Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 พงศาวดาร 23:16-35:15

16 แล้วเยโฮยาดาก็ได้ทำสัญญาว่า เขาและประชาชนทั้งหมดรวมทั้งกษัตริย์จะเป็นประชาชนของพระยาห์เวห์ 17 ประชาชนทั้งหมดไปที่วิหารของพระบาอัลและรื้อมันทิ้ง พวกเขาทุบพวกแท่นบูชา และรูปเคารพทั้งหลาย และฆ่ามัทธานที่เป็นนักบวชของพระบาอัลที่หน้าแท่นบูชาเหล่านั้น

18 แล้วเยโฮยาดาก็ได้ตั้งให้นักบวชชาวเลวีดูแลวิหารของพระยาห์เวห์ ตามที่ดาวิดเคยมอบหมายงานนี้ให้กับพวกเขาทำ พวกนี้จะต้องถวายเครื่องเผาบูชาทั้งตัว ให้กับพระยาห์เวห์ ตามกฎของโมเสส ด้วยใจชื่นบานและร้องเพลงตามที่ดาวิดได้สั่งไว้ 19 เยโฮยาดายังจัดเวรยามไว้เฝ้าประตูต่างๆของวิหารของพระยาห์เวห์ เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่ไม่บริสุทธิ์เข้ามาในวิหาร

20 เยโฮยาดาพาพวกนายร้อย พวกขุนนาง พวกผู้ปกครองประชาชนและประชาชนของดินแดนนี้ทั้งหมดรวมทั้งกษัตริย์ลงมาจากวิหารของพระยาห์เวห์ พวกเขาเข้าไปในวังผ่านทางประตูด้านบนและให้กษัตริย์นั่งบนบัลลังก์ 21 และประชาชนทั้งหมดของแผ่นดินต่างก็รื่นเริงยินดีกัน เมืองทั้งเมืองก็สงบสุขเพราะนางอาธาลิยาห์ถูกฆ่าตายด้วยดาบแล้ว

กษัตริย์โยอาชซ่อมแซมวิหาร

(2 พกษ. 11:21-12:21)

24 โยอาชมีอายุเจ็ดปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มสี่สิบปี แม่ของเขาชื่อว่าศิบียาห์ นางมาจากเบเออร์เชบา ตลอดชั่วชีวิตของนักบวชเยโฮยาดา เขาทำในสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ เยโฮยาดาเลือกเมียสองคนให้กับโยอาช และโยอาชก็มีลูกชายลูกสาวมากมาย

ต่อมาภายหลัง โยอาชตัดสินใจที่จะซ่อมแซมวิหารของพระยาห์เวห์ เขาเรียกพวกนักบวชกับชาวเลวีมาชุมนุมกันและพูดกับพวกเขาว่า “ไปตามเมืองต่างๆของยูดาห์และไปรวบรวมเงินที่ชาวอิสราเอลทั้งหมดต้องจ่ายเป็นประจำทุกปี เพื่อที่จะนำมาซ่อมแซมวิหารของพระเจ้าของพวกท่าน ให้ไปเดี๋ยวนี้” แต่พวกชาวเลวีไม่ยอมทำในทันที

กษัตริย์จึงเรียกตัวเยโฮยาดาที่เป็นหัวหน้านักบวชมาและพูดกับเขาว่า “ทำไมท่านจึงไม่สั่งให้พวกชาวเลวีไปนำเงินภาษีจากยูดาห์และเยรูซาเล็มมา เป็นภาษีที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้กำหนดไว้ให้กับชุมชนอิสราเอล เพื่อใช้สำหรับเต็นท์ที่เก็บข้อตกลง”

ในอดีต พวกลูกชายของนางอาธาลิยาห์หญิงชั่ว ได้บุกเข้าไปในวิหารของพระเจ้า และได้ขนเอาข้าวของเครื่องใช้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นไปใช้กับพระบาอัล

กษัตริย์สั่งให้ทำหีบขึ้นมาใบหนึ่ง และให้นำมันไปวางไว้ที่ด้านนอกตรงประตูของวิหารของพระยาห์เวห์ แล้วพวกเลวีก็ป่าวประกาศไปทั่วทั้งยูดาห์และเยรูซาเล็ม ให้พวกเขาเอาเงินภาษีมาให้กับพระยาห์เวห์ เงินภาษีนี้เป็นสิ่งที่โมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าเคยเรียกร้องจากชาวอิสราเอลในช่วงที่พวกเขาอยู่ในทะเลทราย 10 พวกเจ้าหน้าที่และประชาชนทั้งหมด ต่างนำเงินของพวกเขามาให้ด้วยความเต็มใจ พวกเขาใส่เงินเหล่านั้นไว้ในหีบใบนั้นจนเต็ม 11 เมื่อพวกเลวีนำหีบมาให้พวกเจ้าหน้าที่ของกษัตริย์ และพวกเขาเห็นว่ามีเงินอยู่เต็มแล้ว เลขานุการของกษัตริย์และเจ้าหน้าที่ของหัวหน้านักบวช ก็จะเข้ามาและเอาเงินออกจากหีบ และนำหีบนั้นกลับไปไว้ที่เดิมอีกครั้ง พวกเขาทำอย่างนี้เป็นประจำและรวบรวมเงินได้เป็นจำนวนมาก 12 กษัตริย์และเยโฮยาดาเอาเงินนี้ไปจ่ายให้กับพวกคนที่ทำงานให้กับวิหารของพระยาห์เวห์ พวกเขาจ้างพวกช่างก่อตึกและช่างไม้ และยังจ้างพวกคนงานที่ชำนาญเกี่ยวกับเหล็กและทองสัมฤทธิ์ให้มาซ่อมแซมวิหารของพระยาห์เวห์

13 พวกคนที่ทำงานล้วนแต่เป็นคนขยัน และการซ่อมแซมก้าวหน้าไปเรื่อยๆด้วยฝีมือของพวกเขา พวกเขาสร้างวิหารของพระเจ้าขึ้นใหม่อีกครั้ง ตามแบบเดิมและทำให้มันมั่นคงแข็งแรงขึ้น 14 เมื่อพวกเขาทำเสร็จหมดแล้ว ก็นำเงินที่เหลือไปให้กับกษัตริย์และเยโฮยาดา พวกเขาเอาเงินนั้นไปทำเครื่องใช้สำหรับวิหารของพระยาห์เวห์ เป็นเครื่องใช้สำหรับงานรับใช้ และสำหรับเครื่องเผาบูชา พวกเขายังทำถ้วยและสิ่งอื่นๆจากทองคำและเงิน ตลอดระยะเวลาที่เยโฮยาดายังมีชีวิตอยู่ มีการถวายเครื่องเผาบูชาในวิหารของพระยาห์เวห์เป็นประจำ

15 ต่อมาเยโฮยาดาแก่ตัวลง และตายไปในขณะที่มีอายุหนึ่งร้อยสามสิบปี 16 เป็นเพราะความดีที่เขาทำไปในอิสราเอลเพื่อพระเจ้าและวิหารของพระองค์ ศพของเขาจึงถูกฝังไว้กับพวกกษัตริย์ในเมืองของดาวิด

โยอาชหลงไปจากพระยาห์เวห์

17 ภายหลังที่เยโฮยาดาตายไปแล้ว พวกเจ้าหน้าที่ของยูดาห์ได้มาก้มกราบต่อกษัตริย์ และกษัตริย์ก็ฟังพวกเขา 18 พวกเขาละทิ้งวิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา และหันไปสักการะบูชาพวกเสาของพระอาเชราห์ และรูปเคารพทั้งหลาย เป็นเพราะความผิดนี้ของพวกเขา ความโกรธของพระเจ้าจึงลงมาที่ยูดาห์และเยรูซาเล็ม 19 ถึงแม้พระยาห์เวห์ได้ส่งพวกผู้พูดแทนพระเจ้ามาให้กับประชาชน เพื่อที่จะชักนำพวกเขากลับมาหาพระองค์ และถึงแม้พวกผู้พูดแทนพระเจ้าเหล่านั้นจะต่อว่าพวกเขาแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่ยอมฟัง

20 แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าก็มาสถิตกับเศคาริยาห์ลูกชายของนักบวชเยโฮยาดา เขายืนอยู่ต่อหน้าประชาชนและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่พระเจ้าพูด ‘ทำไมพวกเจ้าจึงไม่เชื่อฟังคำสั่งต่างๆของพระยาห์เวห์ พวกเจ้าจะไม่รุ่งเรืองอีกต่อไป เพราะพวกเจ้าละทิ้งพระยาห์เวห์ พระองค์ก็จะละทิ้งพวกเจ้าเหมือนกัน’”

21 แต่ประชาชนวางแผนต่อต้านเศคาริยาห์ และกษัตริย์สั่งให้ประชาชนเอาหินขว้างเขาจนตายที่ลานของวิหารของพระยาห์เวห์ 22 กษัตริย์โยอาชลืมบุญคุณที่เยโฮยาดาพ่อของเศคาริยาห์เคยมีต่อเขา และได้ฆ่าลูกชายของเยโฮยาดาตาย เมื่อเขาใกล้จะขาดใจตายนั้น เขาพูดว่า “ขอให้พระยาห์เวห์เห็นสิ่งนี้และลงโทษเจ้าด้วย”

23 ในช่วงปลายปี กองทัพของชาวอารัมยกมาสู้รบกับโยอาช พวกนั้นบุกเข้ายูดาห์และเยรูซาเล็มและฆ่าพวกผู้นำทั้งหมดของประชาชน ชาวอารัมส่งข้าวของที่ยึดมาได้กลับไปให้กับกษัตริย์ของพวกเขาในดามัสกัส 24 ถึงแม้ว่ากองทัพของชาวอารัมจะยกกันมาไม่มาก แต่พระยาห์เวห์ก็ทำให้กองทัพขนาดใหญ่ของโยอาชต้องตกไปอยู่ในกำมือของพวกอารัม เพราะชาวยูดาห์ละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา คำตัดสินโทษได้ตกอยู่ที่โยอาช 25 เมื่อพวกชาวอารัมถอยทัพไปแล้ว พวกเขาก็ทิ้งโยอาชที่บาดเจ็บสาหัสไว้ พวกเจ้าหน้าที่ของโยอาชคบคิดกันทรยศเขา เพราะเขาได้ฆ่าลูกชายของนักบวชเยโฮยาดาตาย และคนพวกนั้นก็ได้ฆ่าเขาตายบนเตียงของเขาเอง ศพของโยอาชถูกฝังอยู่ในเมืองของดาวิด แต่ไม่ได้อยู่ในหลุมฝังศพของพวกกษัตริย์

26 พวกคนที่รวมหัวกันต่อต้านเขาคือ ศาบาดลูกชายของนางชิเมอัทชาวอัมโมน กับเยโฮซาบาดลูกชายของนางชิมริทชาวโมอับ 27 รายชื่อพวกลูกชายของโยอาช พวกคำพูดมากมายจากพระเจ้าที่ต่อต้านเขา และบันทึกการซ่อมแซมวิหารของพระเจ้า มีเขียนอยู่ในคำอธิบายในหนังสือพงศ์กษัตริย์ และอามาซิยาห์ลูกชายของโยอาชก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา

กษัตริย์อามาซิยาห์ปกครองยูดาห์

(2 พกษ. 14:1-20)

25 อามาซิยาห์มีอายุยี่สิบห้าปี ตอนที่เขาขึ้นเป็นกษัตริย์และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเป็นเวลายี่สิบเก้าปี แม่ของเขามีชื่อว่า เยโฮอัดดาน นางมาจากเมืองเยรูซาเล็ม อามาซิยาห์ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ แต่ไม่ได้ทำด้วยความจริงใจ หลังจากที่อามาซิยาห์ทำให้แผ่นดินมั่นคงเป็นปึกแผ่นแล้ว เขาได้สั่งฆ่าพวกข้าราชการที่เคยฆ่ากษัตริย์ผู้เป็นพ่อของเขา แต่เขาไม่ได้ฆ่าพวกลูกชายของคนเหล่านั้น เขาทำตามกฎที่เขียนไว้ในหนังสือของโมเสส ที่พระยาห์เวห์สั่งไว้ว่า “อย่าประหารพ่อแม่เพราะสิ่งที่ลูกๆเขาทำ และอย่าประหารลูกๆเพราะสิ่งที่พ่อแม่เขาทำ แต่ให้ประหารคนสำหรับบาปของเขาเองเท่านั้น”[a]

อามาซิยาห์เรียกประชุมชาวยูดาห์ เขาได้จัดหมวดหมู่พวกเขาตามครอบครัว และตั้งพวกนายพันนายร้อยให้ดูแลหมวดหมู่เหล่านี้ พวกผู้นำมีหน้าที่ดูแลพวกทหารทั้งหมดที่มาจากเผ่ายูดาห์และเผ่าเบนยามิน เขาเกณฑ์คนที่มีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป ซึ่งมีจำนวนสามแสนคน ที่พร้อมที่จะออกศึกพร้อมหอกและโล่ อามาซิยาห์ยังจ้างนักรบอีกหนึ่งแสนคนมาจากอิสราเอลด้วยเงินหนักประมาณสามตันครึ่ง แต่คนของพระเจ้าคนหนึ่งมาหาเขาและพูดว่า “ข้าแต่กษัตริย์ อย่าให้กองทัพอิสราเอลเหล่านี้ไปกับท่าน เพราะพระยาห์เวห์ไม่ได้อยู่กับชาวอิสราเอล และไม่ได้อยู่กับประชาชนของเอฟราอิม ถึงแม้ว่าท่านจะออกไปสู้รบอย่างกล้าหาญ พระเจ้าก็จะทำให้ท่านพ่ายแพ้ต่อหน้าศัตรู เพราะพระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจที่จะช่วยเหลือท่านหรือจะทำให้ท่านพ่ายแพ้ก็ได้” อามาซิยาห์ถามคนของพระเจ้าคนนั้นว่า “แล้วเงินสามตันครึ่งที่เราได้จ่ายให้กับพวกกองทัพของชาวอิสราเอลไปแล้วล่ะ” คนของพระเจ้าตอบว่า “พระยาห์เวห์จะให้ท่านมากกว่านี้อีก”

10 อามาซิยาห์จึงไล่กองทัพที่มาจากเอฟราอิมกลับบ้านไป พวกเขาโกรธชาวยูดาห์มากและกลับบ้านไปด้วยความเคียดแค้น 11 แล้วอามาซิยาห์ก็แข็งแกร่งขึ้นและนำกองทัพของเขาไปที่หุบเขาเกลือ เขาฆ่าคนของเสอีร์ไปหนึ่งหมื่นคน 12 กองทัพของพวกยูดาห์จับเป็นคนเสอีร์ได้หนึ่งหมื่นคน และนำตัวพวกเขาขึ้นไปบนหน้าผาและโยนพวกเขาลงมา เพื่อให้ร่างกายของพวกเขาแหลกเป็นชิ้นๆ

13 ในเวลาเดียวกันนั้น กองทัพของอิสราเอลที่อามาซิยาห์ไล่กลับไป และไม่ยอมให้มีส่วนร่วมในการรบครั้งนี้ ได้เข้าบุกรุกเมืองต่างๆของชาวยูดาห์ ตั้งแต่สะมาเรียไปจนถึงเบธโฮโรน พวกเขาฆ่าประชาชนตายไปสามพันคนและขนเอาข้าวของต่างๆไปเป็นจำนวนมาก

14 เมื่ออามาซิยาห์กลับมาจากการฆ่าพวกชาวเอโดม[b] เขาได้นำเอาพระทั้งหลายของประชาชนชาวเสอีร์กลับมาด้วย เขาตั้งพระเหล่านั้นขึ้นเป็นพระประจำตัวของเขา และกราบไหว้ และเผาเครื่องหอมบูชาให้กับพระเหล่านั้นด้วย 15 ความโกรธของพระยาห์เวห์ได้เผาผลาญต่ออามาซิยาห์ พระองค์ได้ส่งผู้พูดแทนพระเจ้าคนหนึ่งมาพบเขา และพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงไปปรึกษากับพวกพระของประชาชนเหล่านี้ ที่แม้แต่ประชาชนของพวกมันเอง ก็ยังช่วยให้พ้นจากเงื้อมมือของเจ้าไม่ได้เลย”

16 ในขณะที่เขายังพูดอยู่ กษัตริย์พูดกับเขาว่า “นี่เราแต่งตั้งให้เจ้าเป็นที่ปรึกษาของเราหรือยังไง หุบปากเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น เจ้าจะต้องตาย” ผู้พูดแทนพระเจ้าคนนั้นจึงเงียบ แต่แล้วก็พูดขึ้นมาว่า “เรารู้ว่าพระเจ้าตั้งใจที่จะทำลายท่านแล้ว เพราะท่านได้ทำสิ่งนี้ลงไปและไม่ยอมฟังคำแนะนำจากเรา”

17 แล้วอามาซิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ปรึกษากับพวกที่ปรึกษา และส่งคนไปหาเยโฮอาช กษัตริย์ของอิสราเอล ที่เป็นลูกชายของเยโฮอาหาสที่เป็นลูกชายของเยฮู ข้อความนั้นท้าทายเยโฮอาชว่า “มาสิ มาสู้กันซึ่งๆหน้า”

18 แต่กษัตริย์เยโฮอาชของอิสราเอล ตอบกษัตริย์อามาซิยาห์ของยูดาห์ว่า “ต้นหนามต้นหนึ่งในเลบานอนได้ส่งข่าวมาถึงต้นสนซีดาร์ต้นหนึ่งในเลบานอนว่า ‘ให้ยกลูกสาวของเจ้าให้แต่งงานกับลูกชายของเรา’ แต่สัตว์ป่าตัวหนึ่งในเลบานอนผ่านมา และได้เหยียบย่ำต้นหนามต้นนั้นไป 19 เจ้าว่า ‘ข้าชนะเอโดม’ และตอนนี้ใจของเจ้าก็พองโตโอ้อวด แต่เดี๋ยวนี้ เจ้าควรจะอยู่กับบ้านดีกว่า จะหาเรื่องใส่ตัวไปทำไม เดี๋ยวทั้งตัวเจ้าและเผ่ายูดาห์จะล้มลงเปล่าๆ”

20 แต่อามาซิยาห์ไม่ยอมฟัง เพราะพระเจ้าตั้งใจว่าจะมอบพวกเขาไว้ในมือของเยโฮอาช เพราะคนยูดาห์ไปติดตามพวกพระของคนเอโดม

21 ดังนั้นกษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลจึงได้ยกมาเผชิญหน้ากับกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ที่เบธเชเมชในยูดาห์ 22 ยูดาห์ก็พ่ายแพ้ต่ออิสราเอล และคนยูดาห์ต่างก็หนีกลับบ้านของตน 23 กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลจับตัวกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ได้ที่เบธเชเมช กษัตริย์อามาซิยาห์เป็นลูกชายของโยอาช ซึ่งเป็นลูกชายของอาหัสยาห์ แล้วกษัตริย์เยโฮอาชนำตัวกษัตริย์แห่งยูดาห์ไปถึงเมืองเยรูซาเล็ม และทำลายกำแพงเมืองเยรูซาเล็มทิ้งไป ตั้งแต่ประตูเอฟราอิมไปจนถึงประตูตรงหัวมุม รวมความยาวได้สี่ร้อยศอก 24 เยโฮอาชเอาทองคำและเงินรวมทั้งเครื่องใช้ทั้งหมดที่พบอยู่ในวิหารของพระเจ้าซึ่งโอเบด-เอโดมดูแลอยู่ กับทรัพย์สมบัติและคนในวังหลายคนกลับไปที่สะมาเรียด้วย

25 หลังจากที่เยโฮอาชลูกชายของกษัตริย์เยโฮอาหาสแห่งอิสราเอลตายไปแล้ว อามาซิยาห์ลูกชายของกษัตริย์โยอาชแห่งยูดาห์ก็มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสิบห้าปี 26 เหตุการณ์อื่นๆในยุคสมัยของอามาซิยาห์ตั้งแต่เริ่มจนจบ ได้ถูกจดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของพวกกษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล 27 ตั้งแต่เวลาที่อามาซิยาห์หันเหไปจากพระยาห์เวห์ พวกประชาชนได้กบฏต่อเขาในเมืองเยรูซาเล็ม และกษัตริย์ได้หลบหนีไปถึงเมืองลาคีช แต่คนเหล่านั้นได้ส่งคนตามล่าเขาถึงเมืองลาคีชและฆ่าเขาตายที่นั่น 28 และพวกเขาได้นำศพของอามาซิยาห์กลับมากับม้า และนำมาฝังไว้กับบรรพบุรุษของเขาในเมืองของดาวิด

กษัตริย์อุสซียาห์ปกครองยูดาห์

(2 พกษ. 15:1-7)

26 แล้วประชาชนทั้งหมดของยูดาห์ก็ยกอุสซียาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากอามาซิยาห์พ่อของเขา ในขณะนั้นอุสซียาห์มีอายุสิบหกปี อุสซียาห์สร้างเมืองเอโลทขึ้นใหม่และเอากลับคืนมาให้กับชาวยูดาห์ หลังจากที่อามาซิยาห์ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาแล้ว

อุสซียาห์มีอายุสิบหกปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มห้าสิบสองปี แม่ของเขามีชื่อว่าเยโคลียาห์ นางมาจากเมืองเยรูซาเล็ม เขาทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ เหมือนกับที่อามาซิยาห์พ่อของเขาทำ เขาแสวงหาพระเจ้าตลอดระยะเวลาที่เศคาริยาห์ยังอยู่ เศคาริยาห์เป็นคนสั่งสอนให้เขาเกรงกลัวพระเจ้า ตราบเท่าที่เขายังแสวงหาพระยาห์เวห์ พระเจ้าก็จะให้เขาประสบความสำเร็จ

อุสซียาห์ไปสู้รบกับพวกชาวฟีลิสเตีย และทำลายกำแพงของเมืองกัท เมืองยับเนห์และเมืองอัชโดดลง แล้วเขาก็สร้างเมืองอีกหลายเมืองขึ้นใหม่ ใกล้ๆกับอัชโดดและที่อื่นๆที่อยู่ท่ามกลางชาวฟีลิสเตีย พระเจ้าได้ช่วยเหลือเขาต่อสู้กับชาวฟีลิสเตียและสู้กับพวกอาหรับซึ่งอาศัยอยู่ในกูร์บาอัลและสู้กับชาวเมอูนี พวกชาวอัมโมนส่งส่วยมาให้กับอุสซียาห์และชื่อเสียงของเขาก็แพร่กระจายไปไกลถึงชายแดนของประเทศอียิปต์ เพราะเขามีอำนาจเพิ่มขึ้นอย่างมาก

อุสซียาห์สร้างป้อมปราการขึ้นหลายแห่งในเมืองเยรูซาเล็ม ที่ตรงประตูมุม ที่ประตูหุบเขา และที่มุมกำแพงและทำให้พวกมันแข็งแรง 10 เขายังสร้างป้อมปราการอีกหลายแห่งในทะเลทราย และได้ขุดบ่อน้ำขึ้นอีกหลายแห่ง เพราะเขามีสัตว์เลี้ยงมากมายที่เชิงเขาและในที่ราบ เขามีคนมากมายที่ทำงานให้กับเขาอยู่ตามทุ่งนาของเขา และในสวนองุ่นตามเนินเขา และในแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ เพราะเขาเป็นคนที่รักการทำเกษตร

11 อุสซียาห์มีกองทัพที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี มีความพร้อมที่จะออกศึกเป็นหมวดหมู่ ตามที่เยอีเอลที่เป็นเลขาและมาอาเสอาห์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ได้เกณฑ์ไว้ พวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมของฮานันยาห์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของกษัตริย์ 12 พวกผู้นำครอบครัวที่อยู่เหนือนักรบพวกนั้นมีจำนวนสองพันหกร้อยคน 13 กองทัพที่อยู่ภายใต้คำสั่งของพวกเขา มีสามแสนเจ็ดพันห้าร้อยคน ทุกคนล้วนได้รับการฝึกในการรบมาแล้ว เป็นกองกำลังที่มีพละกำลังที่สามารถช่วยเหลือกษัตริย์จากศัตรูของเขาได้ 14 อุสซียาห์ได้จัดหาโล่ หอก หมวกเหล็ก เสื้อเกราะ ธนูและสลิงสำหรับเหวี่ยงก้อนหิน ไว้ให้กับกองทัพทั้งหมด 15 ในเยรูซาเล็ม เขาสร้างเครื่องกลไกที่ได้รับการออกแบบโดยพวกคนที่มีความชำนาญ เพื่อใช้ตามป้อมปราการและจุดป้องกันตามมุมต่างๆเพื่อใช้ยิงลูกศรและยิงก้อนหินขนาดใหญ่ ชื่อเสียงของเขาแพร่กระจายไปไกลและกว้างขวางมาก เพราะเขาได้รับความช่วยเหลืออย่างมากมายมหาศาลจนกระทั่งเขาเป็นคนที่เต็มไปด้วยอำนาจ

16 แต่หลังจากที่อุสซียาห์มีอำนาจมากขึ้น ความหยิ่งของเขานำเขาให้ตกต่ำลง เขาไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา และเข้าไปในวิหารของพระยาห์เวห์เพื่อไปเผาเครื่องหอมบนแท่นบูชาเครื่องหอม 17 นักบวชอาซาริยาห์กับพวกนักบวชที่กล้าหาญอีกแปดสิบคนของพระยาห์เวห์ตามอาซาริยาห์เข้าไป 18 พวกเขาขัดขวางกษัตริย์และพูดว่า “ท่านอุสซียาห์ ท่านทำไม่ถูกที่มาเผาเครื่องหอมให้กับพระยาห์เวห์เอง การเผาเครื่องหอมเป็นหน้าที่ของพวกนักบวชที่เป็นลูกหลานของอาโรน ผู้ที่ได้รับการอุทิศให้เผาเครื่องหอม ให้ออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนี้ ออกไปเถิด เพราะท่านไม่ซื่อสัตย์และพระยาห์เวห์ พระเจ้าจะไม่ให้เกียรติท่านอีกต่อไป”

19 อุสซียาห์ซึ่งถือกระถางไฟอยู่ในมือโกรธ ในขณะที่เขากำลังโกรธพวกนักบวชที่อยู่ต่อหน้าเขาตรงหน้าแท่นบูชาเครื่องหอมในวิหารของพระยาห์เวห์นั้น หน้าผากของอุสซียาห์ก็เกิดเป็นโรคผิวหนังร้ายแรงขึ้นมา 20 เมื่ออาซาริยาห์ที่เป็นหัวหน้านักบวชและพวกนักบวชคนอื่นๆมองดูอุสซียาห์ พวกเขาก็เห็นว่าเขาเป็นโรคผิวหนังร้ายแรงที่หน้าผาก ดังนั้นพวกเขาจึงได้รีบนำตัวอุสซียาห์ออกมา ซึ่งจริงๆแล้วตัวเขาเองก็ตั้งใจที่จะออกมาอยู่แล้ว เพราะพระยาห์เวห์ได้ลงโทษเขาแล้ว 21 กษัตริย์อุสซียาห์กลายเป็นคนโรคผิวหนังร้ายแรงตราบจนวันตาย เขาอาศัยอยู่ในวังที่แยกออกมาต่างหากสำหรับคนที่เป็นโรคผิวหนังร้ายแรง และถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในวิหารของพระยาห์เวห์ โยธามลูกชายของเขาทำหน้าที่ในวังและปกครองประชาชนในแผ่นดินนั้นแทนเขา

22 เหตุการณ์อื่นๆในสมัยของอุสซียาห์ตั้งแต่ต้นจนจบ อิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าลูกชายของอามอสได้จดบันทึกไว้แล้ว 23 อุสซียาห์ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและถูกฝังไว้ในทุ่งนาใกล้ๆกับหลุมฝังศพของพวกกษัตริย์ เพราะประชาชนพูดว่า “เขาเป็นโรคผิวหนังร้ายแรง” และโยธามลูกชายของเขาขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา

กษัตริย์โยธามปกครองยูดาห์

(2 พกษ. 15:32-38)

27 โยธามมีอายุยี่สิบห้าปีตอนที่เขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเป็นเวลาสิบหกปี แม่ของเขามีชื่อว่าเยรูชา นางเป็นลูกสาวของศาโดก โยธามทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ เหมือนกับที่อุสซียาห์พ่อของเขาทำ แต่ก็ไม่เหมือนพ่อของเขาทั้งหมด คือเขาไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปในวิหารของพระยาห์เวห์ แต่ประชาชนก็ยังคงทำผิดอยู่เหมือนเดิม โยธามสร้างประตูด้านบนของวิหารของพระยาห์เวห์ขึ้นใหม่ และได้ทำการก่อสร้างมากมายที่กำแพงตรงเนินเขาโอเฟล เขาสร้างเมืองหลายเมืองในแถบเนินเขาของยูดาห์ และสร้างป้อมกับหอคอยตามป่า โยธามทำสงครามกับกษัตริย์ของพวกอัมโมนและสามารถเอาชนะพวกนั้นได้ ในปีนั้น ชาวอัมโมนได้จ่ายเงินหนักประมาณสามตันครึ่ง แป้งสาลีและข้าวบาร์เลย์อย่างละสองล้านสองแสนลิตร[c]ให้กับกษัตริย์โยธาม พวกอัมโมนได้นำสิ่งของจำนวนเดียวกันนี้มาให้เขาอีกในปีที่สองและปีที่สาม

โยธามมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆเพราะเขาเดินอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาอย่างซื่อสัตย์มั่นคง เหตุการณ์อื่นๆในสมัยของโยธาม รวมทั้งพวกสงครามและสิ่งต่างๆที่เขาทำ ได้ถูกจดบันทึกไว้ในหนังสือของพงศ์กษัตริย์แห่งอิสราเอลและยูดาห์ เขามีอายุยี่สิบห้าปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์และครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มสิบหกปี โยธามตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและศพของเขาถูกฝังอยู่ในเมืองของดาวิด และอาหัสลูกชายของเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากเขา

กษัตริย์อาหัสปกครองยูดาห์

(2 พกษ. 16:1-20)

28 อาหัสมีอายุยี่สิบปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มสิบหกปี เขาไม่เหมือนกับดาวิดบรรพบุรุษของเขา เขาไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ อาหัสเจริญรอยตามพวกกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล และยังหล่อพวกรูปเคารพขึ้นมา เพื่อสักการะบูชาพระบาอัลด้วย เขาเผาเครื่องบูชาในหุบเขาเบนฮินโนม[d] และเอาพวกลูกชายของเขาไปเผาไฟเป็นเครื่องบูชา เลียนแบบการกระทำอันน่าขยะแขยงของพวกชนชาติทั้งหลาย ที่พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ออกไปตอนที่อิสราเอลย้ายเข้ามาอยู่ อาหัสถวายเครื่องสัตวบูชาและเผาเครื่องหอมตามสถานนมัสการต่างๆตามยอดเขาและใต้ต้นไม้ใบร่มทั้งหลาย

ดังนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา จึงมอบเขาไว้ในกำมือของกษัตริย์ชาวอารัม พวกชาวอารัมเอาชนะเขาและกวาดต้อนประชาชนจำนวนมากไปเป็นเชลยในเมืองดามัสกัส พระเจ้ายังมอบอาหัสให้ไปตกอยู่ในกำมือของกษัตริย์เปคาห์แห่งอิสราเอล ซึ่งได้ลงมือฆ่าคนของเขามากมาย เปคาร์ลูกชายของเรมาลิยาห์ และกองทัพของเขาฆ่าทหารยูดาห์ตายไปหนึ่งแสนสองหมื่นคนในวันเดียว เพราะยูดาห์ละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา ศิครีนักรบผู้กล้าชาวเอฟราอิมฆ่ามาอาเสอาห์ลูกชายของกษัตริย์อาหัส รวมทั้งอัสรีคัมที่เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลวัง กับเอลคานาห์ที่เป็นใหญ่รองลงมาจากกษัตริย์อาหัส

กองทัพอิสราเอลจับตัวญาติพี่น้องของพวกเขาเองที่อาศัยอยู่ในยูดาห์ไว้เป็นจำนวนสองแสนคน มีทั้งผู้หญิง ลูกชายลูกสาว และยังขนเอาข้าวของจำนวนมากมายกลับไปเมืองสะมาเรีย เมื่อกองทัพอิสราเอลกลับมาที่สะมาเรีย ก็มีผู้พูดแทนพระยาห์เวห์คนหนึ่งชื่อโอเด็ดออกมาพบกับพวกเขาและพูดว่า “เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าที่บรรพบุรุษของพวกท่านนับถือ โกรธชาวยูดาห์มาก พระองค์ถึงได้มอบพวกยูดาห์ไว้ในกำมือของพวกท่าน แต่พวกท่านกลับสังหารหมู่พวกเขาด้วยความเคียดแค้นที่รู้ไปถึงสวรรค์ 10 และตอนนี้พวกท่านยังกะจะเอาพวกผู้ชาย ผู้หญิงชาวยูดาห์และเยรูซาเล็มมาเป็นทาสของพวกท่านอีก อย่างนี้ ตัวพวกท่านเองไม่ใช่หรือที่กำลังทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 11 ตอนนี้ฟังเราให้ดี ให้ส่งพวกพี่น้องเหล่านี้ของท่านที่ท่านได้จับมาเป็นเชลยกลับบ้านของพวกเขาไปเถิด เพราะความโกรธที่ดุเดือดของพระยาห์เวห์กำลังอยู่เหนือพวกท่านแล้ว”

12 แล้วพวกผู้นำในเอฟราอิมบางคน เช่น อาซาริยาห์ลูกชายของโยฮานัน เบเรคิยาห์ลูกชายของเมซิลเลโมท เยฮิสคียาห์ลูกชายของชัลลูม และอามาสาลูกชายของหัดลัย ได้เข้ามาขวางกองทัพที่เพิ่งกลับมาจากสงคราม 13 พวกเขาพูดว่า “พวกท่านต้องไม่เอาเชลยพวกนี้มาที่นี่ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะทำผิดต่อหน้าพระยาห์เวห์ หรือพวกท่านกะจะเพิ่มความผิดบาปของพวกเราให้มากยิ่งขึ้นไปอีกหรือ เพราะความผิดของพวกเราตอนนี้ก็ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว และความโกรธอันดุเดือดของพระองค์กำลังอยู่เหนือชนชาติอิสราเอล”

14 ดังนั้นพวกทหารจึงปล่อยพวกเชลย และคืนของที่ยึดมาได้ต่อหน้าพวกเจ้าหน้าที่และคนที่มาชุมนุมกันทั้งหมด 15 ผู้นำทั้งสี่คนนี้พาพวกเชลยไป และเอาเสื้อผ้าที่ทหารอิสราเอลยึดมานั้นมาให้กับพวกเชลยทุกคนที่กำลังเปลือยกายอยู่ได้สวมใส่ พวกเขาหารองเท้าให้ รวมทั้งจัดหาอาหารและเครื่องดื่มมาให้กิน และยังเอาน้ำมันมาทารักษาบาดแผลให้กับพวกเขาด้วย เชลยที่ร่างกายอ่อนแอก็ให้ขี่ลาไป แล้วพวกเขาก็พาคนเหล่านี้กลับไปยังบ้านของพวกเขาที่เยริโค ซึ่งเป็นเมืองแห่งต้นปาล์ม แล้วผู้นำทั้งสี่คนนี้ก็กลับสะมาเรีย

16-17 ในเวลาเดียวกันนั้น พวกชาวเอโดมมาโจมตียูดาห์อีกและกวาดต้อนเชลยไป ดังนั้น กษัตริย์อาหัสจึงได้ไปขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์อัสซีเรีย 18 พวกชาวฟีลิสเตียโจมตีเมืองต่างๆที่ตั้งอยู่แถบเชิงเขาและในเนเกบของยูดาห์ พวกเขายึดเมืองเบธเชเมช เมืองอัยยาโลน เมืองเกเดโรท เมืองโสโค เมืองทิมนาห์และกิมโซ รวมทั้งหมู่บ้านที่อยู่รอบๆเมืองเหล่านั้นไว้ 19 พระยาห์เวห์ทำให้ยูดาห์ต้องเจอกับปัญหา เพราะกษัตริย์อาหัสของยูดาห์เป็นต้นเหตุ เพราะเขาส่งเสริมความชั่วร้ายในยูดาห์และไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ 20 กษัตริย์ทิกลัท-ปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรียมาหากษัตริย์อาหัส แต่ไม่ได้มาช่วยกษัตริย์อาหัสหรอก แต่มาสร้างปัญหาให้ 21 อาหัสเอาของมีค่าจากวิหารของพระยาห์เวห์ จากวังกษัตริย์ และจากพวกเจ้าชาย และนำมันไปให้กับกษัตริย์อัสซีเรีย แต่มันก็ไม่ได้นำความช่วยเหลืออะไรมาให้เขาเลย

22 ในช่วงที่กษัตริย์อาหัสเจอกับปัญหาความยุ่งยากนั้น กษัตริย์อาหัสกลับยิ่งไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ 23 เขาถวายเครื่องบูชาให้แก่พวกพระของดามัสกัสที่เอาชนะเขา เพราะกษัตริย์อาหัสคิดว่า “เป็นเพราะพวกพระเหล่านี้ได้ช่วยเหลือกษัตริย์ของพวกอารัม เราจะถวายเครื่องสัตวบูชาให้กับพวกพระเหล่านี้ เพื่อพระเหล่านี้จะได้มาช่วยเหลือเราด้วย” แต่พระพวกนี้กลับทำให้เขาและชนชาติอิสราเอลทั้งหมดล่มจม

24 อาหัสได้รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ในวิหารของพระเจ้าและขนพวกมันออกมาหมด เขาปิดประตูวิหารของพระยาห์เวห์ และตั้งแท่นบูชาขึ้นตามหัวมุมถนนทุกเส้นในเมืองเยรูซาเล็ม 25 ในทุกๆเมืองของยูดาห์ เขาก็สร้างสถานที่นมัสการไว้มากมาย เพื่อเผาเครื่องสัตวบูชาให้กับพระอื่นๆซึ่งเป็นการยั่วยุความโกรธของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา

26 เหตุการณ์อื่นๆในสมัยของกษัตริย์อาหัส และการกระทำทั้งหมดของเขา ตั้งแต่ต้นจนจบ ได้ถูกจดบันทึกไว้ในหนังสือพงศ์กษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล 27 อาหัสตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา และศพของเขาถูกฝังอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม แต่ไม่ได้รวมอยู่ในหลุมฝังศพของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล แล้วเฮเซคียาห์ลูกของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา

กษัตริย์เฮเซคียาห์ปกครองยูดาห์

(2 พกษ. 18:1-3)

29 เฮเซคียาห์มีอายุยี่สิบห้าปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มยี่สิบเก้าปี แม่ของเขาชื่อว่าอาบียาห์เป็นลูกสาวของเศคาริยาห์ เขาทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์เหมือนกับที่ดาวิดบรรพบุรุษของเขาทำ

ในเดือนที่หนึ่งของปีแรกที่เฮเซคียาห์ขึ้นครองบัลลังก์ เขาเปิดประตูทั้งหลายของวิหารของพระยาห์เวห์ และซ่อมแซมประตูเหล่านั้น เขาเรียกพวกนักบวชและชาวเลวีให้มาชุมนุมกันที่ลานด้านตะวันออก และพูดว่า

“ชาวเลวี ฟังทางนี้ เตรียมตัวท่านและวิหารนี้ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษท่านให้พร้อมสำหรับการงานอันศักดิ์สิทธิ์ ให้ย้ายพวกของที่เสื่อมเสียทั้งหมดออกไปจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ บรรพบุรุษของพวกเราไม่ซื่อสัตย์ พวกเขาทำชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา และละทิ้งพระองค์ พวกเขาหันหน้าหนีไปจากสถานที่อยู่อาศัยของพระยาห์เวห์[e] และหันหลังให้กับพระองค์ พวกเขายังปิดประตูทุกบานที่ระเบียงทางเดินและดับตะเกียงเหล่านั้นลง พวกเขาไม่ยอมเผาเครื่องหอมหรือถวายเครื่องเผาบูชา ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้กับพระเจ้าของอิสราเอล ดังนั้นความโกรธของพระยาห์เวห์จึงตกอยู่บนชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ม พระองค์ทำให้พวกเขากลายเป็นสิ่งที่น่ากลัว น่าสยดสยอง และน่าเยาะเย้ย เหมือนกับที่พวกท่านเห็นแล้วด้วยตาของพวกท่านเอง นี่ก็เป็นเหตุที่บรรพบุรุษของพวกเรา ถึงได้ล้มตายลงด้วยดาบ และลูกชายลูกสาวและเมียของพวกเราถึงได้ถูกจับตัวไป 10 ตอนนี้ เราตั้งใจที่จะทำสัญญากับพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล เพื่อความโกรธอันดุเดือดของพระองค์จะได้หันเหไปจากพวกเรา 11 ลูกๆเอ๋ย อย่าได้เสียเวลาอีกเลย เพราะพระยาห์เวห์ได้เลือกพวกท่านให้มายืนอยู่ต่อหน้าพระองค์และรับใช้พระองค์ คอยทำพิธีและเผาเครื่องหอมให้กับพระองค์”

12 แล้วชาวเลวีเหล่านี้ก็เริ่มทำงาน

พวกที่มาจากชาวโคฮาทคือ มาฮาทลูกชายของอามาสัย และโยเอลลูกชายของอาซาริยาห์

พวกที่มาจากชาวเมรารีคือ คีชลูกชายของอับดี และอาซาริยาห์ลูกชายของเยฮาลเลเลล

พวกที่มาจากชาวเกอร์โชนคือ โยอาห์ลูกชายของศิมมาห์ และเอเดนลูกชายของโยอาห์

13 พวกที่เป็นลูกหลานของเอลีซาฟานคือ ชิมรีและเยอูเอล

พวกที่เป็นลูกหลานของอาสาฟคือเศคาริยาห์และมัทธานิยาห์

14 พวกที่เป็นลูกหลานของเฮมานคือเยฮีเอลและชิเมอี

พวกที่เป็นลูกหลานของเยดูธูนคือเชไมอาห์และอุสซีเอล

15 เมื่อพวกเขาเรียกชุมนุมพวกพี่น้องของเขา และได้เตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการงานอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเขาจึงเข้าไปชำระวิหารของพระยาห์เวห์ให้บริสุทธิ์ตามที่กษัตริย์ได้สั่งไว้ ตามคำสั่งของพระยาห์เวห์ 16 พวกนักบวชได้เข้าไปข้างในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์เพื่อชำระให้มันบริสุทธิ์ พวกเขานำของทุกอย่างที่เป็นมลทินที่พวกเขาพบในวิหารของพระยาห์เวห์ออกไปไว้ที่ลานของวิหารของพระยาห์เวห์ แล้วพวกชาวเลวีได้ขนของเหล่านี้ไปที่หุบเขาขิดโรน 17 พวกเลวีก็เริ่มเตรียมวิหารของพระยาห์เวห์สำหรับการงานอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นในวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่ง พอวันที่แปดของเดือนเดียวกัน พวกเลวีก็เตรียมมาจนถึงที่ระเบียงทางเดินของพระยาห์เวห์ และภายในอีกแปดวัน พวกเขาก็เตรียมวิหารของพระยาห์เวห์สำหรับการงานอันศักดิ์สิทธิ์ จนทุกอย่างเสร็จสิ้นลงในวันที่สิบหกของเดือนที่หนึ่ง

18 แล้วพวกเขาก็ไปเข้าพบกษัตริย์เฮเซคียาห์และรายงานว่า “พวกเราได้ทำให้วิหาร ของพระยาห์เวห์ทั้งหมดบริสุทธิ์แล้ว ทั้งแท่นบูชาสำหรับเครื่องเผาบูชากับเครื่องใช้ทั้งหมด รวมทั้งโต๊ะสำหรับวางขนมปังศักดิ์สิทธิ์ กับเครื่องใช้ทั้งหมดของมัน 19 พวกเราได้จัดเตรียมและทำให้เครื่องใช้ทั้งหมดพร้อมสำหรับการงานอันศักดิ์สิทธิ์ เครื่องใช้เหล่านี้ กษัตริย์อาหัสได้ย้ายออกไป เพราะความไม่ซื่อสัตย์ของเขาต่อพระยาห์เวห์ในขณะที่เขาเป็นกษัตริย์อยู่นั้น ตอนนี้พวกเราได้เอาของเหล่านั้นกลับมาวางไว้ต่อหน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์แล้ว”

20 เช้าตรู่ของวันต่อมา กษัตริย์เฮเซคียาห์รวบรวมเจ้าหน้าที่ในเมือง แล้วพากันขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์ 21 พวกเขานำวัวตัวผู้เจ็ดตัว แกะตัวผู้เจ็ดตัว ลูกแกะตัวผู้เจ็ดตัวและแพะตัวผู้เจ็ดตัวไปเป็นเครื่องบูชาชำระล้างสำหรับราชวงศ์นี้ สำหรับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และสำหรับชาวยูดาห์ กษัตริย์สั่งพวกนักบวชที่เป็นลูกหลานของอาโรนให้บูชาสิ่งเหล่านี้บนแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ 22 ดังนั้นพวกเขาจึงฆ่าวัวตัวผู้เหล่านั้น แล้วพวกนักบวชก็เอาเลือดของพวกมันมาสาดใส่แท่นบูชา ต่อจากนั้น พวกเขาก็ฆ่าแกะตัวผู้ทั้งหมด และสาดเลือดของพวกมันใส่แท่นบูชา แล้วพวกเขาก็ฆ่าลูกแกะตัวผู้แล้วสาดเลือดของพวกมันใส่แท่นบูชา 23 ส่วนพวกแพะตัวผู้ที่เป็นเครื่องบูชาชำระล้างถูกนำไปไว้ต่อหน้ากษัตริย์และคนในที่ชุมนุม แล้วพวกเขาก็วางมือลงบนตัวพวกมัน 24 แล้วพวกนักบวชก็ฆ่าแพะเหล่านั้น และถวายเลือดของพวกมันบนแท่นบูชา เป็นเครื่องบูชาชำระล้าง เพื่อชำระสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แทนประชาชนอิสราเอลทั้งหมด เพราะกษัตริย์ได้สั่งให้มีการเผาเครื่องบูชาและถวายเครื่องบูชาชำระล้างสำหรับชาวอิสราเอลทั้งหมด

25 เฮเซคียาห์ได้ให้ชาวเลวีอยู่ประจำในวิหารของพระยาห์เวห์ โดยให้ถือฉาบ พิณใหญ่และพิณเล็ก อย่างที่กษัตริย์ดาวิด กาดที่เป็นคนของกษัตริย์ที่เห็นนิมิตได้ และนาธันผู้พูดแทนพระเจ้า ได้กำหนดไว้ คำสั่งนี้มาจากพระยาห์เวห์ที่สั่งผ่านทางผู้พูดแทนพระเจ้าทั้งหลายของพระองค์ 26 ดังนั้นพวกชาวเลวีจึงยืนอยู่พร้อมด้วยพวกเครื่องดนตรีของดาวิด และพวกนักบวชก็ถือแตรอยู่ 27 เฮเซคียาห์ออกคำสั่งให้ถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชา เมื่อเริ่มเผา ก็เริ่มร้องเพลงให้กับพระยาห์เวห์ไปด้วย พร้อมๆกับการเป่าแตร และเล่นเครื่องดนตรีของกษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอล 28 คนในที่ชุมนุมทั้งหมด ก็ก้มลงกราบนมัสการ ในขณะที่พวกนักร้องร้องเพลง และพวกคนเป่าแตรก็เป่าแตรไป ทุกอย่างนี้ดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งการเผาเครื่องเผาบูชาสิ้นสุดลง

29 เมื่อการบูชาเสร็จสิ้นลงแล้ว กษัตริย์และทุกๆคนก็คุกเข่าลงและนมัสการ 30 กษัตริย์เฮเซคียาห์กับพวกเจ้าหน้าที่ของเขาสั่งให้ชาวเลวีสรรเสริญพระยาห์เวห์ด้วยบทเพลงที่ดาวิดและอาสาฟผู้ที่เห็นนิมิตได้เขียนไว้ พวกเขาก็ร้องเพลงสรรเสริญด้วยความดีใจและก้มหัวลงนมัสการ 31 แล้วเฮเซคียาห์พูดว่า “ตอนนี้พวกเจ้าได้อุทิศตัวให้กับพระยาห์เวห์แล้ว ให้นำพวกเครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาขอบคุณ มาที่วิหารของพระยาห์เวห์กันเถิด” ดังนั้นคนในที่ชุมนุมจึงได้ถวายเครื่องสัตวบูชาและเครื่องบูชาขอบคุณ และทุกๆคนต่างก็ถวายเครื่องเผาบูชาด้วยความเต็มใจ 32 เครื่องเผาบูชาที่คนในที่ชุมนุมนำมานั้น มีวัวตัวผู้เจ็ดสิบตัว แกะตัวผู้หนึ่งร้อยตัว และลูกแกะตัวผู้สองร้อยตัว ของเหล่านี้เป็นเครื่องเผาบูชาให้กับพระยาห์เวห์ 33 พวกสัตว์ที่ได้อุทิศให้เป็นเครื่องสัตวบูชารวมแล้วมีวัวตัวผู้หกร้อยตัว แกะกับแพะสามพันตัว 34 แต่มีนักบวชไม่เพียงพอที่จะมาช่วยกันถลกหนังของพวกเครื่องเผาบูชา ดังนั้น พวกญาติๆเลวีที่เป็นผู้ชายจึงมาช่วยพวกเขาจนเสร็จงาน และจนกว่านักบวชคนอื่นๆจะชำระตัวเอง เพราะในการชำระตัวชาวเลวีจริงจังยิ่งกว่าพวกนักบวช 35 มีเครื่องเผาบูชาอย่างล้นเหลือ และพวกไขมันของเครื่องสังสรรค์บูชา และเครื่องดื่มบูชาที่มากับเครื่องเผาบูชาด้วย ดังนั้นงานรับใช้ในวิหารของพระยาห์เวห์จึงได้รับการฟื้นฟูกลับขึ้นมาอีกครั้ง 36 เฮเซคียาห์กับประชาชนทั้งหมดต่างก็ดีใจมาก กับสิ่งที่พระเจ้าได้ทำให้กับประชาชนของพระองค์ เพราะมันสำเร็จลงอย่างรวดเร็ว

เฮเซคียาห์ฉลองเทศกาลปลดปล่อย

30 เฮเซคียาห์ส่งข่าวสารไปถึงชาวอิสราเอล และชาวยูดาห์ทั้งหมด และยังเขียนจดหมายไปถึงชาวเอฟราอิม[f]และชาวมนัสเสห์ โดยเชิญพวกเขาให้มาที่วิหารของพระยาห์เวห์ในเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อมาร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลวันปลดปล่อย ให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล กษัตริย์กับพวกเจ้าหน้าที่ของเขา และคนในที่ชุมนุมทั้งหมดในเมืองเยรูซาเล็มตัดสินใจที่จะเฉลิมฉลองเทศกาลปลดปล่อยในเดือนที่สอง พวกเขาไม่สามารถเฉลิมฉลองเทศกาลปลดปล่อยในเวลาปกติได้ เพราะมีนักบวชที่ชำระตัวเองให้บริสุทธิ์แล้วไม่เพียงพอ และประชาชนก็ไม่ได้มาชุมนุมกันในเมืองเยรูซาเล็ม ทั้งกษัตริย์และคนในที่ชุมนุมต่างเห็นดีด้วยกับแผนการณ์นี้ พวกเขาลงมติให้ประกาศไปทั่วอิสราเอล ตั้งแต่เมืองเบเออร์เชบาไปจนถึงเมืองดาน เพื่อเรียกประชาชนให้มาที่เมืองเยรูซาเล็ม เพื่อมาเฉลิมฉลองเทศกาลปลดปล่อยให้กับพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล มีประชาชนไม่กี่คนที่เคยเฉลิมฉลองเทศกาลปลดปล่อยนี้มาก่อน ตามอย่างที่กฎได้สั่งไว้ กษัตริย์สั่งให้คนส่งข่าวเดินทางไปทั่วทั้งแผ่นดินอิสราเอลและยูดาห์ พร้อมกับจดหมายของกษัตริย์และพวกเจ้าหน้าที่ของเขา จดหมายนี้มีข้อความว่า

“ประชาชนชาวอิสราเอลทั้งหลาย กลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอลเถิด พระองค์จะหันกลับมาหาพวกท่านที่ยังเหลืออยู่ และหลบหนีจากพวกกษัตริย์อัสซีเรีย อย่าเป็นเหมือนบรรพบุรุษและพวกพี่น้องของพวกท่านที่ไม่ยอมซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา พระองค์จึงได้ทำให้พวกเขากลายเป็นสิ่งน่าสยดสยอง อย่างที่พวกท่านเห็นแล้วนั้น อย่าดื้อดึงเหมือนกับที่บรรพบุรุษของพวกท่านเป็น ให้ยอมฟังพระยาห์เวห์ และมาถึงยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ได้ทำให้ศักดิ์สิทธิ์ตลอดไป ให้รับใช้พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน เพื่อว่าความโกรธอันดุเดือดของพระองค์ จะได้หันเหออกไปจากพวกท่าน ถ้าพวกท่านกลับมาหาพระยาห์เวห์แล้ว คนที่จับพวกพี่น้องและลูกๆของพวกท่านไปจะเกิดความสงสารพวกเขา และพวกพี่น้องเหล่านั้นจะได้กลับมาสู่แผ่นดินแห่งนี้ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านนั้นมีความเมตตากรุณา พระองค์จะไม่หันหน้าไปจากพวกท่าน ถ้าพวกท่านกลับมาหาพระองค์”

10 พวกคนส่งข่าวได้ออกจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งในเอฟราอิมและมนัสเสห์ ไปจนถึงเศบูลุน แต่ประชาชนกลับดูถูกและเยาะเย้ยพวกเขา 11 อย่างไรก็ตาม คนบางกลุ่มในเผ่าของอาเชอร์ มนัสเสห์และเศบูลุน ก็ถ่อมตัวพวกเขาลง และเดินทางไปที่เมืองเยรูซาเล็ม 12 ส่วนในยูดาห์ มือของพระเจ้าก็ได้มาอยู่บนประชาชน เพื่อทำให้พวกเขาเป็นใจเดียวกัน ที่จะทำสิ่งที่กษัตริย์และพวกเจ้าหน้าที่ได้สั่งไว้นั้นตามคำพูดของพระยาห์เวห์

13 ฝูงชนกลุ่มใหญ่มากมาชุมนุมกันในเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ ในเดือนที่สอง 14 พวกเขารื้อแท่นบูชาทั้งหลาย รวมทั้งแท่นเผาเครื่องหอมของพวกพระปลอมในเมืองเยรูซาเล็มออกไปทิ้งในหุบเขาขิดโรน 15 พวกเขาฆ่าลูกแกะตัวผู้สำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยในวันที่สิบสี่ของเดือนที่สอง พวกนักบวชและชาวเลวีต่างก็รู้สึกละอายใจ พวกเขาจึงชำระตัวเองให้บริสุทธิ์ และนำเครื่องเผาบูชามาที่วิหารของพระยาห์เวห์ 16 แล้วพวกเขาก็ไปทำหน้าที่ตามปกติที่ได้กำหนดไว้ในกฏของโมเสสคนของพระเจ้า พวกนักบวชได้ประพรมเลือดที่ชาวเลวีนำมาให้ 17 เพราะมีคนอีกหลายคนในฝูงชนนี้ที่ยังไม่ได้ชำระตัวเองให้บริสุทธิ์ ชาวเลวีจึงต้องฆ่าลูกแกะตัวผู้ของเทศกาลปลดปล่อยสำหรับพวกที่ยังไม่ได้ผ่านพิธีชำระล้าง และไม่สามารถถวายลูกแกะตัวผู้ให้กับพระยาห์เวห์ได้

18 ถึงแม้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่มาจากเผ่าเอฟราอิม มนัสเสห์ อิสสาคาร์และเศบูลุน ยังไม่ได้ชำระตัวให้บริสุทธิ์ แต่พวกเขาก็เข้าร่วมกินในเทศกาลปลดปล่อยด้วย ซึ่งขัดกับกฎที่เขียนไว้ แต่เฮเซคียาห์ได้อธิษฐานอ้อนวอนให้กับพวกเขาว่า “ขอพระยาห์เวห์ผู้ทรงดี โปรดอภัยให้กับทุกๆคน 19 ที่ตั้งจิตตั้งใจแสวงหาพระเจ้า คือพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา ถึงแม้พวกเขาจะยังไม่บริสุทธิ์ตามกฎทั้งหลายของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ตาม” 20 และพระยาห์เวห์ก็ได้ยินเฮเซคียาห์และให้อภัยกับประชาชนพวกนั้น 21 ชาวอิสราเอลที่มาชุมนุมกันในเมืองเยรูซาเล็มเฉลิมฉลองเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ เป็นเวลาเจ็ดวันด้วยความรื่นเริงยินดี ในขณะที่ชาวเลวีและพวกนักบวชร้องเพลงให้กับพระยาห์เวห์ทุกๆวัน คลอไปกับการเล่นเครื่องดนตรีเพื่อสรรเสริญพระองค์ 22 เฮเซคียาห์พูดให้กำลังใจกับชาวเลวีทั้งหมด ผู้ที่มีความเข้าใจเป็นอย่างดีในงานรับใช้พระยาห์เวห์ เพราะในช่วงเจ็ดวันนั้น พวกเขาได้กินจากส่วนแบ่งที่เป็นของพวกเขา และได้ถวายเครื่องสังสรรค์บูชา และได้สรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา

23 แล้วคนในที่ชุมนุมทั้งหมด ต่างก็เห็นด้วยที่จะฉลองงานเทศกาลต่อไปอีกเจ็ดวัน ดังนั้น พวกเขาจึงฉลองกันต่ออีกเจ็ดวันอย่างสนุกสนาน 24 กษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ ได้จัดหาวัวตัวผู้หนึ่งพันตัว และแกะกับแพะเจ็ดพันตัวมาให้กับคนในที่ชุมนุม และพวกเจ้าหน้าที่ก็ได้จัดหาวัวตัวผู้หนึ่งพันตัว และแกะกับแพะหนึ่งหมื่นตัวมาให้เหมือนกัน มีพวกนักบวชหลายคนได้ชำระตัวเองให้บริสุทธิ์แล้ว 25 คนในที่ชุมนุมทั้งหมดของยูดาห์ พร้อมทั้งพวกนักบวชและชาวเลวีและคนทั้งหมดที่มาชุมนุมกันจากทั่วทั้งอิสราเอล รวมทั้งพวกชาวต่างชาติที่มาจากอิสราเอลและพวกที่ได้อาศัยอยู่ในยูดาห์ ต่างก็พากันชื่นชมยินดี 26 พวกเขาสนุกสนานกันอย่างมากในเมืองเยรูซาเล็ม เพราะตั้งแต่ยุคของซาโลมอนลูกชายของกษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอลเป็นต้นมา ยังไม่เคยมีเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อนในเมืองเยรูซาเล็ม 27 พวกนักบวชกับชาวเลวียืนให้พรประชาชน และพระเจ้าก็ได้ยินพวกเขา เพราะคำอธิษฐานของพวกเขาไปถึงสวรรค์ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่พระองค์อาศัยอยู่

เฮเซคียาห์ทำลายรูปเคารพ

31 เมื่องานเฉลิมฉลองสิ้นสุดลง ชาวอิสราเอลที่อยู่ที่นั่นต่างก็ออกไปยังเมืองต่างๆของยูดาห์ แล้วพวกเขาก็ไปทุบรูปปั้นหินศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจนแตกละเอียด และไปโค่นพวกเสาของพระอาเชราห์ลง พวกเขาทำลายสถานที่นมัสการต่างๆและบรรดาแท่นบูชาที่มีอยู่ทั่วทั้งยูดาห์และเบนยามิน รวมทั้งในเอฟราอิมและในมนัสเสห์ด้วย หลังจากที่พวกเขาได้ทำลายพวกมันทิ้งจนหมดแล้ว ชาวอิสราเอลก็กลับไปยังบ้านเมืองของพวกเขา

เฮเซคียาห์แบ่งพวกนักบวชกับชาวเลวีออกเป็นกลุ่มๆตามหน้าที่ของพวกเขาในฐานะนักบวชและชาวเลวี เพื่อคอยถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสังสรรค์บูชา คอยทำพิธีเพื่อขอบคุณและร้องเพลงสรรเสริญอยู่ตามประตูของที่อยู่อาศัยของพระยาห์เวห์[g] กษัตริย์ได้ให้สัตว์ของกษัตริย์เอง สำหรับใช้เป็นเครื่องเผาบูชาในตอนเช้าและตอนเย็น และให้เป็นเครื่องเผาบูชาในวันหยุดทางศาสนาตามที่ได้เขียนไว้ในกฎของพระยาห์เวห์ เฮเซคียาห์สั่งประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มให้แบ่งผลผลิตและสิ่งของของพวกเขาให้กับพวกนักบวชและชาวเลวี เพื่อพวกนักบวชและชาวเลวีจะได้อุทิศตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อทำในสิ่งที่กฎของพระยาห์เวห์สั่งให้พวกเขาทำ ทันทีที่คำสั่งนี้ออกมา ชาวอิสราเอลก็ได้มอบพืชผลชุดแรก เหล้าองุ่นใหม่ น้ำมันและน้ำเชื่อมผลไม้ และผลผลิตทั้งหมดจากทุ่งนาของพวกเขาให้กับพวกนักบวชและชาวเลวีอย่างมากมาย พวกเขาได้แบ่งของหนึ่งในสิบของทุกสิ่งทุกอย่างมา พวกคนอิสราเอลและยูดาห์ที่อาศัยอยู่ตามเมืองต่างๆของยูดาห์ ได้นำหนึ่งในสิบของฝูงวัวและแพะแกะ รวมทั้งหนึ่งในสิบของผลผลิตของเขาให้เป็นของขวัญศักดิ์สิทธิ์ที่อุทิศให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา มาให้กับพวกนักบวชและชาวเลวีเป็นกองพะเนิน

ประชาชนเริ่มทำสิ่งนี้ในเดือนที่สามและสิ้นสุดในเดือนที่เจ็ด เมื่อเฮเซคียาห์กับพวกเจ้าหน้าที่ของเขามาเห็นกองของเหล่านี้ พวกเขาก็สรรเสริญพระยาห์เวห์ และอวยพรให้ประชาชนชาวอิสราเอล

เฮเซคียาห์ถามพวกนักบวชและชาวเลวีเกี่ยวกับกองของเหล่านี้ 10 อาซาริยาห์หัวหน้านักบวชจากครอบครัวของศาโดกตอบว่า “เป็นเพราะประชาชนเริ่มที่จะเอาของขวัญเหล่านี้มาให้ที่วิหารของพระยาห์เวห์ พวกเราจึงมีพอกินและมีเหลือให้กับคนอื่น เพราะพระยาห์เวห์ได้อวยพรให้กับประชาชนของพระองค์ จึงมีของเหล่านี้มากมายจนล้นเหลือ”

11 เฮเซคียาห์สั่งให้พวกนักบวชเตรียมห้องเก็บของไว้ให้พร้อมในวิหารของพระยาห์เวห์ และพวกเขาก็เตรียมห้องไว้เรียบร้อย 12 แล้วพวกนักบวชก็นำของขวัญเหล่านี้เข้าไปเก็บไว้อย่างซื่อสัตย์ ของพวกนี้เป็นส่วนแบ่งที่คนนำมาถวาย คือหนึ่งในสิบของผลผลิตของพวกเขา โคนานิยาห์ชาวเลวีทำหน้าที่ดูแลของเหล่านี้ และชิเมอีน้องชายของเขาอยู่ในตำแหน่งรองลงมา 13 โคนานิยาห์กับชิเมอีน้องชายของเขา เป็นผู้ควบคุมดูแลคนเหล่านี้ คือ เยฮีเอล อาซาซิยาห์ นาหัท อาสาเฮล เยรีโมท โยซาบาด เอลีเอล อิสมาคิยาห์ มาฮาทและเบไนยาห์ กษัตริย์เฮเซคียาห์และอาซาริยาห์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลวิหารของพระเจ้า เป็นผู้เลือกคนเหล่านี้ขึ้นมา 14 โคเรลูกชายของอิมนาห์ชาวเลวี เป็นผู้ดูแลประตูฝั่งตะวันออก เขาทำหน้าที่ดูแลเครื่องบูชาที่ผู้คนสมัครใจเอามาถวายพระยาห์เวห์เอง และเขาก็ยังรับผิดชอบในการแจกของที่คนเอามาถวายให้กับพระยาห์เวห์และของขวัญที่อุทิศให้กับพระองค์ 15 เอเดน มินยามิน เยชูอา เชไมอาห์ อามาริยาห์ เชคานิยาห์ เป็นผู้ช่วยของโคเร คนพวกนี้รับใช้อย่างสัตย์ซื่อในหัวเมืองต่างๆที่พวกนักบวชอาศัยอยู่ พวกเขาก็แจกของให้กับพี่น้องของเขาตามกลุ่มต่างๆของพวกเขา แจกให้กับทั้งคนหนุ่มและคนแก่เท่ากัน 16 ผู้ชายเหล่านี้ยังแจกของที่เก็บมานี้ให้กับผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่สามปีขึ้นไป ที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อตระกูลต่างๆของเลวี คือทุกคนที่เข้าไปในวิหารของพระยาห์เวห์ เพื่อทำเวรตามหน้าที่ประจำวัน ที่ได้รับมอบหมายและตามกลุ่มเวรของพวกเขา 17 นักบวชก็ได้รับส่วนแบ่งของเขาจากของที่คนเอามาถวายพระยาห์เวห์ ตามครอบครัวที่ได้ลงทะเบียนไว้ตามรายชื่อตระกูลต่างๆของเลวี คนเลวีที่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไปก็จะได้รับส่วนแบ่งของเขาตามกลุ่มและความรับผิดชอบ 18 ลูกเล็กๆของเลวี เมีย และลูกชายลูกสาวของเขา ก็จะได้รับส่วนแบ่งด้วย เลวีทุกคนที่มีรายชื่ออยู่ในประวัติครอบครัวเลวีก็จะได้รับส่วนแบ่งนี้ เพราะพวกเขาสัตย์ซื่อที่จะรักษาตัวเองให้บริสุทธิ์ และพร้อมที่จะรับใช้ 19 ลูกหลานของอาโรนบางคน คือพวกนักบวช มีไร่นาอยู่ใกล้เมืองต่างๆที่พวกเลวีอาศัยอยู่ และลูกหลานของอาโรนบางคนก็อาศัยอยู่ในเมือง แต่ละเมืองเหล่านี้ก็จะมีการเลือกชื่อพวกผู้ชายขึ้นมา เพื่อแบ่งของที่เก็บรวบรวมมานี้ให้กับลูกหลานของอาโรน และแบ่งให้กับพวกผู้ชายและคนที่มีรายชื่อในประวัติครอบครัวของเลวี

20 อย่างนี้ กษัตริย์เฮเซคียาห์ก็ทำสิ่งที่ดีเหล่านั้นในยูดาห์ เขาได้ทำสิ่งที่ดี ถูกต้องและสัตย์ซื่อต่อหน้าพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเขา 21 งานทุกอย่างที่เขาเริ่มก็สำเร็จด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับใช้ในวิหารของพระเจ้า และการเชื่อฟังกฎและคำสั่งต่างๆและการติดตามพระเจ้าของเขา เฮเซคียาห์ทำสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดด้วยสิ้นสุดใจของเขา

กษัตริย์อัสซีเรียบุกยูดาห์

(2 พกษ. 18:13-37; อสย. 36:1-22)

32 หลังจากเหตุการณ์เหล่านั้นและสิ่งทั้งหลายที่เฮเซคียาห์ทำด้วยความซื่อสัตย์แล้ว กษัตริย์เซนนาเคอริบของอัสซีเรียได้ยกทัพมาบุกยูดาห์ เขาล้อมเมืองต่างๆที่เป็นป้อมปราการไว้ โดยคิดที่จะตีเมืองเหล่านั้นมาเป็นของเขา เมื่อเฮเซคียาห์รู้ว่าเซนนาเคอริบบุกเข้ามา กะจะสู้รบกับเมืองเยรูซาเล็ม เฮเซคียาห์ก็ปรึกษากับพวกเจ้าหน้าที่และพวกทหารของเขา เกี่ยวกับการกั้นน้ำไม่ให้ไหลออกจากตาน้ำที่อยู่นอกเมือง แล้วพวกเขาก็ได้ช่วยเหลือเฮเซคียาห์ คนจำนวนมากมาชุมนุมกันและพวกเขาก็ช่วยกันปิดตาน้ำทั้งหมดและปิดลำธารที่ไหลผ่านแผ่นดินแห่งนั้น พวกเขาพูดว่า “เมื่อพวกกษัตริย์ของอัสซีเรียบุกเข้ามา เรื่องอะไรจะให้พวกมันมาเจอกับน้ำมากมาย” แล้วเฮเซคียาห์ก็ทำงานอย่างหนักในการซ่อมแซมส่วนที่แตกร้าวของกำแพงและหอคอย เขาสร้างกำแพงด้านนอกขึ้นอีกชั้นหนึ่ง และได้เสริมที่มั่นบนที่ลาดชันทางด้านตะวันออกของเมืองเยรูซาเล็มเก่าให้แข็งแรงมากขึ้น เขายังทำอาวุธและโล่ขึ้นอีกจำนวนมาก เขาได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ทางทหารขึ้นเหนือประชาชน และเรียกประชุมพวกเขาพร้อมกันที่ลานตรงประตูเมือง และพูดปลุกใจพวกเขาว่า “ให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้ อย่ากลัวหรือท้อแท้ต่อกษัตริย์อัสซีเรีย หรือต่อกองทัพขนาดใหญ่ที่มากับเขาเลย เพราะผู้ที่อยู่ฝ่ายเรานั้นยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ฝ่ายเขา ผู้ที่อยู่กับเขาเป็นเพียงทหารที่มีเลือดเนื้อ แต่ผู้ที่อยู่กับพวกเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา พระองค์จะช่วยเหลือพวกเรา และจะต่อสู้ให้กับพวกเรา” ดังนั้นกษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ก็ทำให้ประชาชนมีกำลังใจขึ้น

ต่อมา ขณะที่กษัตริย์เซนนาเคอริบของอัสซีเรียกับกองทัพทั้งหมดของเขากำลังล้อมเมืองลาคีชอยู่ เขาได้ส่งพวกเจ้าหน้าที่มาที่เมืองเยรูซาเล็ม พร้อมกับข้อความสำหรับกษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์และประชาชนทั้งหมดของยูดาห์ที่อยู่ที่นั่นว่า

10 “กษัตริย์เซนนาเคอริบของอัสซีเรียพูดอย่างนี้ว่า พวกเจ้ากำลังพึ่งพิงอะไรหรือ ถึงยังคอยรับการโจมตีของเราอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม 11 เมื่อเฮเซคียาห์พูดว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราจะช่วยเหลือพวกเราให้พ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย’ เขากำลังชักจูงให้พวกเจ้าหลงผิดไป และมอบพวกเจ้าให้ไปตายเพราะขาดอาหารและน้ำดื่ม 12 ก็ตัวเฮเซคียาห์เองไม่ใช่หรือ ที่รื้อพวกสถานนมัสการ และแท่นบูชาทั้งหลายของพระองค์นั้นทิ้งไป และได้พูดกับชาวเมืองยูดาห์และเยรูซาเล็มว่า ‘พวกท่านต้องนมัสการและเผาเครื่องหอมบนแท่นบูชานี้เพียงแท่นเดียว’ 13 พวกเจ้าก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าเรากับบรรพบุรุษของเราได้จัดการกับชนชาติทั้งหลายของแผ่นดินอื่นๆยังไงบ้าง พวกพระของชนชาติเหล่านั้น สามารถช่วยแผ่นดินของพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของเราได้หรือ 14 บรรพบุรุษเราได้ทำลายชนชาติเหล่านั้น ไม่มีพระของชนชาติไหนสามารถช่วยเหลือประชาชนของเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของเราได้เลย แล้วพวกเจ้าคิดว่า พระของพวกเจ้าจะช่วยเหลือพวกเจ้า ให้พ้นจากเงื้อมมือเราได้หรือ 15 ตอนนี้ อย่าปล่อยให้เฮเซคียาห์หลอกลวงพวกเจ้า หรือชักนำพวกเจ้าให้หลงผิดไปอย่างนี้ อย่าไปเชื่อเขา เพราะไม่เคยมีพระของชนชาติไหนหรืออาณาจักรไหนที่สามารถช่วยเหลือประชาชนของมัน ให้พ้นจากเงื้อมมือของเรา หรือจากเงื้อมมือของบรรพบุรุษเรา อย่าคิดนะว่าพระของเจ้าจะสามารถช่วยเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของเราไปได้”

16 พวกเจ้าหน้าที่ของเซนนาเคอริบได้พูดดูถูกต่อพระยาห์เวห์ผู้เป็นพระเจ้า และต่อเฮเซคียาห์ผู้รับใช้ของพระองค์ 17 กษัตริย์อัสซีเรียยังเขียนจดหมายหมิ่นประมาทพระยาห์เวห์พระเจ้าของชนชาติอิสราเอล และพูดต่อต้านพระองค์ว่า “พวกพระของชนชาติอื่นๆในแผ่นดินอื่นๆไม่ได้ช่วยกู้ประชาชนของพวกมัน ให้พ้นจากเงื้อมมือของเรา พระของเฮเซคียาห์ก็จะไม่ช่วยกู้ประชาชนของมันจากเงื้อมมือของเราเหมือนกัน” 18 แล้วพวกเขาก็ได้ตะโกนเสียงดังใส่ประชาชนของเยรูซาเล็มที่อยู่บนกำแพง พวกเขาพูดเป็นภาษาฮีบรู เพื่อคนเยรูซาเล็มจะได้เข้าใจ แล้วตกใจกลัว และหวั่นไหว จะได้ยึดเอาเมืองได้ 19 พวกเขาพูดดูถูกพระเจ้าของเยรูซาเล็ม อย่างกับว่าพระองค์เป็นเหมือนพวกพระของชนชาติอื่นๆในโลกซึ่งมนุษย์เป็นคนสร้างขึ้นกับมือ

พระเจ้าช่วยกู้ยูดาห์

(2 พกษ. 19:1-37; อสย. 37:1-38)

20 กษัตริย์เฮเซคียาห์กับอิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าลูกชายของอามอสอธิษฐานต่อสวรรค์เกี่ยวกับเรื่องนี้ 21 และพระยาห์เวห์ได้ส่งทูตสวรรค์องค์หนึ่ง มาทำลายพวกนักรบ พวกผู้นำและพวกเจ้าหน้าที่ทั้งหมดในค่ายของกษัตริย์อัสซีเรีย ดังนั้นเขาจึงต้องถอยทัพกลับแผ่นดินของเขาด้วยความอับอายขายหน้า และเมื่อเขาเข้าไปในวัดของพระของเขา พวกลูกชายบางคนของเขาก็เอาดาบฆ่าเขา 22 ดังนั้นพระยาห์เวห์ได้ช่วยเฮเซคียาห์และประชาชนชาวเยรูซาเล็ม ให้พ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์เซนนาเคอริบของอัสซีเรีย และจากเงื้อมมือของศัตรูทั้งหลายของเขาด้วย พระองค์ให้เขาพักจากการสู้รบรอบด้าน 23 มีคนหลายคนนำเครื่องบูชามากมายมาที่เมืองเยรูซาเล็มเพื่อถวายให้กับพระยาห์เวห์ และนำของขวัญที่มีค่าหลายอย่างมาให้กับกษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ ตั้งแต่นั้นมา ชนชาติอื่นๆทั้งหมดก็ให้ความเคารพนับถือกษัตริย์เฮเซคียาห์

เฮเซคียาห์ป่วย

(2 พกษ. 20:1-11; อสย. 38:1-8)

24 ต่อมาเฮเซคียาห์ป่วยและใกล้ตาย เขาได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ พระองค์ตอบเขาและให้ลางดีกับเขาอย่างหนึ่ง[h] 25 แต่ใจของเฮเซคียาห์เย่อหยิ่ง และไม่ระลึกถึงบุญคุณของพระเจ้าที่มีต่อเขา ดังนั้นความโกรธของพระยาห์เวห์จึงตกมาที่ตัวเขาและที่ชาวยูดาห์กับชาวเยรูซาเล็ม 26 แล้วเฮเซคียาห์ก็ได้สำนึกผิดในความเย่อหยิ่งที่อยู่ในใจเขา ประชาชนในเมืองเยรูซาเล็มก็เหมือนกัน ดังนั้น ความโกรธของพระยาห์เวห์จึงไม่ได้ตกลงมาบนพวกเขาในช่วงที่เฮเซคียาห์ยังมีชีวิตอยู่

เฮเซคียาห์โอ้อวดทรัพย์สมบัติ

(2 พกษ. 20:12-19; อสย. 39:1-8)

27 เฮเซคียาห์มีทรัพย์สินและเกียรติยศมากมาย เขาสร้างคลังเก็บสมบัติของเขาเพื่อใส่เงิน ทองคำและพลอยมีค่าทั้งหลาย รวมทั้งเครื่องเทศ โล่กับของมีค่าทุกอย่าง 28 เขายังสร้างโรงเก็บข้าว เหล้าองุ่นใหม่และน้ำมัน และเขาทำคอกสัตว์ให้กับฝูงวัวนานาชนิด และฝูงแพะแกะ 29 เขาสร้างหมู่บ้านหลายแห่ง และมีฝูงสัตว์เลี้ยงจำนวนมากมายมหาศาล เพราะพระเจ้าทำให้เขาร่ำรวยมาก 30 เฮเซคียาห์เป็นผู้ที่กั้นทางน้ำด้านบนของบ่อน้ำกิโฮน และเปลี่ยนเส้นทางให้น้ำไหลลงไปทางด้านตะวันตกของเมืองของดาวิด เขาประสบความสำเร็จในทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาลงมือทำ

31 ครั้งหนึ่ง พวกผู้นำของบาบิโลนส่งทูตมาถามเขาเกี่ยวกับหมายสำคัญอันมหัศจรรย์ที่ได้เกิดขึ้นบนแผ่นดินแห่งนี้[i] พระเจ้าปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเองเพื่อทดสอบเขาและเพื่อที่จะได้รู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในใจของเขา[j]

เฮเซคียาห์ตาย

(2 พกษ. 20:20-21)

32 เหตุการณ์อื่นๆในสมัยของเฮเซคียาห์และความดีที่เขาทำไว้นั้นได้ถูกจดบันทึกไว้ในหนังสือพงศ์กษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล ในส่วนที่เป็นนิมิตของอิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าที่เป็นลูกชายของอามอส 33 เฮเซคียาห์ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา และศพของเขาถูกฝังอยู่ที่เนินเขาอันเป็นที่ตั้งหลุมฝังศพของลูกหลานของดาวิด ชาวยูดาห์และประชาชนของเยรูซาเล็มทั้งหมดให้เกียรติกับเขาเมื่อเขาตาย และมนัสเสห์ลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา

กษัตริย์มนัสเสห์ปกครองยูดาห์

(2 พกษ. 21:1-18)

33 มนัสเสห์มีอายุสิบสองปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเป็นเวลาห้าสิบห้าปี มนัสเสห์ทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ เขาทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนต่างๆเหมือนกับที่ชนชาติที่พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ออกไปตอนที่อิสราเอลย้ายเข้ามาในแผ่นดินนี้ได้ทำ มนัสเสห์สร้างสถานนมัสการต่างๆขึ้นมาใหม่ ที่เฮเซคียาห์พ่อของเขาเคยพังทิ้งไปแล้ว เขายังได้ตั้งแท่นบูชาทั้งหลายให้กับพวกพระบาอัล และสร้างพวกเสาของพระอาเชราห์ขึ้น เขากราบไหว้ดวงดาวทั้งหลายบนท้องฟ้าและรับใช้พวกมัน เขาสร้างพวกแท่นบูชาให้กับพวกพระต่างชาติขึ้นในวิหารของพระยาห์เวห์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระยาห์เวห์เคยพูดไว้ว่า “ชื่อของเราจะอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มตลอดไป” มนัสเสห์ยังสร้างแท่นบูชาขึ้นสองแท่นให้กับดวงดาวทั้งหลายตรงลานทั้งสองในวิหารของพระยาห์เวห์ เขาเอาพวกลูกชายของเขามาเผาไฟเป็นเครื่องบูชาในหุบเขาเบนฮินโนม เขาร่ายเวทมนตร์คาถา ดูหมอ และทำไสยศาสตร์ เขาไปปรึกษากับพวกคนทรงเจ้าและพวกหมอผี เขาทำความชั่วมากมายในสายตาของพระยาห์เวห์ ซึ่งยั่วยุให้พระองค์โกรธ เขาให้คนแกะสลักรูปเคารพขึ้นและนำไปวางไว้ในวิหารของพระเจ้า ที่พระเจ้าเคยพูดไว้กับดาวิดและซาโลมอนลูกของดาวิดว่า “ในวิหารแห่งนี้และในเมืองเยรูซาเล็มที่เราได้เลือกออกมาจากเผ่าทั้งหมดของชนชาติอิสราเอล เราจะวางชื่อของเราไว้ที่นี่ตลอดไป ถ้าพวกเขาเพียงแต่ระมัดระวังที่จะทำตามสิ่งที่เราได้สั่งพวกเขาไว้ และรักษากฎ พวกข้อบังคับ และกฎเกณฑ์ต่างๆที่เราให้ไว้ผ่านทางโมเสส เราก็จะไม่ทำให้พวกอิสราเอลต้องเดินเร่ร่อนพเนจรอีกต่อไปจากแผ่นดินที่เราได้กำหนดให้กับบรรพบุรุษของพวกเขา”

แต่มนัสเสห์นำชาวยูดาห์และประชาชนชาวเยรูซาเล็มไปในทางที่ผิด พวกเขาทำในสิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าพวกชนชาติเหล่านั้นที่พระยาห์เวห์ได้ทำลายลงไปตอนที่ชาวอิสราเอลย้ายเข้ามาในแผ่นดิน

10 พระยาห์เวห์พูดกับมนัสเสห์และประชาชนของเขา แต่พวกเขาไม่สนใจฟัง 11 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงนำพวกแม่ทัพของกองทัพของกษัตริย์อัสซีเรีย มาสู้รบกับพวกเขา และจับตัวมนัสเสห์ไว้เป็นเชลย พวกเขาเอาห่วงใส่จมูกของมนัสเสห์ไว้และล่ามเขาไว้ด้วยโซ่ตรวนทองสัมฤทธิ์ และเอาไปที่บาบิโลน

12 เมื่อมนัสเสห์ตกอยู่ในความทุกข์ยาก เขาก็ร้องขอความเมตตาจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา และได้ถ่อมตัวลงอย่างมากต่อหน้าพระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา 13 เมื่อเขาอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ พระองค์ได้เปลี่ยนใจเพราะสงสารเขา แล้วพระองค์ได้ฟังคำร้องขอของเขา พระองค์จึงนำเขากลับเมืองเยรูซาเล็ม และกลับสู่อาณาจักรของเขา แล้วมนัสเสห์ก็ได้รู้ว่า พระยาห์เวห์คือพระเจ้าที่แท้จริง

14 ต่อมาภายหลัง เขาสร้างกำแพงด้านนอกเมืองของดาวิด กำแพงนี้ยาวไปทางตะวันตกของบ่อน้ำกิโฮนที่อยู่ในหุบเขา ทอดยาวไปจนถึงทางเข้าประตูปลาและล้อมรอบเนินเขาโอเฟล[k] เขาได้ต่อเติมกำแพงนี้สูงขึ้นมาก เขาจัดวางกำลังพวกแม่ทัพไว้ประจำตามเมืองที่เป็นป้อมปราการทั้งหลายของยูดาห์ 15 เขาได้กำจัดพวกรูปปั้นพระต่างชาติและย้ายรูปปั้นออกจากวิหารของพระยาห์เวห์ เขาขนพวกแท่นบูชาที่เขาเคยสร้างไว้บนเนินเขาของวิหารและในเมืองเยรูซาเล็มออกไปทิ้งที่นอกเมือง 16 มนัสเสห์ได้ซ่อมแซมแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ และถวายเครื่องสังสรรค์บูชา และเครื่องบูชาสำหรับขอบคุณบนแท่นบูชานั้น เขาบอกให้ชาวยูดาห์รับใช้พระยาห์เวห์พระเจ้าของชนชาติอิสราเอล 17 แต่ประชาชนก็ยังคงถวายเครื่องบูชาของพวกเขาตามสถานนมัสการต่างๆเหมือนเดิม แต่คราวนี้พวกเขาถวายให้กับพระยาห์เวห์เท่านั้นผู้เป็นพระเจ้าของพวกเขา

18 เหตุการณ์อื่นๆในสมัยของมนัสเสห์ รวมทั้งคำอธิษฐานของเขาต่อพระเจ้าของเขา และคำพูดของพวกผู้ที่เห็นนิมิตที่พูดในนามของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติของพงศ์กษัตริย์แห่งอิสราเอล 19 คำอธิษฐานของเขา และการที่พระเจ้าเปลี่ยนใจเพราะคำวิงวอนของเขา รวมทั้งความบาปและความไม่ซื่อสัตย์ทั้งหมดที่เขาได้ทำไป ตลอดจนสถานที่ต่างๆที่เขาได้สร้างสถานนมัสการ และจัดตั้งพวกเสาให้กับพระอาเชราห์ และพวกรูปเคารพต่างๆก่อนที่เขาจะถ่อมตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ได้เขียนไว้แล้วในบันทึกของพวกผู้ที่เห็นนิมิต 20 มนัสเสห์ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา และศพของเขาถูกฝังอยู่ในวังของเขาเอง และอาโมนลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา

กษัตริย์อาโมนปกครองยูดาห์

(2 พกษ. 21:19-26)

21 อาโมนมีอายุยี่สิบสองปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มสองปี 22 เขาทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ เหมือนกับที่มนัสเสห์พ่อของเขาทำ อาโมนกราบไหว้และถวายเครื่องสัตวบูชาให้กับพวกรูปเคารพที่มนัสเสห์พ่อของเขาสร้างขึ้น 23 อาโมนไม่ได้ถ่อมตัวต่อหน้าพระยาห์เวห์เหมือนกับที่มนัสเสห์พ่อของเขาถ่อมตัวลง แต่อาโมนกลับยิ่งทำบาปเพิ่มมากขึ้น 24 พวกข้าราชการของอาโมนรวมหัวกันต่อต้านเขา และลอบฆ่าเขาในวังของเขา 25 แล้วประชาชนในแผ่นดินนั้นก็ฆ่าพวกที่รวมหัวกันฆ่ากษัตริย์อาโมน และพวกเขาก็ยกโยสิยาห์ลูกชายของอาโมนขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากพ่อของเขา

กษัตริย์โยสิยาห์ปกครองยูดาห์

(2 พกษ. 22:1-2)

34 โยสิยาห์มีอายุแปดปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มสามสิบเอ็ดปี เขาทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ และเดินตามทางของดาวิดบรรพบุรุษของเขา โยสิยาห์ไม่ออกนอกลู่นอกทางเลยแม้แต่นิดเดียว ในปีที่แปดที่โยสิยาห์ปกครองนั้น ในขณะที่เขายังเป็นเด็กหนุ่มมาก เขาเริ่มค้นหาพระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของเขา ในปีที่สิบสองที่เขาปกครองนั้น เขาเริ่มกวาดล้างพวกสถานนมัสการ พวกเสาสำหรับพระอาเชราห์ พวกรูปเคารพแกะสลัก และรูปหล่อทั้งหลายในยูดาห์และในเยรูซาเล็ม เขาสั่งให้ทำลายพวกแท่นบูชาของพวกพระบาอัล ตัดพวกแท่นบูชาเครื่องหอมที่อยู่ในที่เหล่านั้นออกเป็นชิ้นๆ และทุบพวกเสาสำหรับพระอาเชราห์ พวกรูปเคารพและพวกรูปปั้นจนแตกละเอียด เขาเอาพวกเศษที่แตกละเอียดเหล่านี้ไปโปรยบนหลุมฝังศพของพวกที่เคยถวายสัตวบูชาให้กับสิ่งเหล่านี้ เขาเผากระดูกของพวกนักบวชบนแท่นบูชาของพวกเขาเอง และอย่างนี้เอง เขาก็ชำระล้างยูดาห์และเยรูซาเล็มให้บริสุทธิ์ ตามเมืองต่างๆของมนัสเสห์ เอฟราอิมและสิเมโอน ไปจนถึงนัฟทาลีและในซากเมืองทั้งหลายรอบๆเมืองเหล่านี้[l] เขาได้รื้อทำลายพวกแท่นบูชาและพวกเสาสำหรับพระอาเชราห์ลง และได้บดขยี้พวกรูปเคารพจนเป็นผุยผง เขายังตัดพวกแท่นบูชาเครื่องหอมทั่วทั้งอิสราเอลออกเป็นชิ้นๆ แล้วเขาจึงกลับเมืองเยรูซาเล็ม

ในปีที่สิบแปดที่โยสิยาห์ปกครอง โยสิยาห์ส่งชาฟานลูกชายของอาซาลิยาห์และมาอาเสอาห์เจ้าเมือง พร้อมกับโยอาห์ผู้จดบันทึกลูกชายของโยอาฮาส ให้ไปซ่อมแซมวิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา เพื่อเป็นการชำระล้างแผ่นดินยูดาห์และวิหารให้บริสุทธิ์

คนพวกนี้ได้ไปหาฮิลคียาห์นักบวชชั้นสูง และมอบเงินที่คนเอามาถวายให้กับพระเจ้าที่วิหารให้กับฮิลคียาห์ มันเป็นเงินที่ชาวเลวีที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูเป็นผู้เก็บรวบรวมมาจากประชาชนชาวมนัสเสห์ เอฟราอิมและจากอิสราเอลที่เหลือทั้งหมดนั้น รวมทั้งจากประชาชนทั้งหมดของยูดาห์ เบนยามิน และจากชาวเมืองเยรูซาเล็ม 10 แล้วพวกเลวีก็จ่ายเงินนี้ให้กับคนที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ควบคุมงานในวิหารของพระยาห์เวห์ แล้วผู้ควบคุมงานเหล่านี้ก็เอาเงินนี้ไปจ่ายให้กับพวกคนงานที่มาซ่อมแซมและบูรณะวิหาร อีกต่อหนึ่ง 11 พวกเขายังให้เงินกับพวกช่างไม้และช่างก่อสร้าง เพื่อนำไปซื้อหินที่ได้รับการตัดแต่งแล้ว และไปซื้อไม้เพื่อนำมาสร้างไม้รองพื้น และคานสำหรับตึกต่างๆที่พวกกษัตริย์ของยูดาห์ได้ปล่อยไว้จนทรุดโทรม 12 พวกคนงานต่างทำงานกันอย่างซื่อสัตย์ พวกเขาทำงานภายใต้การสั่งงานของยาหาทและโอบาดียาห์พวกชาวเลวีที่เป็นลูกหลานของเมรารี ยังมีเศคาริยาห์และเมชุลลัมที่เป็นลูกหลานของโคฮาทด้วย พวกชาวเลวีทุกคนมีความชำนาญในการเล่นเครื่องดนตรีต่างๆ 13 พวกเขาคอยดูแลพวกคนงานและสั่งงานพวกคนงานทั้งหมดในงานทุกๆชิ้น ชาวเลวีบางคนทำงานเป็นเลขานุการบ้าง เป็นผู้จดบันทึกบ้าง และเป็นคนเฝ้าประตูบ้าง

การค้นพบหนังสือกฎของพระยาห์เวห์

(2 พกษ. 22:3-23:3)

14 ในขณะที่พวกเลวีกำลังนำเงินที่เก็บไว้ในวิหารของพระยาห์เวห์ออกมานั้น นักบวชฮิลคียาห์ได้พบหนังสือกฏของพระยาห์เวห์ที่เคยให้ไว้กับโมเสส 15 ฮิลคียาห์พูดกับชาฟานที่เป็นเลขานุการว่า “เราได้พบหนังสือกฎบัญญัติอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์” แล้วเขาได้มอบหนังสือเล่มนั้นให้กับชาฟาน 16 แล้วชาฟานก็เอาหนังสือเล่มนั้นไปให้กับกษัตริย์และรายงานกับกษัตริย์ว่า “พวกเจ้าหน้าที่ของท่านได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างตามที่ท่านได้มอบหมายให้กับพวกเขาทำ 17 พวกเขาเอาเงินที่อยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ไปจ่ายให้กับพวกหัวหน้าคนงานและพวกคนงานเรียบร้อยแล้ว” 18 แล้วชาฟานที่เป็นเลขานุการก็แจ้งกับกษัตริย์ว่า “นักบวชฮิลคียาห์ให้หนังสือเล่มหนึ่งกับข้าพเจ้า” และชาฟานก็อ่านมันต่อหน้ากษัตริย์ 19 เมื่อกษัตริย์ได้ฟังข้อความในหนังสือกฎเล่มนั้น เขาก็ฉีกเสื้อคลุมของเขาออก[m] 20 เขาสั่งฮิลคียาห์ อาหิคัมลูกชายของชาฟาน อับโดนลูกชายของมีคาห์ ชาฟานที่เป็นเลขานุการและอาสายาห์คนรับใช้ของเขาว่า 21 “ไปสอบถามพระยาห์เวห์ให้กับเราและให้กับประชาชนที่เหลืออยู่เป็นส่วนน้อยในอิสราเอลและในยูดาห์ เกี่ยวกับสิ่งที่เขียนอยู่ในหนังสือที่ถูกค้นพบเล่มนี้ ความโกรธอันยิ่งใหญ่ของพระยาห์เวห์ได้หลั่งไหลมาที่พวกเรา ก็เพราะบรรพบุรุษของพวกเราไม่ยอมรักษาคำพูดของพระยาห์เวห์ พวกเขาไม่ยอมทำตามสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้”

22 ฮิลคียาห์กับพวกคนที่กษัตริย์ส่งไปนั้น[n]ได้ไปพูดกับผู้หญิงที่พูดแทนพระเจ้า ชื่อฮุลดาห์ นางเป็นเมียของชัลลูมลูกชายของทกหาทที่เป็นลูกชายของหัสราห์ ชัมลูมมีหน้าที่ดูแลเสื้อผ้าของกษัตริย์ ฮุลดาห์อาศัยอยู่ในเขตใหม่ของเมืองเยรูซาเล็ม 23 นางพูดกับพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลพูดอย่างนี้ว่า ‘ให้บอกกับคนที่ส่งพวกเจ้ามาหาเราว่า 24 “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด เรากำลังจะนำความหายนะมาสู่สถานที่แห่งนี้ และสู่ประชาชนที่นี่ มันคือคำสาปแช่งทั้งหมดที่เขียนอยู่ในหนังสือเล่มนี้ ที่ได้อ่านแล้วต่อหน้าของกษัตริย์ของยูดาห์ 25 เพราะพวกเขาละทิ้งเรา และเผาเครื่องหอมบูชาให้แก่พระอื่นๆและมายั่วยุให้เราโกรธด้วยสิ่งต่างๆที่พวกเขาสร้างขึ้นมากับมือ ความโกรธของเราจะหลั่งไหลออกมาสู่สถานที่แห่งนี้และจะไม่ดับลงด้วย”’”

26 “ให้บอกกับกษัตริย์ของยูดาห์ที่ส่งพวกท่านมาสอบถามพระยาห์เวห์ว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของชนชาติอิสราเอลพูดเกี่ยวกับข้อความทั้งหลายที่เจ้าได้ยินเมื่อตะกี้นี้ 27 “โยสิยาห์ เป็นเพราะใจของเจ้าสนองตอบและพวกเจ้าได้ถ่อมตัวเองลงต่อหน้าพระเจ้า เมื่อได้ยินในสิ่งที่พระองค์พูดคัดค้านสถานที่แห่งนี้และประชาชนที่นี่ และเป็นเพราะว่าเจ้าได้ถ่อมตัวเองลงมาต่อหน้าเราและได้ฉีกเสื้อคลุมของเจ้าและยังร้องไห้ต่อหน้าเรา พระยาห์เวห์ประกาศว่า เราได้ยินเจ้าแล้ว 28 ตอนนี้ เราจะรวมเจ้าไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า เจ้าจะถูกฝังอย่างสงบ ดวงตาของเจ้าจะไม่ได้เห็นความหายนะทั้งหลาย ที่เรากำลังจะนำมาสู่สถานที่แห่งนี้และสู่ประชาชนที่อาศัยอยู่ที่นี่”’” ดังนั้นพวกเขาจึงนำคำตอบของนางกลับไปบอกกับกษัตริย์

29 แล้วกษัตริย์โยสิยาห์ได้เรียกพวกผู้ใหญ่ของยูดาห์และของเยรูซาเล็มทั้งหมดมารวมตัวกัน 30 เขาได้ขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์กับคนเหล่านั้นของยูดาห์ และทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม รวมทั้งพวกนักบวชและพวกชาวเลวี คือประชาชนทั้งหมดตั้งแต่ชนชั้นระดับสำคัญๆไปจนถึงระดับล่าง โยสิยาห์อ่านทุกคำในหนังสือข้อตกลงที่พบในวิหารของพระยาห์เวห์นั้นให้กับทุกคนฟัง

31 กษัตริย์ยืนอยู่ในที่ของเขา และได้ทำข้อตกลงใหม่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ว่าจะติดตามพระยาห์เวห์และจะรักษาคำสั่งทุกข้อของพระองค์ กฎและข้อบังคับต่างๆอย่างสุดจิตสุดใจ และจะทำตามคำพูดของข้อตกลงที่เขียนอยู่ในหนังสือเล่มนี้ 32 แล้วเขาก็ให้ทุกคนในเยรูซาเล็มและเบนยามินสาบานตนกับข้อตกลงนี้ ประชาชนของเยรูซาเล็มได้ทำอย่างนี้ ตามสิ่งที่เขียนไว้ในข้อตกลงของพระเจ้าที่เป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษพวกเขา 33 โยสิยาห์ยกเอาพวกรูปเคารพที่น่าขยะแขยงออกไปจากเขตแดนทั้งหมดที่เป็นของชนชาติอิสราเอล และเขาก็ให้ทุกคนที่อยู่ในอิสราเอลรับใช้พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ตราบเท่าที่กษัตริย์โยสิยาห์ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาไม่ได้หันเหไปจากการติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา

โยสิยาห์ฉลองเทศกาลปลดปล่อย

(2 พกษ. 23:21-23)

35 โยสิยาห์เฉลิมฉลองเทศกาลปลดปล่อยถวายให้กับพระยาห์เวห์ในเมืองเยรูซาเล็ม และฆ่าลูกแกะตัวผู้ของเทศกาลปลดปล่อยในวันที่สิบสี่ของเดือนที่หนึ่ง กษัตริย์โยสิยาห์แต่งตั้งพวกนักบวชให้ทำงานตามหน้าที่ของพวกเขา และส่งเสริมให้พวกนักบวชรับใช้ในวิหารของพระยาห์เวห์ เขาพูดกับพวกชาวเลวีที่คอยสั่งสอนชาวอิสราเอลทั้งหมดและได้ชำระตัวให้บริสุทธิ์แล้วสำหรับรับใช้พระยาห์เวห์ว่า “ให้วางหีบศักดิ์สิทธิ์ไว้ในวิหาร ที่ซาโลมอนลูกชายของกษัตริย์ดาวิดของอิสราเอลได้สร้างขึ้น พวกเจ้าจะไม่ต้องแบกมันอยู่บนบ่าอีก ตอนนี้ให้รับใช้พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้ากับประชาชนชาวอิสราเอลของพระองค์เถิด ให้แบ่งพวกเจ้าออกเป็นกลุ่มๆตามครอบครัว อย่างที่กษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอลและซาโลมอนลูกชายของเขาได้เขียนกำหนดไว้ ให้ยืนอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับกลุ่มของชาวเลวี ตามกลุ่มย่อยของแต่ละครอบครัวของญาติพี่น้องเจ้าที่ไม่ได้เป็นนักบวช ให้ฆ่าพวกลูกแกะของเทศกาลปลดปล่อย และชำระตัวพวกเจ้าเองให้บริสุทธิ์ และให้จัดเตรียมพวกลูกแกะสำหรับญาติพี่น้องของพวกท่าน พระยาห์เวห์ได้สั่งทั้งหมดนี้ผ่านมาทางโมเสส”

โยสิยาห์ได้จัดเตรียมแกะกับแพะไว้รวมสามหมื่นตัวเพื่อเป็นเครื่องบูชาสำหรับเทศกาลปลดปล่อยให้กับพวกคนที่ไม่ใช่นักบวช และยังมีวัวสามพันตัว สัตว์ทั้งหมดนี้มาจากสมบัติส่วนตัวของกษัตริย์ พวกเจ้าหน้าที่ของเขาสมัครใจนำของมาด้วย พวกเขาเอามาให้กับประชาชน พวกนักบวช และชาวเลวี ฮิลคียาห์นักบวชสูงสุด เศคาริยาห์และเยฮีเอลเป็นผู้ทำพิธีในวิหารของพระเจ้า พวกเขาเอาลูกแกะสองพันหกร้อยตัวและวัวสามร้อยตัวให้กับพวกนักบวชเพื่อถวายเป็นเครื่องบูชาสำหรับเทศกาลปลดปล่อย โคนานิยาห์ เชไมอาห์และเนธันเอลน้องชายทั้งสองของเขา รวมทั้งฮาชาบิยาห์ เยอีเอลและโยซาบาดซึ่งเป็นผู้นำของชาวเลวี ก็ได้จัดหาพวกแพะและแกะรวมห้าพันตัว และวัวห้าร้อยตัว ให้กับชาวเลวี เพื่อใช้เป็นเครื่องบูชาสำหรับเทศกาลปลดปล่อย

10 เมื่อทุกอย่างพร้อมที่จะเริ่มพิธี พวกนักบวชและชาวเลวีก็ได้ไปยืนอยู่ประจำที่ตามกลุ่มของตน ตามที่กษัตริย์ได้สั่งไว้ 11 มีการฆ่าพวกลูกแกะตัวผู้สำหรับเทศกาลปลดปล่อย แล้วพวกชาวเลวีก็ถลกหนังของสัตว์เหล่านั้น ส่วนเลือดของพวกมัน พวกเขาเอาไปให้กับพวกนักบวช พวกนักบวชก็เอาเลือดไปสาดบนแท่นบูชา 12 พวกเขาได้แบ่งสัตว์ที่จะเอาไปเป็นเครื่องเผาบูชานี้ให้กับแต่ละครอบครัว เพื่อเอาไปถวายพระยาห์เวห์ตามที่เขียนไว้ในหนังสือของโมเสส พวกเขาได้ทำอย่างเดียวกันนี้กับพวกวัวด้วย 13 พวกเลวีใช้ไฟย่างสัตว์ที่ใช้สำหรับเทศกาลปลดปล่อยตามที่กฎสั่งไว้ และพวกเขาก็ต้มของถวายอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในหม้อ ในหม้อใบใหญ่และในกระทะ แล้วพวกเขาก็เอาเนื้อไปแบ่งให้กับประชาชนทันที 14 หลังจากนั้นพวกเลวีก็เอาเนื้อเก็บไว้สำหรับตัวพวกเขาเอง และสำหรับพวกนักบวชที่เป็นลูกหลานของอาโรนด้วย เพราะนักบวชพวกนี้กำลังยุ่งอยู่กับการเผาเครื่องเผาบูชา และส่วนที่เป็นไขมันจนมืดค่ำ 15 พวกนักดนตรีที่เป็นลูกหลานของอาสาฟ อยู่ประจำที่ตามที่ดาวิด อาสาฟ เฮมานและเยดูธูนคนของกษัตริย์ที่เห็นนิมิตได้นั้น ได้กำหนดให้กับพวกเขา พวกคนเฝ้าประตูก็อยู่ที่ประตูของตนโดยไม่ต้องออกไปที่ไหน เพราะพวกชาวเลวีด้วยกันได้จัดเตรียมของทุกอย่างไว้ให้กับพวกเขาแล้วสำหรับเทศกาลปลดปล่อย

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International