The Daily Audio Bible
Today's audio is from the NIV. Switch to the NIV to read along with the audio.
การสู้รบกันที่กิเบโอน
12 อับเนอร์ลูกชายของเนอร์ รวมทั้งคนของอิชโบเชทลูกชายซาอูล ได้ออกจากเมืองมาหะนาอิมและไปที่เมืองกิเบโอน 13 โยอาบลูกชายนางเศรุยาห์และคนของดาวิดได้ออกไปพบพวกเขาที่สระน้ำของเมืองกิเบโอน คนสองกลุ่มนี้ นั่งกันอยู่คนละฝั่งของสระน้ำ
14 แล้วอับเนอร์ก็พูดกับโยอาบว่า “ให้คนหนุ่มๆมาต่อสู้กันตัวต่อตัวให้พวกเราดู” แล้วโยอาบพูดว่า “ตกลง ให้พวกเขาต่อสู้กัน”
15 ดังนั้นพวกเขาจึงยืนขึ้นและเดินออกมาตามที่ได้นับไว้ เป็นคนจากเผ่าของเบนยามินสิบสองคนที่อยู่ฝ่ายอิชโบเชทลูกชายของซาอูล และเป็นคนของดาวิดสิบสองคน 16 แล้วแต่ละคนต่างก็จับหัวของคู่ต่อสู้ของตนไว้และใช้ดาบแทงไปที่สีข้างของแต่ละฝ่าย แล้วทั้งคู่ก็ล้มลงตายด้วยกัน ดังนั้น สถานที่นั้นในเมืองกิเบโอนจึงถูกเรียกว่า เฮลขัท ฮัสซูริม[a]
17 การสู้รบกันในวันนั้นดุเดือดมาก อับเนอร์กับพวกคนของอิสราเอลต่างก็พ่ายแพ้ต่อพวกของดาวิด 18 ลูกชายสามคนของนางเศรุยาห์ก็อยู่ที่นั่นด้วย คือโยอาบ อาบีชัยและอาสาเฮล ขณะนั้น อาสาเฮลวิ่งอย่างว่องไวเหมือนเนื้อทรายป่า 19 เขาวิ่งไล่ตามอับเนอร์ไปอย่างแน่วแน่ ตรงไปไม่หันขวาหันซ้าย 20 อับเนอร์หันกลับมามองข้างหลังและถามออกมาว่า “อาสาเฮล นั่นเจ้าหรือ”
เขาตอบว่า “ใช่แล้ว”
21 แล้วอับเนอร์ก็พูดกับเขาว่า “หันไปทางขวาหรือทางซ้ายสิ จับเอาชายหนุ่มคนใดก็ได้แล้วปลดอาวุธเขาไปเสีย” แต่อาสาเฮลยังไม่หยุดไล่ตามเขา
22 อับเนอร์เตือนอาสาเฮลอีกว่า “หยุดไล่ตามเราได้แล้ว จะให้เราทำร้ายเจ้าหรือยังไง แล้วเราจะมองหน้าโยอาบพี่ชายของเจ้าได้ยังไง”
23 แต่อาสาเฮลปฏิเสธไม่ยอมเลิกไล่ตาม ดังนั้นอับเนอร์จึงเอาด้ามหอกแทงเข้าที่ท้องของอาสาเฮล ด้ามหอกทะลุออกกลางหลัง เขาล้มลงที่นั่น ตายคาที่ และทุกๆคนก็หยุดเมื่อมาถึงที่ที่อาสาเฮลล้มลงตาย 24 แต่โยอาบและอาบีชัย[b] ยังคงไล่ตามอับเนอร์ต่อไป และดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน พวกเขามาถึงเนินเขาอัมมาห์ใกล้กับกียาห์ ระหว่างทางที่จะไปที่รกร้างของเมืองกิเบโอน 25 แล้วคนของเบนยามินก็เข้ามาร่วมกับอับเนอร์ พวกเขารวมตัวกันเป็นกลุ่มเดียวและตั้งรับอยู่บนยอดเขานั้น
26 อับเนอร์ร้องเรียกโยอาบว่า “จะต้องให้มีการฆ่าฟันกันตลอดไปหรือ ท่านไม่คิดหรือว่ามันจะต้องจบลงด้วยความเศร้า เมื่อไรท่านจะสั่งให้คนของท่านหยุดไล่ตามพี่น้องของพวกเขาเสียที”
27 โยอาบตอบว่า “พระเจ้ามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า ถ้าท่านไม่พูดขึ้นมา คนเหล่านี้ก็จะยังคงไล่ตามพี่น้องของพวกเขาเองไปจนกระทั่งถึงเช้าแน่นอน[c]” 28 ดังนั้นโยอาบจึงเป่าแตร และคนทั้งหมดก็หยุด พวกเขาไม่ไล่ตามอิสราเอลอีก และไม่ต่อสู้อีกต่อไป
29 ตลอดคืนนั้น อับเนอร์และคนของเขาเดินทางผ่านอาราบาห์ พวกเขาข้ามแม่น้ำจอร์แดน และเดินทางผ่านหุบเขาบิทโรน[d] และมาถึงเมืองมาหะนาอิม
30 เมื่อโยอาบกลับมาจากการไล่ตามอับเนอร์ และเรียกชุมนุมคนของเขาทั้งหมด ถ้าไม่รวมอาสาเฮล คนของดาวิดหายไปสิบเก้าคน 31 แต่คนของดาวิดก็ได้ฆ่าชาวเบนยามินซึ่งอยู่กับอับเนอร์ไปถึงสามร้อยหกสิบคน 32 พวกเขาได้เอาศพของอาสาเฮลมาและฝังเขาไว้ในหลุมฝังศพของพ่อเขาที่เมืองเบธเลเฮม
แล้วโยอาบและคนของเขาก็เดินทางตลอดทั้งคืนจนมาถึงเมืองเฮโบรนเมื่อเริ่มสว่าง
3 สงครามระหว่างครอบครัวของซาอูลและครอบครัวของดาวิดยืดเยื้ออยู่นาน ดาวิดยิ่งเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆในขณะที่ครอบครัวของซาอูลกลับอ่อนแอลงเรื่อยๆ
ลูกชายดาวิดที่เกิดในเฮโบรน
(1 พศด. 3:1-4)
2 มีลูกชายของดาวิดหลายคนที่เกิดในเมืองเฮโบรน
ลูกชายคนแรกคืออัมโนน เป็นลูกของนางอาหิโนอัมชาวยิสเรเอล
3 ลูกชายคนที่สองชื่อเดลูยาห์[e] เป็นลูกของนางอาบีกายิล เมียหม้ายของนาบาลชาวคารเมล
คนที่สามชื่ออับซาโลมเป็นลูกของนางมาอาคาห์ลูกสาวของทัลมัย กษัตริย์เกชูร์
4 คนที่สี่ชื่ออาโดนียาห์ลูกนางฮักกีท
คนที่ห้าชื่อเชฟาทิยาห์ลูกนางอาบีตัล
5 คนที่หกชื่ออิทเรอัม ลูกนางเอกลาห์ ลูกชายทั้งหกคนนี้ของดาวิดเกิดในเมืองเฮโบรน
อับเนอร์ตัดสินใจเข้าร่วมกับดาวิด
6 ในช่วงของสงครามระหว่างครอบครัวซาอูลและครอบครัวดาวิด อับเนอร์ทำตัวใหญ่ขึ้นๆในครอบครัวซาอูล 7 ซาอูลเคยมีเมียน้อยชื่อริสปาห์เป็นลูกสาวของอัยยาห์ อิชโบเชทได้พูดกับอับเนอร์ว่า “ท่านไปนอนกับเมียน้อยของพ่อเราทำไม”
8 อับเนอร์โกรธมาก ที่อิชโบเชทพูดอย่างนั้น เขาตอบว่า “นี่เราเป็นหัวหมาของฝ่ายยูดาห์หรือ[f] ทุกวันนี้เราซื่อสัตย์กับครอบครัวของซาอูลพ่อท่านและกับครอบครัวและเพื่อนๆเขา เราไม่ได้ส่งตัวท่านให้กับดาวิด แต่ท่านยังกล่าวหาเราว่าไปยุ่งเกี่ยวกับเมียของเขาอีก 9-10 พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้ว่าจะเอาอาณาจักรไปจากครอบครัวซาอูล และแต่งตั้งดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลและยูดาห์ เขาจะครอบครองตั้งแต่เมืองดานไปจนถึงเมืองเบเออร์เชบา[g] ถ้าหากเราไม่ได้ช่วยทำให้ดาวิดได้ในสิ่งที่พระยาห์เวห์สัญญาไว้กับเขานี้ ขอให้พระเจ้าลงโทษเรา อับเนอร์อย่างรุนแรงที่สุด”
11 อิชโบเชทไม่กล้าพูดอะไรกับอับเนอร์อีก เพราะเขากลัวอับเนอร์
12 แล้วอับเนอร์ได้ส่งพวกตัวแทนของเขาไปพูดกับดาวิดว่า “ท่านคิดว่าแผ่นดินนี้ควรจะตกเป็นของใคร มาเถิด มาทำข้อตกลงกับข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะช่วยให้ท่านได้อิสราเอลทั้งหมด”
13 ดาวิดพูดว่า “ดีแล้ว เราจะทำข้อตกลงกับท่าน แต่เรามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง เมื่อท่านมาหาเรา ให้นำตัวมีคาลลูกสาวของซาอูลมากับท่านด้วย ไม่อย่างนั้น ท่านก็ไม่ต้องมาให้เราเห็นหน้า”
14 แล้วดาวิดก็ส่งคนส่งข่าวไปหาอิชโบเชทลูกชายของซาอูล สั่งว่า “มอบมีคาลให้กับเราด้วย เราได้หมั้นนางไว้แล้วด้วยหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศของชาวฟีลิสเตียหนึ่งร้อยคน[h]”
15 อิชโบเชทจึงออกคำสั่งให้ไปนำตัวนางมาจากปัลทีเอล สามีของนางซึ่งเป็นลูกชายของลาอิช 16 แต่สามีของนางก็ไปกับนางด้วย เขาเดินร้องไห้ตามหลังนางตลอดทางไปจนถึงบาฮูริม แล้วอับเนอร์ก็พูดกับเขาว่า “กลับไปบ้านเถิด” เขาจึงกลับบ้านไป
17 อับเนอร์ปรึกษากับพวกผู้นำอาวุโสของอิสราเอลและพูดว่า “พวกท่านเคยต้องการให้ดาวิดเป็นกษัตริย์ของพวกท่านไม่ใช่หรือ 18 ตอนนี้ก็ทำเสียเลยสิ เพราะพระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้กับดาวิดว่า ‘เราจะช่วยเหลือประชาชนชาวอิสราเอลของเราให้พ้นจากเงื้อมมือของชาวฟีลิสเตีย และจากเงื้อมมือของศัตรูทั้งหมดของพวกเขา ผ่านทางดาวิด ผู้รับใช้เรา’”
19 อับเนอร์ได้พูดกับชาวเบนยามินเป็นการส่วนตัว แล้วเขาก็ไปเมืองเฮโบรนเพื่อบอกดาวิดทุกสิ่งทุกอย่างที่อิสราเอลและครอบครัวเบนยามินอยากจะทำ
20 เมื่ออับเนอร์พร้อมกับคนของเขาอีกยี่สิบคนไปพบดาวิดที่เมืองเฮโบรน ดาวิดได้เตรียมงานเลี้ยงไว้สำหรับเขาและบรรดาคนของเขาแล้ว
21 อับเนอร์จึงพูดกับดาวิดว่า “ให้ข้าพเจ้าไปเรียกชุมนุมชาวอิสราเอลทั้งหมดเพื่อท่าน ผู้เป็นกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า เพื่อว่าพวกเขาจะได้ทำสัญญากับท่านและเพื่อท่านจะได้ปกครองทั่วแผ่นดินอย่างที่ใจท่านต้องการ”
ดังนั้นดาวิดจึงได้ส่งอับเนอร์ไป และเขาก็จากไปอย่างสันติ
ความตายของอับเนอร์
22 ขณะนั้นคนของดาวิดกับโยอาบได้กลับมาจากการปล้นและนำของที่ปล้นมาได้เป็นจำนวนมาก แต่อับเนอร์ไม่อยู่ในเมืองเฮโบรนกับดาวิดแล้ว เพราะดาวิดได้ส่งเขากลับไปแล้ว และเขาก็ไปอย่างสันติ 23 เมื่อโยอาบและทหารทั้งหมดที่ไปกับเขามาถึง มีคนมาบอกเขาว่าอับเนอร์ลูกชายของเนอร์ได้มาพบกษัตริย์และกษัตริย์ก็ส่งเขากลับไปแล้วและเขาก็จากไปอย่างสันติ
24 โยอาบจึงไปหากษัตริย์และพูดว่า “นี่ท่านทำอะไรลงไป ดูสิ อับเนอร์ได้มาพบท่านแล้ว ทำไมท่านถึงปล่อยเขาไป นี่เขาก็จากไปแล้ว 25 ท่านก็รู้อยู่แล้วว่าอับเนอร์ลูกชายของเนอร์ เขามาหลอกลวงท่านและเข้ามาสังเกตความเคลื่อนไหวของท่านและสืบดูทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำอยู่”
26 แล้วโยอาบก็จากดาวิดมา เขาได้ส่งคนส่งข่าวไล่ตามอับเนอร์ไป และพวกเขาก็ตามอับเนอร์ไปทันที่บ่อน้ำสีราห์ และนำตัวอับเนอร์กลับมา แต่ดาวิดไม่รู้เรื่องนี้ 27 ทันทีที่อับเนอร์กลับเข้ามาถึงเมืองเฮโบรน โยอาบได้นำตัวเขาหลบเข้าไปยังประตูเมือง ทำทีเหมือนจะพูดกับเขาเป็นการส่วนตัว และที่นั่นเอง โยอาบได้แทงเขาที่ท้องและเขาก็ตาย โยอาบแก้แค้นให้อาสาเฮลน้องชายเขา
ดาวิดร้องไห้ให้อับเนอร์
28 ต่อมา เมื่อดาวิดได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงพูดว่า “เราและอาณาจักรของเราจะไม่มีความผิดต่อหน้าพระยาห์เวห์ตลอดไป ในเรื่องที่เกี่ยวกับเลือดของอับเนอร์ลูกชายของเนอร์ 29 ขอให้เลือดเขาตกลงบนหัวของโยอาบและบนครอบครัวทั้งหมดของพ่อเขา ขอให้คนในครอบครัวของโยอาบต้องเป็นหนองใน หรือเป็นโรคผิวหนังร้ายแรง หรือเป็นหน้าตัวเมีย หรือต้องล้มตายด้วยดาบ หรืออดอาหารตาย”
30 (โยอาบและอาบีชัยน้องชายของเขาคอยดักซุ่มโจมตี[i]อับเนอร์เพราะอับเนอร์ได้ฆ่าอาสาเฮลน้องชายของพวกเขาในสนามรบที่เมืองกิเบโอน)
31 แล้วดาวิดก็พูดกับโยอาบและคนทั้งหมดที่อยู่กับเขาว่า “ฉีกเสื้อผ้าของพวกท่านและสวมผ้ากระสอบและเดินไว้ทุกข์ไปข้างหน้าอับเนอร์” ส่วนกษัตริย์ดาวิดเองก็เดินตามหลังแคร่หามศพไป 32 พวกเขาฝังศพอับเนอร์ไว้ในเมืองเฮโบรนและกษัตริย์ก็ร้องไห้เสียงดังที่หลุมฝังศพของอับเนอร์ ประชาชนทั้งหมดก็ร้องไห้ด้วย
33 กษัตริย์ได้ร้องเพลงไว้ทุกข์นี้ให้อับเนอร์
“อับเนอร์ควรมาตายเหมือนกับคนแหกกฏหรือ
34 มือของท่านไม่ได้ถูกมัด
เท้าของท่านไม่ได้ถูกล่ามโซ่
ท่านล้มลงเหมือนคนที่ล้มลงต่อหน้าคนชั่วร้าย”
และประชาชนทั้งหมดก็ร้องไห้ให้เขาอีก 35 แล้วพวกเขาก็มาขอร้องให้ดาวิดกินอะไรบ้างในช่วงกลางวัน แต่ดาวิดได้สาบานไว้ว่า “ขอให้พระเจ้าลงโทษเราอย่างรุนแรงที่สุด ถ้าเรากินขนมปังหรือสิ่งใดก็ตามก่อนดวงอาทิตย์ตกดิน” 36 ประชาชนได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น และพอใจมากในสิ่งที่กษัตริย์ดาวิดทำ 37 ประชาชนชาวยูดาห์และอิสราเอล ก็รู้ว่า กษัตริย์ดาวิดไม่มีส่วนร่วมในการฆ่าอับเนอร์ลูกชายของเนอร์เลย
38 แล้วกษัตริย์ดาวิดก็ได้พูดกับคนของเขาว่า “พวกท่านไม่รู้หรือว่า วันนี้ผู้นำที่สำคัญมากคนหนึ่งได้มาตายลงในอิสราเอล 39 และในวันเดียวกันนี้ เราก็ได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์ แต่เราก็อ่อนแอและพวกลูกชายของนางเศรุยาห์ก็แข็งแกร่งเกินไปสำหรับเรา ขอให้พระยาห์เวห์ตอบแทนคนทำชั่วตามความชั่วที่เขาได้ทำด้วยเถิด”
พระเยซูล้างเท้าให้ศิษย์
13 ก่อนจะถึงเทศกาลวันปลดปล่อย พระเยซูรู้ว่าถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะจากโลกนี้ กลับไปหาพระบิดา พระองค์รักคนเหล่านั้นที่เป็นของพระองค์ในโลกนี้ พระองค์ก็เลยทำให้เห็นว่าพระองค์รักพวกเขามากแค่ไหน
2 พวกเขากำลังกินอาหารเย็นอยู่ มารร้ายได้ดลใจยูดาส ลูกของซีโมนอิสคาริโอท ให้ทรยศพระองค์อยู่ก่อนแล้ว 3 พระเยซูรู้ว่าพระบิดาให้พระองค์มีอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง และพระองค์รู้ว่าตัวเองมาจากพระเจ้า และกำลังจะกลับไปหาพระเจ้า 4 พระองค์จึงลุกจากโต๊ะอาหาร ถอดเสื้อคลุมออกแล้วเอาผ้าเช็ดตัวมามัดเอวไว้ 5 พระองค์เทน้ำใส่อ่าง แล้วเอาไปล้างเท้าให้พวกศิษย์ของพระองค์ แล้วเอาผ้าที่มัดเอวเช็ดเท้าให้พวกเขา
6 เมื่อมาถึงซีโมน เปโตร เขาถามพระเยซูว่า “อาจารย์จะล้างเท้าของผมหรือ”
7 พระเยซูตอบว่า “ตอนนี้คุณไม่เข้าใจหรอกว่าเรากำลังทำอะไร แต่ทีหลังคุณจะเข้าใจเอง”
8 เปโตรจึงบอกว่า “ไม่มีทางที่ผมจะยอมให้อาจารย์ล้างเท้าของผมหรอก”
พระเยซูบอกว่า “ถ้าเราไม่ได้ล้างคุณ คุณก็ไม่ได้เป็นของเรา”
9 ซีโมน เปโตร จึงบอกว่า “อาจารย์ ถ้าอย่างนั้น อย่าแค่ล้างเท้าเลย ล้างทั้งมือและหัวของผมด้วยนะครับ” 10 พระเยซูพูดกับเขาว่า “คนที่อาบน้ำก็สะอาดทั้งตัวแล้ว ล้างแต่เท้าก็พอ พวกคุณบางคนก็สะอาดแล้ว แต่ไม่ใช่ทุกคน” 11 (พระองค์รู้ว่าใครจะทรยศพระองค์ พระองค์ถึงพูดว่า “ไม่ใช่พวกคุณทุกคนที่สะอาด”)
12 เมื่อพระองค์ล้างเท้าให้พวกศิษย์ทุกคนแล้ว พระองค์ก็ใส่เสื้อคลุมและกลับมานั่งที่โต๊ะอาหาร แล้วถามพวกเขาว่า “พวกคุณเข้าใจหรือเปล่าว่าเราทำอะไร 13 คุณเรียกเราว่า ‘อาจารย์’ และ ‘องค์เจ้าชีวิต’ ที่คุณเรียกอย่างนั้นก็ถูกต้องแล้ว เพราะเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ 14 ถ้าเราที่เป็นองค์เจ้าชีวิตและอาจารย์คุณยังล้างเท้าให้กับคุณ พวกคุณก็ควรจะล้างเท้าให้แก่กันและกันด้วย 15 เราได้ทำเป็นตัวอย่างให้ดูแล้ว พวกคุณก็ควรจะทำตาม 16 เราจะบอกให้รู้ว่าทาสไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่านาย และคนส่งข่าวก็ไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่าคนที่ส่งเขามา 17 ถ้าคุณเข้าใจสิ่งเหล่านี้แล้ว และทำตามนั้น คุณก็มีเกียรติจริงๆ
18 เราไม่ได้พูดถึงพวกคุณทุกคน เรารู้จักคนที่เราได้เลือกไว้ แต่สิ่งที่พระคัมภีร์บอกไว้ว่า ‘คนที่กินอาหารของเรา กลายเป็นศัตรูของเรา’[a] จะต้องสำเร็จ 19 ตอนนี้มันยังไม่เกิดขึ้น แต่เราบอกไว้ก่อนล่วงหน้า พอมันเกิดขึ้น คุณจะได้เชื่อว่าเราคือคนที่เราบอกว่าเราเป็น 20 เราจะบอกให้รู้ว่าใครก็ตามที่ยอมรับคนที่เราส่งไป ก็เท่ากับยอมรับเราด้วย และใครก็ตามที่ยอมรับเรา ก็เท่ากับยอมรับผู้นั้นที่ส่งเรามาด้วย”
พระเยซูบอกว่าใครจะหักหลังพระองค์
(มธ. 26:20-25; มก. 14:17-21; ลก. 22:21-23)
21 เมื่อพระเยซูพูดจบแล้ว พระองค์ก็กลุ้มใจมาก และพูดออกมาว่า “เราจะบอกให้รู้ว่าคนหนึ่งในพวกคุณจะหักหลังเรา”
22 พวกศิษย์ต่างหันไปมองหน้ากัน สงสัยว่าพระองค์พูดถึงใคร 23 พอดีศิษย์คนหนึ่งที่พระองค์รักเป็นพิเศษนั่งเอนตัวติดอยู่กับพระเยซูที่โต๊ะ 24 ซีโมน เปโตรจึงพยักหน้าให้เขาถามพระองค์ว่าพระองค์กำลังพูดถึงใคร
25 ศิษย์คนนั้นจึงเอนตัวมาใกล้กับอกของพระเยซู แล้วถามว่า “อาจารย์พูดถึงใครครับ”
26 พระเยซูตอบว่า “คนที่เราจะยื่นขนมปังที่จุ่มในถ้วยนี้ให้” แล้วพระองค์ก็เอาขนมปังจุ่มลงในถ้วยยื่นให้ยูดาส ลูกของซีโมนอิสคาริโอท 27 เมื่อยูดาสหยิบขนมปังชิ้นนั้นแล้ว ซาตานก็เข้าสิงเขา พระเยซูจึงพูดกับยูดาสว่า “จะทำอะไร ก็รีบทำสิ” 28 ทุกคนที่นั่งเอนตัวอยู่ที่โต๊ะอาหาร ก็ไม่รู้ว่าทำไมพระเยซูถึงพูดกับยูดาสอย่างนั้น 29 บางคนคิดว่าเป็นเพราะยูดาสเป็นคนดูแลถุงเงิน พระเยซูก็เลยบอกให้เขาไปซื้อของที่ต้องใช้ในงานเทศกาล หรือว่าพระองค์อาจจะบอกให้ยูดาสแจกของให้กับคนจนบ้าง
30 เมื่อยูดาสรับขนมปังชิ้นนั้น เขาก็ออกไปทันที ตอนนั้นเป็นเวลากลางคืนแล้ว
เพลงยกย่องคำสั่งสอนของพระยาห์เวห์
อาเลฟ[a]
1 ถือว่ามีเกียรติจริงๆคนเหล่านั้นที่เดินตามทางอันบริสุทธิ์
และคนเหล่านั้นที่ทำตามคำสั่งสอนของพระยาห์เวห์
2 ถือว่ามีเกียรติจริงๆคนเหล่านั้นที่รักษากฎต่างๆของพระองค์
และแสวงหาพระองค์อย่างสุดหัวใจ
3 พวกเขาไม่ทำผิดต่อใคร
พวกเขาเดินในทางต่างๆของพระองค์
4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ให้คำสั่งต่างๆกับพวกเรา
พระองค์ต้องการให้พวกเราทำตามอย่างเคร่งครัด
5 ข้าพเจ้าได้แต่หวังว่า
ข้าพเจ้าจะรักษากฎระเบียบต่างๆของพระองค์อย่างสัตย์ซื่อ
6 แล้วข้าพเจ้าจะได้ไม่ต้องอับอาย
เมื่อข้าพเจ้าศึกษาบัญญัติทั้งหมดของพระองค์
7 ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์
เมื่อข้าพเจ้าเรียนเรื่องกฎเกณฑ์ที่ยุติธรรมของพระองค์
8 อย่าทอดทิ้งข้าพเจ้าไปอย่างสิ้นเชิง
เพราะข้าพเจ้าเชื่อฟังกฎระเบียบต่างๆของพระองค์
เบธ
9 คนหนุ่มๆจะรักษาชีวิตของตนให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร
ก็ด้วยการรักษาคำบัญชาของพระองค์
10 ข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์อย่างสุดหัวใจ
อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าหลงไปจากบัญญัติต่างๆของพระองค์เลย
11 ข้าพเจ้าเก็บรักษาคำสัญญาของพระองค์ไว้ในใจ
เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไม่ทำบาปต่อพระองค์
12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้พระองค์ได้รับการสรรเสริญ
โปรดสั่งสอนกฎระเบียบต่างๆของพระองค์ให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
13 ริมฝีปากของข้าพเจ้าท่องกฎเกณฑ์ทุกข้อ
ที่ออกมาจากปากของพระองค์
14 ข้าพเจ้ามีความสุขที่ติดตามทางแห่งกฎต่างๆของพระองค์
เหมือนความสุขของคนที่ได้ทรัพย์สมบัติมากมาย
15 ข้าพเจ้าใคร่ครวญถึงคำสั่งต่างๆของพระองค์
และจับตาดูวิถีทางทั้งหลายของพระองค์
16 ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในกฎระเบียบต่างๆของพระองค์
และข้าพเจ้าไม่ลืมคำบัญชาของพระองค์
29 พระยาห์เวห์ไม่รับฟังคนชั่ว
แต่พระองค์ตอบคำอธิษฐานของคนที่ทำตามใจพระองค์
30 เห็นประกายตาที่สดใส นำความสุขมาสู่จิตใจ
ได้ยินข่าวดี ทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International