหมดที่วางไว้บนเครื่องธัญญบูชา และเผาเพื่อเป็นส่วนอนุสรณ์ที่แท่นบูชา ส่งกลิ่นหอมเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า 16 ที่เหลือให้อาโรนและบรรดาบุตรของเขารับประทานได้ แต่ต้องไม่ใช้เชื้อยีสต์ผสม รับประทานในสถานที่ที่บริสุทธิ์ ให้พวกเขารับประทานที่ลานของกระโจมที่นัดหมาย 17 อย่าอบขนมด้วยเชื้อยีสต์ เราให้ของถวายด้วยไฟแก่พวกเขาเพื่อเป็นส่วนแบ่งจากเราคือ เป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่สุด เช่นเดียวกับเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปและของถวายเพื่อไถ่โทษ 18 บรรดาบุตรทุกคนของอาโรนก็รับประทานได้ ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ของทุกชาติพันธุ์ของเจ้าไปตลอดกาล ผู้ใดจับต้องของถวายด้วยไฟเหล่านี้ที่เป็นของพระผู้เป็นเจ้าจะบริสุทธิ์’”

19 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 20 “ของถวายที่อาโรนและบรรดาบุตรของเขาจะถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าในวันที่เขาได้รับการเจิมคือ แป้งสาลีชั้นเยี่ยมหนึ่งส่วนสิบเอฟาห์เป็นธัญญบูชาประจำวัน ครึ่งหนึ่งในตอนเช้า และอีกครึ่งหนึ่งในตอนเย็น 21 จงผสมด้วยน้ำมันและผสมให้เข้ากัน ทอดบนกระทะก้นแบน และนำมาเมื่อทอดเสร็จเหมือนกับถวายเครื่องธัญญบูชา ส่งกลิ่นหอมเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า 22 ให้บุตรของอาโรนที่ได้รับการเจิมเป็นปุโรหิตคนต่อไปแทนเขาเป็นผู้ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า ตามกฎเกณฑ์ชั่วนิรันดร์กาล ให้เผาทั้งหมด 23 เครื่องธัญญบูชาที่ปุโรหิตถวายทุกครั้งจะต้องเผาแป้งให้หมด อย่าให้ใครรับประทาน”

เครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป

24 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 25 “จงบอกอาโรนและบรรดาบุตรของเขาว่า กฎบัญญัติที่เกี่ยวกับเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปคือ สัตว์ที่เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปเป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่สุด ต้องฆ่าสัตว์ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในที่เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย 26 ปุโรหิตที่ถวายเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปรับประทานสัตว์นั้นได้ และให้เขารับประทานในสถานที่ที่บริสุทธิ์ในลานของกระโจมที่นัดหมาย 27 ผู้ใดจับต้องเนื้อสัตว์ ผู้นั้นจะบริสุทธิ์ และเมื่อเลือดกระเด็นเปื้อนเสื้อผ้า เจ้าจะต้องซักในสถานที่ที่บริสุทธิ์ 28 เจ้าต้องทุบหม้อดินที่ใช้ต้มสัตว์ทิ้ง แต่ถ้าต้มในภาชนะทองสัมฤทธิ์ ก็ต้องขัดถูและล้างน้ำ 29 ชายทุกคนที่เป็นปุโรหิตรับประทานได้ เพราะเป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่สุด 30 แต่ถ้านำเลือดของสัตว์ตัวใดเข้ามาในกระโจมที่นัดหมาย เพื่อใช้ในพิธีชดใช้บาปในวิสุทธิสถาน ก็อย่ารับประทานเนื้อสัตว์ตัวนั้น จงเผาไฟเสีย

ของถวายเพื่อไถ่โทษ

กฎบัญญัติที่เกี่ยวกับของถวายเพื่อไถ่โทษเป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่สุด มีดังนี้ ให้เขาฆ่าสัตว์ที่ใช้เป็นของถวายเพื่อไถ่โทษในสถานที่ฆ่าสัตว์เพื่อใช้เผาเป็นของถวาย และจงสาดเลือดสัตว์รอบแท่นบูชา จงถวายไขมันทั้งหมดคือไขมันที่หาง ที่หุ้มเครื่องใน ไตทั้งสองข้างมีไขมันติดซึ่งอยู่ใกล้เอว และตับชิ้นยาวซึ่งเขาจะตัดมาพร้อมกับไต ให้ปุโรหิตเผาสิ่งเหล่านี้ที่แท่นบูชา เป็นของถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า เป็นของถวายเพื่อไถ่โทษ ชายทุกคนที่เป็นปุโรหิตรับประทานได้ โดยให้เขารับประทานในสถานที่ที่บริสุทธิ์ เพราะเป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่สุด ของถวายเพื่อไถ่โทษก็เหมือนกับเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปคือ ใช้กฎบัญญัติเดียวกัน ปุโรหิตใช้ของถวายเพื่อทำพิธีชดใช้บาป เสร็จพิธีแล้วของถวายจะตกเป็นของเขา ปุโรหิตผู้มอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายของผู้ใดก็ตาม จะเก็บหนังสัตว์ไว้ใช้เอง เครื่องธัญญบูชาอบในเตา และทุกสิ่งที่เตรียมในกระทะหรือกระทะก้นแบน จะตกเป็นของปุโรหิตผู้ถวายให้ 10 ส่วนเครื่องธัญญบูชา ไม่ว่าผสมกับน้ำมันหรือไม่ จงแบ่งให้แก่บรรดาบุตรของอาโรนเท่าๆ กันทุกคน

ของถวายเพื่อสามัคคีธรรม

11 กฎบัญญัติที่เกี่ยวกับเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรมแด่พระผู้เป็นเจ้ามีดังนี้ 12 คือถ้าผู้ใดจะถวายเป็นการขอบคุณ นอกเหนือจากเครื่องสักการะแห่งการขอบคุณแล้ว ให้ผู้นั้นถวายเพิ่มคือ ขนมไร้เชื้อผสมด้วยน้ำมัน ขนมปังกรอบไร้เชื้อทาน้ำมัน และขนมทำจากแป้งสาลีชั้นเยี่ยมนวดกับน้ำมัน 13 สำหรับเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรมแห่งการขอบคุณ ให้เขานำขนมปังมีเชื้อมาด้วย 14 เขาต้องนำขนมชนิดละก้อนเป็นของถวาย มอบแด่พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งจะตกเป็นของปุโรหิตที่สาดเลือดแห่งของถวายเพื่อสามัคคีธรรม 15 และให้รับประทานเนื้อสัตว์จากเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรมแห่งการขอบคุณ ในวันเดียวกับที่ถวาย อย่าเหลือทิ้งไว้จนถึงรุ่งเช้า 16 แต่ถ้าเครื่องสักการะที่เขาถวายเนื่องมาจากคำสาบานหรือความสมัครใจ ก็ให้เขารับประทานในวันที่เขาถวายเครื่องสักการะ และให้รับประทานส่วนที่เหลือได้ในวันรุ่งขึ้น 17 แต่เนื้อที่เหลือจากเครื่องสักการะในวันที่สามจะต้องเผาไฟ 18 ถ้าผู้ใดรับประทานเนื้อสัตว์ที่ค้างมาแล้ว 3 วันจากเครื่องสักการะเพื่อสามัคคีธรรม พระเจ้าจะไม่ยอมรับคนที่ถวายของ และเขาจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย แต่จะเป็นที่น่าสะอิดสะเอียน และคนที่รับประทานก็จะต้องรับโทษ

19 อย่ารับประทานเนื้อสัตว์ที่สัมผัสกับสิ่งใดที่ไม่สะอาดตามพิธี ต้องเผาไฟทิ้งให้หมด ทุกคนที่สะอาดตามพิธีก็รับประทานเนื้อส่วนอื่นได้ 20 ผู้ใดที่ไม่สะอาดตามพิธีไปรับประทานเนื้อสัตว์จากเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรมซึ่งเป็นของพระผู้เป็นเจ้า ผู้นั้นจะต้องถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา 21 และถ้าผู้ใดแตะต้องสิ่งใดที่ไม่สะอาดตามพิธี ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์ หรือสิ่งใดที่ไม่สะอาด หรือน่าขยะแขยง แล้วมารับประทานเนื้อสัตว์จากเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรมซึ่งเป็นของพระผู้เป็นเจ้า ผู้นั้นจะต้องถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา”

การรับประทานไขมันและเลือดอันเป็นสิ่งต้องห้าม

22 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 23 “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘อย่ารับประทานไขมันโค แกะ หรือแพะ 24 ไขมันของสัตว์ที่พบว่าตายเองหรือถูกสัตว์ป่าขย้ำตาย ไขมันเหล่านั้นเอาไปใช้ประโยชน์ในเรื่องอื่นๆ ได้ แต่ห้ามรับประทานเป็นอันขาด 25 ผู้ใดรับประทานไขมันสัตว์ที่เป็นของถวายด้วยไฟสำหรับพระผู้เป็นเจ้า จะต้องถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา 26 อย่ารับประทานเลือดนกหรือสัตว์ใดๆ ไม่ว่าเจ้าอาศัยอยู่ที่ใดก็ตาม 27 ผู้ใดรับประทานเลือด ผู้นั้นจะต้องถูกตัดขาดจากชนชาติของเขา’”

28 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 29 “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘ผู้ใดถวายเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรมแด่พระผู้เป็นเจ้า ให้ผู้นั้นนำส่วนหนึ่งของเครื่องสักการะที่เป็นของถวายของเขามามอบแด่พระผู้เป็นเจ้า 30 ให้เขานำสิ่งที่ถวายด้วยไฟสำหรับพระผู้เป็นเจ้าด้วยตนเอง ให้เขานำไขมันและส่วนอก โดยใช้ส่วนอกโบกขึ้นลงเป็นเครื่องโบกถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 31 ให้ปุโรหิตเผาไขมันที่แท่นบูชา ส่วนอกจะตกเป็นของอาโรนและบรรดาบุตรของเขา 32 จงให้ขาอ่อนข้างขวาแก่ปุโรหิตโดยถือเป็นเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรมของเจ้า 33 บุตรของอาโรนที่ถวายเลือดและไขมันที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรม จะได้รับต้นขาข้างขวาเป็นส่วนแบ่ง 34 เราได้รับส่วนอกเป็นเครื่องโบกถวาย และต้นขาที่ชาวอิสราเอลถวายจากเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรม และได้มอบให้แก่อาโรนปุโรหิตและบรรดาบุตรของเขาถือเป็นส่วนแบ่งจากชาวอิสราเอลไปตลอดกาล’” 35 นี่คือส่วนแบ่งของอาโรนและบรรดาบุตรของท่านซึ่งเอามาจากของถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้าในวันที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นบรรดาปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า 36 พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาชาวอิสราเอลให้มอบของถวายส่วนนี้แก่บรรดาปุโรหิตในวันที่ได้รับการเจิม เพราะถือเป็นส่วนแบ่งในทุกชาติพันธุ์ของปุโรหิตไปตลอดกาล

37 นี่คือกฎที่เกี่ยวกับสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย เครื่องธัญญบูชา เครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป ของถวายเพื่อไถ่โทษ ของถวายในวันแต่งตั้ง และของถวายเพื่อสามัคคีธรรม 38 ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสสที่ภูเขาซีนาย ในวันที่ท่านสั่งให้ชาวอิสราเอลนำของถวายมามอบแด่พระผู้เป็นเจ้าในถิ่นทุรกันดารซีนาย

วันแต่งตั้งของอาโรนและบุตร

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงพาอาโรนและบุตรของเขาไปพร้อมกับเครื่องแต่งกายเฉพาะปุโรหิต น้ำมันเจิม โคตัวผู้สำหรับเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป แกะตัวผู้ 2 ตัว และขนมปังไร้เชื้อ 1 ตะกร้า แล้วจงเรียกประชุมมวลชนที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย” โมเสสกระทำตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชา มวลชนก็เรียกประชุมที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย

โมเสสกล่าวแก่ที่ประชุมว่า “ต่อไปนี้คือสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาให้ทำ” แล้วโมเสสก็นำอาโรนกับบุตรของท่านมา และชำระล้างร่างกายพวกเขาด้วยน้ำ ท่านสวมเสื้อยาวชั้นในให้อาโรน คาดด้วยผ้าคาดเอว และสวมทับด้วยชุดคลุม แล้วใช้ผ้าคาดเอวอีกเส้นซึ่งทอด้วยฝีมือชั้นดีรัดให้กระชับเข้ากับตัว โมเสสสวมทับทรวงให้อาโรน ใส่อูริมและทูมมิมไว้ในทับทรวง[f] สวมผ้าโพกศีรษะให้อาโรน และติดเครื่องประดับทองคำไว้ที่หน้าศีรษะ เป็นมงกุฎบริสุทธิ์ตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสส

10 โมเสสใช้น้ำมันเจิม เจิมกระโจมที่พำนักและทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น เพื่อทำให้บริสุทธิ์ 11 ท่านประพรมน้ำมันที่แท่นบูชา 7 ครั้ง เจิมแท่นและเครื่องใช้ทุกชิ้นที่นั่น อ่างชำระล้างและฐาน เพื่อทำให้บริสุทธิ์ 12 แล้วโมเสสรดน้ำมันเจิมบนศีรษะของอาโรน และเจิมอาโรนเพื่อทำให้ท่านบริสุทธิ์ 13 โมเสสพาบรรดาบุตรของอาโรนมาและสวมเสื้อยาวชั้นใน คาดด้วยผ้าคาดเอว และโพกศีรษะพวกเขาตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส

14 ครั้นแล้ว ท่านก็นำโคตัวผู้ที่ใช้เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป อาโรนและบุตรของท่านวางมือบนหัวโคตัวนั้น 15 โมเสสฆ่าโคและใช้นิ้วป้ายเลือดแกะไว้ที่เชิงงอนรอบแท่นบูชา เพื่อทำให้แท่นบูชาบริสุทธิ์ และเทเลือดลงที่ฐานแท่น เพื่อทำให้บริสุทธิ์เป็นพิธีลบล้างมลทิน 16 ท่านเอาไขมันหุ้มเครื่องในทั้งหมด ตับชิ้นยาว และไตมีไขมันติดทั้งสองข้าง และโมเสสเผาสิ่งเหล่านี้ที่แท่นบูชา 17 ท่านใช้ไฟเผาโคตัวผู้พร้อมทั้งเนื้อและหนังและไส้ของมันที่นอกค่าย ตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส

18 ท่านมอบแกะตัวผู้ที่ใช้เผาเป็นของถวาย อาโรนและบุตรของท่านก็วางมือบนหัวแกะ 19 แล้วโมเสสก็ฆ่าแกะ สาดเลือดทั่วแท่นบูชา 20 เมื่อแกะถูกหั่นเป็นท่อนๆ แล้ว โมเสสก็เผาส่วนหัว ส่วนอื่นทุกท่อน และไขมัน 21 เมื่อใช้น้ำล้างเครื่องในและขาแกะแล้ว โมเสสจึงเผาแกะทั้งตัวที่แท่นบูชาเป็นสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย ส่งกลิ่นหอมอันน่าพอใจ เป็นของถวายด้วยไฟสำหรับพระผู้เป็นเจ้า ตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส

22 แล้วท่านก็มอบแกะตัวผู้อีกตัวซึ่งเป็นแกะสำหรับพิธีแต่งตั้ง อาโรนและบุตรของท่านก็วางมือบนหัวแกะ 23 โมเสสฆ่าแกะและเอาเลือดแกะป้ายที่ปลายหูขวาของอาโรนและที่นิ้วหัวแม่มือข้างขวาและที่นิ้วหัวแม่เท้าข้างขวา 24 แล้วให้พาบรรดาบุตรของอาโรนมา โมเสสเอาเลือดป้ายที่ปลายหูขวาของพวกเขา ที่นิ้วหัวแม่มือข้างขวาและที่หัวแม่เท้าข้างขวา จากนั้นโมเสสก็สาดเลือดให้ทั่วแท่นบูชา 25 ท่านเอาไขมันซึ่งเป็นไขมันที่หาง ไขมันหุ้มเครื่องในทั้งหมด และตับชิ้นยาว ไตมีไขมันติดทั้งสองข้าง และขาอ่อนข้างขวา 26 และท่านหยิบขนมไร้เชื้อ 1 ก้อน ขนมปังมีน้ำมันผสม 1 ก้อน และขนมปังกรอบ 1 แผ่นจากตะกร้าสำหรับขนมปังไร้เชื้อที่ตั้งอยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า แล้ววางขนมเหล่านี้บนไขมันและที่ขาอ่อนข้างขวา 27 ท่านยื่นขนมปังพวกนี้ใส่มืออาโรนและบุตรของท่าน แล้วโบกขนมปังขึ้นลงเป็นเครื่องโบกถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 28 จากนั้นโมเสสก็หยิบคืนจากมือของพวกท่าน และเผาบนแท่นบูชาพร้อมกับสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย เป็นของถวายในพิธีแต่งตั้ง ส่งกลิ่นหอมอันน่าพอใจ เป็นของถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า 29 โมเสสหยิบส่วนอกโบกขึ้นลงเป็นเครื่องโบกถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า เป็นส่วนหนึ่งจากแกะตัวผู้สำหรับพิธีแต่งตั้งตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส

30 แล้วโมเสสหยิบน้ำมันเจิมกับเลือดที่อยู่บนแท่นบูชา เพื่อประพรมที่ตัวอาโรนและบรรดาบุตร และที่เครื่องแต่งกายของพวกท่านทุกคนด้วย ท่านทำพิธีให้อาโรนและบรรดาบุตรและเครื่องแต่งกายของพวกท่านบริสุทธิ์

31 แล้วโมเสสกล่าวกับอาโรนและบรรดาบุตรของท่านว่า “จงต้มเนื้อแกะตัวที่สองที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย และรับประทานกับขนมปังที่อยู่ในตะกร้าสำหรับของถวายในพิธีแต่งตั้ง ตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาไว้ว่า ‘จงให้อาโรนและบรรดาบุตรของเขารับประทาน’ 32 แล้วเนื้อกับขนมปังที่เหลือก็จงเผาไฟเสีย 33 ท่านทั้งหลายห้ามออกไปนอกทางเข้ากระโจมที่นัดหมายเป็นเวลา 7 วัน จนกว่าพิธีการแต่งตั้งของพวกท่านจะเสร็จบริบูรณ์ เพราะการแต่งตั้งพวกท่านจะใช้เวลา 7 วัน 34 สิ่งที่ได้กระทำในวันนี้เป็นไปตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชา เพื่อเป็นการชดใช้บาปให้ท่านทั้งหลาย 35 ท่านจงอยู่ที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมายตลอดวันและคืนเป็นเวลา 7 วัน เพื่อกระทำตามที่พระผู้เป็นเจ้ามอบหมายให้ทำ ท่านจะได้ไม่ตายเสียก่อน นี่เป็นคำบัญชาที่เราได้รับมา” 36 แล้วอาโรนกับบุตรของท่านก็กระทำตามทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส

ปุโรหิตเริ่มปฏิบัติหน้าที่

ในวันที่แปดโมเสสขอให้อาโรน บรรดาบุตร และบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอลมา ท่านกล่าวกับอาโรนว่า “จงเอาลูกโคตัวผู้สำหรับเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และแกะตัวผู้สำหรับสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย อย่าให้มีตำหนิทั้ง 2 ตัว เพื่อถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และจงกล่าวแก่ชาวอิสราเอลว่า ‘เอาแพะตัวผู้มาสำหรับเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป เอาลูกโคกับลูกแกะ ทั้งสองต้องมีอายุ 1 ปีและไม่มีตำหนิ เพื่อเป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย และโค 1 ตัวกับแกะตัวผู้สำหรับของถวายเพื่อสามัคคีธรรม เพื่อถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และเครื่องธัญญบูชาผสมกับน้ำมัน เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าจะปรากฏแก่พวกท่านในวันนี้’” ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงนำสิ่งที่โมเสสบัญชามาไว้ที่หน้ากระโจมที่นัดหมาย แล้วทั้งคณะประชุมก็เดินใกล้เข้ามา และยืนอยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และโมเสสกล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาให้พวกท่านปฏิบัติ แล้วท่านจะเห็นพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้า โมเสสกล่าวกับอาโรนว่า “จงเข้ามาใกล้ๆ แท่นบูชา ถวายเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายเพื่อทำพิธีชดใช้บาปสำหรับท่านและประชาชน จงนำของถวายของประชาชนมา และทำพิธีชดใช้บาปให้พวกเขา ตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาไว้”

ดังนั้น อาโรนจึงเข้าไปใกล้แท่นบูชา และฆ่าลูกโคตัวผู้สำหรับเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปสำหรับอาโรนเอง บรรดาบุตรของอาโรนนำเลือดมาให้ ท่านจึงใช้นิ้วจุ่มเลือดและป้ายที่เชิงงอนของแท่นบูชา และเทเลือดลงที่ฐานแท่น 10 ส่วนไขมัน ไต และตับชิ้นยาวที่ใช้เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปจะเผาที่แท่นบูชาตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส 11 ท่านเผาเนื้อและหนังด้วยไฟที่นอกค่าย

12 และท่านฆ่าสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย บรรดาบุตรของอาโรนนำเลือดมาให้ ท่านสาดเลือดรอบแท่น 13 บุตรของอาโรนยื่นสัตว์ที่เผาเป็นของถวายทีละท่อนให้แก่อาโรน ซึ่งรวมทั้งหัวด้วย แล้วท่านก็เผาของถวายที่แท่นบูชา 14 อาโรนล้างเครื่องในและขาสัตว์ และเผาพร้อมกับสัตว์ที่เผาเป็นของถวายที่แท่นบูชา

15 จากนั้นอาโรนก็นำของถวายของประชาชนมา เอาแพะที่เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปสำหรับประชาชน ท่านฆ่าแพะและถวายเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป เหมือนกับที่ท่านปฏิบัติครั้งแรก 16 ท่านนำสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและมอบให้ตามคำบัญชา 17 นอกจากสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายในเวลาเช้าแล้ว ท่านยังนำเครื่องธัญญบูชามาด้วย และเผาหนึ่งกำมือบนแท่นบูชา

18 ท่านฆ่าโคและแกะตัวผู้เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรมสำหรับประชาชน บรรดาบุตรของอาโรนนำเลือดมาให้ท่านสาดลงที่แท่นและรอบๆ แท่นบูชา 19 ไขมันโคและแกะตัวผู้ ไขมันที่หางและเครื่องในที่มีไขมันหุ้ม ไต และตับชิ้นยาว 20 พวกเขาวางไขมันไว้ที่อก และอาโรนก็เผาไขมันที่แท่นบูชา 21 อาโรนใช้ส่วนอกและส่วนต้นขาข้างขวาโบกขึ้นลงเป็นเครื่องโบกถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ตามที่โมเสสสั่ง

22 อาโรนยกมือทั้งสองไปทางประชาชนและอวยพร เมื่อท่านมอบเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป มอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย และของถวายเพื่อสามัคคีธรรมเสร็จสิ้นแล้ว ท่านก็เดินลงมา 23 ครั้นแล้วโมเสสกับอาโรนก็เข้าไปในกระโจมที่นัดหมาย และเมื่อออกมา ทั้งสองก็อวยพรประชาชน พระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าก็เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้คนทั้งปวง 24 ทันใดนั้นมีเปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากเบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และไหม้สัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายและไขมันที่อยู่บนแท่นบูชา เมื่อผู้คนทั้งปวงเห็นก็ร้องตะโกน พากันหมอบและซบหน้าลงกับพื้น

บาปของนาดับและอาบีฮู

10 นาดับและอาบีฮูบุตรของอาโรนต่างก็นำกระถางเครื่องหอมของตนมา ตักถ่านที่ลุกโพลงใส่กระถางและวางเครื่องหอมไว้บนถ่าน แล้วก็ถวายไฟต้องห้าม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พระองค์บัญชาให้กระทำ จึงมีเปลวไฟพุ่งออกมาจากเบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า เผาไหม้ตัวเขาทั้งสองจนสิ้นชีวิต ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า โมเสสจึงกล่าวกับอาโรนว่า “นี่แหละคือความหมายที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวถึงเมื่อพระองค์กล่าวว่า ‘บรรดาผู้ที่เข้ามาใกล้เราควรจะปฏิบัติต่อเราตามอย่างที่เราบริสุทธิ์ แล้วเราจะได้รับเกียรติต่อหน้าคนทั้งปวง’” อาโรนนิ่งเงียบอยู่

แล้วโมเสสก็เรียกมิชาเอลและเอลซาฟานบุตรของอุสซีเอลผู้เป็นลุงของอาโรนมา และบอกว่า “จงเข้ามาใกล้ๆ และหามพี่น้องของท่าน จากหน้าสถานที่บริสุทธิ์ ออกไปที่นอกค่าย” เขาจึงเขยิบเข้ามาใกล้ๆ แล้วใช้เสื้อยาวชั้นในหามร่างทั้งสองออกไปตามที่โมเสสสั่ง จากนั้นโมเสสกล่าวกับอาโรนและเอเลอาซาร์และอิธามาร์บุตรของอาโรนว่า “อย่าปล่อยให้ผมของท่านห้อยรุงรังหรือฉีกเสื้อผ้าตนเอง มิฉะนั้นท่านจะตาย และโทษทัณฑ์จะตกอยู่กับมวลชน แต่บรรดาพี่น้องของพวกท่าน คือพงศ์พันธุ์อิสราเอลจะร้องคร่ำครวญถึงบรรดาผู้ที่ตายด้วยไฟของพระผู้เป็นเจ้าได้ แต่ท่านอย่าออกไปจากทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย เพื่อท่านจะไม่ตาย เพราะน้ำมันเจิมของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ที่ตัวท่าน” เขาทั้งหลายจึงกระทำตามคำของโมเสส[g]

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับอาโรนว่า “เวลาเจ้าและบุตรของเจ้าเข้าไปในกระโจมที่นัดหมาย ก็จงอย่าดื่มเหล้าองุ่นหรือสุรา เพื่อเจ้าจะไม่ตาย และจงถือเป็นกฎเกณฑ์ของทุกชาติพันธุ์ของพวกเจ้าไปตลอดกาล 10 เจ้าจงรู้จักจำแนกแยกแยะระหว่างสิ่งบริสุทธิ์และสิ่งไม่บริสุทธิ์ ระหว่างสิ่งสะอาดและสิ่งที่เป็นมลทิน 11 และเจ้าจงสั่งสอนกฎเกณฑ์ที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านโมเสสให้แก่ชาวอิสราเอล”

12 โมเสสกล่าวกับอาโรนและเอเลอาซาร์และอิธามาร์บุตรของอาโรนที่มีชีวิตอยู่ว่า “จงเอาเครื่องธัญญบูชาที่เหลือจากของถวายพระผู้เป็นเจ้าด้วยไฟ จงรับประทานโดยไม่มีเชื้อยีสต์ผสมที่ข้างแท่นบูชา เพราะเป็นสิ่งบริสุทธิ์ 13 พวกท่านจงรับประทานของที่ถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้าในสถานที่ที่บริสุทธิ์ เพราะเป็นสิทธิ์ของท่านและบุตรของท่าน นี่เป็นคำสั่งที่เราได้รับมา 14 ส่วนเนื้ออกที่โบกถวายและส่วนต้นขาที่มอบถวายนั้น ท่านและบุตรชายบุตรหญิงจะรับประทานในที่ใดๆ ก็ได้ที่สะอาดตามพิธีกรรม เพราะสิ่งเหล่านั้นมาจากเครื่องสักการะแห่งของถวายเพื่อสามัคคีธรรมของชาวอิสราเอลอันเป็นสิทธิ์ของท่านและบุตรของท่าน 15 เขาจงนำส่วนต้นขาที่ถวาย และเนื้ออกที่โบกขึ้นลงพร้อมกับไขมันที่เป็นของถวายด้วยไฟ เพื่อเป็นเครื่องโบกถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า มันจะเป็นสิทธิ์ของท่านและบุตรของท่านตลอดไป ตามที่พระผู้เป็นเจ้าสั่ง”

16 แล้วโมเสสถามไถ่เรื่องแพะตัวผู้สำหรับเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป แต่ได้ความว่ามันถูกเผาเสียแล้ว ท่านจึงโกรธเอเลอาซาร์และอิธามาร์บุตรของอาโรนที่ยังมีชีวิตอยู่ และกล่าวว่า 17 “ทำไมพวกท่านจึงไม่รับประทานเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปในบริเวณที่บริสุทธิ์ ในเมื่อเป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่สุดและมอบให้เป็นของท่าน เพื่อจะได้กำจัดบาปของมวลชน เป็นการทำพิธีชดใช้บาปให้แก่พวกเขา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 18 ในเมื่อไม่ได้นำเลือดแพะเข้าไปในวิสุทธิสถาน ท่านจึงควรรับประทานเครื่องสักการะในบริเวณที่บริสุทธิ์ ตามที่เราบัญชา”

19 อาโรนจึงกล่าวกับโมเสสว่า “ดูเถิด วันนี้พวกเขาถวายเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า แล้วเรื่องแบบนี้ยังเกิดขึ้นกับเรา หากว่าวันนี้เรารับประทานเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป แล้วเราจะเป็นที่ยอมรับ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าหรือ” 20 เมื่อโมเสสได้ยินเช่นนั้น ท่านก็พอใจ

อาหารที่สะอาดและที่มีมลทิน

11 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสและอาโรนว่า “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘สิ่งมีชีวิตในจำพวกสัตว์บกที่เจ้าจะรับประทานได้ก็คือ สัตว์ทุกชนิดที่แยกกีบคือแยกเป็น 2 กีบ และเคี้ยวเอื้อง เจ้ารับประทานได้ อย่างไรก็ตาม ห้ามเจ้ารับประทานสัตว์บางชนิดที่เพียงเคี้ยวเอื้องหรือเพียงแต่มีกีบแยกเป็น 2 กีบ เช่นอูฐ เพราะมันเคี้ยวเอื้องแต่ไม่แยกกีบ ซึ่งเป็นมลทินสำหรับเจ้า และตัวแบดเจอร์ เพราะสัตว์จำพวกนี้เคี้ยวเอื้องแต่ไม่แยกกีบ ซึ่งเป็นมลทินสำหรับเจ้า และกระต่าย เพราะมันเคี้ยวเอื้องแต่ไม่แยกกีบ ซึ่งเป็นมลทินสำหรับเจ้า และหมู เพราะมันแยกกีบออกเป็น 2 กีบ แต่ไม่เคี้ยวเอื้องซึ่งเป็นมลทินสำหรับเจ้า ห้ามเจ้ารับประทานเนื้อสัตว์ประเภทเหล่านี้ และอย่าแตะต้องซากของมัน เพราะมันเป็นมลทินสำหรับเจ้า

สัตว์น้ำที่เจ้ารับประทานได้คือ สัตว์ทุกชนิดที่มีครีบและเกล็ด ซึ่งอาศัยอยู่ในน้ำไม่ว่าทะเลหรือแม่น้ำ 10 ส่วนสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตในทะเลหรือแม่น้ำที่ไม่มีครีบและเกล็ดล้วนเป็นที่น่าขยะแขยงสำหรับเจ้า 11 สัตว์เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งน่าขยะแขยงสำหรับเจ้าเสมอ อย่ารับประทานเนื้อ ซากของมันก็น่าขยะแขยงสำหรับเจ้าเช่นกัน 12 สัตว์น้ำทุกชนิดที่ไม่มีครีบและเกล็ด เป็นที่น่าขยะแขยงสำหรับเจ้า

13 นกที่น่าขยะแขยงสำหรับเจ้า ไม่ควรรับประทานคือ นกอินทรี แร้งหนวดยาว แร้งดำ 14 เหยี่ยวแดง เหยี่ยวดำชนิดใดก็ตาม 15 อีกาทุกชนิด 16 นกกระจอกเทศ นกเค้าเหยี่ยว นกนางนวล และเหยี่ยวชนิดใดก็ตาม 17 นกเค้าแมวน้อย นกงั่วกินปลาและนกเค้าแมวใหญ่ 18 นกเค้าแมวขาว นกกระทุง อีแร้งกินซากศพ 19 นกกระสา นกกระยางชนิดใดก็ตาม นกกะรางหัวขวาน และค้างคาว

20 แมลงมีปีกทุกชนิดคลานสี่ขาก็น่าขยะแขยงสำหรับเจ้า 21 แต่แมลงมีปีกชนิดคลานที่เจ้ารับประทานได้มีขาเป็นปล้องสี่ขาและกระโดดไปบนดินได้ 22 แมลงที่เจ้ารับประทานได้คือ ประเภทตั๊กแตนใหญ่ เรไร จิ้งหรีด และตั๊กแตนเล็ก 23 แต่แมลงมีปีกอื่นๆ ที่มีสี่ขาน่าขยะแขยงสำหรับเจ้า

24 สัตว์เหล่านี้จะทำให้เจ้าเป็นมลทิน คนที่แตะต้องซากสัตว์จะเป็นมลทินจนถึงเย็น 25 และใครก็ตามที่ยกหามซากสัตว์ส่วนใดส่วนหนึ่งจะต้องซักเครื่องแต่งกายของตนและเป็นมลทินจนถึงเย็น 26 สัตว์ทุกตัวที่แยกกีบแต่ไม่แบ่งเป็น 2 กีบหรือไม่เคี้ยวเอื้องก็เป็นมลทินสำหรับเจ้า ทุกคนที่แตะต้องสัตว์นั้นจะเป็นมลทิน 27 และสัตว์สี่เท้าทุกตัวที่เดินอุ้งเท้าราบเป็นมลทินสำหรับเจ้า ใครที่แตะต้องซากของมันจะเป็นมลทินจนถึงเย็น 28 คนที่ยกหามซากของมันจะต้องซักเครื่องแต่งกายของตนและจะเป็นมลทินจนถึงเย็น

29 สัตว์ที่คลานบนพื้นดินที่เป็นมลทินสำหรับเจ้าคือ อีเห็น หนู สัตว์ประเภทตะกวด 30 ตุ๊กแก จระเข้ จิ้งจก จิ้งเหลน และกิ้งก่า 31 สัตว์เลื้อยคลานเหล่านี้เป็นมลทินสำหรับเจ้า ผู้ใดแตะต้องตัวที่ตายแล้ว จะเป็นมลทินจนถึงเย็น 32 และถ้าตัวที่ตายแล้วตกบนสิ่งใด สิ่งนั้นก็เป็นมลทิน ไม่ว่าภาชนะใดๆ ที่ทำด้วยไม้ หรือผ้า หรือหนังสัตว์ หรือถุงย่ามก็จะต้องจุ่มน้ำ และเป็นมลทินจนถึงเย็น จากนั้นจึงจะสะอาด 33 และถ้าสัตว์ตัวใดตกในภาชนะดินเผา ทุกสิ่งที่อยู่ในภาชนะจะเป็นมลทิน และเจ้าต้องทุบให้แตก 34 ถ้าอาหารที่รับประทานได้มีน้ำจากภาชนะดังกล่าวปนอยู่ ก็จะเป็นมลทิน และเครื่องดื่มทุกชนิดจากภาชนะนั้นก็เป็นมลทิน 35 อะไรก็ตามที่แตะต้องซากสัตว์จะเป็นมลทิน ไม่ว่าจะเป็นเตาอบหรือเตาไฟก็ตาม จะต้องทุบแตกให้หมด เพราะเป็นมลทิน และจะเป็นมลทินสำหรับเจ้า 36 อย่างไรก็ตาม น้ำพุหรือบ่อเก็บน้ำจะยังสะอาดอยู่ แต่ถ้าผู้ใดแตะต้องซากสัตว์ที่ตกลงในน้ำก็จะเป็นมลทิน 37 และถ้าซากสัตว์ตกใส่เมล็ดพืชที่จะใช้หว่าน เมล็ดก็ยังสะอาด 38 แต่ถ้าเมล็ดถูกน้ำรดและซากสัตว์ตกใส่ซ้ำ เมล็ดก็จะเป็นมลทินสำหรับพวกเจ้า

39 ถ้าสัตว์ที่เจ้าใช้เป็นอาหารรับประทานนั้นตายเอง ใครก็ตามแตะต้องซากสัตว์จะเป็นมลทินจนถึงเย็น 40 ผู้ใดรับประทานซากสัตว์ต้องซักล้างเครื่องแต่งกายของตนและจะเป็นมลทินจนถึงเย็น ผู้ที่แบกหามซากสัตว์ไปจะต้องซักล้างเครื่องแต่งกายและเป็นมลทินจนถึงเย็นเช่นกัน

41 สัตว์เลื้อยคลานทุกชนิดที่คลานไปบนดินน่าขยะแขยงและห้ามรับประทาน 42 อะไรที่ใช้ท้องคืบคลานไป และอะไรที่เดินด้วยสี่เท้า หรือมีหลายขา ทุกสิ่งที่คลานไปบนพื้นดิน ห้ามพวกเจ้ารับประทาน เพราะมันเป็นมลทิน 43 อย่าทำให้ตัวเองเป็นที่น่าขยะแขยงเพราะสัตว์เลื้อยคลาน และเจ้าอย่าทำให้ตัวเองมีมลทินไปด้วยกับสัตว์เหล่านั้น และกลายเป็นคนมีมลทินก็เพราะมัน 44 ด้วยว่าเราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า ฉะนั้นจงชำระตัวให้บริสุทธิ์ และจงเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะเราบริสุทธิ์[h] เจ้าจงอย่าทำตัวให้เป็นมลทินจากสิ่งทั้งหลายที่เลื้อยคลานบนดิน 45 ด้วยว่าเราคือพระผู้เป็นเจ้า ผู้นำเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์เพื่อเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า ฉะนั้นเจ้าจงเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะเราบริสุทธิ์

46 นี่เป็นกฎบัญญัติเกี่ยวกับสัตว์และนก และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่เคลื่อนไหวในน้ำ และทุกสิ่งที่คลานบนดิน 47 เพื่อให้ท่านเห็นความแตกต่างระหว่างสิ่งมีมลทินและสิ่งสะอาด และระหว่างสิ่งมีชีวิตที่รับประทานได้และสิ่งมีชีวิตที่รับประทานไม่ได้’”

การชำระตัวให้สะอาดหลังจากการคลอดบุตร

12 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘ถ้าหญิงตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย นางจะเป็นมลทินอยู่ 7 วัน เหมือนกับเวลาที่นางมีรอบเดือน นางจะเป็นมลทิน ในวันที่แปดเด็กนั้นจะต้องเข้าสุหนัต[i] และนางจะยืดเวลาไปอีก 33 วันสำหรับการชำระตัวเนื่องจากการเสียเลือด ห้ามนางแตะต้องสิ่งบริสุทธิ์ใดๆ หรือเข้าไปในที่พำนักจนกระทั่งวันแห่งการชำระตัวจะจบสิ้น แต่ถ้านางคลอดบุตรหญิง นางจะเป็นมลทินเหมือนกับเวลามีรอบเดือนแต่จะนานเป็น 2 อาทิตย์ และนางจะยืดเวลาไปอีก 66 วันสำหรับการชำระตัวเนื่องจากการเสียเลือด

เมื่อวันแห่งการชำระตัวจบสิ้น ไม่ว่าจะเป็นบุตรชายหรือบุตรหญิง นางจะนำลูกแกะอายุ 1 ปีมาให้ปุโรหิตที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย เพื่อเป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย และนกพิราบหนุ่มหรือนกเขา 1 ตัว เพื่อเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป ปุโรหิตจะถวายให้ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และทำพิธีชำระมลทินให้นาง แล้วนางจะสะอาดจากเลือดที่เสียไป นี่คือกฎบัญญัติสำหรับนางที่คลอดบุตรชายหรือหญิงก็ตาม แต่ถ้านางไม่สามารถถวายลูกแกะตัวหนึ่งได้ นางจะต้องใช้นกเขา 2 ตัวหรือนกพิราบหนุ่ม 2 ตัว[j] ตัวหนึ่งเพื่อเป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายและอีกตัวเพื่อเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และปุโรหิตจะทำพิธีชำระมลทินให้นาง แล้วนางก็จะสะอาด’”

กฎเกี่ยวกับโรคผิวหนัง

13 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสและอาโรนว่า “เมื่อผิวหนังของผู้ใดบวมหรือเป็นผื่นหรือเป็นจุดด่าง และผิวของเขากลับกลายเป็นโรคเรื้อน ให้คนพาเขามาหาอาโรนหรือบุตรคนใดคนหนึ่งของเขาที่เป็นปุโรหิต ปุโรหิตจะตรวจดูจุดที่อยู่ตามผิวหนังของเขา ถ้าขนที่จุดนั้นเป็นสีขาวและดูเหมือนแผลลึกกว่าผิวหนัง แสดงว่าเขาเป็นโรคเรื้อน เมื่อปุโรหิตตรวจเสร็จแล้วก็ต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน แต่ถ้าแผลเป็นรอยด่างสีขาวอยู่ไม่ลึกกว่าผิวหนัง และขนบริเวณนั้นไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีขาว ปุโรหิตจะต้องกักตัวคนเป็นโรคไว้ 7 วัน ในวันที่เจ็ดปุโรหิตจะตรวจดูเขาอีก และตามความเห็นของปุโรหิต ถ้าโรคไม่ได้ลามมากขึ้นเขาจะต้องกักตัวผู้นั้นไว้อีก 7 วัน เพื่อจะตรวจอีกหลังจากนั้น 7 วัน ถ้าเห็นว่าแผลบริเวณนั้นจางลงและไม่มีการลามบนผิวหนัง ปุโรหิตจึงจะประกาศว่าเขาสะอาด มันเป็นเพียงผื่นธรรมดา ให้เขาซักเครื่องแต่งกาย แล้วจึงจะถือว่าเขาสะอาด แต่ถ้าผื่นลามไปตามผิวหนังแม้ว่าหลังจากที่ให้ปุโรหิตตรวจดูแล้วว่าเขาสะอาด เขาก็ยังจะต้องไปหาปุโรหิตอีก ปุโรหิตต้องตรวจเขาอีกครั้ง ถ้าผื่นนั้นลามบนผิวหนัง ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เพราะเป็นโรคเรื้อน

ถ้าผู้ใดเป็นโรคเรื้อน ให้คนพาเขาไปหาปุโรหิต 10 และปุโรหิตจะตรวจดูตัวเขา ถ้าแผลที่ผิวหนังของเขาบวมเป็นสีขาว ขนก็เป็นสีขาว และผิวที่บวมนั้นอักเสบ 11 จึงนับว่าผิวหนังของเขาเป็นโรคเรื้อนขั้นเรื้อรัง ปุโรหิตจะต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน อย่ากักตัวเขาไว้ เพราะเขาเป็นมลทินแล้ว 12 ถ้าโรคเรื้อนลามทั่วผิวหนังของคนเป็นโรคตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าเท่าที่ปุโรหิตจะมองเห็นได้ 13 ปุโรหิตจะตรวจดูตัวเขา ถ้าโรคเรื้อนลามไปทั่วตัว ปุโรหิตจะประกาศว่าเขาสะอาดเนื่องจากตัวของเขาขาวไปทั่ว และเขาก็สะอาด 14 แต่เมื่อใดแผลนั้นอักเสบ เขาก็เป็นมลทิน 15 ปุโรหิตจะตรวจดูแผลที่อักเสบและประกาศว่าเขาเป็นมลทิน แผลที่อักเสบเป็นมลทินเพราะเป็นโรคเรื้อน 16 แต่ถ้าแผลที่อักเสบกลับดีขึ้นและกลายเป็นสีขาวอีก ก็ให้เขามาหาปุโรหิต 17 ปุโรหิตจะตรวจดูตัวเขา ถ้าโรคนั้นเป็นสีขาว ให้ปุโรหิตประกาศว่าคนนั้นสะอาด เพราะเขาสะอาด

18 ถ้าผิวหนังของผู้ใดเป็นฝีซึ่งหายแล้ว 19 แต่ต่อมาจุดที่เคยเป็นฝีเกิดบวมและเป็นแผลสีขาวหรือสีแดงเรื่อๆ ก็ต้องให้ปุโรหิตตรวจดู 20 เมื่อปุโรหิตตรวจดู เห็นว่าแผลลึกกว่าผิวหนังและมีขนเป็นสีขาว ให้ปุโรหิตประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เป็นโรคเรื้อนและกลายเป็นฝี 21 แต่ถ้าปุโรหิตตรวจเห็นแล้วว่าขนไม่เป็นสีขาว แผลไม่ลึกลงไปใต้ผิวหนังและจางลงด้วย ปุโรหิตต้องกักตัวเขาไว้ 7 วัน 22 แต่ถ้าแผลลุกลามผิวหนัง ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เขาเป็นโรคแล้ว 23 ถ้าขนาดของแผลอยู่คงเดิมไม่ลุกลาม แสดงว่าเป็นแต่เพียงแผลเป็นอันเกิดจากฝี ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาสะอาด

24 เมื่อผู้ใดถูกไฟไหม้ผิว และบริเวณที่ไหม้เป็นแผลอักเสบที่กลายเป็นสีแดงเรื่อๆ หรือสีขาว 25 ปุโรหิตจะต้องตรวจดูแผล ถ้าลึกลงไปใต้ผิวหนัง และมีขนเป็นสีขาว แสดงว่าเป็นโรคเรื้อนซึ่งลามไปยังจุดที่ถูกไฟไหม้ ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เป็นโรคเรื้อน 26 แต่ถ้าปุโรหิตตรวจดูแผล ซึ่งไม่ลึกลงไปใต้ผิวหนัง ขนไม่เป็นสีขาว และสีจางลง ปุโรหิตต้องกักเขาไว้ 7 วัน 27 ปุโรหิตจะตรวจดูเขาในวันที่เจ็ด ถ้าแผลลาม ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เป็นโรคเรื้อน 28 แต่ถ้าแผลอยู่คงเดิมโดยไม่ลาม และสีจางลง แสดงว่าแผลบวมจากการถูกไฟไหม้ ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาสะอาด เพราะมันเป็นแต่เพียงแผลเป็นที่ถูกไฟไหม้

29 เมื่อชายหรือหญิงมีแผลที่ศีรษะหรือคาง 30 ปุโรหิตต้องตรวจดูแผล ถ้าเห็นว่าลึกลงไปใต้ผิวหนัง มีขนเพียงไม่กี่เส้น และเป็นสีเหลือง ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เป็นโรคผิวหนัง โรคเรื้อนขึ้นที่หัวหรือคาง 31 ถ้าปุโรหิตตรวจดูโรคผิวหนัง พบว่าไม่ลึกลงไปใต้ผิวหนังและไม่มีขนสีดำ ปุโรหิตต้องกักตัวคนที่เป็นโรคผิวหนังไว้ 7 วัน 32 ในวันที่เจ็ด ปุโรหิตจะตรวจดูโรค ถ้าโรคผิวหนังไม่ได้ลุกลาม ไม่มีขนสีเหลือง ผิวที่คันไม่ลึกลงไปใต้ผิวหนัง 33 ต้องให้เขาโกนผมและหนวดเครา ไม่ใช่โกนบริเวณแผล ปุโรหิตต้องกักตัวคนเป็นโรคผิวหนังไว้อีก 7 วัน 34 ในวันที่เจ็ด ปุโรหิตต้องตรวจดูผิวที่คัน ถ้าไม่ได้ลุกลามและไม่ลึกลงไปใต้ผิวหนัง ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาสะอาด เขาต้องซักเครื่องแต่งกาย จึงจะถือว่าเขาสะอาด 35 แต่ถ้าโรคผิวหนังลุกลามออกไปอีกหลังจากการชำระล้าง 36 ปุโรหิตต้องตรวจดูตัวเขา ถ้าโรคผิวหนังที่คันนั้นลุกลาม ปุโรหิตไม่จำเป็นต้องดูผมหรือขนสีเหลือง เขาเป็นมลทิน 37 แต่ถ้าเท่าที่เขาตรวจดูผิวที่คันนั้นไม่เปลี่ยนแปลง และมีขนดำงอก ผิวหายคันแล้ว เขาก็สะอาด ปุโรหิตก็ต้องประกาศว่าเขาสะอาด

38 เมื่อผิวหนังของชายหรือหญิงใดมีจุดสีขาวๆ 39 ปุโรหิตต้องตรวจดู และถ้าจุดเหล่านั้นเป็นสีขาวจางๆ นั่นเป็นเพียงตำหนิที่ผิว เขาสะอาด

40 ถ้าชายใดผมร่วงจากศีรษะ ถึงเขาจะหัวล้านแต่เขาสะอาด 41 และถ้าชายใดผมร่วงจากหน้าผากหรือขมับ ผมส่วนหน้าผากล้านแต่สะอาด 42 แต่ถ้าหัวล้านหรือหน้าผากเถิกและมีจุดแดงเรื่อๆ นั่นคือโรคเรื้อนที่ลามไปถึงหัวหรือหน้าผากของเขา 43 ปุโรหิตต้องตรวจดูตัวเขา ถ้าพบจุดแดงเรื่อๆ บวมที่หัวล้านหรือหน้าผากเถิกของเขา เหมือนกับโรคเรื้อนที่เป็นตามตัว 44 เขาเป็นโรคเรื้อน เขาเป็นมลทิน ปุโรหิตต้องประกาศว่าเขาเป็นมลทิน โรคนั้นลุกลามไปถึงศีรษะของเขาแล้ว

45 ผู้เป็นโรคเรื้อนต้องสวมเครื่องแต่งกายขาดๆ ปล่อยผม ปิดริมฝีปากบนและร้องว่า ‘เป็นมลทิน เป็นมลทิน’ 46 เขาจะยังเป็นมลทินตราบที่เขายังเป็นโรคอยู่ เขาเป็นมลทิน และจะต้องแยกออกไปอาศัยอยู่นอกค่าย

47 เมื่อพบว่ามีเชื้อโรคเรื้อนติดอยู่ที่เครื่องแต่งกาย ไม่ว่าจะเป็นผ้าขนสัตว์หรือผ้าป่าน 48 เนื้อผ้าทอหรือถักด้วยใยป่านหรือขนสัตว์ หรือสิ่งใดที่ทำจากหนังสัตว์ 49 ถ้าเชื้อโรคที่ติดเครื่องแต่งกายเป็นสีเขียวหรือแดง ไม่ว่าบนเนื้อผ้าทอหรือถัก หรือสิ่งที่ทำจากหนังสัตว์ นั่นเป็นเชื้อโรคเรื้อนติดอยู่ ต้องให้ปุโรหิตตรวจดู 50 ปุโรหิตตรวจเชื้อโรค และกักสิ่งนั้นไว้ 7 วัน 51 เมื่อปุโรหิตตรวจดูในวันที่เจ็ด เห็นว่าเชื้อโรคแพร่กระจายไปตามเครื่องแต่งกายที่ทอหรือถัก หรือสิ่งที่ทำจากหนังสัตว์ เชื้อโรคนั้นเป็นเชื้อโรคเรื้อนขั้นร้ายแรงและเป็นมลทิน 52 ปุโรหิตต้องเผาเครื่องแต่งกายที่ทอหรือถักจากขนสัตว์หรือผ้าป่าน หรือสิ่งที่ทำจากหนังสัตว์ เพราะเป็นโรคเรื้อนขั้นร้ายแรง ต้องนำไปเผาไฟทิ้งเสีย

53 ถ้าปุโรหิตตรวจดูแล้วเห็นว่า โรคไม่ได้แพร่กระจายไปตามเครื่องแต่งกายที่ทอหรือถัก หรือสิ่งที่ทำจากหนังสัตว์ 54 ปุโรหิตต้องสั่งให้คนซักสิ่งที่มีเชื้อโรคติดอยู่ และกักของไว้อีก 7 วัน 55 ปุโรหิตต้องตรวจดูสิ่งที่มีเชื้อโรคติดอยู่ที่ได้ซักล้างแล้ว ถ้าจุดติดเชื้อไม่เปลี่ยนสี และถึงแม้เชื้อไม่แพร่กระจาย แต่ก็นับว่าเป็นมลทิน ท่านจงใช้ไฟเผาสิ่งนั้นเสียไม่ว่าจุดติดเชื้อโรคจะอยู่ด้านในหรือด้านนอกก็ตาม

56 แต่ถ้าปุโรหิตตรวจดูเห็นว่าเชื้อโรคจางลงหลังจากซักล้างแล้ว เขาก็ต้องฉีกบริเวณจุดนั้นให้ขาดออกจากเครื่องแต่งกายหรือหนังสัตว์ หรือชิ้นที่ทอหรือถัก 57 และถ้าเกิดมีเชื้อโรคติดอยู่ที่เครื่องแต่งกาย ผ้าทอหรือถัก หรือสิ่งที่ทำจากหนังสัตว์อีก แสดงว่าเชื้อโรคกำลังแพร่กระจาย เจ้าก็จงใช้ไฟเผาสิ่งที่ติดเชื้อโรคเสีย 58 ถ้าซักล้างเครื่องแต่งกาย ผ้าทอหรือถัก หรือสิ่งที่ทำจากหนังสัตว์ที่มีเชื้อโรคติดอยู่ จนทุกสิ่งสะอาดเกลี้ยงเกลาแล้ว ก็ยังต้องซักล้างอีกเป็นครั้งที่สอง มันก็จะสะอาด”

59 นี่เป็นกฎบัญญัติสำหรับโรคเรื้อนติดที่เครื่องแต่งกายผ้าขนสัตว์หรือผ้าป่าน ผ้าทอหรือถัก หรือสิ่งที่ทำจากหนังสัตว์ เพื่อตัดสินว่าสิ่งใดสะอาดหรือเป็นมลทิน

14 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “ต่อไปนี้เป็นกฎสำหรับคนเป็นโรคเรื้อนในวันชำระตนให้สะอาด ต้องให้คนพาเขามาหาปุโรหิต และปุโรหิตต้องออกไปนอกค่ายเพื่อตรวจดูตัว หากคนที่เป็นโรคหายจากโรคเรื้อนแล้ว[k] ปุโรหิตต้องสั่งให้นำนกมีชีวิตที่ถือว่าสะอาดตามพิธีกรรมมา 2 ตัว ไม้ซีดาร์ ด้ายขนแกะย้อมสีแดงสด และก้านหุสบ ปุโรหิตสั่งให้เขาฆ่านกตัวหนึ่งที่อ่างดินเผาที่บรรจุน้ำที่ได้จากแหล่งน้ำพุ ให้จุ่มนกอีกตัวที่มีชีวิตอยู่ลงในเลือดนกที่ถูกฆ่าซึ่งผสมกับน้ำ พร้อมกับไม้ซีดาร์ ด้ายขนแกะสีแดงสด และก้านหุสบ ปุโรหิตต้องประพรมเลือดลงบนตัวคนที่จะถูกชำระให้สะอาดจากโรคเรื้อน 7 ครั้ง และประกาศว่าเขาสะอาด แล้วปล่อยนกให้บินไปสู่ทุ่งกว้าง คนที่ถูกชำระตัวจะต้องซักเครื่องแต่งกายของตน โกนผมและขนทั้งตัว แล้วก็อาบน้ำ จึงจะถือว่าเขาสะอาด หลังจากนั้นเขาจะเข้ามาในค่าย แต่จะอยู่นอกกระโจมของเขา 7 วัน ในวันที่เจ็ดเขาต้องโกนผมให้หมด โกนเคราและคิ้ว โกนขนให้หมด เขาต้องซักเครื่องแต่งกายและอาบน้ำ จึงจะถือว่าเขาสะอาด

10 ในวันที่แปด เขาต้องนำลูกแกะตัวผู้ 2 ตัวปราศจากตำหนิ และแกะสาวอายุ 1 ปีปราศจากตำหนิ และแป้งสาลีชั้นเยี่ยมสามส่วนสิบเอฟาห์ผสมกับน้ำมันเป็นเครื่องธัญญบูชา และน้ำมันอีก 1 ถ้วยตวง 11 ปุโรหิตผู้ทำพิธีชำระตัวต้องนำชายผู้นั้นพร้อมกับสิ่งเหล่านี้มา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย 12 ปุโรหิตต้องเอาลูกแกะตัวผู้ 1 ตัวมอบเป็นของถวายเพื่อไถ่โทษพร้อมกับน้ำมัน 1 ถ้วยตวง โบกขึ้นลงเป็นเครื่องโบกถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 13 เขาต้องฆ่าลูกแกะตัวผู้ในที่บริสุทธิ์ อันเป็นที่เดียวกับที่เขาฆ่าสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายและเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป ของถวายเพื่อไถ่โทษเป็นของปุโรหิต เช่นเดียวกับเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปซึ่งถือเป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่สุด 14 ปุโรหิตจะต้องเอาเลือดจากของถวายเพื่อไถ่โทษมาป้ายที่ปลายหูขวาของคนที่จะรับการชำระตัวให้สะอาด และที่นิ้วหัวแม่มือข้างขวา และที่นิ้วหัวแม่เท้าข้างขวา 15 ปุโรหิตจะต้องเอาน้ำมันจากถ้วยตวงเทใส่มือซ้ายของตน 16 และปุโรหิตใช้นิ้วมือขวาจุ่มน้ำมันในมือซ้าย ประพรม 7 ครั้ง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 17 ให้ปุโรหิตป้ายน้ำมันจากมือซ้ายที่ปลายหูขวาของคนที่จะรับการชำระตัวให้สะอาด และที่นิ้วหัวแม่มือข้างขวา และที่นิ้วหัวแม่เท้าข้างขวา ป้ายทับเลือดที่ได้จากของถวายเพื่อไถ่โทษ 18 ให้ปุโรหิตทาน้ำมันที่เหลือในมือ ลงบนหัวของคนที่จะรับการชำระตัวให้สะอาด แล้วปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้เขา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 19 ปุโรหิตจะต้องมอบเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และทำพิธีชดใช้บาปให้คนที่จะรับการชำระตัวจากการเป็นมลทิน หลังจากนั้นเขาก็จะฆ่าสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย 20 ปุโรหิตจะมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและเครื่องธัญญบูชาบนแท่นบูชา เพื่อปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้เขา และจึงจะถือว่าเขาสะอาด

21 แต่ถ้าเขายากจนและไม่สามารถหามาถวายได้มาก เขาต้องมอบลูกแกะตัวผู้ 1 ตัวสำหรับของถวายเพื่อไถ่โทษเพื่อโบกขึ้นลงอันเป็นพิธีชดใช้บาป และแป้งสาลีชั้นเยี่ยมหนึ่งส่วนสิบเอฟาห์ผสมกับน้ำมันเป็นเครื่องธัญญบูชา และน้ำมัน 1 ถ้วยตวง 22 พร้อมด้วยนกเขา 2 ตัวหรือนกพิราบหนุ่ม 2 ตัวซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสามารถหามามอบให้ได้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และอีกตัวเป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย 23 ในวันที่แปดเขาต้องนำสิ่งเหล่านี้มามอบแก่ปุโรหิตสำหรับการชำระตัวให้สะอาดที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 24 แล้วปุโรหิตจะเอาลูกแกะสำหรับของถวายเพื่อไถ่โทษและน้ำมัน 1 ถ้วยตวง และเขาจะโบกของเหล่านี้ขึ้นลงเป็นเครื่องโบกถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 25 ปุโรหิตจะฆ่าลูกแกะสำหรับของถวายเพื่อไถ่โทษ และใช้เลือดลูกแกะป้ายที่ปลายหูขวาของคนที่จะรับการชำระตัวให้สะอาด และที่นิ้วหัวแม่มือข้างขวา และที่นิ้วหัวแม่เท้าข้างขวาของเขา 26 ปุโรหิตจะต้องเทน้ำมันใส่มือซ้ายของตน 27 และปุโรหิตประพรมด้วยนิ้วชี้มือขวาซึ่งจุ่มน้ำมันในมือซ้าย 7 ครั้ง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 28 ให้ปุโรหิตป้ายน้ำมันจากมือซ้ายที่ปลายหูขวาของคนที่จะรับการชำระตัวให้สะอาด และที่นิ้วหัวแม่มือข้างขวา และที่นิ้วหัวแม่เท้าข้างขวา ป้ายทับเลือดที่ได้จากของถวายเพื่อไถ่โทษ 29 ให้ปุโรหิตเทน้ำมันที่เหลือในมือลงบนหัวของคนที่จะรับการชำระตัวให้สะอาด แล้วปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้เขา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 30 ปุโรหิตจะมอบนกเขาหรือนกพิราบหนุ่มเท่าที่เขาสามารถจะหามามอบให้ได้ 31 ตัวหนึ่งเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และอีกตัวสำหรับสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายพร้อมกับเครื่องธัญญบูชา ปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้เขา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 32 นี่เป็นกฎบัญญัติสำหรับคนที่เป็นโรคเรื้อนที่ไม่สามารถหาเครื่องสักการะสำหรับการชำระตัวให้สะอาดได้”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation