Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Bible in 90 Days

An intensive Bible reading plan that walks through the entire Bible in 90 days.
Duration: 88 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
อิสยาห์ 41:19-52:12

19 เราจะให้มีต้นซีดาร์ ต้นสีเสียด ต้นเมอร์เทิล และต้นมะกอก
    ในถิ่นทุรกันดาร
เราจะให้มีทั้งต้นสน ต้นเพลน และต้นสนไซเปร็ส
    ขึ้นด้วยกันในทะเลทราย
20 เพื่อพวกเขาจะเห็นและทราบ
    จะพิจารณาและเข้าใจด้วยกันว่า
พระผู้เป็นเจ้าได้กระทำสิ่งเหล่านี้ด้วยมือของพระองค์
    องค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลได้บันดาลให้มีขึ้นมา”

รูปเคารพที่ไร้ประโยชน์

21 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้
    “ยื่นคำร้องของเจ้าเถิด”
กษัตริย์ของยาโคบกล่าวว่า
    “นำข้อพิสูจน์ของเจ้ามา”
22 ให้พวกเขานำรูปเคารพมา
    และบอกพวกเราว่าอะไรจะเกิดขึ้น
บอกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา
    เพื่อพวกเราจะได้พิจารณา
และจะได้ทราบผลลัพธ์
    หรือแจ้งให้พวกเราทราบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
23 จงบอกพวกเราว่า อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
    เพื่อจะได้ทราบว่าพวกท่านเป็นเทพเจ้า
กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งสิ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย
    พวกเราจะได้ตกใจกลัวและหวาดหวั่นพรั่นพรึง
24 ดูเถิด พวกท่านไม่สามารถกระทำสิ่งใดได้
    และการงานของท่านเปล่าประโยชน์ยิ่งกว่าศูนย์
    ผู้ที่เลือกท่านเป็นผู้ที่น่ารังเกียจ

25 “เรากระตุ้นคนหนึ่งจากทิศเหนือ และเขาก็มาแล้ว
    จากทิศที่ดวงอาทิตย์ขึ้น และเขาจะร้องเรียกนามของเรา
เขาจะเหยียบย่ำบรรดาผู้อยู่ในระดับปกครองราวกับว่าพวกเขาเป็นปูนสอ
    ประหนึ่งว่าเขาเป็นช่างปั้นหม้อเหยียบย่ำดินเหนียว”
26 ใครแจ้งเรื่องนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม พวกเราจึงจะได้ทราบกัน
    หรือเล่าล่วงหน้า พวกเราจึงจะพูดได้ว่า “ท่านถูกต้อง”
ไม่มีใครที่ประกาศ
    ไม่มีใครที่แจ้ง
    ไม่มีใครที่ได้ยินคำพูดของท่าน
27 “เราเป็นผู้แรกที่บอกศิโยนว่า ‘ดูเถิด นี่ไงพวกเขาอยู่นี่’
    และเรามอบผู้ประกาศข่าวประเสริฐให้แก่เยรูซาเล็ม
28 แต่เมื่อเรามองดู ก็ไม่มีใครเลย
    ไม่มีรูปเคารพใดเป็นที่ปรึกษาได้
    ที่ตอบคำถามเราได้
29 ดูเถิด รูปเคารพเหล่านี้ไร้ประโยชน์
    ไม่ปรากฏผลแต่อย่างไร
    รูปเคารพที่หล่อขึ้นเป็นเพียงลมที่ว่างเปล่า

ผู้รับใช้ที่ได้รับเลือกของพระผู้เป็นเจ้า

42 ดูเถิด ผู้รับใช้ของเรา ผู้ที่เราค้ำจุน
    ผู้ที่เราเลือก ซึ่งเป็นผู้ที่จิตวิญญาณของเราชื่นชม
เราได้มอบวิญญาณของเราไว้ให้ท่าน
    ท่านจะให้ความยุติธรรมแก่บรรดาประชาชาติ
ท่านจะไม่ร้องเสียงดังหรือเปล่งเสียง
    หรือให้ผู้คนได้ยินที่ถนน
ไม้อ้อที่หักแล้วท่านจะไม่ทำลาย
    และไส้ตะเกียงที่ริบหรี่ท่านจะไม่ทำให้ดับ
    ท่านจะตัดสินด้วยความยุติธรรม[a]
ท่านจะไม่สิ้นกำลังหรือท้อใจ
    จนกว่าท่านสถาปนาความยุติธรรมบนแผ่นดินโลก
    และหมู่เกาะต่างๆ รอรับคำแนะนำของท่าน”

พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า
    พระองค์สร้างฟ้าสวรรค์ให้แผ่กว้างออกไป
    ผู้แผ่แผ่นดินโลกและทุกสิ่งที่มีอยู่ในนั้น
ผู้ประทานลมหายใจแก่ประชาชนบนโลก
    และประทานวิญญาณแก่บรรดาผู้ที่เดินอยู่บนนั้น
    กล่าวดังนี้ว่า
“เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราได้เรียกเจ้าตามความชอบธรรม
    เราจะจูงมือเจ้าและรับเจ้าไว้
เพื่อเป็นพันธสัญญาสำหรับชนชาติ
    และเป็นแสงสว่างแก่บรรดาประชาชาติ
เพื่อเปิดตาที่มืดบอด
    เพื่อพาบรรดานักโทษออกจากคุกใต้ดิน
    และบรรดาผู้ที่นั่งอยู่ในความมืดออกจากที่คุมขัง
เราคือพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นชื่อของเรา
    เราจะไม่มอบบารมีของเราให้แก่ผู้ใด
    ไม่มอบคำสรรเสริญของเราให้แก่รูปเคารพสลักใดๆ
ดูเถิด เหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาได้เกิดขึ้นแล้ว
    และบัดนี้เราประกาศให้รู้ถึงเรื่องใหม่ๆ
เราบอกให้พวกเจ้ารู้
    ก่อนที่จะเกิดขึ้น”

ร้องเพลงบทใหม่แด่พระผู้เป็นเจ้า

10 จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
    ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์จากทุกมุมโลก
ให้ทะเลและสรรพสิ่งที่อยู่ในนั้น
    หมู่เกาะต่างๆ และบรรดาผู้อยู่อาศัยในนั้น
11 ให้ถิ่นทุรกันดารและเมืองต่างๆ ส่งเสียงร้อง
    หมู่บ้านต่างๆ ที่เคดาร์อาศัยอยู่
ให้บรรดาผู้อยู่อาศัยของเส-ลาร้องเพลงถวายด้วยความยินดี
    ให้พวกเขาเปล่งเสียงดังจากยอดเขา
12 ให้พวกเขาถวายเกียรติแด่พระผู้เป็นเจ้า
    และประกาศคำสรรเสริญแด่พระองค์ในหมู่เกาะต่างๆ
13 พระผู้เป็นเจ้าเดินออกไปอย่างผู้มีมหิทธานุภาพ
    พระองค์กระตุ้นความรักอันแรงกล้าอย่างนักรบ
พระองค์ร้องขึ้นและเปล่งเสียง
    พระองค์แสดงอานุภาพของพระองค์ต่อพวกศัตรูของพระองค์

14 “เราเงียบมาเป็นเวลายาวนาน
    เรานิ่งเฉยและยับยั้งตัวเอง
เราจะส่งเสียงร้องอย่างหญิงเจ็บครรภ์
    เราจะหายใจอ้าปากและกระหืดกระหอบ
15 เราจะทำลายเทือกเขาและเนินเขา
    และทำให้พืชผักเหี่ยวแห้ง
เราจะทำให้แม่น้ำกลายเป็นหมู่เกาะต่างๆ
    และทำให้แหล่งน้ำเหือดแห้ง
16 และเราจะนำคนตาบอด
    ไปในทางที่พวกเขาไม่รู้
เราจะนำพวกเขาไป
    ในวิถีทางที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน
เราจะทำให้ความมืดที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นแสงสว่าง
    ทำที่ขรุขระให้เรียบราบ
เราจะทำสิ่งเหล่านี้
    และเราไม่ทอดทิ้งพวกเขา
17 แต่บรรดาผู้ที่วางใจในรูปเคารพสลัก
    คือพวกที่พูดกับรูปเคารพที่หล่อขึ้นว่า
‘ท่านเป็นพระเจ้าของเรา’
    คนเหล่านี้จะหันกลับในความอับอาย

อิสราเอลไม่ได้ยินและมองไม่เห็น

18 จงฟังเถิด พวกเจ้าที่หูหนวก
    และดูเถิด พวกเจ้าที่ตาบอด เพื่อเจ้าจะได้เห็น
19 ใครตาบอดนอกจากผู้รับใช้ของเรา
    หรือหูหนวกเช่นเดียวกับผู้ส่งสาสน์ของเราที่เราใช้ไป
ใครตาบอดเช่นเดียวกับผู้มีสันติสุข
    หรือตาบอดเช่นเดียวกับผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า
20 เจ้าเห็นหลายสิ่ง แต่ไม่ใส่ใจ
    หูของเจ้าเปิด แต่เจ้าไม่ได้ยิน”
21 เพื่อความชอบธรรมของพระองค์
    พระผู้เป็นเจ้ายินดีที่จะให้กฎบัญญัติของพระองค์เป็นที่ประจักษ์และ
    ยิ่งใหญ่
22 แต่นี่เป็นชนชาติที่ถูกปล้นและยึดมา
    พวกเขาทุกคนถูกกับดักอยู่ในหลุม
    และถูกซ่อนอยู่ในคุก
พวกเขากลายเป็นของปล้นที่ไม่มีใครช่วยเหลือได้
    เป็นทรัพย์ที่ถูกปล้นที่ไม่มีใครพูดว่า “คืนให้ไป”
23 ใครในพวกท่านที่จะเงี่ยหูฟังเรื่องนี้
    จะตั้งใจฟังสิ่งที่จะเกิดขึ้น
24 ใครมอบยาโคบให้แก่นักปล้น
    หรือมอบอิสราเอลให้แก่พวกปล้นระดม
พวกเรากระทำบาปต่อพระผู้เป็นเจ้ามิใช่หรือ
    เมื่อพวกเขาไม่ดำเนินชีวิตในวิถีทางของพระองค์
    และไม่เชื่อฟังกฎบัญญัติของพระองค์
25 พระองค์จึงหลั่งความกริ้วอันร้อนแรง
    และความรุนแรงของสงครามของพระองค์บนตัวเขา
ทำให้รอบตัวของเขาลุกเป็นไฟ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ
    ไฟไหม้ตัวเขาอยู่ แต่เขาก็ยังไม่ใส่ใจ

องค์ผู้ช่วยให้รอดพ้นของอิสราเอล

43 แต่บัดนี้ ยาโคบเอ๋ย พระผู้เป็นเจ้าสร้างท่านขึ้นมา
    อิสราเอลเอ๋ย พระองค์ปั้นท่านขึ้นมา
    พระองค์กล่าวว่า
“อย่ากลัวเลย เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว
    เราได้เรียกเจ้าตามชื่อ เจ้าเป็นของเรา
เมื่อเจ้าเดินผ่านไปทางสายน้ำ
    เราจะอยู่กับเจ้า
และผ่านทางแม่น้ำ
    มันก็จะไม่ท่วมตัวเจ้า
เมื่อเจ้าเดินผ่านไฟ เจ้าจะไม่ไหม้
    และเปลวไฟจะไม่เผาตัวเจ้า
เพราะเราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
    เราคือผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล ผู้ช่วยให้รอดพ้นของเจ้า
เรามอบอียิปต์ให้เป็นค่าไถ่ของเจ้า
    คูชและเส-บาเพื่อแลกเปลี่ยนกับเจ้า
เพราะเจ้ามีคุณค่าในสายตาของเรา
    เป็นที่ยกย่อง และเรารักเจ้า
เรามอบชีวิตคนทั้งหลายเพื่อเจ้า
    และมอบบรรดาชนชาติเพื่อแลกเปลี่ยนกับชีวิตของเจ้า
อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า
    เราจะนำผู้สืบเชื้อสายของเจ้ามาจากทิศตะวันออก
    และเราจะรวบรวมเจ้ามาจากทิศตะวันตก
เราจะพูดกับทิศเหนือว่ายอมเสียเถิด
    และพูดกับทิศใต้ว่าอย่ายึดหน่วง
นำบรรดาบุตรชายของเรามาจากแดนไกล
    และบรรดาบุตรหญิงของเราจากสุดมุมโลก
ทุกคนที่ได้รับเรียกว่าเป็นคนของเรา
    เราสร้างเขาขึ้นมาเพื่อบารมีของเรา
    ซึ่งเราปั้นและสร้างขึ้นมา”

จงนำบรรดาผู้มีตาแม้จะตาบอด และ
    ผู้มีหูแม้จะหูหนวก ให้ออกมา
ประชาชาติทั้งปวงร่วมชุมนุมกัน
    และบรรดาชนชาติประชุมร่วมกัน
มีใครในพวกเขาที่จะประกาศเรื่องนี้
    และให้พวกเราเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาได้
ให้พวกเขาพาพยานทั้งหลายมาพิสูจน์ให้เห็นว่า พวกเขาเป็นฝ่ายถูก
    และให้คนอื่นได้ยินและพูดกันได้ว่า “เป็นเรื่องจริง”
10 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “พวกเจ้าเป็นพยานของเรา
    และเป็นผู้รับใช้ของเราซึ่งเราได้เลือกไว้
เพื่อเจ้าจะได้รู้และเชื่อเรา
    และเข้าใจว่าเราคือผู้นั้น
ไม่มีพระเจ้าที่ถูกสร้างขึ้นมาก่อนหน้าเรา
    และภายหลังเราก็จะไม่มีเช่นกัน
11 เรานี่แหละคือพระผู้เป็นเจ้า
    และไม่มีผู้ช่วยให้รอดพ้นนอกจากเรา
12 เราประกาศ เราช่วยให้รอดพ้น และให้เป็นที่ทราบกันแล้ว
    เมื่อไม่มีเทพเจ้าต่างชาติท่ามกลางพวกเจ้า
    และพวกเจ้าเป็นพยานของเรา” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “และเราคือพระเจ้า
13 และนับจากปฐมกาล เราคือผู้นั้น
    ไม่มีผู้ใดที่สามารถคว้าไปจากมือของเราได้
    เราลงมือกระทำสิ่งใด แล้วใครจะมาขวางได้”

14 พระผู้เป็นเจ้าผู้ไถ่ของท่าน
    องค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลกล่าวดังนี้
“เพื่อพวกเจ้า เราส่งเขาไปยังบาบิโลน
    และนำพวกบาบิโลนทั้งปวงลงมาอย่างพวกลี้ภัย
    รวมถึงพวกชาวเคลเดียด้วย ลงมาในเรือที่พวกเขาภูมิใจนัก
15 เราคือพระผู้เป็นเจ้า องค์ผู้บริสุทธิ์ของเจ้า
    ผู้สร้างของอิสราเอล กษัตริย์ของเจ้า”

16 พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทำทางในทะเล
    ทำทางผ่านในห้วงน้ำลึก
17 ผู้นำรถศึกและม้า
    กองทัพและนักรบออกมา
พวกเขานอนลงและลุกขึ้นอีกไม่ได้
    พวกเขาสิ้นฤทธิ์และแน่นิ่งดับไปอย่างไส้ตะเกียง
พระองค์กล่าวดังนี้
18     “อย่าจดจำเรื่องเก่าๆ
    หรือนึกถึงเรื่องในอดีต
19 ดูเถิด เรากำลังกระทำสิ่งใหม่
    ซึ่งผุดขึ้นมาในบัดนี้ เจ้าไม่รู้หรอกหรือ
เราจะสร้างทางในถิ่นทุรกันดาร
    และให้เกิดธารน้ำในที่รกร้างว่างเปล่า
20 พวกสุนัขป่าจะให้เกียรติเรา
    ทั้งหมาในและนกกระจอกเทศ
เพราะเราทำให้เกิดมีน้ำในถิ่นทุรกันดาร
    ให้มีธารน้ำในที่รกร้างว่างเปล่า
เพื่อให้ชนชาติที่เราเลือกมีน้ำดื่ม
21     ชนชาติที่เราปั้นขึ้นเพื่อเราเอง
เพื่อให้พวกเขากล่าวคำสรรเสริญถึงเรา

22 โอ ยาโคบเอ๋ย เจ้าก็ยังไม่ได้ร้องเรียกถึงเรา
    แต่อิสราเอลเอ๋ย เจ้าเอือมระอาเรา
23 เจ้าไม่ได้นำแกะสำหรับเผาเป็นของถวายมาให้เรา
    หรือมอบเครื่องสักการะเป็นการให้เกียรติเรา
เราไม่ได้ให้เจ้าแบกภาระเรื่องของถวาย
    หรือทำให้เจ้าเบื่อหน่ายเรื่องกำยาน
24 เจ้าไม่ได้ใช้เงินซื้ออ้อหอม
    หรือทำให้เราพอใจด้วยเครื่องสักการะที่มีไขมัน
แต่เจ้าทำให้เราหนักใจด้วยบาปของเจ้า
    เจ้าได้ทำให้เราเอือมระอาด้วยความชั่วของเจ้า

25 เรานั่นแหละคือผู้นั้น
    ที่ยกโทษการล่วงละเมิดเพื่อเราเอง
    และเราจะไม่จดจำบาปของเจ้า
26 จงนึกถึงเรา เรามาโต้วาจากัน
    เจ้าจงยื่นคดีของเจ้า
    เพื่อพิสูจน์ว่า เจ้าไม่มีความผิด
27 บิดาต้นตระกูลของเจ้าทำบาป
    และบรรดาตัวแทนของเจ้าล่วงละเมิดต่อเรา
28 ฉะนั้น เราจึงทำให้บรรดาผู้นำของสถานที่บริสุทธิ์เป็นที่ดูหมิ่น
    และมั่นหมายให้ยาโคบรับความพินาศ
    และให้อิสราเอลเป็นที่ดูถูก

พระผู้เป็นเจ้าเลือกอิสราเอล

44 บัดนี้ โอ ยาโคบผู้รับใช้ของเรา จงฟังเถิด
    อิสราเอล ผู้ที่เราได้เลือกไว้
พระผู้เป็นเจ้าผู้สร้างเจ้าขึ้นมา
    องค์ผู้สร้างเจ้าจากครรภ์
    และจะช่วยเหลือเจ้า กล่าวดังนี้ว่า
อย่ากลัวเลย โอ ยาโคบผู้รับใช้ของเรา
    เยชูรูนผู้ที่เราได้เลือกไว้
เพราะเราจะหลั่งน้ำลงบนแผ่นดินแห้งผาก
    และให้เกิดลำธารบนพื้นดินแห้ง
เราจะหลั่งวิญญาณของเราสู่ทายาทของเจ้า
    และพรของเราสู่บรรดาผู้สืบเชื้อสายของเจ้า
พวกเขาจะผุดขึ้นท่ามกลางหญ้า
    อย่างต้นหลิวที่ข้างลำธารน้ำไหล
คนหนึ่งจะพูดว่า ‘เราเป็นของพระผู้เป็นเจ้า
    อีกคนหนึ่งจะร้องเรียกนามของยาโคบ
และอีกคนจะเขียนบนมือของเขาว่า ‘เป็นของพระผู้เป็นเจ้า
    และตั้งชื่ออิสราเอลเป็นชื่อตนเอง”

พระผู้เป็นเจ้ากษัตริย์แห่งอิสราเอล และผู้ไถ่ของเขา
    พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้
“เราเป็นเบื้องต้น และเราเป็นเบื้องปลาย
    และไม่มีพระเจ้านอกจากเรา
ใครบ้างที่เป็นเหมือนเรา ให้เขาป่าวประกาศ
    ให้เขาประกาศและชี้แจงให้เห็น ณ เบื้องหน้าเราว่า
ได้เกิดอะไรขึ้นตั้งแต่เราได้สถาปนาชนชาติโบราณ
    และอะไรที่จะมาถึง
    และให้พวกเขาบอกล่วงหน้าว่า อะไรจะเกิดขึ้น
อย่ากลัวหรือหวาดหวั่นเลย
    เราเคยบอกเจ้าตั้งแต่กาลก่อน และประกาศเรื่องนี้แล้วมิใช่หรือ
    พวกเจ้าเป็นพยานของเรา
มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเราหรือ
    ไม่มีศิลาอื่นใด เรารู้ว่าไม่มีเลย”

ความเขลาของรูปเคารพ

ทุกคนที่ปั้นรูปเคารพไม่สามารถทำสิ่งใดได้ และสิ่งที่พวกเขาเทิดทูนก็ไร้ประโยชน์ บรรดาผู้ที่เป็นพยานเพื่อพวกเขาไม่สามารถมองเห็นหรือรู้อะไร พวกเขาจะเผชิญกับความอับอาย 10 ใครจะปั้นเทพเจ้า หรือหล่อรูปเคารพโดยไม่ได้ผลกำไร 11 ดูเถิด ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเขาจะต้องอับอาย และช่างฝีมือเป็นเพียงมนุษย์ ปล่อยให้พวกเขามาชุมนุมร่วมกัน ให้พวกเขายืนกราน พวกเขาจะต้องตกตะลึง จะต้องอับอายไปด้วยกัน

12 ช่างตีเหล็กใช้เครื่องมือรมถ่านให้ร้อน เขาใช้แขนที่แข็งแรงขึ้นรูปด้วยค้อน เมื่อเขารู้สึกหิว กำลังของเขาก็ถอยลง และเขาจะเป็นลมถ้าไม่ได้ดื่มน้ำ 13 ช่างไม้ใช้ไม้วัดและใช้ดินสอขีดเครื่องหมาย เขาใช้กบไสไม้ให้เป็นรูปร่างขึ้นมา และขีดเครื่องหมายด้วยวงเวียน เขาสลักให้เป็นรูปร่างมนุษย์คนหนึ่ง ตามความงามของมนุษย์ เพื่อให้อยู่ในบ้าน 14 เขาตัดต้นซีดาร์ เขาเลือกต้นสนไซเปร็สหรือต้นโอ๊กซึ่งเจริญงอกงามได้เองในหมู่ต้นไม้ในป่า เขาปลูกต้นซีดาร์ และฝนช่วยทำให้มันโตขึ้น 15 แล้วมนุษย์ใช้ต้นไม้เป็นเชื้อเพลิง เขาตัดส่วนหนึ่งมาใช้เพื่อให้ความอบอุ่น เขาติดไฟและอบขนมปัง เขาเอาไม้มาทำเป็นเทพเจ้าและนมัสการ เขาทำเป็นรูปเคารพและก้มกราบ 16 ไม้อีกครึ่งหนึ่งเขาใช้ก่อไฟ เพื่อย่างเนื้อสัตว์ และรับประทานจนอิ่มหนำ เขาได้รับความอบอุ่นและพูดว่า “โอ ฉันอุ่นสบาย ฉันเห็นเปลวไฟแล้ว” 17 เขาใช้ไม้ที่ยังเหลืออยู่ทำเป็นรูปเทพเจ้า คือรูปเคารพของเขา และก้มกราบและนมัสการ เขาอธิษฐานต่อรูปเคารพว่า “ช่วยข้าพเจ้าให้รอดเถิด เพราะท่านเป็นเทพเจ้าของข้าพเจ้า”

18 พวกเขาไม่รู้และไม่เห็นแจ้ง เพราะเขาปิดตา จึงทำให้มองไม่เห็น และปิดใจ จึงทำให้ไม่เข้าใจ 19 ไม่มีใครนึกถึง หรือมีความรู้ หรือเห็นแจ้งที่จะพูดว่า “ฉันใช้เผาไฟครึ่งหนึ่ง ฉันใช้อบขนมปังบนถ่านร้อน ฉันย่างเนื้อกินแล้ว และฉันควรจะใช้ไม้ที่เหลือทำสิ่งที่น่ารังเกียจหรือ ฉันควรจะก้มให้กับท่อนไม้หรือ” 20 เขากินขี้เถ้า ใจที่หลงผิดทำให้เขาถูกหลอกลวง และเขาช่วยตัวเองให้รอดไม่ได้ หรือแม้จะพูดว่า “สิ่งที่ฉันถือในมือขวานี้เป็นสิ่งหลอกลวงหรือเปล่า”

พระผู้เป็นเจ้าไถ่อิสราเอล

21 “โอ ยาโคบเอ๋ย จงจดจำสิ่งเหล่านี้ไว้
    โอ อิสราเอลเอ๋ย เพราะเจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
เราปั้นเจ้าขึ้นมา เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
    โอ อิสราเอลเอ๋ย เราจะไม่ลืมเจ้า
22 เราได้กำจัดการล่วงละเมิดของเจ้าเหมือนกำจัดก้อนเมฆ
    และกำจัดบาปของเจ้าเหมือนกำจัดหมอก
จงกลับมาหาเรา
    เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว”

23 ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงร้องเพลง เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้กระทำสิ่งนี้
    โอ โลกเบื้องล่างเอ๋ย จงส่งเสียงร้อง
โอ เทือกเขา ป่าไม้และต้นไม้ทุกต้นเอ๋ย
    จงโห่ร้องด้วยเสียงเพลง
เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ไถ่ยาโคบแล้ว
    และพระองค์จะสำแดงพระบารมีของพระองค์ในอิสราเอล

24 พระผู้เป็นเจ้า องค์ผู้ไถ่ของเจ้า
    ผู้สร้างเจ้านับตั้งแต่อยู่ในครรภ์กล่าวดังนี้
“เราคือพระผู้เป็นเจ้า
    ผู้สร้างสรรพสิ่ง
    ผู้เดียวที่สร้างฟ้าสวรรค์ให้แผ่กว้างออกไป
    ผู้กางแผ่นดินโลกด้วยตัวเราเอง
25 เราทำให้เห็นว่า การอัศจรรย์ของพวกคุยโวโอ้อวดไม่เป็นความจริง
    ทำให้บรรดาผู้ทำนายกลายเป็นคนโง่
เราทำให้ผู้เรืองปัญญาให้คำปรึกษาผิดๆ
    ทำให้เห็นว่าความรู้ของพวกเขาไร้สาระ
26 เรายืนยันคำพูดของผู้รับใช้ของพระองค์
    และทำให้คำของบรรดาผู้ประกาศของพระองค์สัมฤทธิผล
เราเป็นผู้กล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ‘จะมีคนอาศัยอยู่’
    และกล่าวถึงเมืองต่างๆ ของยูดาห์ว่า ‘จะถูกสร้างขึ้น
    และเราจะสถาปนาสิ่งที่ปรักหักพังขึ้นใหม่’
27 เราเป็นผู้กล่าวกับห้วงน้ำลึกว่า ‘จงแห้งเสีย
    เราจะทำให้แม่น้ำของเจ้าแห้งเหือด’
28 เรากล่าวถึงไซรัสว่า ‘เขาเป็นผู้เลี้ยงดูฝูงแกะของเรา
    และเขาจะทำให้จุดมุ่งหมายทั้งสิ้นของเราสัมฤทธิผล’[b]
และกล่าวถึงเยรูซาเล็มว่า ‘จะถูกสร้างขึ้น’
    และกล่าวถึงพระวิหารว่า ‘ฐานรากจะถูกวาง’”

ไซรัสเครื่องมือของพระเจ้า

45 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวถึงไซรัสผู้ที่พระองค์เจิมดังนี้
    “เราได้ทำให้มือขวาของเขาแข็งแกร่ง
เพื่อปราบบรรดาประชาชาติที่อยู่ตรงหน้าเขา
    และเพื่อปลดอำนาจของบรรดากษัตริย์
เพื่อเปิดประตูที่อยู่ข้างหน้าเขา
    และประตูเมืองจะไม่ปิดกั้นเขา”

พระองค์กล่าวกับไซรัส

“เราจะไปเบื้องหน้าเจ้า
    และทำที่สูงให้ราบ
เราจะพังประตูทองสัมฤทธิ์ให้เป็นชิ้นๆ
    และหักซี่ลูกกรงเหล็ก
เราจะให้ของล้ำค่าที่อยู่ในที่มืดแก่เจ้า
    และให้ความมั่งคั่งที่สะสมไว้ในที่ลี้ลับ
เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่า เรานี่แหละคือพระผู้เป็นเจ้า
    พระเจ้าของอิสราเอล ที่เรียกเจ้าตามชื่อของเจ้า
เพื่อยาโคบผู้รับใช้ของเรา
    และอิสราเอลผู้ที่เราเลือก
เราเรียกเจ้าตามชื่อของเจ้า
    เราตั้งชื่อให้แก่เจ้า แม้ว่าเจ้าจะไม่เคยรู้จักเราก็ตาม
เราคือพระผู้เป็นเจ้า และไม่มีผู้อื่นอีก
    นอกจากเราแล้ว ไม่มีพระเจ้า
เราเตรียมเจ้าให้พร้อม
    แม้ว่าเจ้าจะไม่เคยรู้จักเราก็ตาม
เพื่อว่า นับจากทิศที่ดวงอาทิตย์ขึ้น
    จรดทิศที่ดวงอาทิตย์ตก
พวกเขาจะได้รู้ว่า ไม่มีผู้ใดอีกนอกจากเราเท่านั้น
    เราคือพระผู้เป็นเจ้า และไม่มีผู้อื่นอีก
เราทำให้เกิดความสว่างขึ้น และสร้างความมืด
    เราทำให้เกิดความสมบูรณ์พูนสุข และให้มีความวิบัติ
    เราคือพระผู้เป็นเจ้าผู้กระทำสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้น

โอ ฟ้าสวรรค์จงโปรยฝนจากเบื้องบน
    และให้หมู่เมฆหลั่งความชอบธรรมลงมา
ให้แผ่นดินโลกเปิดรับ เพื่อความรอดพ้นและความชอบธรรมจะได้เกิดผล
    งอกเงยบนแผ่นดินโลก
    เราคือพระผู้เป็นเจ้าผู้ได้สร้างมันขึ้นมา

วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่ฮึดฮัดต่อองค์ผู้ปั้นเขาขึ้นมา
    ภาชนะดินเผาใบหนึ่งในบรรดาเครื่องปั้นดินเผาที่ทำขึ้นจากดิน
ดินเหนียวจะพูดกับผู้ปั้นหรือว่า
    ‘ท่านกำลังปั้นอะไรอยู่’[c]
หรือจะพูดว่า
    ‘ผลงานของท่านไม่มีหูจับ’
10 วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่พูดกับบิดาว่า
    ‘ท่านกำลังให้กำเนิดใคร’
หรือพูดกับฝ่ายหญิงว่า
    ‘ท่านกำลังจะคลอดใคร’”

11 พระผู้เป็นเจ้า องค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล
    และเป็นผู้ที่ปั้นเขากล่าวว่า
“จงถามเราถึงสิ่งที่จะมาในภายหน้า
    พวกเจ้าถามเราเรื่องลูกๆ ของเรา
    และสั่งเราเรื่องผลงานของเราหรือ
12 เราสร้างแผ่นดินโลก
    และสร้างมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลก
เราแผ่ฟ้าสวรรค์ออกไปด้วยมือของเราเอง
    และเราบัญชาหมู่ดาวทั้งปวง
13 เราได้กระตุ้นเขาด้วยความชอบธรรมของเรา
    และเราจะทำวิถีทางของเขาให้เรียบตรง
เขาจะสร้างเมืองของเรา
    และปลดปล่อยบรรดาผู้ลี้ภัยของเราให้มีอิสระ
โดยปราศจากสินบนหรือรางวัล”
    พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนั้น

พระผู้เป็นเจ้า องค์ผู้ช่วยให้รอดพ้น

14 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า

“ความมั่งคั่งของอียิปต์ สินค้าของคูช
    และชาวเส-บาผู้มีร่างสูงใหญ่
จะมาหาเจ้า และจะอยู่ในอาณัติของเจ้า
    พวกเขาจะตามเจ้าไป
    และจะถูกล่ามโซ่มา และก้มกราบเจ้า
พวกเขาจะขอร้องเจ้าว่า
    ‘พระเจ้าสถิตกับท่านอย่างแน่นอน และไม่มีผู้อื่นอีก
    ไม่มีพระเจ้าใดนอกจากพระองค์’”

15 แน่ทีเดียว พระองค์เป็นพระเจ้าผู้ซ่อนพระองค์เอง
    โอ พระเจ้าของอิสราเอล องค์ผู้ช่วยให้รอดพ้น
16 พวกที่สร้างรูปเคารพจะต้องอับอายและอดสู
    พวกเขาจะสับสนไปด้วยกัน
17 แต่อิสราเอลได้รับความรอดจากพระผู้เป็นเจ้า
    ด้วยความรอดพ้นอันเป็นนิรันดร์
เจ้าจะไม่ประสบกับความอับอาย
    หรืออดสูชั่วกัปชั่วกัลป์

18 พระผู้เป็นเจ้า องค์ผู้สร้างฟ้าสวรรค์
    พระองค์เป็นพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
ผู้ปั้นแผ่นดินโลกให้เป็นรูปเป็นร่าง
    พระองค์สร้างมันขึ้นมา
พระองค์ไม่ได้บันดาลให้โลกว่างเปล่า
    พระองค์สร้างมันขึ้นมาเพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัย
พระองค์กล่าวดังนี้ว่า
    “เราคือพระผู้เป็นเจ้า และไม่มีผู้อื่นอีก
19 เราไม่ได้พูดในที่ลับ
    ในดินแดนของความมืด
เราไม่ได้พูดกับบรรดาผู้สืบเชื้อสายของยาโคบว่า
    ‘จงแสวงหาเราในความว่างเปล่า’
เราคือพระผู้เป็นเจ้าผู้พูดความจริง
    เราประกาศสิ่งที่ถูกต้อง

20 จงประชุมร่วมกันและมาเถิด
    พวกเจ้าผู้ลี้ภัยของบรรดาประชาชาติ
จงร่วมชุมนุมกัน
    พวกที่แบกรูปเคารพสลักขาดความรู้
และอธิษฐานต่อเทพเจ้า
    ที่ไม่สามารถช่วยให้รอดพ้นได้
21 จงประกาศและเบิกความ
    ให้พวกเขาปรึกษากัน
ใครบอกเรื่องนี้นานมาแล้ว
    ใครประกาศตั้งแต่กาลโน้น
ไม่ใช่พระผู้เป็นเจ้าหรอกหรือ เราเองนั่นแหละ
    นอกจากเราแล้ว ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก
พระเจ้าผู้มีความชอบธรรมและเป็นผู้ช่วยให้รอดพ้น
    ไม่มีใครอีกนอกจากเรา

22 ทั่วทุกแหล่งหล้าเอ๋ย
    จงหันเข้าหาเรา และรับความรอดเถิด
    เพราะเราคือพระเจ้า และไม่มีผู้อื่นอีก
23 เราได้ปฏิญาณโดยตัวเราเอง
    ปากของเรากล่าวคำที่พูดออกไปด้วยความชอบธรรม
    ซึ่งจะไม่หวนกลับ
‘ทุกคนจะคุกเข่าลงต่อหน้าเรา
    ทุกลิ้นจะสาบานตนยอมรับเรา’[d]
24 พวกเขาจะพูดถึงเราว่า ความชอบธรรมและพลานุภาพ
    เป็นของพระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”
ทุกคนที่เกรี้ยวกราดใส่พระองค์
    จะมาหาพระองค์และจะอับอาย
25 แต่ผู้สืบเชื้อสายของอิสราเอลทั้งปวง
    จะพ้นผิดและจะโห่ร้องร่วมกันในพระผู้เป็นเจ้า

เทวรูปของบาบิโลนและพระเจ้าแท้จริงพระองค์เดียว

46 เทพเจ้าเบลก้มตัวลง เทพเจ้าเนโบโน้มตัวลงต่ำ
    เทวรูปของพวกเขาอยู่บนหลังสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยง
สิ่งที่พวกท่านแบกหามเหล่านี้เป็นภาระ
    ต่อพวกสัตว์ป่าที่เหนื่อยล้า
พวกมันโน้มตัวลงต่ำ และก้มตัวลงด้วยกัน
    พวกมันไม่สามารถเลี่ยงไปจากภาระที่แบก
    แล้วยังตกไปเป็นเชลยด้วย

“โอ พงศ์พันธุ์ยาโคบเอ๋ย
    พงศ์พันธุ์อิสราเอลที่มีชีวิตเหลืออยู่ จงฟังเรา
เราได้อุ้มเจ้าออกไปนับตั้งแต่เจ้าอยู่ในครรภ์
    และอุ้มชูเจ้านับตั้งแต่เกิด
และแม้เจ้าชราลง เราก็คือผู้นั้น
    จนกระทั่งเจ้าผมหงอก เราเองที่แบกเจ้า
เราเองเป็นผู้สร้างเจ้า และเราเองที่จะแบกรับภาระ
    เราจะประคองเจ้าและจะช่วยเจ้าให้รอด

เจ้าจะเปรียบเราหรือนับว่าเราเสมอเหมือนผู้ใด
    เจ้าเห็นว่าเราเป็นเหมือนผู้ใดที่เจ้าจะเอาไปเปรียบเทียบ
บรรดาพวกที่ทุ่มเทใช้ทองคำที่เก็บสะสมไว้
    และชั่งน้ำหนักเงิน
จ้างช่างทองให้หล่อเป็นรูปเทพเจ้า
    แล้วพวกเขาก็ก้มกราบนมัสการรูปนั้น
พวกเขาแบกเทวรูปขึ้นบ่าไป
    และตั้งไว้บนฐาน มันเคลื่อนไปจากที่ไม่ได้
ถ้าหากว่ามีผู้ใดร้องต่อหน้าเทวรูป มันก็จะไม่ตอบ
    มันช่วยเขาให้รอดจากความยากลำบากไม่ได้

จงจำสิ่งนี้ไว้และมีใจมั่นคง
    พวกเจ้าผู้ล่วงละเมิด เจ้าจงจำใส่ใจ
    จงจำเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา
เพราะเราเป็นพระเจ้า และไม่มีผู้อื่นอีก
    เราเป็นพระเจ้า และไม่มีผู้ใดที่เป็นเหมือนเรา
10 เราประกาศถึงสิ่งในครั้งปฐมกาลจนถึงบั้นปลาย
    และสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นตั้งแต่โบราณกาล
เรากล่าวว่า ‘แผนงานของเราจะยั่งยืน
    และเราจะทำให้ความประสงค์ของเราทั้งสิ้นสำเร็จลุล่วง’
11 เราเรียกนกอินทรีตัวหนึ่งจากทิศตะวันออก
    ชายคนหนึ่งจากแดนไกลจะทำให้สิ่งที่เราประสงค์เป็นผลสำเร็จ
สิ่งที่เราได้พูดแล้ว เราจะทำให้เกิดขึ้น
    สิ่งที่เราได้มุ่งหมายไว้ เราจะกระทำตามนั้น

12 เจ้าคนดื้อรั้น จงฟังเรา
    เจ้าห่างจากความชอบธรรม
13 เรานำความชอบธรรมของเรามาใกล้
    มันอยู่ไม่ไกลเลย
    และความรอดพ้นที่มาจากเราจะไม่ล่าช้า
เราจะให้ความรอดพ้นเข้ามายังศิโยน
    ให้บารมีของเราเพื่ออิสราเอล

ความอับอายของบาบิโลน

47 โอ ธิดาพรหมจารีแห่งบาบิโลนเอ๋ย
    จงลงมานั่งในฝุ่น
นั่งบนพื้นดินโดยไม่มีบัลลังก์
    โอ ธิดาของชาวเคลเดีย
เพราะเจ้าจะไม่ได้ชื่อว่า
    อ่อนโยนและบอบบางอีกต่อไปแล้ว
เอาหินโม่แป้งมาโม่แป้ง
    เปิดผ้าคลุมหน้าของเจ้าออก
ปลดเสื้อคลุมของเจ้าออกเปิดขาของเจ้า
    และลุยน้ำไป
ความเปลือยเปล่าของเจ้าจะถูกเปิดเผย
    และความอัปยศของเจ้าจะประจักษ์
เราจะแก้แค้น
    และเราจะไม่ไว้ชีวิตผู้ใด”
องค์ผู้ไถ่ของเราเป็นองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล
    พระนามของพระองค์คือพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา

“โอ ธิดาของชาวเคลเดียเอ๋ย
    จงนั่งในความเงียบ และย่างเข้าสู่ความมืด
เพราะเจ้าจะไม่ได้ชื่อว่า
    เป็นราชินีแห่งอาณาจักรทั้งหลายอีกต่อไปแล้ว
เรากริ้วชนชาติของเรา
    เราดูหมิ่นผู้สืบมรดกของเรา
เรามอบพวกเขาไว้ในมือเจ้า
    เจ้าไม่มีความเมตตาต่อพวกเขา
แม้แต่คนชรา
    เจ้าก็ให้เขาแบกแอกของเจ้าที่แสนจะหนัก
เจ้าพูดว่า ‘เราจะเป็นราชินี
    ไปตลอดกาล’
ดังนั้นเจ้าไม่ได้คำนึงถึงสิ่งเหล่านี้
    หรือจดจำว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น

ฉะนั้น บัดนี้เจ้าจงฟังเถิด เจ้าเป็นผู้รักความสำราญ อยู่ด้วยความมั่นใจ
และคิดในใจว่า
    ‘เราเป็นผู้นั้น ไม่มีผู้ใดนอกจากเรา
เราจะไม่เป็นแม่ม่าย
    หรือทนทุกข์เรื่องการสูญเสียลูก’
สองสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับเจ้า
    ในอีกชั่วขณะหนึ่ง ในวันเดียว
คือทั้งการสูญเสียลูกและการเป็นแม่ม่าย
    จะเกิดขึ้นกับเจ้าอย่างจัง
ทั้งๆ ที่เจ้าใช้เวทมนตร์
    ทั้งๆ ที่คาถาของเจ้ามีอิทธิฤทธิ์มาก
10 เจ้ามั่นใจในความชั่วร้ายของเจ้า
    เจ้าพูดว่า ‘ไม่มีใครเห็นเรา’
สติปัญญาและความรู้ของเจ้าทำให้เจ้าหลงผิด
    และเจ้าพูดในใจว่า
    ‘เราคือผู้นั้น ไม่มีผู้ใดนอกจากเรา’
11 แต่ความเลวร้ายจะเกิดขึ้นกับเจ้า
    ซึ่งเจ้าจะไม่รู้ว่าจะกำจัดอย่างปาฏิหาริย์ได้อย่างไร
ความทุกข์ร้อนจะตกอยู่กับเจ้า
    ซึ่งเจ้าจะไม่สามารถชดใช้อะไรแทนได้
และสิ่งร้ายๆ ซึ่งเจ้าไม่รู้มาก่อน
    จะเกิดขึ้นกับเจ้าในทันใด

12 ยึดการเสกคาถาและเวทมนตร์ของเจ้าไว้ให้มั่น
    มันเป็นสิ่งที่เจ้าเพียรกระทำตั้งแต่เยาว์วัย
บางทีเจ้าอาจจะกระทำได้สำเร็จ
    หรือไม่ก็อาจจะทำให้คนกลัว
13 เจ้าเหนื่อยอ่อนจากคำปรึกษาที่ได้รับมากมาย
    ให้สิ่งเหล่านั้นเสนอตัวขึ้นมาช่วยเจ้าให้รอดสิ
พวกที่ใช้ฟ้าสวรรค์คำนวณ
    พวกที่เพ่งดูดาว
และได้บอกให้รู้ในแต่ละเดือนว่า
    อะไรจะเกิดขึ้นกับเจ้า

14 ดูเถิด พวกเขาเป็นเหมือน
    ฟางถูกเพลิงไหม้
เขาช่วยตัวเองจากพลังเปลวไฟ
    ก็ไม่ได้
พวกเขาเป็นเช่นนี้แหละคือ
    ไม่เป็นถ่านสำหรับให้ความอบอุ่นแก่ผู้ใด
    และไม่เป็นกองไฟให้นั่งผิงได้
15 เขาเหล่านั้นเป็นเช่นนี้ต่อเจ้า
    บรรดาผู้ที่เจ้าเพียรกระทำมาด้วยกัน
    เขาเป็นผู้ที่ร่วมงานมากับเจ้าตั้งแต่เยาว์วัย
พวกเขาพเนจรไป ต่างก็ไปตามทางของตนเอง
    ไม่มีใครช่วยเจ้าให้รอดได้

ออกไปจากบาบิโลน

48 โอ พงศ์พันธุ์ยาโคบเอ๋ย จงฟังเถิด
    อิสราเอลเป็นชื่อของเจ้า
    เจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของยูดาห์
สาบานตนในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
    และร้องเรียกพระนามของพระเจ้าของอิสราเอล
    แต่ไม่กระทำด้วยความจริงและความชอบธรรม
พวกเขานับว่าตัวเองเป็นคนของเมืองอันบริสุทธิ์
    และพึ่งพิงพระเจ้าของอิสราเอล
    พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา ซึ่งเป็นพระนามของพระองค์
เราได้แจ้งถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา
    เราประกาศด้วยปากของเราให้เป็นที่ได้ยิน
    เราได้ทำทันทีทันใด และมันก็เกิดขึ้นตามนั้น
เพราะเรารู้ว่าเจ้าดื้อรั้น
    และลำคอของเจ้าเป็นเส้นเอ็นเหล็ก
    และหน้าผากเป็นทองเหลือง
เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่เจ้านานมาแล้ว
    ก่อนที่จะเกิดขึ้น เราก็ประกาศให้เจ้ารู้
เจ้าจึงพูดไม่ได้ว่า
    ‘รูปเคารพของข้าพเจ้ากระทำสิ่งเหล่านั้น
    รูปเคารพสลักและที่หลอมขึ้นของข้าพเจ้าบัญชาเช่นนั้น’

เจ้าได้ยินเรื่องเหล่านี้แล้ว จงมองดูทุกสิ่ง
    แล้วพวกเจ้ายังจะไม่ยอมรับอีกหรือ
จากนี้ไปเราจะแจ้งสิ่งใหม่ๆ แก่เจ้า
    สิ่งที่ถูกซ่อนไว้ซึ่งเจ้ายังไม่รู้
สิ่งเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาในเวลานี้ ไม่ใช่นานมาแล้ว
    พวกเจ้ายังไม่เคยได้ยินจนถึงวันนี้
พวกเจ้าจึงพูดไม่ได้ว่า
    ‘ดูสิ ข้าพเจ้าทราบแล้ว’
เจ้าไม่เคยได้ยินหรือเคยรู้มาก่อน
    เจ้าไม่เคยเปิดหูมาตั้งแต่กาลโน้น
เรารู้ว่าเจ้าจะก่อปัญหาอย่างแน่นอน
    และเจ้าได้ชื่อว่า เจ้าขัดขืนมาตั้งแต่ก่อนกำเนิด
เพื่อนามของเรา เราจึงชะลอความกริ้วของเรา
    เพื่อเห็นแก่การสรรเสริญเรา เราจึงยับยั้งไว้เพื่อเจ้า
    เพื่อเราจะไม่ตัดขาดเจ้าออกไป
10 ดูเถิด เราได้ทำให้เจ้าบริสุทธิ์แล้ว แต่ไม่ใช่อย่างเงิน
    เราได้ทดสอบเจ้าในเตาผิงแห่งความทุกข์ทรมาน
11 เราทำเพื่อตัวเราเอง เพื่อตัวเราเอง
    เราจะปล่อยให้ชื่อของเราถูกดูหมิ่นได้อย่างไร
    เราจะไม่มอบบารมีของเราให้แก่ผู้อื่น

พระผู้เป็นเจ้าเรียกอิสราเอล

12 โอ ยาโคบ จงฟังเรา
    อิสราเอล ผู้ที่เราเรียก
เราคือผู้นั้น เราเป็นเบื้องต้น
    และเราเป็นเบื้องปลาย[e]
13 เราวางฐานรากของแผ่นดินโลกด้วยมือของเรา
    เราแผ่ฟ้าสวรรค์ออกด้วยมือขวาของเรา
เมื่อเราเรียก มันก็มายืนเบื้องหน้าเรา

14 พวกเจ้าทุกคนจงชุมนุมกัน และจงฟัง
    มีเทพเจ้าใดที่ได้ประกาศสิ่งเหล่านี้
พระผู้เป็นเจ้ารักเขา
    เขาจะปฏิบัติตามความมุ่งหมายที่มีต่อบาบิโลน
    และแขนของเขาจะกระทำต่อชาวเคลเดีย
15 แม้เราเอง เรานั่นแหละที่ได้พูด
    และได้เรียกเขา
เราได้นำเขามา
    และวิถีทางของเขาจะสัมฤทธิผล
16 จงเข้ามาใกล้เรา และฟังเรื่องนี้
    นับจากปฐมกาล เราไม่ได้พูดในที่ลับ
    นับจากเวลาที่มันเกิดขึ้น เราก็อยู่ที่นั่นแล้ว”
และบัดนี้ พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าได้ส่งข้าพเจ้ามา
    พร้อมกับพระวิญญาณของพระองค์

17 พระผู้เป็นเจ้าผู้ไถ่ของท่าน
    คือองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล
กล่าวดังนี้ “เราคือพระผู้เป็นเจ้า
    พระเจ้าของเจ้า
ผู้สอนเจ้าเพื่อผลประโยชน์ของเจ้า
    ผู้นำเจ้าในทางที่เจ้าควรจะไป
18 โอ หากว่าเจ้าได้เอาใจใส่ต่อคำบัญชาของเรา
    ความสันติสุขของเจ้าก็จะเป็นดั่งแม่น้ำ
    และความชอบธรรมของเจ้าก็จะเป็นดั่งคลื่นทะเล
19 ลูกหลานของเจ้าก็จะมากมายราวกับทราย
    และบรรดาผู้สืบเชื้อสายของเจ้าก็จะมากราวกับเม็ดทราย[f]
ชื่อของพวกเขาจะไม่มีวันถูกตัดออก
    หรือถูกทำลายไปต่อหน้าเรา”

20 จงออกไปจากบาบิโลน
    หนีจากชาวเคลเดีย
จงประกาศด้วยเสียงร้องแห่งความยินดี
    ให้เป็นที่รับทราบกัน
แจ้งไปยังสุดมุมโลกว่า
    พระผู้เป็นเจ้าได้ไถ่ยาโคบผู้รับใช้ของพระองค์”
21 พวกเขาไม่กระหายน้ำเมื่อพระองค์นำพวกเขาผ่านทะเลทราย
    พระองค์ทำให้น้ำไหลออกมาจากหินสำหรับพวกเขา
พระองค์ทำให้หินแตกออก
    และน้ำก็ไหลพรั่งพรูออกมา[g]

22 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า
    “ไม่มีสันติสุขสำหรับคนชั่ว”[h]

ผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า

49 โอ หมู่เกาะต่างๆ เอ๋ย จงฟังข้าพเจ้า
    และเอาใจใส่ บรรดาชนชาติที่อยู่ห่างไกลเอ๋ย
พระผู้เป็นเจ้าเรียกข้าพเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์
    พระองค์ตั้งชื่อข้าพเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาข้าพเจ้า
พระองค์ทำให้ปากข้าพเจ้าเหมือนดาบคม
    พระองค์ซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มเงาของมือพระองค์
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าเป็นลูกศรคม
    พระองค์ซ่อนข้าพเจ้าไว้ในแล่งศรของพระองค์
พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าว่า
“อิสราเอลเอ๋ย เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
    เราจะแสดงให้เห็นบารมีในตัวเจ้า”
แต่ข้าพเจ้าพูดว่า “ข้าพเจ้าได้ตรากตรำโดยไร้ประโยชน์
    ข้าพเจ้าได้ใช้กำลังโดยเปล่าและไร้ค่า
แต่ค่าตอบแทนของข้าพเจ้าอยู่ที่พระผู้เป็นเจ้าอย่างแน่นอน
    และรางวัลของข้าพเจ้าอยู่ที่พระเจ้าของข้าพเจ้า”

แต่บัดนี้พระผู้เป็นเจ้ากล่าว คือองค์ผู้สร้างข้าพเจ้า
    ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เพื่อให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์
เพื่อนำยาโคบกลับมาหาพระองค์
    คือพาอิสราเอลมาหาพระองค์
(เพราะข้าพเจ้าได้รับการยกย่องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า
    และพระเจ้าของข้าพเจ้าเป็นกำลังของข้าพเจ้า)

พระองค์กล่าวดังนี้ว่า

“ดูว่าจะน้อยเกินไปที่จะให้เจ้าเป็นเพียงผู้รับใช้ของเรา
    เพื่อจะตั้งเผ่าพันธุ์ของยาโคบขึ้น
    และพาพวกอิสราเอลที่เราได้รักษาไว้เพื่อให้กลับมา
แต่เราจะทำให้เจ้าเป็นแสงสว่างแก่บรรดาประชาชาติ
    เพื่อเจ้าจะได้นำความรอดพ้นจากเราไปยังทุกมุมโลก”[i]

พระผู้เป็นเจ้า ผู้ไถ่และองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลกล่าวกับ
    ผู้ที่ถูกประชาชาติดูหมิ่นและชิงชัง
    และกับผู้รับใช้ของบรรดาผู้ปกครองดังนี้ว่า
“บรรดากษัตริย์จะเห็นเจ้าและจะลุกขึ้นยืน
    พวกผู้นำจะน้อมตัวลง
เพราะพระผู้เป็นเจ้าผู้สัตย์จริง
    องค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลได้เลือกเจ้า”

การฟื้นฟูอิสราเอล

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า

“เมื่อถึงเวลาที่เราจะโปรดปราน เราก็ตอบเจ้า
    และเมื่อถึงวันช่วยให้รอดพ้น เราก็ช่วยเจ้า[j]
เราจะรับเจ้าไว้
    เพื่อเป็นพันธสัญญาแก่ชนชาติ
เพื่อฟื้นฟูแผ่นดิน
    เพื่อมอบสิทธิที่ดินที่ถูกทิ้งร้างไว้
เพื่อบอกเหล่านักโทษว่า ‘ออกไปเถิด’
    และพูดกับบรรดาผู้ที่อยู่ในความมืดว่า ‘ออกมาจากความมืดเถิด’
พวกเขาจะพบทุ่งหญ้าตามทาง
    และเนินเขาโล้นทุกแห่งจะเป็นทุ่งหญ้าของพวกเขา
10 พวกเขาจะไม่หิวหรือกระหาย
    ลมและดวงอาทิตย์อันร้อนแรงจะไม่กระทบพวกเขา
เพราะองค์ผู้มีเมตตาต่อพวกเขาจะนำพวกเขาไป
    และจะนำพวกเขาไปยังแหล่งน้ำ
11 และเราจะทำให้เทือกเขากลายเป็นทางราบ
    และถนนจะถูกยกสูงขึ้น
12 ดูเถิด เขาเหล่านี้จะมาจากแดนไกล
    และดูเถิด คนเหล่านี้มาจากทิศเหนือและจากทิศตะวันตก
    และมาจากดินแดนสินิม”

13 ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงชื่นชมยินดี
    แผ่นดินโลกเอ๋ย จงดีใจ
    เทือกเขาเอ๋ย จงส่งเสียงร้องเพลง
โอ เพราะพระผู้เป็นเจ้าปลอบประโลมชนชาติของพระองค์
    และมีความสงสารต่อคนของพระองค์ที่มีความทุกข์ใจ

14 แต่ศิโยนพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้าได้ทอดทิ้งข้าพเจ้า
    พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าลืมข้าพเจ้าเสียแล้ว”

15 “ผู้หญิงจะลืมลูกของนางที่ยังกินนมอยู่ได้หรือ
    และนางจะไม่มีความสงสารต่อลูกชายที่เกิดจากครรภ์ของนางหรือ
นางอาจจะลืมก็ได้
    แต่เราจะไม่ลืมเจ้า
16 ดูเถิด เราได้สลักเจ้าไว้ที่ฝ่ามือของเราแล้ว
    เราจะไม่มีวันลืมกำแพงเมืองของเจ้า
17 ลูกๆ ของเจ้ากลับมาอย่างรวดเร็ว
    พวกที่ทำลายเจ้าและทำให้เจ้าสูญสิ้นก็ไปจากเจ้า
18 จงเงยหน้าขึ้นดูโดยรอบ
    พวกลูกๆ มาชุมนุมกันและมาหาเจ้า
พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ตราบที่เรามีชีวิตอยู่
    พวกเขาจะเป็นเช่นเดียวกับเครื่องประดับที่เจ้าสวมใส่
    พวกเขาจะสวมติดอยู่กับเจ้าเช่นเดียวกับที่เจ้าสาวใช้ประดับ

19 แม้ว่าสถานที่ของเจ้าถูกพังทลาย
    และเป็นที่ร้าง แผ่นดินเสียหาย
แต่บัดนี้บรรดาผู้อยู่อาศัยในที่ของเจ้ามีอย่างล้นหลามในแผ่นดิน
    และพวกที่พยายามกำจัดเจ้าให้หมดสิ้นจะอยู่ห่างไกลมาก
20 ลูกๆ ที่ถูกพรากไป
    จะเป็นเสียงที่เจ้าได้ยินว่า
‘แผ่นดินคับแคบสำหรับเรา
    ช่วยขยับขยายให้เราได้อยู่อาศัยเถิด’
21 แล้วเจ้าจะคิดในใจว่า
    ‘ใครหนอให้กำเนิดคนเหล่านี้แก่เรา
เราสูญเสียคนไปและเป็นหมัน
    ลี้ภัยและไม่เป็นที่ยอมรับ
    แต่ใครหนอที่ได้นำคนเหล่านี้ขึ้นมา
ดูเถิด เราถูกทอดทิ้งไว้ตามลำพัง
    แล้วคนพวกนี้มาจากไหนกัน’”

22 พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้ากล่าวดังนี้

“ดูเถิด เราจะยกมือของเราไปทางบรรดาประชาชาติ
    และจะยกธงชัยของเราแก่บรรดาชนชาติ
และพวกเขาจะอุ้มบรรดาลูกชายของเจ้ามาในอ้อมอก
    และจะแบกลูกสาวของเจ้ามาบนบ่าของพวกเขา
23 บรรดากษัตริย์จะเป็นพ่อรับเลี้ยงของเจ้า
    และบรรดาราชินีจะเป็นแม่นมของเจ้า
พวกเขาจะก้มหน้าลงจรดดินต่อเจ้า
    และเลียฝุ่นที่เท้าของเจ้า
แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า
    บรรดาผู้ที่รอคอยเราจะไม่ผิดหวัง”
24 เป็นไปได้หรือที่จะริบของมาจากนักรบผู้กล้าหาญ
    หรือจะช่วยเชลยของผู้โหดร้ายให้รอดได้หรือ

25 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า

“แม้เชลยของนักรบผู้กล้าหาญก็จะได้รับการปลดปล่อย
    และของที่ริบได้จากคนโหดเหี้ยมก็ริบกลับคืนมาได้
เพราะเราจะราวีคนที่ราวีเจ้า
    และเราจะช่วยลูกๆ ของเจ้าให้รอดปลอดภัย
26 เราจะทำให้บรรดาผู้บีบบังคับของเจ้ากัดกินเนื้อหนังของตนเอง
    และพวกเขาจะเมาเลือดของตนเองเหมือนที่เมาเหล้าองุ่น
แล้วมนุษย์ทั้งปวงจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า ผู้ช่วยให้รอดพ้นของเจ้า
    ผู้ไถ่ของเจ้า ผู้มีอานุภาพของยาโคบ”

บาปของอิสราเอลและการเชื่อฟังของผู้รับใช้

50 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า

“ถ้าหากว่าเราขับไล่ไสส่งแม่ของพวกเจ้าแล้ว
    ใบหย่าของนางอยู่ที่ไหนล่ะ
หรือว่าเราขายพวกเจ้า
    ให้เจ้าหนี้ของเราคนไหนหรือ
ดูเถิด พวกเจ้าถูกขายก็เพราะบาปทั้งหลายของเจ้าเอง
    และแม่ของเจ้าถูกไล่ไปก็เพราะการล่วงละเมิดของเจ้า
เมื่อเรามา ทำไมจึงไม่มีใครอยู่ที่นั่น
    เมื่อเราเรียก ทำไมจึงไม่มีใครตอบ
มือของเราสั้นหรือ จึงไถ่คืนไม่ได้
    หรือเราไม่มีอานุภาพที่จะช่วยให้รอดหรือ
ดูเถิด เมื่อเราบอกห้าม เราทำให้ทะเลแห้งลง
    เราทำให้แม่น้ำเป็นถิ่นทุรกันดาร
ปลาในแหล่งน้ำเน่าเหม็นเพราะขาดน้ำ
    และตายเพราะน้ำแห้ง
เราปกฟ้าสวรรค์ด้วยความมืด
    และคลุมด้วยผ้ากระสอบ”

พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่โปรดให้ข้าพเจ้ามีลิ้น
    อย่างบรรดาผู้ได้รับการฝึกสอน
ข้าพเจ้าจึงรู้จักพูดเพื่อช่วยผู้ที่ตรากตรำ
    ให้ยืนหยัดอยู่ได้
ทุกเช้าพระองค์ปลุกข้าพเจ้า
    ให้เรียนรู้อย่างบรรดาผู้ได้รับการฝึกสอน
พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ได้ทำให้ข้าพเจ้าเรียนรู้
    และข้าพเจ้าไม่ดึงดัน
    ข้าพเจ้าไม่หันหลังกลับไป
ข้าพเจ้าหันหลังให้กับพวกที่ตบตี
    หันหน้าให้กับบรรดาผู้ที่กระชากหนวดเครา
ข้าพเจ้าไม่ซ่อนหน้า
    เมื่อถูกดูหมิ่นและถูกถ่มน้ำลายรด
แต่พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ช่วยข้าพเจ้า
    ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงไม่ถูกดูหมิ่น
ฉะนั้นใบหน้าข้าพเจ้าจึงทนอย่างหินเหล็กไฟ
    และข้าพเจ้าทราบว่าข้าพเจ้าจะไม่ต้องเผชิญกับความอับอาย
พระองค์ผู้ให้ความเป็นธรรมแก่ข้าพเจ้าอยู่ใกล้
    ใครจะราวีข้าพเจ้า
    ก็ให้เขามาเผชิญหน้ากับข้าพเจ้าเถิด
ใครเป็นผู้กล่าวหาข้าพเจ้า
    ก็ให้เขาเข้ามาใกล้ข้าพเจ้า
ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ช่วยข้าพเจ้า
    ใครจะกล่าวหาว่าข้าพเจ้ามีความผิด
ดูเถิด พวกเขาทุกคนจะสึกหรอเหมือนกับเครื่องนุ่งห่ม
    แมลงจะกัดกินพวกเขา

10 ใครในบรรดาพวกท่านที่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
    และเชื่อฟังเสียงของผู้รับใช้ของพระองค์
ให้ผู้ที่เดินในความมืดซึ่งไม่มีแสงสว่าง
    ได้ไว้วางใจในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
    และพึ่งพิงในพระเจ้าของเขา
11 ดูเถิด พวกท่านทุกคนที่ก่อไฟ
    ผู้ที่จัดเตรียมคบไฟให้ตนเอง
จงเดินในความสว่างที่ได้จากไฟของท่าน
    และด้วยคบไฟที่ท่านได้ก่อขึ้น
สิ่งที่ท่านจะได้รับจากมือของข้าพเจ้าคือ
    ท่านจะนอนอยู่ในความทุกข์

พระผู้เป็นเจ้าปลอบประโลมศิโยน

51 “จงฟังเรา พวกเจ้าที่มุ่งมั่นในความชอบธรรม
    เจ้าผู้แสวงหาพระผู้เป็นเจ้า
จงมองดูหินที่เจ้าถูกสกัดออกมา
    และดูเหมืองหินที่เจ้าถูกขุดออกมาเถิด
จงมองดูอับราฮัมบิดาของเจ้า
    และซาราห์ผู้ให้กำเนิดเจ้า
เมื่อเราเรียกเขา เขาเป็นเพียงตัวคนเดียว
    เพื่อเราจะให้พรแก่เขา และให้เขาทวีจำนวนคนขึ้น”
พระผู้เป็นเจ้าปลอบประโลมศิโยน
    พระองค์มองดูสถานที่ร้างด้วยความสงสาร
และทำให้ถิ่นทุรกันดารเป็นเหมือนสวนเอเดน
    ให้ที่ราบเป็นเหมือนสวนของพระผู้เป็นเจ้า
ความยินดีและเบิกบานใจจะอยู่ในที่นั้น
    พร้อมด้วยการขอบคุณและเสียงเพลง

“ชนชาติของเราเอ๋ย จงตั้งใจฟังเรา
    ประชาชาติของเรา จงเงี่ยหูฟังเรา
เพราะกฎบัญญัติจะมาจากเรา
    และเราจะให้ความยุติธรรมเป็นแสงสว่างแก่บรรดาชนชาติ
ความชอบธรรมของเราใกล้เข้ามาแล้ว
    ความรอดพ้นของเรากำลังมา
    และพลานุภาพของเราจะตัดสินบรรดาชนชาติ
หมู่เกาะต่างๆ มีความหวังในเรา
    และพวกเขารอพลานุภาพของเรา
จงเงยหน้าขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์
    และมองลงที่แผ่นดินโลกเบื้องล่าง
ด้วยว่า ฟ้าสวรรค์จะเลือนหายไปอย่างควัน
    แผ่นดินโลกจะสึกหรอไปเหมือนกับเครื่องนุ่งห่ม
    และพวกที่อาศัยอยู่ในนั้นจะตายไปเหมือนตัวริ้น
แต่ความรอดพ้นที่มาจากเราจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์
    และความชอบธรรมของเราจะมั่นคง

จงฟังเรา บรรดาผู้ที่รู้จักความชอบธรรม
    บรรดาผู้ที่มีกฎบัญญัติอยู่ในจิตใจ
อย่ากลัวการติเตียนของมนุษย์
    หรือตกใจกับการเย้ยหยันของพวกเขา
ด้วยว่า แมลงจะกัดกินพวกเขาเหมือนกินเครื่องนุ่งห่ม
    และหนอนจะกินพวกเขาเหมือนกินขนแกะ
แต่ความชอบธรรมที่มาจากเราจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์
    และความรอดพ้นที่มาจากเรามีให้ทุกชั่วอายุคน”

ตื่นเถิด ตื่นเถิด อานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า
    ขอเปี่ยมด้วยพละกำลัง
ตื่นเถิด เหมือนสมัยดึกดำบรรพ์
    สมัยที่ล่วงผ่านพ้นมานานแล้ว
ไม่ใช่พระองค์หรอกหรือที่หั่นราหับเป็นชิ้นๆ
    และแทงมังกรตัวนั้นทะลุ[k]
10 ไม่ใช่พระองค์หรอกหรือที่ทำให้ทะเล
    คือน้ำในทะเลลึกแห้งเหือด
ผู้ทำทางในความลึกของทะเลให้แก่
    บรรดาผู้ได้รับการไถ่ได้ข้ามไป
11 และบรรดาผู้รับการไถ่คืนของพระผู้เป็นเจ้าจะกลับมา
    และมายังศิโยนพร้อมกับการร้องเพลง
ความยินดีจะเป็นของพวกเขาตลอดไป
    เขาทั้งหลายจะได้รับความยินดีและเบิกบานใจ
    ความเศร้าและการถอนใจจะหนีไปจากพวกเขา

12 “เรานั่นแหละ เราคือผู้ที่ปลอบประโลมพวกเจ้า
    เจ้าเป็นใครที่กลัวเพียงมนุษย์ที่ตายได้
    กลัวบุตรมนุษย์ซึ่งเป็นดั่งใบหญ้า
13 เจ้าจึงได้ลืมพระผู้เป็นเจ้า องค์ผู้สร้างของเจ้า
    ผู้แผ่ฟ้าสวรรค์ออกไป
    และวางฐานรากของแผ่นดินโลก
และเจ้าจึงหวาดกลัวตลอดวันเวลา
    เพราะความฉุนเฉียวของผู้บีบบังคับ
เมื่อเขามุ่งหมายจะทำลาย
    แล้วความฉุนเฉียวของผู้บีบบังคับอยู่ที่ไหน
14 ผู้ที่ถูกปราบให้หมอบลงจะได้รับการปลดปล่อยอย่างโดยเร็ว
    เขาจะไม่ตายหรือตายในหลุมแห่งแดนคนตาย
    เขาจะไม่ขาดแคลนอาหาร
15 เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
    เราทำให้ทะเลปั่นป่วน และคลื่นส่งเสียงครืนครั่น
    พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาคือพระนามของพระองค์
16 และเราได้ใส่คำกล่าวของเราในปากของเจ้าแล้ว
    และคุ้มตัวเจ้าอยู่ในร่มเงาของมือเรา
เราก่อตั้งฟ้าสวรรค์
    และวางฐานรากของแผ่นดินโลก
    และกล่าวกับศิโยนว่า ‘เจ้าเป็นชนชาติของเรา’”

17 ตื่นเถิด ตื่นเถิด
    โอ เยรูซาเล็มเอ๋ย จงยืนขึ้น
เจ้าเป็นผู้ที่ดื่มจากมือของพระผู้เป็นเจ้า
    ถ้วยแห่งความกริ้วของพระองค์
เจ้าดื่มจนไม่เหลือแม้ก้นตะกอน
    จากถ้วยที่ทำให้เดินโซซัดโซเซ
18 ไม่มีสักคนในบรรดาบุตรชายที่นางให้กำเนิด
    จะนำทางให้นาง
ไม่มีสักคนในบรรดาบุตรชายที่นางได้เลี้ยงดูมา
    จะจูงมือนางไป
19 ความวิบัติสองสิ่งนี้ได้เกิดกับเจ้า
    ใครจะแสดงความเสียใจต่อเจ้า
ความทุกข์ทรมานและความพินาศ ทุพภิกขภัยและการฆ่าฟัน
    ใครจะปลอบประโลมเจ้า
20 บรรดาบุตรของเจ้าเป็นลม
    และล้มลงอยู่ที่ทุกมุมถนน
    เหมือนกับละมั่งน้อยถูกดักด้วยตาข่าย
พวกเขาถูกพระผู้เป็นเจ้าลงโทษ
    ถูกพระเจ้าตักเตือนว่ากล่าว

21 ฉะนั้น จงฟังเถิด พวกท่านที่ได้รับความทรมาน
    ที่มึนเมา แต่ไม่ใช่ด้วยเหล้าองุ่น
22 พระผู้เป็นเจ้าของท่าน พระผู้เป็นเจ้า
    พระเจ้าของท่าน ผู้ปกป้องชนชาติของพระองค์กล่าวว่า
“ดูเถิด เราได้เอาถ้วยที่ทำให้เจ้าเดินโซซัดโซเซออกจากมือเจ้าแล้ว
    เจ้าจะไม่ดื่มจากถ้วยแห่งความกริ้วของเราอีกต่อไป
23 และเราจะใส่ในมือของพวกที่รังควานเจ้า
    พวกที่พูดกับเจ้าว่า
    ‘จงก้มลงราบกับพื้น ให้เราเดินเหยียบย่ำผ่านไป’
และเจ้าได้ทำให้หลังของเจ้าเป็นเหมือนพื้นดิน
    และเหมือนกับถนนให้พวกเขาเหยียบย่ำผ่านไป”

ความรอดพ้นจากพระผู้เป็นเจ้าใกล้เข้ามา

52 ตื่นเถิด ตื่นเถิด โอ ศิโยนเอ๋ย
    จงสวมพละกำลังของเจ้า
โอ เยรูซาเล็มเมืองบริสุทธิ์เอ๋ย
    จงสวมเสื้อตัวงามของเจ้า
เพราะจะไม่มีผู้ใดที่ไม่ได้เข้าสุหนัตและไม่บริสุทธิ์
    จะเข้ามาในเมืองเจ้าอีกต่อไป
จงสะบัดฝุ่นออกจากตัวเจ้าและลุกขึ้น
    โอ เยรูซาเล็มเอ๋ย จงนั่งลง
โอ ธิดาแห่งศิโยนซึ่งเป็นเชลยเอ๋ย
    จงคลายโซ่ออกจากคอเจ้า

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “พวกเจ้าไม่ได้ถูกขายไปด้วยเงิน และเราจะไม่ใช้เงินเป็นการไถ่เจ้า” เพราะพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “เดิมที ชนชาติของเราลงไปยังประเทศอียิปต์ เพื่ออาศัยอยู่ที่นั่นอย่างคนต่างด้าว และเมื่อเร็วๆ นี้ชาวอัสซีเรียบีบบังคับพวกเขาโดยไร้สาเหตุ” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “บัดนี้ ดูสิว่าได้เกิดอะไรขึ้น พวกเขาจับตัวชนชาติของเราไปโดยไม่เสียเงิน บรรดาผู้ที่ปกครองพวกเขาก็โอ้อวด” และพระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “และชื่อของเราถูกหมิ่นประมาทตลอดวันเวลาเรื่อยไป[l] ฉะนั้น ชนชาติของเราจะรู้จักชื่อของเรา ฉะนั้น ในวันนั้นพวกเขาจะทราบว่า เรานั่นแหละเป็นผู้ที่พูดว่า ดูเถิด เป็นเราเอง”

ดีเหลือเกินที่พวกเขามาบนภูเขา
    พร้อมกับข่าวประเสริฐ[m]
เป็นผู้ประกาศสันติสุข
    นำข่าวประเสริฐ
    ผู้ประกาศความรอดพ้น
ผู้บอกศิโยนว่า
    “พระเจ้าของเจ้าปกครอง”
เสียงของพวกผู้เฝ้ายาม พวกเขาส่งเสียงโห่ร้อง
    และร้องเพลงร่วมกันด้วยความยินดี
พวกเขาเห็นพระผู้เป็นเจ้ากลับมายังศิโยน
    ด้วยตาของตนเอง
สถานที่ร้างของเยรูซาเล็ม
    จงส่งเสียงร้องร่วมกันเถิด
เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ปลอบประโลมชนชาติของพระองค์
    พระองค์ได้ไถ่เยรูซาเล็ม
10 พระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้ประชาชาติทั้งปวงเห็นอานุภาพอันบริสุทธิ์
    ของพระองค์
และทั่วทุกมุมโลกจะเห็นความรอดพ้น
    ที่มาจากพระเจ้าของเรา

11 จงออกไป จงออกไป ออกไปจากที่นี่
    อย่าจับต้องสิ่งที่เป็นมลทิน
จงออกไปจากเยรูซาเล็ม จงชำระตัวพวกท่านเองให้บริสุทธิ์
    พวกท่านที่ถือภาชนะของพระผู้เป็นเจ้า
12 แต่ท่านจะไม่รีบออกไป
    และท่านจะไม่หนีออกไป
เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะไปล่วงหน้าท่าน
    และพระเจ้าแห่งอิสราเอลจะเป็นผู้คุ้มกันด้านหลังของท่าน

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation