Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the CEV. Switch to the CEV to read along with the audio.

Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
อพยพ 28

เครื่องแต่งกายปุโรหิต

28 “จงสถาปนาอาโรนพี่ชายของเจ้าและบรรดาบุตรชายของเขาคือ นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์ และอิธามาร์ ให้ทำหน้าที่ปุโรหิตรับใช้เรา จงทำเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์สำหรับอาโรนให้งดงามและสมเกียรติ จงกำชับช่างผู้ชำนาญทุกคนซึ่งเราให้สติปัญญาในเชิงช่างแก่เขา ให้ทำเครื่องแต่งกายสำหรับอาโรน สำหรับการชำระเขาให้บริสุทธิ์และแยกเขาไว้เพื่อเขาจะปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิตรับใช้เรา เครื่องแต่งกายที่ให้ทำได้แก่ ทับทรวง เอโฟด เสื้อคลุม เสื้อตัวในที่ทอขึ้น ผ้าโพกศีรษะ และสายคาดเอว และจงทำเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์พิเศษสำหรับอาโรนพี่ชายของเจ้าและบรรดาบุตรชายของเขาด้วย เพื่อเขาจะได้รับใช้เราในฐานะปุโรหิต โดยให้ช่างใช้ทองคำ ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดี

เอโฟด(A)

“จงให้ช่างฝีมือผู้ชำนาญทำเอโฟดโดยใช้ทองคำ ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดี ประกอบด้วยชิ้นหน้าและชิ้นหลัง มีแถบสองชิ้นที่บ่าโยงมุมสำหรับผูกเข้าด้วยกัน ทำสายคาดเอวอย่างประณีตด้วยทองคำ ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดีทอเข้าเป็นชิ้นเดียวกับเอโฟด

“จงเอาโกเมนสองชิ้นจารึกชื่อบุตรชายทั้งหลายของอิสราเอล 10 จารึกชิ้นละหกชื่อตามลำดับการกำเนิดของพวกเขา 11 จงจารึกชื่อบุตรชายทั้งหลายของอิสราเอลลงบนโกเมนทั้งสองชิ้นนั้นด้วยวิธีเดียวกันกับที่ช่างเจียระไนสลักตรา แล้วฝังโกเมนสองชิ้นนั้นบนเรือนทอง 12 จงร้อยโกเมนทั้งสองชิ้นนี้เข้ากับแถบบ่าเอโฟด เพื่อเป็นหินอนุสรณ์ถึงประชากรอิสราเอล อาโรนจะต้องแบกชื่อของพวกเขา เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงระลึกถึงพวกเขาเสมอ 13 จงทำเรือนทองสองเรือน 14 และทำสร้อยเกลียวสองเส้นลักษณะคล้ายเชือกด้วยทองคำบริสุทธิ์และติดสร้อยนั้นเข้ากับเรือนทองทั้งสอง

ทับทรวง(B)

15 “แล้วจงให้ช่างฝีมือผู้ชำนาญทำทับทรวงสำหรับการตัดสินโดยใช้ทองคำ ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดีเหมือนกับที่ใช้ทำเอโฟด 16 ทับทรวงนี้จะเป็นผ้าสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดหนึ่งคืบ[a]พับสองทบ 17 แล้วฝังอัญมณีสี่แถวเข้ากับทับทรวง แถวแรกได้แก่ ทับทิม บุษราคัม และนิล 18 แถวที่สองได้แก่ พลอยขี้นกการเวก ไพฑูรย์ และมรกต 19 แถวที่สามได้แก่ พลอยสีม่วง โมรา และเพทายม่วง 20 แถวที่สี่ได้แก่ เพทาย โกเมน และมณีโชติ[b] ทั้งหมดนี้ฝังไว้บนเรือนทอง 21 อัญมณีสิบสองเม็ดนี้ แต่ละเม็ดสลักชื่อบุตรชายแต่ละคนของอิสราเอลแทนทั้งสิบสองเผ่าเหมือนสลักตรา

22 “จงทำสร้อยเกลียวทองคำบริสุทธิ์ลักษณะคล้ายเชือกสำหรับทับทรวง 23 ทำห่วงทองคำสองห่วงคล้องสร้อยเกลียวเข้ากับมุมทั้งสองของทับทรวง 24 ผูกสร้อยเกลียวทองคำทั้งสองเส้นเข้ากับห่วงที่มุมทับทรวง 25 ส่วนปลายอีกด้านของสร้อยเกลียวติดเข้ากับเรือนทองทั้งสอง แล้วติดเข้ากับแถบบ่าทั้งสองของเอโฟดตรงด้านหน้า 26 ทำห่วงทองคำสองห่วงติดกับอีกสองมุมของทับทรวงตรงขอบด้านในชิดกับเอโฟด 27 ทำห่วงทองคำอีกสองห่วงติดที่ปลายล่างของแถบบ่าตรงด้านหน้าของเอโฟด ชิดกับตะเข็บเหนือสายคาดเอวของเอโฟด 28 ห่วงของทับทรวงจะผูกเข้ากับห่วงของเอโฟดโดยใช้ด้ายถักสีน้ำเงินติดเข้ากับสายคาดเอว เพื่อไม่ให้ทับทรวงเลื่อนหลุดจากเอโฟด

29 “เมื่อใดก็ตามที่อาโรนเข้าไปในวิสุทธิสถาน เขาจะแบกชื่อบุตรทั้งหลายของอิสราเอลแนบหัวใจของเขาบนทับทรวงแห่งการตัดสิน แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงระลึกถึงพวกเขาอยู่เสมอ 30 จงสอดอูริมและทูมมิมไว้ในช่องระหว่างทบของทับทรวงด้วย เพื่อสองสิ่งนี้จะได้แนบใจของอาโรนเวลาเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าดังนั้นอาโรนจะมีเครื่องมือในการตัดสินสำหรับชนอิสราเอลแนบใจเสมอต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

เครื่องแต่งกายปุโรหิตชิ้นอื่นๆ(C)

31 “จงทำเสื้อคลุมเข้าชุดกับเอโฟดด้วยผ้าสีน้ำเงินทั้งตัว 32 มีช่องตรงกลางสำหรับสวมเข้าทางศีรษะและมีแถบทอรอบคอเสื้อ[c]เพื่อไม่ให้เสื้อขาด 33 จงทำผลทับทิมด้วยด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดงไว้รอบชายเสื้อคลุม ติดลูกพรวนทองคำสลับกับผลทับทิม 34 ลูกพรวนทองคำจะต้องสลับกับผลทับทิมรอบชายเสื้อคลุม 35 อาโรนต้องสวมเสื้อนี้ทุกครั้งที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ คนจะได้ยินเสียงลูกพรวนขณะที่เขาเข้าออกต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าในวิสุทธิสถาน เพื่อเขาจะไม่ตาย

36 “จงทำแผ่นทองคำบริสุทธิ์และสลักว่า ‘บริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า’ 37 จงร้อยแผ่นทองนี้เข้ากับด้านหน้าของผ้าโพกศีรษะของอาโรนโดยใช้ด้ายถักสีน้ำเงิน 38 เพื่ออาโรนจะได้คาดแผ่นทองนี้บนหน้าผาก และแบกมลทินความผิดซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเครื่องบูชาศักดิ์สิทธิ์ที่ประชากรอิสราเอลนำมาถวาย เขาจะต้องคาดไว้เสมอเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยอมรับประชากร

39 “จงทอเสื้อตัวในจากผ้าลินินเนื้อดีและใช้ผ้าอย่างเดียวกันนี้ทำผ้าโพกศีรษะด้วย และจงทำสายคาดเอวปักด้วยฝีมือประณีต 40 จงทำเสื้อตัวใน สายคาดเอว และแถบคาดหน้าผากสำหรับบุตรชายทั้งหลายของอาโรนให้สง่างามและสมเกียรติ 41 จงให้อาโรนพี่ชายของเจ้ากับบรรดาบุตรชายของเขาสวมเครื่องแต่งกายเหล่านี้ แล้วเจิมและสถาปนาพวกเขา ชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์ และแยกพวกเขาไว้เพื่อพวกเขาจะได้รับใช้เราในฐานะปุโรหิต

42 “จงทำเครื่องแต่งกายชั้นในด้วยผ้าลินินเพื่อสวมปกปิดร่างกายตั้งแต่เอวถึงต้นขา 43 อาโรนและบรรดาบุตรชายของเขาจะต้องสวมเครื่องแต่งกายเหล่านี้ทุกครั้งที่เข้าไปในเต็นท์นัดพบหรือเข้าใกล้แท่นบูชาเพื่อปรนนิบัติในวิสุทธิสถาน พวกเขาจะได้ไม่มีความผิดและต้องโทษถึงชีวิต

“นี่จะต้องเป็นข้อปฏิบัติถาวรสำหรับอาโรนและวงศ์วานของเขาสืบไป

มัทธิว 25:31-26:13

แกะและแพะ

31 “เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาด้วยพระเกียรติสิริของพระองค์พร้อมด้วยทูตสวรรค์ทั้งหมด พระองค์จะประทับบนบัลลังก์ของพระองค์ด้วยพระเกียรติสิริแห่งฟ้าสวรรค์ 32 มวลประชาชาติจะมาชุมนุมกันต่อหน้าพระองค์ และพระองค์จะทรงแยกประชากรออกจากกันเหมือนคนเลี้ยงแยกแกะออกจากแพะ 33 แกะนั้นจะทรงให้อยู่เบื้องขวาของพระองค์ ส่วนแพะอยู่เบื้องซ้าย

34 “แล้วองค์ราชันจะตรัสกับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องขวาของพระองค์ว่า ‘ท่านผู้ได้รับพรจากพระบิดาของเรามารับมรดกของท่านเถิด คืออาณาจักรที่เตรียมไว้สำหรับท่านตั้งแต่ทรงสร้างโลก 35 เพราะเมื่อเราหิวท่านก็ให้เรากิน เรากระหายท่านก็ให้เราดื่ม เราเป็นคนแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับเราไว้ 36 เราต้องการเครื่องนุ่งห่ม ท่านก็ให้เรา เราเจ็บป่วยท่านก็ดูแล เราอยู่ในคุกท่านก็มาเยี่ยม’

37 “แล้วผู้ชอบธรรมจะทูลพระองค์ว่า ‘พระองค์เจ้าข้า เมื่อใดกันที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงหิวและได้เลี้ยงดูพระองค์ หรือเห็นพระองค์ทรงกระหายและได้ให้พระองค์ทรงดื่ม? 38 เมื่อใดกันที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์เป็นคนแปลกหน้าและได้ต้อนรับไว้ หรือถวายฉลองพระองค์เมื่อทรงประสงค์? 39 เมื่อใดกันที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ประชวรหรืออยู่ในคุกและได้ไปเยี่ยมพระองค์?’

40 “องค์ราชันจะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านว่าสิ่งใดที่ท่านทำให้แก่ผู้เล็กน้อยที่สุดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรา ท่านก็ได้ทำให้เราด้วย’

41 “แล้วพระองค์จะตรัสกับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องซ้ายของพระองค์ว่า ‘จงไปเสียจากเรา เจ้าทั้งหลายผู้ถูกสาปแช่ง จงไปยังไฟนิรันดร์ที่เตรียมไว้สำหรับมารร้ายกับสมุนของมัน 42 เพราะเมื่อเราหิว เจ้าก็ไม่ได้ให้เรากิน เรากระหาย เจ้าก็ไม่ได้ให้เราดื่ม 43 เราเป็นคนแปลกหน้ามา เจ้าก็ไม่ได้ต้อนรับ เราต้องการเครื่องนุ่งห่ม เจ้าก็ไม่ได้ให้ เราเจ็บป่วยและอยู่ในคุก เจ้าก็ไม่ได้ดูแล’

44 “พวกเขาก็ทูลเช่นกันว่า ‘พระองค์เจ้าข้าเมื่อใดกันที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงหิวหรือกระหาย หรือเป็นคนแปลกหน้า หรือต้องการฉลองพระองค์ หรือประชวร หรืออยู่ในคุก แล้วข้าพระองค์ไม่ได้ช่วยเหลือ?’

45 “พระองค์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่เจ้าว่าสิ่งใดที่เจ้าไม่ได้ทำให้แก่ผู้เล็กน้อยที่สุดคนหนึ่งในคนเหล่านี้ เจ้าก็ไม่ได้ทำให้เราด้วย’

46 “แล้วคนเหล่านี้ก็ต้องออกไปรับโทษนิรันดร์ แต่ผู้ชอบธรรมจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์”

แผนกำจัดพระเยซู(A)

26 เมื่อจบคำอุปมาทั้งปวงนี้แล้ว พระเยซูก็ตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “พวกท่านก็รู้ว่าอีกสองวันจะถึงเทศกาลปัสกาและบุตรมนุษย์จะถูกมอบให้เขาตรึงตายที่ไม้กางเขน”

ครั้งนั้นพวกหัวหน้าปุโรหิตและเหล่าผู้อาวุโสในหมู่ประชาชนมาประชุมกันที่คฤหาสน์ของมหาปุโรหิตชื่อคายาฟาส และพวกเขาคบคิดกันหาอุบายที่จะจับพระเยซูมาฆ่าเสีย เขาพูดกันว่า “แต่อย่าลงมือในช่วงเทศกาลเลย มิฉะนั้นจะเกิดจลาจลในหมู่ประชาชน”

พระเยซูทรงรับการชโลมที่เบธานี(B)

ที่หมู่บ้านเบธานี ขณะพระเยซูประทับอยู่ในบ้านของซีโมนคนโรคเรื้อน หญิงคนหนึ่งถือผอบน้ำมันหอมราคาแพงมากเข้ามารินรดพระเศียรขณะที่พระองค์ทรงนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะอาหาร

เมื่อเหล่าสาวกเห็นดังนั้นก็ไม่พอใจจึงกล่าวว่า “ทำไมทำให้เสียของเปล่าๆ? น้ำมันหอมนี้ถ้าขายจะได้ราคาดี เอาเงินให้คนยากจนได้”

10 พระเยซูทรงทราบจึงตรัสกับพวกเขาว่า “ไปกวนใจหญิงนี้ทำไม? นางได้ทำสิ่งดีงามให้แก่เรา 11 ท่านจะมีคนยากจนอยู่กับท่านเสมอ แต่เราจะไม่ได้อยู่กับท่านเสมอไป 12 ที่นางรินน้ำหอมนี้บนกายเราก็เพื่อเตรียมตัวเราสำหรับการฝังศพ 13 เราบอกความจริงแก่ท่านว่าไม่ว่าข่าวประเสริฐจะเผยแผ่ไปที่ใดๆ ทั่วโลก เขาจะเล่าขานถึงสิ่งที่หญิงนี้ได้ทำเพื่อเป็นการระลึกถึงนาง”

สดุดี 31:9-18

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงเมตตาข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์กำลังทุกข์ใจ
ดวงตาของข้าพระองค์หม่นหมองเพราะความทุกข์โศก
ทั้งกายและวิญญาณบอบช้ำเพราะความทุกข์ระทม
10 ชีวิตของข้าพระองค์สูญไปกับความปวดร้าว
และปีเดือนของข้าพระองค์สูญไปกับการคร่ำครวญ
กำลังวังชาของข้าพระองค์อ่อนลงเพราะความทุกข์ลำเค็ญ[a]ของข้าพระองค์
กระดูกของข้าพระองค์ก็เสื่อมไป
11 เนื่องจากศัตรูทั้งปวงของข้าพระองค์
ข้าพระองค์ตกเป็นขี้ปากให้เพื่อนบ้านเย้ยหยัน
ข้าพระองค์เป็นที่น่าขยาดสำหรับเพื่อนฝูง
คนที่พบเห็นข้าพระองค์บนถนนก็รีบหนีไป
12 ข้าพระองค์ถูกลืมประหนึ่งคนที่ตายแล้ว
ข้าพระองค์กลายเป็นเหมือนภาชนะที่แตก
13 ข้าพระองค์ได้ยินคำนินทาว่าร้ายจากหลายฝ่าย
มีความหวาดผวาอยู่รอบด้าน
พวกเขาคบคิดกันเล่นงานข้าพระองค์
หมายเอาชีวิตของข้าพระองค์

14 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ข้าพระองค์วางใจในพระองค์
ข้าพระองค์กล่าวว่า “พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์”
15 วันเวลาของข้าพระองค์อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
ขอทรงปลดปล่อยข้าพระองค์จากมือของเหล่าศัตรู
จากบรรดาผู้ที่ตามล่าเอาชีวิตของข้าพระองค์
16 ขอพระพักตร์ของพระองค์ทอแสงเหนือ ผู้รับใช้ของพระองค์
โปรดช่วยข้าพระองค์ให้รอดโดยความรักมั่นคงของพระองค์
17 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขออย่าให้ข้าพระองค์ได้อาย
เพราะข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์
แต่ขอให้คนชั่วได้รับความอดสู
ขอให้เขานอนนิ่งเงียบในหลุมฝังศพ
18 ขอให้ริมฝีปากโป้ปดของเขาต้องนิ่งเงียบ
เพราะด้วยความเย่อหยิ่งและการดูหมิ่นดูแคลน
เขาพูดว่าร้ายคนชอบธรรมอย่างยโสโอหัง

สุภาษิต 8:12-13

12 “เรา ปัญญา อยู่คู่ความสุขุมรอบคอบ
เรามีความรู้และความเฉลียวฉลาด
13 ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าคือการเกลียดชังความชั่ว
เราชิงชังความหยิ่งยโส ความจองหอง
การประพฤติชั่ว และวาจาตลบตะแลง

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.