Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
อิสยาห์ 14-28

ความหวังสำหรับยาโคบ

14 พระผู้เป็นเจ้าจะเมตตายาโคบ และจะเลือกอิสราเอลอีกครั้ง และจะให้พวกเขาไปอยู่ในแผ่นดินของพวกเขาเอง และบรรดาชาวต่างชาติจะสมาคมกับพวกเขา และจะยึดแน่นกับพงศ์พันธุ์ยาโคบ บรรดาชนชาติจะพาพวกเขากลับไปยังถิ่นฐานของอิสราเอลเอง และพงศ์พันธุ์อิสราเอลจะยึดเขาเหล่านั้นเป็นกรรมสิทธิ์ โดยให้เป็นทาสรับใช้ชายหญิงในแผ่นดินของพระผู้เป็นเจ้า อิสราเอลจะจับตัวผู้ที่เคยจับพวกเขาไปเป็นเชลย และจะปกครองเหนือผู้ที่เคยบีบบังคับพวกเขา

ชาวอิสราเอลที่เหลือถากถางบาบิโลน

เมื่อพระผู้เป็นเจ้าได้ให้พวกท่านบรรเทาจากความเจ็บปวด ความยากลำบาก และการถูกเกณฑ์ทำงานหนัก พวกท่านจะถากถางกษัตริย์แห่งบาบิโลนว่า

“ผู้บีบบังคับได้หยุดชะงักแล้ว
    ความเดือดดาลของท่านหยุดชะงักอย่างไรหนอ
พระผู้เป็นเจ้าได้หักไม้เท้าของคนชั่วแล้ว
    คือคทาของบรรดาผู้ปกครอง
ที่ฆ่าบรรดาชนชาติด้วยความเกรี้ยวกราด
    อย่างไม่หยุดยั้ง
ที่ปกครองบรรดาประชาชาติในความโกรธ
    ด้วยการกดขี่ข่มเหงอย่างโหดเหี้ยม
ทั้งโลกอยู่ในความเงียบสงบ
    ผู้คนเบิกบานด้วยเสียงเพลง
ต้นสนโห่ร้องยินดี
    ต้นซีดาร์แห่งเลบานอนพูดว่า
‘ตั้งแต่ท่านถูกปราบ
    ก็ไม่มีคนตัดไม้ขึ้นมาโจมตีพวกเราอีก’
แดนคนตายเบื้องล่างตื่นเต้น
    ที่จะพบท่านเมื่อท่านไปถึง
มันกระตุ้นเหล่าวิญญาณที่จากไปให้มาต้อนรับท่าน
    วิญญาณของคนที่เคยเป็นหัวหน้าของแผ่นดินโลก
มันทำให้บรรดากษัตริย์ของประชาชาติทั้งปวงลุกขึ้นจากบัลลังก์
10 ทุกคนที่นั่นจะกล่าวกับท่านว่า
    ‘ท่านก็กลายเป็นผู้อ่อนแอเหมือนพวกเรา
    ท่านกลายมาเป็นเหมือนพวกเราแล้ว’
11 ความยโสของท่านถูกฉุดลงสู่แดนคนตาย
    พร้อมกับเสียงพิณสิบสายของท่าน
ตัวดักแด้ถูกปูเป็นฟูกให้แก่ท่าน
    และตัวหนอนก็จะเป็นผ้าห่มตัวท่าน
12 โอ ดาวแห่งแสงสว่าง บุตรแห่งอรุณรุ่ง
    ท่านหล่นลงมาจากสวรรค์อย่างไรหนอ
ท่านถูกตัดออกให้ตกลงสู่พื้นอย่างไรหนอ
    ท่านผู้ครั้งหนึ่งเคยปราบบรรดาประชาชาติ
13 ท่านคิดในใจว่า
    ‘เราจะขึ้นไปบนสวรรค์
เหนือดวงดาวของพระเจ้า
    เราจะตั้งบัลลังก์ของเราบนที่สูง
เราจะนั่งบนภูเขาแห่งเทพเจ้าทั้งหลาย
    ที่อยู่ไกลโพ้นเหนือสุด
14 เราจะขึ้นไปสูงกว่าหมู่เมฆ
    เราจะตั้งตนเทียบเท่าพระเจ้าผู้สูงสุด
15 แต่ท่านกลับถูกนำลงไปยังแดนคนตาย
    ยังส่วนลึกสุดของหลุมลึกแห่งแดนคนตาย
16 บรรดาผู้ที่เห็นท่านจะจ้องดูท่าน
    และครุ่นคิดถึงตัวท่านว่า
‘คนนี้น่ะหรือที่ทำให้โลกสั่นสะท้าน
    และทำให้อาณาจักรทั้งหลายสั่นสะเทือน
17 ทำให้โลกกลายเป็นถิ่นทุรกันดาร
    และทำเมืองให้พังพินาศ
    และไม่ปล่อยให้นักโทษกลับบ้าน’
18 กษัตริย์ทั้งปวงของบรรดาประชาชาติสิ้นชีวิตอย่างมีเกียรติ
    ต่างก็อยู่ในถ้ำฝังศพของตน
19 แต่ท่านถูกเหวี่ยงไกลออกไปจากหลุมศพของท่าน
    เหมือนกิ่งไม้ที่ถูกตัดทิ้งจากต้น
เป็นเหมือนเสื้อผ้าของคนที่ถูกดาบแทง
    เหมือนคนที่ลงไปในหลุมลึกที่สุด
    และเหมือนซากศพที่ถูกเหยียบย่ำ
20 ท่านจะไม่ถูกฝังด้วยกันกับกษัตริย์อื่นๆ
    เพราะท่านได้ทำให้แผ่นดินของท่านพินาศย่อยยับ
    ท่านฆ่าชนชาติของท่าน

ขออย่าให้มีผู้ใดเอ่ยถึงชื่อทายาท
    ของบรรดาผู้กระทำความชั่ว
21 จงเตรียมประหารบรรดาบุตรของเขา
    เพราะความผิดของบิดา
เพราะกลัวว่าพวกเขาจะลุกขึ้นและยึดครองแผ่นดิน
    และสร้างเมืองจนเต็มแผ่นดินโลก”

22 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนี้ “เราจะลุกขึ้นต่อสู้กับพวกเขา และบาบิโลนจะไม่มีทายาทหรือมีใครที่เหลืออยู่ ไม่มีบรรดาผู้สืบเชื้อสายและผู้สืบตระกูล” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 23 “และเราจะทำให้บาบิโลนเป็นที่อยู่ของพวกเม่นและเป็นหนองบึง และเราจะกวาดล้างบาบิโลนด้วยไม้กวาดแห่งความพินาศ” พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนั้น

คำพยากรณ์เกี่ยวกับอัสซีเรีย

24 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาปฏิญาณดังนี้

“เรามุ่งหมายอย่างไร
    มันก็จะเกิดขึ้นอย่างนั้น
และเราวางแผนอย่างไร
    มันก็จะเป็นไปตามนั้น
25 เราจะทำให้อัสซีเรียพินาศย่อยยับในแผ่นดินของเรา
    และเหยียบย่ำเขาบนภูเขาของเรา
และแอกของเขาจะหลุดออกจากชนชาติของเรา
    และจะปลดภาระออกจากบ่าของพวกเขา”

26 นี่คือแผนการที่ตั้งไว้สำหรับทั่วทั้งแผ่นดินโลก
    และนี่คือมือที่ยื่นออกไปยังประชาชาติทั้งปวง
27 ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาได้ตั้งจุดประสงค์ไว้
    ใครจะยับยั้งไว้ได้
มือของพระองค์ยื่นออกไป
    และใครจะดึงให้กลับมาได้

คำพยากรณ์เกี่ยวกับฟีลิสเตีย

28 ในปีที่กษัตริย์อาหัสสิ้นชีวิต[a]ก็เกิดคำพยากรณ์นี้

29 “โอ ฟีลิสเตียเอ๋ย พวกเจ้าทุกคนอย่ายินดีเลย
    ที่ไม้ตะบองซึ่งทุบตีเจ้าหักแล้ว
เพราะงูพิษตัวหนึ่งจะผุดขึ้นจากรากเหง้าของงู
    และผลของมันจะเป็นงูพิษร้ายซึ่งพุ่งฉกอย่างร้อนรน
30 และผู้อัตคัดขัดสนที่สุดจะมีอย่างอุดมสมบูรณ์
    และผู้ยากไร้จะนอนลงอย่างปลอดภัย
แต่เราจะฆ่ารากเหง้าของเจ้าด้วยความอดอยาก
    และมันจะสังหารคนที่เหลืออยู่

31 โอ ประตูเมืองเอ๋ย จงร้องรำพันเถิด โอ เมืองเอ๋ย จงร่ำร้องเถิด
    โอ ฟีลิสเตีย พวกเจ้าทุกคนจะหวาดกลัวจนตัวสั่น
เพราะกลุ่มควันจะพวยพุ่งมาจากทิศเหนือ
    และไม่มีผู้ใดในกองทัพที่แตกแถวออกไป”
32 แล้วจะตอบบรรดาผู้ส่งสาสน์ของประชาชาติอย่างไร
พระผู้เป็นเจ้าให้ความมั่นคงแก่ศิโยน
    และชนชาติของพระองค์ที่เป็นทุกข์จะพบที่พึ่ง ณ ที่นั้น”

คำพยากรณ์เกี่ยวกับโมอับ

15 คำพยากรณ์เกี่ยวกับโมอับ

เพราะเมืองอาร์แห่งโมอับถูกทำลายจนไม่เหลือแม้แต่ซากในคืนเดียว
    โมอับจึงพินาศ
เพราะเมืองคีร์แห่งโมอับถูกทำลายจนไม่เหลือแม้แต่ซากในคืนเดียว
    โมอับจึงพินาศ
ผู้คนจะขึ้นไปยังตำหนักและเมืองดีโบน
    ไปยังสถานบูชาบนภูเขาสูงเพื่อร้องอ้อนวอน
โมอับร้องรำพันถึงเมืองเนโบและเมืองเมเดบา
    ทุกคนโกนผมและหนวดเครา
พวกเขานุ่งห่มผ้ากระสอบ
    ทุกคนร้องรำพันและน้ำตาไหลพราก
    ที่ดาดฟ้าและที่ลานชุมนุม
เมืองเฮชโบนและเมืองเอเลอาเลห์ร่ำร้อง
    เสียงของพวกเขาเป็นที่ได้ยินไปถึงยาฮาส
ฉะนั้นพวกผู้ชายที่ถืออาวุธของโมอับร้องส่งเสียงดัง
    จิตใจของเขาหวาดหวั่น
“ใจของเราร่ำร้องเพื่อโมอับ
    ผู้ลี้ภัยของเมืองหลบหนีไปยังเมืองโศอาร์
    และเมืองเอกลัทเชลีชิยาห์
เพราะพวกเขาร้องรำพัน
    ขณะที่ขึ้นตามทางไปยังเมืองลูฮีท
ตามถนนที่ไปยังเมืองโฮโรนาอิม
    พวกเขาส่งเสียงร้องคร่ำครวญอย่างสิ้นหวัง
ธารน้ำที่นิมริมแห้งเหือด
    หญ้าเหี่ยวเฉา
พืชพรรณไม้ไม่งอก
    ไม่มีความเขียวชอุ่มเหลืออยู่เลย
ฉะนั้น ความอุดมสมบูรณ์ที่พวกเขาได้รับและสะสมมา
    พวกเขาก็ขนข้ามธารน้ำแห่งต้นหลิว
เพราะเสียงร้องได้กระจายออกไปทั่วแผ่นดินโมอับ
    เสียงร้องไห้ฟูมฟายไปถึงเมืองเอกลาอิม
    เสียงร้องไห้คร่ำครวญไปถึงเมืองเบเออร์เอลิม
เพราะธารน้ำของเมืองดีโบนเต็มด้วยเลือด
    เพราะเราจะเพิ่มความวิบัติให้แก่ดีโบน
คือให้สิงโตแก่พวกโมอับที่หลบหนีไป
    และแก่พวกที่ยังเหลืออยู่ในแผ่นดิน”
16 พวกท่านจงส่งลูกแกะ
    ให้แก่ผู้ปกครองแผ่นดิน
จากเมืองเส-ลา ไปตามทางถิ่นทุรกันดาร
    ไปยังภูเขาของธิดาแห่งศิโยน
ธิดาแห่งโมอับที่เขตลำน้ำแห่งอาร์โนน
    จะเป็นเหมือนนกที่กำลังบิน
    เหมือนนกแตกรัง

“โปรดให้คำแนะนำ
    ให้ความเป็นธรรม
ขอท่านเป็นร่มเงาดั่งยามราตรี
    ขณะที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงในยามเที่ยงวัน
เป็นที่พักพิงของบรรดาผู้ถูกขับไล่
    โปรดอย่าหักหลังผู้ลี้ภัย
ปล่อยให้ผู้ถูกขับไล่ของโมอับ
    ร่วมทางไปกับท่าน
และเป็นที่พักพิงให้พวกเขา
    พ้นจากผู้สังหาร”
เมื่อไม่มีผู้บีบบังคับอีกต่อไปแล้ว
    และความพินาศยุติลง
    และผู้ที่เหยียบย่ำสิ้นสูญไปจากแผ่นดินแล้ว
บัลลังก์ก็จะได้รับการสถาปนาด้วยความรักอันมั่นคง
    และจะนั่งในความภักดี
    ในกระโจมของดาวิด
ซึ่งเป็นผู้ตัดสินความและแสวงหาความเป็นธรรม
    และพร้อมจะปฏิบัติด้วยความชอบธรรม

พวกเราเคยได้ยินถึงความภูมิใจของโมอับคือ
    เขาภูมิใจเพียงใด
ความยโส ความภูมิใจ และการสบประมาทของเขา
    การคุยโวโอ้อวดของเขานั้นไม่เป็นความจริง
ฉะนั้น ให้โมอับร้องไห้ฟูมฟายเพื่อโมอับเอง
    ให้ทุกคนร้องไห้ฟูมฟาย
คร่ำครวญถึงขนมลูกเกด
    ของเมืองคีร์หะเรเซทเป็นที่สุด

เพราะไร่นาของเมืองเฮชโบน
    และเถาองุ่นของเมืองสิบมาห์แล้งนัก
บรรดาผู้ปกครองของบรรดาประชาชาติ
    ได้หักโค่นกิ่งซึ่งเคยยื่นไปจนถึงเมืองยาเซอร์
    และแผ่ออกไปถึงถิ่นทุรกันดาร
หน่อของมันแตกออกไปยังที่ต่างแดน
    และผ่านข้ามทะเลไป
“ฉะนั้น เราร้องไห้ด้วยการร้องของยาเซอร์
    เพื่อเถาองุ่นของสิบมาห์
โอ เมืองเฮชโบนและเมืองเอเลอาเลห์เอ๋ย
    น้ำตาของเราทำให้เจ้าเปียกชุ่ม
เพราะผลไม้หน้าร้อนและการเก็บเกี่ยวข้าวของเจ้า
    การโห่ร้องก็ได้หยุดลงแล้ว
10 ความยินดีและร่าเริงใจถูกพรากไปพร้อมกับไร่นาที่เคยอุดมสมบูรณ์
และไม่มีเสียงเพลงบรรเลงในสวนองุ่น
    ไม่มีเสียงไชโยโห่ร้อง
ไม่มีคนย่ำองุ่นที่เครื่องสกัดเหล้าองุ่น
    เราได้ทำให้เสียงร้องตะโกนยุติลง
11 ฉะนั้น ส่วนลึกในใจของเราร้องคร่ำครวญให้โมอับเหมือนพิณเล็ก
    และส่วนลึกสุดของเราก็กระทำเช่นเดียวกันต่อคีร์หะเรเซท
12 เมื่อโมอับจะมาปรากฏตัว
    เมื่อเขาเหนื่อยล้าที่สถานบูชาบนภูเขาสูง
เมื่อเขามายังพระตำหนักเพื่ออธิษฐาน
    เขาก็จะทำไม่ได้”

13 นี่เป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวถึงโมอับมานานแล้ว 14 แต่บัดนี้ พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวว่า “ในอีก 3 ปี ซึ่งเป็นเหมือนวันเวลาของข้าทาส บารมีของโมอับจะถูกดูหมิ่น แม้ว่าจะมีผู้คนจำนวนมากมาย บรรดาผู้ที่ยังเหลืออยู่จะมีเพียงไม่กี่คนคือน้อยเหลือเกิน”

คำพยากรณ์เกี่ยวกับเมืองดามัสกัส

17 คำพยากรณ์เกี่ยวกับเมืองดามัสกัส

“ดูเถิด ดามัสกัสจะไม่เป็นเมืองอีกต่อไป
    และจะกลายเป็นกองซากปรักหักพัง
เมืองต่างๆ ในอาโรเออร์ถูกทิ้งเป็นที่ร้าง
    และจะเป็นที่สำหรับฝูงสัตว์
    ซึ่งจะนอนลงที่นั่นอย่างไม่กลัวผู้ใด
เมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งของเอฟราอิมจะถูกทำลาย
    อาณาจักรในดามัสกัสก็เช่นกัน
และคนของอารัมที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่
    จะเป็นเหมือนบารมีของพงศ์พันธุ์อิสราเอล”
    พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนั้น

“และในเวลานั้น สง่าราศีของยาโคบจะจางลง
    และร่างที่สมบูรณ์จะซูบผอม
และจะเป็นเช่นเดียวกับผู้เกี่ยวข้าว เก็บเกี่ยวต้นข้าวที่ตั้งตรง
    แขนของเขาโอบเก็บฟ่อนข้าว
และเป็นเช่นเดียวกับการเก็บข้าว
    ที่ตกในนาที่หุบเขาเรฟาอิม
ผลที่ตกหล่นให้เก็บได้
    ก็จะเป็นเช่นเดียวกับการตีต้นมะกอกคือ
มะกอกสองหรือสามลูกเหลือติดอยู่บนกิ่งที่สูงสุด
    สี่หรือห้าลูกติดอยู่ตามกิ่งของต้นไม้”
    พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลประกาศดังนั้น

ในเวลานั้น มนุษย์จะวางใจในองค์ผู้สร้าง และจะมองดูองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล เขาจะไม่วางใจในแท่นบูชา ซึ่งเป็นผลงานจากฝีมือของเขา และเขาจะไม่มองดูสิ่งที่ทำขึ้นด้วยนิ้วมือของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นปวงเทวรูปอาเชราห์[b]หรือแท่นเผาเครื่องหอม

ในเวลานั้น เมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งจะเป็นเหมือนสถานที่ร้างในป่าสูงและบนยอดเขา ซึ่งพวกเขาทิ้งร้างไว้ก็เพราะพงศ์พันธุ์อิสราเอล ทุกแห่งจะเป็นที่รกร้าง

10 เพราะท่านได้ลืมพระเจ้าแห่งความรอดพ้น
    และไม่ได้จดจำศิลาอันเป็นที่พึ่งพิงของท่าน
ฉะนั้น ถึงแม้ว่าท่านปลูกต้นไม้พันธุ์ดี
    และปลูกเถาองุ่นที่มาจากต่างแดน
11 แม้ว่าท่านทำให้มันงอกในวันที่ท่านปลูก
    และทำให้มันออกดอกในเช้าของวันที่ท่านปลูก
เวลาเก็บเกี่ยวก็ยังจะบินหนีท่านไปได้
    ในวันแห่งความเศร้าและความเจ็บปวดที่รักษาไม่ได้

12 โอ เสียงกระหึ่มของประชาชาติจำนวนมาก
    พวกเขาดังกระหึ่มเหมือนเสียงทะเล
โอ เสียงอลหม่านของบรรดาชนชาติ
    พวกเขาส่งเสียงอลหม่านเหมือนเสียงกระแสน้ำแรงกล้า
13 บรรดาชนชาติฮือเหมือนเสียงกระแสน้ำแรงกล้า
    แต่พระองค์จะห้ามพวกเขา และพวกเขาจะหนีไปให้ไกล
ถูกไล่ไปเหมือนแกลบที่ต้องลมพายุบนเทือกเขา
    และฝุ่นที่ปลิวไปกับพายุ
14 ในเวลาเย็น ดูเถิด น่าตกใจกลัว
    ก่อนฟ้าจะสาง ไม่มีใครมีชีวิตเหลืออยู่เลย
นี่แหละเป็นส่วนของพวกที่ปล้นพวกเราจะได้รับ
    และเป็นฉลากของพวกที่ยึดสิ่งของไปจากพวกเรา

คำพยากรณ์เกี่ยวกับคูช

18 วิบัติจงเกิดแก่ดินแดนแห่งปีกกระพือ
    ที่อยู่โพ้นแม่น้ำแห่งคูช
ซึ่งส่งบรรดาทูตไปโดยทางทะเล
    แล่นเรือที่ทำจากต้นอ้อทางสายน้ำ
พวกผู้ส่งสาสน์ที่รวดเร็วเอ๋ย
    จงไปยังชนชาติที่มีร่างสูงและเกลี้ยงเกลา
ไปยังชนชาติที่น่ากลัวทั้งใกล้และไกล
    เป็นประชาชาติที่เก่งกล้าและมีชัย
    มีแผ่นดินที่มีแม่น้ำขวางกั้น

ทุกคนที่อยู่อาศัยในโลกเอ๋ย
    พวกท่านที่อยู่บนแผ่นดินโลก
เมื่อธงชัยถูกยกขึ้นบนเทือกเขา
    ก็จงมองดู
เมื่อมีเสียงแตรงอนเป่า
    ก็จงฟัง
เพราะพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้
    “เราจะมองดูจากที่พำนักของเราอย่างเงียบๆ
ในวันฟ้าใสที่แสงตะวันสาดส่อง
    ในวันที่เมฆเอื้อได้เพียงหยาดน้ำค้างในความร้อนของฤดูเก็บเกี่ยว”
เพราะก่อนฤดูเก็บเกี่ยว เมื่อดอกไม้ร่วงโรยแล้ว
    และกระเปาะก็กลายเป็นผลองุ่นสุก
หน่อที่งอกก็ถูกตัดด้วยมีด
    และกิ่งที่แผ่ออกก็ถูกลิดทิ้งไป
ทุกกิ่งก้านก็ถูกทิ้งให้แก่พวกนกเหยี่ยวที่เทือกเขา
    และให้แก่สัตว์ป่าบนแผ่นดินกิน
นกเหยี่ยวจะได้กินตลอดฤดูร้อน
    และสัตว์ป่าบนแผ่นดินจะได้กินตลอดฤดูหนาว

ในเวลานั้น เครื่องบรรณาการจะถูกนำมามอบแด่พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา

ซึ่งจะมาจากชนชาติที่มีร่างสูงและเกลี้ยงเกลา
    จากชนชาติที่น่ากลัวทั้งใกล้และไกล
เป็นประชาชาติที่เก่งกล้าและมีชัย
    มีแผ่นดินที่มีแม่น้ำขวางกั้น

ที่ภูเขาศิโยน ซึ่งเป็นสถานที่แห่งพระนามของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา

คำพยากรณ์เกี่ยวกับอียิปต์

19 คำพยากรณ์เกี่ยวกับอียิปต์

ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้ากำลังนั่งบนเมฆที่เคลื่อนอย่างรวดเร็ว
    และมายังอียิปต์
และรูปเคารพของอียิปต์จะสั่นสะท้าน ณ เบื้องหน้าพระองค์
    และชาวอียิปต์จะตกใจกลัว

“และเราจะทำให้ชาวอียิปต์เกิดโกลาหลกันเอง
    พวกเขาจะต่อสู้กัน
    และต่อสู้กับเพื่อนบ้าน
    เมืองต่อสู้กับเมือง
    อาณาจักรต่อสู้กับอาณาจักร
จิตวิญญาณของชาวอียิปต์จะเข็ดขยาด
    และเราจะทำให้แผนการของพวกเขาล้มเหลว
และพวกเขาจะหาคำปรึกษาจากรูปเคารพและบรรดาผู้ใช้เวทมนตร์
    คนทรงและพ่อมดหมอผี
และเราจะยกชาวอียิปต์
    ไว้ในมือของผู้ปกครองที่แข็งกร้าว
และกษัตริย์ที่ดุร้ายจะปกครองพวกเขา”
    พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนั้น

แม่น้ำจะแห้งลง
    และแม่น้ำไนล์จะแห้งเหือด
ลำคลองจะมีกลิ่นเหม็น
    ลำธารที่แยกจากแม่น้ำไนล์จะลดและแห้งลง
    ต้นอ้อและต้นกกจะเน่าไป
พืชพันธุ์ไม้ที่ลุ่มน้ำไนล์
    และที่ปากแม่น้ำ
และนาที่หว่านไว้ทุกแห่งในแถบแม่น้ำไนล์ก็แห้งเหือดลง
    และถูกลมพัดไป คือจะไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย
ชาวประมงจะร้องคร่ำครวญและเศร้าโศก
    คือทุกคนที่ตกเบ็ดในแม่น้ำไนล์
และผู้ที่ทอดแหในน้ำจะระทดท้อ
บรรดาคนทำป่านซึ่งหวีแล้วจะสิ้นหวัง
    และคนทอผ้าฝ้ายขาวก็เช่นกัน
10 บรรดาผู้เป็นหลักค้ำจุนจะถูกย่ำยี
    คนทำงานรับจ้างทุกคนจะเศร้าใจ

11 บรรดาขุนนางของเมืองโศอันโง่เขลาเป็นที่สุด
    บรรดาผู้ปรึกษาที่เรืองปัญญาที่สุดของฟาโรห์ให้คำปรึกษาอย่างโง่เขลา
พวกท่านบอกฟาโรห์ได้อย่างไรว่า
    “ข้าพเจ้าเป็นบุตรของผู้เรืองปัญญา
    บุตรของบรรดากษัตริย์โบราณ”
12 หากว่าเป็นเช่นนั้น คนเรืองปัญญาของท่านอยู่ที่ไหน
    ให้พวกเขาบอกท่านสิว่า
    พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธามีแผนการอะไรที่จะกล่าวโทษอียิปต์
13 บรรดาขุนนางของเมืองโศอันโง่เขลาเสียแล้ว
    และบรรดาขุนนางของเมืองเมมฟิสถูกหลอกลวง
บรรดาผู้ที่เป็นหัวหน้าประจำเผ่าทั้งหลาย
    ได้ทำให้อียิปต์หลงผิด
14 พระผู้เป็นเจ้าได้หลั่งวิญญาณแห่งความสับสนบนพวกเขา
พวกเขาจึงทำให้อียิปต์โซซัดโซเซในการกระทำทุกอย่าง
    ราวกับคนเมาที่โซซัดโซเซเหยียบอาเจียนของตน
15 และอียิปต์จะทำอะไรไม่ได้เลย
    ไม่ว่าจะเป็นหัวหรือหาง กิ่งอินทผลัมหรือไม้อ้อก็ตาม

อียิปต์ อัสซีเรีย อิสราเอลได้รับพระพร

16 ในวันนั้นบรรดาชาวอียิปต์จะเป็นเหมือนผู้หญิง ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวที่มือของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาสะบัดขึ้นกล่าวโทษพวกเขา 17 และแผ่นดินของยูดาห์จะทำให้ชาวอียิปต์หวาดกลัว ทุกคนที่ได้ยินก็จะกลัวเพราะแผนการที่พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาได้เตรียมเพื่อกล่าวโทษพวกเขา

18 ในวันนั้น จะมี 5 เมืองในแผ่นดินอียิปต์ที่พูดภาษาของคานาอัน และสาบานตนต่อพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา เมืองหนึ่งจะชื่อว่า เมืองแห่งความพินาศ

19 ในวันนั้น จะมีแท่นบูชาแด่พระผู้เป็นเจ้าในท่ามกลางแผ่นดินอียิปต์ และมีเสาอนุสรณ์แด่พระผู้เป็นเจ้าที่เขตแดน 20 ซึ่งจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นและสิ่งยืนยันแด่พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาในแผ่นดินอียิปต์ เมื่อพวกเขาร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้าเหตุเพราะผู้กดขี่ข่มเหง พระองค์จะส่งผู้ช่วยให้รอดและผู้ป้องกันให้แก่พวกเขา เพื่อช่วยพวกเขาให้รอดพ้น 21 พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้ชาวอียิปต์รู้จักพระองค์ ในวันนั้น ชาวอียิปต์จะรู้จักพระผู้เป็นเจ้า และนมัสการด้วยเครื่องสักการะและของถวาย พวกเขาจะให้คำสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า และปฏิบัติตามนั้นด้วย 22 พระผู้เป็นเจ้าจะลงโทษอียิปต์ มีทั้งการลงโทษและการรักษา และพวกเขาจะหันเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะฟังคำอ้อนวอนขอความเมตตา และจะรักษาพวกเขา

23 ในวันนั้น จะมีถนนระหว่างอียิปต์และอัสซีเรีย อัสซีเรียจะมายังอียิปต์ และอียิปต์มายังอัสซีเรีย และชาวอียิปต์จะนมัสการกับชาวอัสซีเรีย

24 ในวันนั้น อิสราเอลจะเป็นพันธมิตรกับอียิปต์และอัสซีเรีย เป็นพระพรในท่ามกลางแผ่นดินโลก 25 ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาได้กล่าวคำอวยพรดังนี้ “อียิปต์ชนชาติของเรา อัสซีเรียเป็นผลงานของเรา และอิสราเอลผู้สืบมรดกของเรา จงเป็นสุขเถิด”

เผยความกล่าวโทษอียิปต์และคูช

20 ในปีที่ซาร์กอนกษัตริย์แห่งอัสซีเรียส่งแม่ทัพใหญ่ไปยังเมืองอัชโดด[c] เขาต่อสู้และยึดเมืองได้ ในเวลานั้น พระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านอิสยาห์บุตรอามอสดังนี้ “เจ้าจงไปและปลดผ้ากระสอบจากเอว และถอดรองเท้าของเจ้าออก” ท่านก็ทำตามคือ เดินเปลือยกายและเท้าเปล่า

และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “อย่างที่อิสยาห์ผู้รับใช้ของเราได้เดินเปลือยกายและเท้าเปล่าเป็นเวลา 3 ปี เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นและเป็นคำบอกถึงเรื่องร้ายที่จะเกิดแก่อียิปต์และคูช กษัตริย์แห่งอัสซีเรียก็จะนำเชลยชาวอียิปต์และพวกลี้ภัยชาวคูช ทั้งหนุ่มสาวและคนชรา เปลือยกายและเท้าเปล่า เปิดตะโพก นี่คือความเปลือยของอียิปต์ บรรดาพวกที่มีความหวังในคูชและโอ้อวดถึงอียิปต์ จะหวั่นกลัวและอับอาย ในวันนั้น บรรดาผู้อยู่อาศัยที่แถบชายฝั่งทะเลจะพูดว่า ‘พวกเรามีความหวังในพวกเขา และเราหลบหนีไปขอความช่วยเหลือ เพื่อให้พ้นจากกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย ดูสิ พวกเราจะหนีรอดได้อย่างไร’”

บาบิโลนถล่มลง

21 คำพยากรณ์เกี่ยวกับถิ่นทุรกันดารของทะเล

สิ่งที่มาจากถิ่นทุรกันดาร
    เป็นเช่นเดียวกับพายุหมุนที่พัดในเนเกบ
    พัดมาจากดินแดนที่น่าสะพรึงกลัว
ภาพนิมิตที่ข้าพเจ้าทราบมานั้นรุนแรงยิ่งนัก
    “ผู้ทรยศก็หักหลัง
    และผู้ทำลายก็ทำให้พินาศ
โอ เอลามเอ๋ย จงขึ้นไปเถิด
    โอ มีเดียเอ๋ย จงใช้กำลังล้อม
เมืองนั้นได้ก่อให้เกิดเสียงอ่อนระอาใจ
    เราก็ทำให้สิ้นสุดลง”
ข้าพเจ้าเจ็บปวดและเสียววาบทั่วทั้งกาย
    เป็นความเจ็บปวดรวดร้าวปานประหนึ่งหญิงเจ็บครรภ์
สิ่งที่ข้าพเจ้าได้ยินทำให้ข้าพเจ้าหมดแรง
    สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นทำให้ข้าพเจ้าสับสน
ข้าพเจ้าขาดความมั่นใจ
    และตัวสั่นด้วยความกลัว
ยามสนธยาที่ข้าพเจ้ารอคอยกลาย
    เป็นความหวาดหวั่นแก่ข้าพเจ้า
พวกเขาตั้งสำรับ ปูเสื่อ
    พวกเขาดื่มกิน
โอ ผู้นำทั้งหลาย
    ขัดโล่ด้วยน้ำมันเถิด

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้

คือ “จงตั้งทหารยาม
    ให้เขาแจ้งว่าเขาเห็นอะไร
เมื่อเขาเห็นพวกรถศึก ทหารม้ามาเป็นคู่ๆ
    มีคนขี่ลาและขี่อูฐมา
ให้เขาตั้งใจฟัง
    จงฟังให้ดี”

ทหารยามเห็นแล้วก็ส่งเสียงร้องว่า

“โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ายืนอยู่ที่หอคอยตลอดวัน
    และข้าพเจ้าประจำอยู่ที่ป้อมยามตลอดคืน
ดูเถิด บรรดาคนขี่มาแล้ว
    ทหารม้ามาเป็นคู่ๆ”
มีเสียงตอบว่า
    “บาบิโลน ถล่มลงแล้ว ถล่มลงแล้ว
และรูปเคารพทั้งปวงซึ่งเป็นเทพเจ้าของเมือง
    แตกกระจายลงบนพื้น”
10 โอ คนที่ถูกนวดและฝัดร่อนของข้าพเจ้าเอ๋ย
    ข้าพเจ้าประกาศสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ยิน
จากพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
    พระเจ้าของอิสราเอลแก่พวกท่าน

11 คำพยากรณ์เกี่ยวกับดูมาห์

ผู้หนึ่งกำลังร้องเรียกจากเสอีร์ถึงข้าพเจ้าว่า
    “คนยาม ดึกแค่ไหนแล้ว
    คนยามเอ๋ย ดึกแค่ไหนแล้ว”
12 คนยามพูดว่า
“จะถึงเช้าแล้ว แต่ก็จะค่ำลงอีก
    ถ้าท่านจะถาม ก็ถามเถิด
    และจงกลับมาอีก”

13 คำพยากรณ์เกี่ยวกับอาระเบีย

โอ กองคาราวานชาวเดดานเอ๋ย
    พวกท่านจะพักแรมที่ดงไม้ในถิ่นทุรกันดาร
14     นำน้ำมาให้คนกระหายน้ำ
บรรดาผู้อยู่อาศัยของดินแดนเท-มา
    นำอาหารมาให้แก่ผู้ลี้ภัย
15 เพราะพวกเขาได้หลบหนีจากคมดาบ
    จากดาบที่ชักออกและพร้อมจะฟาดฟัน
จากธนูที่โก่ง
    และจากความกดดันของการต่อสู้

16 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “ภายใน 1 ปี ตามที่ผู้รับจ้างจะนับเวลา บารมีทั้งสิ้นของเคดาร์จะหมดลง 17 บรรดานายธนูผู้กล้าหาญของพงศ์พันธุ์เคดาร์ที่รอดชีวิตจะมีเพียงไม่กี่คน เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลได้กล่าวดังนั้น”

คำพยากรณ์เกี่ยวกับเยรูซาเล็ม

22 คำพยากรณ์เกี่ยวกับหุบเขาแห่งภาพนิมิต

พวกท่านเป็นอะไรไปแล้ว
    ทุกคนในหมู่ท่านจึงขึ้นไปบนหลังคา
เมืองที่เอะอะวุ่นวาย
    เมืองใหญ่ที่ชุลมุนและเฮฮากันอย่างรื่นเริง
คนที่ถูกฆ่าไม่ได้ตายด้วยคมดาบ
    หรือตายในสงคราม
ผู้นำของท่านทุกคนได้หลบหนีไปด้วยกัน
    พวกเขาถูกจับโดยที่ไม่ต้องใช้คันธนู
ท่านทุกคนที่ถูกจับก็ไปเป็นนักโทษด้วยกันหมด
    แม้ว่าจะพยายามหนีไปได้ไกลก็ตาม
ฉะนั้น ข้าพเจ้าพูดว่า “อย่ามองข้าพเจ้า
    ปล่อยให้ข้าพเจ้าร้องคร่ำครวญอย่างขมขื่น
ไม่ต้องพยายามแสดงความเสียใจต่อข้าพเจ้า
    เรื่องความพินาศของบุตรหญิงของชนชาติของข้าพเจ้า”

เพราะพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่ได้เลือกวันแห่งความชุลมุน
    การเหยียบย่ำ และความสับสน
    ในหุบเขาแห่งภาพนิมิต
การทลายกำแพงเมือง
    และเสียงร้องตะโกนก้องเทือกเขา
เอลามสะพายแล่งธนู
    มีรถศึกและสารถี
    และคีร์ถือโล่
หุบเขาที่ดีที่สุดของท่านพรั่งพร้อมไปด้วยรถศึก
    และเหล่าทหารม้ายืนหยัดอยู่ที่ประตูเมือง
เครื่องป้องกันของยูดาห์ถูกยึดไป

ในวันนั้น พวกท่านมองหาอาวุธในตำหนักวนาลัย และท่านเห็นว่ามีช่องโหว่หลายแห่งในเมืองของดาวิด ท่านกักเก็บน้ำในสระล่าง 10 และท่านนับจำนวนบ้านของเยรูซาเล็ม และรื้อบ้านเพื่อนำมาสร้างกำแพงให้แข็งแรงขึ้น 11 ท่านสร้างอ่างเก็บน้ำระหว่างกำแพงสองด้าน เพื่อเก็บน้ำในสระเก่า แต่ท่านไม่ได้คิดจะคำนึงถึงพระองค์ผู้สร้างสิ่งเหล่านี้ และไม่ได้ใส่ใจในพระองค์ผู้วางแผนนี้เมื่อนานมาแล้ว

12 ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่
    ให้ท่านร้องคร่ำครวญและร้องรำพัน
    ให้โกนศีรษะและสวมผ้ากระสอบ
13 และดูเถิด กลับมีความยินดีและรื่นเริง
    มีการฆ่าโคและฆ่าแกะ
    กินเนื้อสัตว์และดื่มเหล้าองุ่น โดยพูดกันว่า
“เรามาดื่มกินกันเถิด เพราะว่า
    พรุ่งนี้เราก็จะตายแล้ว”[d]

14 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาได้เผยให้ข้าพเจ้าทราบโดยกล่าวดังนี้

“พวกเจ้าจะไม่ได้รับการชดใช้สำหรับบาปนี้อย่างแน่นอนจนกว่าเจ้าจะตาย”
    พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนั้น

15 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “มาเถิด เจ้าจงไปหาเชบนาผู้รับใช้คนนี้ ซึ่งเป็นคนดูแลวัง และพูดกับเขาว่า 16 เจ้ามาทำอะไรที่นี่ เจ้ามีใครในที่นี้หรือ เจ้าจึงได้เจาะถ้ำนี้ให้ตัวเจ้าเอง เจ้าเป็นคนเจาะถ้ำบนภูเขาสูง และสกัดหินให้ตัวเองอยู่ 17 ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าจะเหวี่ยงเจ้าออกไปอย่างแรง โอ เจ้าคนแข็งแรง พระองค์จะจับเจ้าไว้ให้แน่น 18 และหมุนตัวเจ้าไปรอบๆ และขว้างเจ้าเหมือนลูกบอลไปในดินแดนอันกว้างใหญ่ และเจ้าจะตายที่นั่น และรถศึกที่ลือเลื่องของเจ้าจะยังอยู่ เจ้าเป็นที่น่าอับอายของเจ้านายเจ้า 19 เราจะไล่เจ้าออกไปจากการงานของเจ้า และเจ้าจะถูกปลดจากตำแหน่ง 20 ในวันนั้น เราจะเรียกเอลียาคิมบุตรฮิลคียาห์[e] ซึ่งเป็นผู้รับใช้ของเรา 21 และเราจะสวมเสื้อคลุมที่เป็นของเจ้าให้แก่เขา และเราจะกระชับเอวของเขาด้วยผ้าคาดเอวที่เป็นของเจ้า และจะมอบอำนาจไว้ในมือของเขา และเขาจะเป็นประหนึ่งบิดาแก่ผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็มและพงศ์พันธุ์ยูดาห์ 22 เราจะมอบกุญแจของพงศ์พันธุ์ของดาวิดให้เขารับผิดชอบ เขาจะเปิด และไม่มีใครจะปิดได้ เขาจะปิด และไม่มีใครจะเปิดได้ 23 เราจะทำให้เขาเป็นหลักอันมั่นคงในที่ปลอดภัย เขาจะเป็นบัลลังก์อันมีเกียรติแก่ตระกูลของเขา 24 เขาจะแบกภาระทั้งปวงที่เป็นของตระกูลของเขาคือ ไม่ว่าจะเป็นผู้สืบตระกูล ผู้สืบเชื้อสาย หรือภาชนะขนาดย่อม นับตั้งแต่ถ้วยชามไปจนถึงเหยือกทุกใบ 25 ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศว่า หมุดที่ถูกตอกในที่ปลอดภัยจะถูกถอน หักและโยนทิ้ง และภาระที่แบกรับไว้ก็จะล้มลงบนพื้น” เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวดังนั้น

คำพยากรณ์เกี่ยวกับเมืองไทระและไซดอน

23 คำพยากรณ์เกี่ยวกับเมืองไทระ

โอ เรือแห่งเมืองทาร์ชิชเอ๋ย เจ้าร้องไห้ฟูมฟายเถิด
    เพราะเมืองไทระพังทลายสิ้นแล้ว
    ปราศจากบ้านเรือนและท่าเรือ
สิ่งดังกล่าวถูกเผยให้ทราบจากไซปรัส
จงหยุดนิ่งเถิด โอ ชาวเมืองที่อาศัยอยู่ใกล้ทะเลเอ๋ย
    พ่อค้าของเมืองไซดอนที่เดินเรือทะเลได้ทำให้ท่านมีอย่างบริบูรณ์
รายได้จากการเดินเรือของท่าน
    ซึ่งมาจากเมล็ดข้าวของชิโหร์
เป็นผลเก็บเกี่ยวที่ได้จากแม่น้ำไนล์
    ท่านเป็นพ่อค้าของบรรดาประชาชาติ
โอ ไซดอนเอ๋ย จงอับอายเถิด เพราะทะเลได้พูดแล้ว
    หลักอันแข็งแกร่งแห่งทะเลพูดว่า
“เราไม่ได้เจ็บครรภ์หรือให้กำเนิด
    เราไม่ได้อุ้มชูชายหนุ่ม
    หรือเลี้ยงดูหญิงสาว”
เมื่ออียิปต์ทราบข่าวเกี่ยวกับไทระ
    พวกเขาจะเจ็บปวดที่ได้ยินรายงาน
เรือทั้งหลายควรจะแล่นกลับไปยังทาร์ชิช
    โอ ชาวเมืองที่อาศัยอยู่ใกล้ทะเลเอ๋ย จงร้องไห้ฟูมฟายเถิด
นี่คือเมืองรื่นเริงของท่านหรือ
    เมืองที่ก่อตั้งมานานแล้ว
และชาวเมืองได้ไปตั้งหลักแหล่ง
    ที่แดนไกลหรือ
ใครวางแผนการกล่าวโทษเมืองไทระ
    ซึ่งเป็นผู้แจกมงกุฎ
มีพวกพ่อค้าระหว่างชาติที่เป็นผู้นำ
    มีพวกพ่อค้าภายในอาณาจักรผู้มีเกียรติในแผ่นดิน
พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาได้วางแผนการนี้
    เพื่อทำให้ความภูมิใจในความสูงศักดิ์ลดลง
    เพื่อหลู่เกียรติแห่งความมีเกียรติทั้งหลายของแผ่นดินโลก
10 โอ ธิดาแห่งทาร์ชิชเอ๋ย
    จงข้ามแผ่นดินของท่านไปอย่างข้ามแม่น้ำไนล์
    ไม่มีการยับยั้งอีกต่อไปแล้ว
11 พระองค์ยื่นมือของพระองค์ไปที่ทะเล
    พระองค์ทำให้อาณาจักรสั่นไหว
พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาเกี่ยวกับคานาอันว่า
    พระองค์จะทำให้หลักอันแข็งแกร่งพินาศไป
12 และพระองค์กล่าวดังนี้ว่า
“เจ้าจะไม่รื่นเริงอีกต่อไป
    โอ ธิดาพรหมจารีผู้ถูกบีบบังคับแห่งไซดอน
จงลุกขึ้น จงข้ามทะเลไปยังไซปรัส
    แม้แต่ที่นั่นเจ้าก็จะไม่ได้หยุดพัก”

13 จงดูแผ่นดินของชาวเคลเดีย ไม่มีคนพวกนี้อยู่อีกแล้ว ชาวอัสซีเรียได้ทำให้ที่ของพวกเขาเป็นที่อยู่ของสัตว์ในทะเลทราย พวกเขาก่อเชิงเทินให้สูงขึ้น และริบวังจนเกลี้ยง พวกเขาทำให้เมืองเป็นซากปรักหักพัง

14 โอ เรือแห่งทาร์ชิชเอ๋ย จงร้องไห้ฟูมฟายเถิด
    เพราะหลักอันแข็งแกร่งของท่านพินาศแล้ว

15 ในวันนั้น คนจะลืมไทระไปนานถึง 70 ปี คือนานเท่าช่วงชีวิตของกษัตริย์ท่านหนึ่ง หลังจาก 70 ปีแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับไทระก็เหมือนกับเพลงของหญิงแพศยาคือ

16 “โอ หญิงแพศยาที่คนลืม
    จงหยิบพิณเล็กไป เดินผ่านเข้าไปในเมือง
เล่นเพลงให้ไพเราะ ร้องเพลงของเจ้ามากๆ
    เพื่อคนจะนึกถึงเจ้าบ้าง”

17 หลังจาก 70 ปี พระผู้เป็นเจ้าจะมาหาเพื่อพิจารณาเมืองไทระ และเมืองนั้นจะกลับไปรับจ้างเช่นหญิงแพศยาอีก และจะร่านหาบรรดาอาณาจักรในโลกบนแผ่นดิน 18 ผลกำไรและรายได้ของหญิงแพศยาจะถูกมอบแด่พระผู้เป็นเจ้า และจะไม่ถูกสะสมหรือกักตุนไว้ แต่สินค้าของเมืองจะเป็นเสบียงอาหารอันอุดม และเป็นเสื้อผ้าชั้นดีสำหรับบรรดาผู้ที่รับใช้ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า

ตัดสินโทษทั่วแผ่นดินโลก

24 ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าจะกำจัดทุกสิ่งบนโลก
    และทำให้เป็นที่ร้าง
พระองค์จะแปรเปลี่ยนผิวโลก
    และทำให้ผู้อยู่อาศัยกระจัดกระจายไป
และเหตุการณ์จะเกิดกับปุโรหิต
    แบบเดียวกับที่จะเกิดกับประชาชน
จะเกิดกับทาสรับใช้
    แบบเดียวกับที่จะเกิดกับเจ้านาย
จะเกิดกับผู้ซื้อ
    แบบเดียวกับที่จะเกิดกับผู้ขาย
จะเกิดกับผู้ให้ยืม
    แบบเดียวกับที่จะเกิดกับผู้ขอยืม
จะเกิดกับเจ้าหนี้
    แบบเดียวกับที่จะเกิดกับลูกหนี้
แผ่นดินโลกจะร้างและทุกสิ่งจะถูกยึด
    เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวเช่นนั้น

แผ่นดินโลกแห้งเหือดและอ่อนระอา
    โลกจะเศร้าสลดและอ่อนระอา
    ผู้คนในระดับสูงเศร้าสลด
แผ่นดินโลกขาดความบริสุทธิ์
    ก็เพราะผู้ที่อยู่อาศัยในนั้น
พวกเขาละเมิดกฎบัญญัติ
    ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์
    และไม่รักษาพันธสัญญาอันเป็นนิรันดร์
ฉะนั้น คำสาปแช่งกลืนกินแผ่นดินโลก
    และบรรดาผู้อยู่อาศัยในโลกรับทุกข์ทรมานตามความผิดของเขา
ฉะนั้นบรรดาผู้อยู่อาศัยในโลกถูกเผาผลาญ
    และเหลือคนรอดชีวิตน้อยมาก
เหล้าองุ่นแห้งเหือด
    เถาองุ่นแห้งเหี่ยว
    ทุกคนที่จิตใจร่าเริงกลับโอดครวญ
เสียงเบิกบานใจของรำมะนาชะงักลง
    เสียงสนุกสนานก็หยุดลง
    เสียงเบิกบานใจของพิณเล็กก็เงียบไป
ไม่มีผู้ใดดื่มเหล้าองุ่นพร้อมกับการขับร้อง
    สุรามีรสขมสำหรับผู้ที่ดื่ม
10 เมืองที่ร้างพังทลายสิ้น
    บ้านทุกหลังปิดตาย ไม่มีใครเข้าไปได้
11 มีเสียงร้องขอเหล้าองุ่นที่ถนน
    ความยินดีทั้งหลายก็กลับกลายเป็นความมืดมน
    ความร่าเริงใจบนแผ่นดินโลกถูกกำจัดจนหมดสิ้น
12 ในเมืองมีแต่ความรกร้าง
    ประตูเมืองถูกพังยับเยิน
13 ในท่ามกลางแผ่นดินโลก
    และบรรดาชนชาติจะเป็นไปอย่างนั้น
ซึ่งจะเป็นเช่นเดียวกับการตีต้นมะกอก
    เช่นเดียวกับการเก็บผลองุ่นที่ตกหล่นหลังการเก็บเกี่ยว

14 ผู้คนส่งเสียงร้องเพลงเมื่อร่าเริงใจ
    เสียงโห่ร้องมาจากทิศตะวันตกก็เพราะความยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า
15 ฉะนั้น พวกที่อยู่ทางทิศตะวันออกเอ๋ย จงถวายเกียรติแด่พระผู้เป็นเจ้า
    พวกที่อยู่ตามฝั่งทะเลเอ๋ย จงถวายเกียรติแด่พระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลเถิด
16 พวกเราได้ยินเสียงจากทั่วทุกมุมโลก เป็นเสียงเพลงสรรเสริญ
    แห่งการถวายเกียรติแด่องค์ผู้มีความชอบธรรม
แต่ข้าพเจ้าพูดว่า “ข้าพเจ้าแย่แน่
    ข้าพเจ้าแย่แน่ วิบัติจงเกิดแก่ข้าพเจ้า
เพราะบรรดาผู้ทรยศได้หักหลัง
    ผู้ทรยศได้หักหลังจริงทีเดียว”

17 โอ ผู้อยู่อาศัยของแผ่นดินโลกเอ๋ย
    ความน่ากลัว หลุมพราง และกับดักตกอยู่กับท่าน
18 คนที่หนีเมื่อได้ยินเสียงน่ากลัว
    จะตกลงในหลุมพราง
และคนที่ปีนออกจากหลุมพราง
    ก็จะติดกับดัก
เพราะหน้าต่างฟ้าสวรรค์เปิดออก
    และฐานรากของแผ่นดินโลกสั่นสะเทือน
19 แผ่นดินโลกพังทลายราบ
    แผ่นดินโลกถูกแยกออก
    แผ่นดินโลกถูกเขย่าอย่างแรง
20 แผ่นดินโลกเซไปมาเหมือนคนเมาเหล้า
    มันโอนเอนเหมือนกระท่อม
บาปของโลกหนักหน่วงบนโลก
    และโลกก็ล้มลงและจะไม่ลุกขึ้นอีก

21 ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะลงโทษ
    ชาวสวรรค์ในสวรรค์
    และบรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลกบนโลก
22 เขาทั้งหลายจะถูกรวมเข้าด้วยกัน
    เหมือนนักโทษในหลุมลึก
พวกเขาจะถูกกักไว้ในคุกใต้ดิน
    และหลายวันหลังจากนั้นพวกเขาจะถูกพิพากษาลงโทษ
23 ดวงจันทร์จะงวยงง
    และดวงอาทิตย์จะอับอาย
เพราะพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาจะครองราชย์
    บนภูเขาศิโยนและในเยรูซาเล็ม
    และพระบารมีของพระองค์จะปรากฏต่อหน้าบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่

คำสรรเสริญแด่พระเจ้า

25 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระนามของพระองค์
เพราะพระองค์ได้กระทำสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ
    ซึ่งเป็นแผนที่วางไว้นานมาแล้ว
    ด้วยความสัตย์จริงและแน่นอน
เพราะพระองค์ได้ทำให้เมืองพังลงเป็นกองพะเนิน
    ทำให้เมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งกลายเป็นกองซากปรักหักพัง
ป้อมปราการของพวกชาวต่างชาติจะไม่เป็นเมืองอีกต่อไป
    และจะไม่มีวันสร้างมันขึ้นใหม่อีก
ฉะนั้น ชนชาติที่เข้มแข็งจะสรรเสริญพระองค์
    เมืองต่างๆ ของบรรดาประชาชาติที่โหดเหี้ยมจะเกรงกลัวพระองค์
เพราะพระองค์เป็นหลักยึดอันมั่นคงให้แก่คนยากจน
    เป็นหลักยึดอันมั่นคงแก่ผู้ยากไร้ที่มีทุกข์
เป็นที่กำบังจากพายุ
    และร่มเงาจากความร้อน
เพราะลมหายใจของคนโหดร้าย
    เป็นเหมือนพายุพัดเข้าหากำแพง
พระองค์ทำให้เสียงวุ่นวายของชาวต่างชาติเงียบสงบลง
    ดั่งความร้อนในที่แห้ง
ความร้อนที่ถูกเงาเมฆบังเช่นไร
    เพลงของคนโหดร้ายก็ถูกทำให้เงียบลงเช่นนั้น

บนภูเขานี้ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
    จะเตรียมงานเลี้ยงฉลองให้แก่ชนชาติทั้งปวงอย่างโอ่อ่า
ด้วยอาหารชั้นดี เหล้าองุ่นดีที่สุด
    เนื้อสัตว์มีไขกระดูก เหล้าองุ่นกรองชั้นเยี่ยม
บนภูเขานี้ พระองค์จะกำจัด
    ผ้าที่คลุมชนชาติทั้งปวง
ผืนผ้าที่ปกคลุมประชาชาติทั้งปวง
    พระองค์จะกำจัดความตายให้สิ้นไปตลอดกาล[f]
และพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่จะเช็ดน้ำตาจากทุกใบหน้า
    และพระองค์จะกำจัดความอัปยศอดสูของชนชาติของพระองค์ให้สิ้นไปจากแผ่นดินโลก
เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวดังนั้น

ในวันนั้น จะมีคนพูดกันว่า

“ดูเถิด นี่คือพระเจ้าของเรา
    พวกเราได้รอคอยพระองค์ เพื่อพระองค์จะช่วยพวกเราให้รอดพ้นได้
นี่คือพระผู้เป็นเจ้า พวกเราได้รอคอยพระองค์
    ให้พวกเราดีใจและยินดีที่พระองค์ช่วยให้รอดพ้น”
10 เพราะมือของพระผู้เป็นเจ้าจะสถิตบนภูเขานี้
    และโมอับจะถูกเหยียบย่ำในที่ของเขา
    เหมือนฟางที่ถูกเหยียบย่ำลงในหลุมมูลสัตว์
11 และเขาจะกางมือทั้งสองของเขาในหลุมนั้น
    เหมือนนักว่ายน้ำกางแขนออกว่าย
แต่พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้ความเหิมเกริมของโมอับลดลง
    ทั้งๆ ที่มือของเขาช่ำชอง
12 พระองค์จะทำให้กำแพงที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งของเจ้าพังลง
    ทำให้ลดต่ำลงและถูกเหวี่ยงลงบนพื้น
    ถึงธุลีดิน

เพลงสรรเสริญ

26 ในวันนั้น จะมีคนร้องเพลงนี้ในแผ่นดินของยูดาห์

“พวกเรามีเมืองที่แข็งแกร่ง
    พระองค์โปรดให้พวกเรามีความรอดพ้น
    ซึ่งเป็นดั่งกำแพงและที่คุ้มกัน
เปิดประตูกำแพงเถิด
    เพื่อประชาชาติที่มีความชอบธรรม
    และรักษาความเชื่อจะเข้าไปได้
พระองค์ให้เขามีสันติสุขแท้
    จิตใจของเขาอยู่กับพระองค์
    เพราะเขาไว้วางใจในพระองค์
จงไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้าตลอดกาล
    เพราะพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าคือศิลาอันเป็นนิรันดร์
เพราะพระองค์ทำให้บรรดาผู้อยู่อาศัยเบื้องสูงถ่อมลง
    เมืองที่สูงตระหง่าน
พระองค์ทำให้เมืองนั้นตกต่ำลงถึงพื้น
    เหวี่ยงมันลงบนธุลีดิน
และเท้าก็เหยียบย่ำมัน
    เท้าของผู้ถูกบีบบังคับ
    ย่างก้าวของผู้ยากไร้”

หนทางของผู้มีความชอบธรรมจะราบเรียบ
    พระองค์ทำให้ทางของผู้มีความชอบธรรมราบรื่น
โอ พระผู้เป็นเจ้า พวกเรารอคอยพระองค์
    ในทางของความเป็นธรรม
จิตวิญญาณของพวกเราปรารถนาในพระนามของพระองค์
    และระลึกถึงพระองค์
จิตวิญญาณของข้าพเจ้าใฝ่ฝันถึงพระองค์ในยามค่ำ
    วิญญาณของข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์ด้วยใจจดจ่อ
เมื่อมีความเป็นธรรมของพระองค์บนแผ่นดินโลก
    บรรดาผู้อยู่อาศัยของโลกก็เรียนรู้ถึงความชอบธรรม
10 ถ้าคนชั่วร้ายได้รับความเมตตา
    เขาจะไม่เรียนรู้ถึงความชอบธรรม
เขากระทำความชั่วในดินแดนของความชอบธรรม
    และไม่เห็นความยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า
11 โอ พระผู้เป็นเจ้า มือของพระองค์ยกขึ้น
    แต่พวกเขามองไม่เห็น
ขอให้พวกเขาเห็นความรักอันแรงกล้าของพระองค์ที่มีต่อชนชาติของพระองค์
    ให้เขาได้รับความอับอาย
    ให้ไฟที่มีไว้สำหรับพวกศัตรูของพระองค์เผาผลาญพวกเขาเถิด
12 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะสร้างสันติสุขให้แก่พวกเรา
    เพราะทุกสิ่งที่พวกเรากระทำสำเร็จนั้น
    พระองค์กระทำเพื่อพวกเรา
13 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเรา
    นอกจากพระองค์แล้ว แม้เราจะตกเป็นผู้รับใช้เจ้านายอื่น
    แต่พระนามของพระองค์เท่านั้นที่เราระลึกถึง
14 พวกที่ตายแล้วจะไม่ฟื้นคืนชีวิต
    วิญญาณที่ออกจากร่างแล้วจะไม่ทำให้ลุกขึ้นได้อีก
พระองค์ลงโทษพวกเขาและทำให้พินาศ
    แล้วพระองค์ลบความทรงจำที่มีต่อพวกเขาจนหมด
15 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้ขยายประชาชาติให้ยิ่งใหญ่
    พระองค์ได้ขยายประชาชาติให้ยิ่งใหญ่
พระองค์ได้รับพระเกียรติ
    พระองค์ได้ทำให้อาณาเขตของดินแดนนั้นกว้างใหญ่ขึ้น

16 โอ พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาแสวงหาพระองค์ในยามทุกข์เข็ญ
    เมื่อพระองค์ทำโทษพวกเขา
    พวกเขาก็อธิษฐานอย่างแผ่วเบา
17 ดั่งหญิงมีครรภ์
    ที่บิดตัวร้องด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
    เมื่อนางใกล้จะคลอดเช่นไร
พวกเราก็เป็นเช่นนั้น ณ เบื้องหน้าพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า
18     พวกเรามีครรภ์ พวกเราบิดตัวด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
    แต่พวกเราคลอดลมออกมา
พวกเราไม่อาจให้ความรอดแก่แผ่นดินโลก
    และไม่ได้ให้กำเนิดแก่บรรดาผู้อยู่อาศัยในโลก
19 คนตายของท่านจะฟื้นคืนชีวิต
    ร่างของพวกเขาจะลุกขึ้น
พวกท่านที่อยู่ในผงธุลีเอ๋ย
    จงตื่นและร้องเพลงด้วยความยินดี
เพราะหยดน้ำค้างของท่านเป็นน้ำค้างแห่งแสงสว่าง
    และแผ่นดินโลกจะปล่อยคนตายให้ออกมา

20 ประชาชนของข้าพเจ้า จงเข้ามาในห้องของท่านเถิด
    ปิดประตูแล้วเดินหน้าไป
จงซ่อนตัวสักชั่วขณะหนึ่ง
    จนกว่าความขัดเคืองจะผ่านพ้นไป
21 เพราะดูเถิด พระผู้เป็นเจ้ากำลังออกจากที่ของพระองค์
    เพื่อลงโทษบรรดาผู้อยู่อาศัยของแผ่นดินโลกเพราะความชั่วของพวกเขา
และแผ่นดินโลกจะเผยให้เห็นหยาดโลหิตที่ได้พลีไว้
    และจะไม่ปกปิดผู้ถูกฆ่าอีกต่อไป

อิสราเอลได้รับการไถ่

27 ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะถือดาบอันกอปรด้วยความแข็งแกร่งที่ใหญ่ยิ่ง และทรงอานุภาพ ซึ่งจะลงโทษตัวเหรา[g]คืองูที่กำลังเลื้อยหนีไป ตัวเหราคืองูที่เลื้อยเลี้ยวคดเคี้ยวไป และพระองค์จะฆ่ามังกรทะเล

ในวันนั้น

“จงร้องเพลงถึงสวนองุ่นอันอุดม
    เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราเป็นผู้ดูแลสวนองุ่น
    เรารดน้ำอย่างสม่ำเสมอ
เราเฝ้าสวนนี้ทั้งวันและคืน
    เพื่อไม่ให้ผู้ใดทำร้ายได้
    เราไม่เกรี้ยวโกรธ
แต่ถ้าหากว่ามีพุ่มไม้หนามและต้นหนามที่มาขวางหน้าเรา
    เราก็จะเดินออกไปประจัญกับมัน
    เราจะเผาพวกมันให้มอดไหม้
หรือไม่ก็ให้พวกมันเข้าหาเรา เพื่อขอความช่วยเหลือ
    ให้พวกมันยอมจำนนด้วยดี
    ให้พวกมันยอมจำนนด้วยดี”

ในวันนั้น ยาโคบจะเจาะรากลงไป
    อิสราเอลจะผลิดอกและแตกหน่อ
    และทั่วทั้งโลกจะเต็มไปด้วยผล

พระองค์ลงโทษชนชาติของพระองค์
    เช่นเดียวกับที่พระองค์ลงโทษพวกที่โจมตีพวกเขาไหม
ชนชาติของพระองค์ถูกฆ่า
    เช่นเดียวกับที่พวกฆาตกรถูกฆ่าไหม
พระองค์ราวีอิสราเอลด้วยการให้พวกเขาถูกขับออกไปนอกแผ่นดิน
    พระองค์ขับไล่พวกเขาเพราะความกริ้ว
    เช่นเดียวกับวันที่ลมตะวันออกพัดมา
ฉะนั้น ความผิดของยาโคบจะได้รับการชดใช้ด้วยการนี้
    และนี่จะเป็นผลของการลบล้างบาปของเขาออก
เมื่อเขาทำแท่นบูชาทั้งหมดที่เป็นศิลาให้แตก
    เป็นเสี่ยงๆ เหมือนหินปูนขาวที่ถูกบด
    จะไม่มีเทวรูปอาเชราห์หรือแท่นเผาเครื่องหอมตั้งอยู่อีก
10 เพราะเมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งถูกทิ้งร้างไว้
    ที่พักอาศัยถูกทอดทิ้งและละทิ้งอย่างถิ่นทุรกันดาร
ลูกโคตัวผู้หากินอยู่ที่นั่น
    มันนอนและเล็มใบไม้ตามกิ่งก้านจนหมดเกลี้ยง
11 เมื่อกิ่งไม้แห้ง มันก็หักหลุดไป
    พวกผู้หญิงก็เก็บเอาไปทำฟืน
นี่แหละพวกคนที่ไร้ความเข้าใจ
    ฉะนั้น องค์ผู้สร้างพวกเขาจะไม่สงสารพวกเขา
    องค์ผู้สร้างพวกเขาจะไม่มีความกรุณาต่อพวกเขา

12 ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะนวดข้าวตั้งแต่แม่น้ำยูเฟรติส ไปจนถึงธารน้ำของอียิปต์ และชาวอิสราเอลเอ๋ย พวกท่านจะถูกรวบรวมเข้าด้วยกันทีละคน 13 ในวันนั้น จะมีเสียงเป่าแตรงอน และบรรดาผู้ที่หลงหายอยู่ในแผ่นดินอัสซีเรียและบรรดาผู้ที่ถูกขับไล่เข้าไปอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ ก็จะมานมัสการพระผู้เป็นเจ้าบนภูเขาที่เยรูซาเล็ม

การตัดสินโทษเอฟราอิมและเยรูซาเล็ม

28 วิบัติจงเกิดแก่มงกุฎอันยโสของพวกขี้เมาของเอฟราอิม
    และแก่ดอกไม้ที่กำลังโรยราจากความงามอันเลิศของมัน
    ซึ่งอยู่บนยอดหุบเขาอันอุดมของพวกที่ตกต่ำลงเพราะเหล้าองุ่น
ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้ามีผู้หนึ่งซึ่งมีอำนาจและเก่งกล้า
    เหมือนพายุลูกเห็บ ลมอันแรงกล้า
เหมือนพายุฝนซึ่งเกิดมีน้ำไหลหลาก
    เขาจะเป็นผู้เหวี่ยงมันลงบนแผ่นดินโลกเอง
มงกุฎอันยโสของพวกขี้เมาของเอฟราอิม
    จะถูกเหยียบย่ำ
ดอกไม้ที่กำลังโรยราไปจากความงามอันเลิศของมันนั้น
    ซึ่งอยู่บนยอดหุบเขาอันอุดม
จะเป็นเหมือนมะเดื่อสุกผลแรกก่อนจะถึงฤดูร้อน
    ซึ่งพอใครเห็นเข้า
    ก็จะรีบกลืนกินมันทันทีที่เก็บได้

ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
    จะเป็นมงกุฎแห่งพระบารมี
และมงกุฎแห่งความงามแก่ชนชาติ
    ของพระองค์ที่มีชีวิตเหลืออยู่
และจะเป็นวิญญาณแห่งความเป็นธรรม
    แก่ผู้ที่นั่งตัดสินความ
และเป็นกำลัง
    แก่บรรดานักรบที่ประตูเมือง

คนเหล่านี้มึนเมาด้วยเหล้าองุ่น
    และเดินโซซัดโซเซด้วยฤทธิ์สุรา
ทั้งปุโรหิตและผู้เผยคำกล่าวมึนเมาด้วยสุรา
    พวกเขาอยู่ใต้อำนาจเหล้าองุ่น
    และเดินโซซัดโซเซด้วยฤทธิ์สุรา
พวกเขามึนเมาขณะที่เห็นภาพนิมิต
    พวกเขาพลาดพลั้งเมื่อตัดสินความ
ด้วยว่า พวกเขาอาเจียนจนสกปรก
    เรี่ยราดเต็มโต๊ะ

“เขาจะสอนให้ใครมีความรู้ได้
    และเขาจะอธิบายเนื้อความให้แก่ใครได้เล่า
เขาจะสอนเด็กๆ ที่หย่านมแล้ว
    สอนพวกที่ถูกผละไปจากอกแม่หรือ
10 เพราะมันเป็นเสียง
    ซัฟถึงซัฟ ซัฟถึงซัฟ
    คัฟถึงคัฟ คัฟถึงคัฟ[h]
    เด็กน้อยนี่ เด็กน้อยนั่น”

11 เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะกล่าวแก่ชนชาตินี้
    โดยริมฝีปากของชนต่างชาติ
    และด้วยภาษาต่างแดน[i]
12     พระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า
“นี่เป็นที่หยุดพักของเจ้า
    จงให้คนที่อ่อนล้าพักผ่อน
และนี่คือสันติสุข”
    แต่พวกเขาก็ไม่ฟัง
13 และสำหรับพวกเขา คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นเช่นนี้คือ
    ซัฟถึงซัฟ ซัฟถึงซัฟ
    คัฟถึงคัฟ คัฟถึงคัฟ
    เด็กน้อยนี่ เด็กน้อยนั่น
และพวกเขาจะไป และล้มหงายหลังจนลุกขึ้นมาไม่ได้อีก
    พวกเขาจะติดบ่วงแร้ว และถูกจับตัวไป

ศิลามุมเอกในศิโยน

14 ฉะนั้น พวกเยาะเย้ยทั้งหลายเอ๋ย
    ท่านปกครองชนชาตินี้ในเยรูซาเล็ม
    จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าเถิด
15 เพราะท่านพูดว่า “พวกเราได้ทำพันธสัญญากับความตายแล้ว
    เรามีข้อตกลงกับแดนคนตาย
เมื่อมีสิ่งที่เกินทนผ่านเข้ามา
    มันก็จะไม่ถึงตัวเรา
เพราะเราใช้ความเท็จเป็นที่พึ่งของเรา
    และเรารับเอาความจอมปลอมเป็นที่หลบภัย”
16 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้
    “ดูเถิด เราเป็นผู้ที่วางศิลาก้อนหนึ่งในศิโยน
    ศิลาที่ได้รับการทดสอบแล้ว
ศิลามุมเอกที่มีค่ายิ่งสำหรับฐานรากอันมั่นคง
    ผู้ที่ไว้วางใจในพระองค์จะไม่หวั่นกลัว[j]
17 เราให้ความยุติธรรมด้วยการใช้สายวัด
    และให้ความชอบธรรมด้วยการใช้สายดิ่ง
ลูกเห็บจะกวาดล้างที่พึ่งของการพูดเท็จ
    และน้ำจะท่วมล้นที่หลบภัย”
18 แล้วพันธสัญญากับความตายของท่านก็จะเป็นโมฆะ
    และข้อตกลงกับแดนคนตายของท่านก็จะใช้ไม่ได้
เมื่อมีสิ่งที่เกินทนผ่านเข้ามา
    ท่านก็จะถูกมันเหยียบย่ำจมดิน
19 มันผ่านเข้ามาบ่อยเพียงไร มันก็จะทำให้ท่านพินาศเพียงนั้น
    เช้าแล้วเช้าเล่า มันจะผ่านเข้ามา
    ทั้งวันและคืน เมื่อเข้าใจข้อความนี้แล้ว
จะทำให้ตกใจกลัว
20 เพราะที่นอนสั้นเกินไปที่จะนอนเหยียดตัวได้
    ผ้าคลุมก็แคบเกินไปที่จะห่มตัว
21 เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะลุกขึ้นบนภูเขาเปริซิม
    พระองค์จะโกรธกริ้วขึ้นเหมือนที่หุบเขากิเบโอน
เพื่อปฏิบัติภารกิจของพระองค์ ภารกิจที่น่าพิศวงของพระองค์
    และทำงานของพระองค์ งานที่ต่างออกไปของพระองค์
22 ฉะนั้น บัดนี้พวกท่านจงอย่าเย้ยหยัน
    มิฉะนั้นโซ่ที่มัดตัวท่านจะหนักยิ่งขึ้น
เพราะข้าพเจ้าทราบมาจากพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่
    เรื่องความพินาศที่มีต่อแผ่นดินโลกได้ถูกกำหนดไว้แล้ว

23 จงเงี่ยหูฟังเสียงของข้าพเจ้า จงใส่ใจ
    และฟังคำพูดของข้าพเจ้า
24 คนไถนาก่อนที่จะหว่าน เขาไถดินเรื่อยไปหรือ
    เขาเบิกและไถคราดพื้นดินเรื่อยไปหรือ
25 เมื่อเขาไกล่ผิวดินเสมอกันแล้ว
    เขาจะไม่โปรยเมล็ดยี่หร่า หว่านเมล็ดผักชี
และปลูกข้าวสาลีเป็นแถว
    ปลูกข้าวบาร์เลย์ให้ถูกที่
    และข้าวสาลีป่าตามขอบเขตหรือ
26 เพราะเขาได้รับการสอนอย่างถูกวิธี
    พระเจ้าของเขาสอนเขา

27 ไม่มีใครใช้คราดนวดเมล็ดผักชี[k]
    หรือใช้ล้อเกวียนหมุนบดยี่หร่า
แต่เขาจะใช้ไม้ตีเมล็ดผักชี
    และไม้ตะบองทุบยี่หร่า
28 เมล็ดข้าวต้องถูกบดเพื่อทำขนมปัง
    แต่เขาไม่ทำเช่นนั้นตลอดไป
แม้ว่าเขาจะขับเกวียนให้ล้อทับข้าว
    ม้าของเขาก็บดข้าวไม่ได้
29 บทเรียนนี้มาจากพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
    พระองค์เป็นที่ปรึกษาผู้ล้ำเลิศ
    และพระปัญญาของพระองค์ดีเลิศ

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation