Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 พงศาวดาร 10-23

กษัตริย์ซาอูลตาย

(1 ซมอ. 31:1-13)

10 ชาวฟีลิสเตียได้สู้รบกับชาวอิสราเอล และคนอิสราเอลก็ได้วิ่งหนีชาวฟีลิสเตีย และถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมากบนภูเขากิลโบอา ชาวฟีลิสเตียไล่ติดตามซาอูลกับบรรดาลูกชายของเขาไป และได้ฆ่าโยนาธาน อาบีนาดับและมัลคีชูวาที่เป็นลูกชายของซาอูล ซาอูลไม่สามารถต้านทานการสู้รบได้อีกต่อไป และพลธนูก็ยิงลูกธนูมาถูกเขา และตัวเขาก็เริ่มสั่นเทิ้มด้วยความกลัว[a] พลธนูเหล่านั้น

ซาอูลจึงพูดกับคนถืออาวุธ[b] ของเขาว่า “ดึงดาบของเจ้าออกมาแทงเราซะ เพื่อว่าคนที่ไม่ได้ขลิบ[c] พวกนั้นจะได้ไม่มาทรมานล้อเลียนเรา”

แต่คนถืออาวุธนั้นไม่ยอมทำตามเพราะกลัวมาก ซาอูลจึงชักดาบของตนออกมา และล้มทับดาบนั้นจนตาย เมื่อคนถืออาวุธนั้นเห็นว่าซาอูลตายแล้ว เขาก็ล้มทับดาบของเขาตายตามไปด้วย ซาอูลและลูกชายทั้งสามคนของเขารวมทั้งครอบครัวของเขาจึงตายกันหมด

เมื่อคนทั้งหมดของอิสราเอลที่อยู่ในหุบเขาเห็นว่าซาอูลกับลูกชายของเขาได้หนีไปและตายแล้ว พวกเขาจึงได้ละทิ้งเมืองต่างๆของพวกเขาและวิ่งหนีเอาตัวรอด แล้วพวกฟีลิสเตียก็เข้ามาอยู่อาศัยในเมืองของพวกเขาแทน

วันต่อมา พวกฟีลิสเตียได้มาเก็บเอาสิ่งของมีค่าจากศพและพวกเขาก็ได้พบศพของซาอูลกับลูกชายของเขานอนตายอยู่บนภูเขากิลโบอา พวกเขาจึงถอดเสื้อผ้าของซาอูลออกและตัดหัวของเขา พวกเขาเอาหัวของซาอูลและเสื้อเกราะไป และให้คนส่งข่าวออกไปทั่วแผ่นดินของฟีลิสเตีย เพื่อประกาศข่าวดีนี้กับพวกรูปเคารพของพวกเขา และกับประชาชนทั้งหลาย 10 และพวกเขาก็ได้เอาเสื้อเกราะไปไว้ในวิหารของพระของพวกเขา และเอาหัวของซาอูลตอกไว้ในวิหารของพระดาโกน[d]

11 เมื่อประชาชนทั้งหมดในยาเบชกิเลอาดได้ยินเรื่องที่พวกฟีลิสเตียได้ทำกับซาอูล 12 เหล่าผู้กล้าทั้งหมดจึงได้ไปแย่งศพของซาอูลกับศพของบรรดาลูกชายของเขา และนำกลับมาที่ยาเบช-กิเลอาด แล้วพวกเขาก็ได้ฝังกระดูกของซาอูลกับลูกๆไว้ใต้ต้นโอ๊คในยาเบช-กิเลอาด และอดอาหารให้เป็นเวลาเจ็ดวัน

13 ซาอูลตายก็เพราะความไม่ซื่อสัตย์ของเขาต่อพระยาห์เวห์ เขาไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของพระยาห์เวห์ และเขายังได้ไปขอคำปรึกษาจากพวกคนทรงเจ้า[e] 14 แทนที่จะขอให้พระยาห์เวห์นำ พระองค์จึงได้ฆ่าเขาตายและเอาแผ่นดินของเขามอบให้กับดาวิดลูกชายของเจสซี

ดาวิดเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลทั้งหมด

(2 ซมอ. 5:1-3)

11 แล้วชาวอิสราเอลทั้งหมดก็ได้รวมตัวกันมาหาดาวิดที่เมืองเฮโบรนและพูดกับดาวิดว่า “ดูเถิด พวกเราก็เป็นญาติของท่าน แม้ว่าเมื่อก่อนซาอูลจะเป็นกษัตริย์ แต่ตัวท่านก็คือผู้นำที่แท้จริงของอิสราเอลในสนามรบ และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านก็ได้พูดกับท่านว่า ‘เจ้าจะเป็นอย่างผู้เลี้ยงอิสราเอลประชาชนของเรา และเจ้าจะเป็นผู้ปกครองเหนือประชาชนชาวอิสราเอลของเรา’”

พวกผู้ใหญ่ของอิสราเอลทั้งหมดได้มาหากษัตริย์ดาวิดที่เมืองเฮโบรนและดาวิดก็ได้ทำข้อตกลงกับพวกเขาในเมืองนั้นต่อหน้าพระยาห์เวห์ และพวกเขาก็ได้เจิมให้ดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล เหมือนกับที่พระยาห์เวห์ได้พูดไว้ผ่านทางซามูเอล

ดาวิดเข้ายึดเมืองเยรูซาเล็ม

(2 ซมอ. 5:6-10)

ดาวิดและอิสราเอลทั้งหมดได้ยกทัพไปเมืองเยรูซาเล็ม ตอนนั้นเยรูซาเล็มมีชื่อเรียกว่าเยบุส เพราะคนเยบุสอาศัยอยู่ที่นั่น พวกคนเยบุสเป็นคนดั้งเดิมของแผ่นดินนั้น ชาวเมืองเยบุสพูดกับดาวิดว่า “เจ้าบุกเข้ามาไม่ได้หรอก” แต่ดาวิดก็สามารถยึดป้อมศิโยน ไว้ได้ (ซึ่งปัจจุบันเป็นเมืองของดาวิด)

ดาวิดจึงพูดว่า “ใครที่โจมตีเยบุสได้ จะได้เป็นหัวหน้าและแม่ทัพ” โยอาบลูกชายของนางเศรุยาห์ก็ปีนขึ้นไปได้เป็นคนแรก เขาจึงได้กลายเป็นหัวหน้า

แล้วดาวิดก็ได้สร้างวังของเขาอยู่ในป้อมนั้น จึงได้เรียกสถานที่แห่งนั้นว่าเมืองของดาวิด ดาวิดได้สร้างเมืองขึ้นมาใหม่ล้อมรอบทุกด้าน ตั้งแต่มิลโล[f] ไปจนตลอดโดยรอบ และโยอาบก็ได้ซ่อมแซมเมืองส่วนที่เหลือทั้งหมด ดาวิดยิ่งมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆและพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นก็สถิตอยู่กับเขา

พวกนักรบของดาวิด

(2 ซมอ. 23:8-39)

10 คนเหล่านี้คือหัวหน้านักรบของดาวิด ที่สนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ในแผ่นดินของดาวิดร่วมกับชาวอิสราเอลทั้งหมด เพื่อให้เขาเป็นกษัตริย์ตามคำพูดของพระยาห์เวห์ที่ได้พูดไว้เกี่ยวกับอิสราเอล

11 ต่อไปนี้คือรายชื่อของเหล่านักรบของดาวิด

ยาโชเบอัมชาวฮัคโมนีเป็นหัวหน้าของกองทหารของกษัตริย์ที่แบ่งเป็นกลุ่มละสามคน[g] เขาได้ใช้หอกของเขาต่อสู้กับคนสามร้อยคนและได้ฆ่าพวกนั้นตายหมดในคราวเดียวกัน

12 ต่อจากเขาคือ เอเลอาซาร์ลูกชายของโดโด[h] จากตระกูลอาโหอาห์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสุดยอดนักรบสามคนนั้น 13 เขาเคยอยู่กับดาวิดที่ปัสดัมมิมเมื่อครั้งที่ชาวฟีลิสเตียได้รวมตัวกันขึ้นที่นั่นเพื่อทำสงคราม สถานที่นั้นเต็มไปด้วยข้าวบาร์เลย์ คนอิสราเอลต่างหลบหนีเอาตัวรอดจากพวกฟีลิสเตีย 14 แต่เอเลอาซาร์กับคนของเขา กลับยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งนาแห่งนั้นและต่อสู้กับพวกฟีลิสเตีย จนได้รับชัยชนะ พระยาห์เวห์ได้นำชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาให้กับพวกอิสราเอล

15 ครั้งหนึ่ง สามคนจากกองทหารของกษัตริย์ที่แบ่งเป็นกลุ่มละสามคนได้ปีนหน้าผาลงไปพบกับดาวิดที่ถ้ำอดุลลัม ในขณะที่ชาวฟีลิสเตียกำลังตั้งค่ายอยู่ที่หุบเขาเรฟาอิม

16 ในเวลานั้น ดาวิดอยู่ในป้อมกำบังและพวกกองทหารของชาวฟีลิสเตียก็อยู่ที่เบธเลเฮม 17 ดาวิดรู้สึกคิดถึงบ้าน และเปรยออกมาว่า “ถ้ามีใครเอาน้ำจากบ่อน้ำของเบธเลเฮมที่อยู่ข้างประตูมาให้เราดื่มซะหน่อยก็คงจะดีนะ”

18 แล้วทหารทั้งสามคนนั้นก็ได้ตีฝ่าค่ายของพวกฟีลิสเตียออกไป และได้ตักน้ำจากบ่อน้ำของเบธเลเฮมที่อยู่ข้างประตูเมืองและนำมันกลับมาให้กับดาวิด แต่ดาวิดไม่ยอมดื่มน้ำนั้น แต่เขากลับเทมันออกถวายให้กับพระยาห์เวห์ 19 เขาพูดว่า “ขอให้พระเจ้าของเราลงโทษเรา ถ้าเราทำอย่างนี้ จะให้เราดื่มเลือดของคนพวกนี้ที่ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อนำน้ำนี้มาให้กับเราได้ยังไง” ดาวิดจึงไม่ยอมดื่มน้ำนั้น และนี่ก็คือสิ่งที่นักรบทั้งสามคนได้ทำไป

ทหารกล้าคนอื่นๆ

(2 ซมอ. 23:18-39)

20 อาบีชัยที่เป็นน้องชายของโยอาบ เขาเป็นหัวหน้าของกองทหารของกษัตริย์ที่แบ่งเป็นกลุ่มละสามคน[i] เขาได้ใช้หอกของเขาฆ่าคนสามร้อยคนตายจนหมด แต่เขาไม่ได้รวมอยู่ในทหารกล้าสามคนนั้น[j] 21 อาบีชัยได้รับเกียรติมากกว่าทหารคนอื่นๆในกองทหารของกษัตริย์ที่แบ่งเป็นกลุ่มละสามคนนั้น[k] และเขาก็ได้กลายเป็นหัวหน้าของคนเหล่านั้น แต่ไม่ได้รวมอยู่ในทหารกล้าสามคนนั้น

22 เบไนยาห์ลูกชายของเยโฮยาดาที่มาจากขับเซเอล เป็นคนกล้าหาญที่ได้ทำสิ่งที่น่าจดจำไว้เหมือนกัน เขาเป็นคนฆ่านักรบชาวโมอับที่เก่งที่สุดสองคนและยังได้ลงไปฆ่าสิงโตในบ่อน้ำในวันที่หิมะตกอีกด้วย 23 เขายังได้ฆ่าชาวอียิปต์คนหนึ่งที่มีรูปร่างใหญ่โต สูงถึงห้าศอก[l] ชายคนนั้นถือหอกที่ใหญ่และหนักมาก แต่เบไนยาห์ได้ไปต่อสู้กับเขาด้วยไม้เท้าเพียงอันเดียว เขาแย่งหอกจากมือของคนอียิปต์ และฆ่าอียิปต์คนนั้นตายด้วยหอกของเขาเอง 24 นี่คือสิ่งที่เบไนยาห์ลูกชายของเยโฮยาดาได้ทำไป เขาไม่ได้รวมอยู่ในทหารกล้าสามคนนั้น 25 เขาได้รับเกียรติมากกว่าทหารคนอื่นๆในกองทหารของกษัตริย์ที่แบ่งเป็นกลุ่มละสามคน แต่เขาไม่ได้รวมอยู่ในทหารกล้าสามคนนั้น ดาวิดได้แต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าทหารรักษาพระองค์

26 พวกนักรบที่กล้าหาญประกอบไปด้วย

อาสาเฮลที่เป็นน้องชายของโยอาบ เอลฮานันลูกชายของโดโดจากเมืองเบธเลเฮม

27 ชัมโมทชาวฮาโรด เฮเลสชาวเปโลน

28 อิราลูกชายของอิกเขชจากเมืองเทโคอา อาบีเยเซอร์จากเมืองอานาโธท

29 สิบเบคัยชาวหุชาห์ อิลัยชาวอาโหอาห์

30 มาหะรัยจากเมืองเนโทฟาห์ เฮเลดลูกชายของบาอานาห์จากเมืองเนโทฟาห์

31 อิททัยลูกชายของรีบัยจากเมืองกิเบอาห์ของชาวเบนยามิน เบไนยาห์ชาวปิราโธน

32 หุรัยที่มาจากลุ่มแม่น้ำกาอัช อาบีเอลชาวอารบา

33 อัสมาเวทชาวบาฮูริม เอลียาบาชาวชาอัลโบน

34 ฮาเชมชาวกิโซน โยนาธานลูกชายของชากีชาวฮาราร์

35 อาหิอัมลูกชายของสาคาร์ชาวฮาราร์ เอลีฟัลลูกชายของอูระ

36 เฮเฟอร์ชาวเมเคราไธด์ อาหิยาห์ชาวเปโลน

37 เฮสโรชาวคารเมล นาอารัยลูกชายของเอสบัย

38 โยเอลน้องชายของนาธัน มิบฮาร์ลูกชายของฮากรี

39 เศเลกชาวอัมโมน นาหะรัยจากเมืองเบเอโรท (เป็นคนถืออาวุธของโยอาบลูกชายของนางเศรุยาห์)

40 อิราชาวอิทไรต์ กาเรบชาวอิทไรต์

41 อุรียาห์ชาวฮิตไทต์ ศาบาดลูกชายของอัคลัย

42 อาดีนาลูกชายของชิซาชาวรูเบน (อาดีนาเป็นหัวหน้าคนหนึ่งของชาวรูเบนและคนอีกสามสิบคนที่อยู่กับเขา)

43 ฮานันลูกชายของมาอาคาห์ โยชาฟัทชาวมิทเน

44 อุสชียาชาวอัชทาโรท ชามาและเยอีเอลลูกชายของโฮธามชาวอาโรเออร์

45 เยดียาเอลลูกชายชิมรีและน้องชายของเขาที่ชื่อโยฮาเป็นชาวทิไซต์

46 เอลีเอลชาวมาหะไวต์ ทั้งเยรีบัยและโยชาวิยาห์ ที่เป็นลูกชายของเอลนาอัม อิทมาห์ชาวโมอับ

47 เอลีเอล โอเบดและยาอาซีเอลชาวเมโซบัย

ผู้กล้าหาญที่เข้าร่วมกับดาวิด

12 ต่อไปนี้คือคนที่มาหาดาวิดที่ศิกลากในขณะที่ดาวิดยังหลบซ่อนตัวจากซาอูลลูกชายของคีช พวกเขาอยู่ในหมู่นักรบทั้งหลายที่ช่วยเหลือดาวิดในสนามรบ พวกเขาเป็นนักธนูและสามารถยิงธนูหรือเหวี่ยงก้อนหินจากเชือกสลิงได้ทั้งมือซ้ายและมือขวา พวกเขามาจากเผ่าเบนยามิน ซึ่งเป็นญาติกับซาอูล

อาหิเยเซอร์ผู้นำของพวกเขา โยอาชลูกชายของเชมาอาห์ชาวเมืองกิเบอาห์ เยซีเอลและเปเลทลูกชายของอัสมาเวท เบราคาห์ และเยฮูชาวอานาโธท อิชมัยอาห์จากเมืองกิเบโอน (เขาเป็นนักรบคนหนึ่งในหมู่นักรบสามสิบคนและเป็นแม่ทัพของกองทหารสามสิบคนนั้นด้วย) เยเรมียาห์ ยาฮาซีเอล โยฮานัน โยซาบาดชาวเมืองเกเดราห์ เอลูซัย เยรีโมท เบอัลยาห์ เชมาริยาห์ เชฟาทิยาห์จากตระกูลฮารูฟห์ และจากตระกูลโคราห์ มี เอลคานาห์ อิสชีอาห์ อาซาเรล โยเอเซอร์ และยาโชเบอัม แล้วมีลูกชายของเยโรฮัมจากเมืองเกโดร์ คือโยเอลาห์และเศบาดิยาห์

ชาวกาด

จากชาวกาดที่ได้หลบหนีไปหาดาวิดที่ป้อม[m] ในทะเลทราย มีทั้งพวกนักรบ คนที่พร้อมที่จะออกรบ ผู้ที่ชำนาญในการใช้โล่และหอก พวกเขาล้วนดุร้ายเหมือนกับสิงโตและรวดเร็วเหมือนเนื้อทราย[n] บนภูเขา คือ

เอเซอร์หัวหน้าของพวกเขา โอบาดียาห์เป็นรองที่สอง เอลีอับเป็นที่สาม 10 มิชมันนาห์เป็นคนที่สี่ เยเรมียาห์เป็นคนที่ห้า 11 อัททัยเป็นคนที่หก เอลีเอลเป็นคนที่เจ็ด 12 โยฮานันเป็นคนที่แปด เอลซาบาดเป็นคนที่เก้า 13 เยเรมียาห์เป็นคนที่สิบ และมัคบันนัยเป็นคนที่สิบเอ็ด 14 ชาวกาดเหล่านี้ล้วนเป็นผู้นำของกองทัพ ซึ่งถ้าขนาดเล็กที่สุดก็คือผู้นำกองร้อย ใหญ่ที่สุดก็คือผู้นำกองพัน 15 คนเหล่านี้คือคนที่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนตอนเดือนที่หนึ่ง ที่มีน้ำไหลบ่าล้นตลิ่ง และพวกเขาได้ขับไล่ผู้คนที่อยู่ตามพวกหุบเขาทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำกระเจิดกระเจิงไป

ทหารคนอื่นที่เข้าร่วมกับฝ่ายดาวิด

16 มีชาวเบนยามินบางกลุ่มและชาวยูดาห์ที่มาเข้าร่วมกับฝ่ายของดาวิดที่ป้อมด้วย 17 ดาวิดได้ออกไปพบกับพวกเขาและพูดว่า “ถ้าพวกท่านมาหาเราอย่างมิตร เพื่อที่จะมาช่วยเรา เราก็ยินดีที่จะให้พวกท่านเข้าร่วมกับเรา แต่ถ้าพวกท่านจะมาเพื่อที่จะทรยศเรา ทั้งๆที่เราไม่ได้ทำอะไรผิด ขอพระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเรา มองเห็นและลงโทษพวกท่าน”

18 แล้วพระวิญญาณก็ลงมาที่ตัวอามาสัยซึ่งเป็นหัวหน้าของกองทัพที่แบ่งทหารพิเศษออกเป็นหน่วยๆหน่วยละสามคน[o] และเขาก็พูดออกมาว่า

“พวกเราอยู่ฝ่ายของท่าน ดาวิด
    พวกเราล้วนอยู่กับท่าน ลูกชายของเจสซี
ความสงบสุข ความสงบสุขจงอยู่กับท่านเถิด
    และความสงบสุขจงอยู่กับผู้ที่ช่วยเหลือท่านเถิด
    เพราะพระเจ้าของท่านได้ช่วยเหลือท่านแล้ว”

ดาวิดจึงต้อนรับพวกเขาและแต่งตั้งให้พวกเขาเป็นผู้นำของกองทหารของดาวิด

19 คนจากเผ่ามนัสเสห์บางคนได้หลบหนีไปเข้ากับพวกของดาวิดด้วย ตอนที่ดาวิดได้ยกทัพมากับพวกฟีลิสเตียเพื่อต่อสู้กับซาอูล (แต่ดาวิดยังไม่ทันได้ช่วยพวกฟีลิสเตียรบ เพราะพวกหัวหน้าของชาวฟีลิสเตียได้ปรึกษากันแล้วเห็นว่าควรส่งตัวดาวิดกลับไป พวกเขาคุยกันแล้วว่า “ดาวิดจะหนีทัพไปหาซาอูลนายของเขาและมันจะทำให้หัวของพวกเราหลุดออกจากบ่าได้”) 20 เมื่อดาวิดไปถึงศิกลาก ก็มีคนจากเผ่ามนัสเสห์หลบหนีทัพมาเข้าร่วมกับเขา คือ อัดนาห์ โยซาบาด เยดียาเอล มีคาเอล โยซาบาด เอลีฮูและศิลเลธัยซึ่งเป็นบรรดาหัวหน้ากองพันของเผ่ามนัสเสห์ 21 และพวกเขาก็ได้ช่วยเหลือดาวิดในการต่อสู้กับกองทัพผู้บุกรุกเพราะพวกเขาล้วนเป็นนักรบที่กล้าหาญและพวกเขาก็ได้เป็นแม่ทัพอยู่ในกองทัพของดาวิด

22 มีคนเข้ามาร่วมอยู่ฝ่ายเดียวกับดาวิดเพิ่มขึ้นวันแล้ววันเล่า เพื่อที่จะช่วยเหลือเขา จนกระทั่งเขามีกองทัพที่ยิ่งใหญ่เหมือนกองทัพของพระเจ้า

พันธมิตรของดาวิดในเฮโบรน

23 ต่อไปนี้คือคนที่พร้อมออกรบ ที่มาอยู่ฝ่ายเดียวกับดาวิดในเมืองเฮโบรน เพื่อจะมอบอาณาจักรของซาอูลให้กับดาวิดตามที่พระยาห์เวห์ได้พูดไว้

24 จากเผ่าของยูดาห์ มีหกพันแปดร้อยคน

ที่ถือโล่และหอกเข้ามารับใช้ในกองทัพ

25 จากเผ่าสิเมโอน มีทหารกล้าเจ็ดพันหนึ่งร้อยคน

26 จากเผ่าเลวี มีสี่พันหกร้อยคน

27 และเยโฮยาดาซึ่งเป็นผู้นำของครอบครัวอาโรนก็นำคนมาด้วยสามพันเจ็ดร้อยคน

28 และนักรบหนุ่มศาโดกก็มาพร้อมกับแม่ทัพในครอบครัวของเขาอีกยี่สิบสองคน

29 จากเผ่าเบนยามิน ซึ่งเป็นพี่น้องของซาอูล มีจำนวนสามพันคน ซึ่งเกือบทั้งหมดยังคงจงรักภักดีกับครอบครัวของซาอูลจนกระทั่งเวลานั้น

30 จากเผ่าเอฟราอิม มีนักรบที่กล้าหาญจำนวนสองหมื่นแปดร้อยคน พวกเขาล้วนเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในตระกูลของพวกเขา

31 จากครึ่งหนึ่งของคนเผ่ามนัสเสห์ มีจำนวนหนึ่งหมื่นแปดพันคน พวกเขาถูกขานชื่อออกมา เพื่อไปเชิญดาวิดให้มาเป็นกษัตริย์

32 จากเผ่าอิสสาคาร์ มีหัวหน้าสองร้อยคน ผู้ที่เข้าใจสถานะการณ์ในเวลานั้น และรู้ว่าอิสราเอลควรจะทำอะไรรวมทั้งญาติๆทั้งหมดที่อยู่ภายใต้คำสั่งของพวกเขา

33 จากเผ่าเศบูลุน มีจำนวนห้าหมื่นคน ที่ต่างก็มาด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน พวกเขาพร้อมรบ ถูกฝึกให้ใช้อาวุธทุกชนิด

34 จากเผ่านัฟทาลี มีแม่ทัพหนึ่งพันคนและคนในกองทัพที่มากับพวกเขาอีกสามหมื่นเจ็ดพันคน ซึ่งมีโล่และหอกเป็นอาวุธ

35 จากเผ่าดาน มีจำนวนสองหมื่นแปดพันหกร้อยคนพร้อมอาวุธ

36 จากเผ่าอาเชอร์ มีจำนวนสี่หมื่นคน เตรียมพร้อมสำหรับงานรับใช้ในกองทัพ และพร้อมรบ

37 จากอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน จากคนเผ่ารูเบน เผ่ากาด และครึ่งหนึ่งของคนเผ่ามนัสเสห์ มีจำนวนหนึ่งแสนสองหมื่นคน มีอาวุธทุกชนิด

38 พวกนักรบทั้งหมดนี้ได้มารวมตัวกันเพื่อออกศึก พวกเขาได้ยกทัพไปถึงเมืองเฮโบรน และได้เห็นพ้องต้องกันที่จะยกดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล และอิสราเอลที่เหลือทั้งหมดต่างก็เห็นดีด้วยที่จะยกดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ 39 พวกเขาได้ร่วมกินดื่มอยู่ที่นั่นกับดาวิดเป็นเวลาสามวันเพราะญาติๆของพวกเขาได้จัดเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว 40 ส่วนเพื่อนบ้านทั้งหลายที่มาจากแดนไกล อย่างเผ่าอิสสาคาร์ เผ่าเศบูลุนและเผ่านัฟทาลี ต่างก็ได้บรรทุกเอาอาหารมาให้กับพวกเขา ด้วยขบวนลา อูฐ ล่อและวัว พวกเขาขนเอาแป้ง ขนมมะเดื่อ ลูกเกด เหล้าองุ่นและน้ำมันมะกอก วัวตัวผู้และแกะจำนวนมากมายมหาศาลมาให้ เพราะในเวลานั้นชาวอิสราเอลต่างก็เฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุข

การนำหีบข้อตกลงกลับมา

(2 ซมอ. 6:1-11)

13 ดาวิดได้ปรึกษาหารือกับบรรดาผู้นำกองพันและผู้นำกองร้อย รวมทั้งเหล่าผู้นำของอิสราเอลทั้งหลาย เขาได้พูดในที่ประชุมของอิสราเอลทั้งหมดว่า “ถ้าพวกท่านเห็นดีด้วยและเป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราต้องการ เราจะส่งคนส่งข่าวไปถึงญาติๆของพวกเราทั่วทั้งแผ่นดินของอิสราเอล รวมทั้งเหล่านักบวชและชาวเลวีตามเมืองแห่งทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ทั้งหลายนั้น เพื่อพวกเขาจะได้มาร่วมกับพวกเรา แล้วพวกเราจะได้นำหีบของพระเจ้าของเรามาไว้ท่ามกลางพวกเรา เพราะตั้งแต่ในสมัยของซาอูลแล้ว พวกเราไม่เคยไปหาพระเจ้าเพื่อขอคำปรึกษาจากพระองค์เลย” ที่ประชุมทั้งหมดต่างเห็นดีด้วย เพราะพวกเขาทุกคนชอบความคิดนี้

ดาวิดจึงเรียกประชุมอิสราเอลทั้งหมดตั้งแต่แม่น้ำชิโหร์ในประเทศอียิปต์ไปจนถึงเมืองเลโบฮามัท เพื่อที่จะร่วมกันนำหีบของพระเจ้ามาจากคิริยาท-เยอาริม และดาวิดกับอิสราเอลทั้งหมดก็ได้ขึ้นไปที่เมืองบาอาลาห์ซึ่งก็คือเมืองคิริยาท-เยอาริมที่เป็นของชาวยูดาห์ เพื่อจะนำหีบของพระเจ้ามาจากที่นั่น ซึ่งก็คือหีบของพระยาห์เวห์ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เหนือทูตสวรรค์มีปีกสององค์ เป็นหีบที่ได้รับการเรียกขานตามชื่อของพระองค์

พวกเขาได้ขนย้ายหีบใบนั้นมาจากบ้านของอาบีนาดับด้วยเกวียนเล่มใหม่ และอุสซาห์กับอาหิโยเป็นคนขับเกวียนเล่มนั้น

ดาวิดกับชาวอิสราเอลทั้งหมดต่างก็เฉลิมฉลองกันอย่างสุดเหวี่ยงต่อหน้าพระเจ้า ด้วยการร้องเพลง เล่นพิณใหญ่ พิณเล็ก กลองรำมะนา ฉาบ และแตร

พวกเขามาถึงที่ลานนวดข้าวของคิโดน วัวเกิดเดินสะดุด อุสซาห์ก็ได้ยื่นมือของเขาออกไปจับหีบนั้นไว้ 10 ความโกรธของพระยาห์เวห์ได้จุดพลุ่งขึ้นต่ออุสซาห์ พระองค์จึงฟาดเขาที่นั่น เพราะอุสซาห์ได้ยื่นมือไปจับหีบศักดิ์สิทธิ์ อุสซาห์จึงตายอยู่ที่นั่นต่อหน้าพระเจ้า 11 ดาวิดรู้สึกโกรธ เพราะพระยาห์เวห์ได้ระเบิดความโกรธใส่อุสซาห์ สถานที่นั้นจึงมีชื่อเรียกว่าเปเรศ-อุสซาห์[p] มาจนทุกวันนี้

12 ในวันนั้นดาวิดรู้สึกเกรงกลัวพระเจ้า เขาพูดว่า “อย่างนี้จะให้เรานำหีบของพระเจ้ากลับไปบ้านกับเราได้ยังไงกัน” 13 แล้วดาวิดก็ไม่ยอมนำหีบใบนั้นไปที่เมืองของดาวิดกับเขาด้วย แต่กลับทิ้งมันไว้ที่บ้านของโอเบดเอโดมซึ่งเป็นชาวกัท 14 หีบของพระเจ้ายังคงอยู่กับครอบครัวของโอเบดเอโดมในบ้านของเขาเป็นเวลาสามเดือน และพระยาห์เวห์ก็ได้อวยพรให้กับครอบครัวของโอเบดเอโดมและทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเขา

กษัตริย์ฮีรามส่งคนมาช่วยสร้างวัง

(2 ซมอ. 5:11-12)

14 กษัตริย์ฮีรามแห่งเมืองไทระได้ส่งคนส่งข่าวมาหาดาวิด พร้อมกับส่งไม้ซุงสนซีดาร์มาหลายท่อน พวกช่างตัดแต่งหิน และพวกช่างไม้เพื่อมาสร้างวังให้กับเขา ดาวิดรู้ว่าพระยาห์เวห์ได้ทำให้เขาเป็นกษัตริย์เหนือชนชาติอิสราเอล เพราะอาณาจักรของเขาเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างมาก พระเจ้าทำอย่างนี้เพราะเห็นแก่ประชาชนชาวอิสราเอลของพระองค์

ลูกๆดาวิดที่เกิดในเยรูซาเล็ม

(2 ซมอ. 5:13-16)

ดาวิดมีเมียมากขึ้นในเมืองเยรูซาเล็ม และมีลูกชาย ลูกสาวมากขึ้น ต่อไปนี้คือชื่อของลูกๆเขาที่เกิดในเยรูซาเล็ม คือชัมมุอา โชบับ นาธัน ซาโลมอน อิบฮาร์ เอลีชูอา เอลเปเลท โนกาห์ เนเฟก ยาเฟีย เอลีชามา เบเอลยาดา และเอลีเฟเลท

ดาวิดชนะชาวฟีลิสเตีย

(2 ซมอ. 5:17-25)

ชาวฟีลิสเตียได้ยินว่าดาวิดได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลทั้งหมด พวกฟีลิสเตียทั้งหมดจึงได้บุกขึ้นมาหาเขา เมื่อดาวิดได้ยินเข้าจึงได้ออกมาเผชิญหน้ากับพวกเขา พวกชาวฟีลิสเตียได้บุกขึ้นมาถึงหุบเขาเรฟาอิม 10 ดาวิดได้ถามพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าควรจะขึ้นไปต่อสู้กับพวกฟีลิสเตียหรือไม่ และพระองค์จะมอบพวกเขาไว้ในกำมือของข้าพเจ้าหรือเปล่า”

พระยาห์เวห์ตอบดาวิดว่า “ไปต่อสู้กับพวกเขาเถิด และเราจะมอบพวกนั้นไว้ในกำมือของเจ้า”

11 แล้วดาวิดกับคนของเขาก็ขึ้นไปสู้รบกับพวกฟีลิสเตียที่บาอัลเปราซิมและสามารถเอาชนะคนเหล่านั้นได้ ดาวิดพูดว่า “พระเจ้าได้ทะลุทะลวงศัตรูของเราไปผ่านทางมือเราเหมือนกับน้ำที่ทะลุทะลวงเขื่อนออกมา” ดังนั้นสถานที่นั้นจึงมีชื่อเรียกว่า บาอัล-เปราซิม[q] 12 พวกฟีลิสเตียได้ละทิ้งพระทั้งหลายของพวกเขาไว้ที่นั่น และดาวิดก็ได้สั่งให้เผาพวกมันทิ้งจนหมด

13 พวกฟีลิสเตียได้บุกมาที่หุบเขาอีกครั้งหนึ่ง 14 และดาวิดได้ปรึกษากับพระเจ้าอีก และพระเจ้าบอกกับเขาว่า “อย่าโจมตีพวกเขาตรงหน้า แต่ให้อ้อมไปโจมตีพวกเขาจากทางด้านพุ่มบาคา[r] 15 เมื่อเจ้าได้ยินเสียงฝีเท้าบนยอดของพุ่มบาคา ให้ออกไปสู้รบได้ทันที เพราะนั่นเป็นเสียงของพระเจ้าที่กำลังออกนำหน้าเจ้าไปมีชัยเหนือกองทัพของฟีลิสเตีย” 16 ดาวิดทำตามที่พระเจ้าสั่งเขาไว้ และดาวิดกับกองทัพของเขาก็สามารถเอาชนะกองทัพชาวฟีลิสเตียได้ทั้งหมดตลอดเส้นทางจากเมืองกิเบโอนไปจนถึงเมืองเกเซอร์ 17 ดังนั้นชื่อเสียงของดาวิดก็แพร่กระจายออกไปยังประเทศทั้งหลายและพระยาห์เวห์ทำให้ทุกๆชนชาติเกรงกลัวเขา

การนำหีบข้อตกลงเข้าเมืองเยรูซาเล็ม

(2 ซมอ. 6:12-19)

15 ดาวิดได้สร้างวังของเขาเองขึ้นในเมืองของดาวิด และเขาได้เตรียมสร้างสถานที่สำหรับหีบของพระเจ้าด้วย เขาได้ตั้งเต็นท์ขึ้นหลังหนึ่งสำหรับหีบใบนั้น แล้วดาวิดพูดว่า “คนที่ไม่ใช่ชาวเลวีห้ามมาถือหีบของพระเจ้า เพราะพระยาห์เวห์ได้เลือกพวกเลวีให้มาเป็นผู้ถือหีบของพระยาห์เวห์ และให้มารับใช้พระองค์ตลอดไป”

ดาวิดเรียกประชุมชาวอิสราเอลทั้งหมดที่เมืองเยรูซาเล็ม เพื่อที่จะนำหีบของพระยาห์เวห์ไปไว้ยังสถานที่ที่เขาได้จัดเตรียมไว้ และดาวิดก็ได้รวบรวมบรรดาลูกหลานของอาโรนและชาวเลวี

บรรดาลูกหลานของโคฮาท มีอุรีเอลเป็นหัวหน้า พร้อมกับญาติๆของเขาอีกหนึ่งร้อยยี่สิบคน

จากบรรดาลูกหลานของเมรารี มีอาสายาห์เป็นหัวหน้า พร้อมกับญาติๆของเขาอีกสองร้อยยี่สิบคน

จากบรรดาลูกหลานของเกอร์โชม มีโยเอลเป็นหัวหน้าพร้อมกับญาติๆของเขาอีกหนึ่งร้อยสามสิบคน

จากบรรดาลูกหลานของเอลีซาฟาน มีเชไมอาห์เป็นหัวหน้าพร้อมกับญาติๆของเขาอีกสองร้อยคน

จากบรรดาลูกหลานของเฮโบรน มีเอลีเอลเป็นหัวหน้าพร้อมกับญาติๆของเขาอีกแปดสิบคน

10 จากบรรดาลูกหลานของอุสซีเอล มีอัมมีนาดับเป็นหัวหน้าพร้อมกับญาติๆของเขาอีกหนึ่งร้อยสิบสองคน

11 แล้วดาวิดก็เรียกตัวนักบวชศาโดกและนักบวชอาบียาธาร์รวมทั้งชาวเลวีซึ่งประกอบด้วย อุรีเอล อาสายาห์ โยเอล เชไมอาห์ เอลีเอลและอัมมีนาดับเข้าพบ 12 และเขาก็ได้พูดกับคนเหล่านั้นว่า “พวกท่านคือหัวหน้าครอบครัวของชาวเลวี พวกท่านและญาติๆของพวกท่านจะต้องชำระตัวเองให้บริสุทธิ์[s] เพื่อจะได้เป็นผู้นำหีบของพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลไปไว้ยังสถานที่ที่เราได้จัดเตรียมไว้ให้ 13 เพราะพวกท่านไม่ได้ไปกับพวกเราในครั้งแรกเพื่อไปหามหีบนั้น จึงทำให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราได้ระเบิดความโกรธใส่พวกเรา เพราะพวกเราไม่ได้ปรึกษากับพระองค์ว่าจะทำเรื่องนี้อย่างไรดีถึงจะเหมาะสม”

14 ดังนั้นเหล่านักบวชและชาวเลวีจึงได้ชำระตัวเองให้บริสุทธิ์เพื่อที่จะไปนำหีบของพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลขึ้นมา 15 และชาวเลวีก็ได้เป็นผู้หามหีบของพระเจ้าไว้บนบ่าด้วยคานหาม เหมือนกับที่โมเสสได้สั่งไว้ตามคำพูดของพระยาห์เวห์

16 ดาวิดยังได้บอกกับพวกหัวหน้าของชาวเลวี ให้แต่งตั้งญาติๆของพวกเขาขึ้นเป็นนักร้อง เพื่อคอยเปล่งเสียงร้องเพลงอย่างชื่นชมยินดีไปพร้อมกับเสียงเครื่องดนตรีต่างๆ(มีทั้งเสียงพิณใหญ่ พิณเล็ก และฉาบ)

17 ดังนั้น ชาวเลวีจึงได้แต่งตั้งเฮมานลูกชายโยเอล และอาสาฟลูกชายของเบเรคิยาห์ ออกมาจากบรรดาญาติๆของเขา และยังได้แต่งตั้งเอธานลูกชายของคูชายาห์ออกจากบรรดาพี่น้องชาวเมรารีของพวกเขา 18 พวกเขาได้แต่งตั้งญาติๆของพวกเขาขึ้นเป็นผู้ช่วยคนเหล่านี้ คือ เศคาริยาห์ ยาอาซีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล อุนนี เอลีอับ เบไนยาห์ มาอาเสอาห์ มัททีธิยาห์ เอลีเฟเลหุและมิกเนยาห์ และให้โอเบดเอโดมกับเยอีเอลเป็นคนเฝ้าประตู

19 เหล่านักร้องซึ่งประกอบไปด้วยเฮมาน อาสาฟและเอธานต้องเล่นฉาบทองสัมฤทธิ์ 20 เศคาริยาห์ อาซีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล อุนนี เอลีอับ มาอาเสอาห์และเบไนยาห์เล่นพิณใหญ่ในแบบของอาลาโมท[t] 21 ส่วนมัททีธิยาห์ เอลีเฟเลหุ มิกเนยาห์ โอเบดเอโดม เยอีเอลและอาซาซิยาห์เล่นพิณเล็กในแบบของเชมินิท[u] 22 เคนานิยาห์ที่เป็นผู้นำในการร้องเพลงของชาวเลวีเป็นคนร้องนำเพราะเขามีความชำนาญในด้านนี้

23 เบเรคิยาห์และเอลคานาห์เป็นนายประตูเฝ้าหีบใบนั้น 24 เหล่านักบวช คือ เชบานิยาห์ โยชาฟัท เนธันเอล อามาสัย เศคาริยาห์ เบไนยาห์และเอลีเยเซอร์เป็นคนเป่าแตรต่อหน้าหีบของพระเจ้า โอเบดเอโดมและเยฮียาห์เป็นนายประตูเฝ้าหีบใบนั้นด้วยเหมือนกัน

25 ดาวิด เหล่าผู้นำของอิสราเอลและบรรดาผู้นำกองพันก็ได้ไปนำหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์มาจากบ้านของโอเบดเอโดมด้วยความชื่นชมยินดี 26 และพระเจ้าก็ได้ช่วยเหลือพวกชาวเลวีที่กำลังแบกหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์นั้น พวกเขาได้ถวายเครื่องบูชาเป็นวัวตัวผู้เจ็ดตัวและแกะตัวผู้เจ็ดตัว 27 ดาวิด ชาวเลวีทั้งหมดที่แบกหีบกับพวกนักร้องและเคนานิยาห์ผู้นำวงนักร้อง ต่างก็สวมเสื้อชุดยาวที่ทำจากผ้าลินินอย่างดี และดาวิดก็สวมเอโฟดที่ทำจากลินินด้วยเหมือนกัน

28 ดังนั้นอิสราเอลทั้งหมดจึงได้ร่วมขบวนไปกับหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์ พร้อมกับร้องตะโกนไปอย่างสนุกสนาน พวกเขาได้เป่าแตรเขาสัตว์ แตรธรรมดา เล่นฉาบ พิณใหญ่และพิณเล็กไปด้วย

29 เมื่อหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์กำลังจะเข้าในเมืองของดาวิด นางมีคาลลูกสาวของซาอูลได้มองออกไปที่หน้าต่างและเห็นดาวิดกำลังเต้นรำและเล่นสนุกสนานอยู่ นางจึงคิดดูถูกเขาในใจ

16 พวกเขาได้นำเอาหีบของพระเจ้าเข้ามาวางไว้ภายในเต็นท์ที่ดาวิดได้จัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะ และพวกเขาก็ได้เผาสัตว์ทั้งตัวถวายเป็นเครื่องบูชา และถวายเครื่องสังสรรค์บูชาต่อหน้าพระเจ้า เมื่อดาวิดได้ถวายเครื่องบูชาเหล่านั้นเสร็จแล้ว เขาก็ได้อวยพรให้กับประชาชนในนามของพระยาห์เวห์ และเขาก็ได้แจกจ่ายขนมปังหนึ่งก้อน เค้กอินทผลัมกับขนมลูกเกดอัดให้กับชาวอิสราเอลทุกคนทั้งชายและหญิง

ดาวิดได้แต่งตั้งชาวเลวีบางคนให้ไปรับใช้อยู่ต่อหน้าหีบของพระยาห์เวห์ เพื่อให้เฉลิมฉลองพระเกียรติ ขอบคุณและสรรเสริญพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล อาสาฟได้เป็นหัวหน้าและมีเศคาริยาห์เป็นผู้ช่วย ยังมี เยอีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล มัททีธิยาห์ เอลีอับ เบไนยาห์ โอเบดเอโดม และเยอีเอล เป็นผู้เล่นพิณใหญ่และพิณเล็ก ส่วนอาสาฟเป็นคนตีฉาบ นักบวชเบไนยาห์กับนักบวชยาฮาซีเอลเป็นคนเป่าแตรอยู่ต่อหน้าหีบแห่งคำสัญญาของพระเจ้าเป็นประจำ แล้วในวันนั้นเอง ดาวิดก็ได้ทำหน้าที่เป็นผู้นำในการขอบคุณพระยาห์เวห์ โดยอาศัยอาสาฟและญาติๆของอาสาฟคอยช่วยเหลือ

เพลงขอบคุณของดาวิด

(สดด. 105:1-15; 96:1-13; 106:47-48)

ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์ ให้กระจายชื่อเสียงของพระองค์ออกไป
    ให้บอกชนชาติทั้งหลายถึงสิ่งที่พระองค์ทำ
ให้ร้องเพลงให้กับพระองค์ ให้ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
    ใคร่ครวญถึงสิ่งน่าทึ่งทั้งหมดที่พระองค์ได้ทำ
10 โอ้อวดถึงชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
    ขอให้คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระยาห์เวห์มีความสุขเถิด
11 ให้แสวงหาพระยาห์เวห์และพละกำลังที่มาจากพระองค์เถิด
    ให้แสวงหาหน้าของพระองค์อยู่เสมอ
12 ให้ระลึกถึงเรื่องน่าทึ่งทั้งหลายที่พระองค์ทำ
    ให้ระลึกถึงการอัศจรรย์ต่างๆที่พระองค์ทำและคำตัดสินทั้งหลายที่ออกมาจากปากของพระองค์
13 ลูกหลานของอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์เอ๋ย
    ลูกหลานของยาโคบพวกที่พระองค์ได้เลือกไว้เอ๋ย
14 พระองค์คือพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเรา
    คำตัดสินทั้งหลายของพระองค์จะเป็นจริงอย่างนั้นในทุกหนแห่งทั่วโลก
15 อย่างนั้น ให้จดจำข้อตกลงของพระองค์ตลอดไป
    คือคำสัญญาที่พระองค์ทำไว้กับคนของพระองค์เป็นพันรุ่น
16 พระองค์จะรักษาคำสัญญาที่ทำไว้กับอับราฮัม
    และคำสาบานของพระองค์ที่ให้ไว้กับอิสอัค
17 พระองค์ทำให้มันเป็นกฎสำหรับยาโคบ
    และเป็นข้อตกลงให้กับอิสราเอลตลอดไป
18 พระองค์พูดว่า “เราจะมอบดินแดนคานาอัน
    ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าตลอดไป”
19 พระองค์ได้ทำสิ่งนี้ตอนที่พวกเขายังมีกันอยู่ไม่กี่คน
    และยังเป็นคนต่างด้าวแค่กระจุกเดียวในดินแดนนั้นอยู่เลย
20 พวกเขาเร่ร่อนพเนจรจากชนชาติหนึ่งไปอีกชนชาติหนึ่ง
    จากอาณาจักรหนึ่งไปยังอีกอาณาจักรหนึ่ง
21 แต่พระเจ้าไม่ยอมให้ใครข่มเหงพวกเขา
    พระองค์ได้เตือนพวกกษัตริย์ทั้งหลายว่า
22 “อย่าแตะต้องคนเหล่านั้นที่เราได้เลือกไว้แล้ว
    อย่าได้ทำร้ายพวกผู้พูดแทนเรา”
23 ทุกคนบนโลกนี้ ร้องเพลงให้กับพระยาห์เวห์เถิด
    ให้ประกาศวันแล้ววันเล่าถึงความรอดที่มาจากพระองค์
24 ประกาศให้ชนชาติต่างๆรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์
    ประกาศให้ทุกคนรู้ถึงสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ทำ
25 เพราะพระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่และสมควรได้รับการสรรเสริญอย่างยิ่ง
    พระองค์น่ายำเกรงกว่าพระเจ้าทั้งปวง
26 เพราะพระเจ้าทั้งสิ้นของชนชาติเหล่านั้นเป็นแค่รูปเคารพ
    แต่พระยาห์เวห์เป็นผู้ที่สร้างฟ้าสวรรค์
27 รัศมีและบารมีของพระองค์แผ่กระจายออกมาจากพระองค์
    อำนาจและความชื่นบานอยู่ในบ้านของพระองค์
28 ตระกูลของชนชาติต่างๆทั่วโลกเอ๋ย ให้สรรเสริญพระยาห์เวห์
    สำหรับสง่าราศีและพละกำลังของพระยาห์เวห์เถิด
29 ให้สรรเสริญพระยาห์เวห์สำหรับชื่ออันมีสง่าราศีของพระองค์
    ให้นำเครื่องบูชาเข้ามาอยู่ต่อหน้าพระองค์
    ให้ก้มกราบลงต่อหน้าพระยาห์เวห์ในวิหารอันสง่างามของพระองค์
30 มนุษย์บนแผ่นดินโลกทุกคนเอ๋ย ให้ตัวสั่นเทิ้มเมื่ออยู่เบื้องหน้าพระองค์เถิด
    โลกทั้งใบก็อยู่อย่างมั่นคงจะไม่มีวันสั่นคลอน
31 ขอให้ฟ้าสวรรค์เฉลิมฉลองกัน ขอให้แผ่นดินโลกชื่นชมยินดี
    ให้คนพูดกันท่ามกลางชนชาติทั้งหลายๆว่า “พระยาห์เวห์ทรงครอบครอง”
32 ขอให้ทะเลและทุกสิ่งทุกอย่างในทะเลนั้นโห่ร้องยินดี
    ให้ท้องทุ่งและทุกสิ่งทุกอย่างในมันร่าเริงยินดี
33 ขอให้ต้นไม้ในป่าชื่นชมยินดีต่อหน้าพระยาห์เวห์
    เมื่อพระองค์กำลังเสด็จมา พระองค์กำลังมาตัดสินแผ่นดินโลกนี้
34 ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์เพราะพระองค์นั้นดีแท้
    ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
35 ให้ท่านพูดว่า
“ข้าแต่พระเจ้า ผู้ช่วยให้รอดของพวกเรา ได้โปรดช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด
    โปรดรวบรวมและช่วยพวกเราให้รอดพ้นจากชนชาติต่างๆ
เพื่อพวกเราจะได้ขอบคุณชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
    แล้วจะได้โอ้อวดถึงสิ่งน่าสรรเสริญทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำ
36 ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
    ผู้เป็นอยู่ตลอดมาและจะคงอยู่ตลอดไป
แล้วประชาชนทั้งหลายก็พูดว่า ‘อาเมน’ และพวกเขาได้สรรเสริญพระยาห์เวห์”

37 ดาวิดได้ทิ้งให้อาสาฟกับญาติๆของเขาไว้ ให้อยู่ต่อหน้าหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์ เพื่อรับใช้ประจำต่อหน้าหีบตามงานที่ต้องทำในแต่ละวันนั้น 38 ดาวิดก็ได้ให้โอเบดเอโดมและเยฮียาห์กับญาติๆของพวกเขาอีกหกสิบแปดคน อยู่ที่นั่นด้วย โอเบดเอโดมลูกชายของเยดูธูนกับโฮสาห์เป็นคนเฝ้าประตู

39 และที่หน้าเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ ของพระยาห์เวห์ ที่ตั้งอยู่ในสถานที่สูง ในกิเบโอน มีนักบวชศาโดกและเหล่านักบวชเพื่อนๆของเขา 40 ทำหน้าที่เผาสัตว์ทั้งตัวบนแท่นบูชาถวายเป็นเครื่องบูชาให้กับพระยาห์เวห์เป็นประจำทุกเช้าเย็นตามทุกสิ่งที่ได้เขียนไว้ในกฏของพระยาห์เวห์ ที่พระองค์ได้สั่งไว้กับชนชาติอิสราเอล 41 ยังมีเฮมาน เยดูธูนและคนอื่นๆที่ได้รับเลือกและถูกระบุชื่อไว้ให้อยู่ที่นั่นเพื่อร้องเพลงขอบคุณพระยาห์เวห์ อย่างเช่น “เพราะความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป”[v] 42 มีพวกแตรและฉาบอยู่ที่นั่นกับเฮมานและเยดูธูนด้วย เพื่อให้คนเหล่านั้นใช้มันเล่นบรรเลงประกอบเพลงถวายให้กับพระเจ้า และบรรดาลูกชายของเยดูธูนเป็นคนเฝ้าประตู

43 แล้วประชาชนทั้งหมดก็กลับบ้าน และดาวิดก็กลับวังของเขาเพื่อที่จะไปอวยพรให้กับครอบครัวของเขา

พระเจ้าให้สัญญากับดาวิด

(2 ซมอ. 7:1-17)

17 เมื่อดาวิดได้เข้ามาอยู่ในบ้านของเขาแล้ว เขาก็ได้พูดกับนาธันผู้พูดแทนพระเจ้าว่า “ดูสิ เราได้ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านที่สร้างจากไม้สนซีดาร์ แต่หีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์ยังอยู่ในเต็นท์เลย”

นาธันจึงตอบดาวิดไปว่า “อยากทำอะไรก็ทำไปเถิด เพราะพระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน”

แต่ในคืนนั้นเอง คำพูดของพระเจ้าก็มาถึงนาธันว่า

“ให้ไปบอกกับดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด ‘ไม่ใช่เจ้าหรอกที่จะเป็นคนสร้างบ้านให้เราอยู่ นับตั้งแต่วันที่เราได้นำชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์มาจนถึงทุกวันนี้ เรายังไม่เคยอาศัยอยู่ในบ้านมาก่อน แต่เราได้ย้ายจากเต็นท์นี้ไปเต็นท์โน้น ย้ายจากที่พักนี้ไปที่พักโน้น ไม่ว่าเราได้ย้ายไปไหนก็ตามทั่วทั้งอิสราเอล เราเคยพูดกับพวกผู้นำของอิสราเอลที่เราได้สั่งให้คอยดูแลประชาชนของเราหรือเปล่าว่า ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ได้สร้างบ้านที่ทำจากไม้สนซีดาร์ให้กับเรา’”

“เจ้าจะต้องไปพูดกับดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด “เราได้นำเจ้ามาจากทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ จากการไล่ต้อนฝูงแพะแกะ มาเป็นผู้ปกครองเหนือประชาชนอิสราเอลของเรา และเราได้อยู่กับเจ้าในทุกๆที่ที่เจ้าไป เราได้กำจัดศัตรูทั้งหมดของเจ้าออกไปต่อหน้าเจ้า เราจะทำให้เจ้าเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งบนโลกนี้ และเราจะหาสถานที่ให้กับประชาชนชาวอิสราเอลของเรา เราจะปลูกฝังพวกเขาไว้ที่นั่น เพื่อพวกเขาจะได้อาศัยอยู่ที่นั่นและไม่ถูกรบกวนอีกต่อไป พวกคนชั่วที่เคยกดขี่พวกเขาก็จะไม่สามารถทำกับพวกเขาอย่างที่เคยทำมาก่อนได้อีก 10 สิ่งเลวร้ายเหล่านั้นเกิดขึ้น แต่เราได้แต่งตั้งพวกผู้นำขึ้นเหนือประชาชนชาวอิสราเอลของเรา และเราจะปราบปรามพวกศัตรูทั้งหมดของเจ้า แล้วเราขอบอกเจ้าว่า เป็นเราเองยาห์เวห์ที่จะสร้างบ้านให้กับเจ้า[w] 11 เมื่อวันเวลาของเจ้าครบแล้ว และเจ้าได้ไปอยู่กับบรรพบุรุษของเจ้า แล้วเราจะทำให้เลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้า คือลูกชายคนหนึ่งของเจ้าได้ครองบัลลังก์สืบต่อจากเจ้า และเราก็จะตั้งให้อาณาจักรของเขามั่นคง 12 เขาจะเป็นคนที่สร้างบ้านให้กับเรา และเราก็จะตั้งให้บัลลังก์ของเขามั่นคงตลอดไป 13 เราจะเป็นพ่อของเขาและเขาก็จะเป็นลูกชายของเรา เราจะไม่เอาความรักมั่นคงของเราไปจากตัวเขาอย่างที่เราเคยเอาไปจากซาอูลผู้ที่เคยอยู่ก่อนหน้าเจ้า 14 แต่เราจะแต่งตั้งเขาในบ้านและอาณาจักรของเราตลอดไป แล้วบัลลังก์ของเขาก็จะมั่นคงตลอดไป”’”

15 นาธันบอกดาวิดเรื่องนิมิตและทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าพูด

คำอธิษฐานของดาวิด

(2 ซมอ. 7:18-29)

16 แล้วกษัตริย์ดาวิดก็ได้เข้าไปนั่งอยู่ในเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ต่อหน้าพระยาห์เวห์ และพูดว่า

“ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้า ข้าพเจ้าเป็นใครและครอบครัวของข้าพเจ้าเป็นใครกันหรือ พระองค์ถึงได้ทำสิ่งต่างๆให้กับข้าพเจ้ามากมายขนาดนี้ 17 แต่ดูเหมือนว่ามันยังน้อยไปในสายตาของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ยังได้สัญญาเกี่ยวกับครอบครัวของผู้รับใช้ของพระองค์ที่ยังมาไม่ถึง และพระองค์ยังทำกับข้าพเจ้าราวกับเป็นคนสำคัญมาก 18 มีอะไรอีกไหมที่ข้าพเจ้าจะทำให้กับพระองค์ได้ ให้สมกับที่พระองค์ให้เกียรติกับข้าพเจ้าผู้รับใช้พระองค์ พระองค์เองก็รู้จักผู้รับใช้พระองค์ดี 19 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดนี้ไป พระองค์ทำเพื่อเห็นแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ทำตามที่พระองค์อยากทำ สิ่งที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้พระองค์ทำให้คนรู้กันไปทั่ว 20 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ไม่มีใครเหมือนกับพระองค์อีกแล้ว และไม่มีพระเจ้าองค์ไหนอีกนอกจากพระองค์เท่านั้น ทุกอย่างที่เราได้ยินมาทำให้เราเชื่อว่าเรื่องนี้จริง 21 และจะมีใครเป็นเหมือนอิสราเอลชนชาติของพระองค์เล่า เป็นชาติเดียวในโลกที่พระเจ้าได้ไถ่ออกมาจากการเป็นทาส เพื่อจะได้มาเป็นประชาชนของพระองค์เอง พระองค์ได้สร้างชื่อเสียงให้กับพระองค์เองด้วยการกระทำอันยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามเหล่านี้ โดยการขับไล่ชนชาติต่างๆออกไป เพื่อเปิดทางให้กับประชาชนของพระองค์ ผู้ที่พระองค์ได้ไถ่ออกมาจากการเป็นทาสในประเทศอียิปต์ 22 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทำให้ประชาชนชาวอิสราเอลของพระองค์ เป็นชนชาติของพระองค์ตลอดไป และตัวพระองค์เองก็ได้มาเป็นพระเจ้าของพวกเขา

23 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้คำสัญญาที่พระองค์ได้พูดไว้เกี่ยวกับผู้รับใช้ของพระองค์ และครอบครัวของเขานั้นอยู่อย่างมั่นคงตลอดไปเถิด และขอให้พระองค์ทำตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้ 24 เพื่อมันจะได้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ และชื่อเสียงของพระองค์จะยิ่งใหญ่ตลอดไป เมื่อคนพูดกันว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของชาวอิสราเอลนั้น เป็นพระเจ้าของชนชาติอิสราเอลจริงๆ’ และเพื่อครอบครัวของข้าพเจ้าจะได้ตั้งมั่นคงอยู่ต่อหน้าพระองค์

25 เพราะพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้าได้เปิดเผยกับผู้รับใช้ของพระองค์แล้วว่า พระองค์จะสร้างบ้านให้เขา ผู้รับใช้ของพระองค์จึงกล้าที่จะมาอธิษฐานต่อหน้าของพระองค์ 26 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์คือพระเจ้า และตอนนี้ พระองค์ได้สัญญาสิ่งดีสิ่งนี้กับผู้รับใช้ของพระองค์ 27 ตอนนี้ พระองค์เห็นดีด้วยที่จะอวยพรให้กับครอบครัวของผู้รับใช้พระองค์ ซึ่งมันจะคงอยู่ตลอดไปต่อหน้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์อวยพรใคร คนนั้นก็จะได้รับพระพรตลอดไป”

ดาวิดได้ชัยชนะเหนือชาติต่างๆ

(2 ซมอ. 8:1-14)

18 ต่อมาภายหลัง ดาวิดได้โจมตีชาวฟีลิสเตียและเอาชนะพวกเขาได้และทำให้พวกนั้นอยู่ใต้บังคับ เขาได้ยึดเมืองกัทและหมู่บ้านโดยรอบไว้ได้จากพวกฟีลิสเตีย

ดาวิดยังได้เอาชนะพวกโมอับ และประชาชนชาวโมอับก็กลายเป็นทาสของดาวิดที่ต้องคอยส่งส่วยให้กับเขา

ดาวิดต่อสู้กับกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์แห่งเมืองโศบาห์ไปจนถึงฮามัท ตอนที่ดาวิดไปตั้งอนุสาวรีย์ให้กับตัวเองที่ลุ่มแม่น้ำยูเฟรตีส ดาวิดยึดเอารถรบไว้ได้หนึ่งพันคัน ทหารม้าเจ็ดพันคน และทหารเดินเท้าสองหมื่นคนมาจากกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ และยังได้ตัดเส้นเอ็นที่ขาหลังของม้าทุกตัว เหลือไว้เพียงหนึ่งร้อยตัวสำหรับลากรถรบ

เมื่อชาวอารัมแห่งเมืองดามัสกัสมาช่วยกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ของเมืองโศบาห์ ดาวิดได้ฆ่าทหารชาวอารัมตายไปสองหมื่นสองพันคน แล้วดาวิดก็ได้จัดกำลังทหารไว้จำนวนหนึ่งให้อยู่ในเขตของชาวอารัมที่มีดามัสกัสเป็นเมืองหลวง และประชาชนชาวอารัมก็กลายเป็นทาสของดาวิดที่ต้องส่งส่วยให้กับเขา พระยาห์เวห์ได้ให้ชัยชนะกับดาวิดในทุกๆที่ที่เขาไป

ดาวิดได้ยึดเอาโล่ทองคำที่พวกนายทหารของกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ถือ แล้วเอาพวกมันไปไว้ที่เมืองเยรูซาเล็ม และยังได้ยึดเอาทองสัมฤทธิ์จำนวนมากมายมหาศาลมาจากเมืองเทบาห์และเมืองคูน ซึ่งเป็นเมืองของกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์ไว้ด้วย ซึ่งต่อมาภายหลังซาโลมอนได้ใช้ทองสัมฤทธิ์นี้ทำขันทะเล[x] และเสาหลายต้น รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้อีกหลายอย่างสำหรับวิหาร

เมื่อกษัตริย์โทอูแห่งเมืองฮามัทได้ยินข่าวว่า ดาวิดเอาชนะกองทัพทั้งหมดของกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์แห่งเมืองโศบาห์ได้ 10 เขาจึงส่งฮาโดรัมลูกชายของเขามาพบกษัตริย์ดาวิดเพื่อถามทุกข์สุขและแสดงความยินดีกับดาวิด เพราะกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์เคยมาทำสงครามและเอาชนะกษัตริย์โทอูมาก่อน ฮาดัดเอเซอร์ทำสงครามกับโทอูบ่อยๆ กษัตริย์โทอูยังให้ฮาโดรัมขนของทุกชนิดที่ทำจากทอง เงินและทองสัมฤทธิ์ นำมาให้กับกษัตริย์ดาวิดด้วย 11 กษัตริย์ดาวิดได้เอาทองและเงินที่เขายึดมาได้จากชาติต่างๆคือ เอโดม โมอับ ชาวอัมโมน ชาวฟีลิสเตียและชาวอามาเลค มาอุทิศให้กับพระยาห์เวห์

12 อาบีชัยลูกชายของนางเศรุยาห์ได้ฆ่าชาวเอโดมหนึ่งหมื่นแปดพันคนตายในหุบเขาเกลือ 13 เขาได้จัดกำลังทหารจำนวนหนึ่งให้อยู่ในเอโดมและประชาชนชาวเอโดมทั้งหมดก็กลายเป็นทาสของดาวิด และพระยาห์เวห์ให้ชัยชนะกับดาวิดในทุกที่ที่ดาวิดไป

ข้าราชการคนสำคัญของดาวิด

(2 ซมอ. 8:15-18; 20:23-26)

14 ดาวิดได้เป็นกษัตริย์เหนือชนชาติอิสราเอลทั้งหมด และเขาได้ให้ความยุติธรรมและความถูกต้องกับประชาชนทั้งหมดของเขา 15 โยอาบลูกชายของนางเศรุยาห์ได้เป็นแม่ทัพ เยโฮชาฟัทลูกชายของอาหิลูดเป็นเลขานุการ 16 ศาโดกลูกชายของอาหิทูบและอาหิเมเลคลูกชายของอาบียาธาร์เป็นนักบวช ชาวชาเป็นผู้จดบันทึก[y] 17 เบไนยาห์ลูกชายของเยโฮยาดาเป็นแม่ทัพของชาวเคเรธีและชาวเปเลท[z] และบรรดาลูกชายของดาวิดได้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่คอยอยู่เคียงข้างกษัตริย์

ดาวิดรบชนะอัมโมนกับอารัม

(2 ซมอ. 10:1-19)

19 ต่อมา กษัตริย์นาหาชของชาวอัมโมนตาย และลูกชายของเขาขึ้นเป็นกษัตริย์แทน ดาวิดพูดว่า “เราจะดีกับฮานูนที่เป็นลูกชายของนาหาช เพราะพ่อของเขาดีกับเรามาก่อน” ดังนั้น ดาวิดจึงส่งคนส่งข่าวหลายคนมาแสดงความเสียใจกับฮานูนที่พ่อของเขาตาย เมื่อบรรดาตัวแทนของดาวิดมาถึงเมืองของพวกอัมโมนและมาพบกับฮานูนเพื่อที่จะแสดงความเสียใจกับเขา

พวกเจ้าหน้าที่ชาวอัมโมนพูดกับฮานูนว่า “ท่านคิดว่าดาวิดกำลังให้เกียรติกับพ่อของท่าน เพราะเขาได้ส่งคนเหล่านี้มาปลอบโยนท่านอย่างนั้นหรือ ตัวแทนของเขามาพบกับท่านเพื่อจะมาสำรวจ และสอดแนมแผ่นดินของท่านเพื่อจะได้ทำลายมันต่างหากเล่า” ฮานูนจึงจับบรรดาตัวแทนของดาวิดมาและโกนเครา[aa] พวกเขาและฮานูนก็ได้ตัดเสื้อผ้าของพวกเขาออกข้างหนึ่งตั้งแต่สะโพกลงไป และได้ขับไล่พวกเขาออกไป

มีคนมาบอกข่าวเกี่ยวกับคนเหล่านี้ให้ดาวิดฟัง และดาวิดก็ได้ส่งผู้ส่งข่าวหลายคนมาพบพวกเขา เพราะพวกเขารู้สึกอับอายมาก กษัตริย์ดาวิดได้พูดว่า “ให้อยู่ในเยริโคต่อไปจนกว่าเคราของพวกท่านจะงอกออกมาใหม่ แล้วค่อยกลับมา”

เมื่อพวกอัมโมนรู้ว่าพวกเขาได้ทำให้ดาวิดเกลียด ฮานูนกับพวกอัมโมนจึงได้เอาเงินประมาณสามสิบสี่ตันไปจ้างรถรบกับทหารม้าจากเมโสโปเตเมีย จากอารัม-มาอาคาห์ และจากโศบาห์ พวกเขายังได้จ้างรถรบสามหมื่นสองพันคันและกษัตริย์ของมาอาคาห์ รวมทั้งกองทัพของเขามาด้วย และพวกเขาทั้งหมดก็ได้มาตั้งค่ายอยู่ใกล้กับเมืองเมเดบา พวกอัมโมนได้เรียกชุมนุมคนของพวกเขาทั้งหมดจากเมืองต่างๆเพื่อมาสู้รบด้วย

เมื่อดาวิดได้ยินข่าวนี้ เขาก็ได้ส่งโยอาบและกองทัพทั้งหมดไปที่นั่น พวกอัมโมนได้ออกมาตั้งแถวเตรียมสู้รบอยู่ที่ประตูเมือง ส่วนบรรดากษัตริย์ที่เข้าร่วมรบด้วยต่างก็ตั้งทัพอยู่ที่ท้องทุ่ง

10 โยอาบเห็นว่ามีกองทัพตั้งขนาบเขาอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เขาจึงได้เลือกทหารที่ฝีมือดีที่สุดของอิสราเอลมาจำนวนหนึ่ง และให้พวกเขามาอยู่ในตำแหน่งที่ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพของพวกอารัม 11 เขาให้กองทัพที่เหลืออยู่ภายใต้การควบคุมของอาบีชัยน้องชายของเขา และพวกเขาทั้งหมดต่างก็ตั้งทัพเผชิญหน้ากับพวกอัมโมน 12 โยอาบพูดว่า “ถ้าอารัมแข็งแกร่งเกินไปสำหรับเรา ท่านต้องมาช่วยเหลือเรา และถ้าพวกอัมโมนแข็งแกร่งเกินไปสำหรับท่าน เราก็จะไปช่วยท่าน 13 กล้าหาญไว้ ให้เราสู้ให้สมกับชายชาติทหารเพื่อคนของเราและเพื่อเมืองทั้งหลายของพระเจ้าของเรา และขอให้พระยาห์เวห์ทำในสิ่งที่พระองค์เห็นว่าดีเถิด”

14 โยอาบกับกองทัพของเขาบุกเข้าสู้รบกับพวกอารัม และพวกอารัมต่างถอยหนีพวกเขา 15 เมื่อพวกอัมโมนเห็นว่าพวกอารัมวิ่งหนี พวกเขาจึงวิ่งหนีจากอาบีชัยที่เป็นน้องชายของโยอาบด้วย และหนีเข้าเมืองของพวกเขาไป แล้วโยอาบก็กลับเมืองเยรูซาเล็ม

16 เมื่ออารัมเห็นว่าพวกเขาพ่ายแพ้แก่ชาวอิสราเอลแล้ว พวกเขาจึงได้ส่งพวกผู้ส่งข่าวเพื่อไปนำชาวอารัมมาจากอีกฝั่งของแม่น้ำยูเฟรติส โดยมีโชฟัคที่เป็นแม่ทัพของกองทัพฮาดัดเอเซอร์มาเป็นผู้นำทัพ

17 มีคนมารายงานเรื่องนี้ให้กับดาวิด เขาจึงได้รวบรวมชาวอิสราเอลทั้งหมดเดินทางข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป และได้มาพบกับกองทัพของชาวอารัมนั้น เขาได้จัดเตรียมกองทัพเผชิญหน้ากับพวกอารัม และได้สู้รบกับพวกเขา 18 พวกอารัมต่างวิ่งหนีชาวอิสราเอล และดาวิดกับกองทัพของเขาได้ฆ่าทหารรถรบตายถึงเจ็ดพันคน ทหารเดินเท้าอีกสี่หมื่นคน และยังได้ฆ่าแม่ทัพโชฟัคตายด้วย

19 เมื่อพวกคนรับใช้ของฮาดัดเอเซอร์เห็นว่าพวกเขาพ่ายแพ้แก่ชาวอิสราเอล จึงได้ขอสงบศึกกับดาวิดและยอมเป็นทาสของเขา ดังนั้นพวกอารัมจึงไม่ยอมช่วยเหลือพวกอัมโมนอีก

โยอาบทำลายพวกอัมโมน

(2 ซมอ. 12:26-31)

20 เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิของปีต่อไป ซึ่งเป็นช่วงที่บรรดากษัตริย์ต่างออกไปทำสงครามกัน โยอาบได้นำกองทัพออกไปทำลายแผ่นดินของพวกอัมโมนและได้ล้อมเมืองรับบาห์ไว้ ส่วนดาวิดยังอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม โยอาบได้เข้าโจมตีเมืองรับบาห์และสามารถทำลายมันได้

ดาวิดได้ปลดเอามงกุฎออกจากหัวของกษัตริย์ของพวกเขา[ab] ดาวิดพบว่ามงกุฎทองคำนี้หนักเกือบสามสิบห้ากิโลกรัม[ac] และมีพลอยมีค่ามากมายประดับอยู่ พวกเขาได้เอามงกุฎนี้มาสวมไว้บนหัวของดาวิด และดาวิดได้ขนเอาของมีค่าจำนวนมากมายมหาศาลไปจากเมืองนั้น ดาวิดได้นำผู้คนที่อยู่ในเมืองรับบาห์ออกไปจากเมือง และบังคับให้ไปทำงานด้วยเลื่อย เหล็กขุด และขวาน ดาวิดทำอย่างเดียวกันนี้กับทุกเมืองของพวกอัมโมน แล้วดาวิดจึงยกทัพกลับเมืองเยรูซาเล็ม

พวกยักษ์ชาวฟีลิสเตียถูกฆ่าตาย

(2 ซมอ. 21:18-22)

ต่อมาภายหลัง เกิดสงครามกับชาวฟีลิสเตียในเมืองเกเซอร์ ในเวลานั้นสิบเบคัยชาวหุชาห์ได้ฆ่าสิปปัยซึ่งเป็นลูกหลานของชาวเรฟาอิมร่างยักษ์ตาย และพวกฟีลิสเตียยอมแพ้

หลังจากนั้น ก็เกิดสงครามกับชาวฟีลิสเตียขึ้นอีกครั้ง และเอลฮานันลูกชายยาอีร์ได้ฆ่าลามีน้องชายของโกลิอัทที่เป็นชาวกัทตาย ลามีผู้นี้ใช้หอกที่มีด้ามหนักเหมือนกับไม้ฟั่นทอผ้า[ad]

ในเวลาต่อมา ก็มีสงครามกับชาวกัทเกิดขึ้นอีก และได้มีชายร่างยักษ์คนหนึ่งที่มีนิ้วมือและนิ้วเท้าข้างละหกนิ้วรวมยี่สิบสี่นิ้ว เขาเป็นลูกหลานของเรฟาอิมร่างยักษ์ด้วย เขาได้มาพูดเหน็บแนมชาวอิสราเอล โยนาธานที่เป็นลูกชายของชิเมอาพี่ชายของดาวิดได้ฆ่าเขาตาย

คนเหล่านี้ล้วนเป็นลูกหลานของเรฟาอิมร่างยักษ์ในเมืองกัทและพวกเขาก็ถูกฆ่าตายด้วยฝีมือของดาวิดและคนของเขา

ดาวิดบาปเพราะนับชาวอิสราเอล

(2 ซมอ. 24:1-25)

21 ซาตานได้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับอิสราเอล และยุให้ดาวิดนับประชาชนชาวอิสราเอล ดาวิดได้พูดกับโยอาบและพวกแม่ทัพว่า “ให้ไปนับประชาชนชาวอิสราเอลตั้งแต่เบเออร์เชบาไปจนถึงดาน แล้วกลับมารายงานเรา เราจะได้รู้จำนวนของพวกเขา”

แต่โยอาบพูดว่า “ขอให้พระยาห์เวห์เพิ่มจำนวนของประชาชนของพระองค์ขึ้นอีกร้อยเท่าจากที่พวกเขาเป็นอยู่ขณะนี้เถิด ท่านกษัตริย์ คนอิสราเอลทั้งหมดล้วนเป็นคนรับใช้ของท่านมิใช่หรือ ทำไมท่านถึงต้องการทำอย่างนี้ด้วย ทำไมถึงให้สิ่งนี้ต้องกลายเป็นความบาปของชนชาติอิสราเอลด้วยเล่า”

แต่กษัตริย์ยังคงยืนกรานคำสั่งที่ให้กับโยอาบไป ดังนั้นโยอาบจึงได้ออกเดินทางไปทั่วทั้งแผ่นดินอิสราเอล แล้วจึงกลับมาเมืองเยรูซาเล็ม โยอาบได้เสนอรายงานการนับประชาชนให้กับดาวิด ชาวอิสราเอลทั้งหมดมีผู้ชายหนึ่งล้านหนึ่งแสนคนที่สามารถใช้ดาบได้ และผู้ชายชาวยูดาห์ที่ใช้ดาบได้มีจำนวนสี่แสนเจ็ดหมื่นคน โยอาบไม่ได้นับชาวเลวีและชาวเบนยามินรวมไปด้วย เพราะเขาไม่ชอบคำสั่งนี้ของกษัตริย์ พระเจ้าก็ไม่พอใจคำสั่งนี้ด้วย ดังนั้นพระองค์จึงลงโทษชาวอิสราเอล

ดาวิดพูดกับพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าได้ทำบาปอย่างใหญ่หลวงที่ได้ทำสิ่งนี้ลงไป แต่ตอนนี้ขอโปรดเอาความผิดของข้าพเจ้าผู้รับใช้พระองค์ไปด้วยเถิด เพราะข้าพเจ้าได้ทำตัวโง่เขลาไป”

พระยาห์เวห์ได้พูดกับกาด ผู้ที่เห็นนิมิตของดาวิดว่า 10 “ให้ไปบอกกับดาวิดว่า ‘พระยาห์เวห์พูดว่า เรามีสามทางให้เจ้าเลือก เลือกมาทางหนึ่ง แล้วเราจะทำกับเจ้าตามนั้น’”

11 ดังนั้น กาดจึงไปพบดาวิดและได้พูดกับเขาว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด เลือกมาอย่างหนึ่ง 12 คือ อดอยากสามปี หรือ วิ่งหนีศัตรูที่เอาดาบไล่ล่าเจ้าสามเดือน หรือสามวันของดาบของพระยาห์เวห์ ซึ่งก็คือโรคระบาดร้ายแรงในแผ่นดินนี้ พร้อมกับทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ที่จะลงมาทำลายล้างประชาชนที่อยู่ทั่วทั้งเขตแดนของชนชาติอิสราเอล ตอนนี้ ให้ท่านคิดดูว่าจะให้ข้าพเจ้านำคำตอบอันไหนไปให้กับผู้ที่ส่งข้าพเจ้ามา”

13 ดาวิดจึงตอบกาดไปว่า “เรากลุ้มใจมาก เราขอตกอยู่ในกำมือของพระยาห์เวห์ เพราะความเมตตาของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่นัก แต่ขออย่าให้เราตกไปอยู่ในกำมือของพวกมนุษย์เลย”

14 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงได้ส่งโรคระบาดร้ายแรงมาสู่ชนชาติอิสราเอลทำให้มีคนตายเจ็ดหมื่นคน 15 และพระเจ้าก็ได้ส่งทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาที่เยรูซาเล็มเพื่อทำลายมัน แต่เมื่อทูตสวรรค์ได้เริ่มต้นการทำลาย พระยาห์เวห์มองดูแล้วก็เปลี่ยนใจไม่ทำลายล้างเยรูซาเล็ม พระองค์พูดกับทูตสวรรค์ที่กำลังทำลายเยรูซาเล็มอยู่นั้นว่า “พอเถิด รามือของท่านเถิด” ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์กำลังยืนอยู่ที่ลานนวดข้าวของโอรนันชาวเยบุส[ae]

16 ดาวิดมองขึ้นไปและได้เห็นทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ยืนอยู่ระหว่างสวรรค์กับพื้นโลก มือของท่านชักดาบออกมาและชี้ไปที่เมืองเยรูซาเล็ม แล้วดาวิดกับพวกผู้ใหญ่ที่แต่งกายด้วยผ้ากระสอบ[af] ก็ก้มหน้าลงถึงพื้นดิน 17 ดาวิดพูดกับพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนสั่งให้นับประชาชนพวกนี้เอง ข้าพเจ้าเป็นคนที่ได้ทำบาป และได้ทำความผิดลงไป แต่พวกลูกแกะพวกนี้ได้ทำอะไรผิดเล่า ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดลงโทษข้าพเจ้ากับครอบครัวของข้าพเจ้าเถิด อย่าไปลงโทษประชาชนของพระองค์ด้วยโรคระบาดร้ายแรงอย่างนี้เลย”

18 (ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ได้บอกกับกาดให้ไปบอกกับดาวิดให้ไปตั้งแท่นบูชาให้แก่พระยาห์เวห์บนลานนวดข้าวของโอรนันชาวเยบุส 19 ดังนั้น ดาวิดจึงได้ขึ้นไปทำตามคำพูดของกาดซึ่งเขาได้พูดไว้ในนามของพระยาห์เวห์)

20 โอรนันกำลังนวดข้าวสาลีอยู่ เขาได้หันมาเห็นทูตสวรรค์องค์นั้น พวกลูกชายทั้งสี่คนของเขาซึ่งอยู่กับเขาต่างก็วิ่งไปแอบ 21 เมื่อดาวิดมาหาเขา โอรนันเห็นดาวิด เขาก็เดินออกมาจากลานนวดข้าว ก้มลงกราบดาวิดจนหน้าจดพื้น

22 ดาวิดพูดกับโอรนันว่า “ขายลานนวดข้าวแห่งนี้ให้กับเราเถิด ขายให้กับเราเต็มราคาเลย เราจะได้สร้างแท่นบูชาให้แก่พระยาห์เวห์ขึ้นที่นี่ เพื่อที่ว่าโรคระบาดร้ายแรงจะได้หายไปจากประชาชน”

23 แล้วโอรนันก็ตอบดาวิดไปว่า “รับมันไปเถิด ขอให้กษัตริย์ผู้เป็นนายของข้าพเจ้าทำในสิ่งที่ท่านเห็นว่าดีเถิด ข้าพเจ้ายังจะให้วัวผู้อีกหลายตัวเป็นเครื่องเผาบูชา ให้เลื่อนนวดข้าวเป็นฟืน และให้ข้าวสาลีเพื่อเป็นเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช ข้าพเจ้าขอมอบทั้งหมดนี้ให้”

24 แต่กษัตริย์ดาวิดได้พูดกับโอรนันว่า “อย่าเลย เราจะขอซื้อของเหล่านี้เต็มราคา เพราะเราจะไม่เอาของๆท่านมาถวายบูชาพระยาห์เวห์ และเราจะไม่ยอมบูชาเครื่องเผาบูชาที่เราได้มาฟรีๆ”

25 ดังนั้น ดาวิดจึงจ่ายโอรนันไปด้วยทองคำหนักเจ็ดกิโลกรัม[ag] เป็นค่าสถานที่ 26 แล้วดาวิดก็ได้สร้างแท่นบูชาขึ้นแท่นหนึ่งที่นั่นให้กับพระยาห์เวห์ และได้บูชาเครื่องเผาบูชากับเครื่องบูชาอื่นๆเพื่อคืนดีกับพระเจ้า ดาวิดได้เรียกพระยาห์เวห์ และพระองค์ก็ได้ตอบเขาด้วยไฟจากสวรรค์ที่ลงมาบนแท่นบูชาสำหรับเครื่องเผาบูชานั้น 27 แล้วพระยาห์เวห์ได้สั่งทูตสวรรค์องค์นั้นให้เก็บดาบของท่านเข้าฝัก

28 ในเวลานั้น ดาวิดเห็นว่าพระยาห์เวห์ตอบรับเขาแล้วที่ลานนวดข้าวของโอรนันชาวเยบุส หลังจากที่เขาได้ถวายเครื่องบูชาให้กับพระองค์ที่นั่น 29 (ขณะนั้น เต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์ที่โมเสสได้สร้างขึ้นในทะเลทราย และแท่นบูชาสำหรับเครื่องเผาบูชาอยู่ในสถานที่สูงที่กิเบโอน 30 แต่ดาวิดไม่สามารถไปอยู่ต่อหน้าแท่นนั้นเพื่อขอคำปรึกษาจากพระเจ้าได้ เพราะเขาเกรงกลัวดาบของทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์)

22 ดาวิดพูดว่า “สถานที่นี้จะได้เป็นบ้าน[ah] ของพระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้าและนี่จะเป็นแท่นสำหรับเครื่องเผาบูชาของชาวอิสราเอล”

ดาวิดวางแผนสำหรับการสร้างวิหาร

ดาวิดได้สั่งให้รวบรวมชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอิสราเอล และได้แต่งตั้งพวกเขาให้เป็นช่างตัดหิน[ai] เพื่อไปตัดหินมาใช้สร้างวิหารที่จะเป็นบ้านของพระเจ้า ดาวิดยังได้จัดเตรียมเหล็กจำนวนมากเพื่อใช้เป็นตะปู และบานพับสำหรับบานประตู เหล็กหนีบและใช้ทองสัมฤทธิ์จำนวนมากมายมหาศาลเกินกว่าที่จะชั่งน้ำหนักได้ และใช้ไม้ซุงจากสนซีดาร์จำนวนมากจนไม่สามารถนับได้ เพราะชาวไซดอนและชาวไทระได้ส่งไม้ซุงจากสนซีดาร์จำนวนมากมายมาให้ดาวิด

ดาวิดคิดว่า “ซาโลมอนลูกชายของเรายังเด็กและยังไม่ประสีประสา และบ้านที่จะสร้างให้กับพระยาห์เวห์ต้องยิ่งใหญ่ รุ่งโรจน์และมีชื่อเสียงไปทั่วทุกประเทศ ดังนั้นเราจะต้องเตรียมการไว้ให้” แล้วดาวิดก็ได้จัดเตรียมสิ่งที่จะต้องใช้ในการก่อสร้างไว้มากมายก่อนที่เขาจะตาย

เขาได้เรียกตัวซาโลมอนลูกชายของเขาเข้ามา และสั่งเขาให้สร้างบ้านให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล ดาวิดพูดกับซาโลมอนว่า “ลูกเอ๋ย พ่อเองตั้งใจที่จะสร้างบ้านให้กับชื่อของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพ่อ แต่พระยาห์เวห์ได้ส่งข่าวมาถึงพ่อว่า ‘เจ้าได้ฆ่าคนไปมากมายและตัวเจ้าเองก็ได้ต่อสู้ในสงครามหลายครั้ง ดังนั้นเจ้าจะไม่ได้เป็นผู้ที่สร้างบ้านให้กับชื่อของเรา เพราะเจ้าได้ทำให้เลือดมากมายต้องไหลนองบนแผ่นดินต่อหน้าเรา ดูเถิด ลูกชายคนหนึ่งของเจ้าจะเกิดมาจากเจ้า เขาจะได้เป็นคนแห่งสันติภาพ และเราจะให้เขาได้หยุดพักจากการสู้รบกับศัตรูรอบด้าน เพราะเขาจะมีชื่อว่าซาโลมอน[aj] และเราจะให้เกิดสันติภาพและความสงบสุขกับชนชาติอิสราเอลในช่วงเวลาของเขา 10 เขาจะได้สร้างบ้านให้กับชื่อของเรา และจะได้เป็นลูกชายของเรา และเราก็จะเป็นพ่อของเขา เราจะทำให้บัลลังก์ของอาณาจักรของเขามั่นคงอยู่เหนือชนชาติอิสราเอลตลอดไป’

11 ตอนนี้ ลูกพ่อ ขอให้พระยาห์เวห์อยู่กับลูก เพื่อที่ลูกจะได้ประสบความสำเร็จและได้สร้างบ้านของพระยาห์เวห์พระเจ้าของลูก เหมือนกับที่พระองค์ได้พูดไว้เกี่ยวกับตัวลูก 12 ขอเพียงพระยาห์เวห์มอบสติปัญญาและความเข้าใจให้กับลูก เมื่อพระองค์วางลูกไว้อยู่เหนือชนชาติอิสราเอลเพื่อว่าลูกจะได้เชื่อฟังกฎของพระยาห์เวห์พระเจ้าของลูก 13 แล้วลูกจะประสบความสำเร็จถ้าลูกระมัดระวังที่จะทำตามคำสั่งสอนและกฏที่พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้กับโมเสสเพื่อชนชาติอิสราเอล ให้ลูกเข้มแข็งและกล้าหาญไว้ อย่าได้กลัวหรือท้อถอย

14 ดูเถิด พ่อได้ทำงานหนักเพื่อเตรียมของไว้สำหรับบ้านของพระยาห์เวห์ มีทองคำประมาณสามพันสี่ร้อยห้าสิบตัน[ak] เงินประมาณสามหมื่นสี่พันห้าร้อยตัน และทองสัมฤทธิ์กับเหล็กอีกมากมายจนนับไม่ถ้วน ยังมีไม้และก้อนหินด้วย ลูกจะเพิ่มเติมลงไปอีกก็ได้ 15 ลูกก็มีคนงานมากมายอยู่แล้ว มีทั้งช่างตัดหิน ช่างก่อตึก ช่างไม้และช่างฝีมือประเภทอื่นอีกจำนวนมาก 16 พวกเขาล้วนแต่มีความชำนาญในด้านการใช้ทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์และเหล็ก ลูกก็มีคนที่ชำนาญงานมากมายจนนับไม่ถ้วนอยู่แล้ว ให้ลงมือทำงานเถิด และขอให้พระยาห์เวห์สถิตอยู่กับลูก”

17 ดาวิดได้สั่งเจ้าหน้าที่ทั้งหมดของอิสราเอลให้คอยช่วยเหลือซาโลมอนลูกชายของเขา ดาวิดสั่งว่า 18 “พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านสถิตอยู่กับพวกท่านไม่ใช่หรือ และพระองค์ก็ได้ให้สันติภาพกับพวกท่านในทุกด้านแล้วไม่ใช่หรือ เพราะพระองค์ได้มอบคนในแผ่นดินนี้ให้อยู่ในมือเรา และเราก็ได้ชัยชนะเหนือแผ่นดินนี้ต่อหน้าพระยาห์เวห์และประชาชนของพระองค์ 19 ตอนนี้ ให้ตั้งจิตตั้งใจแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ให้ลุกขึ้นและสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้กับพระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้า[al] เพื่อว่าหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์ และของศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของพระองค์จะได้มาอยู่ในบ้านที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติกับชื่อของพระองค์”

ตารางรับใช้ของชาวเลวีในวิหาร

23 เมื่อดาวิดแก่ตัวลงและใกล้จะตาย เขาได้ให้ซาโลมอนลูกชายของเขาขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล ดาวิดได้รวบรวมพวกผู้นำของอิสราเอลทั้งหมดและบรรดานักบวชรวมทั้งชาวเลวี ดาวิดได้นับจำนวนชาวเลวีที่มีอายุสามสิบปีขึ้นไปได้ทั้งหมดสามหมื่นแปดพันคน ในจำนวนนี้มีสองหมื่นสี่พันคนที่จะต้องอยู่คอยกำกับดูแลงานภายในบ้านของพระยาห์เวห์ อีกหกพันคนเป็นพวกเจ้าหน้าที่ในศาลและพวกผู้พิพากษา อีกสี่พันคนเป็นคนเฝ้าประตู และอีกสี่พันคนที่เหลือทำหน้าที่สรรเสริญพระยาห์เวห์ด้วยเครื่องดนตรีที่ดาวิดได้สร้างไว้สำหรับการสรรเสริญพระยาห์เวห์

และดาวิดได้สั่งงานให้แก่พวกเขาโดยแยกพวกเขาออกเป็นสามกลุ่ม ตามจำนวนลูกชายสามคนของเลวี คือ เกอร์โชม โคฮาทและเมรารี

กลุ่มครอบครัวของเกอร์โชม

คนที่มาจากชาวเกอร์โชมคือ ลาดานและชิเมอี ลูกชายของลาดานมีสามคนคือ เยฮีเอลที่เป็นหัวหน้า เศธามและโยเอล

ลูกชายของชิเมอีมีสามคนคือ เชโลโมท ฮาซีเอลและฮาราน คนเหล่านี้ล้วนเป็นพวกหัวหน้าของตระกูลลาดาน

10 และเหล่าลูกชายของชิเมอีประกอบด้วย ยาหาท ศินา เยอูชและเบรียาห์ ทั้งสี่คนนี้คือลูกชายของชิเมอี 11 และยาหาทได้เป็นหัวหน้า รองลงมาคือศิซาห์ แต่เยอูชและเบรียาห์มีลูกชายไม่กี่คน ดังนั้นพวกเขาจึงถูกนับรวมเป็นตระกูลเดียวกันให้ทำงานอย่างเดียวกัน

กลุ่มครอบครัวของโคฮาท

12 เหล่าลูกชายของโคฮาทมีสี่คน คือ อัมราม อิสฮาร์ เฮโบรนและอุสซีเอล

13 บรรดาลูกชายของอัมรามคืออาโรนและโมเสส อาโรนถูกแยกออกมา เขาและลูกหลานของเขาถูกสงวนไว้ตลอดไป เพื่อทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เพื่อเผาเครื่องสัตวบูชาต่อหน้าพระยาห์เวห์ เพื่อรับใช้พระองค์และให้คำอวยพรในนามของพระองค์ตลอดไป

14 ส่วนโมเสสซึ่งเป็นคนของพระเจ้า พวกลูกชายของเขาถูกนับรวมเข้ากับเผ่าของเลวี 15 ลูกชายของโมเสสคือ เกอร์โชมและเอลีเยเซอร์ 16 ลูกชายของเกอร์โชมคือ เชบูเอลที่ได้เป็นหัวหน้า 17 ลูกชายของเอลีเอเซอร์คือเรหับยาห์ที่เป็นหัวหน้า เอลีเยเซอร์ไม่มีลูกชายคนอื่นๆอีกเลย แต่เรหับยาห์มีลูกชายหลายคน

18 ลูกชายของอิสฮาร์ คือ เชโลมิทที่เป็นหัวหน้า

19 ลูกชายของเฮโบรนคือ เยรียาห์ที่เป็นหัวหน้า รองลงมาคืออามาริยาห์ คนที่สามคือยาฮาซีเอลและคนที่สี่คือเยคาเมอัม

20 ลูกชายของอุสซีเอลคือ มีคาห์ที่เป็นหัวหน้าและรองลงมาคืออิสชีอาห์

กลุ่มครอบครัวของเมรารี

21 ลูกชายของเมรารีคือมาห์ลีและมูชี ลูกชายของมาห์ลีคือ เอเลอาซาร์และคีช

22 เอเลอาซาร์ตายไปโดยที่ยังไม่มีลูกชาย เขามีแต่ลูกสาวหลายคน พวกลูกชายของคีชที่เป็นญาติกับเขาจึงได้แต่งงานกับพวกนาง

23 ลูกชายของมูชี มีสามคนคือมาห์ลี เอเดอร์และเยเรโมท

งานของชาวเลวี

24 ต่อไปนี้คือรายชื่อลูกหลานของเลวีตามตระกูลของพวกเขา พวกหัวหน้าตระกูลได้ลงทะเบียนไว้ตามจำนวนสมาชิกที่มีชื่อของแต่ละคนที่สามารถทำงานรับใช้ในบ้านของพระยาห์เวห์ คือทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป

25 เพราะดาวิดได้พูดไว้ว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลได้ให้ประชาชนของพระองค์พักผ่อน และพระองค์ได้มาอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มตลอดไป 26 ดังนั้นพวกชาวเลวีจึงไม่จำเป็นต้องแบกเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ หรือของใดๆก็ตามที่ใช้กับเต็นท์อีกต่อไป”

27 เพราะคำพูดสุดท้ายที่ดาวิดได้สั่งไว้คือ ให้นับจำนวนลูกหลานของชาวเลวีทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป

28 แต่หน้าที่ของชาวเลวีเหล่านี้ คือการช่วยเหลือพวกลูกหลานของอาโรนในการรับใช้อยู่ในบ้านของพระยาห์เวห์ พวกเขาต้องทำหน้าที่ดูแลลานของวิหาร ห้องต่างๆด้านข้าง ต้องทำความสะอาดของศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่าง และทำงานทุกอย่างที่เป็นการรับใช้ภายในบ้านของพระเจ้า 29 รวมทั้งจัดการเกี่ยวกับเรื่องขนมปังศักดิ์สิทธิ์ที่วางอยู่บนโต๊ะที่อยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ เรื่องแป้งสาลีสำหรับเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เรื่องขนมปังที่ไม่ใส่เชื้อฟู เรื่องขนมแผ่นปิ้ง เรื่องขนมปังเคล้าน้ำมัน และเรื่องเครื่องตวงเครื่องวัดทุกขนาด 30 พวกเขามีหน้าที่ยืนขอบคุณและสรรเสริญพระยาห์เวห์ทุกเช้าเย็น 31 และทุกครั้งที่ประชาชนมาถวายเครื่องเผาบูชาทั้งตัวให้กับพระยาห์เวห์ในวันหยุดทางศาสนาวันพระจันทร์ใหม่[am] และวันเทศกาลต่างๆพวกเขาจะต้องมาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์เป็นประจำตามจำนวนคนที่ได้กำหนดไว้ 32 และพวกเขาจะต้องรักษากฎเกณฑ์ของเต็นท์นัดพบ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และพวกคำสั่งต่างๆที่ได้รับมาจากพวกลูกหลานของอาโรนญาติของพวกเขา ในเรื่องการรับใช้ภายในบ้านของพระยาห์เวห์

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International