Bible in 90 Days
รายงานจากเยรูซาเล็ม
1 เนหะมีย์บุตรของฮาคาลิยาห์กล่าวว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นในเดือนคิสเลฟ ปีที่ยี่สิบ ขณะที่ข้าพเจ้าอยู่ในสุสาเมืองป้อมปราการ 2 คือ ฮานานีพี่น้องคนหนึ่งของข้าพเจ้า มากับชายบางคนจากยูดาห์ และข้าพเจ้าถามพวกเขาถึงเรื่องชาวยิวที่หนีรอดไปได้ และมีชีวิตพ้นจากการเป็นเชลย และถามถึงเรื่องเยรูซาเล็ม 3 พวกเขาบอกข้าพเจ้าว่า “คนที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่ในแคว้น ที่มีชีวิตพ้นจากการเป็นเชลยกำลังลำบากและอับอายมาก กำแพงเมืองเยรูซาเล็มพังลง และประตูเมืองถูกไฟเผา”
เนหะมีย์อธิษฐาน
4 ทันทีที่ข้าพเจ้าได้ยินถึงเรื่องเหล่านั้น ข้าพเจ้าก็นั่งร้องไห้และคร่ำครวญเป็นเวลาหลายวัน และข้าพเจ้าอดอาหารและอธิษฐานอย่างต่อเนื่อง ณ เบื้องหน้าพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ 5 ข้าพเจ้าพูดว่า
“โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม พระองค์รักษาพันธสัญญาและความรักอันมั่นคงต่อบรรดาผู้ที่รักพระองค์ และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ 6 ขอพระองค์เฝ้าดูและฟังคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อหน้าพระองค์ตลอดทั้งวันและคืน เพื่อประชาชนอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์ ข้าพเจ้าสารภาพบาปของประชาชนอิสราเอล พวกเราได้กระทำบาปต่อพระองค์ ทั้งข้าพเจ้าและตระกูลของข้าพเจ้าได้กระทำบาป 7 พวกเราได้กระทำความชั่วต่อพระองค์ และไม่ได้ปฏิบัติตามพระบัญญัติ กฎเกณฑ์ และข้อกำหนด ซึ่งพระองค์บัญชาโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ 8 โปรดระลึกถึงคำกล่าวที่พระองค์บัญชาโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ที่ว่า ‘ถ้าเจ้าไม่ภักดี เราจะทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายไปในหมู่ชนชาติทั้งหลาย 9 แต่ถ้าพวกเจ้ากลับมาหาเรา รักษาคำบัญญัติของเรา และปฏิบัติตาม ถึงแม้ว่าพวกที่ถูกเนรเทศไปไกลสุดฟากฟ้าก็ตาม เราก็จะรวบรวมพวกเขากลับมายังที่ซึ่งเราได้เลือกไว้ เพื่อยกย่องนามของเราที่นั่น’ 10 พวกเขาเป็นผู้รับใช้และเป็นชนชาติของพระองค์ ซึ่งพระองค์ได้ไถ่ให้รอดด้วยอานุภาพและพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 11 โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์โปรดฟังคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ และคำอธิษฐานของบรรดาผู้รับใช้ที่ยินดีเคารพพระนามของพระองค์ โปรดให้ผู้รับใช้ของพระองค์ได้รับความสำเร็จในวันนี้ และให้ข้าพเจ้าได้รับความเมตตาจากกษัตริย์เถิด”
เวลานั้นข้าพเจ้าเป็นพนักงานถวายเหล้าองุ่น
กษัตริย์ส่งเนหะมีย์ไปยูดาห์
2 ในเดือนนิสาน ปีที่ยี่สิบแห่งการครองราชย์ของกษัตริย์อาร์ทาเซอร์ซีส เมื่อเป็นเวลาถวายเหล้าองุ่น ข้าพเจ้าก็รับเหล้าองุ่นมาถวายกษัตริย์ ข้าพเจ้าไม่เคยเศร้าโศกต่อหน้าท่านมาก่อน 2 กษัตริย์กล่าวกับข้าพเจ้าว่า “ทำไมเจ้าจึงหน้าเศร้า ในเมื่อเจ้าก็ไม่ได้เจ็บป่วย นี่คงไม่ใช่อะไรอื่น แต่เป็นความทุกข์ใจ” 3 ข้าพเจ้าตอบกษัตริย์ว่า “ขอให้กษัตริย์มีชีวิตยิ่งยืนนานเถิด หน้าข้าพเจ้าจะไม่เศร้าได้อย่างไร ในเมื่อเมืองซึ่งเป็นที่ฝังศพของบรรพบุรุษของข้าพเจ้า เหลือแต่ซากปรักหักพัง และประตูเมืองก็ถูกไฟไหม้เสียหาย” 4 กษัตริย์จึงกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าต้องการขอสิ่งใด” ดังนั้นข้าพเจ้าจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ 5 และข้าพเจ้าตอบกษัตริย์ว่า “ถ้าหากว่าเป็นที่พอใจของกษัตริย์ และถ้าผู้รับใช้ของท่านเป็นที่พอใจของท่าน ขอท่านโปรดให้ข้าพเจ้าไปยังยูดาห์ เมืองซึ่งเป็นที่ฝังศพของบรรพบุรุษของข้าพเจ้าเถิด เพื่อข้าพเจ้าจะสร้างเมืองขึ้นใหม่” 6 ราชินีนั่งข้างกษัตริย์ และกษัตริย์กล่าวกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าจะไปนานแค่ไหน เมื่อไหร่เจ้าจะกลับมา” เมื่อข้าพเจ้ากำหนดวันเวลา กษัตริย์ก็พอใจที่ให้ข้าพเจ้าไป 7 ข้าพเจ้าตอบกษัตริย์ว่า “ถ้ากษัตริย์จะโปรด กรุณาให้ข้าพเจ้าถือจดหมายไปยังผู้ว่าราชการของแคว้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส เพื่อพวกเขาจะอนุญาตให้ข้าพเจ้าเดินทางผ่านไปจนถึงยูดาห์ 8 และจดหมายถึงอาสาฟผู้รักษาป่าไม้ของกษัตริย์ เพื่อเขาจะได้มอบไม้ทำคานค้ำประตูป้อมปราการที่ข้างพระวิหาร และก่อกำแพงเมือง และก่อสร้างบ้านที่ข้าพเจ้าจะได้อาศัยอยู่” กษัตริย์ก็ประทานสิ่งที่ข้าพเจ้าขอ ด้วยว่ามืออันประเสริฐของพระเจ้าของข้าพเจ้าสถิตกับข้าพเจ้า
เนหะมีย์สำรวจกำแพงเยรูซาเล็ม
9 ข้าพเจ้าไปหาบรรดาผู้ว่าราชการแคว้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส และยื่นจดหมายของกษัตริย์ให้แก่พวกเขา กษัตริย์ได้ให้พวกกองทัพทหารและทหารม้าไปกับข้าพเจ้าด้วย 10 แต่เมื่อสันบาลลัทชาวโฮโรน และโทบียาห์เจ้าหน้าที่ชาวอัมโมน ทราบเรื่องนี้ จึงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ที่มีคนเข้ามาสนใจทุกข์สุขของชาวอิสราเอล
11 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงไปยังเยรูซาเล็ม และอยู่ที่นั่น 3 วัน 12 ข้าพเจ้ากับชายอีกสองสามคนที่มาด้วยก็เริ่มปฏิบัติงานในเวลากลางคืน ข้าพเจ้าไม่ได้บอกผู้ใดว่า พระเจ้าของข้าพเจ้าดลใจข้าพเจ้าให้ทำอะไรเพื่อเยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าไม่ได้นำสัตว์อื่นไปด้วย ยกเว้นสัตว์ตัวที่ข้าพเจ้าขี่ไป 13 ในเวลากลางคืนข้าพเจ้าออกไปข้างประตูหุบเขา ไปยังน้ำพุมังกรและประตูมูลสัตว์ และข้าพเจ้าสำรวจกำแพงเยรูซาเล็มที่พังลง และประตูเมืองที่ถูกไฟเผา 14 และข้าพเจ้าเลยไปดูที่ประตูน้ำพุและสระน้ำของกษัตริย์ แต่สัตว์ที่ข้าพเจ้าขี่นั้น ผ่านเข้าไปไม่ได้ 15 แล้วในเวลากลางคืนข้าพเจ้าก็ขึ้นไปข้างหุบเขา และสำรวจกำแพง และกลับเข้ามาทางประตูหุบเขา 16 พวกเจ้าหน้าที่ไม่ทราบว่าข้าพเจ้าไปไหนหรือไปทำอะไร และข้าพเจ้าก็ยังไม่ได้บอกชาวยิว บรรดาปุโรหิต ขุนนาง เจ้าหน้าที่ และคนอื่นๆ ที่จะทำการก่อสร้าง
17 แล้วข้าพเจ้าพูดกับพวกเขาว่า “พวกท่านก็เห็นว่าพวกเราตกอยู่ในความลำบาก เยรูซาเล็มเหลือแต่ซาก ประตูเมืองถูกเผา เรามาสร้างกำแพงเยรูซาเล็มกันเถิด พวกเราจะได้ไม่ต้องเผชิญกับการดูหมิ่นอีกต่อไป” 18 และข้าพเจ้าบอกพวกเขาเรื่องที่พระเจ้าของข้าพเจ้าได้คุ้มครองข้าพเจ้าตลอดมา และเรื่องที่กษัตริย์ได้กล่าวกับข้าพเจ้า พวกเขาจึงตอบว่า “เรามาเริ่มสร้างกันใหม่เถิด” ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมตัวกันทำงานที่ดีนั้น 19 แต่เมื่อสันบาลลัทชาวโฮโรน โทบียาห์เจ้าหน้าที่ชาวอัมโมน และเกเชมชาวอาหรับทราบเรื่อง จึงเยาะเย้ยและดูหมิ่นเรา และพูดว่า “พวกเจ้าทำอะไรกันนี่ พวกเจ้าต่อต้านกษัตริย์หรือ” 20 ข้าพเจ้าจึงตอบว่า “พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์จะทำให้พวกเราประสบความสำเร็จ และพวกเราเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ และเราจะเริ่มสร้างกำแพงขึ้นใหม่ แต่พวกท่านไม่มีส่วน ไม่มีสิทธิ และไม่สามารถเรียกร้องสิ่งใดในเยรูซาเล็ม”
สร้างกำแพงขึ้นใหม่
3 ครั้นแล้ว เอลียาชีบมหาปุโรหิตและพี่น้องของเขาที่เป็นปุโรหิตจึงสร้างประตูแกะ พวกเขาทำประตูให้บริสุทธิ์ และติดตั้งบานประตู พวกเขาก่อกำแพงไกลจนถึงหอคอยหนึ่งร้อยและหอคอยฮานันเอล และทำให้สิ่งที่สร้างขึ้นใหม่บริสุทธิ์ 2 ชายชาวเยรีโคสร้างถัดจากเขาไป และศัคเคอร์บุตรอิมรีสร้างถัดจากพวกเขาไป
3 บรรดาบุตรของหัสเส-นาอาห์สร้างประตูปลา พวกเขาวางคาน และตั้งบานประตู สลักกลอนและดาลประตู 4 เมเรโมทบุตรอุรียาห์ผู้เป็นบุตรฮักโขส ซ่อมแซมถัดจากพวกเขาไป เมชุลลามบุตรเบเรคิยาห์ผู้เป็นบุตรเมเชซาเบล ซ่อมแซมถัดจากพวกเขาไป ศาโดกบุตรบาอานาซ่อมแซมถัดจากพวกเขาไป 5 ชาวเทโคอาซ่อมแซมถัดจากพวกเขาไป แต่เหล่าเจ้านายของพวกเขาไม่ยอมลดตัวลงรับใช้นายงานของเขา
6 โยยาดาบุตรปาเสอัค และเมชุลลามบุตรเบโสไดอาห์ ซ่อมแซมประตูเยชานา พวกเขาวางคาน และตั้งบานประตู สลักกลอนและดาลประตู 7 และเมลาติยาห์ชาวกิเบโอน และยาโดนชาวเมโรโนทซ่อมแซมถัดจากพวกเขาไป โดยชายชาวกิเบโอนและมิสปาห์อยู่ใต้การควบคุมของข้าราชการแคว้นทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส 8 อุสซีเอลบุตรฮาร์ฮายาห์ช่างทองซ่อมแซมถัดจากพวกเขาไป ฮานันยาห์หนึ่งในบรรดาผู้ปรุงน้ำมันหอมซ่อมแซมส่วนที่ถัดไป พวกเขาฟื้นฟูเยรูซาเล็มไกลไปจนถึงกำแพงกว้าง 9 เรไฟยาห์บุตรฮูร์ ผู้ปกครองครึ่งอาณาเขตเยรูซาเล็มซ่อมแซมถัดจากพวกเขาไป 10 เยดายาห์บุตรฮารุมัฟซ่อมแซมถัดจากพวกเขาไป ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านของเขาเอง ฮัทธัชบุตรฮาชับเนยาห์ซ่อมแซมส่วนที่ถัดไป 11 มัลคิยาห์บุตรฮาริม และหัสชูบบุตรปาหัทโมอับ ซ่อมแซมอีกส่วนหนึ่งและหอคอยเตาอบ 12 ชัลลูมบุตรฮัลโลเหช ซึ่งเป็นผู้ปกครองครึ่งอาณาเขตเยรูซาเล็ม กับบรรดาบุตรหญิงของเขาซ่อมแซมส่วนที่ถัดไป
13 ฮานูนและผู้อาศัยอยู่ในเมืองศาโนอาห์ซ่อมแซมประตูหุบเขา คือพวกเขาสร้างประตูขึ้นใหม่ และตั้งบานประตู สลักกลอนและดาลประตู และซ่อมกำแพง 1,000 ศอกไกลไปจนถึงประตูมูลสัตว์
14 มัลคิยาห์บุตรเรคาบ ซึ่งเป็นผู้ปกครองอาณาเขตเบธฮัคเคเรมซ่อมแซมประตูมูลสัตว์ เขาสร้างประตูขึ้นใหม่ และตั้งบานประตู สลักกลอนและดาลประตู
15 ชัลลูมบุตรคลโฮเซห์ ซึ่งเป็นผู้ปกครองอาณาเขตมิสปาห์ซ่อมแซมประตูน้ำพุ เขาสร้างขึ้นใหม่ และตั้งบานประตู สลักกลอนและดาลประตู และเขาสร้างกำแพงสระน้ำเชลาห์ที่สวนของกษัตริย์ ไกลไปจนถึงบันไดที่ลงไปจากเมืองของดาวิด 16 คนต่อมาคือเนหะมีย์บุตรอัสบูก ซึ่งเป็นผู้ปกครองครึ่งอาณาเขตเบธซูร์ ซ่อมแซมไปจนถึงจุดที่อยู่ตรงข้ามที่เก็บศพของดาวิด ไกลไปจนถึงสระขุดและที่พักอาศัยของทหารกล้า 17 คนต่อมาคือชาวเลวี ซึ่งเป็นผู้ซ่อมแซมภายใต้การควบคุมของเรฮูมบุตรของบานี ฮาชาบิยาห์เป็นผู้ปกครองครึ่งอาณาเขตเคอีลาห์ ซึ่งเป็นผู้ซ่อมแซมให้อาณาเขตของเขาเอง 18 คนต่อมาคือบาวัยบุตรเฮนาดัดพี่น้องของเขา ซึ่งเป็นผู้ปกครองครึ่งอาณาเขตเคอีลาห์ ซ่อมแซมส่วนที่ถัดไป 19 คนถัดไปคือเอเซอร์บุตรเยชูอา ซึ่งเป็นผู้ปกครองอาณาเขตมิสปาห์ ซ่อมแซมส่วนหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามทางขึ้นคลังอาวุธที่ฐานหินยันกำแพง 20 คนต่อมาคือบารุคบุตรศับบัย ซ่อมแซมส่วนหนึ่งจากฐานหินยันกำแพง ไปจนถึงประตูบ้านของเอลียาชีบมหาปุโรหิต 21 คนต่อมาคือเมเรโมทบุตรอุรียาห์ ผู้เป็นบุตรฮักโขส ซ่อมแซมส่วนหนึ่งจากประตูบ้านของเอลียาชีบ ไปจนถึงท้ายบ้านของเอลียาชีบ 22 คนต่อมาที่ซ่อมแซมคือบรรดาปุโรหิตที่มาจากรอบๆ บริเวณนั้น 23 คนต่อจากพวกเขาคือเบนยามินและหัสชูบซ่อมแซมตรงข้ามบ้านของพวกเขา คนต่อจากพวกเขาคืออาซาริยาห์บุตรมาอาเสยาห์ ผู้เป็นบุตรอานานิยาห์ ซ่อมแซมข้างบ้านของตน 24 คนต่อจากเขาคือบินนุยบุตรเฮนาดัด ซ่อมแซมส่วนหนึ่ง ตั้งแต่บ้านของอาซาริยาห์จนถึงฐานหินยันกำแพง และจนถึงหัวมุมกำแพง 25 ปาลาลบุตรอุซัย ซ่อมแซมที่ตรงข้ามกับฐานหินยันกำแพงและหอคอยที่ยื่นจากวังชั้นบนของกษัตริย์ ใกล้ลานทหารยาม คนต่อจากเขาคือเปดายาห์บุตรปาโรช 26 และบรรดาผู้รับใช้พระวิหารที่อาศัยอยู่บนเนินเขาโอเฟล ซ่อมแซมไปจนถึงจุดตรงข้ามประตูน้ำทางทิศตะวันออกและยื่นจากหอคอย 27 คนต่อจากเขาคือชาวเทโคอา ซ่อมแซมส่วนหนึ่งตรงข้ามหอคอยใหญ่ที่ยื่นออกไปไกลจนถึงกำแพงของโอเฟล
28 บรรดาปุโรหิตซ่อมแซมเหนือประตูม้า แต่ละคนซ่อมส่วนที่อยู่หน้าบ้านของตน 29 คนต่อจากเขาคือศาโดกบุตรอิมเมอร์ ซ่อมส่วนที่อยู่หน้าบ้านของตน คนต่อจากเขาคือเชไมยาห์บุตรเชคานิยาห์ คนเฝ้าประตูตะวันออก ซ่อมแซมส่วนที่ถัดไป 30 คนต่อจากเขาคือฮานันยาห์บุตรเชเลมิยาห์ ฮานูนบุตรคนที่หกของศาลาฟ ซ่อมแซมส่วนหนึ่ง คนต่อจากเขาคือเมชุลลามบุตรเบเรคิยาห์ ซ่อมแซมส่วนตรงข้ามกับห้องของเขา 31 คนต่อจากเขาคือมัลคิยาห์ช่างทองคนหนึ่ง ซ่อมแซมไปไกลจนถึงบ้านของบรรดาผู้รับใช้พระวิหารและของพ่อค้า ตรงข้ามกับประตูตรวจพินิจ เขาซ่อมไปไกลจนถึงห้องชั้นบนที่มุมกำแพง 32 บรรดาช่างทองและพ่อค้าซ่อมแซมกำแพงระหว่างห้องชั้นบนที่มุมกำแพงกับประตูแกะ
ผู้ขัดขวางงาน
4 เมื่อสันบาลลัททราบว่า พวกเรากำลังสร้างกำแพง เขาก็โกรธและเดือดดาลยิ่งนัก และเขาเย้ยหยันชาวยิว 2 เขาพูดต่อหน้าพวกพ้องและกองทัพสะมาเรียว่า “พวกยิวที่อ่อนแอเหล่านี้ทำอะไรกัน พวกเขาจะฟื้นฟูสิ่งต่างๆ ให้ตัวเองหรือ เขาจะถวายเครื่องสักการะหรือ เขาจะสร้างเสร็จในวันเดียวหรือ พวกเขาจะรื้อหินไหม้ดำจากกองขยะออกมาใช้ใหม่อย่างนั้นหรือ” 3 โทบียาห์ชาวอัมโมนอยู่ข้างๆ เขา จึงพูดว่า “แค่มีสุนัขจิ้งจอกสักตัวกระโดดขึ้นไปบนสิ่งที่พวกเขากำลังสร้างอยู่ กำแพงหินก็จะพังลงมา” 4 โอ พระเจ้าของเรา โปรดฟัง เพราะพวกเราถูกดูแคลน ขอให้การสบประมาทของพวกเขาย้อนกลับไปหาตัวเขาเอง และให้พวกเขาถูกจับไปเป็นเชลย 5 ขอพระองค์อย่าปกป้องความผิดของพวกเขา และอย่ากำจัดบาปของพวกเขาให้พ้นไปจากสายตาของพระองค์ เพราะพวกเขายั่วโทสะพระองค์ต่อหน้าต่อตาบรรดาผู้ก่อสร้าง
6 พวกเราจึงสร้างกำแพง และกำแพงเชื่อมต่อกันจนสูงได้ครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะประชาชนล้วนมีกำลังใจที่จะทำงาน
7 แต่เมื่อสันบาลลัทและโทบียาห์กับชาวอาหรับ ชาวอัมโมน และชาวอัชโดด ทราบว่าการซ่อมแซมกำแพงเยรูซาเล็มดำเนินต่อไป และส่วนที่พังทลายลงก็ได้รับการซ่อมแซมขึ้นใหม่ พวกเขาจึงโกรธมาก 8 พวกเขาทุกคนจึงร่วมกันวางแผนที่จะมาโจมตีเยรูซาเล็ม เพื่อทำให้เกิดความวุ่นวาย 9 พวกเราจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าของเรา และวางยามคุ้มกันทั้งวันทั้งคืน
10 มีคนพูดกันในยูดาห์ว่า “พวกขนของกำลังอ่อนแรงลง มีซากปรักหักพังอยู่มากมาย ลำพังพวกเราก็ไม่สามารถสร้างกำแพงขึ้นใหม่ได้” 11 ศัตรูของพวกเราพูดว่า “พวกเขาจะไม่ทันรู้ตัวจนเราเข้ามาประชิดตัว ฆ่าพวกเขา งานก็จะต้องหยุดลง” 12 ในเวลานั้น พวกชาวยิวที่อาศัยอยู่ในหมู่พวกเขามาจากรอบด้าน พูดกับเรานับเป็นสิบครั้งได้ว่า “ไม่ว่าท่านหันไปทางไหน พวกเขาจะโจมตีพวกเรา” 13 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงวางยามจากประชาชนตามตระกูล พร้อมดาบ หอก และคันธนู ในบริเวณหลังกำแพงส่วนที่ต่ำสุดและที่ๆ ยังเปิดอยู่ 14 ข้าพเจ้ามองดูและลุกขึ้น และพูดกับบรรดาขุนนาง เจ้าหน้าที่ และกับประชาชนทั้งปวงว่า “อย่ากลัวพวกเขา จงระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม และต่อสู้เพื่อพี่น้อง ลูกชายลูกสาว ภรรยา และบ้านเมืองของท่าน”
ทำงานต่อไปอีก
15 เมื่อศัตรูของพวกเราทราบว่า พวกเรารู้ถึงแผนการ และพระเจ้าทำให้แผนการของพวกเขาล้มเหลว พวกเรากลับไปที่กำแพง ต่างก็ทำงานของตนต่อไป 16 จากนั้นต่อมา ครึ่งหนึ่งของผู้รับใช้ของข้าพเจ้าปฏิบัติงานก่อสร้าง และอีกครึ่งหนึ่งถือหอก โล่ คันธนู และเสื้อเกราะ และบรรดาผู้นำคอยยืนคุ้มกันข้างหลังพงศ์พันธุ์ยูดาห์ทั้งหมด 17 ซึ่งกำลังสร้างกำแพงอยู่ บรรดาผู้ที่แบกของก็ใช้มือเดียวทำงาน และอีกมือถืออาวุธ 18 ช่างก่อสร้างแต่ละคนมีดาบคาดข้างตัวขณะทำงาน ชายที่เป่าแตรงอนอยู่เคียงข้างข้าพเจ้า 19 และข้าพเจ้าพูดกับบรรดาขุนนาง เจ้าหน้าที่ และกับประชาชนทั้งปวงว่า “เรามีงานล้นมือและยังขยายกว้างออกไปอีก พวกเราแยกกันทำงานบนกำแพง และอยู่ห่างกันมาก 20 ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เมื่อได้ยินเสียงแตรงอน ก็จงเข้ามารวมตัวกันกับพวกเราที่นั่น พระเจ้าจะต่อสู้เพื่อพวกเรา”
21 ดังนั้น พวกเราจึงทำงานต่อไป ครึ่งหนึ่งของคนงานถือหอก ตั้งแต่ฟ้าสางจนถึงเวลาดาวปรากฏ 22 เวลานั้น ข้าพเจ้าสั่งประชาชนว่า “ให้ทุกคนกับผู้รับใช้ของเขาอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มตอนกลางคืน เพื่อพวกเขาจะเป็นยามให้เราในตอนกลางคืน และทำงานตอนกลางวัน” 23 ดังนั้น ข้าพเจ้าและพี่น้อง บรรดาผู้รับใช้และคนเฝ้ายาม ที่คอยติดตามข้าพเจ้า ไม่มีใครถอดเครื่องแต่งกายออก มือขวาก็ถืออาวุธไว้ตลอดเวลา
เนหะมีย์ไม่ให้บีบคั้นคนยากไร้
5 ขณะนั้น ผู้ชายบางคนกับภรรยาของเขาส่งเสียงร้องเอ็ดอึงต่อต้านพี่น้องชาวยิว 2 เพราะมีคนพูดว่า “พวกเรามีทั้งลูกชายและลูกสาวหลายคน ขอให้เราได้ข้าวมาเพื่อประทังชีวิตเถิด” 3 บางคนก็พูดว่า “เราจะจำนองไร่นา สวนองุ่น และบ้านของพวกเราเพื่อจะได้ข้าวเพราะเกิดความอดอยาก” 4 บางคนพูดว่า “พวกเราได้ขอยืมเงินมาเพื่อจ่ายค่าภาษีที่นาและสวนองุ่นของเราแก่กษัตริย์ 5 เนื้อหนังของพวกเราก็เหมือนกับเนื้อหนังของพวกเขา ลูกหลานของเราก็เหมือนกับลูกหลานของพวกเขา ถึงกระนั้นเราก็ยังต้องบังคับลูกชายลูกสาวของเราให้เป็นทาส และลูกสาวของพวกเราบางคนก็ถูกขายไปเป็นทาสแล้ว แต่เราไม่มีสิทธิ์ทำอะไรได้เลย เพราะคนอื่นได้ยึดที่นาและสวนองุ่นไปครอบครองเสียแล้ว”
6 ข้าพเจ้าโกรธมากเมื่อได้ยินเสียงร้องทุกข์ของพวกเขา 7 ข้าพเจ้าไตร่ตรองเรื่องนี้และกล่าวฟ้องร้องบรรดาขุนนางและเจ้าหน้าที่ ข้าพเจ้าพูดกับพวกเขาว่า “พวกท่านแต่ละคนเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราจากพวกพี่น้องของตนเอง” และข้าพเจ้าเรียกประชุมเพื่อกระทำต่อพวกเขา 8 และพูดกับพวกเขาว่า “เท่าที่พวกเราจะทำได้ เราได้ซื้อพี่น้องชาวยิวของเราคืนมาจากความเป็นทาส พวกเขาถูกขายให้แก่บรรดาประชาชาติ แต่ท่านกลับขายพี่น้องของท่าน เพื่อให้พวกเราซื้อพวกเขาคืนมา” พวกเขาจึงเงียบและไม่ทราบว่าจะโต้ตอบอย่างไร 9 ข้าพเจ้าจึงพูดว่า “สิ่งที่ท่านทำนั้นไม่ดี ไม่ควรหรือที่พวกท่านจะดำเนินชีวิตด้วยความเกรงกลัวในพระเจ้าของเรา เพื่อไม่ให้บรรดาประชาชาติที่เป็นศัตรูของเราตำหนิได้ 10 ยิ่งกว่านั้น ข้าพเจ้าและบรรดาพี่น้องกับผู้รับใช้ของข้าพเจ้า กำลังให้พวกเขายืมเงินและธัญพืช ให้เราลืมเรื่องการเก็บดอกเบี้ยเสียเถิด 11 และในวันนี้ขอท่านคืนที่นา สวนองุ่น สวนมะกอก บ้านเรือน เงิน ธัญพืช เหล้าองุ่น และน้ำมันที่ท่านได้เก็บเป็นดอกเบี้ยเกินอัตราจากพวกเขา” 12 พวกเขาจึงตอบว่า “เราจะจ่ายคืนพวกเขาไป และจะไม่เก็บสิ่งใดจากพวกเขาอีก เราจะทำตามที่ท่านพูด” ข้าพเจ้าจึงเรียกบรรดาปุโรหิตมาสาบานตนตามที่ได้สัญญาไว้ 13 ข้าพเจ้าจึงสลัดเสื้อและพูดว่า “ขอพระเจ้าสลัดทุกคนที่ไม่รักษาสัญญาให้ออกจากบ้านของเขา และจากทุกสิ่งที่เขาลงแรงหามา ฉะนั้นขอให้เขาถูกสลัดทิ้งและสิ้นเนื้อประดาตัว” แล้วที่ประชุมก็พูดว่า “อาเมน” และสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า และประชาชนก็ทำตามที่เขาได้สัญญาไว้
ความใจกว้างของเนหะมีย์
14 ยิ่งกว่านั้น นับจากปีที่ยี่สิบของรัชสมัยกษัตริย์อาร์ทาเซอร์ซีส เมื่อข้าพเจ้าได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าราชการของพวกเขาในยูดาห์ จนถึงปีที่สามสิบสองของท่าน คือเป็นเวลา 12 ปี ทั้งข้าพเจ้าและพี่น้องข้าพเจ้าไม่ได้รับประทานอาหารประจำตำแหน่งของผู้ว่าราชการ 15 แต่บรรดาผู้ว่าราชการก่อนหน้าข้าพเจ้าบีบบังคับประชาชนให้จ่ายเงินหนัก 40 เชเขล[a] รวมทั้งอาหารและเหล้าองุ่น แม้แต่บรรดาผู้รับใช้ของพวกเขาก็ได้เอาเปรียบประชาชน แต่ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำเช่นนั้น เพราะข้าพเจ้าเกรงกลัวพระเจ้า 16 ข้าพเจ้าถวายตัวสร้างกำแพงนี้ และไม่ได้เรียกร้องเอาที่ดินจากผู้ใด คนของข้าพเจ้าทุกคนไปร่วมกันทำงานที่นั่น 17 นอกจากบรรดาประชาชาติรอบข้างที่มาอยู่กับพวกเรา ก็ยังมีชาวยิวและเจ้าหน้าที่ 150 คนที่รับประทานร่วมโต๊ะกับข้าพเจ้า 18 แต่ละวันมีคนเตรียมโค 1 ตัว แกะอ้วนพี 6 ตัว และเป็ดไก่ นำมาให้ข้าพเจ้า และทุกๆ 10 วันก็มีเหล้าองุ่นมากมายหลายชนิด ถึงกระนั้น ข้าพเจ้าก็ยังไม่เคยเรียกร้องอาหารประจำตำแหน่งผู้ว่าราชการ เพราะการเรียกร้องสิ่งเหล่านี้เป็นภาระหนักต่อประชาชน 19 โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า ขอพระองค์ระลึกถึงความดีทั้งสิ้นที่ข้าพเจ้าได้ทำเพื่อประชาชนเหล่านี้
แผนการกบฏต่อเนหะมีย์
6 ครั้นสันบาลลัท โทบียาห์ เกเชมชาวอาหรับ และศัตรูอื่นๆ ของพวกเราทราบว่า ข้าพเจ้าได้ซ่อมกำแพง และไม่มีช่องโหว่เหลืออยู่ แม้ว่าในเวลานั้น ข้าพเจ้ายังไม่ได้ติดตั้งบานประตูกำแพง 2 สันบาลลัทและเกเชมใช้คนมาบอกข้าพเจ้าว่า “ขอเชิญท่านมาพบกับเราที่เคฟีริมในที่ราบโอโน” แต่จริงๆ แล้วพวกเขาตั้งใจจะทำร้ายข้าพเจ้า 3 ข้าพเจ้าให้ผู้ส่งข่าวไปบอกว่า “ข้าพเจ้ากำลังทำงานใหญ่ ลงมาพบท่านไม่ได้ จะให้ข้าพเจ้าหยุดงานและมาหาท่านอย่างนั้นหรือ” 4 พวกเขาแจ้งข้าพเจ้ามาเหมือนเดิม 4 ครั้ง และข้าพเจ้าก็ตอบกลับไปเหมือนเดิมทุกครั้ง 5 สันบาลลัทให้ผู้รับใช้ของเขาถือจดหมายที่ไม่ได้ผนึกมาหาข้าพเจ้าเป็นครั้งที่ห้า ด้วยข้อความอย่างเดียวกัน 6 จดหมายมีข้อความว่า “มีรายงานท่ามกลางบรรดาประชาชาติ และเกเชมก็พูดด้วยว่า ท่านและชาวยิวไม่ยอมอยู่ใต้การปกครอง ท่านจึงสร้างกำแพง และตามคำรายงานดังกล่าว ท่านปรารถนาจะเป็นกษัตริย์ของพวกเขา 7 และท่านได้เตรียมบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ให้ประกาศในเยรูซาเล็มว่า ‘มีกษัตริย์ในยูดาห์’ ซึ่งก็หมายถึงตัวท่าน คราวนี้กษัตริย์จะทราบเรื่องที่เรารายงานไป ฉะนั้น บัดนี้เรามาปรึกษากันเถิด”
8 ข้าพเจ้าจึงตอบเขาไปว่า “สิ่งที่ท่านกล่าวนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่ท่านสร้างเรื่องขึ้นมาเอง” 9 ด้วยว่าพวกเขาทุกคนต้องการทำให้เราตกใจ และเขาคิดว่า “พวกเขาจะได้วางมือจากงาน และงานก็จะไม่สำเร็จ” แต่บัดนี้ โอ พระเจ้า ขอพระองค์เสริมกำลังแก่ข้าพเจ้าเถิด
10 เมื่อข้าพเจ้าไปยังบ้านของเชไมยาห์บุตรเดไลยาห์ ผู้เป็นบุตรเมเหทาเบล เขาถูกกักตัวอยู่แต่ในบ้าน และพูดว่า “เรามาพบกันในพระตำหนักของพระเจ้า ในพระวิหารเถิด เราควรปิดประตูพระวิหาร เพราะพวกเขากำลังจะมาฆ่าท่านตอนกลางคืน” 11 แต่ข้าพเจ้าตอบว่า “คนอย่างข้าพเจ้าควรจะหนีหรือ และคนอย่างข้าพเจ้าควรจะเข้าไปในพระวิหารเพื่อให้รอดตายหรือ ข้าพเจ้าจะไม่เข้าไปในนั้น” 12 ข้าพเจ้าเข้าใจและเห็นว่า พระเจ้าไม่ได้ใช้เขามา แต่เขากล่าวเผยความต่อต้านข้าพเจ้า เพราะโทบียาห์และสันบาลลัทได้จ้างเขา 13 เขาถูกจ้างเพื่อทำให้ข้าพเจ้าหวาดกลัว และทำบาปโดยการทำตามคำพูดของเขา เพื่อข้าพเจ้าจะเสียชื่อเสียง ไม่เป็นที่เชื่อถือต่อไป 14 โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า ขอพระองค์ระลึกว่าโทบียาห์และสันบาลลัทได้กระทำสิ่งเหล่านี้ และโปรดระลึกว่าโนอัดยาห์หญิงผู้เผยคำกล่าว และบรรดาผู้เผยคำกล่าวอื่นๆ อีก ที่พยายามทำให้ข้าพเจ้าหวาดหวั่น
สร้างกำแพงเสร็จ
15 กำแพงก็เสร็จในวันที่ยี่สิบห้าของเดือนเอลูล เป็นเวลา 52 วัน 16 เมื่อพวกศัตรูทั้งปวงทราบเรื่อง บรรดาประชาชาติรอบข้างเราต่างหวาดกลัวและเสียขวัญ เพราะพวกเขาเห็นชัดว่า งานนี้สำเร็จได้ด้วยความช่วยเหลือของพระเจ้า 17 ยิ่งกว่านั้น ในเวลานั้นบรรดาขุนนางของยูดาห์ส่งจดหมายหลายฉบับถึงโทบียาห์ และโทบียาห์ก็มีจดหมายถึงพวกเขา 18 เพราะมีหลายคนในยูดาห์ที่ได้สาบานกับเขา เนื่องจากเขาเป็นบุตรเขยของเชคานิยาห์ ผู้เป็นบุตรอาราห์ และเยโฮฮานันบุตรโทบียาห์ ได้แต่งงานกับบุตรหญิงของเมชุลลาม ผู้เป็นบุตรเบเรคิยาห์ 19 คนเหล่านี้พูดถึงสิ่งดีงามของโทบียาห์ให้ข้าพเจ้าฟัง และบอกเขาว่าข้าพเจ้าได้พูดอะไรไว้บ้าง และโทบียาห์ก็ส่งจดหมายขู่เพื่อทำให้ข้าพเจ้าหวาดหวั่น
7 เมื่อสร้างกำแพงเสร็จ ข้าพเจ้าได้ติดตั้งบานประตู และกำหนดผู้เฝ้าประตู นักร้อง และชาวเลวี 2 ข้าพเจ้าให้ฮานานีพี่น้องของข้าพเจ้า พร้อมกับฮานันยาห์ผู้บัญชาการป้อมปราการ เป็นผู้ดูแลเยรูซาเล็ม เพราะเขาภักดีและเกรงกลัวพระเจ้ามากกว่าคนอื่นๆ อีกหลายคน 3 ข้าพเจ้าพูดกับพวกเขาว่า “อย่าให้ประตูเยรูซาเล็มเปิด จนกว่าแดดจะร้อน และขณะที่พวกเขายืนเฝ้าอยู่ ก็ให้พวกเขาปิดและกั้นด้วยดาลประตู ตั้งยามเฝ้าจากบรรดาผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็ม ให้มียามเฝ้าที่ป้อมยามบ้าง และที่หน้าบ้านของพวกเขาบ้าง” 4 เมืองนั้นกว้างและใหญ่ แต่ประชาชนที่อยู่ภายในมีน้อย และยังไม่ได้สร้างบ้านเรือนกัน
รายชื่อเชลยที่กลับมา
5 พระเจ้าดลใจให้ข้าพเจ้าเรียกประชุมขุนนาง เจ้าหน้าที่ และประชาชน เพื่อจดทะเบียน และข้าพเจ้าพบสมุดบันทึกลำดับเชื้อสายของบรรดาคนรุ่นแรกที่กลับมา และพบสิ่งที่บันทึกในนั้นว่า
6 เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้จับประชาชนที่ถูกเนรเทศจากแคว้นยูดาห์ไปเป็นเชลย และต่อมาพวกเขาต่างก็กลับมายังเมืองของตนในเยรูซาเล็มและยูดาห์ 7 เขาทั้งหลายมากับเศรุบบาเบล เยชูอา เนหะมีย์ อาซาริยาห์ ราอามิยาห์ นาหะมานี โมร์เดคัย บิลชาน มิสเปเรท บิกวัย เนฮูม บาอานาห์
จำนวนประชาชนผู้ชายของอิสราเอลมีดังต่อไปนี้ 8 พงศ์พันธุ์ปาโรช 2,172 คน 9 พงศ์พันธุ์เชฟาทิยาห์ 372 คน 10 พงศ์พันธุ์อาราห์ 652 คน 11 พงศ์พันธุ์ปาหัทโมอับ คือบรรดาผู้สืบเชื้อสายของเยชูอาและโยอาบ 2,818 คน 12 พงศ์พันธุ์เอลาม 1,254 คน 13 พงศ์พันธุ์ศัทธู 845 คน 14 พงศ์พันธุ์ศักคัย 760 คน 15 พงศ์พันธุ์บินนุย 648 คน 16 พงศ์พันธุ์เบบัย 628 คน 17 พงศ์พันธุ์อัสกาด 2,322 คน 18 พงศ์พันธุ์อาโดนีคัม 667 คน 19 พงศ์พันธุ์บิกวัย 2,067 คน 20 พงศ์พันธุ์อาดีน 655 คน 21 พงศ์พันธุ์อาเทอร์ คือบรรดาผู้สืบเชื้อสายของเฮเซคียาห์ 98 คน 22 พงศ์พันธุ์ฮาชูม 328 คน 23 พงศ์พันธุ์เบไซ 324 คน 24 พงศ์พันธุ์ฮาริฟ 112 คน 25 พงศ์พันธุ์กิเบโอน 95 คน 26 ผู้ชายจากเบธเลเฮมและเนโทฟาห์ 188 คน 27 ผู้ชายจากอานาโธท 128 คน 28 ผู้ชายจากเบธอัสมาเวท 42 คน 29 ผู้ชายจากคีริยาทเยอาริม เคฟีราห์ และเบเอโรท 743 คน 30 ผู้ชายจากรามาห์และเก-บา 621 คน 31 ผู้ชายจากมิคมาส 122 คน 32 ผู้ชายจากเบธเอลและอัย 123 คน 33 ผู้ชายจากเนโบอีกกลุ่มหนึ่ง 52 คน 34 พงศ์พันธุ์ชาวเอลามอีกกลุ่มหนึ่ง 1,254 คน 35 พงศ์พันธุ์ชาวฮาริม 320 คน 36 พงศ์พันธุ์ชาวเยรีโค 345 คน 37 พงศ์พันธุ์ชาวโลด ชาวฮาดิด และชาวโอโน 721 คน 38 พงศ์พันธุ์ชาวเสนาอาห์ 3,930 คน
39 บรรดาปุโรหิต คือพงศ์พันธุ์เยดายาห์ จากตระกูลเยชูอา 973 คน 40 พงศ์พันธุ์อิมเมอร์ 1,052 คน 41 พงศ์พันธุ์ปาชเฮอร์ 1,247 คน 42 พงศ์พันธุ์ฮาริม 1,017 คน
43 ชาวเลวี คือพงศ์พันธุ์เยชูอาและขัดมีเอล จากพงศ์พันธุ์โฮดาวิยาห์ 74 คน 44 บรรดานักร้อง คือพงศ์พันธุ์อาสาฟ 148 คน 45 บรรดาผู้สืบเชื้อสายของคนเฝ้าประตู คือพงศ์พันธุ์ชัลลูม พงศ์พันธุ์อาเทอร์ พงศ์พันธุ์ทัลโมน พงศ์พันธุ์อักขูบ พงศ์พันธุ์ฮาทิธา และพงศ์พันธุ์โชบัย 138 คน
46 บรรดาผู้รับใช้ประจำพระวิหาร คือพงศ์พันธุ์ศีหะ พงศ์พันธุ์ฮาสูฟา พงศ์พันธุ์ทับบาโอท 47 พงศ์พันธุ์เคโรส พงศ์พันธุ์สีอา พงศ์พันธุ์พาโดน 48 พงศ์พันธุ์เลบานาห์ พงศ์พันธุ์ฮากาบาห์ พงศ์พันธุ์ชัลมัย 49 พงศ์พันธุ์ฮานาน พงศ์พันธุ์กิดเดล พงศ์พันธุ์กาฮาร์ 50 พงศ์พันธุ์เรอายาห์ พงศ์พันธุ์เรซีน พงศ์พันธุ์เนโคดา 51 พงศ์พันธุ์กัสซาม พงศ์พันธุ์อุสซา พงศ์พันธุ์ปาเสอัค 52 พงศ์พันธุ์เบสัย พงศ์พันธุ์เมอูนิม พงศ์พันธุ์เนฟูเชสิม 53 พงศ์พันธุ์บัคบูค พงศ์พันธุ์ฮาคูฟา พงศ์พันธุ์ฮาร์ฮูร์ 54 พงศ์พันธุ์บัสลีท พงศ์พันธุ์เมหิดา พงศ์พันธุ์ฮาร์ชา 55 พงศ์พันธุ์บาร์โขส พงศ์พันธุ์สิเส-รา พงศ์พันธุ์เทมาห์ 56 พงศ์พันธุ์เนซิยาห์ และพงศ์พันธุ์ฮาทิฟา
57 พงศ์พันธุ์ผู้รับใช้ของซาโลมอน คือพงศ์พันธุ์โสทัย พงศ์พันธุ์หัสโสเฟเรท พงศ์พันธุ์เปริดา 58 พงศ์พันธุ์ยาอาลาห์ พงศ์พันธุ์ดาร์โคน พงศ์พันธุ์กิดเดล 59 พงศ์พันธุ์เชฟาทิยาห์ พงศ์พันธุ์ฮัทธิล พงศ์พันธุ์โปเคเรท-หัสเซบาอิม และพงศ์พันธุ์อาโมน
60 ผู้รับใช้ประจำพระวิหารและพงศ์พันธุ์ผู้รับใช้ของซาโลมอน รวมทั้งสิ้น 392 คน
61 คนเหล่านี้ขึ้นมาจากเมืองเทลเมลาห์ เทลฮาร์ชา เครูบ อัดโดน และอิมเมอร์ แต่พวกเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามาจากตระกูลใดหรือสืบเชื้อสายมาจากชาวอิสราเอลหรือไม่ พวกเขามีรายชื่อดังต่อไปนี้ 62 พงศ์พันธุ์เดไลยาห์ พงศ์พันธุ์โทบียาห์ และพงศ์พันธุ์เนโคดา รวมได้ 642 คน 63 จากพงศ์พันธุ์ของบรรดาปุโรหิตด้วยคือ พงศ์พันธุ์โฮบายาห์ พงศ์พันธุ์ฮักโขส และพงศ์พันธุ์บาร์ซิลลัย (ผู้ได้แต่งงานกับบุตรหญิงของบาร์ซิลลัยชาวกิเลอาด จึงได้ชื่อตามนั้น) 64 คนเหล่านี้ได้ค้นหาทะเบียนของพวกเขาในหมู่คนที่จดทะเบียนลำดับเชื้อสาย แต่หาไม่พบ พวกเขาจึงถูกตัดออกจากการเป็นปุโรหิตเพราะถูกนับว่ามีมลทิน 65 ผู้ว่าราชการเมืองสั่งห้ามไม่ให้พวกเขารับประทานอาหารบริสุทธิ์ที่สุด จนกว่าปุโรหิตจะตัดสินใจโดยใช้อูริมและทูมมิม[b]เสียก่อน
จำนวนคนและของถวาย
66 ที่ประชุมทั้งหมดรวมทั้งสิ้น 42,360 คน 67 นอกจากบรรดาผู้รับใช้ชายและหญิงจำนวน 7,337 คนแล้ว ยังมีนักร้องชายและหญิงอีก 245 คน 68 ม้า 736 ตัว ล่อ 245 ตัว 69 อูฐ 435 ตัว และลา 6,720 ตัว
70 หัวหน้าพงศ์พันธุ์บางคนอุทิศเพื่อช่วยในงานครั้งนั้น ผู้ว่าราชการถวายแก่คลังเป็นทองคำหนัก 1,000 ดาริค[c] ชาม 50 ใบ เครื่องแต่งกายปุโรหิต 530 ตัว 71 หัวหน้าพงศ์พันธุ์บางคนถวายแก่คลังเพื่อช่วยในงานครั้งนั้น เป็นทองคำหนัก 20,000 ดาริค เงินหนัก 2,200 มินา[d] 72 และสิ่งที่ประชาชนถวายเป็นทองคำหนัก 20,000 ดาริค เงินหนัก 2,000 มินา และเครื่องแต่งกายปุโรหิต 67 ตัว
73 บรรดาปุโรหิต ชาวเลวี คนเฝ้าประตู นักร้อง ประชาชนบางคน ผู้รับใช้ประจำพระวิหาร และอิสราเอลทั้งปวง ต่างก็ตั้งรกรากอยู่ในเมืองของตน
เมื่อถึงเดือนที่เจ็ด ประชาชนอิสราเอลก็ได้อยู่ในเมืองของตน
เอสราอ่านกฎบัญญัติ
8 ประชาชนทั้งปวงมาประชุมพร้อมเพรียงกันที่ลานเมืองหน้าประตูน้ำ และเขาทั้งหลายบอกเอสราผู้สอนกฎบัญญัติ ให้นำหนังสือกฎบัญญัติของโมเสส ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาอิสราเอลนั้นมา 2 ดังนั้น ในวันแรกของเดือนที่เจ็ด เอสราปุโรหิตจึงนำกฎบัญญัติมายังหน้าที่ประชุม ซึ่งมีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และคนทั้งปวงที่สามารถเข้าใจเมื่อได้ยินบัญญัตินั้น 3 ท่านหันหน้าไปทางลานเมืองหน้าประตูน้ำ และอ่านตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงเที่ยงวัน ต่อหน้าบรรดาผู้ชาย ผู้หญิง และคนเหล่านั้นที่สามารถเข้าใจ และประชาชนทั้งปวงตั้งใจฟังหนังสือกฎบัญญัติ 4 เอสราผู้สอนกฎบัญญัติยืนบนแท่นไม้ที่พวกเขาสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์นี้ ผู้ที่ยืนทางขวามือของท่านคือ มัททีธิยาห์ เช-มา อานายาห์ อุรียาห์ ฮิลคียาห์ และมาอาเสยาห์ ส่วนผู้ที่ยืนทางซ้ายมือของท่านคือ เปดายาห์ มิชาเอล มัลคิยาห์ ฮาชูม ฮัชบัดดานาห์ เศคาริยาห์ และเมชุลลาม 5 เอสราเปิดหนังสือต่อหน้าประชาชนทั้งปวง ท่านยืนอยู่บนที่สูงกว่าประชาชน เมื่อท่านเปิดหนังสือ ประชาชนก็ยืนขึ้น 6 เอสราสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ และประชาชนทั้งปวงยกมือขึ้นพร้อมกับตอบรับว่า “อาเมน อาเมน” และเขาทั้งหลายก้มศีรษะ หน้าซบลงกับพื้น และนมัสการพระผู้เป็นเจ้า 7 และบรรดาชาวเลวีคือ เยชูอา บานี เชเรบิยาห์ ยามีน อักขูบ ชับเบธัย โฮดียาห์ มาอาเสยาห์ เคลิทา อาซาริยาห์ โยซาบาด ฮานาน และเปลายาห์ ก็ช่วยอธิบายให้ประชาชนเข้าใจกฎบัญญัติ ขณะที่ประชาชนยังยืนอยู่ที่นั่น 8 เขาทั้งหลายอ่านจากหนังสือกฎบัญญัติของพระเจ้าอย่างชัดเจน ทำให้ประชาชนเข้าใจความหมายของข้อความที่อ่านนั้น
วันบริสุทธิ์
9 เนหะมีย์ผู้ว่าราชการ เอสราปุโรหิตผู้สอนกฎบัญญัติ และบรรดาชาวเลวี ซึ่งเป็นผู้ที่สอนประชาชนจึงพูดกับประชาชนทั้งปวงว่า “วันนี้เป็นวันบริสุทธิ์แด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านทั้งหลาย อย่าร้องไห้ หรือคร่ำครวญเลย” เพราะประชาชนทั้งปวงพากันร้องไห้ขณะที่ฟังข้อความในกฎบัญญัติ 10 เนหะมีย์จึงพูดกับพวกเขาว่า “ไปเถิด เชิญรับประทานไขมัน และดื่มเหล้าองุ่นหวาน และแบ่งปันให้แก่คนที่ไม่ได้เตรียมอะไรมา เพราะวันนี้บริสุทธิ์แด่พระผู้เป็นเจ้าของเรา และอย่าเศร้าโศก เพราะการชื่นชมยินดีในพระผู้เป็นเจ้าเป็นกำลังของท่าน” 11 ดังนั้น ชาวเลวีจึงช่วยให้ประชาชนทั้งปวงสงบลง และพูดว่า “จงนิ่งเถิด เพราะวันนี้บริสุทธิ์ อย่าเศร้าโศกเลย” 12 ประชาชนทั้งปวงจึงไปรับประทานและดื่ม และแบ่งปันอาหาร และรื่นเริงมาก เพราะพวกเขาได้เข้าใจข้อความที่ประกาศแก่พวกเขา
ฉลองเทศกาลอยู่เพิง
13 ในวันที่สอง บรรดาหัวหน้าพงศ์พันธุ์ของประชาชนทั้งปวง พร้อมด้วยบรรดาปุโรหิตและชาวเลวี ก็ได้มาหาเอสราผู้สอนกฎบัญญัติ เพื่อศึกษาข้อความในกฎบัญญัติ 14 และพบว่ามีบันทึกในกฎบัญญัติว่า พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาผ่านทางโมเสส ให้ประชาชนของอิสราเอลพักอาศัยอยู่ในเพิง ในระหว่างเทศกาลของเดือนเจ็ด 15 และพวกเขาควรประกาศให้ทั่วหน้ากันในทุกเมืองที่เขาอยู่อาศัยและในเยรูซาเล็ม “จงออกไปยังแถบภูเขา และตัดกิ่งไม้จากต้นมะกอก มะกอกป่า เมอร์เทิล อินทผลัม และจากต้นไม้ใบดก เพื่อนำมาสร้างเป็นเพิงดังที่บันทึกไว้” 16 ประชาชนจึงออกไปหากิ่งไม้ และนำมาสร้างเพิงของตนบนดาดฟ้า ที่ลานบ้าน และที่ลานพระตำหนักพระเจ้า ลานเมืองที่ประตูน้ำ และลานเมืองที่ประตูเอฟราอิม 17 ที่ประชุมทั้งหมดของบรรดาผู้ที่ได้กลับมาหลังจากที่ถูกเนรเทศ ก็สร้างเพิงและอาศัยอยู่ในเพิง ผู้คนร่าเริงใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะประชาชนของอิสราเอลไม่ได้ฉลองเช่นนั้น นับตั้งแต่สมัยของโยชูวาบุตรของนูนมาจนถึงวันนั้น 18 ทุกๆ วัน ตั้งแต่วันแรกถึงวันสุดท้าย เอสราอ่านจากหนังสือกฎบัญญัติของพระเจ้า และฉลองเทศกาลนาน 7 วัน และในวันที่แปดก็มีประชุมตามกฎ[e]
อิสราเอลสารภาพบาป
9 ในวันที่ยี่สิบสี่ของเดือนนี้ ประชาชนอิสราเอลอดอาหาร และนุ่งห่มด้วยผ้ากระสอบ และมาชุมนุมกัน มีฝุ่นผงบนศีรษะ 2 ชาวอิสราเอลแยกตนออกจากชาวต่างชาติ และยืนสารภาพบาปทั้งของตนและของบรรพบุรุษ 3 เขาทั้งหลายยืนขึ้นอ่านจากหนังสือกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา นานถึง 3 ชั่วโมง จากนั้นก็สารภาพและนมัสการพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขาอีก 3 ชั่วโมง 4 ชาวเลวีที่ยืนบนขั้นบันไดคือ เยชูอา บานี ขัดมีเอล เช-บานิยาห์ บุนนี เชเรบิยาห์ บานี และเคนานี และพวกเขาร้องเสียงดังต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา 5 เยชูอา ขัดมีเอล บานี ฮาชับเนยาห์ เชเรบิยาห์ โฮดียาห์ เช-บานิยาห์ และเปธาหิยาห์ ซึ่งเป็นชาวเลวี ก็พูดว่า “จงลุกขึ้นยืน และสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน จากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล สรรเสริญพระนามอันยิ่งใหญ่ ซึ่งได้รับการยกย่องเหนือพระพรและคำสรรเสริญทั้งปวง
6 พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า พระองค์เพียงผู้เดียว พระองค์ได้สร้างฟ้าสวรรค์ สวรรค์อันสูงสุดพร้อมด้วยหมู่ดาวทั้งปวง แผ่นดินโลกและทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น ทะเลและทุกสิ่งที่มีอยู่ในที่เหล่านั้น พระองค์ให้ชีวิตแก่สิ่งทั้งปวง และหมู่ดาวก็นมัสการพระองค์ 7 พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้เลือกอับราม และนำท่านออกไปจากเมืองเออร์ของชาวเคลเดีย และตั้งชื่อท่านว่า อับราฮัม 8 พระองค์พบว่าท่านมีใจภักดี ณ เบื้องหน้าพระองค์ และทำพันธสัญญากับท่าน เพื่อมอบดินแดนของชาวคานาอัน ชาวฮิต ชาวอาโมร์ ชาวเปริส ชาวเยบุส และชาวเกอร์กาช ให้แก่ผู้สืบเชื้อสายของท่าน และพระองค์ได้รักษาคำสัญญา เพราะพระองค์มีความชอบธรรม
9 และพระองค์เห็นความทุกข์ทรมานของบรรพบุรุษของเราในอียิปต์ และได้ยินเสียงร้องของพวกเขาที่ทะเลแดง 10 และแสดงปรากฏการณ์และสิ่งมหัศจรรย์ต่อต้านฟาโรห์และบรรดาผู้รับใช้ และประชาชนทั้งปวงในแผ่นดินของเขา เพราะพระองค์ทราบว่า พวกเขาประพฤติด้วยความยโสต่อบรรพบุรุษของเรา และพระองค์ทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่เลื่องลือ อย่างที่เป็นมาจนถึงทุกวันนี้ 11 และพระองค์ทำให้ทะเลแยกออกจากกันต่อหน้าพวกเขา เพื่อให้พวกเขาผ่านน้ำทะเลไปได้บนพื้นดินแห้ง และพระองค์เหวี่ยงพวกที่ตามล่าให้จมลงในน้ำลึก ดั่งก้อนหินที่จมดิ่งลงในกระแสน้ำอันแรงกล้า 12 พระองค์นำพวกเขาในตอนกลางวันในรูปลักษณ์ของเมฆก้อนมหึมาดั่งเสาหลัก และในตอนกลางคืนในรูปลักษณ์ของเพลิงไฟขนาดมหึมาดั่งเสาหลัก เพื่อส่องสว่างนำพวกเขาให้เดินตามทางที่ควรจะไป 13 พระองค์ลงมาบนภูเขาซีนาย และกล่าวแก่พวกเขาจากท้องฟ้า และให้การตัดสินที่ถูกต้อง กฎบัญญัติที่แท้ กฎเกณฑ์และพระบัญญัติที่ดีแก่พวกเขา 14 และพระองค์ให้พวกเขาทราบถึงวันสะบาโตอันบริสุทธิ์ของพระองค์ และบัญชาพวกเขาในเรื่องพระบัญญัติ กฎเกณฑ์ และกฎบัญญัติ ผ่านทางโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ 15 เมื่อพวกเขาหิว พระองค์ก็ให้อาหารตกลงมาจากฟ้าแก่พวกเขา เมื่อพวกเขากระหาย พระองค์ก็ให้น้ำไหลออกมาจากหิน และพระองค์บัญชาพวกเขาให้เข้าไปยึดครองแผ่นดินที่พระองค์ได้ปฏิญาณว่าจะมอบให้แก่พวกเขา
16 แต่พวกเขาและบรรพบุรุษของเราต่างยโสและดื้อด้าน และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ 17 พวกเขาไม่ยอมฟัง และไม่ระลึกถึงสิ่งอัศจรรย์ที่พระองค์กระทำในหมู่พวกเขา แต่หัวดื้อและแต่งตั้งหัวหน้าเพื่อให้นำพวกเขากลับไปเป็นทาสในอียิปต์ แต่พระองค์เป็นพระเจ้าพร้อมจะยกโทษ พระองค์มีพระคุณและความสงสาร ไม่โกรธง่าย เปี่ยมด้วยความรักอันมั่นคง และไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา 18 แม้เวลาที่พวกเขาได้หล่อรูปลูกโคทองคำ และพูดว่า ‘นี่คือพระเจ้าของพวกเจ้า ผู้นำเจ้าออกมาจากอียิปต์’ และก็ได้พูดหมิ่นประมาทพระองค์อย่างร้ายแรง 19 พระองค์มีความเมตตายิ่งนัก และไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขาในถิ่นทุรกันดาร เมฆก้อนมหึมาดั่งเสาหลักนำทางล่วงหน้าพวกเขาในตอนกลางวันไม่ได้ห่างไปจากพวกเขา เพลิงไฟขนาดมหึมาดั่งเสาหลักในตอนกลางคืน เพื่อส่องความสว่างช่วยให้พวกเขาเดินตามทางที่ควรจะไป 20 พระองค์ประทานพระวิญญาณประเสริฐของพระองค์เพื่อสอนพวกเขา และไม่ขยักมานาของพระองค์จากปากของพวกเขา และให้น้ำแก่พวกเขาเมื่อกระหาย 21 พระองค์ช่วยพวกเขาให้อยู่รอดในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาไม่ขาดเหลือสิ่งใด เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ไม่ฉีกขาด และเท้าก็ไม่บวม
22 พระองค์มอบบรรดาอาณาจักรและประชาชาติให้แก่พวกเขา และพระองค์จัดเขตที่ดินอันแสนไกลให้ด้วย พวกเขาจึงยึดแผ่นดินของสิโหนกษัตริย์แห่งเฮชโบน และแผ่นดินของโอกกษัตริย์แห่งบาชาน 23 พระองค์เพิ่มบุตรหลานมากมายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าให้แก่พวกเขา พระองค์นำพวกเขาไปในแผ่นดินที่พระองค์ได้บอกแก่บรรพบุรุษ เพื่อให้เข้าไปยึดครอง 24 ดังนั้นบรรดาผู้สืบเชื้อสายจึงเข้าไปยึดครองแผ่นดิน และพระองค์ทำให้บรรดาผู้อยู่อาศัยในแผ่นดินคานาอันพ่ายแพ้ต่อหน้าเขาทั้งปวง และมอบไว้ในมือของพวกเขา รวมทั้งบรรดากษัตริย์และประชาชนของแผ่นดิน และกระทำต่อคนเหล่านั้นตามที่ต้องการ 25 พวกเขายึดเมืองต่างๆ ที่คุ้มกันไว้อย่างแข็งแกร่ง และแผ่นดินอันอุดม และยึดบ้านเรือนซึ่งมีข้าวของเครื่องใช้พร้อม บ่อก็ขุดไว้แล้ว สวนองุ่น สวนมะกอก และต้นไม้ชนิดมีผลจำนวนมาก ดังนั้น พวกเขารับประทานอย่างอิ่มหนำ ได้สุขสำราญกับความประเสริฐเลิศล้ำของพระองค์
26 แม้กระนั้น พวกเขาก็ยังดื้อดึงและขัดขืนต่อพระองค์ และหันหลังให้กฎบัญญัติของพระองค์ และฆ่าบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระองค์ ซึ่งได้เตือนพวกเขาให้หันกลับเข้าหาพระองค์ และพวกเขาพูดหมิ่นประมาทมาก 27 ฉะนั้นพระองค์มอบพวกเขาไว้ในมือของพวกศัตรูซึ่งกดขี่ข่มเหง และในเวลาที่พวกเขาทนทุกข์ พวกเขาก็ร่ำร้องต่อพระองค์ และพระองค์ได้ยินจากฟ้าสวรรค์ และเนื่องจากความเมตตาเป็นล้นพ้นของพระองค์ พระองค์มอบบรรดาผู้ช่วยให้พ้นภัยแก่พวกเขาให้พ้นจากมือของพวกศัตรู 28 แต่หลังจากที่บรรพบุรุษมีโอกาสได้พักชั่วครู่ พวกเขาก็กระทำสิ่งชั่วร้ายต่อหน้าพระองค์อีก พระองค์ปล่อยพวกเขาไว้ในมือของพวกศัตรู จนต้องตกอยู่ใต้การปกครองของเหล่าศัตรูด้วย เมื่อพวกเขาหันมาและร้องต่อพระองค์ พระองค์ได้ยินจากสวรรค์ และเนื่องจากความเมตตาของพระองค์ พระองค์ก็ช่วยพวกเขาให้หลุดพ้นไปได้หลายครั้ง 29 พระองค์เตือนพวกเขาเพื่อให้กลับมาปฏิบัติตามกฎบัญญัติของพระองค์ แต่พวกเขาก็ยังยโส และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ แต่กลับทำผิดต่อคำบัญชาของพระองค์ ถ้าผู้ใดกระทำตาม ผู้นั้นก็จะมีชีวิต และพวกเขาหันหลังให้พระองค์ และดื้อด้านไม่ยอมเชื่อฟัง 30 เป็นเวลาหลายปีที่พระองค์ทนต่อพวกเขา และเตือนพวกเขาผ่านทางบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าด้วยพระวิญญาณของพระองค์ แต่พวกเขาก็ยังไม่เงี่ยหูฟัง ฉะนั้นพระองค์จึงมอบพวกเขาไว้ในมือของประชาชาติในแผ่นดิน 31 แม้กระนั้น พระองค์ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาจบชีวิตลง หรือทอดทิ้งพวกเขา เนื่องจากพระองค์มีความเมตตายิ่งนัก พระองค์เป็นพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระคุณและความเมตตา
32 ฉะนั้น บัดนี้ พระเจ้าของพวกเรา พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยอานุภาพและน่าเกรงขาม พระองค์รักษาพันธสัญญาและความรักอันมั่นคง ขอพระองค์อย่าเห็นว่าความลำบากทั้งสิ้นที่เกิดขึ้นกับพวกเรา กับบรรดากษัตริย์ เหล่าเจ้านาย ปุโรหิต ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า บรรพบุรุษ และกับชนชาติทั้งปวงของพระองค์ เป็นสิ่งเล็กน้อยเลย นับตั้งแต่สมัยกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย มาจนถึงทุกวันนี้ 33 พระองค์ได้ให้ทุกสิ่งเกิดขึ้นแก่พวกเราด้วยความชอบธรรม เพราะพระองค์รักษาคำมั่นสัญญา ในขณะที่พวกเราได้ประพฤติอย่างชั่วร้าย 34 บรรดากษัตริย์ของพวกเรา เหล่าเจ้านาย ปุโรหิต และบรรพบุรุษของพวกเราไม่ได้รักษากฎบัญญัติ และไม่เอาใจใส่ต่อพระบัญญัติและคำสั่งของพระองค์ ซึ่งพระองค์ให้แก่พวกเขา 35 แม้พวกเขาจะอยู่ในอาณาจักรของตนเอง มีความสุขท่ามกลางสิ่งดีๆ ที่พระองค์มอบให้ ในแผ่นดินอันกว้างใหญ่และบริบูรณ์ซึ่งพระองค์เตรียมให้ที่ตรงหน้าพวกเขา พวกเขาก็ยังไม่ได้รับใช้พระองค์ หรือหันจากการกระทำที่ชั่วร้าย 36 ดูเถิด พวกเราเป็นทาสในวันนี้ ในแผ่นดินที่พระองค์มอบให้แก่บรรพบุรุษของเราเพื่อได้รับผลประโยชน์และสิ่งดีๆ จากแผ่นดิน ดูเถิด พวกเราเป็นทาส 37 ผลเก็บเกี่ยวที่ได้รับอย่างอุดมสมบูรณ์ก็ตกถึงมือของกษัตริย์ ผู้ที่พระองค์ประสงค์ให้ปกครองเหนือพวกเรา เนื่องจากบาปของเรา พวกเขาควบคุมทั้งตัวเราและสัตว์เลี้ยงตามใจปรารถนาของพวกเขา พวกเราจึงเป็นทุกข์ยิ่งนัก
38 เป็นเพราะสิ่งดังกล่าวนี้ พวกเราจึงเขียนคำสัญญาเป็นข้อผูกมัด มีชื่อของเหล่าเจ้านาย ชาวเลวี และปุโรหิตของพวกเรากำกับไว้
ชื่อบุคคลที่ประทับตราในคำสัญญา
10 รายชื่อผู้ที่ประทับตราสาสน์มีดังต่อไปนี้คือ เนหะมีย์ผู้ว่าราชการซึ่งเป็นบุตรฮาคาลิยาห์ เศเดคียาห์ 2 เสไรยาห์ อาซาริยาห์ เยเรมีย์ 3 ปาชเฮอร์ อามาริยาห์ มัลคิยาห์ 4 ฮัทธัช เช-บานิยาห์ มัลลูค 5 ฮาริม เมเรโมท โอบาดีห์ 6 ดาเนียล กินเนโธน บารุค 7 เมชุลลาม อาบียาห์ มิยามิน 8 มาอาซิยาห์ บิลกัย เชไมยาห์ คนเหล่านี้เป็นปุโรหิต 9 ชาวเลวีคือ เยชูอาซึ่งเป็นบุตรอาซันยาห์ บินนุยจากผู้สืบเชื้อสายของเฮนาดัด ขัดมีเอล 10 และพี่น้องของเขา เช-บานิยาห์ โฮดียาห์ เคลิทา เปลายาห์ ฮานาน 11 มีคา เรโหบ ฮาชาบิยาห์ 12 ศัคเคอร์ เชเรบิยาห์ เช-บานิยาห์ 13 โฮดียาห์ บานี เบนินู 14 บรรดาหัวหน้าของประชาชนคือ ปาโรช ปาหัทโมอับ เอลาม ศัทธู บานี 15 บุนนี อัสกาด เบบัย 16 อาโดนียาห์ บิกวัย อาดีน 17 อาเทอร์ เฮเซคียาห์ อัสซูร์ 18 โฮดียาห์ ฮาชูม เบไซ 19 ฮาริฟ อานาโธท เนบัย 20 มักปีอาช เมชุลลาม เฮซีร์ 21 เมเชซาเบล ศาโดก ยาดดูอา 22 ปาลัทยาห์ ฮานาน อานายาห์ 23 โฮเชยา ฮานันยาห์ หัสชูบ 24 ฮัลโลเหช ปิลหา โชเบก 25 เรฮูม ฮาชับนาห์ มาอาเสยาห์ 26 อาหิอาห์ ฮานาน อานาน 27 มัลลูค ฮาริม บาอานาห์
ข้อผูกมัดของคำสัญญา
28 ประชาชนที่เหลือ บรรดาปุโรหิต ชาวเลวี คนเฝ้าประตู นักร้อง ผู้รับใช้พระวิหาร และทุกคนที่แยกตนออกจากประชาชนของแผ่นดิน เพื่อกฎบัญญัติของพระเจ้า รวมทั้งภรรยา บุตรชายบุตรหญิงของพวกเขาทุกคนที่สามารถเข้าใจ 29 คนเหล่านี้จึงเข้าร่วมกับพวกพี่น้องและเหล่าเจ้านาย และผูกมัดร่วมกันในข้อสาปแช่งและสาบานว่าจะดำเนินชีวิตในกฎบัญญัติของพระเจ้าที่ได้มอบผ่านทางโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้า และจะรักษาและปฏิบัติตามพระบัญญัติ คำบัญชา และกฎเกณฑ์ของพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของเรา 30 เราจะไม่ยกบุตรสาวของเราให้กับประชาชนของแผ่นดิน และจะไม่รับเอาบุตรสาวของพวกเขามาให้บุตรชายของพวกเรา 31 และถ้าประชาชนของแผ่นดินนำสินค้าหรือธัญพืชมาขายในวันสะบาโต พวกเราก็จะไม่ซื้อในวันสะบาโตหรือในวันบริสุทธิ์ใดๆ และในปีที่เจ็ดเราจะละเว้นจากการเพาะปลูก และจะยกหนี้สินทั้งสิ้น
32 เรารับผิดชอบเรื่องการถวายประจำปีเป็นเงินหนึ่งส่วนสามเชเขล สำหรับงานรับใช้ในพระตำหนักของพระเจ้าของเรา 33 สำหรับขนมปังอันบริสุทธิ์ เครื่องธัญญบูชาและสัตว์ที่เผาเป็นของถวายเป็นประจำ วันสะบาโต วันเทศกาลข้างขึ้น เทศกาลต่างๆ ที่กำหนดไว้ ของถวายอันบริสุทธิ์ และของถวายลบล้างบาปเพื่อชดใช้บาปให้แก่อิสราเอล และเพื่องานในพระตำหนักของพระเจ้าของเรา 34 บรรดาปุโรหิต ชาวเลวี และประชาชนได้จับฉลาก เพื่อตัดสินว่าเมื่อใดแต่ละตระกูลของพวกเราจะนำฟืนมามอบที่พระตำหนักของพระเจ้าของเรา ตามกำหนดเวลาของแต่ละปี เพื่อเผาบนแท่นบูชาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา ดังที่มีบันทึกไว้ในกฎบัญญัติ 35 พวกเรารับผิดชอบในการนำผลแรกจากการเพาะปลูกและผลไม้รุ่นแรกจากทุกต้น ในแต่ละปี เพื่อถวายในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 36 เราต้องนำบุตรชายคนแรกและสัตว์ตัวผู้ตัวแรกจากฝูงสัตว์ของเรา และแพะแกะตัวผู้ตัวแรกจากฝูงสัตว์ของเรา มายังพระตำหนักของพระเจ้าของเรา เพื่อมอบแก่บรรดาปุโรหิตที่รับใช้ในพระตำหนักของพระเจ้าของเรา ดังที่มีบันทึกไว้ในกฎบัญญัติ 37 และนำแป้งรุ่นแรกและของถวายที่เป็นธัญพืช ผลไม้รุ่นแรกจากทุกต้น เหล้าองุ่น และน้ำมัน มามอบแก่บรรดาปุโรหิต และเก็บไว้ในห้องที่พระตำหนักของพระเจ้าของเรา และนำหนึ่งในสิบจากพืชผลของพวกเรามาให้แก่ชาวเลวี เพราะชาวเลวีเป็นผู้เก็บหนึ่งในสิบจากทุกเมืองที่พวกเราลงแรงทำงาน 38 ปุโรหิตผู้สืบเชื้อสายจากอาโรนจะมากับชาวเลวีเมื่อชาวเลวีรับหนึ่งในสิบ และชาวเลวีต้องนำหนึ่งในสิบของจำนวนที่ได้รับ ไปยังพระตำหนักของพระเจ้า ที่ห้องเก็บในคลังพัสดุ 39 ประชาชนของอิสราเอล รวมทั้งชาวเลวี ต้องนำของถวายที่เป็นธัญพืช เหล้าองุ่น และน้ำมัน ไปยังห้องเก็บภาชนะของที่พำนัก ซึ่งเป็นที่อยู่ของบรรดาปุโรหิตผู้ปฏิบัติงานรับใช้ คนเฝ้าประตู และนักร้อง พวกเราจะไม่เพิกเฉยต่อพระตำหนักของพระเจ้าของเรา”
หัวหน้าในเยรูซาเล็ม
11 บรรดาหัวหน้าของประชาชนอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม ส่วนประชาชนที่เหลือจับฉลาก เพื่อให้หนึ่งในสิบของพวกเขาไปอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มเมืองบริสุทธิ์ และเก้าในสิบอาศัยอยู่ในเมืองอื่นๆ ต่อไปได้ 2 ประชาชนชมเชยชายทั้งปวงที่ไปอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มด้วยความเต็มใจ 3 ชาวอิสราเอลบางคน บรรดาปุโรหิต ชาวเลวี บรรดาผู้รับใช้ประจำพระวิหาร และบรรดาผู้สืบเชื้อสายของผู้รับใช้ของซาโลมอน อาศัยอยู่ในที่ดินของตนในเมืองต่างๆ ของอาณาเขตยูดาห์ แต่บรรดาหัวหน้าอาณาเขตไปอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม 4 พงศ์พันธุ์ของชาวยูดาห์และของชาวเบนยามินบางคนก็อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม พงศ์พันธุ์ของชาวยูดาห์คือ อาธายาห์บุตรอุสซียาห์ อุสซียาห์เป็นบุตรของเศคาริยาห์ เศคาริยาห์เป็นบุตรของอามาริยาห์ อามาริยาห์เป็นบุตรของเชฟาทิยาห์ เชฟาทิยาห์เป็นบุตรของมาหะลาเลล ผู้สืบเชื้อสายจากเปเรศ 5 และมาอาเสยาห์บุตรบารุค บารุคเป็นบุตรของคลโฮเซห์ คลโฮเซห์เป็นบุตรของฮาซายาห์ ฮาซายาห์เป็นบุตรของอาดายาห์ อาดายาห์เป็นบุตรของโยยาริบ โยยาริบเป็นบุตรของเศคาริยาห์ เศคาริยาห์เป็นบุตรของชาวชิโลห์ 6 พงศ์พันธุ์ของเปเรศอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มมีจำนวน 468 คน ซึ่งเป็นชายผู้กล้าหาญทั้งสิ้น
7 พงศ์พันธุ์ของเบนยามินคือ สัลลูบุตรของเมชุลลาม เมชุลลามเป็นบุตรของโยเอด โยเอดเป็นบุตรของเปดายาห์ เปดายาห์เป็นบุตรของโคลายาห์ โคลายาห์เป็นบุตรของมาอาเสยาห์ มาอาเสยาห์เป็นบุตรของอิธีเอล อิธีเอลเป็นบุตรของเยชายาห์ 8 และคนถัดจากเขาคือ กับบัยและศัลลัย รวมเป็นชายผู้กล้าหาญ 928 คน 9 โยเอลบุตรของศิครี เป็นผู้ดูแลของพวกเขา และยูดาห์บุตรหัสเสนูอาห์ ควบคุมดูแลเมืองเป็นที่สองรองจากเขา
10 จากบรรดาปุโรหิตคือ เยดายาห์บุตรของโยยาริบ ยาคีน 11 เสไรยาห์บุตรของฮิลคียาห์ ฮิลคียาห์เป็นบุตรของเมชุลลาม เมชุลลามเป็นบุตรของศาโดก ศาโดกเป็นบุตรของเมราโยท เมราโยทเป็นบุตรของอาหิทูบผู้ปกครองพระตำหนักของพระเจ้า 12 และพี่น้องของพวกเขาจำนวน 822 คนปฏิบัติงานที่พระตำหนัก อาดายาห์บุตรของเยโรฮัมบุตรของเปลัลยาห์ เปลัลยาห์เป็นบุตรของอัมซี อัมซีเป็นบุตรของเศคาริยาห์ เศคาริยาห์เป็นบุตรของปาชเฮอร์ ปาชเฮอร์เป็นบุตรของมัลคิยาห์ 13 และพี่น้องของเขาจำนวน 242 คน ผู้เป็นหัวหน้าของตระกูล และอามาชสัยบุตรของอาซาร์เอล อาซาร์เอลเป็นบุตรของอัคชัย อัคชัยเป็นบุตรของเมชิลเลโมท เมชิลเลโมทเป็นบุตรของอิมเมอร์ 14 และพี่น้องของพวกเขาจำนวน 128 คนเป็นนักรบผู้กล้าหาญ ผู้บัญชาการของพวกเขาคือศับดีเอลบุตรของฮักเกโดลิม
15 จากบรรดาชาวเลวีคือ เชไมยาห์บุตรของหัสชูบ หัสชูบเป็นบุตรของอัสรีคัม อัสรีคัมเป็นบุตรของฮาชาบิยาห์ ฮาชาบิยาห์เป็นบุตรของบุนนี 16 และชับเบธัยกับโยซาบาดผู้เป็นหัวหน้าของชาวเลวี เป็นผู้ดูแลงานภายนอกพระตำหนักของพระเจ้า 17 และมัทธานิยาห์บุตรของมีคาห์ มีคาห์เป็นบุตรของศับดี ศับดีเป็นบุตรของอาสาฟ ผู้เป็นหัวหน้านำการสรรเสริญ ผู้ขอบคุณในการอธิษฐาน และบัคบูคิยาห์เป็นที่สองในหมู่พี่น้องของเขา และอับดาบุตรของชัมมูอา ชัมมูอาเป็นบุตรของกาลาล กาลาลเป็นบุตรของเยดูธูน 18 ชาวเลวีทั้งหมดในเมืองบริสุทธิ์มี 284 คน
19 บรรดาคนเฝ้าประตูคือ อักขูบ ทัลโมน และพี่น้องของพวกเขามีจำนวน 172 คน เป็นผู้เฝ้าระวังที่ประตู 20 และคนอื่นๆ ของอิสราเอล ของปุโรหิตและของชาวเลวี อยู่ในเมืองต่างๆ ของอาณาเขตยูดาห์ แต่ละคนอยู่ในที่ดินของตน 21 ส่วนบรรดาผู้รับใช้ประจำพระวิหารอาศัยอยู่บนเนินเขาโอเฟล ศีหะและกิชปาควบคุมบรรดาผู้รับใช้ประจำพระวิหาร
22 ผู้ควบคุมดูแลชาวเลวีในเยรูซาเล็มคืออุสซีบุตรของบานี บานีเป็นบุตรของฮาชาบิยาห์ ฮาชาบิยาห์เป็นบุตรของมัทธานิยาห์ มัทธานิยาห์เป็นบุตรของมีคา คือพงศ์พันธุ์ของอาสาฟผู้เป็นนักร้อง ควบคุมงานในพระตำหนักของพระเจ้า 23 เพราะมีคำสั่งจากกษัตริย์ถึงบรรดานักร้อง ให้ปฏิบัติงานที่กำหนดไว้ในแต่ละวัน 24 และเปธาหิยาห์บุตรของเมเชซาเบล คือลูกหลานของเศรัคบุตรของยูดาห์ อยู่เคียงข้างกษัตริย์ในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประชาชน
หมู่บ้านที่อยู่นอกเยรูซาเล็ม
25 ส่วนหมู่บ้านกับไร่นาของพวกเขา มีประชาชนของอาณาเขตยูดาห์บางคนที่อาศัยอยู่ในคีริยาทอาร์บากับหมู่บ้านรอบๆ ในดีโบนกับหมู่บ้านรอบๆ ในเยขับเซเอลกับหมู่บ้านรอบๆ 26 และในเยชูอา โมลาดาห์ และเบธปาเลท 27 ในฮาซาร์ชูอาล เบเออร์เช-บากับหมู่บ้านรอบๆ 28 ในศิกลาก เมโคนาห์กับหมู่บ้านรอบๆ 29 ในเอนริมโมน โศราห์ ยาร์มูท 30 ศาโนอาห์ อดุลลามกับหมู่บ้านรอบๆ ลาคีชและไร่นา อาเซคาห์กับหมู่บ้านรอบๆ ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งค่ายจากเบเออร์เช-บาถึงหุบเขาฮินโนม 31 ประชาชนของอาณาเขตเบนยามินอาศัยอยู่ตั้งแต่เก-บาขึ้นไปคือที่ มิคมาช อัยยา เบธเอลกับหมู่บ้านรอบๆ 32 ที่อานาโธท โนบ อานานิยาห์ 33 ฮาโซร์ รามาห์ กิททาอิม 34 ฮาดิด เศโบอิม เนบัลลัท 35 โลด โอโน และในหุบเขาของช่างผู้ชำนาญ 36 และกองเวรบางกลุ่มของชาวเลวีในยูดาห์ย้ายไปอยู่อาณาเขตของเบนยามิน
ปุโรหิตและชาวเลวีถวาย
12 ต่อไปนี้เป็นบรรดาปุโรหิตและชาวเลวีที่ขึ้นมากับเศรุบบาเบลบุตรของเชอัลทิเอล และกับเยชูอา คือ เสไรยาห์ เยเรมีย์ เอสรา 2 อามาริยาห์ มัลลูค ฮัทธัช 3 เชคานิยาห์ เรฮูม เมเรโมท 4 อิดโด กินเนธอย อาบียาห์ 5 มิยามิน มาอาดียาห์ บิลกาห์ 6 เชไมยาห์ โยยาริบ เยดายาห์ 7 สัลลู อาโมค ฮิลคียาห์ เยดายาห์ คนเหล่านี้เป็นหัวหน้าของบรรดาปุโรหิตและพี่น้องของพวกเขาในสมัยของเยชูอา
8 และชาวเลวีคือ เยชูอา บินนุย ขัดมีเอล เชเรบิยาห์ ยูดาห์ มัทธานิยาห์และพี่น้องของเขา ชายเหล่านี้รับผิดชอบในเพลงขอบคุณ 9 บัคบูคิยาห์ อุนนี และพี่น้องของเขา ยืนอยู่ตรงข้ามพวกเขาในเวลาปฏิบัติงาน 10 และเยชูอาเป็นบิดาของโยยาคิม โยยาคิมเป็นบิดาของเอลียาชีบ เอลียาชีบเป็นบิดาของโยยาดา 11 โยยาดาเป็นบิดาของโยนาธาน โยนาธานเป็นบิดาของยาดดูอา
12 ในสมัยโยยาคิม มีปุโรหิตผู้เป็นหัวหน้าของตระกูล หัวหน้าของตระกูลเสไรยาห์ คือเมรายาห์ หัวหน้าของตระกูลเยเรมีย์ คือฮานันยาห์ 13 หัวหน้าของตระกูลเอสรา คือเมชุลลาม หัวหน้าของตระกูลอามาริยาห์ คือเยโฮฮานัน 14 หัวหน้าของตระกูลมัลลูคี คือโยนาธาน หัวหน้าของตระกูลเช-บานิยาห์ คือโยเซฟ 15 หัวหน้าของตระกูลฮาริม คืออัดนา หัวหน้าของตระกูลเมราโยท คือเฮลคาย 16 หัวหน้าของตระกูลอิดโด คือเศคาริยาห์ หัวหน้าของตระกูลกินเนโธน คือเมชุลลาม 17 หัวหน้าของตระกูลอาบียาห์ คือศิครี หัวหน้าของตระกูลมินยามินและตระกูลโมอัดยาห์ คือปิลทัย 18 หัวหน้าของตระกูลบิลกาห์ คือชัมมูอา หัวหน้าของตระกูลเชไมยาห์ คือเยโฮนาธาน 19 หัวหน้าของตระกูลโยยาริบ คือมัทเธนัย ของตระกูลเยดายาห์ คืออุสซี 20 หัวหน้าของตระกูลศัลลัย คือคาลลัย หัวหน้าของตระกูลอาโมค คือเอเบอร์ 21 หัวหน้าของตระกูลฮิลคียาห์ คือฮาชาบิยาห์ หัวหน้าของตระกูลเยดายาห์ คือเนธันเอล
22 ในสมัยของเอลียาชีบ โยยาดา โยฮานาน และยาดดูอา มีบันทึกว่า ชาวเลวีเป็นบรรดาหัวหน้าตระกูล เช่นเดียวกับบรรดาปุโรหิตในรัชสมัยของดาริอัสชาวเปอร์เซีย 23 ส่วนพงศ์พันธุ์ของเลวี หัวหน้าของตระกูล จนถึงสมัยของโยฮานานบุตรเอลียาชีบ มีบันทึกในหนังสือแห่งพงศาวดาร 24 และบรรดาหัวหน้าของชาวเลวีคือ ฮาชาบิยาห์ เชเรบิยาห์ เยชูอาบุตรของขัดมีเอล และพี่น้องของเขา ยืนอยู่ตรงข้ามพวกเขา เพื่อสรรเสริญและขอบคุณ ผลัดเวรกัน ตามคำบัญญัติของดาวิดคนของพระเจ้า 25 มัทธานิยาห์ บัคบูคิยาห์ และโอบาดีห์ เมชุลลาม ทัลโมน และอักขูบ เป็นผู้เฝ้าประตู ยืนเฝ้าประตูคลังพัสดุ 26 คนเฝ้าประตูเหล่านั้นรับใช้ในสมัยของโยยาคิมบุตรของเยชูอา ผู้เป็นบุตรโยซาดัก และรับใช้ในสมัยของผู้ว่าราชการเนหะมีย์ และของเอสราปุโรหิตผู้สอนกฎบัญญัติ
ถวายกำแพงเมือง
27 เมื่อถึงเวลาถวายกำแพงเมืองเยรูซาเล็ม เขาทั้งหลายเสาะหาชาวเลวีจากทุกแห่งหน เพื่อให้มายังเยรูซาเล็มและฉลองการถวายด้วยความยินดี ด้วยการขอบคุณ และการร้องเพลงด้วยฉาบ พิณสิบสาย และพิณเล็ก 28 บรรดาบุตรของบรรดานักร้องพากันมาจากเมืองรอบๆ เยรูซาเล็มและจากหมู่บ้านชาวเนโทฟาห์ 29 จากเบธกิลกาล จากเขตแดนเก-บา และอัสมาเวท บรรดานักร้องได้ก่อตั้งหมู่บ้านของตนรอบๆ เยรูซาเล็ม 30 บรรดาปุโรหิตและชาวเลวีทำพิธีชำระตนให้บริสุทธิ์ และได้ชำระประชาชน ประตู และกำแพงให้บริสุทธิ์ด้วย
31 แล้วข้าพเจ้าก็นำบรรดาหัวหน้าของยูดาห์ขึ้นไปบนกำแพง และแต่งตั้งให้คณะนักร้องคณะใหญ่ 2 คณะ เป็นผู้กล่าวขอบคุณ คณะหนึ่งไปทางทิศใต้บนกำแพงที่ไปยังประตูมูลสัตว์ 32 บรรดาผู้ที่เดินตามพวกนักร้องเหล่านั้นไปคือ โฮชายาห์และอีกครึ่งหนึ่งของบรรดาหัวหน้าของยูดาห์ 33 อาซาริยาห์ เอสรา เมชุลลาม 34 ยูดาห์ เบนยามิน เชไมยาห์ เยเรมีย์ 35 และบุตรบางคนของบรรดาปุโรหิตที่ถือแตรยาว[f] ได้แก่ เศคาริยาห์บุตรโยนาธาน โยนาธานเป็นบุตรของเชไมยาห์ เชไมยาห์เป็นบุตรของมัทธานิยาห์ มัทธานิยาห์เป็นบุตรของมิคายาห์ มิคายาห์เป็นบุตรของศัคเคอร์ ศัคเคอร์เป็นบุตรของอาสาฟ 36 กับพี่น้องของเขาคือ เชไมยาห์ อาซาร์เอล มิลาลัย กิลาลัย มาอัย เนธันเอล ยูดาห์ และฮานานี พร้อมกับเครื่องดนตรีของดาวิดคนของพระเจ้า และเอสราผู้สอนกฎบัญญัติเดินนำหน้าพวกเขาไป 37 และผ่านประตูน้ำพุ พวกเขาเดินตรงขึ้นไปทางบันไดเมืองของดาวิด ทางขึ้นไปยังกำแพงเมือง ผ่านตำหนักของดาวิด ถึงประตูน้ำทางทิศตะวันออก
38 คณะนักร้องอีกคณะที่กล่าวคำขอบคุณ ก็ไปทางทิศเหนือ ข้าพเจ้าไปกับประชาชนอีกครึ่งหนึ่ง เดินตามไปบนกำแพง ผ่านหอคอยเตาอบ ถึงกำแพงกว้าง 39 ผ่านกำแพงเอฟราอิม ทางประตูเก่า ทางประตูปลา หอคอยฮานันเอล และหอคอยศต ถึงประตูแกะ และหยุดที่ประตูยาม 40 ดังนั้นคณะนักร้องทั้ง 2 คณะที่กล่าวขอบคุณจึงมายืนอยู่ที่พระตำหนักของพระเจ้า พร้อมกับข้าพเจ้าและครึ่งหนึ่งของบรรดาเจ้าหน้าที่ที่อยู่กับข้าพเจ้า 41 และบรรดาปุโรหิตที่ถือแตรยาวคือ เอลียาคิม มาอาเสยาห์ มินยามิน มิคายาห์ เอลีโอนัย เศคาริยาห์ และฮานันยาห์ 42 มาอาเสยาห์ เชไมยาห์ เอเลอาซาร์ อุสซี เยโฮฮานัน มัลคิยาห์ เอลาม และเอเซอร์ และบรรดานักร้องมียิสรายาห์เป็นหัวหน้านำร้องเพลงร่วมกัน 43 และเขาทั้งหลายถวายสัตว์เป็นเครื่องสักการะครั้งใหญ่ในวันนั้น และชื่นชมยินดี เพราะพระเจ้าทำให้พวกเขามีความยินดียิ่งนัก บรรดาผู้หญิงและเด็กๆ ก็ชื่นชมยินดีเช่นกัน และเสียงแห่งความยินดีของเยรูซาเล็มดังไปไกล
การปฏิบัติงานที่พระวิหาร
44 ในวันนั้น บรรดาผู้ชายได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลคลังพัสดุ ของถวาย ผลไม้รุ่นแรก หนึ่งในสิบของพืชผลที่ได้จากแผ่นดิน นำมาจากไร่นาในเมืองเพื่อเก็บในคลังตามที่กำหนดในกฎบัญญัติสำหรับบรรดาปุโรหิตและชาวเลวี ด้วยว่าคนในยูดาห์ยินดีกับบรรดาปุโรหิตและชาวเลวีที่ปฏิบัติงาน 45 เขาทั้งหลายปฏิบัติงานรับใช้พระเจ้าของพวกเขา และรับใช้ในพิธีการชำระให้บริสุทธิ์ บรรดานักร้องและคนเฝ้าประตูก็ปฏิบัติงานของเขา ตามคำบัญชาของดาวิดและซาโลมอนบุตรของท่าน 46 นานมาแล้ว ในสมัยของดาวิดและอาสาฟ มีบรรดาหัวหน้ากำกับนักร้อง และมีเพลงสรรเสริญและกล่าวขอบคุณพระเจ้า 47 ในสมัยของเศรุบบาเบลและสมัยของเนหะมีย์ อิสราเอลทั้งปวงมอบส่วนแบ่งให้แก่บรรดานักร้องและคนเฝ้าประตูตามที่กำหนดไว้ในแต่ละวัน และเก็บส่วนแบ่งไว้สำหรับชาวเลวีด้วย และชาวเลวีก็เก็บส่วนแบ่งไว้สำหรับบรรดาบุตรของอาโรน
การปรับปรุงขั้นสุดท้าย
13 ในวันนั้น เขาทั้งหลายอ่านจากหนังสือของโมเสสให้ประชาชนฟัง และพบที่เขียนว่า ชาวอัมโมนและชาวโมอับไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปร่วมในการชุมนุมของพระเจ้า 2 เพราะพวกเขาไม่ให้อาหารและน้ำแก่ชาวอิสราเอล แต่กลับจ้างบาลาอัมให้ต่อต้าน และสาปแช่งพวกเขา แต่พระเจ้าของพวกเราเปลี่ยนคำสาปแช่งให้เป็นพระพร[g] 3 ทันทีที่ประชาชนได้ยินกฎบัญญัติ พวกเขาก็แยกชาวต่างชาติออกจากชาวอิสราเอล
4 ก่อนหน้านี้ เอลียาชีบปุโรหิตมีหน้าที่ดูแลห้องที่พระตำหนักของพระเจ้า เขาทำงานใกล้ชิดกับโทบียาห์ 5 จึงได้เตรียมห้องที่กว้างใหญ่ให้แก่โทบียาห์ ห้องนี้เคยเป็นห้องที่ใช้เก็บเครื่องธัญญบูชา กำยาน เครื่องใช้ หนึ่งในสิบของธัญพืชที่รับจากการถวาย เหล้าองุ่น และน้ำมัน ซึ่งมอบให้ตามคำบัญญัติแก่ชาวเลวี บรรดานักร้อง และคนเฝ้าประตู และยังเป็นที่เก็บสิ่งที่มอบให้แก่บรรดาปุโรหิตด้วย 6 ขณะที่เป็นไปดังกล่าว ข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ในเยรูซาเล็ม เพราะในปีที่สามสิบสองของอาร์ทาเซอร์ซีสกษัตริย์แห่งบาบิโลน ข้าพเจ้าไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ และต่อมาภายหลัง ข้าพเจ้าขออนุญาตลากษัตริย์ 7 เมื่อมาถึงเยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าจึงทราบถึงความชั่วร้ายที่เอลียาชีบได้ช่วยโทบียาห์ ด้วยการเตรียมห้องในลานพระตำหนักของพระเจ้าให้แก่เขา 8 ข้าพเจ้าโกรธมาก ข้าพเจ้าจึงโยนเครื่องแต่งบ้านของโทบียาห์ออกไปนอกห้อง 9 แล้วก็ออกคำสั่งให้คนทำความสะอาดห้อง และข้าพเจ้านำเครื่องใช้ของพระตำหนักของพระเจ้ากลับเข้ามาไว้ที่นั่น พร้อมกับเครื่องธัญญบูชาและกำยาน
10 ข้าพเจ้าพบอีกด้วยว่า ส่วนแบ่งที่ชาวเลวีสมควรจะได้รับนั้น ไม่ได้มีการมอบให้แก่พวกเขา ดังนั้นชาวเลวีและพวกนักร้องที่ปฏิบัติงาน ต่างก็กลับไปยังไร่นาของตนเอง 11 ข้าพเจ้าจึงเผชิญหน้ากับพวกเจ้าหน้าที่ โดยกล่าวว่า “ทำไมพระตำหนักของพระเจ้าจึงไม่ได้รับการดูแลเลย” และข้าพเจ้าเรียกชาวเลวีกลับมา และให้ประจำหน้าที่ดังเดิม 12 ครั้นแล้ว ยูดาห์ก็นำหนึ่งในสิบของธัญพืช เหล้าองุ่น และน้ำมัน เข้ามาเก็บในคลังพัสดุ 13 ข้าพเจ้ามอบตำแหน่งผู้ดูแลคลังให้กับเชเลมิยาห์ปุโรหิต ศาโดกผู้คัดลอกข้อความ และเปดายาห์ชาวเลวี และผู้ช่วยของพวกเขาคือฮานานบุตรของศัคเคอร์ ศัคเคอร์เป็นบุตรของมัทธานิยาห์ เพราะชายเหล่านี้ไว้ใจได้ และมีหน้าที่แจกจ่ายแก่พวกพี่น้องของเขา 14 โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า ขอพระองค์ระลึกถึงข้าพเจ้าในเรื่องดังกล่าว และขอพระองค์อย่าลืมความดีที่ข้าพเจ้ากระทำเพื่อพระตำหนักพระเจ้าของข้าพเจ้า และเพื่องานรับใช้ของพระองค์
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation