Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the NIV. Switch to the NIV to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 ซามูเอล 29-31

อาคีชส่งดาวิดกลับไปศิกลาก

29 ชาวฟีลิสเตียรวมพลอยู่ที่อาเฟก และชาวอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ที่ข้างตาน้ำในยิสเรเอล พวกผู้นำของชาวฟีลิสเตีย ได้เดินนำหน้ากองทัพของเขา ที่แบ่งเป็นกองร้อยและกองพัน ดาวิดกับพวกของเขาก็เดินแถวอยู่ด้านหลังกษัตริย์อาคีช

พวกแม่ทัพของกองทัพชาวฟีลิสเตียถามขึ้นว่า “ชาวฮีบรูพวกนี้มาทำอะไรที่นี่”

อาคีชตอบว่า “นี่คือดาวิด นายทหารคนหนึ่งของกษัตริย์ซาอูลแห่งอิสราเอล เขามาอยู่กับเรามากกว่าหนึ่งปีแล้ว ตั้งแต่วันที่เขาหนีซาอูลมาจนถึงวันนี้ เรายังไม่พบว่าเขาทำผิดอะไรเลย”

แต่พวกแม่ทัพชาวฟีลิสเตียโกรธเขามากและพูดว่า “ส่งชายคนนี้กลับไป ให้เขากลับไปยังเมืองที่ท่านให้เขาอยู่นั้น เขาจะต้องไม่ไปออกรบกับพวกเรา ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะหันกลับมาสู้รบกับเราในช่วงที่เรารบกันอยู่ก็ได้ เขาอาจจะคืนดีกับเจ้านายของเขา ด้วยหัวของคนของเรา ไม่ใช่ดาวิดคนนี้หรอกหรือที่พวกเขาร้องเพลงระหว่างการเต้นรำของพวกเขาว่า

‘ซาอูลฆ่าคนเป็นพันๆ
    และดาวิดฆ่าคนเป็นหมื่นๆ’”

อาคีชจึงเรียกดาวิดมาและบอกกับเขาว่า “พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เจ้านั้นจงรักภักดีต่อเราแน่ และเราก็ดีใจที่เจ้าได้มารับใช้อยู่ในกองทัพของเรา นับแต่วันที่เจ้ามาอยู่กับเราจนถึงวันนี้ เราไม่เคยพบว่าเจ้าทำอะไรผิด และพวกผู้ครอบครองชาวฟีลิสเตียก็เห็นว่าเจ้าเป็นคนดีเหมือนกัน[a] กลับไปอย่างสันติเถิด อย่าได้ทำอะไรลงไปที่ทำให้พวกผู้ครอบครองชาวฟีลิสเตียไม่พอใจเจ้าเลย”

ดาวิดถามว่า “ข้าพเจ้าทำอะไรลงไปหรือ นับแต่วันที่ข้าพเจ้ามาอยู่กับท่านจนถึงวันนี้ ท่านพบว่าคนรับใช้ของท่านได้ทำสิ่งใดผิดหรือ ทำไมข้าพเจ้าถึงไม่สามารถไปต่อสู้กับศัตรูของท่านผู้เป็นกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าได้”

อาคีชตอบว่า “เรารู้ว่าเจ้าเป็นคนดีมาก ราวกับทูตสวรรค์ของพระเจ้า แต่ว่าพวกแม่ทัพนายกองชาวฟีลิสเตียยังคงพูดว่า ‘เขาจะต้องไม่ไปร่วมรบกับเรา’ 10 ขอให้เจ้าตื่นแต่เช้าพร้อมๆกับคนรับใช้อื่นๆที่มากับเจ้า และออกเดินทางแต่เช้าทันทีที่สว่าง”

11 ดังนั้นดาวิดและพวกของเขาก็ตื่นแต่เช้าและออกเดินทางกลับไปยังดินแดนของชาวฟีลิสเตีย ส่วนชาวฟีลิสเตียก็เดินขึ้นไปที่ยิสเรเอล

ดาวิดรบชนะชาวอามาเลค

30 ดาวิดกับพวกของเขากลับมาถึงเมืองศิกลากในวันที่สาม ปรากฏว่าชาวอามาเลคได้มาปล้นเนเกบและศิกลาก พวกเขาเข้าโจมตีและเผาเมืองศิกลาก และจับผู้หญิงและทุกคนในเมืองไว้ ทั้งเด็กและคนแก่ ชาวอามาเลคไม่ได้ฆ่าใครเลย แต่กวาดต้อนคนทั้งหมดไปตามทางของพวกเขา

เมื่อดาวิดและพวกมาถึงเมืองศิกลาก พวกเขาพบว่าเมืองถูกเผาทำลาย ทั้งเมีย ทั้งลูกชายลูกสาวของพวกเขา ถูกจับตัวไปหมด ดังนั้นดาวิดและพวกจึงร้องไห้เสียงดังจนหมดเรี่ยวแรงไม่สามารถร้องต่อไปได้อีก เมียทั้งสองคนของดาวิดคือนางอาหิโนอัมชาวยิสเรเอลและนางอาบีกายิล เมียม่ายของนาบาลชาวคารเมล ก็ถูกจับไปด้วย

ดาวิดตกอยู่ในอันตรายเป็นอย่างมาก เพราะผู้คนพูดกันว่าจะเอาหินขว้างเขา แต่ละคนรู้สึกขมขื่นใจ เพราะลูกชายลูกสาวของพวกเขาถูกจับไป แต่ดาวิดก็มีความกล้าขึ้นในพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา ดาวิดพูดกับนักบวชอาบียาธาร์ลูกชายของอาหิเมเลคว่า “เอาเอโฟดมาให้เราหน่อย” อาบียาธาร์ก็เอามาให้เขา

และดาวิดก็ร้องถามพระยาห์เวห์ว่า “ข้าพเจ้าควรจะตามโจรกลุ่มนี้ไปหรือไม่ และข้าพเจ้าจะไล่พวกมันทันหรือเปล่า”

พระองค์ตอบว่า “ตามล่ามันไป เจ้าจะไล่พวกมันทัน และช่วยเหลือคนได้สำเร็จ”

ดาวิดและชายหนุ่มหกร้อยคน ได้ออกติดตามโจรกลุ่มนั้นไปจนถึงลุ่มแม่น้ำเบโสร์ ที่นั่นเขาได้ทิ้งคนกลุ่มหนึ่งไว้ 10 เพราะมีสองร้อยคนที่เหน็ดเหนื่อยมากจนไม่สามารถข้ามลุ่มแม่น้ำไปได้ จึงหยุดพักอยู่ที่นั่น ส่วนดาวิดและคนอีกสี่ร้อยคนยังคงไล่ตามต่อไป

11 พวกเขาพบคนอียิปต์คนหนึ่งในท้องทุ่ง จึงพามาพบดาวิด เขาให้น้ำกับคนอียิปต์นั้นดื่ม ให้อาหารเขากิน 12 เขาให้ผลมะเดื่อแห้งและเค้กองุ่นแห้งสองชิ้น เมื่อเขากินแล้วเขาก็ดีขึ้น เพราะเขาไม่ได้กินและดื่มอะไรเลยมาสามวันสามคืนแล้ว

13 ดาวิดถามคนอียิปต์นั้นว่า “เจ้าเป็นคนของใคร และเจ้ามาจากไหน”

คนอียิปต์ตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนอียิปต์ เป็นทาสของคนอามาเลค นายของข้าพเจ้าทิ้งข้าพเจ้าไว้ เพราะข้าพเจ้าป่วยเมื่อสามวันก่อน 14 พวกเราได้เข้าปล้นเขตแดนเนเกบ ที่คนเคเรธี[b] อาศัยอยู่ และดินแดนที่เป็นของยูดาห์ รวมทั้งเขตแดนเนเกบที่ตระกูลคาเลบอาศัยอยู่ และพวกเราก็เผาศิกลากทิ้ง”

15 ดาวิดถามคนอียิปต์ว่า “เจ้าช่วยพาเราลงไปถึงโจรกลุ่มนี้ได้หรือเปล่า”

คนอียิปต์ตอบว่า “สาบานต่อหน้าพระเจ้าก่อนว่า ท่านจะไม่ฆ่าข้าพเจ้า หรือส่งข้าพเจ้ากลับคืนไปหานายข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะพาท่านลงไปถึงโจรกลุ่มนี้”

16 คนอียิปต์พาดาวิดไปหาอามาเลค และที่นั่น ดาวิดก็ได้พบกับคนเหล่านั้น อยู่กันอย่างกระจัดกระจายในแถบชนบท กำลังกิน ดื่ม และเฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสนาน เพราะได้ปล้นของมาเป็นจำนวนมากจากแผ่นดินของชาวฟีลิสเตียและจากยูดาห์ 17 ดาวิดสู้รบกับพวกโจรตั้งแต่ตอนค่ำจนถึงเย็นของอีกวันหนึ่ง และไม่มีใครหนีรอดไปได้เลย นอกจากชายหนุ่มสี่ร้อยคนที่ขี่อูฐหนีไปได้

18 ดาวิดเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่ชาวอามาเลคยึดมา รวมถึงเมียทั้งสองของเขาด้วย 19 ดาวิดยึดเอาทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาหมด ไม่มีอะไรขาดเลย ทั้งคนหนุ่ม คนแก่ เด็กชายเด็กหญิง ของที่โจรปล้นเอามา หรืออะไรก็ตามที่พวกโจรได้ปล้นเอาไปนั้น ดาวิดเอากลับมาหมด 20 ดาวิดยึดฝูงแพะแกะและฝูงโคมาได้ และคนของเขาก็ต้อนฝูงสัตว์ไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “นี่คือของที่ดาวิดปล้นมาได้”

21 เมื่อดาวิดมาถึงบริเวณที่คนสองร้อยคน ที่เหนื่อยเกินไปที่จะตามดาวิด และถูกทิ้งไว้ที่ลุ่มแม่น้ำเบโสร์ พวกเขาออกมาพบดาวิดกับพวกที่มากับดาวิด เมื่อดาวิดกับพวกของเขามาถึง พวกนั้นก็ออกมาถามทุกข์สุขของดาวิดและพรรคพวก 22 แต่มีบางคนในพวกที่ติดตามดาวิดไป ที่เป็นคนชั่วร้ายและชอบสร้างปัญหา พูดขึ้นว่า “คนพวกนี้ไม่ได้ออกไปกับพวกเรา ก็ไม่ควรได้รับส่วนแบ่งในของที่เรายึดมาได้ นอกจากลูกเมียของพวกเขาเท่านั้น”

23 ดาวิดพูดขึ้นว่า “พี่น้องทั้งหลาย อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย พวกท่านต้องไม่ทำอย่างนั้นกับสิ่งที่พระยาห์เวห์ให้กับพวกเรา และได้มอบพวกโจรกลุ่มนี้ที่ได้สู้รบกับพวกเราให้ตกอยู่ในกำมือของพวกเรา 24 ใครจะฟังเจ้าในเรื่องนี้ ทุกคนจะได้รับส่วนแบ่งเท่าๆกันหมด ไม่ว่าจะเป็นคนที่เฝ้าสัมภาระอยู่ที่นี่ หรือคนที่ลงไปสู้รบ” 25 ดาวิดทำให้เรื่องนี้เป็นกฏระเบียบของชาวอิสราเอล มาจนถึงทุกวันนี้

26 เมื่อดาวิดมาถึงศิกลาก เขาได้ส่งของที่ยึดมาได้บางส่วนไปให้กับผู้นำอาวุโสในยูดาห์ ที่เป็นเพื่อนกับดาวิด แล้วบอกว่า “นี่คือของขวัญสำหรับท่านจากสิ่งที่ยึดมาได้จากพวกศัตรูของพระยาห์เวห์”

27 ดาวิดส่งของที่ยึดมาได้บางส่วน ไปให้ผู้นำที่อยู่ในเบธเอล ราโมทในเนเกบ และยาททีร์ 28 ไปยังผู้นำที่อยู่ที่อาโรเออร์ สิฟโมท เอชเทโมอา 29 ไปยังราคาล ไปยังหมู่บ้านต่างๆของคนเยราเมเอล และหมู่บ้านต่างๆของคนเคไนต์ 30 ไปยังคนที่อยู่ในโฮรมาห์ โบราชาน อาธาค 31 และเฮโบรน และไปยังทุกๆที่ที่ดาวิดและพวกเคยอาศัยมาก่อน

ซาอูลตาย

31 ในเวลานั้นชาวฟีลิสเตียได้สู้รบอยู่กับชาวอิสราเอล ชาวอิสราเอลบางคนหนีไปได้ หลายคนถูกฆ่าตายอยู่บนเขากิลโบอา ชาวฟีลิสเตียไล่ตามซาอูลและพวกลูกชายของเขาทัน และชาวฟีลิสเตียก็ฆ่าลูกชายทั้งสามคนของซาอูลคือโยนาธาน อาบีนาดับ และมัลคีชูวา

การต่อสู้รุนแรงขึ้นรอบๆซาอูล และเมื่อพวกนักยิงธนูมาพบซาอูลเข้า พวกเขาได้ยิงธนูใส่ซาอูลจนบาดเจ็บสาหัส ซาอูลพูดกับคนถืออาวุธของเขาว่า “ชักดาบของเจ้าออกมา แล้วแทงเราซะ ก่อนที่ไอ้พวกที่ไม่ได้เข้าพิธีขลิบเหล่านี้จะเข้ามาแทงเรา และล้อเลียนเรา” แต่คนที่ถืออาวุธของเขาหวาดกลัวมากและไม่ยอมทำตาม ซาอูลจึงชักดาบของเขาเองออกมาและล้มทับลงบนดาบนั้น เมื่อผู้ถืออาวุธของซาอูลเห็นว่าซาอูลตายแล้ว เขาจึงล้มทับดาบของเขาเองฆ่าตัวตายไปกับซาอูลด้วย อย่างนี้ ซาอูล ลูกชายทั้งสาม คนถืออาวุธของเขา และคนของเขาทั้งหมดจึงตายในวันเดียวกัน

เมื่อชาวอิสราเอลซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของหุบเขา และที่อยู่อีกฝากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน เห็นคนอิสราเอลหลบหนี และเห็นซาอูลกับพวกลูกชายของเขาตายไป พวกเขาจึงหนีทิ้งเมืองต่างๆของพวกเขาไป แล้วชาวฟีลิสเตียก็เข้ายึดครองเมืองต่างๆเหล่านั้น

วันรุ่งขึ้นเมื่อคนฟีลิสเตียมาปลดเสื้อผ้าจากคนที่ถูกฆ่า พวกเขาได้พบศพของซาอูล และลูกชายทั้งสามคน บนภูเขากิลโบอา พวกเขาได้ตัดหัวของซาอูลและถอดชุดเกราะของเขาออก แล้วส่งข่าวไปทั่วดินแดนของชาวฟีลิสเตีย เพื่อประกาศข่าวในวิหารของพวกรูปเคารพของพวกเขา และในหมู่ประชาชนของพวกเขา 10 พวกเขาวางชุดเกราะของซาอูลไว้ในวิหารพระอัชทาโรทและเสียบศพของซาอูลไว้ที่กำแพงของเมืองเบธชาน

11 เมื่อคนที่อาศัยอยู่ที่ยาเบช-กิเลอาดได้ยินเรื่องที่ชาวฟีลิสเตียทำกับซาอูล 12 นักรบผู้กล้าหาญทุกคนก็เดินทางตลอดคืนไปยังเบธชาน พวกเขาปลดเอาร่างของซาอูลและลูกชายทั้งสามคนลงจากกำแพงของเบธชาน และเอาไปยังเมืองยาเบช พวกเขาได้เผาศพของซาอูลกับลูกชายทั้งสามที่นั่น 13 พวกเขาได้เก็บกระดูก และฝังมันไว้ใต้ต้นสนหมอกที่ยาเบช และพวกเขาก็อดอาหารให้เป็นเวลาเจ็ดวัน

ยอห์น 11:55-12:19

55 เมื่อใกล้ถึงเทศกาลวันปลดปล่อย มีคนมากมายจากชนบทหลั่งไหลเข้ามาในเมืองเยรูซาเล็มก่อนหน้าเทศกาลไม่กี่วันเพื่อชำระตัวให้บริสุทธิ์สำหรับเทศกาลนั้น 56 ผู้คนได้เที่ยวมองหาพระเยซู และเมื่อพวกเขาอยู่ในบริเวณวิหาร ก็ถามกันว่า “เขาจะมางานนี้หรือเปล่านะ” 57 พวกหัวหน้านักบวชและพวกฟาริสีสั่งผู้คนว่าถ้าใครรู้ว่าพระเยซูอยู่ไหนก็ให้มาบอกเพื่อว่าพวกเขาจะได้ไปจับพระองค์

พระเยซูและเพื่อนๆอยู่ที่เบธานี

(มธ. 26:6-13; มก. 14:3-9)

12 หกวันก่อนถึงเทศกาลวันปลดปล่อย พระเยซูไปที่หมู่บ้านเบธานีเพื่อหาลาซารัส คนที่พระองค์ทำให้ฟื้นขึ้นมาจากความตาย ลาซารัส และพี่สาวของเขาได้เตรียมอาหารเย็นไว้ต้อนรับพระองค์ มารธาก็คอยให้บริการแขก ลาซารัสนั่งกินอาหารอยู่ที่โต๊ะเดียวกับพระเยซู มารีย์เอาน้ำมันหอมนาระดา[a] บริสุทธิ์ที่มีราคาแพงมากครึ่งลิตรมาเทลงที่เท้าทั้งสองข้างของพระเยซู และใช้ผมของตัวเองเช็ดเท้าของพระองค์จนแห้ง บ้านทั้งหลังก็หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำมันหอม

ยูดาส อิสคาริโอท ศิษย์คนหนึ่งของพระเยซูที่ต่อมาได้ทรยศพระองค์พูดว่า “ทำไมไม่เอาน้ำมันหอมไปขาย แล้วเอาเงินมาแจกจ่ายให้กับคนจน คงจะขายได้เงินเท่ากับค่าแรงเป็นปี[b] เชียวนะ” (ที่ยูดาสพูดอย่างนี้ ไม่ใช่เพราะเขาเป็นห่วงคนจน แต่เพราะเขาเป็นหัวขโมย ชอบยักยอกเงินในถุงส่วนรวมที่เขาเป็นคนดูแล)

พระเยซูพูดว่า “อย่ายุ่งกับนาง นางทำถูกแล้วล่ะที่ได้เก็บน้ำมันหอมนั้นไว้จนถึงวันนี้ซึ่งเป็นวันเตรียมฝังศพของเรา คุณจะมีคนจนอยู่ด้วยเสมอ แต่เราจะไม่อยู่กับพวกคุณเสมอไป”

แผนฆ่าลาซารัส

เมื่อคนยิวเป็นจำนวนมากรู้ว่าพระเยซูอยู่ที่หมู่บ้านเบธานี พวกเขาก็พากันไปที่นั่น ไม่ใช่จะมาหาพระเยซูเท่านั้น แต่อยากจะมาดูลาซารัส คนที่พระองค์ทำให้ฟื้นขึ้นจากความตายด้วย 10 ดังนั้นพวกหัวหน้านักบวชจึงได้วางแผนฆ่าลาซารัสด้วย 11 เพราะเรื่องที่เกิดกับลาซารัสทำให้พวกยิวหลายคนทิ้งหัวหน้านักบวชพวกนั้น แล้วมาไว้วางใจพระเยซู

พระเยซูเข้าเมืองเยรูซาเล็มอย่างกษัตริย์

(มธ. 21:1-11; มก. 11:1-11; ลก. 19:28-40)

12 วันต่อมาคนจำนวนมากที่มาร่วมงานเทศกาลวันปลดปล่อยได้ยินว่า พระเยซูกำลังเดินทางมาที่เมืองเยรูซาเล็ม 13 พวกเขาก็พากันถือกิ่งปาล์มออกไปต้อนรับพระองค์ และร้องตะโกนว่า

“ไชโย[c] ขอพระเจ้าอวยพรคนที่มาในนามขององค์เจ้าชีวิต
    คือกษัตริย์ของอิสราเอล”[d]

14 พระเยซูเจอลาหนุ่มตัวหนึ่งจึงขึ้นขี่ เหมือนกับที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า

15 “เมืองศิโยนเอ๋ย ไม่ต้องกลัว
    ดูนั่นสิ กษัตริย์ของเจ้ากำลังมา
พระองค์ขี่หลังลาหนุ่ม”[e]

16 (ในตอนแรกพวกศิษย์ของพระองค์ยังไม่เข้าใจเหตุการณ์นี้ แต่เมื่อพระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตายและรับเกียรติอันยิ่งใหญ่แล้ว พวกเขาถึงนึกขึ้นได้ว่าพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า พวกเขาจะทำอย่างนี้ต่อพระเยซู)

17 คนจำนวนมากที่อยู่กับพระเยซูตอนที่พระองค์เรียกลาซารัสออกมาจากอุโมงค์ฝังศพและทำให้เขาฟื้นขึ้นจากความตายนั้น ได้พูดต่อๆกันไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้น 18 ทำให้มีคนจำนวนมากพากันมาหาพระเยซู เพราะได้ยินถึงสิ่งอัศจรรย์นี้ 19 พวกฟาริสี จึงพูดกันว่า “เห็นไหม แผนของพวกเราที่จะต่อต้านเขาล้มเหลวไม่เป็นท่า โลกทั้งโลกไปติดตามเขาหมดแล้ว”

สดุดี 118:1-18

ขอบคุณพระยาห์เวห์สำหรับชัยชนะ

ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ดี
    ความรักมั่นคงของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป

ให้ชนชาติอิสราเอล พูดว่า
    “ความรักมั่นคงของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป”
ให้ครอบครัวของอาโรน พูดว่า
    “ความรักมั่นคงของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป”
ให้พวกผู้ที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ พูดว่า
    “ความรักมั่นคงของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป”

ตอนที่ข้าพเจ้าจนตรอก ข้าพเจ้าร้องเรียกพระยาห์เวห์
    แล้วพระองค์ตอบและช่วยให้ข้าพเจ้าหลุดพ้นออกมา
พระยาห์เวห์อยู่ฝ่ายข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงไม่หวาดกลัว
    มนุษย์จะทำอะไรข้าพเจ้าได้
พระยาห์เวห์อยู่ฝ่ายข้าพเจ้า เป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้า
    และข้าพเจ้าจะเห็นคนที่เกลียดชังข้าพเจ้าพ่ายแพ้
ลี้ภัยในพระยาห์เวห์
    ย่อมดีกว่าพึ่งพาในมนุษย์
ลี้ภัยในพระยาห์เวห์
    ย่อมดีกว่าพึ่งพาในพวกผู้นำที่ยิ่งใหญ่

10 ชนชาติทั้งหมดเคยล้อมข้าพเจ้าไว้
    แต่ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าได้ขับไล่พวกมันไปหมด
11 ถูกแล้ว พวกนั้นเคยล้อมข้าพเจ้าไว้ทุกด้าน
    แต่ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าขับไล่พวกมันไปหมด
12 พวกศัตรูล้อมรอบข้าพเจ้าไว้เหมือนกับฝูงผึ้ง
    แต่แล้ว พวกมันก็มอดดับไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับไฟไหม้พงหนาม
    ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระยาห์เวห์ข้าพเจ้าขับไล่พวกมันไปหมด
13 พวกมันพยายามอย่างหนักที่จะทำลายข้าพเจ้า
    แต่พระยาห์เวห์ช่วยข้าพเจ้าไว้
14 พระองค์เป็นพละกำลังและเป็นที่คุ้มภัยของข้าพเจ้า
    พระองค์มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า

15 เสียงโห่ร้องชื่นชมยินดีและเสียงเพลงแห่งชัยชนะดังอยู่ในเต็นท์ของพวกผู้ที่ทำตามใจพระเจ้า
    มือขวาของพระยาห์เวห์ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร
16 มือขวาของพระยาห์เวห์นำชัยชนะมาให้
    มือขวาของพระยาห์เวห์ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร
17 ข้าพเจ้าจะไม่ตายแต่จะอยู่ต่อไป
    แล้วข้าพเจ้าจะเล่าถึงสิ่งต่างๆที่พระยาห์เวห์ทำ
18 พระยาห์เวห์ลงโทษข้าพเจ้าอย่างหนัก
    แต่ไม่ถึงตาย

สุภาษิต 15:24-26

24 ทางของผู้มีปัญญานำขึ้นไปสู่ชีวิต
    เพื่อเขาจะได้หันไปจากทางที่นำลงไปสู่ดินแดนคนตาย
25 พระยาห์เวห์ทำลายบ้านเรือนของคนหยิ่งยโส
    แต่พระองค์รักษาเขตแดนของหญิงม่าย
26 พระยาห์เวห์ขยะแขยงความคิดที่ชั่วร้าย
    แต่คำพูดที่เมตตาปรานีนั้นบริสุทธิ์ในสายตาของพระองค์

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International