Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the CEB. Switch to the CEB to read along with the audio.

Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
อพยพ 21:22-23:13

22 “หากชายสองคนต่อสู้กัน เผอิญหญิงมีครรภ์ถูกลูกหลงเข้าถึงกับคลอดก่อนกำหนด[a] แต่ไม่บาดเจ็บสาหัส คนที่ทำร้ายนางจะต้องถูกปรับตามแต่สามีของนางจะเรียกร้องและตามที่ตุลาการตัดสิน 23 แต่หากนางบาดเจ็บสาหัส ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต 24 ตาแทนตา ฟันแทนฟัน มือแทนมือ เท้าแทนเท้า 25 รอยไหม้แทนรอยไหม้ บาดแผลแทนบาดแผล รอยฟกช้ำแทนรอยฟกช้ำ

26 “หากนายทำร้ายทาสชายหรือหญิงถึงกับตาบอด เขาต้องปล่อยทาสนั้นให้เป็นอิสระเพื่อชดใช้แทนดวงตาของทาสนั้น 27 และหากนายทำให้ฟันของทาสชายหรือหญิงหัก เขาต้องปล่อยทาสนั้นเป็นอิสระเพื่อชดใช้แทนฟัน

28 “หากวัวตัวใดขวิดคนไม่ว่าชายหรือหญิงถึงแก่ความตาย จงเอาหินขว้างวัวให้ตาย และอย่ากินเนื้อมัน แต่เจ้าของวัวไม่ต้องรับผิดชอบ 29 แต่หากเป็นที่รู้กันว่าวัวนั้นมีนิสัยชอบขวิดคนและมีคนเตือนเจ้าของแล้ว แต่เจ้าของยังไม่ขังวัวของตนให้ดี ถ้ามันไปขวิดคนตายไม่ว่าชายหรือหญิง จงเอาหินขว้างวัวให้ตายและประหารเจ้าของวัวด้วย 30 อย่างไรก็ตามหากเขาถูกเรียกค่าปรับ เขาจะไถ่ชีวิตตัวเองโดยยอมจ่ายค่าปรับตามที่ถูกเรียกร้องก็ได้ 31 กฎข้อนี้ใช้ในกรณีที่วัวขวิดบุตรชายหรือบุตรสาวด้วย 32 แต่ถ้าขวิดทาส ไม่ว่าหญิงหรือชาย ก็ให้เจ้าของวัวจ่ายเงินหนัก 30 เชเขล[b] ให้กับเจ้าของทาส และจงเอาหินขว้างวัวให้ตาย

33 “ถ้าผู้ใดเปิดบ่อหรือขุดบ่อและไม่ปิดฝาบ่อ แล้วมีวัวหรือลาตกลงไป 34 เจ้าของบ่อจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้เจ้าของสัตว์ และสัตว์ที่ตายจะตกเป็นของเจ้าของบ่อ

35 “หากวัวของใครไปขวิดวัวของคนอื่นตาย เจ้าของวัวทั้งสองจะขายวัวที่ยังมีชีวิต แล้วนำเงินที่ได้นั้นกับวัวที่ตายมาแบ่งเท่าๆ กัน 36 แต่หากเป็นที่รู้กันว่าวัวนั้นมีนิสัยชอบขวิดแต่เจ้าของไม่ขังให้ดี ก็ให้เจ้าของวัวชดใช้โดยยกวัวตัวนั้นให้อีกฝ่าย แล้วรับวัวตัวที่ตายไปเป็นของตน

การคุ้มครองทรัพย์สิน

22 “หากผู้ใดขโมยวัวหรือแกะมา แล้วฆ่าหรือขายไป เขาจะต้องชดใช้วัวห้าตัวสำหรับวัวหนึ่งตัว และแกะสี่ตัวสำหรับแกะหนึ่งตัว

“หากขโมยถูกจับได้และถูกฆ่าตายขณะลอบเข้าไปในบ้าน คนที่ฆ่าเขาไม่มีความผิด แต่หากเกิดขึ้น[c]ในเวลากลางวัน คนที่ฆ่าเขามีความผิด

“ขโมยต้องชดใช้ค่าเสียหายเต็มจำนวน แต่หากเขาไม่มีอะไรจะชดใช้ เขาจะต้องถูกขายเป็นทาสเพื่อชดใช้สิ่งที่เขาขโมยไป

“หากพบสัตว์ที่ขโมยไปมีชีวิตอยู่ในครอบครองของเขาไม่ว่าวัว ลา หรือแกะ เขาจะต้องจ่ายคืนเป็นสองเท่า

“ถ้าผู้ใดปล่อยฝูงสัตว์ของตนไปกินหญ้าในท้องทุ่งหรือในสวนองุ่น และมันหลงเข้าไปกินหญ้าในที่ของคนอื่น เขาจะต้องชดใช้ด้วยพืชผลส่วนที่ดีที่สุดจากท้องทุ่งหรือจากสวนองุ่นของตน

“หากที่นาเกิดไฟไหม้ลามไปยังพุ่มหนามจนถึงที่ของคนอื่น จนฟ่อนข้าวที่เก็บเกี่ยวแล้วหรือต้นข้าวที่ยังไม่เกี่ยวเสียหายหมด ผู้ที่เป็นต้นเพลิงจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย

“หากผู้ใดนำเงินหรือสิ่งของฝากไว้ให้เพื่อนบ้านของเขาดูแล แล้วเงินหรือของนั้นถูกขโมยไปจากบ้านของเพื่อนบ้าน เมื่อจับตัวขโมยมาได้ ขโมยนั้นจะต้องชดใช้เป็นสองเท่า แต่หากจับขโมยไม่ได้ ให้นำตัวผู้รับฝากของมีค่านั้นมาพบตุลาการ[d] เพื่อรับการพิจารณาว่าใช่ตัวเขาเองหรือไม่ที่ขโมยสมบัติของเพื่อนบ้าน ทุกครั้งที่มีการครอบครองทรัพย์สินโดยไม่ถูกกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นวัว ลา แกะ เสื้อผ้า หรือสิ่งอื่นๆ ที่สูญหายซึ่งบางคนอ้างว่า ‘นี่คือของของฉัน’ ให้ทั้งสองนำกรณีพิพาทไปพบตุลาการเพื่อรับคำชี้ขาด ผู้ที่ตุลาการตัดสิน[e]ว่าผิดจะต้องจ่ายเป็นสองเท่าให้แก่เพื่อนบ้าน

10 “หากผู้ใดฝากวัว ลา แกะ หรือสัตว์อื่นๆ ไว้ให้เพื่อนบ้านดูแล แล้วมันตายไปหรือบาดเจ็บหรือหายไปและไม่มีใครเห็น 11 ในกรณีนี้จะตัดสินโดยให้เพื่อนบ้านผู้นั้นกล่าวสาบานต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าว่าเขาไม่ได้ขโมยทรัพย์สินของอีกคนหนึ่งไป เจ้าของต้องยอมรับวาจาสัตย์ ห้ามเรียกร้องค่าเสียหาย 12 แต่หากสัตว์นั้นถูกขโมยไปจากเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านคนนั้นจะต้องชดใช้ให้แก่เจ้าของ 13 หากมันถูกสัตว์ป่าทำร้าย ให้เขานำซากของมันมาเป็นหลักฐาน แล้วเขาจะไม่ถูกเรียกร้องค่าเสียหาย

14 “ผู้ใดยืมสัตว์ของเพื่อนบ้าน แล้วมันบาดเจ็บหรือตายขณะที่เจ้าของไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ผู้ยืมจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย 15 แต่หากเจ้าของอยู่กับสัตว์นั้นด้วย ผู้ยืมไม่ต้องชดใช้ และหากเขาเช่ามันมา เขาก็ไม่ต้องชดใช้ เพราะค่าเช่ารวมค่าเสียหายไว้แล้ว

ความรับผิดชอบต่อสังคม

16 “หากชายใดล่อลวงหญิงสาวพรหมจารีซึ่งยังไม่ได้หมั้นหมาย และเขามีเพศสัมพันธ์กับนาง เขาจะต้องจ่ายค่าสินสอดและรับนางเป็นภรรยา 17 หากบิดาของนางปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ไม่ยอมให้นางสมรสกับเขา เขาก็ต้องจ่ายเงินสินสอดสำหรับหญิงพรหมจารี

18 “อย่าไว้ชีวิตแม่มด

19 “ผู้ใดสมสู่กับสัตว์เดรัจฉานจะต้องมีโทษถึงตาย

20 “ผู้ใดถวายเครื่องบูชาแก่พระอื่นๆ นอกเหนือจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้นั้นจะต้องถูกทำลายล้าง[f]

21 “อย่ากดขี่ข่มเหงรังแกคนต่างด้าว เพราะเจ้าเองก็เคยเป็นคนต่างด้าวในอียิปต์

22 “อย่าเอารัดเอาเปรียบหญิงม่ายหรือลูกกำพร้าพ่อ 23 หากเจ้าขืนทำและเขาร้องทูลเรา เราจะฟังคำร้องทุกข์ของเขาอย่างแน่นอน 24 เราจะโกรธและจะประหารเจ้าด้วยดาบ ภรรยาของเจ้าจะเป็นม่าย และลูกของเจ้าจะกำพร้าพ่อ

25 “หากเจ้าให้เงินพี่น้องร่วมชาติฮีบรูผู้ยากไร้ยืม อย่าทำตัวเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ อย่าคิดดอกเบี้ยเขา[g] 26 หากเจ้ายึดเสื้อคลุมของเพื่อนบ้านเป็นของค้ำประกัน จงคืนให้เขาก่อนตะวันตกดิน 27 เพราะอาจเป็นไปได้ว่าเสื้อคลุมเป็นสิ่งเดียวที่เขามีคลุมกาย เขาจะใช้อะไรห่มนอน? เมื่อเขาร้องทูลเรา เราจะรับฟังเพราะเรามีใจเมตตา

28 “อย่าหมิ่นประมาทพระเจ้า[h] หรือแช่งด่าผู้มีอำนาจปกครองในหมู่พวกเจ้า

29 “อย่าลังเลที่จะนำพืชผลและน้ำองุ่นของเจ้ามาถวาย[i]

“จงยกบุตรชายหัวปีของเจ้าให้กับเรา 30 ลูกหัวปีของวัวและแกะก็เช่นเดียวกัน จงนำมาให้เราในวันที่แปด หลังจากที่ปล่อยให้อยู่กับแม่ของมันตลอดเจ็ดวันแล้ว

31 “พวกเจ้าต้องเป็นประชากรบริสุทธิ์ของเรา ฉะนั้นอย่ากินเนื้อสัตว์ที่ถูกสัตว์ป่ากัดกิน จงทิ้งซากให้สุนัขกิน

บทบัญญัติของความยุติธรรมและความเมตตา

23 “อย่าเล่าลือเรื่องที่ไม่เป็นความจริง อย่าร่วมมือกับคนชั่วร้ายโดยการเป็นพยานเท็จ

“อย่าทำชั่วคล้อยตามคนหมู่มาก เมื่อเจ้าเป็นพยานในคดีความอย่าบิดเบือนความยุติธรรมโดยเข้าข้างคนหมู่มาก และอย่าลำเอียงเข้าข้างคนจนในคดีของเขา

“หากเจ้าบังเอิญพบวัวหรือลาของศัตรูหลงมา จงนำมันไปคืนเจ้าของ หากเจ้าเห็นลาของคนที่เกลียดชังเจ้าล้มลงเพราะบรรทุกของหนัก อย่าเมินเฉย จงเข้าไปช่วยเหลือ

“จงให้ความยุติธรรมแก่คนยากจนในคดีของเขา อย่ามีส่วนตั้งข้อกล่าวหาเท็จ และอย่าปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์หรือคนซื่อตรงต้องถูกประหาร เพราะเราจะไม่ปล่อยให้คนผิดลอยนวล

“อย่ารับสินบน เพราะสินบนทำให้ตามืดบอดจากความจริง และบิดเบือนคำพูดของคนชอบธรรม

“อย่าข่มเหงคนต่างด้าว ตัวเจ้าเองรับรู้รสชาติการเป็นคนต่างด้าวมาแล้วเพราะเจ้าเคยเป็นคนต่างด้าวในอียิปต์

บทบัญญัติเกี่ยวกับสะบาโต

10 “จงหว่านและเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ของเจ้าตลอดหกปี 11 แต่ในปีที่เจ็ดจงพักที่ดิน ไม่ต้องปลูกไม่ต้องหว่าน และให้คนยากจนมาเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ที่งอกขึ้นมา ส่วนที่เหลือปล่อยไว้ให้เป็นอาหารของสัตว์ป่า กฎข้อนี้ใช้กับสวนองุ่นและสวนมะกอกของเจ้าด้วย

12 “จงทำงานเพียงหกวัน แต่อย่าทำงานในวันที่เจ็ด เพื่อให้วัวและลาของเจ้าได้พัก ทั้งทาสที่เกิดในครัวเรือนของเจ้าและคนต่างด้าวจะได้สดชื่นขึ้น

13 “จงตั้งใจทำตามทุกสิ่งที่เราได้บอกแก่เจ้าแล้ว และอย่าเอ่ยอ้างชื่อพระอื่นใด อย่าให้ได้ยินชื่อพระเหล่านั้นจากปากของเจ้าเลย

มัทธิว 24:1-28

หมายสำคัญแห่งวาระสิ้นยุค(A)

24 ขณะพระเยซูทรงดำเนินออกจากพระวิหาร เหล่าสาวกเข้ามาหาพระองค์ ชวนให้พระองค์ชมอาคารต่างๆ ในบริเวณพระวิหาร พระองค์ตรัสว่า “พวกท่านเห็นสิ่งทั้งปวงนี้ใช่ไหม? เราบอกความจริงแก่ท่านว่าศิลาที่นี่จะไม่เหลือซ้อนทับกันสักก้อนเดียว ทุกก้อนจะถูกโยนทิ้งลงมาหมด”

ขณะพระเยซูประทับอยู่บนภูเขามะกอกเทศ เหล่าสาวกมาเข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัวและทูลว่า “ขอทรงบอกพวกข้าพระองค์เถิด เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อใดและอะไรเป็นหมายสำคัญว่าพระองค์จะเสด็จมาและเป็นหมายสำคัญว่าจะสิ้นยุค?”

พระเยซูตรัสตอบว่า “จงระวัง อย่าให้ใครมาล่อลวงท่าน เพราะหลายคนจะมาในนามของเราและอ้างว่า ‘เราเป็นพระคริสต์[a]’และล่อลวงคนเป็นอันมาก ท่านจะได้ยินข่าวสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม จงระวัง อย่าตื่นตกใจ สิ่งเหล่านั้นต้องเกิดขึ้นแต่ยังไม่ถึงจุดจบ ประชาชาติต่อประชาชาติ อาณาจักรต่ออาณาจักรจะสู้รบกัน จะเกิดการกันดารอาหารและแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ สิ่งทั้งปวงนี้คือขั้นเริ่มต้นของความเจ็บปวดก่อนคลอดบุตร

“แล้วท่านจะถูกมอบไว้ให้เขาข่มเหงและประหัตประหาร ชนชาติทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะเรา 10 ครั้งนั้นหลายคนจะหันเหจากความเชื่อ จะทรยศหักหลังและเกลียดชังซึ่งกันและกัน 11 และจะมีผู้เผยพระวจนะเท็จมากมายมาหลอกลวงประชาชนเป็นอันมาก 12 เนื่องจากความชั่วร้ายเพิ่มทวีขึ้น ความรักของคนส่วนใหญ่จะเย็นชาลง 13 แต่ผู้ที่ยืนหยัดจนถึงที่สุดจะได้รับการช่วยให้รอด 14 และข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรของพระเจ้านี้จะถูกประกาศไปทั่วโลกเป็นพยานแก่มวลประชาชาติแล้วยุคนี้จะสิ้นสุด

15 “ฉะนั้นเมื่อท่านเห็น ‘สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนอันเป็นต้นเหตุของวิบัติ’[b]ในสถานบริสุทธิ์ดังที่ได้ตรัสไว้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะดาเนียล (ให้ผู้อ่านทำความเข้าใจเอาเถิด) 16 แล้วให้ผู้ที่อยู่ในยูเดียหนีไปที่ภูเขา 17 ผู้ที่อยู่บนดาดฟ้าหลังคาบ้านของตน อย่าลงมาหยิบสิ่งใดออกจากบ้าน 18 ผู้ที่อยู่ตามทุ่งนา อย่ากลับมาเอาเสื้อคลุม 19 วันเหล่านั้นน่าหวาดกลัวยิ่งนักสำหรับหญิงมีครรภ์และแม่ลูกอ่อน 20 จงอธิษฐานเพื่อการหนีของท่านจะไม่เกิดในฤดูหนาวหรือในวันสะบาโต 21 เพราะครั้งนั้นจะเกิดความทุกข์เข็ญครั้งใหญ่ ไม่มีครั้งไหนๆ เทียบเท่านับตั้งแต่เริ่มมีโลกจนถึงบัดนี้ และจะไม่มีครั้งใดเทียบเท่าอีกแล้ว 22 ถ้าไม่ได้ทรงร่นวันเหล่านั้นให้สั้นเข้าจะไม่มีใครเหลือรอดเลย แต่เพราะเห็นแก่ผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้จะทรงทำให้วันเหล่านั้นสั้นลง 23 ในเวลานั้นหากมีใครมาบอกท่านว่า ‘ดูเถิด พระคริสต์อยู่ที่นี่!’ หรือ ‘พระองค์ทรงอยู่ที่นั่น!’ อย่าไปเชื่อเลย 24 เพราะพระคริสต์ปลอมและผู้เผยพระวจนะเท็จจะปรากฏขึ้นและแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่เพื่อลวงแม้กระทั่งผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้ถ้าเป็นไปได้ 25 ดูเถิด เราบอกท่านไว้ล่วงหน้าแล้ว

26 “ฉะนั้นหากใครมาบอกท่านว่า ‘ผู้นั้นอยู่ที่นั่นในถิ่นกันดาร’ อย่าออกไปเลย หรือบอกว่า ‘ผู้นั้นอยู่ที่นี่ในห้องชั้นใน’ อย่าเชื่อเลย 27 เพราะฟ้าแลบซึ่งมาจากตะวันออกมองเห็นได้แม้กระทั่งที่ตะวันตกฉันใด การมาของบุตรมนุษย์ก็ฉันนั้น 28 ซากศพอยู่ที่ไหน แร้งกาจะออกันอยู่ที่นั่น

สดุดี 29

(บทสดุดีของดาวิด)

29 จงถวายการสรรเสริญแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ชาวสวรรค์ทั้งปวง
จงถวายการสรรเสริญแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับพระเกียรติสิริและพระเดชานุภาพของพระองค์
จงถวายการสรรเสริญแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตามพระเกียรติสิริที่ควรแก่พระนามของพระองค์
จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าในสง่าราศีแห่งความบริสุทธิ์[a]ของพระองค์

พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือห้วงน้ำ
พระเจ้าผู้ทรงเกียรติสิริทรงเปล่งกัมปนาท
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปล่งกัมปนาทเหนือห้วงมหาสมุทร
พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฤทธิ์อำนาจ
พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าเปี่ยมด้วยบารมี
พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าโค่นล้มสนซีดาร์
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหักสนซีดาร์แห่งเลบานอนออกเป็นท่อนๆ
พระองค์ทรงทำให้ภูเขาเลบานอนกระโดดดั่งลูกวัว
ทรงทำให้ภูเขาสีรีออน[b]กระโดดเหมือนวัวป่าหนุ่ม
พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าดังกึกก้อง
มาพร้อมกับสายฟ้าฟาด
พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าเขย่าทะเลทราย
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเขย่าทะเลทรายแห่งคาเดช
พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าโค่นต้นโอ๊ก[c]
และทำให้ป่าโล่งเตียน
และในพระวิหารของพระองค์ ทุกคนร้องว่า “พระเกียรติสิริ!”

10 องค์พระผู้เป็นเจ้าประทับ[d]บนบัลลังก์เหนือน้ำท่วม
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครองบัลลังก์เป็นกษัตริย์ชั่วนิรันดร์
11 องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพละกำลังแก่ประชากรของพระองค์
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรประชากรของพระองค์ให้มีสันติสุข

สุภาษิต 7:6-23

เพราะครั้งหนึ่งเรายืนอยู่ที่หน้าต่างบ้านของเรา
เรามองลอดหน้าต่างลงไป
เรามองลงไปในหมู่คนอ่อนต่อโลก
เราสังเกตเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่รู้จักคิด
เขาเดินไปตามถนนแถวบ้านของนาง
เดินไปตามทางสู่บ้านของนาง
ใกล้สิ้นวัน ยามโพล้เพล้
ขณะค่ำคืนย่างเข้ามา

10 ดูสิ! หญิงคนหนึ่งออกมาพบเขา
แต่งตัวเยี่ยงโสเภณีและมีเจตนาแอบแฝงในใจ
11 (นางพูดพล่ามไร้ยางอาย
อยู่ไม่ติดบ้าน
12 เดี๋ยวไปที่ถนน เดี๋ยวอยู่ที่ลานเมือง
คอยซุ่มดักอยู่ทุกมุมเมือง)
13 นางโผเข้ากอดเขา จูบเขา
และพูดหน้าตาเฉยว่า

14 “ฉันมีเครื่องเซ่น[a]รออยู่ที่บ้าน
วันนี้ฉันได้แก้บนหลายเรื่องแล้ว
15 ดังนั้นฉันจึงออกมาพบเธอ
ฉันตามหาเธอ แล้วฉันก็พบเธอ
16 ฉันปูเตียงไว้
ด้วยผ้าลินินสีสวยจากอียิปต์
17 ประพรมด้วยมดยอบ
กฤษณาและอบเชย
18 มาสิ ให้เราเริงรักดื่มด่ำกันถึงพรุ่งนี้เช้าเลย
ให้เราเริงสำราญด้วยความรัก
19 สามีของฉันไม่อยู่บ้าน
เขาเดินทางไปแดนไกล
20 เขาเอาเงินไปเต็มกระเป๋า
กว่าจะกลับมาก็วันเพ็ญ”

21 นางโอ้โลมเขาด้วยคำหวานหู
ออดอ้อนจนเขาเสียที
22 เขาก็เดินต้อยๆ ตามนางไปทันที
เหมือนวัวถูกจูงเข้าโรงฆ่าสัตว์
เหมือนกวาง[b]ก้าวไปติดกับ[c]
23 จนกระทั่งถูกปักด้วยธนูลึกไปถึงตับ
เหมือนนกบินไปหากับดัก
ไม่รู้ว่าความตายรออยู่ข้างหน้า

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.