Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
สดุดี 69:22-89:13

22 ข้าพเจ้าอยากให้โต๊ะอาหารตรงหน้าพวกเขากลายเป็นกับดัก
    ขอให้อาหารที่มาจากเครื่องบูชาทั้งหลายที่พวกเขากินร่วมกันกลายเป็นบ่วงแร้ว
23 ขอให้ดวงตาของพวกเขามืดบอดไป
    ทำให้ร่างของเขาสั่นอยู่ตลอดเวลา
24 ข้าแต่พระเจ้า ขอให้พระองค์เทความโกรธลงบนพวกเขา
    ขอให้ความโกรธของพระองค์ที่เผาผลาญอยู่ไล่เขาทัน
25 ขอให้ค่ายของเขาร้างว่างเปล่า
    และขออย่าให้มีใครอาศัยอยู่ในเต็นท์ทั้งหลายของเขา
26 พวกเขาไปซ้ำเติมคนเหล่านั้นที่พระองค์ตีสอนไปแล้ว
    และพวกเขาพูดนินทากันปากต่อปาก เรื่องความเจ็บปวดของคนเหล่านั้นที่พระองค์ทำให้บาดเจ็บ
27 ขอให้พระองค์จดบันทึกความบาปของพวกเขาทั้งหมด
    และอย่าปล่อยให้พวกเขาลอยนวล
28 โปรดลบชื่อของพวกเขาออกจากทะเบียนของคนที่ยังมีชีวิตอยู่[a]
    และอย่าได้จดบันทึกชื่อของพวกเขาร่วมกับชื่อของคนที่ทำตามใจพระองค์
29 ส่วนข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าเป็นทุกข์และเจ็บปวด
    ข้าแต่พระเจ้า ช่วยกู้และปกป้องข้าพเจ้าด้วยเถิด

30 แล้วข้าพเจ้าจะสรรเสริญชื่อของพระเจ้าเป็นเพลง
    ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์ด้วยเพลงขอบพระคุณ
31 และสิ่งนี้จะทำให้พระยาห์เวห์มีความสุขมากกว่าการที่ข้าพเจ้า
    ถวายวัวตัวผู้ ตั้งแต่เขาบนหัวจดกีบที่เท้า เป็นเครื่องบูชาเสียอีก
32 คนยากจนจะได้เห็นและมีความสุข
    พวกท่านที่มานมัสการพระเจ้า ขอให้สิ่งนี้เป็นกำลังใจให้กับพวกท่าน
33 เพราะพระยาห์เวห์สดับฟังคนยากจน
    และพระองค์ไม่เคยดูถูกคนของพระองค์ที่ถูกขังคุก

34 ขอให้ฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ท้องทะเล และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ในพวกมัน
    สรรเสริญพระยาห์เวห์
35 เพราะพระเจ้าจะช่วยกู้เมืองศิโยน และพระองค์จะสร้างเมืองต่างๆของยูดาห์ขึ้นมาใหม่
    เพื่อคนของพระองค์จะได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่นและได้เป็นเจ้าของแผ่นดินนั้น
36 ดังนั้น ลูกหลานของพวกผู้รับใช้ของพระองค์จะได้แผ่นดินนั้นเป็นมรดก
    คนเหล่านั้นที่รักชื่อของพระองค์จะได้อาศัยอยู่ที่นั่น

พระยาห์เวห์รีบมาช่วยข้าพเจ้าด้วย

(สดด. 40:13-17)

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงของดาวิด เพื่อเรียกความสนใจจากพระเจ้า

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยกู้ข้าพเจ้าด้วยเถิด
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ รีบมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด
ขอให้คนเหล่านั้นที่มุ่งเอาชีวิตของข้าพเจ้าได้รับความอับอาย และพบกับความพ่ายแพ้
    ขอให้คนเหล่านั้นที่อยากจะทำร้ายข้าพเจ้าพากันล่าถอยกลับไปและได้รับความอัปยศอดสู
ขอให้คนพวกนั้นที่พูดเยาะเย้ยว่า “เสร็จแน่ เสร็จแน่”
    ได้รับความอับอายมากซะจนพูดไม่ออก

ขอให้คนเหล่านั้นที่เสาะแสวงหาพระองค์ มีความชื่นชมยินดี และมีความสุข
    ขอให้คนเหล่านั้นที่รักความรอดที่มาจากพระองค์ ได้พูดแล้วพูดอีกว่า “พระเจ้านั้นยิ่งใหญ่”
ข้าพเจ้านั้นยากจนและไม่มีใครช่วยเหลือ
    ข้าแต่พระเจ้า รีบมาหาข้าพเจ้าด้วย
พระองค์ เป็นผู้ที่ช่วยเหลือข้าพเจ้าและผู้ช่วยกู้ข้าพเจ้า
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ อย่าได้ชักช้าอยู่เลย

คนแก่อธิษฐานขอความช่วยเหลือ

ข้าแต่พระยาห์เวห์
    ข้าพเจ้าลี้ภัยในพระองค์ อย่าให้ข้าพเจ้าต้องเสียหน้าเลย
ขอช่วยข้าพเจ้าและกู้ข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะพระองค์ทำในสิ่งที่ถูกต้อง
    โปรดเอียงหูฟังคำร้องขอให้ช่วยของข้าพเจ้า และช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยเถิด
ขอให้พระองค์เป็นหินกำบัง และที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า
    เป็นป้อมปราการที่ช่วยข้าพเจ้าให้รอด[b]
    เพราะพระองค์คือหินผาและป้อมปราการของข้าพเจ้า

พระเจ้าของข้าพเจ้า ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากมือคนชั่ว
    และพ้นจากเงื้อมมือของคนเลวและคนโหดเหี้ยม
ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระองค์เป็นความหวังของข้าพเจ้า
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าไว้วางใจในพระองค์ตั้งแต่ข้าพเจ้าเป็นเด็ก
ข้าพเจ้าพึ่งพาพระองค์ตั้งแต่อยู่ในท้องแล้ว
    พระองค์ช่วยดึงข้าพเจ้าออกมาจากท้องแม่
ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์อยู่เสมอ

มีหลายคนเอาข้าพเจ้าเป็นแบบอย่าง
    เพราะพระองค์เป็นที่ลี้ภัยอันมั่นคงของข้าพเจ้า
ปากของข้าพเจ้าเต็มไปด้วยคำสรรเสริญต่อพระองค์
    ปากข้าพเจ้าพูดถึงความสง่างามยิ่งใหญ่ของพระองค์ตลอดทั้งวัน
ตอนนี้ที่ข้าพเจ้าแก่แล้ว ขออย่าได้โยนข้าพเจ้าทิ้งไป
    ขออย่าได้ทอดทิ้งข้าพเจ้าเมื่อข้าพเจ้าหมดเรี่ยวแรง
10 พวกศัตรูของข้าพเจ้า
    จ้องเอาชีวิตข้าพเจ้า ต่างปรึกษาวางแผนกันทำร้ายข้าพเจ้า
11 พวกเขาพากันพูดว่า “พระเจ้าทอดทิ้งมันแล้ว
    ดังนั้นให้พวกเราไล่ล่าและตะครุบมันไว้เพราะไม่มีใครช่วยมันหรอก”

12 ข้าแต่พระเจ้า อย่าได้อยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า
    พระเจ้าของข้าพเจ้า รีบมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด
13 ขอให้คนเหล่านั้นที่กล่าวหาข้าพเจ้าได้รับความอับอายขายหน้าและพบกับจุดจบ
    ขอให้ผู้ที่จ้องจะทำร้ายข้าพเจ้าต้องทนทุกข์กับความอับอายและเสื่อมเกียรติ
14 แต่ข้าพเจ้ายังจะหวังในพระองค์ต่อไป
    และจะสรรเสริญพระองค์มากยิ่งขึ้น
15 ปากของข้าพเจ้าจะเล่าถึงความยุติธรรมอันถูกต้องของพระองค์
    ข้าพเจ้าจะเล่าทั้งวันถึงกิจกรรมการช่วยกู้ของพระองค์
    ถึงแม้ว่ามันจะมีมากกว่าที่ข้าพเจ้ารู้ก็ตาม
16 พระยาห์เวห์เจ้าข้า ข้าพเจ้าจะมาพูดถึงเรื่องการกระทำอันทรงฤทธิ์ของพระองค์
    ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์สำหรับความยุติธรรมอันถูกต้องของพระองค์
    จะสรรเสริญแต่พระองค์เพียงผู้เดียว

17 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ฝึกสอนข้าพเจ้าตั้งแต่ข้าพเจ้าเป็นเด็ก
    แล้วจนถึงวันนี้ข้าพเจ้ายังคงบอกคนอื่นเกี่ยวกับการกระทำที่น่าทึ่งของพระองค์
18 ข้าแต่พระเจ้า โปรดอย่าทอดทิ้งคนแก่คนนี้ที่ผมหงอกแล้ว
    โปรดให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสประกาศเรื่องพลังอำนาจของพระองค์กับคนรุ่นต่อไปด้วยเถิด
    และได้เล่าถึงฤทธิ์เดชของพระองค์กับทุกคนที่มาภายหลัง
19 ข้าแต่พระเจ้า ความยุติธรรมอันถูกต้องของพระองค์ขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์เบื้องบน
    ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ มีใครเล่าเป็นเหมือนพระองค์
20 พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าเจอกับความทุกข์ยากและความเดือดร้อนหลายครั้ง
    โปรดให้ชีวิตใหม่กับข้าพเจ้าอีกที โปรดดึงข้าพเจ้าขึ้นมาจากที่เหวลึกของโลกอีกครั้ง
21 โปรดให้ข้าพเจ้ามีเกียรติมากกว่าเดิม
    โปรดหันกลับมาช่วยปลอบโยนข้าพเจ้าอีกครั้ง

22 พระเจ้าของข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะเล่นพิณสิบสายและ สรรเสริญความซื่อสัตย์ของพระองค์ที่มีต่อเรา
    ข้าแต่องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณสี่สาย
23 ริมฝีปากของข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีและร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
    เพราะพระองค์ได้ช่วยกู้ข้าพเจ้า
24 ลิ้นของข้าพเจ้าจะเล่าทั้งวันถึงความยุติธรรมอันถูกต้องของพระองค์
    เพราะคนที่จ้องจะทำร้ายข้าพเจ้านั้นต่างได้รับความอับอายและเสื่อมเสียเกียรติ

คำอธิษฐานให้พระเจ้าอวยพรกษัตริย์

เพลงสำหรับซาโลมอน

ข้าแต่พระเจ้า ช่วยกษัตริย์ตัดสินอย่างยุติธรรม เหมือนที่พระองค์ทำ
    ช่วยลูกชายของกษัตริย์ให้เป็นคนดีและเที่ยงธรรมเหมือนกับพระองค์ด้วยเถิด
ขอให้กษัตริย์ปกครองคนของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา
    และปกครองคนยากจนของพระองค์อย่างยุติธรรม
แล้วภูเขาต่างๆจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาให้กับคนของพระเจ้า
    และเนินเขาต่างๆก็จะให้ผลดีที่มาจากการทำตามใจพระเจ้า
ขอให้กษัตริย์ตัดสินคนยากจนอย่างยุติธรรมและช่วยเหลือผู้ขัดสน
    แต่ขอให้กษัตริย์ลงโทษคนเหล่านั้นที่กดขี่พวกเขา

ขอให้ผู้คนยำเกรงและนับถือพระองค์[c] ตลอดชั่วลูกชั่วหลาน
    ตราบเท่าที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ยังมีอยู่
ขอให้กษัตริย์เป็นเหมือนฝนที่ตกลงมาบนทุ่งหญ้าที่ตัดจนโล่งเตียนแล้ว
    ขอให้เขาเป็นเหมือนห่าฝนที่ตกลงมาทำให้พื้นดินชุ่มโชก
ขอให้คนดีเบ่งบานขึ้น ในช่วงที่เขาปกครองนั้น
    และขอให้มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างเหลือล้นตราบเท่าที่ดวงจันทร์ยังมีอยู่

ขอให้เขาปกครองจากทะเลหนึ่งไปถึงอีกทะเลหนึ่ง
    จากแม่น้ำยูเฟรติสไปถึงสุดปลายแผ่นดินโลก
ขอให้คนเหล่านั้นที่อาศัยอยู่ในดินแดนที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งก้มกราบลงต่อหน้าเขา
    ขอให้พวกศัตรูของเขาเลียฝุ่นแทบเท้าของเขา
10 ขอให้พวกกษัตริย์แห่งทารชิช และหมู่เกาะที่อยู่ห่างไกลนำเครื่องบรรณาการมาให้กับเขา
    ขอให้กษัตริย์แห่งเมืองเชบา[d] และเสบา[e] นำเครื่องบรรณาการมาให้ด้วย
11 ขอให้กษัตริย์ทั้งปวงก้มกราบเขา
    และขอให้ชนชาติทั้งปวงมารับใช้เขา

12 เพราะว่าเขาช่วยกู้ผู้ขัดสนที่ร้องขอความช่วยเหลือ
    และคนยากจนที่ไม่มีใครช่วย
13 กษัตริย์องค์นี้ให้ความเมตตากับคนอ่อนแอ
    และขัดสน และช่วยชีวิตของผู้ที่ขัดสน
14 เขาจะไถ่ชีวิตของคนพวกนั้นจากการกดขี่ข่มเหงและความโหดเหี้ยม
    เพราะชีวิตของคนเหล่านั้นมีค่ามากในสายตาเขา

15 ขอให้กษัตริย์มีอายุยิ่งยืนนานและได้รับทองคำที่มีค่าสูงสุดจากเชบา
    ขอให้ประชาชนอธิษฐานเผื่อเขาเป็นประจำและอวยพรให้กับเขาวันยังค่ำ
16 ขอให้มีต้นข้าวขึ้นอุดมและชูรวงไหวพลิ้วไปมาแม้บนยอดเขา
    ขอให้ผลไม้งอกงามดุจดังป่าแห่งเลบานอน
    ขอให้ผู้คนบานสะพรั่งเต็มเมืองเหมือนกับหญ้าในท้องทุ่ง
17 ขอให้ชื่อเสียงของกษัตริย์คงอยู่ตลอดไป
    และขอให้ชื่อเสียงของเขาคงอยู่ต่อไปตราบเท่าที่ดวงอาทิตย์ยังมีอยู่
ขอให้ชนชาติต่างๆใช้ชื่อของเขาอวยพรให้แก่กันและกัน
    และขอให้ผู้คนถือว่าเขามีเกียรติจริงๆ

18 ขอให้พระยาห์เวห์ พระเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้รับคำสรรเสริญ
    มีแต่พระองค์เท่านั้นที่ทำสิ่งที่น่าทึ่งต่างๆได้
19 ขอสรรเสริญชื่ออันยิ่งใหญ่ของพระองค์ตลอดกาล
    ขอให้ทั้งโลกเต็มไปด้วยรัศมีของพระองค์
    อาเมน อาเมน

20 คำอธิษฐานต่างๆของดาวิดบุตรชายของเจสซี ก็จบลงเพียงเท่านี้

หนังสือเล่มที่สาม

(สดุดี 73-89)

ดูเหมือนคนชั่วได้ดีคนดีได้ชั่ว

บทเพลงสดุดีของอาสาฟ[f]

แน่นอน พระเจ้าทรงดีต่ออิสราเอล
    คือดีต่อคนอิสราเอลเหล่านั้นที่มีจิตใจบริสุทธิ์
แต่เท้าของข้าพเจ้าเองเกือบลื่นล้ม
    ย่างเท้าของข้าพเจ้าเกือบจะลื่นหงายหลังแล้ว
เพราะข้าพเจ้าเริ่มจะอิจฉาคนที่หยิ่งจองหอง
    เมื่อข้าพเจ้าเห็นถึงความร่ำรวยของพวกคนชั่วเหล่านั้น

พวกเขาไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอะไรเลย
    ร่างกายพวกเขาแข็งแรงและพวกเขาอยู่ดีกินดี[g]
พวกเขาไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้เหมือนคนอื่น
    และไม่เดือดร้อนเหมือนคนอื่น
ดังนั้นพวกเขาใส่ความเย่อหยิ่งเหมือนสร้อยคอ
    และสวมความทารุณโหดร้ายเหมือนเสื้อผ้า
พวกเขาอ้วนจนตาถลน
    จิตใจเต็มไปด้วยความคิดชั่วร้าย
พวกเขาเย้ยหยันผู้อื่นและวางแผนการร้ายต่อผู้อื่น
    พวกเขาใช้ฐานะทางสังคมที่สูงกว่าวางแผนเอาเปรียบผู้คน
ปากของพวกเขาพูดราวกับว่าเป็นผู้ครอบครองฟ้าสวรรค์
    ลิ้นของพวกเขาพูดยังกับว่าเป็นเจ้าของโลกนี้

10 ดังนั้น แม้แต่คนของพระเจ้าก็หันไปหาพวกเขา
    และยินดีทำตามที่พวกเขาบอก
11 คนหยิ่งจองหองพวกนั้นพูดว่า “พระเจ้าจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเราทำอะไรอยู่
    พระเจ้าสูงส่งนั้นจะรู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่”
12 ดูเอาเถอะ คนชั่วก็เป็นอย่างนั้นแหละ
    พวกเขาอยู่กันอย่างสบายๆและยังรวยเอารวยเอา
13 ดังนั้น ข้าพเจ้าคิดในใจว่า “มันจะมีประโยชน์อะไร ที่ข้าพเจ้าจะต้องรักษาใจให้บริสุทธิ์
    และล้างมือของข้าพเจ้าเพื่อแสดงว่าข้าพเจ้าบริสุทธิ์
14 ข้าพเจ้าต้องทนทุกข์ตลอดเวลา
    และถูกลงโทษทุกๆเช้าอยู่”

15 แต่ถ้าข้าพเจ้าตั้งใจที่จะพูดอย่างนั้น
    ก็จะเป็นการหักหลังคนของพระองค์
16 ข้าพเจ้าพยายามอย่างหนักที่จะเข้าใจถึงสิ่งเหล่านี้
    แต่มันยากเกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะเข้าใจได้
17 จนกระทั่งข้าพเจ้าได้เข้าไปยังวิหารของพระเจ้า
    ตอนนั้นแหละข้าพเจ้าถึงได้เข้าใจจุดจบของพวกเขา
18 ข้าแต่พระเจ้า แน่นอน พระองค์ได้วางพวกเขาไว้บนทางลื่น
    และพระองค์พร้อมที่จะให้พวกเขาตกลงไปสู่ความพินาศ
19 แล้วพวกเขาจะถูกทำลายในชั่วพริบตา
    พวกเขาจะพบกับจุดจบจากความตายอันน่าสะพรึงกลัว
20 พวกเขาจะเป็นเหมือนกับฝันที่พอเราตื่นขึ้นมาก็ลืมหมด
    องค์เจ้าชีวิต เมื่อพระองค์ลุกขึ้นมา
พระองค์จะทำให้พวกเขาหายไปเหมือนภาพในฝันนั้น

21 เมื่อจิตใจของข้าพเจ้าขมขื่น
    และความเจ็บปวดเสียบแทงเข้าในใจ
22 ตอนนั้นข้าพเจ้าช่างโง่เขลาเบาปัญญา
    และสิ้นคิดเหมือนสัตว์ต่อหน้าพระองค์
23 แต่ข้าพเจ้ายังคงอยู่กับพระองค์เสมอ
    พระองค์จับมือขวาของข้าพเจ้าไว้
24 พระองค์นำทางข้าพเจ้าด้วยคำชี้แนะของพระองค์
    และหลังจากนั้นพระองค์จะนำข้าพเจ้าเข้าไปสู่เกียรติยศ[h]
25 ในฟ้าสวรรค์ ข้าพเจ้าไม่มีใครเลยนอกจากพระองค์
    ในโลกนี้ มีแต่พระองค์เท่านั้นที่ข้าพเจ้าอยากได้
26 กายใจของข้าพเจ้าอาจอ่อนแอลง
    แต่พระเจ้าคือหินกำบังแห่งจิตใจของข้าพเจ้าและเป็นมรดกของข้าพเจ้าตลอดไป

27 แต่คนเหล่านั้นที่อยู่ห่างไกลจากพระองค์จะพบกับความหายนะ
    เพราะพระองค์จะทำลายล้างคนเหล่านั้นที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์
28 แต่ส่วนข้าพเจ้านั้น มันช่างดีจริงที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับพระองค์
    ข้าพเจ้าเอาพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตเป็นที่ลี้ภัย
    และข้าพเจ้าจะเล่าถึงทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทำ

อธิษฐานให้พระเจ้ากู้ชาติ

เพลงมัสคิลของอาสาฟ

ข้าแต่พระเจ้า ทำไมพระองค์ถึงได้ทอดทิ้งพวกเรานานนัก
    ทำไมถึงปล่อยให้ความโกรธของพระองค์เผาผลาญต่อฝูงแกะของพระองค์
โปรดระลึกถึงคนที่พระองค์ได้ซื้อมาตั้งนานมาแล้ว
    โปรดระลึกถึงเผ่าที่พระองค์ไถ่มาและครอบครองไว้
    โปรดระลึกถึงภูเขาศิโยนที่พระองค์สถิตอยู่
โปรดเดินเข้ามาดูซากปรักหักพังเก่าแก่เหล่านี้
    โปรดกลับมายังวิหารที่พวกศัตรูทำลายจนย่อยยับ

พวกศัตรูได้โห่ร้องเฉลิมฉลองชัยชนะของพวกเขาในสถานที่ชุมนุมของพระองค์
    พวกเขาชูธงแห่งชัยชนะทั้งหลายกัน
พวกเขาบุกโจมตี
    ราวกับคนตัดไม้ใช้ขวานโค่นป่า
แล้วตอนนี้ พวกเขากำลังใช้ชะแลง
    และขวานรื้อทำลายไม้แกะสลักในวิหารลง
พวกเขาเผาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์วอดวายลงกับดิน
    และทำให้เต็นท์ที่คนสรรเสริญชื่อของพระองค์เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ไป
พวกเขาคิดในใจว่า “พวกเราจะบดขยี้พวกมันให้แหลกละเอียด”
    พวกเขาเผาสถานที่ชุมนุมของพระเจ้าทั่วแผ่นดิน

พวกเราไม่เห็นการอัศจรรย์ใดๆ[i] อีกแล้ว
    ไม่มีพวกผู้พูดแทนพระเจ้าหลงเหลืออีก
    และไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน
10 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะปล่อยให้พวกศัตรูหมิ่นประมาทพระองค์ไปอีกนานแค่ไหน
    พระองค์จะปล่อยให้พวกเขาดูหมิ่นชื่อของพระองค์ตลอดไปหรือ
11 ทำไมพระองค์ถึงยืนกอดอกอยู่เฉยๆ
    ยื่นมือขวาของพระองค์ออกไปทำลายพวกเขาให้สิ้นซากไปเลย

12 พระเจ้าคือกษัตริย์ของข้าพเจ้ามาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว
    พระองค์ช่วยให้พวกเราชนะหลายต่อหลายครั้งแล้วในแผ่นดินนี้
13 ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ พระองค์ได้แยกทะเลแดงออก
    พระองค์ฟาดหัวทั้งหลายของสัตว์ประหลาดในท้องทะเล
14 พระองค์ทุบหัวทั้งหลายของเลวีอาธาน[j]
    แล้วเอาเนื้อของพวกมันมาเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ต่างๆในทะเลทราย
15 พระองค์ทำให้ตาน้ำและลำธารผุดขึ้นมาและไหลไป
    แล้วพระองค์ก็ทำให้แม่น้ำที่ไหลอยู่เสมอเหือดแห้งไป
16 วันและคืนเป็นของพระองค์
    พระองค์คือผู้สร้างดวงจันทร์และดวงอาทิตย์
17 พระองค์กำหนดเขตแดนทั้งหมดบนแผ่นดินโลก
    พระองค์สร้างฤดูร้อนและฤดูหนาว

18 ข้าแต่พระยาห์เวห์ อย่าลืมว่า พวกศัตรูเย้ยหยันพระองค์
    ชนชาติที่โง่เขลานั้นดูหมิ่นชื่อของพระองค์
19 อย่าปล่อยให้สัตว์ป่าพวกนี้เข่นฆ่านกเขาของพระองค์
    โปรดอย่าลืมชีวิตของคนที่ถูกกดขี่ของพระองค์ตลอดไป

20 โปรดระลึกถึงคำมั่นสัญญาของพระองค์และปกป้องพวกเราไว้
    เพราะความทารุณโหดร้ายมีอยู่ทั่วทุกมุมมืดบนแผ่นดินของพวกเรา
21 อย่าปล่อยให้คนทุกข์ยากต้องอับอายขายหน้า
    ขอให้คนยากจนและผู้ขัดสน สรรเสริญชื่อของพระองค์
22 ข้าแต่พระเจ้า ลุกขึ้นเถิด มาแก้หน้าของพระองค์
    พระองค์อย่าลืมว่าไอ้คนโง่พวกนั้นหมิ่นประมาทพระองค์ทุกวี่วัน
23 พระองค์ ขออย่าได้ลืมเสียงโห่ร้องของศัตรูเหล่านั้นของพระองค์
    และเสียงโกลาหลวุ่นวายที่มีอยู่ตลอดเวลาจากคนเหล่านั้นที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับพระองค์

สรรเสริญพระเจ้าผู้พิพากษา

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องเพลงนี้ตามทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงสดุดีของอาสาฟ

ข้าแต่พระเจ้า พวกเราสรรเสริญพระองค์ พวกเราสรรเสริญพระองค์ พระองค์นั้นอยู่ใกล้
    ผู้คนต่างพูดถึงสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ทำ

พระเจ้าพูดว่า “เมื่อเวลาที่เรากำหนดไว้นั้นมาถึง
    เราจะพิพากษาอย่างยุติธรรม
เมื่อแผ่นดินโลกและคนที่อาศัยอยู่ในมันสั่นไหว
    เรานี่แหละเป็นผู้ที่ทำให้ฐานรากนั้นมั่นคง เซลาห์

เราบอกพวกที่เย่อหยิ่งจองหอง ‘เลิกโอ้อวดได้แล้ว’
    เราบอกคนชั่วช้า ‘เลิกวางกล้ามใหญ่โตได้แล้ว
เลิกวางท่าราวกับว่ามีอำนาจสูงสุดเสียเหลือเกิน[k]
    ไม่ต้องเชิดหน้าพูดจาโอ้อวดหรอก’”

เพราะการยกย่องไม่ได้มาจากทางทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก
    หรือมาจากที่เปล่าเปลี่ยว
แต่พระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน
    ทำให้คนหนึ่งตกต่ำ แล้วทำให้อีกคนหนึ่งได้รับการยกย่อง
เพราะพระยาห์เวห์ถือจอกแห่งการพิพากษาอยู่ในมือ จอกนั้นเต็มไปด้วยเหล้าองุ่นฤทธิ์แรงที่ผสมเครื่องเทศ
    เมื่อพระองค์เทเหล้าองุ่นแห่งความโกรธ-เกรี้ยวจากจอกนั้น คนชั่วทุกคนในโลกนี้จะต้องดื่มมันจนเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่ตะกอนก้นถ้วย
ส่วนข้าพเจ้านั้นจะเล่าเรื่องราวของพระองค์อยู่เสมอ
    ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าแห่งยาโคบ

10 พระเจ้าพูดว่า “เราจะตัดกำลังของพวกคนชั่ว
    และเพิ่มกำลังให้กับคนดี”[l]

พระเจ้าผู้น่าเกรงขาม

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ใช้เครื่องดนตรีประกอบ เพลงสดุดีของอาสาฟ

ในยูดาห์ พระเจ้าเป็นที่รู้จักกันทั่ว
    ในอิสราเอล ชื่อของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่
ที่พัก[m] ของพระองค์อยู่ในเมืองซาเล็ม[n]
    ส่วนที่ประทับของพระองค์อยู่บนภูเขาศิโยน
ที่นั่น พระองค์ได้หักลูกธนูไฟ
    โล่กำบังและดาบของศัตรูที่ใช้รบจนหมดสิ้น เซลาห์

พระองค์ส่องรัศมีเจิดจ้า
    และมีบารมีสูงส่งยิ่งกว่าภูเขาที่พระองค์ได้ฆ่าเหยื่อของพระองค์[o]
ทหารที่มีใจกล้าหาญเหล่านั้นถูกยึดของไปในขณะที่นอนตายอยู่
    นักรบพวกนั้นไม่สามารถยกมือขึ้นมาปกป้องตัวเองได้อีกแล้ว
ข้าแต่พระเจ้าแห่งยาโคบเมื่อพระองค์ออกคำสั่งให้บุก
    ทั้งม้าและคนขี่รถรบของศัตรูก็ล้มตายเหมือนกับหลับไป

ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ช่างน่าเกรงขาม
    ไม่มีใครสามารถยืนหยัดอยู่ต่อหน้าพระองค์ได้ตอนที่พระองค์โกรธเกรี้ยว
8-9 พระองค์ประกาศคำพิพากษาของพระองค์จากฟ้าสวรรค์ตอนที่พระเจ้ายืนขึ้นมาพิพากษา
    เพื่อช่วยเหลือคนยากจนทุกคนในแผ่นดินโลกให้รอด
    แผ่นดินโลกก็เงียบกริบด้วยความกลัว เซลาห์

10 แน่นอน ความเกรี้ยวโกรธของพระองค์ต่อมนุษย์ทำให้มนุษย์สรรเสริญพระองค์
    คนเหล่านั้นที่รอดพ้นจากความเกรี้ยวโกรธของพระองค์ถูกยับยั้งไว้จากความชั่ว
11 ให้บนบานและแก้บนทั้งหลายนั้นที่ได้ทำไว้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
    ขอให้ผู้รับใช้ของพระองค์ทุกคนนำของขวัญมาให้พระองค์ผู้น่าเกรงขาม
12 พระเจ้าเป็นผู้ที่ทำให้จิตใจของพวกผู้นำถ่อมลง
    กษัตริย์ทั้งหลายบนแผ่นดินโลกยำเกรงพระองค์

พระเจ้าจะทอดทิ้งคนของพระองค์ตลอดไปหรือ

ถึงหัวหน้านักร้อง ตามทำนองเพลงของเยดูธูน[p] เพลงสดุดีของอาสาฟ

ข้าพเจ้าร้องต่อพระเจ้า ร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
    ข้าพเจ้าร้องต่อพระเจ้า และหวังว่าพระองค์จะฟังข้าพเจ้า
ในวันที่ทุกข์ยาก ข้าพเจ้าแสวงหาองค์เจ้าชีวิต
    ข้าพเจ้ายื่นมือขึ้นอธิษฐานโดยไม่วางมือลงเลยตลอดทั้งคืน
    ข้าพเจ้าไม่ยอมรับการปลอบโยนจนกว่าพระเจ้าจะช่วย
ข้าพเจ้าระลึกถึงพระเจ้าและร้องคร่ำครวญ
    ข้าพเจ้าบ่นแล้วก็สิ้นหวัง เซลาห์

พระองค์ถ่างหนังตาข้าพเจ้าไว้ ทำให้นอนไม่หลับ
    ข้าพเจ้าทุกข์ใจมากจนพูดไม่ออก
ข้าพเจ้าคิดถึงวันเวลาที่ผ่านมา
    และปีอันแสนยาวนานที่ผ่านไป
ในยามค่ำคืน ข้าพเจ้าหวนคิดถึงเพลงที่เคยร้อง
    ข้าพเจ้าครุ่นคิดถึงสิ่งเหล่านี้อยู่ในใจ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าแสวงหาคำตอบ
องค์เจ้าชีวิตจะทอดทิ้งพวกเราตลอดไปหรือ
    พระองค์จะไม่มีวันยอมรับพวกเราอีกแล้วหรือ
ความรักมั่นคงของพระองค์สูญหายไปตลอดกาลแล้วหรือ
    สัญญาของพระองค์จะถูกยกเลิกไปตลอดชั่วลูกชั่วหลานหรือ
พระเจ้าลืมที่จะเมตตาแล้วหรือ
    พระองค์ดับความเมตตาเพราะพระองค์โกรธหรือ เซลาห์

10 ข้าพเจ้าพูดกับตัวเองว่า “สิ่งที่ทิ่มแทงใจข้าพเจ้าที่สุด
    คือ พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดหยุดแสดงฤทธิ์อำนาจของพระองค์”[q]

11 ข้าพเจ้าระลึกถึงสิ่งต่างๆที่พระยาห์เวห์ทำ
    ข้าพเจ้าจำได้ถึงสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์เคยทำในสมัยก่อนนานมาแล้ว
12 ข้าพเจ้าครุ่นคิดถึงการงานต่างๆของพระองค์
    และพิจารณาการกระทำทั้งหลายของพระองค์
13 ข้าแต่พระเจ้า ทางทั้งหลายของพระองค์ช่างบริสุทธิ์ยิ่งนัก
    ไม่มีพระเจ้าใดยิ่งใหญ่เท่ากับพระเจ้าของเรา
14 พระองค์คือพระเจ้าผู้ทำสิ่งที่น่าทึ่งทั้งหลาย
    พระองค์ทำให้ชนชาติต่างๆเห็นฤทธิ์อำนาจของพระองค์
15 พระองค์ได้ไถ่คนของพระองค์
    คือพวกลูกหลานของยาโคบและโยเซฟ[r] ด้วยแขนอันทรงพลังของพระองค์ เซลาห์

16 ข้าแต่พระเจ้า น้ำทั้งหลายได้เห็นพระองค์
    น้ำเห็นพระองค์ก็สั่นไหวด้วยความกลัว
    แม้แต่น้ำในทะเลลึกก็สั่นสะท้านไปด้วย
17 ฝนตกลงมาจากก้อนเมฆหนาทึบ
    ฟ้าได้ร้องคำรามออกมาจากหมู่เมฆ
    แม้แต่สายฟ้าก็แลบแปลบปลาบออกมาจากเมฆ
18 เสียงกึกก้องของพระองค์อยู่ในลมพายุ
    สายฟ้าแลบได้ทำให้ทั้งโลกสว่าง แผ่นดินโลกสั่นสะเทือน
19 พระองค์เดินทะลุผ่านทะเลไป
    ถนนของพระองค์แหวกผ่านน้ำอันยิ่งใหญ่
    แต่พระองค์ไม่ได้ทิ้งรอยเท้าไว้
20 พระองค์นำคนของพระองค์เหมือนฝูงแกะ
    ด้วยมือของโมเสสและอาโรน

บทเรียนที่ได้รับจากประวัติของอิสราเอล

บทเพลงมัสคิลของอาสาฟ

คนของเราเอ๋ย ให้ฟังคำสั่งสอนของเรา
    เอียงหูของเจ้ามาฟังคำพูดต่างๆที่ออกมาจากปากของเรา
เราจะอ้าปากร้องเพลงที่ก่อให้เกิดสติปัญญา
    เราจะอธิบายบทเรียนต่างๆที่ได้จากเหตุการณ์ทั้งหลายในอดีต
ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเราเคยได้ยินและรู้จักกันดี
    เพราะพ่อแม่และคนรุ่นก่อนๆได้เล่าให้พวกเราฟัง
พวกเราจะไม่ซ่อนเรื่องเหล่านี้ไปจากลูกหลานของพวกเขา
    พวกเราจะเล่าให้กับคนรุ่นต่อไปฟัง
ถึงการกระทำอันน่าสรรเสริญของพระยาห์เวห์
    ถึงพลังอำนาจของพระองค์และถึงสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ได้ทำ

พระเจ้าทำข้อตกลงไว้กับยาโคบ
    พระองค์ให้กฎกับชาวอิสราเอลทำตาม
และพระองค์สั่งบรรพบุรุษของพวกเรา
    ให้สั่งสอนสิ่งเหล่านี้กับลูกๆของพวกเขา
เพื่อว่าคนรุ่นต่อไป คือเด็กที่ยังไม่ได้เกิดมาจะได้รู้ถึงสิ่งเหล่านี้
    และเมื่อพวกเขาโตขึ้น พวกเขาจะได้เล่าเรื่องเหล่านี้ให้กับลูกๆของพวกเขาฟัง
แล้วพวกเขาจะได้ไว้วางใจในพระเจ้า
    และไม่ลืมสิ่งต่างๆที่พระเจ้าทำ
    แต่จะรักษาคำสั่งต่างๆของพระองค์ไว้
พวกเขาจะได้ไม่เป็นเหมือนบรรพบุรุษของพวกเขา
    ซึ่งเป็นรุ่นที่กบฏและไม่เชื่อฟัง
ซึ่งใจของพวกเขาไม่ได้มั่นคงในพระเจ้า
    และจิตวิญญาณของพวกเขาไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อพระองค์

เช่น คนเอฟราอิมที่มีธนู[s]พร้อมมือ
    แต่กลับวิ่งหนีในวันที่การสู้รบมาถึง
10 พวกเขาไม่ได้รักษาข้อตกลงที่ทำไว้กับพระเจ้า
    พวกเขาไม่ยอมทำตามกฎต่างๆของพระองค์
11 พวกเขาลืมสิ่งต่างๆที่พระองค์ทำไป
    คือสิ่งน่าทึ่งต่างๆที่พระองค์ทำให้พวกเขาเห็น
12 พระเจ้าทำสิ่งน่าทึ่งต่างๆต่อหน้าต่อตาบรรพบุรุษของพวกเขา
    ในแคว้นโศอันในแผ่นดินอียิปต์
13 พระเจ้าแหวกทะเลออกและนำพวกเขาเดินทะลุไป
    พระองค์ทำให้น้ำตั้งขึ้นเหมือนกำแพงทั้งสองข้าง
14 พระองค์นำทางพวกเขาด้วยเมฆในตอนกลางวัน
    และนำด้วยแสงไฟตลอดคืน
15 พระองค์ทุบหินในทะเลทรายแยกออก
    และน้ำก็ไหลพุ่งออกมามากมายให้พวกเขาดื่มเหมือนกับมาจากทะเลลึก
16 พระองค์ทำให้พวกลำธารไหลออกมาจากหินผา
    พระองค์ทำให้น้ำไหลเหมือนพวกแม่น้ำ

17 แต่พวกบรรพบุรุษยังคงทำบาปต่อพระองค์ต่อไป
    และกบฏต่อพระองค์ผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดในแผ่นดินที่แห้งแล้งนั้น
18 แล้วพวกเขาตั้งใจลองดีพระเจ้า
    พวกเขาขออาหารเพื่อสนองความอยากของตน
19 พวกเขาพูดต่อว่าพระเจ้าว่า
    “ในที่เปล่าเปลี่ยวอย่างนี้ พระเจ้าสามารถหาอาหารให้กับพวกเราได้หรือ
20 ถึงแม้พระองค์ทุบหินให้น้ำไหลออกมาจนล้นหุบเหวลึกได้
    แต่พระองค์จะมีปัญญาหาอาหารมาให้ได้จริงๆหรือ
    พระองค์จะเอาเนื้อมาให้คนของพระองค์กินด้วยได้หรือ”

21 เมื่อพระยาห์เวห์ได้ยินอย่างนั้น พระองค์ก็โกรธ
    และไฟก็ปะทุขึ้นใส่คนของยาโคบ
    ความโกรธของพระองค์เผาอิสราเอล
22 เพราะพวกเขาไม่ได้ไว้วางใจในพระเจ้า
    และไม่เชื่อว่า พระองค์มีฤทธิ์ที่จะช่วยพวกเขาให้รอดได้
23 แล้วพระเจ้าก็ประกาศสั่งเมฆบนฟ้าเบื้องบน
    และพระองค์เปิดประตูท้องฟ้า
24 แล้วพระองค์ก็เทมานาลงมาให้พวกเขากิน
    พระองค์ให้อาหารทิพย์จากสวรรค์กับพวกเขา
25 คนพวกนี้พากันกินขนมปังของพวกเทพเจ้า[t]
    พระองค์ให้อาหารพวกเขากินอย่างอิ่มหมีพีมัน
26 แล้วพระเจ้าก็ทำให้ลมจากทิศ-ตะวันออกเฉียงใต้พัดมาตรงที่พวกเขาอยู่
    และให้ฝูงนกตกลงมาจากท้องฟ้า
27 พระองค์เทเนื้อลงบนพวกเขาอย่างพายุฝุ่น
    มีนกมากมายเหมือนเม็ดทรายที่ชายทะเล
28 นกพวกนี้ตกลงไปในค่าย
    รอบๆเต็นท์ของพวกเขา
29 พระเจ้าให้สิ่งที่พวกเขาอยากได้
    และพวกเขาก็กินจนอิ่มตื้อ
30 แต่ในระหว่างที่เขายังกินอาหารที่อยากกินอยู่นั้น
    ขณะที่มันยังคาอยู่ในปาก
31 จู่ๆความโกรธของพระเจ้าก็พลุ่งขึ้นใส่พวกเขา
    พระองค์ฆ่าคนที่แข็งแรงที่สุดของพวกเขาบางคน
    พระองค์โค่นพวกคนหนุ่มที่ดีที่สุดของอิสราเอล

32 ขนาดเกิดเรื่องอย่างนี้แล้ว พวกเขาก็ยังคงทำบาป
    และยังไม่ยอมเชื่อในฤทธิ์อันน่าทึ่งของพระเจ้า
33 พระองค์ทำให้ชีวิตของพวกเขาจบลงอย่างล้มเหลว
    เดือนปีของเขาจบลงด้วยความหวาดกลัวและสั่นเทิ้ม
34 เมื่อไหร่ก็ตามที่พระเจ้าฆ่าคนเหล่านั้น คนที่เหลือก็จะมาขอความช่วยเหลือจากพระองค์
    พวกเขาจะกลับมาหาพระองค์และแสวงหาพระเจ้าด้วยใจร้อนรน
35 พวกเขาจะระลึกได้ว่าพระเจ้าเป็นหินกำบังของพวกเขา
    พระเจ้าผู้สูงสุดเป็นผู้ที่ไถ่ชีวิตของพวกเขา
36 พวกเขาพยายามหลอกพระองค์ด้วยปาก
    และโกหกพระองค์ด้วยลิ้น
37 พวกเขาไม่จริงใจต่อพระเจ้า
    และไม่สัตย์ซื่อต่อข้อตกลงที่ทำไว้กับพระองค์
38 แต่พระเจ้านั้นมีความเมตตา
    พระองค์ลบความผิดของพวกเขาออกไป
    พระองค์ไม่ได้ทำลายล้างพวกเขา
พระองค์ระงับความโกรธของพระองค์ไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า
    พระองค์ไม่ยอมกวนความโกรธของพระองค์ให้พลุ่งขึ้นมา
39 พระเจ้าระลึกอยู่เสมอว่าพวกเขาเป็นแค่มนุษย์
    พวกเขาเป็นเหมือนกับลมที่พัดผ่านไปและไม่หวนกลับมาอีก
40 พวกเขากบฏต่อพระองค์หลายครั้งหลายคราในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น
    พวกเขาทำให้พระองค์เสียใจในดินแดนนั้น
41 พวกเขาลองดีกับพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า
    และทำให้องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลต้องเจ็บปวดใจ
42 พวกเขาไม่เคยจดจำฤทธิ์อำนาจของพระองค์
    หรือจดจำวันที่พระองค์ช่วยกู้พวกเขาให้รอดพ้นจากศัตรู
43 หรือเวลาที่พระองค์ได้ทำการอัศจรรย์ในประเทศอียิปต์
    หรือที่พระองค์ได้แสดงสิ่งน่าทึ่งต่างๆในแคว้นโศอัน
44 พระองค์เปลี่ยนแม่น้ำให้กลายเป็นเลือด
    พวกเขาจึงไม่สามารถดื่มน้ำจากลำธารได้
45 พระองค์ให้เหลือบมากัดพวกเขา
    และส่งกบทั้งหลายมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง
46 พระองค์ยกพืชผลของพวกเขาให้กับตั๊กแตนวัยคลาน
    และยกผลผลิตของพวกเขาให้กับตั๊กแตนวัยบิน
47 พระองค์ทำให้ลูกเห็บตกลงมาทำลายเถาองุ่นของชาวอียิปต์
    พระองค์ทำให้ฝนตกห่าใหญ่ทำลายผลมะเดื่อของพวกเขา
48 พระองค์ส่งลูกเห็บลงมาฆ่าฝูงวัวของพวกเขา
    และให้ฟ้าผ่าฝูงสัตว์ของเขา
49 พระองค์แสดงความเคืองแค้นอันร้อนแรงของพระองค์ต่อชนชาวอียิปต์
    พระองค์ส่ง ความเกรี้ยวโกรธ ความเดือดดาล และความอาฆาตแค้นเป็นคณะทูตมาทำลายล้างพวกเขา
50 พระองค์ระบายความโกรธของพระองค์ออกมาอย่างเต็มที่
    พระองค์ไม่ได้ไว้ชีวิตของชาวอียิปต์แต่กลับยกพวกเขาให้ตายด้วยโรคระบาด
51 พระเจ้าฆ่าลูกชายหัวปีทั้งหมดในอียิปต์
    พระองค์ทำลายสิ่งที่พิสูจน์ถึงความเป็นชายของครอบครัวทั้งหลายของฮาม[u]
52 แต่พระเจ้านำทางคนของพระองค์ออกจากที่นั่นเหมือนนำแกะ
    และพระองค์นำทางพวกเขาในที่เปล่าเปลี่ยวเหมือนนำฝูงสัตว์
53 พระเจ้านำพวกเขาสู่ความปลอดภัย พวกเขาจึงไม่ต้องหวาดกลัว
    เพราะพระเจ้าทำให้ศัตรูของพวกเขาถูกน้ำทะเลซัดกลบตายหมด
54 แล้วพระเจ้าก็นำพวกเขาไปถึงพรมแดนของแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
    คือดินแดนแห่งเนินเขาที่พระองค์ยึดมาด้วยมือขวาอันทรงฤทธิ์ของพระองค์
55 แล้วพระองค์ก็ขับไล่ชนชาติต่างๆออกไปต่อหน้าคนของพระองค์
    พระองค์แบ่งปันดินแดนนั้นให้กับเผ่าต่างๆของอิสราเอลและให้พวกเขาตั้งถิ่นฐานอยู่ในบ้านทั้งหลายของศัตรู

56 แต่พวกอิสราเอลก็ยังลองดีกับพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด
    กบฏต่อพระองค์และไม่ได้เชื่อฟังกฎทั้งหลายของพระองค์
57 ชาวอิสราเอลไม่จงรักภักดีและทรยศต่อพระเจ้า เหมือนกับที่บรรพบุรุษของพวกเขาเคยทำ
    พวกเขาเชื่อถือไม่ได้เหมือนคันธนูที่ใช้การไม่ได้
58 พวกเขาทำให้พระองค์โกรธด้วยการสร้างสถานศักดิ์สิทธิ์มากมาย
    และทำให้พระองค์หึงหวงด้วยการสร้างรูปเคารพมากมาย
59 เมื่อพระเจ้าได้ยินเรื่องเหล่านี้ พระองค์โกรธ
    และพระองค์ทอดทิ้งอิสราเอลอย่างสิ้นเชิง
60 พระองค์ละทิ้งเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ในเมืองชิโลห์ไป
    ซึ่งเคยเป็นที่สถิตของพระองค์ท่ามกลางมนุษย์
61 พระองค์ยอมปล่อยให้หีบอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ถูกยึดไป
    พระองค์ยอมปล่อยให้ศัตรูยึดเอาสัญลักษณ์แห่งฤทธิ์อำนาจและสง่าราศีของพระองค์ไป
62 พระองค์เกรี้ยวโกรธคนของพระองค์
    และปล่อยให้คนของพระองค์ตายด้วยคมดาบ
63 พวกทหารหนุ่มถูกไฟเผาตายหมด
    และพวกสาวบริสุทธิ์ยังคงไม่ได้แต่งงาน[v]
64 พวกนักบวชล้มตายด้วยคมดาบ
    แต่ภรรยาหม้ายของพวกเขาไม่สามารถไว้ทุกข์ได้ตามปกติ
65 แล้วองค์เจ้าชีวิตก็ตื่นขึ้นมาเหมือนคนที่เพิ่งตื่นนอน
    เหมือนกับนักรบที่เพิ่งตื่นขึ้นจากการเมาเหล้าองุ่น
66 พระองค์ตีเหล่าศัตรู ขับไล่พวกเขากลับไป
    และทำให้พวกเขาอับอายขายหน้าตลอดไป

67 แล้วพระองค์ทอดทิ้งครอบครัวของโยเซฟ
    และไม่ได้เลือกเผ่าของเอฟราอิม
68 แล้วพระองค์ก็เลือกเผ่ายูดาห์ขึ้นปกครอง
    และเลือกภูเขาศิโยนที่พระองค์รัก เป็นที่ตั้งของวิหาร
69 พระองค์สร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เหมือนกับภูเขาสูงต่างๆ
    เหมือนโลกนี้ที่พระองค์ตั้งให้อยู่ตลอดไป
70 พระองค์เลือกดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์
    และเอาเขาออกมาจากคอกแกะทั้งหลาย
71 พระองค์เอาดาวิดมาจากการติดตามดูแลแม่แกะและลูกของมัน
    มาเป็นผู้เลี้ยงยาโคบคนของพระองค์
    และเป็นผู้เลี้ยงอิสราเอลสมบัติของพระองค์
72 ดาวิดดูแลพวกเขาด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์
    และนำพวกเขาด้วยมือที่ชำนาญยิ่ง

อธิษฐานให้พระองค์เมตตาเมืองเยรูซาเล็ม

เพลงสดุดีของอาสาฟ

ข้าแต่พระเจ้า คนต่างชาติได้บุกรุกเข้ามาในแผ่นดินของพระองค์
    พวกเขาทำให้วิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์มัวหมอง
    และทำให้เยรูซาเล็มกลายเป็นกองซากปรักหักพัง
พวกเขาทิ้งซากศพของผู้รับใช้พระองค์ให้เป็นอาหารของฝูงนกในอากาศ
    และทิ้งเนื้อหนังของคนที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์ให้เป็นอาหารของสัตว์ป่า
พวกศัตรูเทเลือดของคนของพระองค์
    อย่างกับน้ำไปทั่วเยรูซาเล็มจนไม่เหลือใครที่จะอยู่ฝังศพ
พวกเรากลายเป็นสิ่งที่เพื่อนบ้านพากันดูหมิ่นดูแคลน
    กลายเป็นตัวตลกให้ผู้คนรอบข้างหัวเราะเยาะ

ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์จะโกรธพวกเราไปอีกนานแค่ไหน ตลอดไปหรือ
    ความหึงหวงของพระองค์จะเผาผลาญเหมือนไฟไปอีกนานแค่ไหน
เทความโกรธเกรี้ยวของพระองค์ใส่ชนชาติต่างๆที่ไม่ยอมรับสิทธิอำนาจของพระองค์ด้วยเถิด
    เทใส่อาณาจักรต่างๆที่ไม่ได้อธิษฐานต่อพระองค์
เพราะคนเหล่านั้นแหละเขมือบคนของยาโคบ
    และทำลายแผ่นดินของพวกเขา

ขออย่าได้ลงโทษเราเพราะความผิดบาปของบรรพบุรุษเรา
    ได้โปรดรีบมาแสดงความเมตตาต่อพวกเราเถิด
    เพราะพวกเราหมดสิ้นหนทางแล้ว
ข้าแต่พระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ช่วยพวกเราด้วยเถิด
    เพื่อคนจะได้ให้เกียรติกับชื่อของพระองค์
ช่วยกู้ชีวิตและลบความผิดบาปของพวกเราด้วยเถิด
    เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงของพระองค์
10 ทำไมพระองค์ปล่อยให้ชนชาติเหล่านั้นพูดกันว่า
    “ไหนล่ะ พระเจ้าของพวกมัน”
ขอพระองค์ช่วยแก้แค้นชนชาติเหล่านั้นให้เราเห็นกับตา
    คนเหล่านั้นที่ทำให้ผู้รับใช้ของพระองค์ต้องหลั่งเลือด

11 ขอพระองค์ฟังเสียงคร่ำครวญของผู้ถูกกักขังเถิด
    ขอช่วยเหลือคนเหล่านั้นที่ถูกตัดสินประหารให้รอดชีวิตด้วยแขนอันทรงพลังของพระองค์
12 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต ขอลงโทษเพื่อนบ้านของพวกเราที่ดูหมิ่นดูแคลนพระองค์
    ถึงเจ็ดเท่าที่เขากระทำต่อพระองค์ด้วยเถิด
13 แล้วพวกเรา ที่เป็นคนของพระองค์ที่เป็นฝูงแกะในทุ่งหญ้าของพระองค์
    จะได้ขอบคุณพระองค์ตลอดไป
    แล้วพวกเราจะเล่าถึงการกระทำอันน่าสรรเสริญของพระองค์

ข้าแต่พระเจ้าช่วยส่องใบหน้าของพระองค์ลงบนพวกเรา

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องโดยใช้ทำนองเพลงดอกพลับพลึง คำพยาน เพลงสดุดีของอาสาฟ

ข้าแต่ผู้เลี้ยงแกะแห่งอิสราเอล โปรดฟังพวกเราด้วยเถิด
    พระองค์เป็นผู้ที่นำคนของโยเซฟเหมือนนำฝูงแกะ
พระองค์ผู้นั่งอยู่เหนือทูตสวรรค์ที่มีปีก
    ขอปรากฏตัวให้พวกเราเห็นด้วยเถิด
ลุกขึ้นเถิด แสดงฤทธิ์อำนาจของพระองค์
    ต่อหน้าประชาชนของเอฟราอิม เบนยามิน และมนัสเสห์
    มาช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด

ข้าแต่พระเจ้า ช่วยทำให้เรากลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิมด้วยเถิด
    ช่วยส่องใบหน้าของพระองค์ลงมาบนพวกเรา[w] และช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    พระองค์จะโกรธคนของพระองค์ที่อธิษฐานต่อพระองค์ไปอีกนานแค่ไหน
พระองค์เลี้ยงพวกเขา ด้วยน้ำตาต่างข้าว
    และให้พวกเขาดื่มน้ำตาเป็นถังๆ
พระองค์ทำให้เรากลายเป็นสิ่งที่ประเทศเพื่อนบ้านต่างต่อสู้แย่งชิงกัน
    และพวกศัตรูก็หัวเราะเยาะพวกเรา

ข้าแต่พระเจ้า ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ช่วยทำให้เรากลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิมด้วยเถิด
    ช่วยส่องใบหน้าของพระองค์ลงมาบนพวกเราและช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด

พระองค์นำพวกเราที่เป็นเถาองุ่นของพระองค์ออกจากอียิปต์
    พระองค์ขับไล่ชาวต่างชาติออกไปและปลูกพวกเราที่เป็นต้นองุ่นของพระองค์แทน
พระองค์กำจัดหินและหญ้ารกให้ต้นองุ่นนั้นมีที่เติบโต
    แล้วต้นองุ่นนั้นก็หยั่งรากลึกและแผ่ขยายไปทั่วแผ่นดิน
10 เงาของมันปกคลุมไปทั่วเนินเขาต่างๆ
    ส่วนกิ่งก้านของมันปกคลุมต้นสนซีดาร์อันสูงใหญ่
11 เถาองุ่นได้แตกกิ่งก้านแผ่ขยายออกไปทางทิศตะวันตกสู่ทะเล
    ทางทิศตะวันออกสู่แม่น้ำยูเฟรติส
12 แต่ตอนนี้ ทำไมพระองค์ถึงได้พังรั้วกำแพงที่ป้องกันสวนองุ่นลง
    และปล่อยให้คนที่เดินผ่านไปมาเด็ดลูกมัน
13 พวกหมูป่าก็พากันมาแทะกิน
    และแมลงจากท้องทุ่งพากันมากัดกิน

14 ข้าแต่พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น โปรดกลับมาเถิด
    โปรดมองลงมาจากสวรรค์ และดูว่าเกิดอะไรขึ้น
    ลงมาดูแลเถาองุ่นต้นนี้ด้วยเถิด
15 พระองค์ปลูกรากเง้าของมันด้วยมือขวาของพระองค์เอง
    พระองค์เลี้ยงดูต้นอ่อนนั้นให้เป็นของพระองค์เอง
16 แต่ตอนนี้ เถาองุ่นของพระองค์ถูกโค่นลงและเผาทิ้ง
    ขอให้พวกศัตรูถูกทำลายด้วยสีหน้าที่เกรี้ยวโกรธของพระองค์
17 ขอให้มือของพระองค์หนุนคนที่พระองค์เลือกสรรไว้[x]
    คือผู้ที่พระองค์ได้เลี้ยงดูให้แข็งแรงเป็นของพระองค์เอง
18 แล้วพวกเราจะได้ไม่หันเหไปจากพระองค์
    ขอพระองค์ให้ชีวิตใหม่กับพวกเรา เพื่อพวกเราจะได้สรรเสริญชื่อของพระองค์

19 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    ช่วยทำให้เราเข้มแข็งเหมือนเดิมด้วยเถิด
    ช่วยส่องใบหน้าของพระองค์ลงมาบนพวกเราและช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด

เพลงแห่งเทศกาล

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องเพลงนี้ตามทำนองกิททีธ[y] บทเพลงของอาสาฟ

ให้ร้องเพลงด้วยความยินดีให้กับพระเจ้าผู้ให้พละกำลังกับพวกเรา
    ให้โห่ร้องคำสรรเสริญให้กับพระเจ้าของยาโคบ
ให้เริ่มบรรเลงดนตรี ตีกลองรำมะนา
    ให้ดีดพิณสี่สายและพิณสิบสายเถิด
ให้เป่าแตรเขาแกะทั้งในคืนวันเพ็ญใหม่[z] และในคืนวันเพ็ญเต็มดวง[aa]
    ซึ่งเป็นคืนที่งานเทศกาลของพวกเราเริ่มต้น
การเฉลิมฉลองเทศกาลเป็นกฎสำหรับคนอิสราเอล
    และเป็นคำสั่งจากพระเจ้าของยาโคบ
พระเจ้าให้กฎเกณฑ์นี้กับครอบครัวของโยเซฟ
    ตอนที่พวกเขาออกมาจากอียิปต์

ข้าพเจ้าได้ยินเสียงที่ข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักมาก่อน
เสียงนั้นพูดว่า “เราปลดภาระออกจากบ่าของเจ้า
    และเอาตะกร้าที่หนักอึ้งออกจากมือทั้งสองข้างของเจ้า
เมื่อเจ้าเจอกับความทุกข์ยาก เจ้าเรียกหาเราและเราก็ช่วยกู้เจ้า
    เราตอบเจ้าจากเมฆครึ้มฟ้าคะนอง
    เราได้ทดลองเจ้าที่แหล่งน้ำเมรีบาห์” เซลาห์

คนของเรา ฟังเราให้ดี เราจะให้คำเตือนกับเจ้า
    อิสราเอลเอ๋ย เราหวังเหลือเกินว่าเจ้าจะฟังเรา
อย่าได้มีพระเจ้าอื่นในหมู่พวกเจ้า
    อย่าได้กราบไหว้บูชาพระเจ้าของคนต่างชาติ
10 เราคือพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า
    เราคือผู้ที่นำเจ้าออกมาจากอียิปต์
    อ้าปากของเจ้าให้กว้าง และเราจะเติมให้เต็ม

11 แต่คนของเราไม่ยอมฟังเสียงของเรา
    ชาวอิสราเอลไม่ยอมทำตามสิ่งที่เราบอก
12 เราก็เลยปล่อยให้พวกเขาไปตามทางที่ดื้อรั้นของพวกเขา
    และทำอะไรก็ได้ที่พวกเขาอยากทำ
13 ถ้าเพียงแต่คนของเราฟังเสียงเรา
    ถ้าเพียงแต่คนอิสราเอลจะเดินในทางทั้งหลายของเรา
14 เราก็จะปราบศัตรูของพวกเขาในไม่ช้า
    และจะลงโทษคู่ต่อสู้ของพวกเขา
15 เราจะบีบบังคับคนที่เกลียดชังเรา ให้ต้องมายอมจำนนต่อเรา
    และพวกเขาจะต้องอับอายขายหน้าตลอดไป
16 แต่อิสราเอล เราจะเลี้ยงเจ้าด้วยข้าวสาลีที่ดีที่สุด
    และเราจะให้เจ้าอิ่มหนำด้วยน้ำเชื่อมผลไม้ที่ไหลออกมาจากหิน

พระเจ้าตัดสินเทพเจ้าของคนต่างชาติ

เพลงสดุดีของอาสาฟ

พระเจ้ายืนอยู่ในที่ชุมนุมสวรรค์ท่ามกลางเทพเจ้าทั้งหลาย[ab]
    พระองค์ได้ประกาศคำตัดสิน
พระเจ้าพูดว่า “อีกนานแค่ไหน ที่เจ้าจะตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม
    อีกนานไหม ที่เจ้าจะเข้าข้างคนชั่ว” เซลาห์

“ให้ตัดสินคดีของคนยากจน และเด็กกำพร้าอย่างยุติธรรมด้วย
    แก้ต่างให้กับคนยากจนและคนขัดสนด้วย
ช่วยกู้คนยากจนและคนขัดสนด้วย
    ช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากอุ้งมือของคนชั่ว

เทพเจ้าพวกนี้ไม่รู้ และไม่เข้าใจอะไรเลย
    พวกเขาเดินอยู่ในความมืด
    ในขณะที่รากฐานของสังคมโลกนี้กำลังสั่นคลอน”

เราว่าพวกเจ้าเป็นเทพเจ้า
    พวกเจ้าต่างก็เป็นลูกของพระเจ้าผู้สูงสุด
แต่ความจริงแล้ว เจ้าจะต้องตายเหมือนกับมนุษย์
    เจ้าจะล้มตายไปเหมือนกับผู้นำทุกคน

ข้าแต่พระเจ้าลุกขึ้นเถิด และมาตัดสินโลกนี้
    เพราะพระองค์นั่นแหละเป็นพระเจ้าของชนชาติทั้งสิ้น

คำอธิษฐานให้พระเจ้าชนะพวกศัตรูของอิสราเอล

เพลงสดุดีของอาสาฟ

ข้าแต่พระเจ้า โปรดอย่านิ่งเงียบ อย่าทำเป็นหูหนวก
    ข้าแต่พระเจ้า อย่าเงียบเฉยอีกต่อไปเลย
ดูสิ พวกศัตรูของพระองค์ ส่งเสียงโกลาหลวุ่นวาย
    พวกคนเหล่านั้นที่เกลียดชังพระองค์เชิดหัวขึ้นต่อต้าน
พวกเขาวางแผนลับต่อต้านคนของพระองค์
    พวกเขาสมรู้ร่วมคิดกันต่อต้านคนเหล่านั้นที่พระองค์รักใคร่หวงแหน
พวกเขาพูดว่า “มาเถิด ไปกวาดล้างพวกมันให้สิ้นจนไม่เหลือเป็นชนชาติอีกต่อไป
    จนไม่มีใครจดจำชื่อของอิสราเอลได้อีก”
พวกเขาเห็นด้วยกันต่อแผนร้ายที่วางนั้น
    และทำข้อตกลงร่วมกันที่จะต่อต้านพระองค์
“คนพวกนี้คือตระกูลต่างๆของเอโดม คนอิชมาเอล
    คนโมอับ และคนฮาการ์
คนเกบาล คนอัมโมน คนอามาเลค
    คนฟีลิสเตีย และชาวเมืองไทระ”
แม้แต่อัสซีเรียก็ร่วมกับพวกเขา
    และเสริมกำลังให้กับลูกหลานของโลท[ac] เซลาห์

ขอพระองค์ทำลายพวกเขาเหมือนกับที่พระองค์ทำกับมีเดียน
    เหมือนกับที่พระองค์ทำกับสิเสราและยาบินที่แม่น้ำคีโชน
10 สองคนนั้นถูกทำลายที่เอนโดร์
    และซากศพที่เน่าเปื่อยของพวกเขากลายเป็นปุ๋ยสำหรับดิน
11 ขอพระองค์ทำลายล้างพวกผู้นำของเขาเหมือนกับที่พระองค์ทำกับโอเรบและเศเอบ
    ขอพระองค์ทำกับผู้ปกครองทุกคนของเขาเหมือนกับที่พระองค์ทำกับเศบาห์ และศัลมุนนา
12 คนพวกนี้พูดว่า “ไปยึดเอาทุ่งหญ้าของพระเจ้า
    มาเป็นของพวกเรากันเถอะ”

13 พระเจ้าของข้าพเจ้า ทำให้พวกเขาเป็นเหมือนฝุ่นที่หมุนว่อนเถิด
    ทำให้พวกเขาเป็นเหมือนแกลบที่ปลิวไปตามลมด้วยเถิด
14 ขอพระองค์เป็นเหมือนไฟที่เผาป่า
    เป็นเหมือนไฟที่เผาผลาญไปตามเนินเขาต่างๆ
15 ขอพระองค์ไล่กวดพวกเขาด้วยลมแรงของพระองค์
    และทำให้พวกเขาตกใจกลัวด้วยพายุของพระองค์
16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอปกคลุมใบหน้าเขาด้วยความละอาย
    เพื่อว่าเขาจะแสวงหาพระองค์
17 ขอให้พระองค์ทำให้พวกเขากลัวและอับอายขายหน้าตลอดไป
    ขอให้พวกเขาเสียหน้าและเสียชีวิตไป
18 แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าพระองค์ผู้ที่มีชื่อว่ายาห์เวห์
    เป็นเพียงผู้เดียวที่เป็นพระเจ้า ผู้ทรงครอบครองทั้งโลก

อยากอยู่ในวิหารของพระเจ้า

ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องโดยใช้ทำนองกิททีธ[ad] เพลงสดุดีของตระกูลโคราห์

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    เต็นท์ที่สถิตของพระองค์ช่างงดงามยิ่งนัก
ข้าพเจ้าปรารถนาอย่างแรงกล้าและรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เข้าไปในลานวิหารของพระองค์
    ทั้งจิตใจและร่างกายของข้าพเจ้าจะโห่ร้องด้วยความยินดีแด่พระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่

ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าและกษัตริย์ของข้าพเจ้า
    แม้แต่นกกระจอกก็ยังเจอที่พักในวิหารของพระองค์
    แม้แต่นกนางแอ่นก็ยังมาทำรังเลี้ยงลูกอ่อนของมันใกล้แท่นบูชาทั้งหลายของพระองค์
ถือว่ามีเกียรติจริงๆคนเหล่านั้นที่ได้อาศัยในวิหารของพระองค์
    และได้สรรเสริญพระองค์อยู่เสมอ เซลาห์

ถือว่ามีเกียรติจริงๆคนเหล่านั้นที่แสวงหาพละกำลังจากพระองค์
    คนที่ได้ตั้งใจแน่วแน่ที่จะเดินทางไปสู่วิหารของพระองค์
ในขณะที่พวกเขาเดินผ่านหุบเขาแห้งแล้งแห่งบาคานั้น
    มันก็กลับกลายเป็นบริเวณที่มีตาน้ำมากมาย
    ฝนต้นฤดูก็ตกลงมาทำให้หุบเขานั้นเกิดแอ่งน้ำเต็มไปหมด
พวกเขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง[ae]
    เพื่อไปเข้าเฝ้าพระเจ้าบนภูเขาศิโยน

ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าเถิด
    ข้าแต่พระเจ้าแห่งยาโคบ โปรดฟังข้าพเจ้าด้วยเถิด เซลาห์

ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้ความสนใจโล่ของพวกเราด้วย
    และเอาใจใส่กษัตริย์ที่พระองค์ได้เจิมไว้ด้วยเถิด
10 วันเดียวในลานวิหารของพระองค์ยังดีกว่าพันวันในที่อื่น
    ยืนอยู่ที่ประตูบ้านของพระเจ้าของข้าพเจ้ายังดีกว่าอาศัยอยู่ในบ้านของคนชั่ว
11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์เป็นดวงอาทิตย์ และเป็นโล่กำบัง
    พระองค์ให้ความดีความชอบและเกียรติยศ
    พระองค์ไม่เคยหวงของดีๆไว้จากคนที่ใช้ชีวิตอย่างไร้ที่ติ
12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    คนที่ไว้วางใจในพระองค์ ถือว่ามีเกียรติจริงๆ

โปรดให้เรามีชีวิตใหม่อีกครั้ง

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของตระกูลโคราห์

ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์แสดงความชอบต่อแผ่นดินของพระองค์
    และทำให้คนของยาโคบกลับมามีสภาพดีเหมือนเดิม
พระองค์อภัยให้กับความผิดของคนของพระองค์
    และกลบเกลื่อนความบาปทั้งหมดของพวกเขา เซลาห์

พระองค์ถอนความโกรธทั้งหมดของพระองค์ไป
    พระองค์กลับหันหลังให้กับความเดือดดาลของพระองค์
ตอนนี้ พระเจ้า องค์เจ้าชีวิตของพวกเรา โปรดช่วยให้เรากลับไปมีสภาพดีเหมือนเดิม
    หยุดโกรธเคืองพวกเราด้วยเถิด
พระองค์จะเกรี้ยวกราดพวกเราอยู่อย่างนี้ไปตลอดหรือ
    พระองค์จะกริ้วโกรธไปตลอดชั่วลูกชั่วหลานหรือ
พระองค์จะให้ชีวิตใหม่กับเราอีกครั้ง ใช่ไหม
    แล้วคนของพระองค์จะได้มีความสุขในพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดแสดงความรักมั่นคงของพระองค์ต่อพวกเรา
    และช่วยพวกเราให้รอดด้วยเถิด

ข้าพเจ้าจะฟังสิ่งที่พระเจ้าพูด
    แน่นอน พระยาห์เวห์จะสัญญาให้คนที่จงรักภักดีต่อพระองค์อยู่เย็นเป็นสุข
    แต่พวกเขาจะต้องไม่หันกลับไปทำเรื่องโง่ๆของพวกเขาอีก
ในไม่ช้าพระองค์จะช่วยกู้คนที่ยำเกรงพระองค์อย่างแน่นอน
    และแผ่นดินของเราจะเต็มไปด้วยสง่าราศีของพระองค์

10 ความรักมั่นคงของพระเจ้าและความสัตย์ซื่อของพระองค์จะมาพบกัน
    ความชอบธรรมและสันติสุขของพระองค์จะมาจูบกัน
11 ความสัตย์ซื่อของพระองค์จะงอกขึ้นมาจากแผ่นดิน
    และความดีงามของพระองค์จะมองลงมาจากฟ้าสวรรค์
12 พระยาห์เวห์เองจะให้สิ่งดีๆกับพวกเรา
    และแผ่นดินของเราก็จะผลิตผลของมัน
13 ความชอบธรรมจะเดินอยู่เบื้องหน้าพระองค์
    และจัดเตรียมทางให้กับเท้าของพระองค์

อธิษฐานขอความช่วยเหลือให้ชนะศัตรู

คำอธิษฐานของดาวิด

ข้าแต่พระเจ้า โปรดเงี่ยหูฟังข้าพเจ้าด้วยเถิด
    ช่วยตอบข้าพเจ้าด้วยเถิดเพราะข้าพเจ้าเป็นคนยากจนและขัดสน
ปกป้องชีวิตของข้าพเจ้าด้วยเถิดเพราะข้าพเจ้าจงรักภักดีต่อพระองค์
    ช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยเถิด
เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า
    และข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ที่ฝากความไว้วางใจในพระองค์
ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต โปรดเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด
    เพราะข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ตลอดทั้งวัน
ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต โปรดทำให้ผู้รับใช้ของพระองค์มีความสุขด้วยเถิด
    เพราะข้าพเจ้ายกชีวิตของข้าพเจ้าให้กับพระองค์
ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระองค์ช่างดีเลิศ และพร้อมที่จะให้อภัย
    พระองค์เต็มไปด้วยความรักมั่นคงต่อทุกคนที่ร้องเรียกหาพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าด้วยเถิด
    โปรดให้ความสนใจกับคำขอร้องของข้าพเจ้าด้วยเถิด
ข้าพเจ้าร้องหาพระองค์ ในยามที่มีความทุกข์ยาก
    เพราะพระองค์ตอบข้าพเจ้า

ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต ไม่มีพระเจ้าอื่นใดเหมือนกับพระองค์
    ไม่มีสักองค์ที่สามารถทำสิ่งที่พระองค์ทำได้
ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระองค์สร้างคนทุกชาติทุกภาษา
    พวกเขาทุกคนจะมากราบอยู่ต่อหน้าพระองค์
    และให้เกียรติกับชื่อของพระองค์
10 เพราะพระองค์นั้นยิ่งใหญ่และทำสิ่งต่างๆที่เหลือเชื่อ
    มีแต่พระองค์เท่านั้นที่เป็นพระเจ้า
11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยสอนแนวทางต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้า
    เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีชีวิตที่สัตย์ซื่อเหมือนกับพระองค์
    โปรดรวบรวมจิตใจของข้าพเจ้าให้ยำเกรงชื่อของพระองค์สุดจิตสุดใจ
12 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ
    และข้าพเจ้าจะให้เกียรติต่อชื่อของพระองค์ตลอดไป
13 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์นั้นยอดเยี่ยมสำหรับข้าพเจ้า
    และพระองค์ก็ช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้รอดจากแดนคนตาย

14 ข้าแต่พระเจ้า พวกคนหยิ่งยโสโจมตีข้าพเจ้า
    พวกอันธพาลตามล่าชีวิตข้าพเจ้า
    และคนเหล่านี้ไม่ยำเกรงพระองค์
15 ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระองค์ช่างเป็นพระเจ้าที่อดทน มีเมตตากรุณา
    เต็มไปด้วยความรักมั่นคงและความสัตย์ซื่อ
16 ดังนั้น โปรดหันมาหาข้าพเจ้าและเมตตากรุณาข้าพเจ้าด้วยเถิด
    ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ อย่างนั้นขอให้พละกำลังกับข้าพเจ้าด้วยเถิด
    ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระองค์เหมือนกับที่แม่ของข้าพเจ้าเป็น อย่างนั้น ขอช่วยกู้ข้าพเจ้าด้วยเถิด
17 โปรดแสดงให้เห็นว่าพระองค์ยอมรับข้าพเจ้า
    เพื่อคนเหล่านั้นที่เกลียดข้าพเจ้าจะได้เห็นและอับอาย
    พวกเขาจะได้รู้ว่า พระองค์ พระยาห์เวห์เป็นผู้ที่ช่วยเหลือและปลอบโยนข้าพเจ้า

ศิโยนบ้านสำหรับชนชาติทั้งหลาย

บทเพลงสรรเสริญ แห่งตระกูลโคราห์

พระยาห์เวห์ตั้งเมืองของพระองค์บนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์นั้น
พระยาห์เวห์รักประตูเมืองศิโยน
    มากกว่าที่อื่นใดในอิสราเอล
เมืองของพระเจ้าเอ๋ย
    ทุกคนต่างก็พูดถึงสิ่งยอดเยี่ยมเกี่ยวกับเจ้า เซลาห์

พระเจ้าพูดว่า “เราจะบันทึกอียิปต์ และบาบิโลน ในรายชื่อของคนเหล่านั้นที่ยอมรับเรา
    รวมทั้งฟีลิสเตีย ไทระ และเอธิโอเปียด้วย
    เราจะพูดว่า คนเหล่านี้เป็นพลเมืองของเมืองศิโยน”[af]

ใช่แล้ว พระเจ้าจะพูดถึงเมืองศิโยนว่า
    “ประชาชนของชนชาติเหล่านั้น จะกลายเป็นพลเมืองของเมืองนี้
    และพระเจ้าสูงสุด จะทำให้เมืองนี้มั่นคง”
เมื่อพระยาห์เวห์ลงทะเบียนชนชาติต่างๆ
    พระองค์จะบันทึกไว้ว่า อันนี้กลายเป็นพลเมืองของศิโยนแล้ว เซลาห์

ในงานเทศกาลต่างๆพวกนักร้องและนักเต้น จะพูดว่า
    “ศิโยน แหล่งพระพรทั้งหมดของข้าอยู่ในเจ้า”

เสียงร้องจากหลุมลึก

บทเพลงสรรเสริญของเหล่าบุตรชายแห่งตระกูลโคราห์ ถึงผู้ควบคุมวง บทเพลงเกี่ยวกับโรคภัยที่ทำให้อ่อนแอ บทเพลงมัสคิลของเฮมาน ตระกูลเอศราค

พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าเรียกหาพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน
ขอให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าไปอยู่ต่อหน้าพระองค์
    โปรดเงี่ยหูของพระองค์ฟังคำร้องขอของข้าพเจ้าด้วยเถิด

เพราะชีวิตของข้าพเจ้าเต็มไปด้วยเรื่องเลวร้าย
    ชีวิตของข้าพเจ้าเข้าใกล้แดนผู้ตายแล้ว
พวกเขาถือว่าข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งในกลุ่มเหล่านั้นที่กำลังลงไปในหลุมฝังศพ
    ข้าพเจ้าเปรียบเหมือนคนที่หมดเรี่ยวแรง
ข้าพเจ้าถูกปล่อยไว้ท่ามกลางคนตาย
    เหมือนซากศพทั้งหลายที่นอนอยู่ในหลุม
เหมือนคนเหล่านั้นที่พระองค์ลืมสนิท
    เหมือนคนเหล่านั้นที่ถูกตัดขาดจากความช่วยเหลือของพระองค์
พระองค์วางข้าพเจ้าไว้ในหลุมที่ลึกที่สุด
    อยู่ในเหวลึกอันมืดมิด
ความโกรธของพระองค์กดทับข้าพเจ้าไว้อย่างหนัก
    คลื่นทั้งหลายของพระองค์ซัดใส่ข้าพเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า เซลาห์

พระองค์แยกเพื่อนๆของข้าพเจ้าให้ห่างไกลจากข้าพเจ้า
    พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าน่าขยะแขยงในสายตาพวกเขา
    ข้าพเจ้าถูกขังไว้ ออกไปไม่ได้
ดวงตาข้าพเจ้าพล่ามัวเพราะร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ข้าพเจ้าร้องเรียกพระองค์ทุกวัน
    ข้าพเจ้าชูมือขึ้นอธิษฐานถึงพระองค์
10 พระองค์ทำการอัศจรรย์ทั้งหลายให้กับคนตายหรือ
    พวกผีลุกขึ้นมาจากหลุมเพื่อสรรเสริญพระองค์ได้หรือ ไม่เลย เซลาห์

11 คนตายเป็นพยานถึงความรักมั่นคงของพระองค์ในหลุมศพหรือ
    พวกเขาเล่าถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ในดินแดนพินาศนั้นหรือ
12 พวกเขาจะรู้จักการอัศจรรย์ต่างๆของพระองค์ในความมืดมิดนั้นหรือ
    พวกเขาจะรู้จักความดีงามของพระองค์ในดินแดนที่ไร้ความทรงจำหรือ
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
    คำอธิษฐานของข้าพเจ้าลอยขึ้นไปอยู่ต่อหน้าพระองค์ในทุกๆเช้า
14 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ทำไมพระองค์ถึงทอดทิ้งข้าพเจ้า
    ทำไมพระองค์ถึงซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า
15 ข้าพเจ้าอ่อนแอและใกล้ตายมาตั้งแต่เป็นเด็ก
    ข้าพเจ้าต้องทนเรื่องน่าสยดสยองทั้งหลายจากพระองค์ ข้าพเจ้าหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว
16 ความเดือดดาลของพระองค์ท่วมท้นข้าพเจ้าแล้ว
    และเรื่องน่าสยดสยองทั้งหลายของพระองค์ทำลายล้างข้าพเจ้าเสียแล้ว
17 เรื่องน่าสยดสยองทั้งหลายเหล่านั้นล้อมรอบข้าพเจ้าเหมือนน้ำท่วมตลอดวัน
    พวกมันดันใส่ข้าพเจ้าจากทุกด้าน
18 พระองค์แยกคนที่ข้าพเจ้ารักและเพื่อนบ้านให้ห่างไกลจากข้าพเจ้า
    มีแต่ความมืดเท่านั้นที่เป็นเพื่อนข้าพเจ้า

พระยาห์เวห์จะรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้กับดาวิดหรือเปล่า

บทเพลงมัสคิลของเอธาน จากตระกูลเอศราค

ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถึงความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์อยู่เสมอ
    ข้าพเจ้าจะป่าวประกาศด้วยปากของข้าพเจ้าถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ให้กับคนรุ่นแล้วรุ่นเล่า
เพราะข้าพเจ้าว่า “ความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป
    ความสัตย์ซื่อของพระองค์จะอยู่นานตราบเท่าท้องฟ้า”
พระองค์พูดว่า “เราทำข้อตกลงกับผู้ที่เราเลือกไว้
    เราให้คำสัตย์สาบานไว้กับดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า
เราจะตั้งราชวงศ์ของเจ้าตลอดไป
    เราจะสร้างบัลลังก์ของเจ้าให้คงอยู่ตลอดชั่วลูกชั่วหลาน” เซลาห์

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ชาวสวรรค์จะสรรเสริญพระองค์สำหรับการอัศจรรย์ต่างๆที่พระองค์ทำ
    ที่ชุมนุมของทูตสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์จะสรรเสริญความสัตย์ซื่อของพระองค์
มีใครบ้างในฟ้าสวรรค์ที่จะมาเท่าเทียมกับพระยาห์เวห์ได้
    มีใครท่ามกลางเทพเจ้าทั้งหลายที่จะมาเปรียบกับพระยาห์เวห์ได้
เมื่อทูตสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มาชุมนุมกันที่สภา พวกเขาต่างยำเกรงพระยาห์เวห์
    พระองค์นั้นยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามกว่าทูตสวรรค์เหล่านั้นที่อยู่ล้อมรอบพระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ไม่มีผู้ใดเหมือนกับพระองค์
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์มีฤทธิ์อำนาจและสัตย์ซื่อในทุกเรื่อง
พระองค์ปกครองทะเลที่ปั่นป่วน
    และเมื่อคลื่นโหมกระหน่ำพระองค์ปราบพวกมันให้สงบลง
10 พระองค์บดขยี้สัตว์ประหลาดในทะเลที่ชื่อ ราหับ[ag]
    พระองค์ทำให้พวกศัตรูของพระองค์แตกกระเจิงด้วยแขนอันทรงพลังของพระองค์
11 ฟ้าสวรรค์เป็นของพระองค์ รวมทั้งทุกสิ่งในโลกเป็นของพระองค์
    พระองค์สร้างพวกมันขึ้นมาทั้งสิ้น
12 พระองค์สร้างทิศเหนือและทิศใต้
    ภูเขาทาโบร์ และภูเขาเฮอร์โมนเต้นและร้องสรรเสริญชื่อของพระองค์ด้วยความยินดี
13 พระองค์มีแขนอันทรงพลัง
    มือของพระองค์เต็มเปี่ยมไปด้วยฤทธิ์เดช มือขวาของพระองค์ชูขึ้นในชัยชนะ

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International