Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
ปัญญาจารย์ 3 - เพลงซาโลมอน 8

ทุกสิ่งเป็นไปตามกำหนดเวลา

ด้วยว่าทุกสิ่งเป็นไปตามฤดูกาล และทุกเรื่องในโลกเป็นไปตามกำหนดเวลาคือ

เวลาเกิดและเวลาตาย
เวลาปลูกและเวลาถอนสิ่งที่ปลูกไว้แล้ว
เวลาฆ่าและเวลารักษาให้หาย
เวลาโค่นลงและเวลาก่อสร้างขึ้น
เวลาร้องไห้และเวลาหัวเราะ
เวลาร้องคร่ำครวญและเวลาเต้นรำ
เวลาเหวี่ยงก้อนหินและเวลาเก็บรวบรวมก้อนหิน
เวลาโอบกอดและเวลาหยุดโอบกอด
เวลาค้นหาและเวลาที่สูญเสีย
เวลาเก็บรักษาและเวลาเหวี่ยงทิ้ง
เวลาฉีกให้ขาดและเวลาเย็บ
เวลาเงียบเฉยและเวลาพูดจา
เวลารักใคร่และเวลาเกลียดชัง
เวลาทำสงครามและเวลามีสันติ

การงานที่พระเจ้ามอบหมาย

คนทำงานได้รับประโยชน์อะไรจากการงานของตนบ้าง 10 ข้าพเจ้าเคยเห็นการงานที่พระเจ้าได้มอบให้บรรดาบุตรของมนุษย์ลงมือทำ 11 พระองค์ทำให้ทุกสิ่งงดงามตามกาลเวลาของมัน พระองค์บันดาลให้มนุษย์ตระหนักถึงสิ่งอันยืนยงชั่วกาลนาน แต่ถึงกระนั้นมนุษย์ก็ยังไม่สามารถค้นพบได้ว่า พระเจ้าได้กระทำอะไรไว้ตั้งแต่แรกเริ่มจนจบ 12 ข้าพเจ้าทราบว่าไม่มีสิ่งใดดีสำหรับมนุษย์มากไปกว่าการมีความสุขและสนุกสนาน ตราบที่ยังมีชีวิตอยู่ 13 อีกทั้งเป็นของประทานจากพระเจ้าแก่มนุษย์ด้วย ที่ทุกคนควรจะดื่ม กิน และมีความสุขกับการงานทุกอย่างที่เขาทำ

14 ข้าพเจ้าทราบว่า ไม่ว่าอะไรก็ตามที่พระเจ้ากระทำจะยืนยงชั่วกาลนาน ไม่ต้องเพิ่มเติมหรือตัดอะไรออกไป พระเจ้าได้กระทำตามนั้น มนุษย์จึงควรจะเกรงกลัวพระองค์ 15 อะไรก็ตามที่เป็นอยู่เวลานี้ ก็เคยเป็นมาก่อนแล้ว อะไรที่จะเป็นต่อไป ก็เคยเป็นมาก่อนแล้ว และพระเจ้าห่วงใยสิ่งที่ผ่านไปแล้ว[a]

จากผงธุลีกลับไปเป็นผงธุลี

16 ยิ่งกว่านั้นอีก ข้าพเจ้าเห็นว่าในโลกนี้มีความชั่วร้ายอยู่ในที่ซึ่งมีความเที่ยงธรรม และแม้ในที่ซึ่งมีความชอบธรรม ก็ยังมีความชั่วร้ายปนอยู่ด้วย 17 ข้าพเจ้าคิดในใจว่า พระเจ้าจะตัดสินทั้งคนที่มีความชอบธรรมและคนชั่ว เพราะว่าพระองค์ได้ตั้งเวลาไว้สำหรับทุกเรื่องและงานทุกอย่าง 18 ข้าพเจ้านึกในใจเรื่องบรรดาบุตรของมนุษย์ว่า พระเจ้ากำลังทดสอบพวกเขา เพื่อให้รู้ว่าพวกเขาไม่ดีไปกว่าสัตว์ทั้งหลาย 19 เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับบรรดาบุตรของมนุษย์และบรรดาสัตว์ ต่างก็เหมือนกัน มนุษย์ตายไป สัตว์ก็ตายเหมือนกัน ต่างก็มีลมหายใจเหมือนกัน และมนุษย์ไม่มีอะไรเหนือไปกว่าสัตว์ เพราะทุกสิ่งไร้ค่า 20 ทุกสิ่งจบลงสู่ที่เดียวกัน ต่างมาจากธุลีดินและต่างก็กลับลงสู่ธุลีดินอีก 21 ใครจะทราบได้ว่าวิญญาณมนุษย์ขึ้นไปสู่เบื้องบน และวิญญาณสัตว์ลงไปสู่โลกเบื้องล่าง 22 ข้าพเจ้าจึงเห็นว่า ไม่มีสิ่งใดดีไปกว่าที่มนุษย์จะมีความสุขกับการงานของตนเอง เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา ใครจะสามารถทำให้เขาล่วงรู้ได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาตายไปแล้ว

ความชั่วในโลกนี้

ข้าพเจ้าเห็นการบีบบังคับทุกประการที่กระทำกันในโลกนี้ ดูเถิด น้ำตาของผู้ถูกบีบบังคับ และไม่มีใครปลอบใจพวกเขา ฝ่ายผู้บีบบังคับก็มีอำนาจ จึงไม่มีใครปลอบใจพวกเขาได้ และข้าพเจ้ายินดีกับคนตายที่ล่วงลับไปแล้ว มากกว่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ที่ดีกว่าทั้งสองคือ คนที่ยังไม่ได้เกิดมา และยังไม่เคยเห็นความชั่วที่กระทำกันในโลกนี้

และข้าพเจ้าก็เห็นแล้วว่า การลงแรงตรากตรำและความชำนาญงานทุกชนิดเกิดขึ้นจากที่มนุษย์อิจฉาเพื่อนบ้านของตน นี่ก็เป็นสิ่งไร้ค่า และเป็นการไล่คว้าลม

คนโง่เขลาวางมือพักด้วยความเกียจคร้าน และประสบกับความหายนะ

การที่มีอย่างพอควร ดีกว่ามีอย่างล้นเหลือที่ได้จากการตรากตรำเกินกำลัง และไล่คว้าลม

ความไร้ค่าในโลกนี้ที่ข้าพเจ้าเห็นอีกก็คือ ชายผู้หนึ่งไม่มีใครในชีวิต ไม่มีแม้บุตรชายหรือพี่น้อง แม้กระนั้นเขายังลงแรงตรากตรำสารพัดอย่างไม่หยุดหย่อน ความมั่งมีในสายตาของเขาไม่เคยพอ ฉะนั้นเขาไม่เคยถามว่า “ฉันจะลงแรงตรากตรำ และไม่ยอมหาความสุขใส่ตัวเพื่อใครกัน” นี่ก็เป็นเรื่องไร้ค่าและไร้ความสุข

สองคนดีกว่าคนเดียว เพราะว่ารางวัลจากการลงแรงตรากตรำของเขาจะได้รับผลดี 10 เพราะถ้าทั้งสองล้มลง คนหนึ่งจะพยุงเพื่อนขึ้นได้ แต่แย่สำหรับคนที่อยู่ตามลำพัง เมื่อเขาล้มลง เขาก็จะไม่มีคนช่วยพยุงขึ้นได้ 11 อีกอย่างคือ ถ้าสองคนนอนอยู่ด้วยกัน ทั้งสองจะช่วยให้รู้สึกอุ่นได้ แต่นอนคนเดียวตามลำพังจะรู้สึกอุ่นได้อย่างไร 12 คนหนึ่งอาจจะต่อสู้ชนะอีกคนหนึ่งที่อยู่ตามลำพัง แต่สองคนจะสามารถยืนหยัดได้ เชือกสามเกลียวก็ขาดยาก

13 เป็นคนยากไร้ที่มีอายุน้อยแต่มีสติปัญญา ดีกว่ากษัตริย์ผู้สูงอายุแต่เบาปัญญาที่ไม่รู้จักรับคำเตือนอีกต่อไป 14 ด้วยว่าคนที่มีอายุน้อยผู้นั้นมาจากที่คุมขังและขึ้นไปเป็นกษัตริย์ แม้ว่าจะเกิดมายากจนในอาณาจักรของตนก็ตาม 15 ข้าพเจ้าเห็นผู้มีชีวิตทั้งปวงดำเนินอยู่ในโลกนี้ ด้วยกันกับหนุ่มน้อยผู้นั้นซึ่งจะขึ้นมาแทนที่กษัตริย์ 16 ผู้คนที่ติดตามท่านไปมีจำนวนมาก แต่บรรดาผู้ที่มาภายหลังจะไม่ชื่นชมในตัวท่าน นี่ก็ไร้ค่ายิ่งนัก และเป็นการไล่คว้าลม

เกรงกลัวพระเจ้า

จงก้าวเท้าของท่านอย่างระมัดระวังเมื่อท่านไปยังพระตำหนักของพระเจ้า และเข้าไปใกล้เพื่อเงี่ยหูฟังดีกว่าการมอบเครื่องสักการะเหมือนบรรดาคนโง่เขลา เพราะพวกเขาไม่ทราบว่าตนกระทำสิ่งชั่วร้ายอยู่ อย่าด่วนพูด และอย่าใจร้อนให้คำมั่น ณ เบื้องหน้าพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าอยู่บนสวรรค์ และท่านอยู่บนโลก ฉะนั้นต้องไม่พูดมากเกินไป ยามท่านมีเรื่องยุ่งเกี่ยวมาก ท่านก็จะฝัน ยามท่านพูดมาก ท่านก็แสดงความโง่เขลา

เมื่อท่านให้คำสัญญาต่อพระเจ้า ก็อย่าชักช้าที่จะทำตามนั้น เพราะว่าพระองค์ไม่พอใจคนโง่เขลา จงปฏิบัติตามที่ท่านสัญญาไว้ ท่านไม่ตั้งคำสัญญาจะดีกว่าสัญญาแล้วไม่กระทำตาม อย่าให้คำพูดของท่านเป็นเหตุให้ท่านกระทำบาป และท่านจะได้ไม่ต้องพูดกับทูตสวรรค์ทีหลังว่า ท่านพลาดพลั้งไปแล้ว ทำไมท่านจึงทำให้พระเจ้าโกรธเพราะคำพูดของท่าน และทำลายทุกสิ่งที่ท่านลงแรงทำ เพราะการที่ท่านฝันมากและพูดพร่ำหลายคำนับว่าเป็นสิ่งไร้ค่า แต่พระเจ้าเป็นผู้ที่ท่านต้องเกรงกลัว

ความไร้ค่าของความมั่งมีและเกียรติ

ถ้าท่านเห็นว่าที่ใดมีคนยากจนถูกกดขี่ข่มเหง ความยุติธรรมและสิทธิของเขาถูกยึดไป ท่านก็อย่าแปลกใจในเรื่องดังกล่าว เพราะเจ้าหน้าที่ชั้นสูงถูกเฝ้ามองโดยผู้สูงกว่า และยังมีบรรดาผู้สูงกว่าที่ดูแลอยู่เหนือพวกเขาอีกด้วย สิ่งที่ผลิตได้จากแผ่นดินเป็นของทุกคน จุดมุ่งหมายของกษัตริย์คือคุ้มครองไร่นา

10 คนที่รักเงินจะไม่มีวันพอ คนที่รักความมั่งมีจะไม่เคยพอเช่นกัน นี่ก็ไร้ค่า 11 เมื่อสมบัติทวีขึ้น คนที่จะร่วมใช้สอยด้วยก็ทวีขึ้นตามกัน เจ้าของสมบัติได้แต่มองดูความมั่งมีที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น 12 คนลงแรงทำงานนอนหลับสนิท ไม่ว่าเขาจะมีกินมากหรือน้อยก็ตาม ส่วนคนร่ำรวยมีเหลือกินเหลือใช้กลับนอนไม่หลับเพราะความกังวลของเขา

13 ข้าพเจ้าเห็นสิ่งไม่ยุติธรรมยิ่งนักในโลกนี้ คือเจ้าของสมบัติสะสมความมั่งมีของตนไว้ใช้ในยามลำบาก 14 และความมั่งมีนั้นสูญหายไปเพราะธุรกิจล้มเหลว และเขามีบุตรชายคนหนึ่งที่จะไม่ได้รับสิ่งใดตกทอดถึงมือได้ 15 เขาออกจากครรภ์มารดาอย่างไร เขาก็จะไปอย่างนั้นคือมาแบบตัวเปล่า และจะเอาผลจากการที่เขาลงแรงตรากตรำติดมือไปด้วยก็ไม่ได้ 16 นี่เป็นสิ่งไม่ยุติธรรมยิ่งนักคือ เขามาอย่างไร เขาก็จะไปอย่างนั้น และเขาจะได้รับประโยชน์อะไรได้เล่า ที่ลงแรงตรากตรำแต่กลับคว้าได้เพียงลม 17 โดยใช้ชีวิตในความมืดและความเศร้า ความโกรธ เจ็บไข้และขมขื่น

18 ดูเถิด สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นว่าดีและประเสริฐก็คือ ดื่ม กิน และมีความสุขกับงานทั้งสิ้นที่ลงแรงตรากตรำในโลก เพียงชั่วไม่กี่วันในชีวิตที่พระเจ้าได้มอบให้ นี่แหละคือส่วนที่เป็นของเขา 19 ทุกคนที่พระเจ้ามอบความมั่งมีและสมบัติให้ก็เช่นกัน พระองค์ได้โปรดให้เขาใช้สิ่งเหล่านั้นอย่างมีความสุขได้ และรับสิ่งที่เป็นส่วนของเขา และมีความสุขกับงาน นั่นก็นับว่าเป็นของประทานจากพระเจ้า 20 เพราะเขาจะไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องวันเวลาของชีวิตมากนัก เนื่องจากพระเจ้าโปรดให้เขาเพลิดเพลินอยู่ในความสุขใจ

มีความไม่ยุติธรรมซึ่งข้าพเจ้าเห็นในโลกนี้ และทำให้คนเดือดร้อนมาก พระเจ้ามอบความมั่งมี สรรพสิ่ง และเกียรติให้แก่คนๆ หนึ่ง และให้เขาได้ทุกสิ่งที่เขาต้องการ แต่พระเจ้าไม่ได้โปรดให้เขามีความสุขกับสิ่งเหล่านั้น คนอื่นกลับจะมีความสุขแทน นี่ก็ไร้ค่าและไม่ยุติธรรมนัก ถ้าชายผู้หนึ่งมีบุตร 100 คน และมีอายุยืน ใช้ชีวิตอยู่ได้หลายปี แต่เขาไม่มีความสุขกับสิ่งดีๆ ในชีวิต อีกทั้งยังไม่มีที่ฝังศพ ข้าพเจ้าคิดว่าทารกที่ตายตอนเกิดยังจะดีกว่าคนนั้นเสียอีก เพราะเขาเกิดมาอย่างไร้ความหมายและจากไปในความมืด และชื่อของเขาก็ไม่เป็นที่รู้จักในความมืด ยิ่งกว่านั้นทารกก็ยังไม่ทันได้เห็นแสงตะวันหรือรู้จักสิ่งใด เขาก็ยังพบกับความสงบมากกว่าชายคนนั้น แม้หากว่าชายผู้นั้นมีชีวิตยืนนานนับพันๆ ปี แต่ยังไม่มีความสุขกับสิ่งดีๆ ทั้งสองก็ไปยังที่เดียวกันมิใช่หรือ

การออกแรงตรากตรำของมนุษย์ก็เพื่อปากท้องของเขา แต่ความอยากก็ยังไม่หยุด แล้วคนมีสติปัญญาได้เปรียบมากกว่าคนโง่เขลาอย่างไร แล้วคนยากไร้จะได้ประโยชน์อย่างไร แม้เขาจะรู้จักการใช้ชีวิต การมีความสุขกับสิ่งที่เรามี ดีกว่าเพ้อฝันในสิ่งอื่นที่เราอยากได้ นี่ก็ไร้ค่า และไล่คว้าลม

10 อะไรก็ตามที่เป็นอยู่ ถูกตั้งชื่อไว้แล้ว และเป็นที่ทราบกันแล้วว่ามนุษย์เป็นอย่างไร คือเขาไม่สามารถโต้เถียงกับผู้ที่มีอำนาจมากกว่า 11 ยิ่งมีปากเสียงมาก ยิ่งไร้ค่ามาก และจะได้ประโยชน์อะไรเล่า 12 ใครทราบได้ว่า อะไรดีสำหรับมนุษย์ขณะที่เขามีชีวิตอยู่ชั่วระยะเพียงไม่กี่วันในชีวิตอันไร้ค่าของเขา เขาใช้ชีวิตซึ่งผ่านไปดั่งเงา ใครจะสามารถบอกมนุษย์ได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาตายจากโลกนี้ไปแล้ว

สิ่งที่ตรงกันข้ามระหว่างสติปัญญาและความโง่เขลา

ชื่อเสียงดีนั้นดีกว่าน้ำมันอันมีค่า
    วันตายดีกว่าวันเกิด
ไปบ้านที่มีความเศร้าโศกดีกว่า
    ไปบ้านที่มีงานเลี้ยง
เพราะคนที่มีชีวิตอยู่ควรเตือนตนเองเสมอว่า
    ความตายกำลังรอเราทุกคนอยู่
ความเศร้าใจดีกว่าเสียงหัวเราะ
    เพราะแม้ว่าใบหน้าจะเศร้า แต่ในใจของเขาอาจจะเรียนรู้สิ่งที่มีค่าได้
จิตใจของผู้มีสติปัญญาคำนึงถึงความหมายของความตาย
    แต่ใจของคนโง่เขลาคิดถึงแต่ความสนุกสนานเท่านั้น
การได้ยินคำตำหนิติเตียนของผู้มีสติปัญญาดีกว่า
    การได้ยินเพลงของผู้โง่เขลา
เสียงกิ่งไม้หนามที่ลุกไหม้อยู่ใต้หม้อเป็นอย่างไร
    เสียงของคนโง่เขลาก็เป็นอย่างนั้น
    นี่ก็ไร้ค่า
ผู้มีสติปัญญาที่กดขี่ข่มเหงเป็นประหนึ่งผู้โง่เขลา
    และการรับสินบนทำให้เขาขาดความเที่ยงธรรม
ขั้นสุดท้ายของสิ่งหนึ่งดีกว่าขั้นเริ่มต้น
    และจิตวิญญาณที่มีความอดทนดีกว่าจิตวิญญาณที่หยิ่งยโส
อย่าโกรธง่าย
    เพราะความโกรธจะเกาะอยู่ในทรวงอกของคนโง่เขลา
10 อย่าพูดว่า “ทำไมสมัยก่อนดีกว่าสมัยนี้”
    เพราะว่าคำถามนี้ไม่ได้มาจากสติปัญญา
11 สติปัญญาประเสริฐประหนึ่งมรดก
    และเป็นประโยชน์ต่อผู้คนทั้งหลายในโลก
12 การทะนุถนอมสติปัญญา
    เปรียบเสมือนการเก็บรักษาเงิน
เราทราบได้ว่าสติปัญญามีคุณประโยชน์ที่ยั่งยืนคือ
    ผู้ที่ครอบครองสติปัญญาไว้ได้จะสามารถรักษาชีวิตของตนได้
13 จงคิดถึงสิ่งที่พระเจ้าได้กระทำ
    สิ่งที่พระองค์ได้ทำให้คดแล้ว ใครสามารถทำให้ตรงได้เล่า

14 เมื่อประสบกับสิ่งดีๆ ก็จงยินดีเถิด แต่เมื่อประสบกับความลำบาก ก็จงคิดเถิดว่า พระเจ้าเป็นผู้ทำทั้งสองสิ่ง มนุษย์จะพบว่าหลังจากเขาแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดอีก

15 ข้าพเจ้าได้เห็นทุกสิ่งในชีวิตอันไร้ค่าของข้าพเจ้าแล้ว ชายผู้มีความชอบธรรมเสียชีวิตขณะกระทำสิ่งชอบธรรม และคนชั่วมีชีวิตอยู่ต่อไปขณะกระทำความชั่ว 16 อย่ามั่นใจว่าท่านเป็นผู้มีความชอบธรรมนัก และอย่าทำตนเป็นผู้มีสติปัญญานัก ทำไมท่านจึงอยากทำลายตัวเองเล่า 17 อย่าปล่อยให้ตนกระทำความชั่ว และอย่าเป็นคนโง่เขลาเช่นกัน ทำไมท่านจึงอยากตายก่อนกำหนดเล่า 18 ท่านควรกระทำตามข้อแรก และไม่ละเลยข้อที่สอง เพราะคนที่เกรงกลัวพระเจ้า จะมีผลสำเร็จได้จากทั้งสองข้อ

19 สติปัญญาให้อานุภาพแก่ผู้เรืองปัญญา มากกว่าผู้สำเร็จราชการ 10 คนในเมือง

20 มั่นใจได้เลยว่า ในโลกนี้ไม่มีผู้มีความชอบธรรมสักคนที่กระทำแต่ความดี และไม่เคยกระทำบาป

21 อย่าใส่ใจในทุกสิ่งที่มนุษย์พูด ท่านอาจจะได้ยินผู้รับใช้ของท่านสาปแช่งท่านก็ได้ 22 ท่านรู้อยู่แก่ใจว่า มีหลายครั้งที่ท่านเองก็สาปแช่งผู้อื่นเช่นกัน

23 เรื่องต่างๆ ที่ได้กล่าวมานี้ ข้าพเจ้าใช้สติปัญญาทดสอบดูแล้ว ข้าพเจ้าคิดในใจว่า “ข้าพเจ้าจะใช้สติปัญญาหาคำตอบ” แต่ก็เกินกำลังข้าพเจ้า 24 คือไกลเกินเอื้อม และลึกล้ำยิ่งนัก ใครจะทราบได้

25 ข้าพเจ้าอุทิศตนเพื่อเรียนรู้ ค้นคว้า และเพื่อเสาะหาสติปัญญาและคำอธิบายจากสิ่งต่างๆ ที่เป็นอยู่ และเพื่อเรียนรู้ถึงความเลวร้ายของความไร้สาระ และความโง่เขลาของความขาดสติยั้งคิด 26 ข้าพเจ้าพบบางสิ่งที่ขมกว่าความตาย คือใจของหญิงที่เป็นเสมือนบ่วงแร้วและกับดัก และนางมีมือที่เป็นเสมือนโซ่จองจำ ชายที่ทำให้พระเจ้าพอใจจะหลุดพ้นจากนางได้ แต่คนบาปจะถูกนางจับตัวไว้ 27 ปัญญาจารย์กล่าวว่า ดูเถิด นี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าค้นพบทีละเล็กทีละน้อย เพื่อให้ได้คำอธิบายมา 28 ซึ่งความคิดของข้าพเจ้าเสาะหาซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ข้าพเจ้าก็ยังไม่พบ มีชายผู้เดียวจาก 1,000 คนที่ข้าพเจ้าพบ แต่สำหรับผู้หญิงในจำนวนทั้งหมด ข้าพเจ้ายังไม่พบเลย 29 ดูเถิด สิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าพบคือ พระเจ้าสร้างมนุษย์ให้มีความชอบธรรม แต่มนุษย์กลับเสาะหากลวิธีมากมาย

ปฏิบัติตามคำบัญชาของกษัตริย์

ใครเป็นเหมือนผู้เรืองปัญญา
    และใครทราบการตีความหมายสิ่งต่างๆ ได้บ้าง
สติปัญญาของมนุษย์ทำให้ใบหน้าของเขาแจ่มใส
    และเปลี่ยนสีหน้าอันหมองมัวของเขาไป

ข้าพเจ้าขอบอกว่า จงรักษาคำบัญชาของกษัตริย์ เพราะพระเจ้าได้ปฏิญาณกับท่านแล้ว อย่ารีบไปจากท่าน อย่าเข้าข้างความเลวร้าย เพราะท่านจะกระทำสิ่งที่ท่านพอใจก็ได้ เพราะคำพูดของกษัตริย์มีอานุภาพสูง ใครจะพูดกับท่านได้ว่า “ท่านกำลังกระทำอะไร” คนที่กระทำตามคำบัญชาจะไม่ต้องเผชิญกับความเลวร้าย และความคิดของผู้เรืองปัญญาจะรู้เวลาอันเหมาะสมและการพิพากษา เพราะว่าทุกสิ่งเป็นไปตามกำหนดเวลาและวิถีทางในทุกเรื่อง แต่กระนั้น คนก็ยังต้องทนต่อความเจ็บปวดสาหัส เพราะเขาไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้น ใครจะบอกเขาได้ว่า มันจะเป็นอย่างไรต่อไป ไม่มีมนุษย์คนไหนที่มีอานุภาพรั้งลมหายใจไว้ได้ หรือควบคุมวันตายได้ ไม่มีใครถอนตัวจากสงครามได้ และไม่มีคนชั่วคนไหนที่จะมีอิสระได้โดยการกระทำความชั่ว ข้าพเจ้าได้สังเกตสิ่งเหล่านี้ ขณะที่พยายามคิดเรื่องสิ่งทั้งปวงที่เกิดขึ้นในโลกนี้ เมื่อมนุษย์คนหนึ่งพยายามจะควบคุมอีกคนหนึ่ง แล้วต่างฝ่ายต่างก็เป็นทุกข์

ชีวิตของบรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้าจะเป็นไปด้วยดี

10 แล้วข้าพเจ้าก็เห็นคนชั่วถูกฝัง ศพของพวกเขาถูกยกออกไปจากบริเวณที่บริสุทธิ์ พวกเขาได้รับคำสรรเสริญในเมือง ทั้งๆ ที่เป็นคนกระทำความชั่วในเมืองนั้น นี่ก็ไร้ค่าเช่นกัน 11 เป็นเพราะความประพฤติชั่วไม่ถูกลงโทษอย่างเร่งด่วน ใจของผู้คนจึงพร้อมจะกระทำความชั่ว 12 ถึงแม้ว่าคนบาปกระทำความชั่วร้อยครั้ง และมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก แต่ข้าพเจ้าก็ทราบว่าชีวิตของบรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้าจะเป็นไปด้วยดี เพราะพวกเขายำเกรง ณ เบื้องหน้าพระองค์ 13 แต่จะไม่เป็นไปด้วยดีกับคนชั่ว เขาจะมีอายุสั้นและไม่มีชีวิตอีกต่อไป เพราะเขาไม่ยำเกรง ณ เบื้องหน้าพระเจ้า

มนุษย์ไม่สามารถรู้วิถีทางของพระเจ้า

14 มีความไร้ค่าเกิดขึ้นในโลกนี้คือ บางครั้งคนที่มีความชอบธรรมได้รับสิ่งที่คนชั่วสมควรได้รับ และบางครั้งคนชั่วได้รับสิ่งที่ผู้มีความชอบธรรมสมควรได้รับ ข้าพเจ้าพูดว่า นั่นก็ไร้ค่าเช่นกัน 15 ข้าพเจ้าจึงแนะนำให้มีความสุขกับชีวิต เพราะว่ามนุษย์ไม่มีสิ่งใดดีในโลกนี้ นอกจากการดื่ม กิน และสนุกสนาน เพราะควรเป็นสิ่งที่ประกอบไปกับงานที่เขาต้องตรากตรำชั่วชีวิต ซึ่งพระเจ้ามอบให้แก่เขาในโลกนี้

16 เมื่อข้าพเจ้าพยายามคิดเรื่องสติปัญญา และเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลก ข้าพเจ้าก็จะนอนไม่หลับทั้งวันและคืน 17 แล้วข้าพเจ้าก็สังเกตดูสิ่งทั้งปวงที่พระเจ้ากระทำ แต่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในโลก ไม่ว่ามนุษย์จะตรากตรำเพื่อแสวงหาเพียงไรก็ตาม เขาก็จะไม่พบมัน ถึงแม้ว่าผู้เรืองปัญญาจะอ้างว่าเขารู้ แต่เขาก็ไม่สามารถพบมัน

ทุกคนต้องตาย

แต่ข้าพเจ้าคิดในใจและไตร่ตรองอย่างหนักว่า ผู้มีความชอบธรรม ผู้เรืองปัญญา และการกระทำของพวกเขาอยู่ในการควบคุมของพระเจ้า มนุษย์ไม่อาจทราบล่วงหน้าว่า ความรักหรือความเกลียดชังรอเขาอยู่ ในเมื่อทุกคนประสบกับสิ่งเดียวกัน ทั้งผู้มีความชอบธรรมและคนชั่วร้าย ทั้งคนดีและคนเลว ทั้งผู้บริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ ทั้งคนที่ถวายเครื่องสักการะและคนที่ไม่ถวายเครื่องสักการะ คนกระทำความดีก็จะเป็นเช่นเดียวกับคนกระทำบาป และคนที่สาบานต่อพระเจ้าก็จะเป็นเช่นเดียวกับคนที่ไม่ยอมสาบานอะไรเลย นี่ก็เป็นเรื่องเศร้าสำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ คือทุกคนประสบกับสิ่งเดียวกัน ใจมนุษย์เต็มด้วยความชั่วร้าย และความขาดสติยั้งคิดอยู่ในใจของพวกเขาขณะมีชีวิตอยู่ และต่อจากนั้นพวกเขาก็ไปสู่แดนคนตาย แต่คนที่ยังอยู่ร่วมกับคนมีชีวิต ยังมีความหวัง เพราะว่าสุนัขที่มีชีวิตยังดีกว่าสิงโตที่ตายแล้ว ด้วยเหตุว่า ผู้มีชีวิตอยู่รู้ว่า เขาจะต้องตาย ส่วนคนตายไม่รู้อะไรเลย และพวกเขาไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ ไม่มีใครจำเขาได้อีก ความรัก ความเกลียดชัง และความอิจฉาของพวกเขาได้ตายไปพร้อมกับพวกเขา และจะไม่มีส่วนร่วมในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้อีกต่อไป

มีความสุขกับผู้ที่ท่านรักใคร่

ไปเถิด ไปรับประทานขนมปังอย่างมีความสุข และดื่มเหล้าองุ่นด้วยความสำราญใจ เพราะว่าพระเจ้ายินดีให้ท่านทำสิ่งนั้น

จงสวมเสื้อผ้าที่ขาวบริสุทธิ์สดใส และให้มีน้ำมันใช้ชโลมบนศีรษะของท่านตลอดไป

จงมีความสุขกับภรรยาที่ท่านรัก ตลอดวันเวลาแห่งชีวิตอันไร้ค่าของท่านที่พระองค์ได้มอบให้ในโลกนี้ เพราะว่านั่นแหละเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและในงานตรากตรำของท่านที่ทำในโลกนี้ 10 ไม่ว่างานใดที่มือของท่านกระทำได้ ก็จงทำด้วยสุดกำลัง เพราะในแดนคนตาย ซึ่งท่านกำลังจะไปนั้น ไม่มีทั้งงาน หรือความคิด หรือความรู้ หรือสติปัญญา

สติปัญญาดีกว่าความโง่เขลา

11 ข้าพเจ้าเห็นอีกด้วยว่า ในโลกนี้นักวิ่งเร็วไม่ชนะในการแข่งขันเสมอไป และคนแข็งแกร่งอาจไม่ชนะในสงคราม และคนมีสติปัญญาอาจไม่มีรายได้เสมอไป และคนฉลาดไม่มั่งมี และผู้มีความชำนาญไม่เลื่อนขึ้นสู่ตำแหน่งสูงเสมอไป แต่สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นกับทุกคนตามวาระและโอกาส 12 ด้วยว่า มนุษย์ไม่รู้ถึงเวลาของตัวเขาเอง ปลาถูกจับในตาข่าย และนกถูกกับดักเช่นไร บรรดาบุตรของมนุษย์ก็ติดกับดักเมื่อเป็นเวลาอันเลวร้าย ซึ่งเกิดขึ้นกับเขาอย่างฉับพลันฉันนั้น

13 ข้าพเจ้าได้สังเกตเห็นตัวอย่างของสติปัญญาในโลกนี้ และข้าพเจ้าก็ประทับใจมากคือ 14 ครั้งหนึ่งในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีผู้คนเพียงไม่กี่คนอาศัยอยู่ และมีกษัตริย์ผู้มีกำลังมากมาโจมตี ท่านใช้กำลังล้อมเมืองไว้และก่อเชิงเทินเพื่อปีนข้ามกำแพง 15 มีชายผู้ยากจนที่มีสติปัญญาอยู่ในเมืองนั้น เขาช่วยกู้เมืองนั้นไว้ได้ด้วยสติปัญญา แต่ต่อมาก็ไม่มีใครระลึกถึงเขาอีก 16 ข้าพเจ้าพูดได้ว่า สติปัญญาดีกว่าพละกำลัง แต่สติปัญญาของชายผู้ยากจนเป็นที่ดูหมิ่น และไม่มีใครใส่ใจในคำพูดของเขา

17 คำพูดเบาๆ ของผู้มีสติปัญญา ดีกว่าเสียงตะโกนของผู้บังคับบัญชาให้บรรดาคนโง่เขลาฟัง 18 สติปัญญาดีกว่าอาวุธสงคราม แต่คนบาปคนเดียวก่อให้เกิดความหายนะใหญ่หลวงได้

10 แมลงวันตายทำให้น้ำมันหอมส่งกลิ่นเหม็น
    ความเขลาเพียงเล็กน้อยก็ทำให้สติปัญญาและเกียรติตกต่ำลงได้มาก
ใจของผู้มีสติปัญญาโน้มไปทางขวา
    แต่ใจของคนโง่เขลาโน้มไปทางซ้าย
แม้ว่าคนโง่เขลาจะเดินบนถนน
    เขาก็ยังขาดความฉลาดเฉลียว
    และเขาแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาเป็นคนโง่เขลา
ถ้าผู้บังคับบัญชาฉุนเฉียว
    ท่านก็อย่าขยับไปจากที่ของท่าน
    เพราะความสุขุมจะทำให้ความโกรธสงบลงได้

มีสิ่งไม่ยุติธรรมที่ข้าพเจ้าเห็นในโลกนี้คือ ความผิดที่เกิดจากผู้บังคับบัญชา คนโง่เขลาได้รับตำแหน่งที่กอปรด้วยเกียรติและอำนาจ ในขณะที่คนมั่งมีนั่งอยู่ในที่ต่ำกว่า ข้าพเจ้าเคยเห็นทาสขี่ม้า และผู้สูงศักดิ์เดินบนพื้นดินอย่างทาส

คนที่ขุดหลุมอาจจะตกลงในหลุมนั้นเอง
    และคนที่ทลายกำแพงลงอาจจะถูกงูพิษกัดได้
คนสลักหินอาจจะบาดเจ็บจากหินได้
    และคนที่ผ่าไม้ซุง ก็อาจได้รับบาดเจ็บจากซุงเช่นกัน
10 ถ้าหากเครื่องมือเหล็กทื่อ
    และเขาไม่ลับให้คม
เขาก็ต้องใช้แรงมากขึ้น
    แต่สติปัญญาช่วยให้สำเร็จผลได้
11 ถ้างูฉกก่อนที่หมองูจะร่ายปี่
    หมองูก็ไม่มีประโยชน์อะไร

12 คำพูดที่ออกจากปากของผู้มีสติปัญญากอปรด้วยความกรุณา
    แต่ปากของคนโง่เขลาทำลายตัวเขาเอง
13 คำแรกที่ออกจากปากของเขาส่อถึงความโง่เขลา
    และในสุดท้ายคำพูดของเขาเป็นความขาดสติยั้งคิดที่เลวร้าย
14 คนโง่เขลาพูดมาก
    ไม่มีมนุษย์ใดทราบได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
    และใครจะบอกเขาได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาตายไปแล้ว
15 งานตรากตรำของคนโง่เขลาทำให้เขาอ่อนล้า
    เขาไม่ทราบแม้แต่ทางที่จะเข้าไปในเมือง

16 โอ แผ่นดินเอ๋ย วิบัติแก่เจ้า เมื่อกษัตริย์ยังเยาว์วัยอยู่
    และบรรดาผู้นำของเจ้าเลี้ยงฉลองกันตั้งแต่เช้า
17 โอ แผ่นดินเอ๋ย ความสุขบังเกิดแก่เจ้า เมื่อกษัตริย์ของเจ้าสืบมาจากตระกูลขุนนาง
    และบรรดาผู้นำของเจ้าเลี้ยงฉลองตามเวลาอันควร
    เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่ใช่ดื่มจนมึนเมา
18 เป็นเพราะความขี้เกียจ หลังคาจึงถูกปล่อยให้พังลงมา
    และเป็นเพราะความเกียจคร้านบ้านจึงมีน้ำรั่ว
19 อาหารเตรียมไว้เพื่อให้มีใจยินดี
    และเหล้าองุ่นทำให้ชีวิตสนุกสนาน
    และเงินทองจัดหาสิ่งเหล่านี้มาได้
20 แม้แต่ในความคิด ก็อย่าสาปแช่งกษัตริย์
    และอย่าสาปแช่งคนมั่งมีเมื่ออยู่ในห้องนอน
เพราะนกในอากาศจะคาบเรื่องของท่านไป
    หรือไม่ก็สัตว์ปีกจะไปรายงานว่า ท่านพูดอะไรบ้าง

ความรู้ของมนุษย์มีขอบเขตจำกัด

11 เหวี่ยงอาหารของท่านลงในทะเลเถอะ
    เพราะว่าหลายวันหลังจากนั้นท่านก็ยังจะได้รับผลตอบแทน
จงแบ่งส่วนของท่านให้เป็นเจ็ดหรือแปดส่วน
    เพราะท่านไม่ทราบว่าจะมีวิบัติใดเกิดขึ้นบ้างในโลกนี้
ถ้าหมู่เมฆหนักตัวด้วยน้ำ
    มันก็จะเทฝนลงบนแผ่นดิน
และถ้าต้นไม้ล้มลงทางใต้หรือทางเหนือ
    มันก็จะอยู่ที่มันล้มลง
คนที่เอาแต่สังเกตลมจะไม่หว่านเมล็ด
    และคนที่เอาแต่ดูเมฆจะไม่เก็บเกี่ยว

ท่านไม่ทราบทางของลมที่พัดผ่าน และไม่ทราบว่ากระดูกเติบโตในครรภ์ของผู้หญิงได้ฉันใด ท่านก็ไม่ทราบงานของพระเจ้า ผู้สร้างสรรพสิ่งฉันนั้น

ในเวลาเช้า จงหว่านเมล็ดพืชของท่าน และในเวลาเย็น ก็อย่ายั้งมือของท่านไว้ เพราะท่านไม่ทราบว่าเมล็ดใดจะงอกงาม จะเป็นเมล็ดนี้ หรือเมล็ดนั้น หรือจะงอกงามด้วยกันทั้งคู่

แสงสว่างเป็นที่สบอารมณ์ และดวงตาที่เห็นดวงตะวันก็เบิกบานใจ

ดังนั้นถ้าผู้หนึ่งมีชีวิตอยู่ได้หลายปี ก็ให้เขายินดีในแต่ละวัน และให้เขาระลึกว่าเวลาแห่งความตายจะยาวนานมาก และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไร้ค่าทั้งสิ้น

โอ หนุ่มสาวเอ๋ย จงยินดีกับความเยาว์วัยของเจ้าเถิด และให้ใจของเจ้าเบิกบานในวันเวลาของความเยาว์วัยเถิด เจ้าใช้ชีวิตตามที่ใจนำพา และตามที่รู้เห็น แต่จงรู้ด้วยว่า พระเจ้าจะตัดสินเจ้าตามความคิดและการกระทำของเจ้า

10 จงสลัดความว้าวุ่นออกจากใจของเจ้า และกำจัดความเจ็บปวดไปเสียจากกายของเจ้า ด้วยว่าชีวิตของคนที่เยาว์วัยและหนุ่มสาวนั้นไร้ค่า

จงนึกถึงองค์ผู้สร้างของเจ้าเมื่อยังเยาว์

12 จงนึกถึงองค์ผู้สร้างของเจ้าเมื่อเจ้ายังเยาว์วัย ก่อนวันเวลาแห่งความตายจะมาถึง ก่อนเวลาที่เจ้าจะตระหนักว่า “เราไม่มีความสำราญในชีวิต” ก่อนที่ดวงตะวันและแสงสว่าง ดวงจันทร์และดวงดาวจะมืดลง และหมู่เมฆก็หวนกลับมาหลังจากสายฝน ในวันที่คนเฝ้ายามสั่นเทา และชายที่แข็งแกร่งจะอ่อนกำลัง และผู้หญิงโม่แป้งจะหยุดทำงาน เพราะมีเพียงไม่กี่คน และผู้หญิงที่มองผ่านทางหน้าต่างก็มองไม่เห็นอีกต่อไปแล้ว เมื่อประตูทางเข้าที่ถนนปิด เมื่อเสียงโม่แป้งเพลาลง และคนลุกขึ้นเมื่อมีเสียงนกร้อง และเสียงเพลงก็แผ่วลง เมื่อคนเหล่านั้นกลัวความสูง และกลัวภัยอันตรายที่ถนน เมื่อต้นอัลมอนด์ออกดอก และตั๊กแตนขยับแทบจะไม่ไหว และหามีความอยากต่อไปไม่ เพราะคนกำลังไปยังบ้านอันถาวร และบรรดาผู้ร้องคร่ำครวญก็เดินวนไปตามถนน ก่อนที่ลูกโซ่เงินจะขาด หรือชามทองจะแตก หรือโถน้ำจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ที่บ่อน้ำพุ หรือลูกล้อจะหักลงที่บ่อเก็บน้ำ และฝุ่นตกลงสู่พื้นดินดังเดิม และวิญญาณกลับไปยังพระเจ้าผู้มอบให้ ปัญญาจารย์กล่าวว่า ไร้ค่าที่สุด ไร้ค่าที่สุด ทุกสิ่งไร้ค่าทั้งสิ้น

จงเกรงกลัวพระเจ้า และปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์

นอกจากจะมีสติปัญญาแล้ว ปัญญาจารย์ยังสั่งสอนประชาชนในเรื่องความรู้ ท่านหยั่งดูให้รู้ตื้นลึก ศึกษา และจัดเตรียมสุภาษิตไว้มากมายอย่างระมัดระวัง 10 ปัญญาจารย์เสาะหาคำพูดที่น่าฟัง และบันทึกคำพูดที่เป็นความจริงอย่างซื่อตรง

11 คำพูดของผู้มีสติปัญญาเป็นเสมือนประตัก และคำพูดที่รวบรวมไว้ก็เสมือนตะปูที่ตอกติดแน่น และองค์ผู้เลี้ยงดูฝูงแกะผู้เดียวเป็นผู้มอบให้ 12 ลูกเอ๋ย อะไรนอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้แล้ว เจ้าจงระวังเถิด การแต่งหนังสือมากมายเป็นสิ่งไม่รู้จบ และการศึกษาอย่างขะมักเขม้นทำให้ร่างกายอ่อนล้า

13 จากสิ่งที่กล่าวมาทั้งสิ้น ในที่สุดสรุปได้ว่า จงเกรงกลัวพระเจ้า และปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ เพราะเป็นหน้าที่ของมนุษย์ที่ควรทำ 14 เพราะว่าพระเจ้าจะตัดสินการกระทำทุกอย่าง รวมถึงเรื่องเร้นลับทั้งสิ้น ไม่ว่าจะดีหรือชั่ว

เพลงรักอันไพเราะของซาโลมอน

เจ้าสาวสารภาพรัก

ผู้หญิง

โอ ให้ริมฝีปากของท่านประกบปากฉันด้วยรอยจูบเถิด
    เพราะว่าความรักของท่านยอดยิ่งกว่าเหล้าองุ่น
น้ำมันเจิมของท่านหอมหวล
    นามของท่านเป็นดุจน้ำมันหอมที่ไหลริน
    ฉะนั้นบรรดาสาวบริสุทธิ์จึงหลงรักท่าน
ช่วยพาฉันไปกับท่าน เรารีบไปกันเถิด
    กษัตริย์ได้พาฉันเข้าไปในห้องของท่าน

พวกผู้หญิง

ให้พวกเรายินดีและพอใจในตัวท่านเถิด
    เราจะเทิดทูนความรักนี้ยิ่งกว่าเหล้าองุ่น
    มิน่าเล่าบรรดาสาวๆ จึงได้รักท่าน

ผู้หญิง

โอ บรรดาผู้หญิงของเยรูซาเล็มเอ๋ย
    ฉันเองน่ะผิวคล้ำ แต่งดงามประดุจกระโจมของเคดาร์
    ประดุจม่านของซาโลมอน
อย่าจ้องมองฉันเพราะผิวดำคล้ำเลย
    เป็นเพราะดวงตะวันได้แผดเผาฉัน
พวกลูกชายของแม่ฉันก็พากันโกรธ
    และบังคับให้ฉันดูแลไร่องุ่น
    แม้แต่สวนองุ่นของฉันเอง ฉันยังไม่ทันได้ดูแลเลย
ฉันรักท่านจนท่วมท้นจิตวิญญาณ ท่านช่วยบอกฉันหน่อย
    ท่านนำฝูงแกะไปเล็มหญ้าที่ใด
    ท่านให้พวกมันนอนพักที่ใด
ในยามเที่ยงวัน ทำไมฉันจึงจะต้องเป็นอย่างกับคนที่ใช้ผ้าคลุมหน้า
    ที่อยู่ข้างฝูงแกะของพวกเพื่อนๆ ของท่าน

ผู้ชาย

โอ หญิงงามที่สุดในบรรดาหญิงทั้งหลายเอ๋ย ถ้าเธอไม่รู้
    ก็จงไปตามรอยเท้าฝูงแกะ
หาทุ่งหญ้าสำหรับลูกแพะของเธอ
    ที่ข้างกระโจมของเหล่าคนเลี้ยงแกะ

ที่รักของฉันเอ๋ย เธองามราวกับม้าตัวเมีย
    ของรถศึกของฟาโรห์
10 แก้มของเธองดงามด้วยเครื่องประดับ
    สร้อยลูกปัดคล้องที่คอของเธอ

พวกผู้หญิง

11 เราจะทำเครื่องประดับทองคำ
    ซึ่งเสริมแต่งด้วยเงินให้กับเธอ

ผู้หญิง

12 กษัตริย์ของฉันเอนกายอยู่ที่ตั่งของท่าน
    และน้ำมันหอมของฉันส่งกลิ่นหอมอบอวล
13 คนรักของฉันหอมเหมือนมดยอบ
    ซึ่งวางไว้ตรงหว่างอกของฉัน
14 คนรักของฉันหอมเหมือนช่อดอกเฮนน่า
    ในสวนองุ่นที่เอนเกดี

ผู้ชาย

15 ดูเถิด ที่รักของฉันเอ๋ย เธองดงามยิ่งนัก
    ดูเถิด เธองดงามยิ่งนัก
    ดวงตาของเธอประดุจดวงตาของนกพิราบ

ผู้หญิง

16 ดูเถิด คนรักของฉัน ท่านรูปทรงงามนัก
    และช่างเบิกบานจริงเชียว
    ที่นอนของเราเป็นสีเขียว
17 คานบ้านของเราเป็นไม้ซีดาร์
    หลังคาเป็นไม้สน

ผู้หญิง

ฉันเป็นเพียงดอกไม้ดอกหนึ่งที่ชาโรน
    เป็นเพียงดอกไม้ป่าในหุบเขา

ผู้ชาย

เธอเป็นดั่งดอกไม้ป่าที่อยู่ในหมู่ไม้หนาม
    ที่รักของฉันเป็นเช่นนั้นในหมู่ผู้หญิง

ผู้หญิง

ต้นแอปเปิ้ลในหมู่ต้นไม้ในป่าเป็นเช่นไร
    คนรักของฉันก็เป็นเช่นนั้นในหมู่ชายหนุ่ม
ฉันนั่งอยู่ใต้ร่มเงาของเขาด้วยความยินดี
    และได้ลิ้มรสความหวานจากผลของเขา
เขาพาฉันไปยังเรือนเหล้าองุ่น
    และให้ความรักของเขาห่มตัวฉันไว้
เขาให้พละกำลังแก่ฉันด้วยลูกเกด
    ให้ความชุ่มชื่นแก่ฉันด้วยลูกแอปเปิ้ล
    ฉันปรารถนาจะได้ความรักมากยิ่งขึ้น
แขนซ้ายของเขารองใต้ศีรษะของฉัน
    และแขนขวาของเขาโอบกอดฉันไว้
โอ บรรดาผู้หญิงของเยรูซาเล็ม ขอให้พวกเธอสาบาน
    ต่อละองละมั่งหรือกวางตัวเมียในทุ่งว่า
พวกเธอจะไม่รบกวนความรักของเรา
    จนกว่าเราจะพอใจ

เจ้าสาวชื่นชมคนรัก

เสียงของคนรักของฉัน
    ดูเถิด เขากำลังมา
กำลังกระโจนบนภูเขาลูกใหญ่
    เขากระโดดบนเนินเขา
คนรักของฉันเป็นดั่งละองละมั่งหรือกวางหนุ่ม
    ดูเถิด เขายืนอยู่ที่นอกกำแพงบ้าน
มองผ่านหน้าต่าง
    และจ้องดูผ่านบานเกล็ด
10 คนรักของฉันพูดกับฉันว่า
    “ที่รักของฉัน สาวงามของฉันลุกขึ้นเถิด
    มากับฉันเถอะ
11 ดูสิ ฤดูหนาวผ่านพ้นไปแล้ว
    ฝนก็ไม่ตกอีกแล้ว
12 ดอกไม้ก็ผุดขึ้นจากพื้นดิน
    ถึงเวลาได้ยินเสียงเพลงแล้ว
และเสียงของนกพิราบหางขาว
    กู่ร้องไปไกลทั่วแผ่นดินของเรา
13 ต้นมะเดื่อเริ่มผลิดอกออกผล
    และเถาองุ่นออกดอก ส่งกลิ่นหอม
ลุกขึ้นเถิด ที่รักของฉัน
    สาวงามของฉัน และมากับฉัน
14 โอ แม่นกพิราบของฉันเอ๋ย เธอหลบอยู่ในซอกหิน
    ซ่อนตัวอยู่ที่ข้างภูเขา
ให้ฉันดูหน้าเธอ
    ให้ฉันได้ยินเสียงของเธอ
เพราะเสียงของเธอไพเราะนัก
    และใบหน้าของเธอก็งดงาม
15 มาจับพวกเจ้าสุนัขจิ้งจอกให้เรากันเถอะ
    สุนัขจิ้งจอกตัวจิ๋วพวกนั้น
ที่ทำให้สวนองุ่นเสียหาย
    เพราะว่าสวนองุ่นของเรากำลังผลิดอก”

16 คนที่ฉันรักเป็นของฉัน และฉันก็เป็นของเขา
    เขาอิ่มเอิบอยู่ในหมู่ดอกไม้ป่า
17 กระทั่งเวลาเย็นย่างเข้ามา
    และเงาจากดวงอาทิตย์ก็หายไป
ที่รักของฉัน กลับมาเถิด
    เธอวิ่งอย่างละองละมั่ง
    หรือกวางหนุ่มที่ภูเขาเบเธอร์[b]

เจ้าสาวฝัน

บนเตียงนอนของฉันในยามราตรี
    ฉันมองหาคนที่ฉันรักสุดหัวใจ
    ฉันมองหาเขา แต่ก็ไม่พบ
ฉันจะลุกขึ้นในเวลานี้และเดินวนหาอยู่ในเมือง
    ตามถนนและลานชุมนุม
ฉันจะมองหาคนที่ฉันรักสุดหัวใจ
    ฉันมองหาเขา แต่ก็ไม่พบ
คนเฝ้ายามที่ประตูเมืองพบฉัน
    เวลาที่พวกเขาตรวจตราเมือง
ฉันถามเขาว่า “พวกท่านเห็นคนที่ฉันรักสุดหัวใจไหม”
ทันทีที่ฉันเดินผ่านพวกเขาไปแล้ว
    ฉันก็พบคนที่ฉันรักสุดหัวใจ
ฉันกอดเขาและไม่ยอมปล่อยให้เขาไป
    จนกระทั่งฉันพาเขาไปที่บ้านมารดาของฉัน
    เข้าไปในห้องที่มารดาตั้งครรภ์ฉัน
โอ บรรดาผู้หญิงของเยรูซาเล็ม ขอให้พวกเธอสาบาน
    ต่อละองละมั่งหรือกวางตัวเมียในทุ่งว่า
พวกเธอจะไม่รบกวนความรักของเรา
    จนกว่าเราจะพอใจ

ซาโลมอนมายังพิธีสมรส

นั่นอะไรขึ้นมาจากถิ่นทุรกันดาร
    เป็นเหมือนควันในรูปเสาหลัก
มีกลิ่นหอมดั่งมดยอบและกำยาน
    กับผงเครื่องเทศหลากชนิดของพ่อค้า
ดูเถิด นั่นบุษบกของซาโลมอน
    ล้อมรอบด้วยเหล่าองครักษ์ 60 คน
    ทหารกล้าของอิสราเอล
ทุกคนที่ถือดาบเตรียมไว้
    ล้วนชำนาญศึก
แต่ละคนมีดาบห้อยจากบั้นเอว
    พร้อมที่จะป้องกันในยามค่ำคืน
กษัตริย์ซาโลมอนนั่งบนบุษบก
    ซึ่งทำด้วยไม้จากเลบานอน
10 คานหามทำด้วยเงิน
    ฐานเป็นทอง ที่นั่งเป็นสีม่วง
ภายในบุษบกประดับโดยฝีมือของบรรดา
    ผู้หญิงของเยรูซาเล็มอย่างงดงาม
11 โอ บรรดาธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย ออกไปเถิด
    ไปทอดสายตาดูกษัตริย์ซาโลมอน
ท่านสวมมงกุฎที่มารดาของท่าน
    สวมให้ท่านในวันสมรส
    และในวันแห่งความยินดีของท่าน

ซาโลมอนชื่นชมความงามของเจ้าสาวของท่าน

ผู้ชาย

ดูเถิด ที่รักของฉันเอ๋ย เธองดงามยิ่งนัก
    ดูเถิด เธองดงามยิ่งนัก
ดวงตาของเธอที่อยู่ใต้ผ้าคลุมหน้า
    ประดุจดวงตาของนกพิราบ
ผมของเธอดูเหมือนฝูงแพะ
    ที่กำลังกระโดดลงมาจากภูเขากิเลอาด
ฟันของเธอขาวราวกับขนแกะ
    ที่เพิ่งถูกตัดและฟอกแล้ว
มีฟันครบทุกซี่เป็นคู่ๆ
    ไม่หลุดหายไปสักซี่เดียว
ริมฝีปากของเธอเปรียบเสมือนเส้นไหมสีแดงสด
    และปากของเธอน่ารักยิ่งนัก
แก้มของเธอใต้ผ้าคลุมหน้า
    เปรียบเสมือนผลทับทิมผ่าซีก
คอของเธอเปรียบเสมือนหอคอยของดาวิด
    ที่ถูกสร้างขึ้นเป็นชั้นๆ
ซึ่งมีโล่นับพันห้อยเรียงกันอยู่
    สำหรับใช้เป็นเครื่องป้องกันของบรรดาวีรบุรุษ
อกทั้งคู่ของเธอเปรียบเสมือนลูกกวางสองตัว
    คู่แฝดของละองละมั่ง
    ที่เล็มหญ้าอยู่ท่ามกลางดอกไม้ป่า
กระทั่งเวลาเย็นย่างเข้ามา
    และเงาจากดวงอาทิตย์ก็หายไป
ฉันจะรีบไปยังภูเขามดยอบ
    และเนินเขากำยาน
ที่รักของฉัน เธองดงามทุกกระเบียดนิ้ว
    ไม่มีที่ติในตัวเธอแม้แต่น้อย
ลงมาจากภูเขาเลบานอนกับฉันเถิด เจ้าสาวของฉัน
    เธอลงมาจากภูเขาเลบานอนกับฉันเถิด
ลงมาจากยอดภูเขาอามานา
    จากภูเขาเสนีร์ และภูเขาเฮอร์โมน
จากถ้ำของพวกสิงโต
    จากเทือกเขาของเสือดาว

เธอมัดหัวใจของฉันเสียแล้ว น้องสาวของฉันเอ๋ย เจ้าสาวของฉัน
    เมื่อเธอชายตามอง
และด้วยสร้อยเพียงเส้นเดียวของเธอ
    เธอก็มัดหัวใจของฉันเสียแล้ว
10 รักของเธอช่างหวานชื่นนัก น้องสาวของฉันเอ๋ย เจ้าสาวของฉัน
    รักของเธอยอดยิ่งกว่าเหล้าองุ่น
    และน้ำมันของเธอหอมกรุ่นยิ่งกว่าเครื่องเทศใดๆ
11 เจ้าสาวของฉันเอ๋ย ริมฝีปากของเธอหวานปานน้ำผึ้ง
    น้ำนมและน้ำผึ้งอยู่ที่ใต้ลิ้นของเธอ
    เครื่องนุ่งห่มของเธอมีกลิ่นหอมราวกับกลิ่นหอมของเลบานอน
12 เธอเป็นสวนที่ถูกลั่นกุญแจปิดไว้ น้องสาวของฉัน เจ้าสาวของฉันเอ๋ย
    สวนที่ถูกลั่นกุญแจปิดไว้ น้ำพุที่ถูกปิดกั้นไว้
13 เธอเป็นสวนทับทิม
    ที่ออกผลงามที่สุด
    พร้อมกับเฮนน่าและพันธุ์ไม้หอม
14 พันธุ์ไม้หอมและกันกุมา ว่านน้ำ อบเชย
    และต้นกำยานหลายชนิด
มดยอบและต้นหางจระเข้
    และเครื่องเทศชั้นดีหลายชนิด
15 เธอเปรียบเสมือนน้ำพุในสวน
    น้ำพุใต้ดินที่พลุ่งพล่าน
    สายน้ำที่ไหลลงจากภูเขาเลบานอน

ผู้หญิง

16 ลมเหนือเอ๋ย จงตื่นเถิด
    ลมใต้เอ๋ย มาเถิด
จงพัดผ่านสวนของฉัน
    ให้กลิ่นหอมของเครื่องเทศอบอวลไป
ให้คนรักของฉันมาที่สวนของเขา
    และลิ้มรสผลงามที่สุด

ผู้ชาย

น้องสาวของฉัน เจ้าสาวของฉันเอ๋ย ฉันมาที่สวนของฉัน
    ฉันเก็บเครื่องเทศและมดยอบของฉัน
ฉันลิ้มรสน้ำผึ้งและรวงผึ้งของฉัน
    ฉันดื่มเหล้าองุ่นและน้ำนมของฉัน

พวกผู้หญิง

เพื่อนเอ๋ย จงดื่ม กิน
    และดื่มด่ำอยู่ในความรักเถิด

เจ้าสาวตามหาคนรักของนาง

ผู้หญิง

ฉันนอนหลับไป แต่ใจของฉันยังตื่นอยู่
    เสียงคนรัก คนรักของฉันกำลังเคาะประตู
“น้องสาวของฉันเอ๋ย ที่รักของฉัน ให้ฉันเข้าไปเถิด
    นกพิราบของฉันเอ๋ย คนที่เพียบพร้อมของฉัน
เพราะว่าศีรษะของฉันชุ่มไปด้วยน้ำค้าง
    เส้นผมของฉันชื้นจากละอองน้ำ”
ฉันถอดเสื้อคลุมออกแล้ว
    ฉันจะสวมอีกได้อย่างไร
ฉันล้างเท้าแล้ว
    จะทำให้เท้าสกปรกอีกได้อย่างไร
คนรักของฉันสอดมือที่ช่องประตู
    ทำให้ใจปรารถนาคุกรุ่นขึ้นมา
ฉันลุกขึ้นเปิดประตูให้คนรักของฉัน
    มดยอบก็หยดจากมือของฉัน
น้ำมดยอบจากนิ้วมือของฉัน
    หยดลงที่กลอนประตู
ฉันเปิดให้คนรักของฉัน
    แต่เขาไปเสียแล้ว
    โอ ฉันแทบจะขาดใจ
ฉันมองหาเขา แต่ก็ไม่พบ
    ฉันเรียกหาเขา แต่เขาก็ไม่ตอบ
คนเฝ้ายามที่ประตูเมืองพบฉัน
    เวลาที่พวกเขาตรวจตราเมือง
แล้วก็ได้ทุบตีฉัน ทำให้ฉันบาดเจ็บ
    และเอาผ้าคลุมไหล่ของฉันไป
    เหล่าคนเฝ้ายามที่กำแพงเมืองนั่นแหละ
โอ บรรดาผู้หญิงของเยรูซาเล็มเอ๋ย ขอให้พวกเธอสาบานต่อฉันว่า
    ถ้าพวกเธอพบที่รักของฉัน
ก็ช่วยบอกเขาว่า
    ฉันคิดถึงเขาแทบขาดใจ

พวกผู้หญิง

คนรักของเธอดีกว่าคนรักของคนอื่นอย่างไร
    โอ หญิงงามที่สุดในบรรดาหญิงทั้งหลายเอ๋ย
คนรักของเธอดีกว่าคนรักของคนอื่นอย่างไร
    เราจึงจะต้องให้คำสัญญาเธอเช่นนั้น

ผู้หญิง

10 คนรักของฉันเปล่งปลั่งและแข็งแรง
    ดูเด่นต่างจากหมู่คนนับหมื่น
11 ศีรษะของเขางามดุจทองนพคุณ
    เส้นผมเป็นลอนดั่งเทือกเขาและดำขลับดั่งอีกา
12 ดวงตาของเขาประดุจดวงตาของนกพิราบ
    ที่ริมธารน้ำ
อาบด้วยน้ำนม
    ดั่งพลอยประดับอยู่ในกรอบ
13 แก้มของเขาหอมดุจเครื่องเทศที่ปลูกไว้เป็นแนว
    เป็นดั่งกองสมุนไพรอันหอมหวาน
ปากของเขาดุจดอกไม้ป่า
    ชุ่มชื่นด้วยน้ำมดยอบหยาดหยด
14 ลำแขนของเขางามดั่งทอง
    ประดับด้วยโกเมน
    ลำตัวของเขาประดุจงาช้าง
    ประดับด้วยพลอยสีน้ำเงิน
15 ท่อนขาของเขาแข็งแกร่งและล่ำ
    ประดุจเสาหินอ่อนซึ่งตั้งบนฐานทองคำบริสุทธิ์
รูปร่างของเขาประดุจภูเขาเลบานอน
    สูงใหญ่เหมือนต้นซีดาร์
16 วาจาของเขาหวานซึ้งที่สุด
    ทุกสิ่งในตัวเขาเป็นที่พึงปรารถนา
นี่แหละคนรักของฉัน นี่แหละเพื่อนของฉัน
    โอ บรรดาผู้หญิงของเยรูซาเล็มเอ๋ย

พวกผู้หญิง

คนรักของเธอไปไหนแล้ว
    โอ หญิงงามที่สุดในบรรดาหญิงทั้งหลายเอ๋ย
คนรักของเธอไปทางไหน
    พวกเราจะได้ช่วยเธอตามหาเขา

ในสวนแห่งความรัก

ผู้หญิง

คนรักของฉันได้ลงไปที่สวนของเขา
    ไปในสวนที่มีเครื่องเทศปลูกไว้เป็นแนว
เพื่ออิ่มเอิบอยู่ในสวน
    และเก็บดอกไม้ป่า
ฉันเป็นของคนที่ฉันรัก และเขาก็เป็นของฉัน
    เขาอิ่มเอิบอยู่ในหมู่ดอกไม้ป่า

ซาโลมอนและเจ้าสาวสุขใจร่วมกัน

ผู้ชาย

ที่รักของฉัน เธองดงามประหนึ่งเมืองทีรซาห์
    รูปงามประหนึ่งเยรูซาเล็ม
    วิเศษราวกับผู้ผจญศึกชูธงชัย
ขอให้เธอมองไปทางอื่น
    เพราะดวงตาของเธอทำให้ฉันลุ่มหลง
ผมของเธอดกและดำขลับดั่งฝูงแพะ
    กำลังกระโดดลงมาจากภูเขากิเลอาด
ฟันของเธอขาวราวกับขนแกะ
    ที่ฟอกแล้ว
มีฟันครบทุกซี่เป็นคู่ๆ
    ไม่หลุดหายไปสักซี่เดียว
แก้มของเธอที่ใต้ผ้าคลุมหน้า
    เปรียบเสมือนผลทับทิมผ่าซีก
อาจจะมีราชินีถึง 60 คน
    และภรรยาน้อยถึง 80 คน
    และหญิงสาวบริสุทธิ์มากมายจนนับไม่ถ้วน
แต่นกพิราบของฉันเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น คนที่เพียบพร้อมของฉัน
    เป็นหนึ่งเดียวของมารดาของเธอ
    และเป็นที่โปรดปรานของมารดาผู้อุ้มครรภ์เธอ
บรรดาหญิงสาวเห็นเธอและเรียกเธอว่า ผู้ได้รับพระพร
    บรรดาราชินีและภรรยาน้อยก็เห็นด้วย และเขาเหล่านั้นยกย่องเธอ
10 นั่นใครที่สาดส่องลงมาดั่งอรุณรุ่ง
    งามดุจดวงเดือน บริสุทธิ์ดั่งดวงตะวัน
    วิเศษราวกับผู้ผจญศึกชูธงชัย

ผู้หญิง

11 ฉันลงไปที่สวนอัลมอนด์
    เพื่อจะดูพืชพันธุ์ไม้ในหุบเขา
ไปดูว่าต้นองุ่นผลิดอกแล้วหรือยัง
    ดอกทับทิมบานแล้วหรือยัง
12 ความต้องการของฉันผุดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
    เหมือนอยู่บนรถศึกกับกษัตริย์

ผู้ชาย

13 กลับมาเถิด กลับมาเถิด โอ ผู้เพียบพร้อมเอ๋ย
    กลับมาเถิด กลับมาเถิด ฉันจะได้จ้องมองเธอ

ผู้หญิง

ทำไมท่านจึงต้องการจ้องมองฉัน
    เวลาที่ฉันร่ายรำอยู่ตรงหน้ากองทัพทั้งสอง[c]

ผู้ชาย

เท้าของเธอเมื่อสวมใส่รองเท้าแล้วดูน่ารัก
    โอ เจ้าหญิงของฉัน
ขาอ่อนของเธอกลมเกลี้ยงประดุจพลอย
    เป็นงานฝีมือของช่างปั้น
สะดือของเธอกลมประดุจถ้วย
    ที่บรรจุเหล้าองุ่นอันหอมกรุ่นอยู่เสมอ
หน้าท้องของเธอเปรียบเสมือนพะเนินข้าว
    ที่ล้อมรอบด้วยดอกไม้ป่า
อกทั้งคู่ของเธอเปรียบเสมือนลูกกวางสองตัว
    คู่แฝดของละองละมั่ง
คอของเธอสูงสง่าเสมือนหอคอยงาช้าง
ดวงตาของเธอเปรียบเสมือนสระน้ำที่เมืองเฮชโบน
    ที่ข้างประตูของบัธรับบิม
จมูกของเธอโด่งเสมือนหอแห่งเลบานอน
    ซึ่งหันไปทางเมืองดามัสกัส
ศีรษะของเธอตั้งสูงเด่นเสมือนภูเขาคาร์เมล
    และผมของเธอยาวดำขลับ
    ไม่ว่ากษัตริย์ใดก็หลงเสน่ห์ในความงามนั้น
เธอช่างงดงามและมีเสน่ห์อะไรเช่นนี้
    โอ ที่รักของฉัน เธอพร้อมด้วยความรื่นรมย์
เธอสูงและสง่างามเสมือนต้นอินทผลัม
    อกของเธอเปรียบเสมือนพวงผลบนต้น
ใช่แล้ว ฉันจะปีนต้นอินทผลัมต้นนั้น
    และสัมผัสกิ่ง
โอ อกของเธอเปรียบเสมือนพวงองุ่น
    ลมหายใจของเธอเสมือนกลิ่นหอมของแอปเปิ้ล
และลมปากของเธอประดุจเหล้าองุ่นรสดีที่สุด

ผู้หญิง

ซึ่งไหลลงคอคนรักของฉันอย่างง่ายดาย
    ไหลรินบนริมฝีปากและฟันของเขา

เจ้าสาวมอบความรักของเธอ

10 ฉันเป็นของคนรักของฉัน
    และฉันจะทำสิ่งที่เขาพึงปรารถนา
11 มาเถิด คนรักของฉัน เราเข้าไปในทุ่งนากันเถิด
    และพักแรมอยู่ในหมู่บ้านกัน
12 เราออกไปที่สวนองุ่นแต่เช้าตรู่กันเถิด
    ไปดูกันว่า ต้นองุ่นผลิดอกแล้วหรือยัง
ดอกองุ่นบานแล้วหรือยัง
    และดอกทับทิมบานแล้วหรือยัง
    ฉันจะมอบความรักของฉันให้แก่ท่านที่นั่น
13 ผลดูดาอิม[d]ส่งกลิ่นหอม
    และข้างประตูบ้านของเรามีผลไม้ทุกชนิดที่คัดสรรแล้ว
มีทั้งผลไม้ในฤดูและนอกฤดู
    ซึ่งฉันได้เก็บสะสมไว้ให้ท่าน โอ คนรักของฉันเอ๋ย

ใคร่หาคนรักของเธอ

ฉันใคร่จะให้ท่านเป็นเสมือนพี่ชายของฉัน
    ซึ่งได้ดื่มน้ำนมจากอกของมารดาของฉัน
ถ้าหากว่าฉันพบท่านที่ถนน
    ฉันจะจูบท่านได้อย่างเปิดเผย
    โดยไม่ถูกครหา
ฉันจะพาท่านเข้าไปที่บ้านมารดาของฉัน
    เข้าไปในห้องที่มารดาคลอดฉัน
ฉันจะให้เหล้าองุ่นผสมเครื่องเทศแก่ท่านดื่ม
    น้ำจากทับทิมของฉัน
แขนซ้ายของเขารองใต้ศีรษะของฉัน
    และแขนขวาของเขาโอบกอดฉันไว้
โอ บรรดาผู้หญิงของเยรูซาเล็ม ขอให้พวกเธอสาบานต่อฉันว่า
    จะไม่รบกวนความรักของเรา
    จนกว่าเราจะพอใจ

พวกผู้หญิง

นั่นใครขึ้นมาจากถิ่นทุรกันดาร
    ควงแขนมากับคนรักของเธอ

ผู้หญิง

ฉันทำให้ท่านตื่นขึ้นเมื่อท่านอยู่ที่ใต้ต้นแอปเปิ้ล
    มารดาของท่านตั้งครรภ์ท่านที่นั่น
    นางปวดครรภ์และให้กำเนิดท่านที่นั่น
ให้ฉันประทับอยู่ในใจของท่าน
    ประหนึ่งตราประทับที่แขนของท่าน
เพราะว่าความรักยืนยงเท่ากับความตาย
    ความหึงหวงรุนแรงเท่ากับแดนคนตาย
มีประกายดุจไฟ
    เพลิงไฟของพระผู้เป็นเจ้า
มวลน้ำจำนวนมหาศาลไม่อาจดับความรักได้
    แม้แต่แม่น้ำก็ไม่อาจท่วมความรักได้
หากชายคนหนึ่งจะทุ่มเทสิ่งสารพัดที่เขามี
    เพื่อแลกกับความรัก
    เขาจะถูกดูหมิ่นอย่างแน่นอน

คำแนะนำสุดท้าย

พี่ชายของผู้หญิง

พวกเรามีน้องสาวคนหนึ่ง
    และหน้าอกของเธอแบน
เราจะช่วยอะไรเธอได้
    เมื่อมีคนมาขอให้แต่งงาน
ถ้าเธอเป็นกำแพงเมือง
    เราจะสร้างใบเสมาเงินบนกำแพง
แต่ถ้าเธอเป็นบานประตู
    เราก็จะตกแต่งเธอด้วยไม้ซีดาร์

ผู้หญิง

10 ฉันเคยเป็นเหมือนกำแพงเมือง
    และอกของฉันเป็นเหมือนหอคอย
ฉันจึงอยู่ในสายตาของท่าน
    ประหนึ่งเป็นผู้นำความพอใจ[e]
11 ซาโลมอนมีสวนองุ่นที่บาอัลฮาโมน
    พวกชาวนาเช่าที่นาจากท่าน
ชาวนาแต่ละคนจะถวาย 1,000 เหรียญเงิน
    ที่ได้จากผลผลิต
12 สวนองุ่นของฉัน เป็นของฉันเองโดยแท้ เป็นสิทธิ์ของฉัน
    โอ ซาโลมอน 1,000 เหรียญเป็นของท่าน
    และ 200 เป็นของผู้ดูแลไร่นา[f]

ผู้ชาย

13 โอ เธอที่อยู่ในสวน
    พวกเพื่อนๆ กำลังฟังเสียงของเธออยู่
    ให้ฉันฟังเสียงเถิด

ผู้หญิง

14 รีบเร่งเถิด คนรักของฉัน
    ขอให้ว่องไวอย่างละองละมั่ง
หรือกวางหนุ่ม
    บนภูเขาเครื่องเทศ

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation