The Daily Audio Bible
Today's audio is from the EHV. Switch to the EHV to read along with the audio.
ซามูเอลพูดเรื่องกษัตริย์
12 ซามูเอลพูดกับคนอิสราเอลทั้งหมดว่า “เราได้รับฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกท่านพูดกับเรา และได้ตั้งกษัตริย์ขึ้นเหนือพวกท่าน 2 ตอนนี้ พวกท่านมีกษัตริย์เป็นผู้นำแล้ว ส่วนเราก็แก่และผมหงอกแล้ว และพวกลูกชายของเราก็ได้อยู่ที่นี่กับพวกท่าน เราได้เป็นผู้นำของพวกท่านมาตั้งแต่หนุ่มจนถึงวันนี้ 3 เรายืนอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าเราได้ทำอะไรผิดต่อพวกท่าน ก็ให้ว่ามาเลย ต่อหน้าพระยาห์เวห์ และต่อผู้ที่พระองค์ได้เจิมไว้ เราได้ยึดวัว หรือยึดลาของใครไปบ้าง ใครที่โดนเราโกง หรือโดนเราข่มเหงบ้าง เราได้รับสินบนจากมือใครบ้างเพื่อปิดหูปิดตาเรา ถ้าเราได้ทำสิ่งใดที่ได้พูดมาแล้วนั้น เราจะชดใช้ให้”
4 พวกเขาตอบว่า “ท่านไม่เคยโกง หรือข่มเหงพวกเรา ท่านไม่เคยรับสิ่งของใดๆจากมือของใครเลย”
5 ซามูเอลพูดกับพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์ และคนที่พระองค์เจิมไว้ได้เป็นพยานต่อพวกท่านในวันนี้ว่า พวกท่านไม่พบสิ่งใดในมือของเรา” พวกเขาก็ตอบว่า “พระองค์เป็นพยาน”
6 จากนั้นซามูเอลพูดกับประชาชนว่า “พระยาห์เวห์ได้แต่งตั้งโมเสสกับอาโรน และได้นำบรรพบุรุษของท่านออกมาจากอียิปต์ 7 ตอนนี้ ให้พวกท่านมายืนอยู่ที่นี่ เพราะเราจะดำเนินคดีกับพวกท่านต่อหน้าพระยาห์เวห์ เราจะบอกพวกท่าน[a] ถึงสิ่งดีๆที่พระยาห์เวห์ได้ทำให้กับพวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่าน
8 หลังจากที่ยาโคบเข้าไปอยู่ในอียิปต์ และคนอียิปต์ได้กดขี่ข่มเหงลูกหลานของเขา บรรพบุรุษของพวกท่านได้ร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ก็ส่งโมเสสกับอาโรน มานำพวกเขาออกจากอียิปต์จนมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่
9 แต่บรรพบุรุษของท่านได้ลืมพระยาห์เวห์ของเขา พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาจึงขายพวกเขาให้ตกไปอยู่ในมือของสิเสรา ซึ่งเป็นแม่ทัพของกองทัพฮาโซร์ และปล่อยให้พวกเขาตกอยู่ในมือของคนฟีลิสเตีย และกษัตริย์เมืองโมอับ แล้วพวกนั้นก็สู้รบกับบรรพบุรุษของพวกท่าน 10 บรรพบุรุษของพวกท่านได้ร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ว่า ‘พวกเราได้ทำบาป พวกเราได้ละทิ้งพระยาห์เวห์ ไปรับใช้พวกพระบาอัลและพวกพระอัชทาโรท แต่ตอนนี้ โปรดช่วยพวกเราให้พ้นจากมือศัตรูด้วยเถิด และพวกเราจะรับใช้พระองค์’
11 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงส่งกิเดโอน[b] บาราค[c] เยฟธาห์[d] และซามูเอล[e] มา แล้วพระองค์ได้ช่วยกู้พวกท่านจากเงื้อมมือของศัตรูที่มีอยู่รอบด้าน เพื่อให้ท่านอยู่อย่างปลอดภัย 12 แต่เมื่อพวกท่านได้เห็นนาหาชกษัตริย์ของคนอัมโมนออกมาต่อสู้กับพวกท่าน พวกท่านก็พูดกับเราว่า ‘ไม่ได้แล้ว พวกเราต้องการมีกษัตริย์ปกครองพวกเรา’ ทั้งๆที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านเป็นกษัตริย์ของพวกท่านอยู่แล้วก็ตาม 13 ต่อจากนี้ไป นี่คือกษัตริย์ที่พวกท่านได้เลือก คนที่พวกท่านได้ร้องขอ[f] และพระยาห์เวห์ได้ตั้งกษัตริย์เหนือพวกท่านแล้ว 14 ถ้าพวกท่านยำเกรงพระยาห์เวห์ ยอมรับใช้ เชื่อฟังและไม่ขัดขืนพวกคำสั่งของพระองค์ ถ้าพวกท่านและกษัตริย์ที่ปกครองพวกท่านติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน พระเจ้าก็จะช่วยกู้พวกท่าน[g] 15 แต่ถ้าพวกท่านไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์ หรือขัดขืนพวกคำสั่งของพระองค์ มือของพระองค์ก็จะต่อสู้กับพวกท่านเหมือนกับที่ต่อสู้กับบรรพบุรุษของพวกท่าน
16 ตอนนี้ยืนนิ่งๆคอยดูสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ที่พระยาห์เวห์กำลังจะทำให้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกท่าน 17 พวกท่านก็รู้ว่าตอนนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวสาลี[h] ซึ่งฝนแล้ง เราจะร้องขอให้พระยาห์เวห์ทำให้ฝนตกและฟ้าร้อง พวกท่านจะได้รู้ว่ามันชั่วร้ายขนาดไหนในสายตาของพระยาห์เวห์ เมื่อท่านร้องขอให้มีกษัตริย์”
18 จากนั้นซามูเอลได้ร้องขอต่อพระยาห์เวห์ และในวันนั้นเอง พระยาห์เวห์ได้ทำให้ฝนตกและฟ้าร้อง ประชาชนทั้งหมดจึงเกรงกลัวพระยาห์เวห์และซามูเอล 19 ประชาชนทั้งหมดจึงพูดกับซามูเอลว่า “ช่วยอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่าน ให้กับพวกเราผู้รับใช้ของท่านด้วย เพื่อพวกเราจะได้ไม่ตาย เพราะบาปที่เราร้องขอให้มีกษัตริย์ซึ่งเป็นการทำบาปเพิ่มขึ้นไปอีกจากบาปอื่นๆที่เราได้ทำอยู่แล้ว”
20 ซามูเอลตอบว่า “ไม่ต้องกลัว แม้พวกท่านได้ทำสิ่งชั่วร้ายนี้ ก็อย่าได้หันไปจากพระยาห์เวห์ แต่ให้รับใช้พระยาห์เวห์อย่างสุดหัวใจ 21 อย่าหันไปตามรูปเคารพต่างๆที่ไร้ประโยชน์ พวกมันไม่สามารถทำสิ่งดี หรือช่วยชีวิตท่านได้ เพราะพวกมันเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์
22 เพื่อรักษาชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของพระยาห์เวห์ พระองค์จะไม่ละทิ้งประชาชนของพระองค์ เพราะพระยาห์เวห์ยินดีที่จะทำให้พวกท่านเป็นคนของพระองค์ 23 ส่วนเราเอง เราจะไม่หยุดอธิษฐานเพื่อพวกท่าน เพราะถ้าเราหยุด เราก็ได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ และเราก็ยังจะสอนพวกท่านในสิ่งที่ดีงามและถูกต้อง 24 แต่ขอให้ยำเกรงพระยาห์เวห์ และรับใช้พระองค์อย่างจริงใจและสิ้นสุดใจของท่าน ให้ระลึกถึงสิ่งยอดเยี่ยมทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำให้กับพวกท่าน 25 แต่ถ้าท่านยังจะดื้อดึงและทำสิ่งที่ชั่วร้าย พระเจ้าก็จะกวาดพวกท่านและกษัตริย์ของพวกท่านทิ้งไป”
ซาอูลทำผิดครั้งแรก
13 เมื่อซาอูลขึ้นเป็นกษัตริย์ เขามีอายุ … ปี[i] และเขาได้ปกครองอิสราเอลอยู่เป็นเวลา … สองปี[j] 2 ซาอูลเลือกผู้ชายอิสราเอลมาสามพันคน ให้สองพันคนอยู่กับเขาที่มิคมาช และในเขตเทือกเขาของเบธเอล ส่วนอีกหนึ่งพันคนให้อยู่กับโยนาธานที่เมืองกิเบอาห์ในเขตแดนของเบนยามิน คนที่เหลือนอกจากนั้นเขาก็ปล่อยให้กลับบ้านตัวเอง
3 โยนาธานได้โจมตีกองหน้าของฟีลิสเตียที่เกบา และคนฟีลิสเตียก็ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาพูดว่า “คนอิสราเอลก่อการกบฏแล้ว”[k]
จากนั้นซาอูลได้เรียกให้เป่าแตรเขาสัตว์ไปทั่วแผ่นดิน และพูดว่า “ให้คนฮีบรูทั้งหลายได้ยินข่าวนี้” 4 คนอิสราเอลทั้งหมดจึงได้ยินข่าวว่า “ซาอูลได้ตีกองหน้าของฟีลิสเตียที่เกบา คราวนี้แหละคนฟีลิสเตียจะเหม็นขี้หน้าคนอิสราเอลแน่”
และประชาชนก็ถูกเรียกให้ออกมาสมทบกับซาอูลที่กิลกาล 5 คนฟีลิสเตียได้รวมพลกันเพื่อสู้รบกับอิสราเอล พวกเขามีรถรบสามพัน[l] คัน และทหารม้าหกพันคน และมีทหารมากมายเหมือนกับทรายที่ชายฝั่งทะเล พวกเขาขึ้นไปตั้งค่ายอยู่ที่มิคมาช ทางทิศตะวันออกของเบธาเวน
6 เมื่อคนอิสราเอลเห็นว่า พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน และกองทัพของพวกเขาก็ถูกกดดันอย่างหนัก พวกเขาจึงซ่อนตัวอยู่ตามถ้ำ ตามพงไม้ ตามซอกหิน ตามอุโมงค์ และตามบ่อเก็บน้ำ 7 คนฮีบรูบางคนถึงกับข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปที่เมืองกาดและกิเลอาด ส่วนซาอูลยังคงอยู่ที่กิลกาลและกองทหารทั้งหมดที่อยู่กับเขาต่างกลัวจนตัวสั่น
8 ซาอูลได้เฝ้าคอยอยู่เจ็ดวัน ตามเวลาที่ซามูเอลได้กำหนดไว้ แต่ซามูเอลก็ไม่ได้มาที่กิลกาล และประชาชนที่อยู่กับซาอูลก็เริ่มกระจัดกระจายไป 9 ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “เอาเครื่องเผาบูชา และเครื่องสังสรรค์บูชามาให้เรา” และซาอูลก็ได้ถวายเครื่องเผาบูชา 10 ทันทีที่ซาอูลถวายเครื่องเผาบูชาเสร็จสิ้นลง ซามูเอลก็มาถึง ซาอูลจึงออกไปต้อนรับเขา
11 ซามูเอลถามว่า “ท่านได้ทำอะไรลงไป”
ซาอูลตอบว่า “เมื่อเราเห็นว่าประชาชนเริ่มกระจัดกระจายไป และท่านก็ไม่มาตามเวลาที่นัดไว้ และคนฟีลิสเตียก็ได้รวมพลกันที่มิคมาช 12 เราคิดว่า ‘ตอนนี้คนฟีลิสเตียจะลงมาต่อสู้กับเราที่กิลกาล และเราก็ยังไม่ได้ขอให้พระยาห์เวห์ช่วยเหลือ ดังนั้นเราจึงฝืนใจถวายเครื่องเผาบูชาเอง’”
13 ซามูเอลพูดว่า “ท่านได้ทำสิ่งที่โง่ๆลงไปแล้ว ท่านไม่ได้ทำตามคำสั่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่านได้สั่งท่านไว้ ถ้าท่านได้ทำตาม พระองค์จะก่อตั้งอาณาจักรของท่านเหนือคนอิสราเอลตลอดไป 14 แต่ ตอนนี้ อาณาจักรของท่านจะไม่ยั่งยืนอีกแล้ว พระยาห์เวห์ได้ค้นหาผู้ชายอีกคนหนึ่งที่จะทำตามใจพระองค์[m] และได้แต่งตั้งเขาให้เป็นผู้นำประชาชนของพระองค์แล้ว เพราะท่านไม่ได้รักษาคำสั่งของพระยาห์เวห์” 15 จากนั้นซามูเอลก็ลุกขึ้นไปจากกิลกาล
การต่อสู้ที่มิคมาช
ซาอูลและกองทัพที่เหลือของเขาได้จากกิลกาล[n] ไปยังเมืองกิเบอาห์ในเขตแดนเบนยามิน ซาอูลนับคนที่เหลืออยู่กับเขาได้ประมาณหกร้อยคน 16 ซาอูลและโยนาธานลูกชายของเขากับคนที่อยู่กับเขา ได้ไปพักอยู่ที่เกบาในเขตแดนเบนยามิน
ในขณะที่คนฟีลิสเตียตั้งค่ายอยู่ที่มิคมาช 17 คนฟีลิสเตียได้แบ่งกำลังสำหรับโจมตีออกเป็นสามกอง กองที่หนึ่งมุ่งตรงไปโอฟราห์ที่อยู่ใกล้กับชูอัล 18 กองที่สองตรงไปเบธโฮโรน และกองที่สามตรงไปที่เขตแดนเหนือหุบเขาเศโบอิมที่หันไปทางทะเลทราย
19 คนฟีลิสเตียไม่ยอมให้มีช่างตีเหล็กเหลืออยู่ในแผ่นดินอิสราเอลแม้แต่คนเดียว เพราะคนฟีลิสเตียพูดกันว่า “ไม่อย่างนั้นคนฮีบรูจะทำดาบ ทำหอกใช้กัน” 20 ดังนั้นคนอิสราเอลทั้งหมดจึงต้องลงไปหาคนฟีลิสเตียเพื่อลับคราด พลั่ว ขวาน และเคียวของพวกเขาให้คม 21 คนฟีลีสเตียคิดค่าลับคราดและพลั่ว เป็นเงินแปดกรัม และคิดค่าลับสามง่าม ขวาน และปฏัก[o] เป็นเงินสี่กรัม 22 ดังนั้น ในวันที่สู้รบกันนั้น กองทหารของซาอูลและโยนาธาน จึงไม่มีดาบหรือหอกอยู่ในมือ มีแต่ซาอูลและโยนาธานลูกชายเท่านั้นที่มี
23 ตอนนี้กองกำลังกองหนึ่งของฟีลิสเตียได้เดินทางมาถึงทางข้ามที่จะไปเมืองมิคมาชแล้ว
พระเยซูและพี่น้องของพระองค์
7 หลังจากนั้นพระเยซูเดินทางไปทั่วแคว้นกาลิลี พระองค์ไม่อยากไปแคว้นยูเดีย เพราะพวกยิวจ้องที่จะฆ่าพระองค์ 2 ขณะนั้นใกล้จะถึงเทศกาลอยู่เพิงแล้ว 3 น้องๆของพระเยซูจึงบอกพระองค์ว่า “พี่น่าจะไปแคว้นยูเดีย เพื่อพวกศิษย์ของพี่จะได้เห็นสิ่งอัศจรรย์ต่างๆที่พี่กำลังทำอยู่ด้วย 4 คนที่อยากจะมีชื่อเสียงเขาไม่แอบทำอะไรลับๆหรอก ไหนๆพี่ก็ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้แล้ว แสดงตัวให้โลกรู้ไปเลยสิ” 5 (แม้แต่น้องๆของพระองค์ก็ยังไม่เชื่อพระองค์) 6 พระเยซูตอบว่า “เวลานี้ยังไม่เหมาะสำหรับพี่ แต่สำหรับน้องๆเวลาไหนก็เหมาะทั้งนั้น 7 คนในโลกนี้เขาไม่เกลียดพวกน้องหรอก เพราะไม่รู้จะเกลียดไปทำไม แต่เขาเกลียดพี่เพราะพี่บอกพวกเขาอยู่เสมอว่า การกระทำของพวกเขานั้นชั่วร้าย 8 พวกน้องไปกันเองเถอะ พี่ยังไม่ไปหรอก เพราะยังไม่ถึงเวลา” 9 หลังจากที่พูดอย่างนั้นแล้ว พระองค์ก็อยู่ที่แคว้นกาลิลีต่อไป
10 หลังจากที่น้องๆของพระองค์ไปร่วมงานเทศกาลกันแล้ว พระองค์ก็แอบไปทีหลังโดยไม่ให้ใครรู้ 11 พวกผู้นำชาวยิวต่างมองหาพระองค์ในงาน และถามกันว่า “ไอ้หมอนั่นอยู่ที่ไหน”
12 ผู้คนซุบซิบกันมากเกี่ยวกับพระเยซู บางคนว่า “เขาเป็นคนดีนะ” แต่บางคนว่า “ไม่หรอก เขาเป็นนักต้มตุ๋น” 13 แต่ไม่มีใครกล้าพูดถึงพระองค์อย่างเปิดเผยเพราะกลัวพวกผู้นำชาวยิว
พระเยซูสั่งสอนในเยรูซาเล็ม
14 เมื่อถึงช่วงกลางเทศกาลอยู่เพิง พระเยซูได้เข้าไปในบริเวณวิหาร และเริ่มสั่งสอนประชาชน 15 พวกหัวหน้าชาวยิวต่างรู้สึกแปลกใจในคำสอนของพระองค์ จึงพูดว่า “ทำไมเขารู้มากอย่างนี้ล่ะ ในเมื่อเขายังไม่เคยเรียนกับครูคนไหนมาก่อนเลย”
16 พระเยซูตอบว่า “คำสอนของเรานั้นไม่ใช่ของเราเอง แต่มาจากพระองค์ผู้ที่ส่งเรามา 17 คนไหนมีใจที่อยากทำตามใจพระเจ้า คนนั้นก็จะรู้ว่าสิ่งที่เราสอนนั้นมาจากพระเจ้าหรือเราพูดขึ้นมาเองกันแน่ 18 คนที่พูดตามใจตัวเองก็พยายามหาชื่อเสียงใส่ตัว แต่คนที่พยายามหาชื่อเสียงให้กับผู้ที่ส่งเขามา คนนั้นแหละเป็นคนที่จริงใจที่ไม่หลอกลวงใคร 19 โมเสสให้กฎปฏิบัติกับพวกคุณ แต่พวกคุณก็ไม่ได้ทำตามกฎนั้นสักคน แล้วทำไมพวกคุณถึงได้พยายามจะฆ่าเรา”
20 พวกนั้นจึงตอบว่า “แกถูกผีสิงแล้ว ใครกันที่พยายามจะฆ่าแก”
21 พระเยซูจึงตอบพวกเขาว่า “เราทำสิ่งอัศจรรย์อย่างหนึ่งในวันหยุดทางศาสนา พวกคุณก็พากันตกตะลึงเพราะเรื่องนั้น 22 โมเสสให้กฎปฏิบัติกับคุณเรื่องการทำพิธีขลิบ (ความจริงแล้ว บรรพบุรุษของพวกคุณได้ทำพิธีขลิบมาตั้งนานแล้วก่อนโมเสสเสียอีก) และถ้าวันที่คุณจะต้องทำพิธีขลิบตรงกับวันหยุดทางศาสนาพอดี พวกคุณก็ยังทำพิธีขลิบให้ลูกชายของคุณอยู่ดี 23 ถ้าคุณทำพิธีขลิบให้กับลูกชายเพื่อจะได้ไม่ผิดกฎของโมเสส แล้วพวกคุณจะมาโกรธแค้นเราที่รักษาคนทั้งคนให้หายในวันหยุดทางศาสนาทำไม 24 เลิกตัดสินอย่างผิวเผินได้แล้ว แต่ให้ตัดสินอย่างถูกต้อง”
พระเยซูคือพระคริสต์หรือไม่
25 บางคนในเมืองเยรูซาเล็มถามกันว่า “คนนี้ไม่ใช่หรือที่พวกผู้นำพยายามจะฆ่า 26 แต่ดูสิ เขากำลังพูดอยู่กลางที่สาธารณะ และพวกผู้นำก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาเลย หรือเป็นไปได้ไหมว่าพวกผู้นำตัดสินใจกันแล้วว่าเขาคือพระคริสต์ 27 แต่พวกเรารู้นี่ว่าคนนี้มาจากไหน ถ้าพระคริสต์ตัวจริงมาละก็ จะไม่มีใครรู้หรอกว่าพระองค์มาจากไหน”
28 ขณะที่พระเยซูสอนอยู่ในบริเวณวิหาร พระองค์ตะโกนให้ทุกคนได้ยินว่า “ใช่แล้ว พวกคุณรู้จักเรา และรู้ว่าเรามาจากไหน แต่เราไม่ได้มาเอง มีผู้หนึ่งที่ส่งเรามาจริงๆ พวกคุณไม่รู้จักพระองค์ผู้นั้น 29 แต่เรารู้จักพระองค์เพราะเรามาจากพระองค์ และพระองค์ส่งเรามา”
30 พวกเขาจึงพยายามที่จะจับพระเยซู แต่ไม่มีใครจับตัวพระองค์ได้เพราะยังไม่ถึงเวลาของพระองค์
อธิษฐานขอชัยชนะเหนือศัตรู
(สดด. 57:7-11; 60:5-12)
บทเพลงสดุดีของดาวิด
1 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าพร้อมแล้ว ใจของข้าพเจ้าเตรียมพร้อมแล้ว
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงและเล่นดนตรีเพื่อสรรเสริญพระองค์
2 จิตวิญญาณของข้า ตื่นเถิด
พิณใหญ่ และพิณโบราณ ตื่นเถิด
แล้วข้าพเจ้าจะใช้เพลงปลุกอรุณรุ่ง
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
และจะร้องเพลงเกี่ยวกับพระองค์ให้ทุกคนฟัง
4 เพราะความรักมั่นคงของพระองค์นั้นสูงกว่าฟ้าสวรรค์
ความสัตย์ซื่อของพระองค์นั้นขึ้นสูงเสียดเมฆ
5 ข้าแต่พระเจ้า ขอให้พระองค์ขึ้นมาเหนือฟ้าสวรรค์
ขอให้รัศมีของพระองค์ส่องไปทั่วโลก
6 ช่วยตอบข้าพเจ้าด้วย และใช้มือขวาอันทรงพลังของพระองค์ช่วยพวกเราให้รอดด้วยเถิด
เพื่อคนที่พระองค์รักจะหนีไปได้
7 พระเจ้าพูดอย่างนี้ในวิหารของพระองค์ว่า
“เราจะชนะ เราจะวัดและจัดสรรปันส่วนเมืองเชเคม
และหุบเขาสุคคทให้กับคนของเรา
8 ดินแดนกิเลอาดเป็นของเรา ดินแดนมนัสเสห์เป็นของเรา
เผ่าเอฟราอิมเป็นหมวกเหล็กของเรา
ส่วนเผ่ายูดาห์ เป็นคทา[a] ของเรา
9 ชนชาติโมอับเป็นอ่างล้างของเรา
เราโยนรองเท้าของเราให้ชนชาติเอโดมที่เป็นทาสของเรา
เราโห่ร้องอย่างผู้มีชัยเหนือดินแดนฟีลิสเตีย”
10 ใครเล่าจะนำข้าพเจ้าไปยึดเมืองที่มีกำแพงแน่นหนานั้น
ใครเล่าจะนำข้าพเจ้าไปไกลถึงดินแดนเอโดม
11 เพราะพระองค์ทอดทิ้งพวกเราแล้ว ใช่ไหม
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ไม่ไปร่วมทัพกับพวกเราแล้ว ใช่ไหม
12 ข้าแต่พระเจ้า ช่วยเหลือพวกเราต่อสู้กับศัตรูด้วยเถิด
เพราะความช่วยเหลือจากมนุษย์ไม่มีประโยชน์
13 ต้องเป็นความช่วยเหลือจากพระเจ้าเท่านั้น พวกเราถึงจะชนะ
พระองค์จะเหยียบย่ำศัตรูของพวกเรา
4 ลิ้นที่เยียวยาเป็นต้นไม้แห่งชีวิต
แต่ลิ้นที่ปลิ้นปล้อนทำให้ใจแตกสลาย
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International