Bible in 90 Days
19 และเราจะทำสิ่งมหัศจรรย์ท่ามกลางพวกเขา เราจะส่งผู้รอดตายบางคนในพวกเขา ไปยังชนชาติต่างๆ ไปยังเมืองทารชิช ไปยังเมืองลิเบีย เมืองลูดผู้เก่งธนู เมืองทูบัล และเมืองยาวาน ไปยังแถบชายฝั่งทะเลและหมู่เกาะที่อยู่ห่างไกล ที่ยังไม่เคยได้ยินเรื่องของเราและยังไม่เคยเห็นความยิ่งใหญ่ของเรา พวกที่เราส่งออกไปนี้ก็จะได้พูดถึงความยิ่งใหญ่ของเราท่ามกลางชนชาติเหล่านั้น 20 และพวกเขาก็จะนำพวกพี่น้องชาวอิสราเอลทั้งหมดของเจ้ากลับมาจากทั่วทุกชาติ เป็นของถวายให้กับพระยาห์เวห์ เหมือนตอนที่ชาวอิสราเอลนำเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชในภาชนะที่สะอาดมายังวิหารของพระยาห์เวห์ พวกเขาจะกลับมาบนม้า บนรถรบ บนเกวียน บนล่อ และบนอูฐ มายังภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของเราคือ เยรูซาเล็ม” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น 21 “เราก็จะเอาพวกเขาบางคนมาเป็นพวกนักบวชและพวกเลวี” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
22 “แน่นอนลูกหลานของเจ้าและชื่อของเจ้าจะยืนอยู่ต่อหน้าเราตลอดไป
เหมือนกับฟ้าสวรรค์ใหม่และโลกใหม่ที่เราจะสร้างขึ้นนั้น”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
23 “วันขึ้นพระจันทร์ใหม่ของทุกเดือน
และวันหยุดทางศาสนาของทุกอาทิตย์มนุษย์ทุกคนจะมานมัสการเรา”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
24 “และพวกเขาจะออกไปเห็นซากศพทั้งหลายของคนที่กบฏต่อเรา พวกหนอนที่กินพวกมันจะไม่มีวันตาย ไฟที่เผาผลาญพวกมันอยู่ก็จะไม่มีวันดับและทุกคนที่เห็นศพเหล่านั้นจะสะอิดสะเอียน”
1 นี่คือคำพูดของเยเรมียาห์ ลูกชายของฮิลคียาห์ เยเรมียาห์เป็นหนึ่งในนักบวชที่อาศัยอยู่ในเมืองอานาโธท เมืองนี้ตั้งอยู่ในดินแดนที่เป็นของเผ่าเบนยามิน 2 ถ้อยคำที่เยเรมียาห์เอามาบอกนี้ เป็นข่าวสารที่พระยาห์เวห์ได้เปิดเผยให้เยเรมียาห์รู้ ปีนั้นตรงกับปีที่สิบสามที่กษัตริย์โยสิยาห์ปกครองยูดาห์ โยสิยาห์เป็นลูกของอาโมน 3 พระยาห์เวห์ได้เปิดเผยข่าวสารนี้ให้กับเยเรมียาห์อีก ในช่วงสมัยของกษัตริย์เยโฮยาคิมปกครองยูดาห์ เยโฮยาคิมเป็นลูกของกษัตริย์โยสิยาห์ และพระยาห์เวห์ยังเปิดเผยให้เยเรมียาห์รู้ต่อไปเรื่อยๆจนถึงปีที่สิบเอ็ด ที่กษัตริย์เศเดคิยาห์ปกครองยูดาห์ เศเดคิยาห์เป็นลูกของกษัตริย์โยสิยาห์ และในเดือนที่ห้าของปีที่สิบเอ็ดที่กษัตริย์เศเดคียาห์ปกครองนั้น ชาวเยรูซาเล็มก็ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย
พระเจ้าเรียกเยเรมียาห์
4 นี่คือข่าวสารที่พระยาห์เวห์เปิดเผยให้ผมรู้ คือ
5 “เรารู้จักเจ้า ก่อนที่เราจะก่อร่างเจ้าขึ้นมาในครรภ์เสียอีก
เราได้แยกเจ้าออกมาสำหรับเรา
ก่อนที่เจ้าจะคลอดจากท้องแม่เสียอีก
เราได้แต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้พูดแทนพระเจ้า
ให้กับชนชาติทั้งหลาย”
6 แต่ผมพูดว่า “แต่พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เพราะข้าพเจ้าเป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น”
7 แต่พระยาห์เวห์พูดกับผมว่า
“อย่าพูดว่า ‘ข้าพเจ้าเป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น’
เพราะเจ้าจะต้องไปหาทุกคนที่เราส่งให้เจ้าไป
และเจ้าจะต้องพูดทุกอย่างตามที่เราสั่งเจ้า
8 ไม่ต้องกลัวคนพวกนั้น
เพราะเราจะอยู่กับเจ้า
และปกป้องเจ้า”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
9 แล้วพระยาห์เวห์ก็ยื่นมือออกมาแตะปากของผม และพระองค์พูดกับผมว่า
“เราได้ใส่คำพูดของเราเข้าไปในปากของเจ้าแล้ว
10 ดูสิ ในวันนี้ เราได้แต่งตั้งเจ้าให้มีอำนาจเหนือชนชาติและอาณาจักรทั้งหลาย
เจ้าจะถอน และจะรื้อพวกมันทิ้ง
เจ้าจะทำลาย และจะคว่ำพวกมัน
เจ้าจะสร้าง และจะปลูกพวกมันขึ้นมาใหม่”
นิมิตสองอย่าง
11 พระยาห์เวห์ ได้เปิดเผยข่าวสารนี้กับผม
พระองค์ถามว่า “เยเรมียาห์ เจ้าเห็นอะไร”
ผมตอบว่า “ผมเห็นกิ่งไม้กิ่งหนึ่งจากต้นอัลมอนด์ครับ”
12 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผมว่า “เจ้ามองเห็นได้ชัดเจนดีมาก เพราะเรากำลังให้ความสนใจกับสิ่งที่เราพูด เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะเกิดขึ้นตามนั้น”
13 พระคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมอีกเป็นครั้งที่สองว่า “เจ้าเห็นอะไร” ผมตอบว่า “ผมเห็นหม้อที่กำลังเดือดอยู่หม้อหนึ่งหันหน้าไปจากทิศเหนือ”
14 แล้วพระยาห์เวห์ก็บอกผมว่า “ความหายนะจากทางเหนือจะถูกปลดปล่อยออกมาเหนือทุกชีวิตบนแผ่นดินยูดาห์
15 เรากำลังนำตระกูลต่างๆในอาณาจักรภาคเหนือมา” พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
“พวกนั้นจะมาที่นี่ แต่ละคนจะตั้งบัลลังก์ของตัวเองไว้ที่ปากประตูทางเข้าของเมืองเยรูซาเล็ม พวกนั้นจะโจมตีกำแพงที่ล้อมรอบเมืองนั้น และโจมตีเมืองทุกเมืองของยูดาห์
16 และเราจะตัดสินลงโทษพวกมัน สำหรับความชั่วทั้งหมดที่พวกมันทำ คือที่ทอดทิ้งเราไป และไปเผาเครื่องหอมให้กับพระอื่นๆและไปก้มหัวกราบสิ่งที่พวกมันสร้างขึ้นมากับมือ
17 ส่วนเจ้า เยเรมียาห์ เตรียมตัวให้พร้อม ลุกขึ้น ไปบอกพวกมันทุกอย่างตามที่เราสั่งเจ้า ไม่ต้องกลัวพวกมัน ไม่อย่างนั้น เราจะหาสาเหตุทำให้เจ้าต้องกลัวพวกมันจริงๆเวลาที่อยู่ต่อหน้าพวกมัน
18 ส่วนเรา วันนี้เราจะทำให้เจ้าเป็นเหมือนป้อมปราการเมือง เป็นเหมือนเสาเหล็ก เป็นเหมือนกำแพงทองสัมฤทธิ์ ที่สามารถยืนหยัดสู้กับแผ่นดินทั้งสิ้น สู้กับพวกกษัตริย์แห่งยูดาห์ พวกเจ้าเมือง พวกนักบวช รวมทั้งสู้กับประชาชน
19 คนพวกนั้นจะต่อสู้กับเจ้า แต่พวกมันจะไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ เพราะเราจะอยู่ปกป้องเจ้า” พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
ยูดาห์ไม่สัตย์ซื่อ
2 พระคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 2 “เยเรมียาห์ ไปพูดให้กับคนเยรูซาเล็มได้ยินว่า พระยาห์เวห์พูดว่า
เรายังจำได้ถึงความรักอันมั่นคงที่เจ้ามีให้กับเราเมื่อเจ้ายังเป็นเด็กอยู่
เรายังจำได้ถึงความรักที่เจ้ามีให้กับเราในฐานะเจ้าสาว
และเรายังจำได้ว่าเจ้าได้ติดตามเราไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
และในดินแดนที่ยังไม่เคยเพาะปลูกมาก่อน
3 อิสราเอลนั้นถูกแยกออกมาสำหรับพระยาห์เวห์ เป็นผลแรกที่ดีเยี่ยมของสิ่งที่พระองค์ปลูก
ใครที่คิดจะกินส่วนนั้น ก็จะต้องถูกลงโทษ
และคนพวกนั้นจะต้องได้รับความหายนะ”
พระยาห์เวห์พูดไว้อย่างนี้
4 พวกเจ้าที่เป็นลูกหลานของยาโคบ
ที่เป็นตระกูลต่างๆที่สืบเชื้อสายมาจากอิสราเอล ฟังคำของพระยาห์เวห์ไว้ให้ดี
5 พระยาห์เวห์พูดไว้อย่างนี้
“บรรพบุรุษของเจ้าไม่พอใจเราตรงไหนหรือ พวกเขาถึงอยากจะไปให้ไกลจากเรา
พวกเขาหันไปติดตามสิ่งที่ไร้ค่า ก็เลยทำให้พวกเขาไร้ค่าไปด้วย
6 บรรพบุรุษของเจ้าไม่ได้พูดว่า ‘พระยาห์เวห์อยู่ที่ไหนแล้ว
พระองค์ผู้ที่ได้นำเราออกมาจากแผ่นดินอียิปต์
ผู้ที่นำเราในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
ในดินแดนที่รกร้างและหุบเขาลึก
ในดินแดนที่แห้งแล้งและอันตราย
ในดินแดนที่ไม่มีใครเคยผ่านเข้าไปมาก่อน
เป็นดินแดนที่ไม่เคยมีคนอยู่มาก่อน’
พระยาห์เวห์พูดว่า
7 แต่เราได้นำเจ้าไปยังแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์
เพื่อให้เจ้าได้กินผลไม้และผลผลิตต่างๆของมัน
แล้วเมื่อเจ้าเข้ามาอยู่ เจ้าก็ได้ทำให้แผ่นดินของเราไม่บริสุทธิ์
และเจ้าได้ทำให้มรดกของเรากลายเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง
8 พวกนักบวชไม่ได้ถามว่า ‘พระยาห์เวห์อยู่ที่ไหน’
และคนพวกนั้นที่เชี่ยวชาญกฎโมเสส ก็ไม่รู้จักเรา
เหล่าผู้เลี้ยงแกะ ก็ได้ทรยศต่อเรา
ส่วนพวกผู้พูดแทนพระเจ้าก็พูดแทนพระบาอัล
ผู้คนก็ไปติดตามสิ่งต่างๆที่ไม่ได้เป็นประโยชน์กับใครเลย”
9 พระยาห์เวห์พูดว่า “เพราะฉะนั้นเราจะยังโต้แย้งกับเจ้าต่อไป
และโต้แย้งกับลูกของเจ้าและหลานของเจ้าด้วย
10 ข้ามไปที่เกาะไซปรัสสิ ไปดูว่าคนที่นั่นทำอะไรกัน
หรือไม่ก็ส่งคนไปที่เคดาร์ ไปสำรวจให้ละเอียด
ไปดูสิว่ามีใครเคยทำอะไรอย่างนี้เหมือนกับที่ยูดาห์บ้างไหม
11 มีชนชาติไหนบ้างที่เอาพระเจ้าของพวกเขาไปแลกกับพระอื่นๆ ไม่มีหรอก
นี่ขนาดพระของคนพวกนั้นไม่ใช่พระเจ้าเที่ยงแท้สักหน่อย
แต่คนของเราสิ กลับเอาศักดิ์ศรีของเราไปแลกกับของที่ไม่ให้ประโยชน์อะไรเลย
12 ฟ้าสวรรค์ทั้งหลาย ให้ตกตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้
ให้สะดุ้งกลัว และหมดเรี่ยวแรงไป”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้แหละ
13 “ที่เราพูดอย่างนี้ เพราะคนของเราได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายต่อเราสองอย่าง คือ
พวกเขาได้ละทิ้งเราซึ่งเป็นน้ำพุที่ไหลริน
เพื่อจะได้ขุดแอ่งเก็บน้ำสำหรับตัวเอง
แต่แอ่งน้ำพวกนั้นเป็นแอ่งน้ำแตกที่กักเก็บน้ำไม่ได้
14 อิสราเอลเป็นทาสหรือยังไง เขาเป็นลูกของคนใช้หรือยังไง ไม่ใช่เลย
แล้วทำไมเขาถึงได้กลายเป็นเชลยสงครามไป
15 พวกสิงโตได้ขู่คำรามใส่อิสราเอล
พวกสิงโตได้ส่งเสียงคำรามดังขึ้น
พวกสิงโตได้ทำให้แผ่นดินของพวกเขาว่างเปล่า
จนไม่เหลือใครเลยในเมืองต่างๆเหล่านั้น
16 แม้แต่ลูกๆของชาวเมมฟิสและชาวทาปานเหส
ก็ยังทำให้หัวของเจ้าบาดเจ็บ
17 ที่มันเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นกับเจ้า ก็ไม่ใช่เพราะเจ้าได้ทอดทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าไปหรอกหรือ
ตอนที่พระองค์นำเจ้าเดินไปตามทางที่ถูกต้อง
18 แล้วตอนนี้ทำไมเจ้าถึงอยากจะเดินกลับไปอียิปต์
เพื่อไปดื่มน้ำจากแม่น้ำไนล์เล่า
และทำไมเจ้าถึงอยากจะไปอัสซีเรีย
เพื่อไปดื่มน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติสเล่า
19 สิ่งชั่วร้ายต่างๆที่เจ้าได้ทำไปจะตีสอนเจ้า
และการหันเหไปจากเราก็จะทำให้เจ้าได้รับบทเรียน
เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่ามันชั่วร้ายและขมขื่นแค่ไหนที่เจ้าได้ทอดทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าไป
และเจ้าก็ไม่ได้มีความเกรงกลัวต่อเราเลย”
พระยาห์เวห์ เจ้านายของผม ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดไว้ว่าอย่างนี้
20 “ที่เราพูดเรื่องนี้ก็เพราะเมื่อก่อนโน้นเจ้าหักแอกของเจ้า เจ้ากระชากเชือกทั้งหลายของเจ้าออก
เจ้าพูดว่า ‘ฉันจะไม่รับใช้พระยาห์เวห์’
แน่ล่ะ ก็เจ้าเล่นนอนเอกเขนกอย่างกับโสเภณีอยู่บนเนินเขาสูงทุกลูก
และใต้ต้นไม้เขียวชอุ่มทุกต้น
21 แต่เราปลูกเจ้าขึ้นมาเหมือนเถาองุ่นอย่างดีจากเมล็ดที่ดีที่สุดที่มีอยู่
แล้วนี่เจ้ากลายพันธุ์ไปเป็นองุ่นป่าได้ยังไงกัน
22 ถึงเจ้าจะเอากรดหรือสบู่สารพัดมาล้างตัว เจ้าก็ยังดูเลอะเปรอะเปื้อน ในสายตาเราอยู่ดี
เพราะการกระทำที่ชั่วช้าของเจ้านั่นแหละ”
พระยาห์เวห์เจ้านายของผม พูดไว้ว่าอย่างนั้น
23 “เจ้าพูดได้ยังไงว่า ‘ฉันไม่ได้ด่างพร้อย
ฉันไม่ได้ติดตามพวกพระบาอัลสักหน่อย’
ดูการใช้ชีวิตของเจ้าในหุบเขาสิ
ให้รับรู้เสียบ้างว่าเจ้าได้ทำอะไรลงไป
เจ้าทำตัวเหมือนอูฐสาวที่อยู่ไม่สุขในช่วงฤดูผสมพันธุ์ของมัน
24 เจ้าเป็นเหมือนลาป่าที่เคยชินกับที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น
หมกมุ่นอยู่กับความอยากของตัวเอง
แล้วก็ดมกลิ่นลม เมื่อถึงเวลาติดสัตว์ของนาง
ใครจะไปเหนี่ยวรั้งนางได้ สัตว์ที่ตามหานางเพื่อผสมพันธุ์ ไม่มีสักตัวที่ต้องตามหานางจนหมดแรง
เพราะพวกเขาต่างหานางได้ง่ายๆในฤดูผสมพันธุ์นั้น
25 ทำไมเจ้าจะต้องวิ่งเท้าเปล่าและหิวน้ำตามพระเหล่านั้น
แต่เจ้ากลับพูดว่า ‘ฉันก็เป็นอย่างนี้แหละ ฉันรักพระของคนต่างชาติ
และฉันจะไปติดตามพวกพระเหล่านั้น’
26 ก็เหมือนกับที่หัวขโมยต้องอับอายขายหน้าเมื่อถูกจับ
ชาติอิสราเอลก็จะต้องอับอายขายหน้าอย่างนั้นเหมือนกัน
ไม่ว่าจะเป็น ตัวพวกมันเอง หรือพวกกษัตริย์ พวกเจ้าหน้าที่ พวกนักบวช หรือพวกผู้พูดแทนพระเจ้าของพวกมัน
27 เรากำลังพูดถึงคนพวกนั้นที่พูดกับต้นไม้ว่า ‘ท่านเป็นพ่อของฉัน’
และคนพวกนั้นที่พูดกับก้อนหินว่า ‘ท่านให้กำเนิดฉันมา’
พวกมันหันหลังให้เรา
ไม่ได้หันหน้าให้เรา
แต่พอพวกมันมีปัญหาก็พูดว่า
‘พระยาห์เวห์เจ้าข้า ลุกขึ้นมาช่วยพวกเราด้วยเถิด’
28 แล้วไหนละ ยูดาห์ พวกพระที่เจ้าทำขึ้นมาให้กับตัวเอง
ให้พวกมันลุกขึ้นมาช่วยพวกเจ้าตอนที่เจ้ามีปัญหาสิ
เพราะเจ้ามีพระตั้งมากมายเท่ากับจำนวนเมืองของเจ้า
29 ทำไมเจ้าถึงเถียงเรา
พวกเจ้าทุกคนทรยศต่อเรา”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้แหละ
30 “เราได้ตีลูกๆของพวกเจ้า แต่การตีนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
พวกเขาไม่ได้รับบทเรียนจากการถูกตีสอนนั้น
เจ้าได้ฆ่าผู้พูดแทนพระเจ้าทุกคนที่เราส่งมาเตือนเจ้า เหมือนสิงโตที่หิวจัด
31 พวกเจ้าที่เป็นคนในรุ่นนี้ ให้สนใจสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดกับเจ้า
‘เราเป็นเหมือนทะเลทรายให้กับอิสราเอลหรือยังไง เราเป็นเหมือนแผ่นดินที่มืดมิดให้กับพวกเขาหรือยังไง’
ทำไมคนของเราถึงได้พูดว่า ‘พวกเราเป็นอิสระไปไหนก็ได้ พวกเราจะไม่มาหาพระองค์อีกแล้ว’
32 มีเจ้าสาวที่ไหนลืมเครื่องประดับของเธอบ้าง
มีเจ้าสาวที่ไหนลืมชุดแต่งงานของตัวเองบ้าง
แต่คนของเรากลับลืมเรานานซะจนนับไม่ถ้วนแล้ว
33 เจ้านี่เก่งจริงๆเลย ที่แสวงหาคนรักอื่นๆ
และเจ้ายังได้สอนคนอื่นๆให้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายต่างๆแบบเดียวกัน
34 เจ้ามีเลือดติตอยู่ที่ฝ่ามือของเจ้า
เป็นเลือดของคนบริสุทธิ์และคนยากจน
เจ้าไม่ได้พบว่าพวกเขาปล้นบ้านของเจ้าสักหน่อย
แต่เมื่อพูดถึงเรื่องพวกนี้ทั้งหมด
35 เจ้าพูดว่า ‘ฉันบริสุทธิ์แน่นอน พระยาห์เวห์จะไม่มีวันโกรธฉันแน่’
ดูสิ เรากำลังนำตัวเจ้าไปศาล เพราะเจ้าพูดว่า ‘ฉันไม่ได้ทำบาป’
36 ทำไมเจ้าเปลี่ยนใจง่ายจัง
อียิปต์ก็จะทำให้เจ้าผิดหวัง เหมือนกับที่อัสซีเรียทำให้เจ้าผิดหวังมาแล้วก่อนหน้านี้
37 เจ้าจะต้องออกจากอียิปต์ด้วยมือกุมหัว
เพราะพระยาห์เวห์ได้ปฏิเสธชนชาติเหล่านั้นที่เจ้าไว้วางใจ
พวกเขาจะไม่ทำให้เจ้าประสบความสำเร็จหรอก”
3 “ถ้าผู้ชายหย่ากับภรรยาของเขา แล้วเธอก็ไปจากเขาและไปแต่งงานกับผู้ชายคนใหม่
หญิงคนนั้นจะกลับมาหาสามีคนแรกของเธอได้อีกหรือ
การทำแบบนั้นจะไม่ทำให้แผ่นดินแปดเปื้อนไปหมดหรือ[a]
แต่ยูดาห์ เจ้าได้สำส่อนกับคู่นอนคนนั้นคนนี้เต็มไปหมด แล้วยังจะมีหน้ากลับมาหาเราอีกหรือ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
2 “เบิกตาดูเนินเขาโล่งเตียนพวกนั้นสิ
แล้วลองหาดูสิว่ามีที่ไหนบ้างที่เจ้าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์
เจ้านั่งรอพวกนั้นอยู่ข้างทาง
เหมือนพวกอาหรับในทะเลทราย
เจ้าทำให้แผ่นดินแปดเปื้อนไปด้วยการสำส่อนทางเพศและความชั่วช้าของเจ้า
3 ดังนั้นฝนที่ตกชุกก็เลยถูกยับยั้งไป
และไม่มีฝนในฤดูใบไม้ผลิ
เจ้ามีหน้าผากของผู้หญิงที่สำส่อน
เจ้ามันไม่มียางอาย
4 เมื่อตะกี้นี้ เจ้าเพิ่งจะร้องหาเราว่า ‘พระบิดาของฉัน
พระองค์เป็นเพื่อนกับฉันมาตั้งแต่สาวๆ’
5 เจ้าพูดว่า ‘พระองค์จะไม่โกรธฉันตลอดไปหรอก
พระองค์จะไม่โกรธไปตลอดกาลหรอก’
เจ้าพูดอย่างนี้
แต่เจ้าก็ทำชั่วมากเท่าที่จะมากได้”
อิสราเอลกับยูดาห์ พี่น้องที่ชั่วช้า
6 ต่อมา พระยาห์เวห์พูดกับผม ในสมัยที่โยสิยาห์เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ พระองค์พูดว่า “เจ้าเห็นสิ่งที่อิสราเอลผู้ไม่สัตย์ซื่อทำไหม นางจะขึ้นไปบนเนินเขาสูงทุกลูกและใต้ต้นไม้เขียวขจีทุกต้น แล้วนางก็จะสำส่อนที่ตรงนั้น 7 เราก็ได้พูดกับตัวเองว่า ‘หลังจากที่นางได้ทำเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว นางก็จะกลับมาหาเราเอง’ แต่นางก็ไม่ได้กลับมา แล้วยูดาห์น้องสาวจอมทรยศของนางก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ 8 นางเห็นเรื่องสำส่อนทุกเรื่องที่อิสราเอลผู้ไม่สัตย์ซื่อได้ทำไป และเห็นว่าเราได้ขับไล่อิสราเอลไป และเราได้หย่ากับนาง แต่ยูดาห์น้องสาวจอมโกงของนางก็ไม่กลัว และนางก็ไปสำส่อนเหมือนกัน 9 อันที่จริง นางเห็นว่าเรื่องสำส่อนของตัวเองนั้นเป็นเรื่องเล็กๆ ดังนั้นนางจึงทำให้แผ่นดินทั้งหมดต้องแปดเปื้อนไป โดยไปล่วงประเวณีกับก้อนหินและต้นไม้[b] 10 และถึงแม้จะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมา ยูดาห์น้องสาวจอมทรยศของนาง ก็ไม่ได้กลับมาหาเรา ด้วยสิ้นสุดใจของนาง แต่แกล้งทำเท่านั้น” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
11 แล้วพระยาห์เวห์ก็บอกกับผมว่า “อิสราเอลผู้ไม่สัตย์ซื่อก็ยังดีกว่ายูดาห์จอมทรยศ 12 เยเรมียาห์ ให้ไปประกาศคำพูดของเราทางเหนือ พูดว่า
‘อิสราเอลผู้ไม่สัตย์ซื่อ กลับมาเถิด’
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
‘เราไม่หน้านิ่วคิ้วขมวดใส่พวกเจ้าอีกแล้ว
เพราะเรามีเมตตา
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
เราไม่สามารถโกรธเจ้าได้ตลอดไปหรอก
13 ขอแค่เจ้ายอมรับว่าเจ้าทำบาป
และยอมรับว่าเจ้าทรยศต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
และยอมรับว่าเจ้าได้ทุ่มตัวให้กับพระต่างชาติมากมายใต้ต้นไม้เขียวขจี
และเจ้าไม่ได้ฟังเสียงของเรา’”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
14 “กลับมาเถอะ ลูกที่ทรยศต่อเรา”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
“เพราะเราเป็นนายของเจ้า
เราจะเอาพวกเจ้ามาเมืองละคน ตระกูลละสองคน
แล้วเราจะนำเจ้าไปที่ศิโยน
15 เราจะให้ผู้เลี้ยงกับเจ้า ที่เราจะเลือกมา และพวกเขาจะเลี้ยงดูเจ้าด้วยความรู้และความเข้าใจ 16 เจ้าจะมีจำนวนมากมาย และเจ้าจะเกิดลูกหลานมากมายบนแผ่นดินในวันนั้น” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ “เมื่อถึงตอนนั้นคนก็จะไม่พูดถึงหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์อีกต่อไป พวกเขาจะไม่คิดถึงมันหรือจดจำมันอีกต่อไป พวกเขาจะไม่คิดถึงมันและจะไม่ทำมันขึ้นมาใหม่อีก 17 ในเวลานั้น ผู้คนจะเรียกเยรูซาเล็มว่า ‘บัลลังก์ของพระยาห์เวห์’ ทุกๆชนชาติจะมารวมตัวกันในวิหารของพระยาห์เวห์ในเมืองเยรูซาเล็ม แล้วพวกเขาก็จะไม่ไปทำตามจิตใจที่ชั่วร้ายดื้อดึงของพวกเขาอีกต่อไป 18 ในวันนั้น ครอบครัวยูดาห์และครอบครัวอิสราเอลจะออกมาจากดินแดนทางเหนือพร้อมๆกัน และไปยังดินแดนที่เราได้มอบให้กับบรรพบุรุษของเจ้าเป็นมรดก
19 และเราได้พูดไว้ว่า
‘เราอยากจะทำกับเจ้าเหมือนกับลูกๆของเราเอง
เราจะให้ดินแดนที่น่าชื่นชมยินดีกับเจ้า
ซึ่งเป็นมรดกที่มีค่าที่สุดในบรรดาชาติทั้งหลายทั้งปวง’
และเราได้พูดกับตัวเองว่าเจ้าจะเรียกเราว่า
‘พระบิดาของข้าพระองค์’
และเจ้าจะไม่หันหลังไปจากเรา
20 แต่ชุมชนอิสราเอล เจ้าได้ทรยศต่อเรา
เหมือนกับภรรยาทรยศต่อคนรักของนาง”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
21 ฟังสิ เสียงมาจากบนเนินเขาโล่งเตียนเหล่านั้น
มันเป็นเสียงของลูกๆของอิสราเอลที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญและอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร
เพราะพวกเขาได้ทำทางของตัวเองให้คดไป
พวกเขาได้ลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา
22 พระยาห์เวห์พูดว่า “กลับมาเถอะลูกๆที่ทรยศต่อเรา
เราจะเยียวยารักษาการทรยศของเจ้าเอง”
ผู้คนก็พูดว่า “เราจะมาหาพระองค์
เพราะพระองค์เป็นพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเรา
23 พวกเนินเขาต่างๆช่วยอะไรไม่ได้แน่นอน
เสียงร้องอึกทึกบนภูเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ความรอดของอิสราเอลอยู่ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราอย่างแน่นอน
24 สิ่งที่น่าอับอายนั้นได้กลืนกินสิ่งที่บรรพบุรุษของเราหามาได้ด้วยการทุ่มเททำงานอย่างหนัก
ตั้งแต่เรายังเป็นหนุ่มสาว
สิ่งเหล่านั้นก็คือฝูงแกะ ฝูงวัว และลูกชายลูกสาวของพวกเขา
25 ขอให้เรานอนลงในความอับอายของตัวเอง
และปล่อยให้ความอับอายขายหน้าคลุมตัวเราไว้
เพราะว่าเราได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
ทั้งเราและบรรพบุรุษของเรา
ตั้งแต่เรายังเป็นหนุ่มสาวจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
เราไม่ได้เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราเลย”
4 พระยาห์เวห์พูดว่า
“อิสราเอล ถ้าเจ้าจะกลับมาหาเราจริงๆ
ถ้าเจ้าจะเอาพวกรูปเคารพของเจ้าไปให้พ้นหน้าเรา
ถ้าเจ้าจะไม่โลเล
2 ถ้าเจ้าจะซื่อสัตย์ ยุติธรรมและจริงใจ
ตอนที่เจ้าสาบานต่อพระยาห์เวห์
แล้วเมื่อนั้นชนชาติต่างๆก็จะได้รับพระพรจากพระองค์
แล้วพวกเขาก็จะร้องสรรเสริญพระองค์”
3 เพราะพระยาห์เวห์บอกกับคนยูดาห์และเยรูซาเล็มว่า
“ทุ่งนาที่ยังไม่ได้ไถ ก็ให้ไถซะ
และอย่าหว่านเมล็ดพืชลงไปในพงหนาม
4 คนยูดาห์และพลเมืองของเยรูซาเล็ม
ให้ขลิบตัวเจ้าเองให้กับพระยาห์เวห์
และขลิบหนังหุ้มใจของเจ้าออกด้วย
ถ้าเจ้าไม่ทำตามสิ่งเหล่านี้
ความโกรธของเราก็จะเผาเจ้าเหมือนไฟ
มันจะเผาผลาญ
และไม่มีใครสักคนที่ดับมันได้
เพราะการกระทำต่างๆของเจ้านั้นชั่วร้ายเหลือเกิน”
ความหายนะจากทางเหนือ
5 “ให้เอาเรื่องนี้ไปบอกกับคนยูดาห์และทำให้คนในเยรูซาเล็มฟังเรื่องนี้ ให้บอกพวกเขาว่า
เป่าแตรเข้าไป
และร้องเรียกให้สุดเสียงและบอกว่า
‘รวบรวมกันเข้ามา
และให้พวกเราหนีไปที่ป้อมปราการกันเถอะ’
6 ยกธงขึ้นเตือนศิโยนว่า
วิ่งหาที่หลบภัย อย่าได้รอช้า
เพราะเราจะนำการทำลายล้าง
และความหายนะครั้งยิ่งใหญ่มาจากทางเหนือ”
7 สิงโตโผล่ออกมาจากถ้ำแล้ว
และผู้ที่จะทำลายชนชาติต่างๆเริ่มเดินทัพแล้ว
สิงโตได้ออกจากบ้านเมืองของมัน
เพื่อมาทำลายแผ่นดินของเจ้า
เมืองต่างๆของเจ้าจะพังพินาศและจะไม่มีใครหลงเหลืออยู่ในเมืองเหล่านั้นเลย
8 เพราะอย่างนี้ ให้สวมผ้ากระสอบร้องไห้คร่ำครวญ
เพราะความโกรธอันร้อนแรงของพระยาห์เวห์ยังไม่ได้หันไปจากเรา
9 พระยาห์เวห์พูดว่า “ในเวลานั้น
กษัตริย์และพวกแม่ทัพของเขาจะเสียขวัญ
พวกนักบวชจะหวาดผวา
และพวกผู้พูดแทนพระเจ้าจะตกตะลึง”
10 แล้วผมก็พูดว่า “ตายแน่ น่าสยดสยองเหลือเกิน พระยาห์เวห์เจ้านายของข้าพเจ้า พระองค์ได้หลอกคนพวกนี้ และเยรูซาเล็ม พระองค์บอกพวกเขาว่า ‘พวกเจ้าจะปลอดภัย’ ในขณะที่ดาบกำลังจ่อคอหอยพวกเขาอยู่”
11 ในเวลานั้น คนพวกนี้และเยรูซาเล็มจะได้ยินว่า “ลมพายุร้อนจากเนินเขาโล่งเตียนจากถิ่นแห้งแล้งในทะเลทรายจะพัดถล่มใส่คนที่น่าสงสารของเรา มันไม่ได้เป็นลมชนิดที่พัดให้แกลบกระจัดกระจายไปหรือเพื่อพัดให้สะอาด 12 แต่เป็นลมที่แรงเกินกว่าที่จะมาทำเรื่องเหล่านั้น เราเป็นผู้ที่ส่งลมนั้นมา ตอนนี้ เราจะประกาศตัดสินลงโทษพวกเขา”
13 พระองค์ลุกขึ้นมาเหมือนเมฆ
พวกรถม้าของพระองค์แล่นเหมือนพายุ
และพวกม้าของพระองค์ว่องไวกว่าพวกนกอินทรี
ผู้คนพูดว่า “ความหายนะเกิดกับพวกเราแล้ว พวกเรากำลังถูกทำลาย”
14 เยรูซาเล็ม ล้างความชั่วร้ายออกจากใจของเจ้าซะ
เพื่อว่า เจ้าจะได้ปลอดภัย
เจ้าจะปล่อยให้แผนชั่วของเจ้าอยู่ในเจ้าไปนานแค่ไหนกัน
15 แน่นอนที่เราพูดอย่างนี้ก็เพราะว่าที่เมืองดานมีคนกำลังพูดกัน
และในแถบเนินเขาเอฟราอิมก็มีคนกำลังพูดกันถึงความหายนะนี้
16 ให้บอกชนชาติต่างๆ
อันที่จริง บอกให้พวกเขารู้เรื่องเยรูซาเล็ม
ข้าศึกกำลังมาจากแดนไกล
และพวกมันก็คุยโวกันว่าพวกมันจะทำอะไรกับเมืองต่างๆของยูดาห์บ้าง
17 พวกมันได้ล้อมเมืองไว้เหมือนทหารยามเฝ้าระวังท้องทุ่ง
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าเมืองเยรูซาเล็มได้ทรยศต่อเรา
พระยาห์เวห์ได้พูดว่าอย่างนั้น
18 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับเจ้าเพราะผลจากการทำชั่วของเจ้าเอง
นี่แหละคือโทษของเจ้า มันขมขื่นจริงๆ
มันจี้ใจดำเจ้าจริงๆ
เยเรมียาห์ร้องไห้
19 ผมรู้สึกป่วยมาก ผมชักดิ้นชักงอด้วยความเจ็บปวด
ใจผมแตกร้าว ใจผมเต้นระรัว
แล้วผมก็ทำให้มันสงบลงไม่ได้
เพราะผมได้ยินเสียงแตรออกศึกที่เตือนว่ากำลังจะเกิดสงคราม
20 หายนะหนึ่งผ่านไป อีกหายนะหนึ่งตามมา
แผ่นดินทั้งหมดได้ถูกทำลายราบคาบ
ทันใดนั้น พวกเต็นท์ของผมก็ถูกทำลาย
ภายในพริบตา พวกม่านของเต็นท์ก็ถูกทำลายไปด้วย
21 ผมจะต้องทนดูธงรบอีกนานแค่ไหน
ผมจะต้องฟังเสียงแตรเรียกรบไปอีกนานแค่ไหนกัน
22 พระยาห์เวห์พูดว่า “คนของเราโง่เขลา
พวกเขาไม่รู้จักเรา
พวกเขาเป็นลูกที่โง่เขลา
และไม่มีสักคนที่เข้าใจ
พวกเขาเก่งแต่เรื่องชั่วๆ
แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำดียังไง”
ความหายนะกำลังมา
23 ผมมองไปที่แผ่นดินมันก็ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย
แล้วผมก็มองขึ้นไปบนฟ้าสวรรค์ก็ไม่เห็นมีแสงสว่าง
24 ผมมองไปที่ภูเขาต่างๆพวกมันกำลังสั่นไหว
และเนินเขาต่างๆกำลังสั่นสะเทือน
25 ผมมองดู และเห็นว่าไม่มีคนเลย
และนกบนฟ้าก็บินหนีไปหมด
26 ผมมองดู และเห็นว่าแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์กลายเป็นที่แห้งแล้ง
และเมืองต่างๆของมันก็ถูกรื้อทำลาย นั่นก็เพราะพระยาห์เวห์ เพราะความโกรธเกรี้ยวของพระองค์
27 เพราะพระยาห์เวห์พูดว่า
“แผ่นดินทั้งหมดจะต้องถูกทำลาย
แต่เราจะไม่ทำลายมันจนหมดเกลี้ยงหรอก
28 เพราะอย่างนี้ แผ่นดินก็เลยร้องไห้คร่ำครวญ
และฟ้าสวรรค์เบื้องบนก็มืดครึ้มไป
เพราะเราได้พูดไปแล้ว เราคิดแผนออกแผนหนึ่ง
เราจะไม่มีวันเปลี่ยนใจหรือยกเลิกแผนของเรา”
29 เมื่อได้ยินเสียงม้าและพวกพลธนู ชาวเมืองทุกเมืองก็หนีไป
พวกเขาหนีเข้าไปแอบอยู่ในพงไม้
และปีนขึ้นไปแอบอยู่ตามซอกหิน[c]
เมืองทุกเมืองถูกปล่อยทิ้งร้าง
ไม่มีใครอาศัยอยู่ในเมืองเลยสักคน
30 เจ้าถูกทำลายจนยับเยินแล้ว
แต่ทำไมเจ้ายังสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงสดอย่างนั้น
เพราะเจ้ายังประดับประดาด้วยทองคำ
และยังใช้สีดำทาตาให้สวยงาม
เจ้าทำตัวเองสวยงาม โดยไม่มีประโยชน์อะไรเลย
คนรักของพวกเจ้าก็ปฏิเสธเจ้าแล้ว
และตอนนี้พวกเขาก็หมายจะเอาชีวิตเจ้า
31 เราพูดอย่างนี้ เพราะเราได้ยินเสียงเหมือนเสียงร้องของผู้หญิง
ที่ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดจากการคลอดลูกคนแรก
เราได้ยินเสียงร้องของลูกสาวศิโยนเธอไขว่คว้าหาอากาศ
เธอยืดแขนออกไปขอความช่วยเหลือ
เธอร้องว่า “ความหายนะเกิดกับฉันแล้วเพราะฉันเหนื่อยจนหนีฆาตกรไม่ไหวแล้ว”
ความชั่วช้าของคนยูดาห์
5 พระยาห์เวห์พูดว่า “วิ่งไปวิ่งมาตามท้องถนนของเยรูซาเล็มสิ แล้วไปดูให้รู้ว่าเป็นอย่างไร ไปค้นหาดูตามลานเมืองต่างๆ
ถ้าเจ้าสามารถหาเจอแค่คนเดียว ใครก็ได้ที่ทำในสิ่งที่ถูกต้องยุติธรรม และเป็นคนที่เชื่อถือได้ แล้วเราจะยกโทษให้กับเยรูซาเล็ม
2 คนพวกนี้เมื่อเขาสาบาน พวกเขาชอบพูดว่า ‘ฉันขอสาบานโดยพระยาห์เวห์’ พวกนี้ก็โกหก สาบานส่งๆไปอย่างนั้นเอง”
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ต้องการให้คนสัตย์ซื่อต่อพระองค์ ใช่ไหม
พระองค์เฆี่ยนตีพวกเขา
แต่พวกเขาก็ไม่รู้สึกเจ็บ
พระองค์เกือบจะทำลายพวกเขา
แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมรับการตีสอนของพระองค์
พวกเขาดื้อด้านเหมือนหิน
พวกเขาไม่ยอมกลับใจ
4 แล้วผมพูดว่า “พวกนี้เป็นแค่คนยากจน
พวกเขาโง่เกินกว่าจะได้รับการสอนอะไร
เพราะพวกเขาไม่รู้จักทางของพระยาห์เวห์
และไม่รู้จักกฎต่างๆของพระเจ้าของเขา
5 ผมจะไปหาคนใหญ่คนโต และพูดกับพวกเขา
เพราะพวกเขารู้จักทางของพระยาห์เวห์
และรู้จักกฎต่างๆของพระเจ้าของเขา”
แต่พวกเขาร่วมกันหักแอก แล้วดึงเชือกวัวจนขาด
6 ดังนั้นสิงโตจากป่าออกมาจู่โจมพวกเขา
หมาป่าจากทะเลทรายออกมาทำร้ายพวกเขา
เสือดาวก็กำลังเฝ้าคอยจับจ้องเมืองต่างๆของพวกเขา
คนที่ออกมาจากเมืองเหล่านั้นก็จะถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้นๆ
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะพวกเขาได้ทรยศต่อพระเจ้าหลายครั้ง
และพวกเขามักจะออกนอกลู่นอกทางของพระเจ้า
7 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะยกโทษให้กับเจ้าได้อย่างไรกัน
ลูกของเจ้าได้ทอดทิ้งเราไป
แถมพวกเขายังไปสาบานกับพวกพระที่ไม่มีตัวตน
เราได้ให้ทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ
แต่พวกเขากลับสำส่อนและมั่วสุมกันตามบ้านโสเภณี
8 พวกเขาเหมือนม้าผู้อ้วนพีที่กลัดมัน
แต่ละคนส่งเสียงเรียกเมียเพื่อนบ้าน
9 เราไม่ควรจะทำโทษพวกเขาเพราะเรื่องพวกนี้หรอกหรือ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
“และเราไม่ควรจะแก้แค้นชนชาติที่เป็นอย่างนี้หรอกหรือ
10 ให้บุกเข้าไปในสวนองุ่นและทำลายพวกมัน
แต่อย่าทำลายจนราบคาบ
ให้ริดกิ่งก้านของเถาองุ่นเหล่านั้น
เพราะพวกมันไม่ได้เป็นของพระยาห์เวห์
11 เพราะว่าคนอิสราเอลและคนยูดาห์ไม่จริงใจกับเราครั้งแล้วครั้งเล่า”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
12 พวกเขาพูดโกหกเกี่ยวกับพระยาห์เวห์
พวกเขาพูดว่า “พระองค์จะไม่ทำอะไรพวกเราหรอก
เรื่องร้ายๆจะไม่เกิดขึ้นกับเราหรอก
และเราก็จะไม่เจอกับสงครามและความอดอยาก”
13 พวกผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอมไม่มีอะไรเลย เป็นแต่ลมๆแล้งๆ
และพระคำของพระเจ้าจะไม่อยู่ในพวกเขา
นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขา
14 ดังนั้นนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด
“เพราะพวกเขาพูดสิ่งต่างๆเหล่านี้
เราจะทำให้คำที่เราใส่ไว้ในปากเจ้าเป็นเหมือนไฟและคนพวกนี้จะเป็นเหมือนต้นไม้
และพระคำต่างๆของพระเจ้าก็จะเผาผลาญพวกเขา
15 ชาวอิสราเอลทั้งหลาย เรากำลังนำชนชาติหนึ่งจากแดนไกลมาสู้รบกับพวกเจ้า
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
มันเป็นชนชาติที่เข้มแข็งที่อยู่มาช้านานแล้ว
และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
มันเป็นชนชาติที่มีภาษาที่เจ้าไม่รู้จัก
และเจ้าก็ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่พวกมันพูดได้
16 แล่งธนูของพวกเขาเป็นเหมือนหลุมศพที่เปิดอ้า
ผู้ชายของเขาทุกคนต่างก็เป็นนักรบ
17 พวกเขาจะเขมือบพืชผลและอาหารของเจ้าจนหมด
พวกเขาจะเขมือบลูกชายลูกสาวของเจ้า
พวกเขาจะกินฝูงแกะและฝูงวัวของเจ้า
พวกเขาจะกินเถาองุ่นและต้นมะเดื่อของเจ้า
พวกเขาจะทลายเมืองที่มีป้อมปราการต่างๆของเจ้า
ป้อมปราการที่เจ้าไว้ใจหนักหนา”
18 พระยาห์เวห์พูดว่า “แต่แม้แต่ในวันนั้น เราก็จะไม่ทำลายเจ้าอย่างสิ้นเชิง 19 และถ้าคนของเจ้าพูดว่า ‘ทำไมพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราถึงทำสิ่งต่างๆเหล่านี้กับเรา’ ก็ให้เจ้าบอกไปว่า ‘ก็เพราะพวกเจ้าทอดทิ้งเราไปบูชาพระต่างชาติในแผ่นดินของเจ้า ดังนั้น เจ้าจะต้องรับใช้พวกต่างชาติในแผ่นดินที่ไม่ใช่ของพวกเจ้าเอง’
20 ให้ประกาศเรื่องนี้ท่ามกลางลูกหลานของยาโคบ
และทำให้ได้ยินไปถึงยูดาห์ด้วย
21 ฟังเรื่องนี้ให้ดี เจ้าพวกคนโง่ที่ขาดสติ
เจ้าที่มีตาแต่ดันมองไม่เห็น
เจ้าที่มีหูแต่ดันไม่ได้ยิน
22 เจ้าไม่ยำเกรงเราเลยหรือ”
พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น
“เจ้าไม่ตัวสั่นงันงกต่อหน้าเราเลยหรือไง
เราเป็นผู้ตั้งทรายขึ้นเป็นขอบเขตน้ำทะเล
ซึ่งเป็นคำสั่งถาวรไม่ให้น้ำทะเลล้นข้ามมันได้
คลื่นซัดไปซัดมาแต่มันก็ไม่เคยพ้นทรายขึ้นมาได้
และคลื่นร้องสนั่นหวั่นไหว แต่ก็ข้ามมันมาไม่ได้อยู่ดี
23 คนพวกนี้ดื้อดึงและมีใจกบฏ
พวกเขาหันหลังไปจากเรา
24 พวกเขาไม่ได้พูดในใจว่า
‘พวกเราน่าจะยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
ผู้ที่ให้ฝนกับเรา ตรงตามฤดูกาลของมัน
ไม่ว่าจะเป็นฝนตอนฤดูใบไม้ร่วงกับฝนตอนฤดูใบไม้ผลิ
ผู้ที่ทำให้เราได้เก็บเกี่ยวในเวลาที่เหมาะสม’
25 ความผิดบาปของพวกเจ้าได้กีดกันเจ้าไม่ให้ได้รับสิ่งเหล่านี้
และบาปต่างๆของเจ้าก็กีดกันเจ้าไม่ให้ได้รับผลผลิต
26 เพราะมีคนชั่วอยู่ในหมู่คนของเรา
พวกมันล่าเหยื่อของมันอย่างเงียบเชียบเหมือนนายพราน
พวกมันวางกับดักและจับมนุษย์
27 บ้านของพวกมันเต็มไปด้วยคนขี้โกง
เหมือนกับตะกร้าที่เต็มไปด้วยนก
เพราะอย่างนี้ พวกมันจึงยิ่งใหญ่และร่ำรวย
28 พวกมันทั้งอ้วนทั้งฉุ
มันทำชั่วยิ่งกว่าคนชั่ว
พวกมันไม่ตัดสินคดีความ
มันไม่สอบสวนคดีของลูกที่ไม่มีพ่อ
และไม่ให้ความยุติธรรมกับคดีของคนยากจน
29 เราไม่ควรจะลงโทษคนพวกนี้สำหรับเรื่องเหล่านี้หรอกหรือ”
นั่นคือสิ่งที่พระยาห์เวห์ถาม
“เราไม่ควรจะแก้แค้นชนชาติอย่างนี้หรอกหรือ”
30 เรื่องน่าขนลุกขนพองและน่าขยะแขยงเกิดขึ้นบนแผ่นดินนี้แล้ว
31 พวกผู้พูดแทนพระเจ้าได้ทำนายเรื่องโกหก
ส่วนพวกนักบวชก็ทำในสิ่งที่พวกผู้พูดแทนพระเจ้าบอก
คนของเราชอบให้มันเป็นอย่างนี้
แต่เจ้าจะทำอย่างไรเมื่อจุดจบมาถึง
ศัตรูรายล้อมเยรูซาเล็ม
6 พระยาห์เวห์พูดว่า “คนเบนยามินทั้งหลาย
ไปยังที่ปลอดภัยนอกเมืองเยรูซาเล็ม
ให้เป่าแตรในเทโคอา
และส่งสัญญาณเตือนเหนือดินแดนเบธฮัคเคเรม
เพราะว่าหายนะ
และการทำลายล้างครั้งใหญ่หลวงกำลังมาจากทางทิศเหนือ
2 เรากำลังทำลายนางสาวศิโยน
ผู้งดงามและบอบบาง
3 พวกคนเลี้ยงแกะและฝูงแกะของพวกเขากำลังจะมาโจมตีเธอ
พวกเขาตั้งเต็นท์ล้อมรอบเธอ
พวกเขาแต่ละคนก็เลี้ยงดูสัตว์ในเขตของตัวเอง”
4 พวกศัตรูพูดกันว่า “เตรียมสู้ศึกกับเธอ
ลุกขึ้น เราจะบุกตอนเที่ยงวัน”
“เอ้า เซ็ง ใกล้จะหมดวันแล้ว
เงาของตอนเย็นเริ่มทอดยาวขึ้นแล้ว”
5 “ลุกขึ้น เราจะบุกตอนกลางคืน
แล้วเราจะทำลายป้อมปราการ”
6 เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด
“ตัดต้นไม้พวกนั้นของเธอซะ
และให้ก่อเนินดินล้อมเมืองเยรูซาเล็ม
นี่เป็นเมืองที่ต้องถูกลงโทษ
เพราะมันเต็มไปด้วยการกดขี่ข่มเหง
7 เยรูซาเล็มดึงดูดความชั่วช้า
เหมือนกับบ่อน้ำที่ดึงดูดน้ำ
ในเมืองเยรูซาเล็มมีแต่ข่าวเกี่ยวกับความรุนแรงและการทำลายล้างทั้งสิ้น
เราเห็นบาดแผลและการเจ็บป่วยของเธอตลอดเวลา
8 เยรูซาเล็ม ฟังคำเตือนนี้ให้ดี
ไม่อย่างนั้น เราจะหันไปจากเจ้าด้วยความขยะแขยง
ไม่อย่างนั้น เราจะทำลายแผ่นดินของเจ้าให้รกร้างและไม่มีคนอยู่”
9 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดคือ
“พวกข้าศึกจะค่อยๆเก็บรวบรวมคนที่ยังหลงเหลืออยู่ในอิสราเอล
เหมือนกับคนที่เก็บรวบรวมองุ่นจากเถาองุ่นจะตรวจดูแต่ละกิ่งอีกครั้ง”
10 เราควรจะพูดหรือเตือนใครดี ใครหรือที่จะฟังเรา
พวกเขาไม่ยอมฟังและไม่สามารถตั้งใจฟังได้
พวกเขาหัวเราะเยาะข่าวสารของพระยาห์เวห์
พวกเขาไม่อยากฟัง
11 ผมเต็มไปด้วยความโกรธของพระยาห์เวห์
ผมหมดแรงจากการพยายามจะเก็บมันไว้
พระยาห์เวห์พูดว่า “ระบายความโกรธของเจ้าใส่เด็กๆตามถนน
และกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่กำลังคุยกันอยู่
ทั้งสามีและภรรยาก็จะถูกจับไปด้วยกัน
และคนแก่เฒ่าก็จะถูกจับในวัยชราเหมือนกัน
12 บ้านของพวกเขาจะถูกยกไปให้กับคนอื่น
พร้อมกับไร่นาและภรรยาของพวกเขา
เพราะว่าเราจะยื่นแขนออกมาต่อสู้กับคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
13 “เพราะพวกเขาทุกคนตั้งแต่คนต่ำต้อยที่สุดไปจนถึงคนใหญ่คนโตที่สุด
ล้วนแต่แสวงหาประโยชน์ด้วยการใช้กำลัง
และตั้งแต่ผู้พูดแทนพระเจ้าไปจนถึงนักบวช
ล้วนแล้วแต่หลอกลวงกัน
14 พวกเขารักษาบาดแผลคนที่น่าสงสารของเราอย่างชุ่ยๆ
พวกเขาพูดว่า ‘สันติสุข สันติสุข’
ทั้งๆที่ไม่มีสันติสุข
15 พวกเขาควรจะละอายเพราะพวกเขาทำในสิ่งที่น่าขยะแขยง
แต่พวกเขากลับไม่ละอายสักนิด
แถมยังไม่รู้จักวิธีถ่อมตัวเสียอีก
ดังนั้น พวกเขาจะล้มหายตายจากไปเหมือนกับคนอื่นๆ
ในเวลาที่เราลงโทษพวกเขา พวกเขาก็จะสะดุดล้มลง”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนั้น
16 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด คือ
“ยืนอยู่ริมถนน ให้มองดูแล้วถามหาทางเก่าแก่
ถามดูว่า ‘ถนนที่ดีสายนั้นอยู่ที่ไหน’
จากนั้นให้เดินไปบนถนนสายนั้น
และจะพบกับความสงบสุขให้ตัวเอง
แต่พวกเขากลับพูดว่า ‘พวกเราจะไม่ไปบนถนนสายนั้น’
17 พระยาห์เวห์พูดว่า ‘เราจะตั้งยามไว้ให้กับเจ้า
เพื่อให้เขาเตือนว่า “ให้ตั้งใจฟังเสียงแตรให้ดี”
แต่พวกเขากลับบอกว่า “พวกเราจะไม่ฟังหรอก”’
18 พระยาห์เวห์พูดว่า ‘ดังนั้น ชนชาติต่างๆฟังไว้ให้ดี
และรับรู้ถึงคำให้การที่ต่อต้านคนอิสราเอล
19 แผ่นดิน ฟังเรื่องนี้ไว้ เรากำลังจะนำความทุกข์ทรมานมาให้กับคนพวกนี้
พวกเขาสมควรจะได้รับมันสำหรับความคิดที่ชั่วร้ายต่างๆอย่างนี้
เพราะพวกเขาไม่สนใจฟังถ้อยคำต่างๆของเรา
ส่วนกฎของเรา พวกเขาก็ปฏิเสธมัน
20 กำยานจากเชบา
และแท่งไม้หอมจากแดนไกล
มันจะไปมีความหมายอะไรสำหรับเรา
เราไม่ยอมรับของถวายพวกนี้ของเจ้าและเราก็ไม่พอใจเครื่องเซ่นไหว้ของเจ้า’”
21 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงพูดอย่างนี้ว่า
“เรากำลังจะให้สิ่งต่างๆที่จะทำให้คนพวกนี้สะดุดล้ม
ทั้งพ่อทั้งลูก
ทั้งเพื่อนบ้านและเพื่อนพวกเขาต้องตายเรียบ”
22 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด คือ
“คนกำลังมาจากดินแดนทางตอนเหนือ
ชนชาติใหญ่ กำลังลุกขึ้นมาจากแดนไกล
23 พวกนั้นถือคันธนูและแหลนหลาว
พวกเขาโหดเหี้ยมไร้ความปรานี
เสียงของพวกเขาดังกึกก้องเหมือนทะเล
พวกเขาขี่ม้า
พวกเขาเข้าสู่สงครามอย่างเป็นกระบวน
เพื่อมาโจมตีเจ้า นางสาวศิโยน”
24 พวกเราได้ยินเกี่ยวกับข่าวนี้
มือไม้อ่อนปวกเปียกไป
ความเจ็บปวดครอบงำเรา
เหมือนผู้หญิงที่กำลังจะคลอดลูก
25 อย่าออกไปในทุ่ง
และอย่าเดินบนถนน
เพราะศัตรูมีดาบ
หันไปทางไหนก็มีแต่เรื่องน่าสยดสยอง
26 ประชาชนที่น่าสงสารของผม ให้ใส่เสื้อกระสอบ
และเอาขี้เถ้ามาใส่หัวซะ
ร้องไห้และคร่ำครวญ
เหมือนกับว่าลูกชายคนเดียวของเจ้าตาย
ร้องไห้อย่างขมขื่นเพราะความหายนะจะเกิดขึ้นกับพวกเราในทันทีทันใด
27 “เยเรมียาห์ เราได้ตั้งเจ้าให้เป็นนักวิเคราะห์โลหะ
ในหมู่คนของเรา
เพื่อว่าเจ้าจะรู้และวิเคราะห์หนทางของพวกเขาได้
28 คนพวกนี้ทั้งหมดปลุกปั่นการกบฏ
เดินไปทั่วเพื่อคอยยุยงให้เกิดความไม่พอใจขึ้น
พวกเขาเป็นเหมือนทองแดงและเหล็ก
พวกมันเป็นนักทำลาย
29 พัดลมทั้งหลายเป่าให้ไฟร้อนแรงขึ้น
ตะกั่วจะหลอมละลายไป
แต่การที่จะหลอมคนเหล่านี้ให้บริสุทธิ์นั้นก็ไร้ประโยชน์
เพราะคนชั่วร้ายยังไม่ถูกแยกออกไปจากพวกเขา
30 คนเยรูซาเล็มได้ฉายาว่า ‘แร่เงินที่ถูกปฏิเสธ’
เพราะพระยาห์เวห์ได้ปฏิเสธพวกเขา”
เยเรมียาห์สั่งสอนในวิหาร
(ยรม. 26:1-6)
7 นี่คือถ้อยคำที่เยเรมียาห์ได้รับจากพระยาห์เวห์ คือ
2 “เยเรมียาห์ ให้ไปยืนอยู่ในประตูวิหารของพระยาห์เวห์ และประกาศข้อความนี้ออกไป
‘พวกเจ้าชาวยูดาห์ทั้งหลายที่กำลังเดินผ่านประตูนี้เข้ามาเพื่อนมัสการพระยาห์เวห์ ฟังสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดให้ดี 3 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอลพูด “ถ้าเจ้าทำตัวดี เราก็จะอาศัยอยู่ที่นี่กับเจ้า 4 อย่าไปหลงเชื่อคำพูดที่หลอกลวงเหล่านั้น ที่ว่า ‘นี่เป็นวิหารของพระยาห์เวห์ วิหารของพระยาห์เวห์ วิหารของพระยาห์เวห์’[d] 5 แต่ถ้าเจ้าทำให้วิถีทางและการกระทำต่างๆของเจ้าดีจริงๆ และให้ความเป็นธรรมต่อกันและกัน 6 ถ้าเจ้าไม่กดขี่คนต่างถิ่น เด็กกำพร้า และแม่หม้าย ถ้าเจ้าไม่ทำให้เลือดของผู้บริสุทธิ์ต้องหลั่งไหลในที่แห่งนี้ และถ้าเจ้าไม่นมัสการพระอื่นๆเพราะมันมีแต่จะทำให้เจ้าเจ็บตัวเปล่าๆ 7 เราก็จะยอมให้เจ้าอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ ในดินแดนที่เราได้มอบให้กับบรรพบุรุษของเจ้าไว้ตลอดไป”’”
8 “เจ้ากำลังไว้วางใจในคำพูดที่หลอกลวงที่ไร้ค่าเหล่านั้น 9 เจ้าไปขโมย ไปฆ่า ไปมีชู้ ไปสัญญาที่เจ้าไม่คิดจะรักษา ไปเผาเครื่องหอมให้พระบาอัล และไปบูชาพระอื่นๆที่เจ้าไม่รู้จัก 10 แล้วกลับมายืนอยู่ต่อหน้าวิหารนี้ ที่มีชื่อของเราอยู่ แล้วพวกเจ้าก็พูดว่า ‘พวกเราได้รับความรอดแล้ว’ อย่างนั้นหรือ ที่เจ้าทำอย่างนี้ ก็เพื่อเจ้าจะได้กลับไปทำเรื่องชั่วช้าพวกนั้นอีกใช่ไหม 11 เจ้าเห็นวิหารนี้ ที่มีชื่อเราตั้งอยู่ กลายเป็นซ่องโจรไปแล้วใช่ไหม แม้แต่เราเองก็ยังเห็นมันเป็นอย่างนั้นเลย” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
12 “พวกเจ้าคนยูดาห์ ไปสิ ไปยังสถานที่ของเรา ที่อยู่ในชิโลห์[e] เราได้ตั้งที่นั่นเป็นที่แรกสำหรับให้ชื่อของเราสถิตอยู่ ไปดูสิว่าเราได้ทำอะไรกับมันบ้าง เพราะความชั่วช้าของอิสราเอลคนของเรา 13 แล้วตอนนี้ พวกเจ้าคนอิสราเอลก็ได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายพวกนี้” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น “และถึงแม้เราได้เตือนเจ้าตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว แต่เจ้ากลับไม่ฟังเรา แถมเมื่อเราเรียกเจ้า เจ้าก็ไม่ตอบเสียอีก 14 ดังนั้น เราจะทำกับวิหารที่มีชื่อของเราตั้งอยู่ ที่เจ้าไว้วางใจนักหนา และเราจะทำกับสถานที่ที่เราได้มอบให้กับบรรพบุรุษของเจ้า อย่างเดียวกับที่เราทำกับชิโลห์ 15 เราจะเหวี่ยงเจ้าออกไปให้พ้นหน้าเรา เหมือนกับที่เราเคยเหวี่ยงพวกพี่น้องของเจ้าทั้งหมด พวกที่สืบเชื้อสายมาจากเอฟราอิม”
16 “ส่วนเจ้าเยเรมียาห์ ไม่ต้องอธิษฐานเผื่อคนกลุ่มนี้ และไม่ต้องร้องไห้ให้พวกเขาด้วย เจ้าไม่ต้องอธิษฐานต่อเราให้กับพวกเขา เพราะคำอธิษฐานจะมาไม่ถึงเรา เราจะไม่ฟังเจ้า 17 เจ้าไม่เห็นหรือยังไง ว่าพวกมันกำลังทำอะไรในเมืองยูดาห์และตามท้องถนนของเมืองเยรูซาเล็ม 18 พวกลูกๆกำลังเก็บฟืน ส่วนพวกพ่อกำลังจุดไฟ พวกผู้หญิงกำลังนวดแป้งทำขนมปังสำหรับเจ้าแม่แห่งสวรรค์ และกำลังเทเครื่องดื่มบูชาถวายพระอื่นๆเพื่อยั่วโมโหเรา” 19 พระยาห์เวห์พูดว่า “พวกเขาคิดว่ากำลังยั่วโมโหเราหรือ ไม่เลย อันที่จริง พวกเขากำลังทำกับตัวเองต่างหาก พวกเขาถึงต้องอับอายขายหน้า”
20 ดังนั้นนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ เจ้านายของผมพูดคือ “ความโกรธและความแค้นของเรากำลังจะเทออกมายังวิหารนี้ เทใส่ทั้งคน สัตว์ ต้นไม้ตามท้องทุ่ง และผลผลิตจากพื้นดิน ความโกรธของเราจะเผาไหม้อยู่ และจะไม่มีวันดับ”
พระยาห์เวห์อยากให้เชื่อฟังมากกว่าให้เครื่องบูชา
21 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอล พูด “เพิ่มเครื่องเผาบูชาเข้าไปในเครื่องเซ่นไหว้ของเจ้าด้วย กินเนื้อซะด้วย 22 ตอนที่เราพาบรรพบุรุษของพวกเจ้าออกมาจากอียิปต์นั้น เราไม่ได้สั่งอะไรพวกเขาเลยเกี่ยวกับเรื่องเครื่องเผาบูชาและเครื่องเซ่นไหว้ เราไม่ได้บอกบรรพบุรุษของพวกเจ้าให้ทำอย่างนั้น 23 แต่สิ่งที่เราสั่งให้พวกเขาทำ คือ ‘ให้ฟังเสียงของเรา แล้วเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า และเจ้าจะเป็นคนของเรา ให้เจ้าเดินในทางที่เราสั่งเจ้า นั่นจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเจ้า’”
24 “แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง และทำเป็นหูทวนลม กลับไปทำตามความต้องการชั่วๆของตัวเอง พวกเขากลับเดินถอยหลังแทนที่จะเดินไปข้างหน้า 25 ตั้งแต่วันนั้นที่บรรพบุรุษของเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ จนถึงวันนี้ เราได้ส่งพวกผู้รับใช้ของเรา พวกผู้พูดแทนพระเจ้า ไปหาพวกเจ้าทุกวัน 26 แต่พวกเขาไม่ยอมฟังเรา และไม่ยอมเงี่ยหูฟัง พวกเขาดื้อดึงหัวแข็ง พวกเขาชั่วร้ายยิ่งกว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเสียอีก”
27 “เยเรมียาห์ เจ้าจะเอาคำพูดทั้งหมดนี้ไปบอกกับพวกเขา แต่พวกเขาจะไม่ฟังเจ้า เจ้าจะเรียกพวกเขา แต่พวกเขาจะไม่ตอบเจ้า 28 เจ้าจะต้องบอกกับพวกเขาว่า ‘นี่คือชนชาติที่ไม่ยอมฟังเสียงของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเขา และไม่ยอมรับการตีสอนจากพระองค์ ความจริงได้ตายไปเสียแล้ว และมันก็หายไปจากปากของพวกเขา’”
หุบเขาแห่งการฆ่า
29 “เยเรมียาห์ ตัดผมของเจ้าทิ้งไป แล้วขึ้นไปร้องไห้คร่ำครวญบนเนินเขาโล้นเตียนซะ เพราะพระยาห์เวห์ได้ปฏิเสธและทอดทิ้งคนรุ่นนี้ที่ยั่วโมโหพระองค์ไปแล้ว 30 เพราะพวกคนยูดาห์ ได้ทำในสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาเรา” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น “พวกเขาได้เอาสิ่งที่น่าขยะแขยงมาไว้ในวิหารที่มีชื่อของเราสถิตอยู่ เพื่อทำให้วิหารนั้นเป็นมลทินไป 31 พวกเขาสร้างที่สูงของโทเฟท ที่อยู่ในหุบเขาของบุตรชายของฮินโนมเพื่อเผาลูกชายลูกสาวตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่เคยสั่งหรือไม่เคยแม้แต่จะคิด 32 ดังนั้น วันนั้นจึงกำลังจะมาถึง” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น “วันที่จะไม่มีใครพูดถึงโทเฟทและหุบเขาของบุตรชายของฮินโนมอีกเลย แต่ผู้คนจะเรียกมันว่า หุบเขาแห่งการฆ่า และพวกเขาจะฝังศพไว้ที่โทเฟท จนกระทั่งไม่เหลือที่ให้ฝังศพอีกต่อไป 33 ส่วนศพของชนชาตินี้ก็จะกลายเป็นอาหารของนกในอากาศ และของพวกสัตว์ป่าบนพื้นดิน และจะไม่มีใครไล่พวกมันไป 34 เราจะทำให้เสียงสนุกสนาน เสียงงานรื่นเริง และเสียงของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวหยุดลงในบ้านเมืองยูดาห์และตามท้องถนนของเมืองเยรูซาเล็ม เพราะดินแดนนี้จะถูกปล่อยทิ้งร้าง”
8 พระยาห์เวห์พูดว่า “ในเวลานั้น พวกเขาจะขุดกระดูกของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ ของพวกแม่ทัพ ของพวกนักบวช ของพวกผู้พูดแทนพระเจ้า และของชาวเมืองเยรูซาเล็มออกมาจากหลุมฝังศพของพวกเขา 2 แล้วพวกเขาจะเกลี่ยกระดูกของคนพวกนี้ออก ภายใต้ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวต่างๆบนท้องฟ้า สิ่งเหล่านี้ที่คนเยรูซาเล็มรักและรับใช้ ที่พวกเขาติดตามและแสวงหา และที่พวกเขากราบไหว้บูชา กระดูกของพวกเขาจะไม่ถูกรวบรวมไว้ด้วยกัน และจะไม่เอาไปฝัง พวกมันจะเป็นเหมือนมูลสัตว์ที่อยู่หน้าดิน
3 ส่วนคนเหล่านั้นที่ยังหลงเหลืออยู่ก็อยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่ คนพวกนี้คือคนที่หลงเหลืออยู่จากตระกูลชั่วช้านี้ คนพวกนี้จะไปอยู่ในที่อื่นๆที่เหลือ ซึ่งเราได้ขับไล่พวกเขาไป” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่าอย่างนี้
ความบาปและการลงโทษ
4 “เยเรมียาห์ เจ้าต้องบอกสิ่งนี้กับคนยูดาห์ว่า
‘พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้คือ
เมื่อคนล้มลง
เขาจะไม่ลุกขึ้นมาอีกแล้วหรือ
ถ้าคนหลงไปจากทาง
เขาจะไม่วกกลับมาอีกแล้วหรือ
5 แล้วทำไมคนพวกนี้ถึงได้หันหนีไปจากเรา
ทำไมเยรูซาเล็มถึงหันหนีไปจากเราอยู่เรื่อย
พวกเขายึดอยู่กับการหลอกลวง
ไม่ยอมหันกลับมาหาเรา
6 เราได้ฟังพวกเขาอย่างตั้งใจ
แต่พวกเขาพูดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง
ไม่มีใครกลับใจจากความชั่วเลย
หรือพูดว่า “ฉันทำอะไรลงไปนี่”
พวกเขาทั้งหมดหันไปตามทางของตัวเอง
เหมือนม้าที่วิ่งห้อเข้าสู่สนามรบ
7 แม้แต่นกกระสาบนฟ้าก็ยังรู้เวลาที่ถูกกำหนดให้กับมัน
นกเขา นกนางแอ่น และนกกระเรียนนั้นเฝ้าคอยเวลาที่จะอพยพไป
แต่คนของเรากลับไม่รู้ว่าพระยาห์เวห์คาดหวังอะไรจากเขา’”
8 “พวกเจ้าจะพูดได้อย่างไรว่า ‘พวกเราฉลาด’
และ ‘พวกเรามีกฎของพระยาห์เวห์’
อันที่จริง พวกคัดลอกกฎได้ใช้ปากกาของเขาโกหก
จึงทำให้กฎของพระยาห์เวห์โกหกไปด้วย
9 คนฉลาดถูกลบหลู่
พวกเขาถูกทำให้ขวัญหนีดีฝ่อ และพวกเขาก็ถูกจับ
พวกเขาไม่ยอมรับพระคำของพระยาห์เวห์
แล้วพวกเขาจะอ้างว่าตัวเองฉลาดได้ยังไง
10 ดังนั้นเราจะยกเมียของพวกเขาไปให้กับคนอื่น
แล้วก็ยกไร่นาของพวกเขาไปให้กับพวกเจ้าของใหม่
เพราะจากคนที่ยากจนที่สุดไปจนถึงคนรวยที่สุดก็ล้วนแต่มีแนวโน้มที่จะหาผลประโยชน์จากความรุนแรง
และจากพวกผู้พูดแทนพระเจ้าไปจนถึงพวกนักบวช ต่างก็พูดโกหก
11 พวกเขารักษาบาดแผลของคนที่น่าสงสารของเราอย่างชุ่ยๆ
แล้วก็พูดว่า ‘สันติสุข สันติสุข ทั้งๆที่ไม่มีสันติสุข’
12 พวกเขาควรจะละอายใจ ที่ทำในสิ่งที่น่าขยะแขยง
แต่พวกเขากลับไม่ละอายใจเลย
แถมพวกเขายังไม่รู้จักถ่อมตัวด้วย
ดังนั้น พวกเขาจะต้องล้มลงด้วยกันกับคนอื่นที่ล้มลง
ในเวลาที่เราลงโทษพวกเขา พวกเขาจะต้องล้มลง” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
13 “เราจะเก็บรวบรวมผลผลิตของพวกเขาไป” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
“จะไม่มีองุ่นเหลืออยู่บนเถาอีกต่อไป
จะไม่มีลูกมะเดื่ออยู่บนต้นอีก
และใบของมันก็จะเหี่ยวแห้งไป
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราให้กับพวกเขาก็จะสูญเสียไป
14 คนพูดกันว่า ‘พวกเรามามัวนั่งทำอะไรกันอยู่ที่นี่
รวบรวมกันและยกพวกกันเข้าไปในเมืองที่มีป้อมปราการ ถ้าจะถูกทำลายก็ให้ไปถูกทำลายที่นั่นเถอะ
เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเราได้กำหนดไว้แล้วว่า พวกเราจะต้องพินาศ
และพระองค์ทำให้เราดื่มยาพิษ
เพราะว่าเราทำบาปต่อพระองค์’
15 พวกเขารอคอยความสงบสุข แต่กลับไม่มีอะไรดีขึ้นเลย
พวกเขารอคอยเวลาแห่งการเยียวยา แต่ดูสิ กลับมีแต่ความน่ากลัว”
16 พระยาห์เวห์พูดว่า “มีเสียงทัพม้าคำรามมาจากเมืองดาน
แผ่นดินทั้งสิ้นสั่นสะเทือนไปด้วยเสียงร้องของม้าฉกรรจ์
พวกมันจะมากลืนกินแผ่นดินและทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในแผ่นดินนั้น
พวกมันจะกลืนกินเมืองและคนที่อาศัยอยู่ในนั้น
17 เรากำลังส่งงูมาท่ามกลางพวกเจ้า
เป็นพวกงูพิษที่ไม่มีวันร่ายมนต์สะกดได้
พวกมันจะกัดพวกเจ้า”
พระยาห์เวห์บอกว่าอย่างนั้น
18 ผมรู้สึกเศร้าจับใจ
ใจของผมเหนื่อยอ่อน
19 ผมได้ยินเสียงร้องของคนที่ผมรักจากแดนไกลว่า
“พระยาห์เวห์ไม่ได้อยู่ในศิโยนหรือ
กษัตริย์ของศิโยนไม่ได้อยู่ในเมืองหรือ”
พระยาห์เวห์พูดว่า “แล้วทำไมพวกเขาถึงยั่วโมโหเรา
ด้วยรูปเคารพจากต่างชาติที่ไม่เที่ยงแท้เล่า”
20 ผู้คนพูดว่า “ฤดูเก็บเกี่ยว ก็ผ่านไปแล้ว หมดหน้าร้อนแล้ว
แต่เราก็ยังไม่ได้รับการช่วยชีวิตเลย”
21 คนที่ผมรักบาดเจ็บ ผมก็เลยบาดเจ็บไปด้วย
ผมรู้สึกหมดหวัง และใจผมเต็มไปด้วยความท้อแท้
22 พระยาห์เวห์พูดว่า “ไม่มียาในกิเลอาดเลยหรือ
ไม่มีหมออยู่ที่นั่นเลยหรือ ทำไมถึงไม่มีใครรักษาคนที่เรารักเลย”
9 ผมอยากจะให้หัวของผมเต็มไปด้วยน้ำ
และดวงตาของผมเป็นน้ำพุแห่งน้ำตา
ผมจะได้ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน
ผมจะได้ร้องไห้ให้กับคนที่ผมรักที่ถูกฆ่า
2 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราหวังเหลือเกินว่าเราจะมีที่หยุดพัก
สำหรับคนเดินทางในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
เพื่อว่าเราจะได้ทิ้งคนของเรา
และไปให้พ้นๆพวกเขา
เพราะพวกเขาทุกคนเป็นคนเล่นชู้
และเป็นกลุ่มของคนขี้โกง
3 พวกเขาโก่งลิ้นของพวกเขาเหมือนคันธนู
และพวกเขาประสบความสำเร็จในแผ่นดินนี้ ด้วยการหลอกลวง ไม่ใช่ด้วยความสัตย์ซื่อ
เพราะพวกเขาทำชั่วซ้ำแล้วซ้ำอีก
และพวกเขาก็ไม่รู้จักเราด้วย”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
4 “พวกเขาปกป้องตัวเองจากเพื่อนบ้าน
และแม้แต่พี่น้องของพวกเจ้าเองก็ยังไว้ใจไม่ได้
เพราะพี่น้องทุกคนขี้โกง
และเพื่อนบ้านทุกคนก็ชอบนินทา
5 ผู้คนโกงเพื่อนบ้านของเขาเอง
และไม่พูดความจริง
พวกเขาสอนลิ้นตัวเองให้พูดโกหก
พวกเขาทำให้ตัวเองเหนื่อยอ่อนด้วยการทำผิด
6 เยเรมียาห์ บ้านของเจ้าตั้งอยู่ท่ามกลางคนขี้โกง
พวกเขาปฏิเสธที่จะรู้จักเรา”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
7 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด คือ
“เรากำลังจะหลอมพวกเขาให้บริสุทธิ์ด้วยไฟ
และทดสอบพวกเขาด้วยไฟ
ถ้าเราไม่ทำอย่างนี้แล้ว
เราจะทำอะไรให้กับคนที่น่าสงสารของเราได้อีกหรือ
8 ลิ้นของพวกเขาแหลมคมเหมือนธนู
เขาพูดโกหกด้วยปากของเขา
พวกเขาแต่ละคนพูดกับเพื่อนบ้านอย่างเป็นมิตร
แต่ในใจกลับคิดหาทางเอาเปรียบเพื่อนบ้านอยู่
9 เพราะเรื่องพวกนี้ สมควรที่เราจะลงโทษพวกเขาอีกครั้ง ไม่ใช่หรือ” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น
“สมควรที่เราจะแก้แค้นชนชาติที่ทำตัวอย่างนี้ ไม่ใช่หรือ”
10 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะร้องไห้คร่ำครวญให้ภูเขา
และเราจะร้องเพลงงานศพให้ทุ่งหญ้าในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
เพราะพวกมันถูกทิ้งร้างว่างเปล่า เพื่อจะได้ไม่มีใครเดินผ่านมา
และพวกมันก็ไม่ได้ยินเสียงวัวในแผ่นดินนั้น
แม้แต่นกบนท้องฟ้าไปจนถึงสัตว์ป่าก็หนีไปกันหมดแล้ว
พวกมันไปกันหมดแล้ว
11 เราจะทำให้เยรูซาเล็มกลายเป็นกองหิน
เป็นที่อยู่ของหมาไน
และเราจะทำให้บ้านเมืองในยูดาห์กลายเป็นซากปรักหักพัง
ที่ไม่มีใครเหลือสักคน”
12 มีใครที่เฉลียวฉลาดพอที่จะเข้าใจเรื่องนี้บ้าง และขอให้คนที่พระยาห์เวห์พูดด้วย อธิบายเรื่องนี้ให้หน่อยว่าทำไมแผ่นดินถึงถูกทำลาย ทำไมต้องถูกเผาและทิ้งร้างเหมือนทะเลทรายที่ไม่มีใครเดินผ่าน 13 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดว่า “ที่เป็นอย่างนี้เพราะพวกเขาทอดทิ้งกฎของเรา ที่เราได้ให้ไว้ต่อหน้าพวกเขา พวกเขาไม่ฟังเสียงของเรา และพวกเขาก็ไม่เดินตามกฎนั้น 14 แต่พวกเขายืนกรานที่จะทำตามจิตใจที่ดื้อดึงของตัวเอง พวกเขาหันไปติดตามพระบาอัลเหมือนกับที่บรรพบุรุษของพวกเขาสอนให้พวกเขาทำ” 15 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอลพูด คือ “เราจะทำให้คนพวกนี้ต้องกลืนกินความขมขื่น และเราจะทำให้พวกเขาดื่มยาพิษ 16 เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามชนชาติต่างๆที่พวกเขาและบรรพบุรุษของพวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน เราจะส่งดาบตามล่าพวกเขาไป จนกว่าเราจะทำลายพวกเขาจนสิ้นซาก”
17 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด
“ให้ไตร่ตรองดูถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
แล้วไปเรียกพวกผู้หญิงที่รับจ้างร้องไห้ในงานศพมา
ให้ไปเชิญพวกผู้หญิงที่ชำนาญในเรื่องนี้มา”
18 ผู้คนพูดว่า
“ให้พวกนางมาเร็วๆแล้วมาร้องไห้ให้พวกเรา
น้ำตาจะได้ไหลออกมาจากตาของพวกเรา
และเปลือกตาของพวกเราจะได้มีน้ำตาไหลนอง”
19 เพราะได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญจากศิโยนว่า
“เราถูกทำลายถึงขนาดนี้ได้ยังไง
พวกเราอับอายเหลือเกิน
เพราะพวกเราถูกบีบบังคับให้ทิ้งแผ่นดินนี้
เมื่อพวกศัตรูพังทลายบ้านของพวกเรา”
20 ไปเรียกพวกผู้หญิง และบอกพวกเขาว่า “พวกผู้หญิง ให้ฟังพระคำของพระยาห์เวห์
และฟังว่าพระองค์พูดอะไร
ให้สอนลูกสาวของพวกเจ้าถึงวิธีร้องไห้ไว้ทุกข์
และให้ผู้หญิงไปสอนเพื่อนบ้านของเธอให้ร้องเพลงไว้ทุกข์นี้ด้วย ที่ว่า
21 โธ่ ความตายเข้ามาทางหน้าต่างแล้ว
มันเข้ามาในป้อมปราการของเราแล้ว
มันมาเพื่อกำจัดเด็กๆให้หมดไปจากถนน
และกำจัดคนหนุ่มออกจากสี่แยกต่างๆ”
22 เยเรมียาห์ ให้พูดเรื่องพวกนี้
นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด “ศพคนจะกองกันอยู่บนพื้นเหมือนมูลสัตว์
เหมือนฟ่อนข้าวที่ถูกทิ้งไว้หลังเก็บเกี่ยว
และไม่มีใครไปเก็บรวบรวมมัน”
23 พระยาห์เวห์พูดว่า
“อย่าให้คนฉลาด
โอ้อวดสติปัญญาของตัวเอง
อย่าให้คนแข็งแรง
โอ้อวดความแข็งแกร่งของตัวเอง
และอย่าให้คนรวย
โอ้อวดความร่ำรวยของตัวเอง
24 แต่ให้คนที่โอ้อวด โอ้อวดเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ
ให้เขาโอ้อวดว่าเขามีความเข้าใจและรู้จักเรา
เขารู้ว่าเราคือยาห์เวห์
ผู้ที่มีความรักมั่นคง มีความยุติธรรม
และมีความชอบธรรมในแผ่นดินนี้
และเขาก็รู้ว่าเราชอบใจในเรื่องพวกนี้”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้
25 พระยาห์เวห์พูดว่า “วันเหล่านั้นกำลังจะมาถึงแล้ว วันที่เราจะจัดการลงโทษทุกคนที่ทำพิธีขลิบแต่เปลือกนอก 26 เราจะลงโทษอียิปต์ ยูดาห์ เอโดม อัมโมน และโมอับ และเราจะลงโทษคนพวกนั้นทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งและเข้าพิธีโกนผมจอน[f] เพราะพลเมืองของชนชาติอื่นๆทั้งหมด ยังไม่ได้ทำพิธีขลิบ แต่คนอิสราเอลทั้งหมดยังไม่ได้ทำพิธีขลิบที่ใจ”
พระยาห์เวห์กับรูปเคารพ
10 คนอิสราเอล ให้ฟังสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดกับเจ้า 2 พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้คือ
“อย่าไปเรียนรู้วิถีทางของชนชาติต่างๆ
และอย่ากลัวปรากฏการณ์ต่างๆบนท้องฟ้า
ใช่ ชนชาติต่างๆพากันเกรงกลัวสิ่งเหล่านั้น
3 ประเพณีต่างๆของคนต่างชาตินั้นไม่มีประโยชน์
คนหนึ่งในพวกนั้นจะตัดต้นไม้จากป่า
มันเป็นผลงานที่ช่างแกะสลักทำขึ้นมากับมือและกับเครื่องมือของเขา
4 เขาตกแต่งมันด้วยเงินและทอง
เขาเอาค้อนตอกตะปูยึดมันไม่ให้โคลงเคลง
5 พวกมันเป็นเหมือนหุ่นไล่กาในไร่แตงกวา
พวกมันพูดไม่ได้
ต้องให้คนอุ้มไปเพราะเดินเองก็ไม่ได้
อย่าไปกลัวพวกมัน
เพราะมันทำร้ายเจ้าไม่ได้หรอก
และมันก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้เหมือนกัน”
6 พระยาห์เวห์ ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่าพระองค์อีกแล้ว
ชื่อของพระองค์ยิ่งใหญ่และทรงพลัง
7 จะมีใครกันที่ไม่ยำเกรงพระองค์ พระองค์เป็นกษัตริย์ของชนชาติต่างๆ
พระองค์สมควรจะได้รับความยำเกรง
เพราะไม่มีใครเหมือนกับพระองค์แม้แต่คนฉลาดของทุกชนชาติ
และคนฉลาดของอาณาจักรทั้งหลาย
8 พวกนั้นทั้งโง่ทั้งทึ่ม
พวกเขาร่ำเรียนในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์
และครูผู้สอนของเขาก็คือต้นไม้นั่นเอง
9 เงินที่ถูกทุบเป็นแผ่นนั้นก็เอามาจากทารชิช
ส่วนทองก็เอามาจากอุฟาส
รูปเคารพต่างๆที่ชนชาติทั้งหลายกราบไหว้บูชานั้นก็เป็นผลงานของช่างแกะสลักและเป็นฝีมือของช่างทอง
เสื้อผ้าของรูปเคารพนั้นทำจากผ้าสีม่วง
พวกมันทั้งหมดเป็นผลงานของช่างผู้ชำนาญ
10 แต่พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าที่เที่ยงแท้
พระองค์เป็นพระเจ้าที่มีชีวิตจริงๆและเป็นกษัตริย์ตลอดกาล
แผ่นดินสั่นสะเทือนเมื่อพระองค์โกรธ
และชนชาติต่างๆย่อมไม่สามารถต้านทานความโกรธของพระองค์ได้
11 พระยาห์เวห์พูดว่า “นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าจะต้องบอกกับพวกเขา ในเมื่อพระพวกนั้นไม่ได้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกขึ้นมา พวกมันก็จะต้องพินาศไปจากแผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์”
12 แต่พระยาห์เวห์เป็นผู้สร้างแผ่นดินโลกด้วยพละกำลังของพระองค์
พระองค์เป็นผู้ก่อตั้งโลกนี้ขึ้นมาด้วยสติปัญญาของพระองค์
และเป็นผู้กางฟ้าสวรรค์ออกด้วยความรู้ของพระองค์เอง
13 เมื่อพระองค์พูดมันเหมือนกับเสียงน้ำบนฟ้าสวรรค์
แล้วเมฆหมอกก็ลอยขึ้นมาจากสุดขอบโลก
พระองค์สร้างสายฟ้าแลบขึ้นสำหรับฝน
ส่วนสายลมก็พัดออกมาจากคลังของพระองค์
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International