The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NET. Switch to the NET to read along with the audio.
นางรูธได้พบกับโบอาส
2 นาโอมีมีญาติสนิทคนหนึ่ง เป็นญาติฝ่ายสามี เขาเป็นคนมีอำนาจมาจากตระกูลเดียวกันกับเอลีเมเล็ค เขามีชื่อว่า โบอาส[a]
2 อยู่มาวันหนึ่ง นางรูธชาวโมอับพูดกับนาโอมีว่า “ขอให้ฉันไปยังทุ่งนา เพื่อเดินเก็บเศษรวงข้าวที่ตกอยู่ตามทุ่ง[b] จากใครก็ตามที่มีน้ำใจกับฉัน” นาโอมีตอบว่า “ไปเถิดลูก”
3 นางรูธจึงไปยังทุ่งนา และเดินตามหลังคนเกี่ยวข้าว เพื่อจะรวบรวมเศษรวงข้าวที่ตก เผอิญรูธได้เข้าไปทำงานในทุ่งนาของโบอาส จากตระกูลของเอลีเมเล็ค
4 เมื่อโบอาสเดินทางจากเมืองเบธเลเฮมมาถึงที่นาของเขา เขาได้พูดทักทายพวกคนเกี่ยวข้าวว่า “ขอพระยาห์เวห์สถิตอยู่กับพวกท่าน” และพวกนั้นตอบว่า “ขอให้พระยาห์เวห์อวยพรท่านเถิด”
5 โบอาสเรียกทาสที่มีหน้าที่ดูแลคนเกี่ยวข้าวของเขามาถามว่า “ผู้หญิงคนนั้นเป็นทาสของใคร”
6 ทาสคนนั้นตอบว่า “หญิงคนนั้นเป็นชาวโมอับที่เดินทางมากับนาโอมี จากแผ่นดินโมอับ 7 นางพูดว่า ‘ขอโปรดให้ฉันเดินตามพวกคนเก็บเกี่ยว และเก็บรวบรวมเศษรวงข้าวที่ตกด้วยเถิด’ นางมาทำงานที่ทุ่งนี้ตั้งแต่เช้ามืดจนถึงเดี๋ยวนี้ ได้พักแค่ประเดี๋ยวเดียวในเพิงนั้น”
8 โบอาสจึงพูดกับนางรูธว่า “ลูกเอ๋ย ฟังข้าให้ดี เจ้าไม่ต้องไปเก็บเศษรวงข้าวในทุ่งนาอื่นๆ อย่าไปจากที่นี่เลย อยู่ที่นี่กับพวกทาสหญิงของข้าเถิด 9 พวกทาสของข้าไปเก็บเกี่ยวที่ไหน ก็ให้ตามพวกเขาไปเถิด ข้าได้สั่งพวกหนุ่มๆว่าอย่ามายุ่งกับเจ้า ถ้าเจ้าหิวน้ำเมื่อไหร่ ก็ไปดื่มจากพวกไหน้ำนั้นที่คนหนุ่มๆได้ตักไว้”
10 นางรูธก้มหน้ากราบลงถึงพื้น และพูดว่า “ทำไมท่านถึงมีน้ำใจกับฉันอย่างนี้ ทั้งๆที่ฉันเป็นแค่หญิงต่างชาติ ที่ไม่น่าจะอยู่ในสายตาท่านเลย”
11 โบอาสจึงพูดตอบนางว่า “ข้าได้ยินเรื่องดีๆมากมายที่เจ้าได้ทำกับแม่ผัวของเจ้า หลังจากสามีของเจ้าตายไป เจ้าได้ทิ้งพ่อแม่ และบ้านเกิดเมืองนอนมายังแผ่นดินและชนชาติที่เจ้าไม่รู้จักมาก่อน 12 ขอพระยาห์เวห์ตอบแทนเจ้าในสิ่งดีๆที่เจ้าได้ทำนั้น และขอให้เจ้าได้รับบำเหน็จอย่างบริบูรณ์จากพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล ผู้ที่เจ้าได้เข้าลี้ภัยใต้ปีกของพระองค์นั้น”
13 นางรูธจึงตอบว่า “ขอให้ท่านมีน้ำใจอย่างนี้กับฉันต่อไป ท่านได้ปลอบประโลมใจฉัน และพูดด้วยความเมตตาเอ็นดูกับฉันผู้เป็นทาส ทั้งๆที่ฉันไม่เหมาะสมแม้แต่จะเป็นทาสของท่าน”
14 เมื่อถึงเวลากิน โบอาสได้พูดกับนางรูธว่า “มาที่นี่สิ มากินอาหารพวกนี้เถิด จุ่มขนมปังลงในน้ำจิ้มนี้เถิด” นางจึงนั่งลงข้างๆพวกคนเกี่ยวข้าว โบอาสได้ส่งข้าวคั่วให้กับนาง นางก็รับไปกินจนอิ่ม แถมนางยังมีอาหารเหลือด้วย 15 เมื่อนางลุกขึ้นกลับไปเก็บเศษรวงข้าวต่อ โบอาสได้สั่งกับพวกคนหนุ่มๆว่า “ให้นางเก็บข้าวที่ตกระหว่างฟ่อนข้าวเถอะ 16 ดึงข้าวรวงโตๆจากฟ่อน ทิ้งไว้ข้างหลังเพื่อนางจะได้เก็บ อย่าต่อว่าหรือห้ามนางเลย”
นาโอมีได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับโบอาส
17 นางรูธได้อยู่ในทุ่งนาจนเย็น เพื่อเก็บรวบรวมเศษรวงข้าว แล้วก็ฟาดข้าวที่เก็บมาได้ นางรูธได้ข้าวที่รวบรวมมาประมาณยี่สิบสองลิตร 18 นางจึงเก็บข้าวที่รวบรวมมาได้ กลับเข้าไปในเมือง และนำมาให้แม่ผัวดูว่าได้มากขนาดไหน และนางรูธยังได้นำอาหารที่เหลือเก็บจากมื้อกลางวัน มาให้นางนาโอมีด้วย
19 เมื่อนาโอมีแม่ผัวเห็นอย่างนั้น นางจึงพูดกับนางรูธว่า “วันนี้ลูกไปเก็บเศษข้าวที่ไหนมา ลูกไปทำงานที่ไหนมา ขอให้คนที่เอาใจใส่ลูกได้รับพระพรเถิด” นางรูธจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แม่ผัวฟังว่า “ผู้ที่ให้ลูกเข้าไปเก็บข้าวในนานั้นชื่อว่า โบอาส” 20 นาโอมีจึงพูดกับลูกสะใภ้ว่า “ขอพระยาห์เวห์ทรงอวยพรแก่ผู้นั้นที่แสดงความเมตตากรุณาต่อทั้งคนตายและคนเป็น” นาโอมี พูดกับนางรูธว่า “ชายคนนั้นเป็นญาติคนหนึ่งของเรา และเขาเป็นญาติสนิทที่มีสิทธิ์ไถ่เราได้”[c]
21 นางรูธชาวโมอับจึงพูดว่า “โบอาสยังบอกกับลูกว่า ให้อยู่ใกล้ๆคนงานของเขา จนกว่าฤดูเก็บเกี่ยวจะสิ้นสุดลง”
22 นาโอมีจึงพูดกับนางรูธลูกสะใภ้ว่า “ลูกเอ๋ย ดีแล้วที่เจ้าจะออกไปกับทาสหญิงของโบอาส เกรงว่าถ้าไปยังนาอื่นอาจจะถูกคนทำร้ายเอาได้” 23 นางรูธจึงอยู่ใกล้ๆพวกทาสหญิงของโบอาส ที่เก็บเกี่ยวข้าว จนกระทั่งหมดฤดูเกี่ยวข้าวบาร์เลย์และข้าวสาลี และนางก็อาศัยอยู่กับแม่ผัว
การนวดข้าวที่ลานนวดข้าว
3 นาโอมีแม่ผัวของนางรูธ พูดกับนางว่า “ลูกเอ๋ย แม่ควรจะหาคนที่เจ้าจะพึ่งพาได้ เพื่อเจ้าจะได้สบาย ไม่ใช่หรือ 2 ดูแน่ะ โบอาส คนที่เจ้าได้ไปกับคนงานของเขานั้น เป็นญาติสนิทของเรา คืนนี้ เขาจะไปนวดข้าวบาร์เลย์ร่วมกันที่ลานนวดข้าว 3 ให้เจ้าอาบน้ำ ทาน้ำมันหอม ใส่ชุดสวยของเจ้า และลงไปยังลานนวดข้าวนั้น อย่าให้เขาเห็นตัวเจ้า จนกว่าเขาจะกินและดื่มเสร็จแล้ว 4 ให้สังเกตว่าเขานอนที่ไหน แล้วให้ไปที่นั่น เปิดผ้าคลุมเท้าของเขา[d] และนอนอยู่ที่นั่น ต่อจากนั้นเขาจะบอกลูกเองว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป”
5 นางรูธจึงพูดว่า “ฉันจะทำตามที่แม่บอกทุกอย่าง”
6 นางรูธจึงลงไปยังลานนวดข้าว และทำตามที่แม่ผัวบอกทุกอย่าง 7 เมื่อโบอาสกินและดื่มจนสำราญใจแล้ว เขาก็ไปนอนอยู่ที่ปลายกองข้าว[e] รูธก็เข้ามาหาโบอาสอย่างเงียบสนิท เปิดผ้าคลุมเท้าของเขา และนอนลง
8 ในคืนนั้นเอง โบอาสก็พลิกตัว แล้วก็ตกใจเมื่อรู้สึกว่ามีผู้หญิงมานอนอยู่ที่ปลายเท้า 9 เขาจึงพูดว่า “เจ้าเป็นใครกัน” นางรูธตอบว่า “ข้าคือรูธผู้รับใช้ของท่าน เพราะท่านคือญาติสนิทที่มีสิทธิ์ไถ่ข้าพเจ้า”
10 โบอาสจึงตอบว่า “ลูกเอ๋ย ขอพระยาห์เวห์ทรงอวยพรเจ้า ความดีที่เจ้ามีต่อข้าในครั้งนี้ก็ยิ่งใหญ่กว่าครั้งก่อนที่เจ้าดีต่อแม่ผัวของเจ้า เพราะเจ้าไม่ได้ไล่ตามชายหนุ่มไป ไม่ว่ารวยหรือจน 11 ลูกเอ๋ย อย่ากลัวเลย ข้าจะทำตามคำขอของเจ้า เพราะทุกคนต่างก็รู้ว่าเจ้าเป็นหญิงที่ดี 12 ถูกแล้วที่ข้าเป็นญาติสนิท แต่ยังมีอีกคนหนึ่งที่สนิทกว่าและมีสิทธิ์ไถ่เจ้าก่อนข้า 13 ให้เจ้าค้างคืนอยู่ที่นี่ และเมื่อถึงรุ่งเช้า ถ้าญาติคนนั้นต้องการที่จะไถ่ตัวเจ้า[f] ก็ดี เขาจะได้ช่วยเจ้า แต่ถ้าเขาไม่ยอมไถ่ตัวเจ้า พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ข้าก็จะไถ่ตัวเจ้าแน่ นอนต่อเถิดจนกว่าจะเช้า”
14 นางรูธจึงนอนอยู่ที่เท้าของโบอาสจนถึงเช้า แต่นางรูธตื่นขึ้นก่อนที่คนจะเห็นหน้ากันได้ชัด
โบอาสบอกว่า “ไม่ควรให้ใครรู้ว่ามีผู้หญิงมานอนที่ลานนวดข้าว” 15 โบอาสจึงพูดว่า “คลี่เสื้อคลุมของเจ้าออกมา” รูธก็ทำตาม แล้วโบอาสก็ตวงข้าวบาร์เลย์หกทะนานใส่ให้นางรูธ แล้วให้นางแบกไป แล้วโบอาสก็กลับเข้าเมืองไป
16 นางรูธได้กลับมาที่บ้านแม่ผัว เมื่อนางมาถึง แม่ผัวถามว่า “ลูกเอ๋ยเป็นยังไงบ้าง” นางก็เล่าทุกอย่างที่โบอาสทำกับนางให้แม่ผัวฟัง 17 นางยังพูดอีกว่า “ท่านให้ข้าวบาร์เลย์หกทะนานนี้กับลูกด้วย และบอกว่า ‘เจ้าไม่ควรกลับไปหาแม่ผัวด้วยมือเปล่า’”
18 นาโอมีจึงพูดว่า “ลูกเอ๋ย ให้คอยอยู่นี่ จนกว่าจะรู้ว่าเรื่องจะจบลงยังไง เพราะชายคนนี้จะไม่หยุดพัก จนกว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จเรียบร้อยในวันนี้”
โบอาสและญาติสนิทคนถัดมา
4 โบอาสจึงเข้าไปในที่ประชุมที่ประตูเมือง และนั่งรออยู่ที่นั่น เมื่อญาติสนิทคนนั้นที่มีสิทธิ์ไถ่ก่อนเดินผ่านมา คนที่โบอาสได้พูดให้นางรูธฟัง โบอาสจึงพูดกับเขาว่า “เพื่อนเอ๋ย มานั่งตรงนี้หน่อย” เขาก็เดินมานั่งลง
2 โบอาสเชิญพวกผู้อาวุโสในเมืองมาสิบคน พวกนี้ล้วนเป็นผู้นำของเมือง โบอาสเชิญทั้งสิบคนนั่งลง พวกเขาก็นั่งลง
3 โบอาสจึงพูดกับญาติสนิทที่มีสิทธิ์ไถ่ก่อนคนนี้ว่า “นาโอมี หญิงซึ่งเดินทางกลับมาจากแผ่นดินโมอับนั้น ได้เสนอขายที่ดินซึ่งเป็นของเอลีเมเล็ค ญาติของเรา 4 ข้าคิดว่า ข้าควรเอาเรื่องนี้มาบอกให้ท่านรู้ก่อน และแนะนำให้ท่านซื้อมันไปต่อหน้าคนที่นั่งอยู่ที่นี่ และต่อหน้าพวกผู้อาวุโสของชาวเมืองเรา ถ้าท่านอยากจะไถ่ไว้ก็ไถ่เถอะ แต่ถ้าไม่อยากไถ่ ก็ให้บอกข้า เพื่อข้าจะได้รู้ ไม่มีใครมีสิทธิ์ไถ่ได้นอกจากท่าน และข้าก็มีสิทธิ์ถัดจากท่าน” คนนั้นบอกว่า “ข้าจะไถ่มัน”
5 โบอาสจึงพูดต่อไปว่า “เมื่อท่านซื้อที่ดินจากนาโอมี ท่านก็จะได้นางรูธชาวโมอับ แม่ม่ายของผู้ตายด้วย เพื่อจะได้คงชื่อของผู้ตายไว้บนที่ดินอันเป็นมรดกของเขานี้”
6 ญาติสนิทที่มีสิทธิ์ไถ่คนนั้นบอกว่า “ข้าไม่สามารถจะไถ่ที่ดินผืนนี้ได้ ไม่อย่างนั้น ข้าจะเสียที่ดินที่เป็นมรดกของข้าไป เมื่อข้าไถ่ไม่ได้ ท่านก็ไถ่ที่ดินนั้นเอาไว้เองเถอะ” 7 ในสมัยนั้น ตามธรรมเนียมของคนอิสราเอล เมื่อมีการไถ่หรือโอนที่ดิน ฝ่ายหนึ่งจะต้องถอดรองเท้าข้างหนึ่งของเขาให้อีกฝ่ายหนึ่ง เป็นการรับรองข้อตกลงอย่างเป็นทางการ 8 ดังนั้นเมื่อญาติสนิทที่มีสิทธิ์ก่อน บอกโบอาสว่า “ท่านซื้อที่ดินนี้ไปเถอะ” เขาก็ถอดรองเท้าออกและให้กับโบอาส[g]
9 โบอาสจึงประกาศกับพวกผู้อาวุโสและทุกคนที่อยู่ที่นั่นว่า “ให้ท่านทั้งหลายเป็นพยานให้กับข้าในวันนี้ว่า ข้าได้ซื้อจากนาโอมี ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเอลีเมเล็ค และทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของลูกชายของเขาคือ คิลิโอนและมาห์โลน 10 และข้าได้ซื้อภรรยาของมาห์โลน คือ นางรูธชาวโมอับมาเป็นภรรยาของข้าแล้ว เพื่อคงชื่อของผู้ตายไว้บนที่ดินอันเป็นมรดกของเขานี้ และชื่อของเขาจะไม่ถูกตัดออกจากญาติพี่น้องของเขา และจะไม่ถูกตัดออกจากบัญชีรายชื่อของเมืองเขา วันนี้ ท่านทั้งหลายได้เป็นพยานแล้ว”
11 พวกผู้อาวุโส และทุกคนที่อยู่ตรงประตูเมืองนั้น ต่างก็พากันพูดว่า “พวกเราเป็นพยาน ขอให้พระยาห์เวห์ทำให้หญิงนี้ที่กำลังจะเข้ามายังบ้านของท่านเป็นเหมือนอย่างนางราเชล และนางเลอาห์ผู้ที่ร่วมกันสร้างครอบครัวอิสราเอลขึ้นมา ขอให้ท่านมีฐานะสูงส่งในเอฟราธาห์และมีชื่อเสียงในเบธเลเฮม 12 ขอให้ลูกหลานของท่านที่พระยาห์เวห์จะให้กับท่านผ่านมาทางหญิงนี้มีมากมายเหมือนลูกหลานของเปเรศ ลูกชายของทามาร์ และยูดาห์”
13 ดังนั้น โบอาสจึงรับนางรูธมาเป็นภรรยาของเขา และมีเพศสัมพันธ์กับนาง และพระยาห์เวห์ทำให้นางตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชาย 14 ส่วนพวกผู้หญิงก็พูดกับนาโอมีว่า “สรรเสริญพระยาห์เวห์ วันนี้พระองค์ไม่ได้ละทิ้งเจ้าไว้ให้ปราศจากญาติสนิทที่มีสิทธิ์ไถ่ ขอให้ทารกคนนี้มีชื่อเสียงเลื่องลือในอิสราเอล 15 ให้เด็กคนนี้ทำให้ชีวิตเจ้าสดชื่นและเลี้ยงดูเจ้าในยามแก่เฒ่า เพราะเด็กคนนี้ได้เกิดมาจากลูกสะใภ้ที่รักเจ้าและนางก็ประเสริฐกว่าที่เจ้าเองจะมีลูกชายเจ็ดคน”
16 นาโอมี จึงอุ้มเด็กชายไว้บนตักของนาง และเลี้ยงดูเด็กคนนี้ 17 พวกเพื่อนบ้านหญิงบอกว่า “นาโอมีมีลูกชายแล้ว” และได้ตั้งชื่อให้เด็กคนนี้ว่า “โอเบด” ต่อมาโอเบดก็ได้กลายเป็นพ่อของเจสซี ที่เป็นพ่อของกษัตริย์ดาวิด
รูธและครอบครัวของโบอาส
18 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อลูกหลานของเปเรศ
เปเรศเป็นพ่อของเฮสโรน
19 เฮสโรนเป็นพ่อของราม รามเป็นพ่อของอัมมีนาดับ
20 อัมมีนาดับเป็นพ่อของนาโชน นาโชนเป็นพ่อของสัลโมน
21 สัลโมนเป็นพ่อของโบอาส โบอาสเป็นพ่อของโอเบด
22 โอเบดเป็นพ่อของเจสซี เจสซีเป็นพ่อของดาวิด
พระเยซูรักษาลูกชายของข้าราชการ
(มธ. 8:5-13; ลก. 7:1-10)
43 หลังจากนั้นสองวันพระเยซูเดินทางต่อไปที่แคว้นกาลิลี 44 (พระเยซูเคยพูดว่า ผู้พูดแทนพระเจ้าจะไม่ได้รับเกียรติในบ้านเมืองของตน) 45 เมื่อพระองค์มาถึงแคว้นกาลิลี ชาวกาลิลีต้อนรับพระองค์เป็นอย่างดี เพราะพวกเขาเห็นทุกสิ่งที่พระองค์ทำในเทศกาลวันปลดปล่อยที่เมืองเยรูซาเล็ม (พวกเขาได้ไปร่วมงานที่นั่นด้วย)
46 พระเยซูไปหมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลีอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่พระองค์เคยเปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นเหล้าองุ่นมาก่อน ข้าราชการคนหนึ่งของกษัตริย์อาศัยอยู่ที่เมืองคาเปอรนาอุม ลูกชายของเขากำลังป่วยหนัก 47 เมื่อข้าราชการคนนั้นได้ยินว่าพระเยซูเดินทางจากแคว้นยูเดียมาที่แคว้นกาลิลี เขามาขอร้องให้พระเยซูไปรักษาลูกของเขาที่เมืองคาเปอรนาอุม เพราะลูกของเขากำลังจะตาย 48 พระเยซูพูดกับเขาว่า “คนอย่างพวกคุณคงไม่เชื่อเราหรอก นอกจากจะได้เห็นเรื่องอัศจรรย์หรือปาฏิหาริย์เสียก่อน”
49 ข้าราชการคนนั้นบอกพระองค์ว่า “ท่านครับ ช่วยไปก่อนที่ลูกของผมจะตายด้วยเถิด”
50 พระเยซูบอกว่า “กลับบ้านไปเถอะ ลูกคุณหายดีแล้ว” เขาก็เชื่อในคำพูดของพระเยซู แล้วกลับไป 51 ในระหว่างทางนั้นเขาก็ได้พบกับพวกคนใช้ของเขาที่มาส่งข่าวว่าลูกชายของเขาหายเป็นปกติแล้ว
52 เขาถามพวกคนใช้ว่าลูกชายของเขาหายป่วยตอนไหน
พวกคนใช้ตอบว่า “หายไข้เมื่อวานนี้ตอนบ่ายโมงครับ”
53 พ่อของเด็กก็รู้ว่าเป็นเวลาเดียวกับที่พระเยซูพูดว่า “ลูกคุณหายดีแล้ว” ดังนั้นตัวเขาและทุกคนในบ้านเขาได้ไว้วางใจในพระเยซู
54 นี่เป็นเรื่องอัศจรรย์ครั้งที่สองที่พระเยซูทำตั้งแต่ออกจากแคว้นยูเดียมาที่แคว้นกาลิลี
16 พระองค์ทำให้เกิดการกันดารอาหารขึ้นในแผ่นดิน
พระองค์ตัดเสบียงทั้งหมดของพวกเขา
17 แล้วพระองค์ได้ส่งชายคนหนึ่งไปอียิปต์ก่อนคนอื่นๆ
นั่นคือ โยเซฟ ผู้ถูกขายไปเป็นทาส
18 คนพวกนั้นทำร้ายเขาด้วยการล่ามโซ่ไว้ที่ข้อเท้า
และใส่ปลอกเหล็กไว้ที่คอของเขา
19 จนกระทั่งสิ่งที่โยเซฟได้ทำนายไว้เป็นจริง
และพระคำของพระยาห์เวห์ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาพูดถูก
20 แล้วกษัตริย์ก็มีคำสั่งให้ไปนำตัวโยเซฟมาและหักโซ่ตรวนของเขา
ผู้นำชนชาตินั้นก็ปล่อยเขาออกจากคุก
21 กษัตริย์แต่งตั้งโยเซฟให้เป็นผู้ดูแลวัง
และให้เป็นผู้ดูแลจัดการทรัพย์สมบัติของเขาทั้งหมด
22 กษัตริย์ให้อำนาจกับโยเซฟอย่างเต็มที่เหนือข้าราชการของเขา
โยเซฟสอนพวกที่ปรึกษาอาวุโสของกษัตริย์
23 หลังจากนั้น อิสราเอลก็เข้ามาอยู่ที่อียิปต์
ยาโคบอยู่อย่างคนต่างด้าวในดินแดนของฮาม[a]
24 พระองค์ทำให้คนของพระองค์ทวีคูณขึ้นอย่างมหาศาล
จนมีจำนวนมากกว่าศัตรูของเขา
25 พระยาห์เวห์เปลี่ยนใจของคนอียิปต์ให้หันมาเกลียดชังคนของพระองค์
และให้พวกเขาพากันวางแผนร้ายต่อพวกผู้รับใช้ของพระองค์
26 แล้วพระองค์ก็ส่งโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์
และอาโรนผู้ที่พระองค์ได้เลือก
27 พระองค์ให้สองคนนี้ทำการอัศจรรย์ต่างๆของพระองค์ให้ชนชาติของพระองค์เห็น
พวกเขาทำสิ่งที่น่าทึ่งต่างๆในดินแดนของฮาม
28 พระองค์ส่งความมืดทึบลงมา
แต่ชาวอียิปต์ก็ไม่ยอมฟังพระองค์
29 พระองค์ทำให้น้ำของพวกเขากลายเป็นเลือด
และฆ่าพวกปลาของพวกเขา
30 แผ่นดินของพวกเขามีฝูงกบเต็มไปหมด
ไม่เว้นแม้แต่พวกห้องส่วนตัวของกษัตริย์
31 เมื่อพระองค์ออกคำสั่ง
ฝูงเหลือบก็มา ฝูงริ้นก็รุกล้ำเข้ามาทั่วแผ่นดิน
32 พระองค์ทำให้ฝนของพวกเขากลายเป็นลูกเห็บ
และทำให้เกิดสายฟ้าแลบในแผ่นดินของเขา
33 พระองค์ทำลายไร่องุ่น และต้นมะเดื่อ
พระองค์ทำให้ต้นไม้แตกเป็นเสี่ยงๆไปทั่วเขตแดนของพวกเขา
34 เมื่อพระองค์ออกคำสั่ง พวกตั๊กแตนวัยบินและตั๊กแตนวัยกระโดด
ก็กรูกันเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน
35 พวกตั๊กแตนกินพืชผักทั้งหมดในแผ่นดินของพวกเขา
และกินพืชผลทั้งหลายจากดินเสียสิ้น
36 แล้วจากนั้น พระองค์ก็ฆ่าลูกชายหัวปีของพวกเขาทั้งหมดในแผ่นดินของพวกเขา
ลูกที่พิสูจน์ถึงความเป็นชายของพ่อ
26 คนที่ยำเกรงพระยาห์เวห์จะปลอดภัย
ความยำเกรงนั้นจะเป็นที่ลี้ภัยสำหรับลูกหลานของเขา
27 ความยำเกรงพระยาห์เวห์คือแหล่งน้ำแห่งชีวิต
เพื่อคนจะได้หลีกเลี่ยงจากกับดักแห่งความตาย
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International