The Daily Audio Bible
Today's audio is from the CEV. Switch to the CEV to read along with the audio.
3 ซาโลมอนแสดงความรักที่เขามีต่อพระยาห์เวห์ ด้วยการใช้ชีวิตตามกฎต่างๆของดาวิดผู้เป็นพ่อของเขา เว้นแต่เขาได้ถวายเครื่องสัตวบูชาและเผาเครื่องหอม ตามสถานนมัสการ
4 กษัตริย์ซาโลมอนได้ไปที่กิเบโอนเพื่อถวายเครื่องสัตวบูชา เพราะที่นั่นเป็นสถานที่สูงที่สำคัญที่สุด และซาโลมอนได้ถวายเครื่องเผาบูชาหนึ่งพันตัวบนแท่นบูชาที่นั่น 5 ที่กิเบโอนนั่นเอง พระยาห์เวห์ได้ปรากฏในความฝันของซาโลมอนตอนกลางคืน พระเจ้าพูดว่า “เจ้าอยากได้อะไรจากเรา ก็ขอมาได้เลย”
6 ซาโลมอนตอบว่า “พระองค์มีความรักมั่นคงอันยิ่งใหญ่ต่อผู้รับใช้ของพระองค์คือดาวิดพ่อของข้าพเจ้า ท่านเป็นคนดีและมีจิตใจซื่อตรง พระองค์ได้แสดงความรักมั่นคงอันยิ่งใหญ่นี้ต่อท่าน ด้วยการให้ลูกชายคนหนึ่งของท่านได้นั่งอยู่บนบัลลังก์ของท่านในวันนี้ 7 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ได้ทำให้ข้าพเจ้าผู้รับใช้พระองค์ ได้มาเป็นกษัตริย์แทนที่ดาวิดพ่อของข้าพเจ้า ทั้งๆที่ข้าพเจ้าเป็นเหมือนเด็กเล็กๆและยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ 8 แล้วข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ได้มาอยู่ท่ามกลางชนชาติของพระองค์ ที่พระองค์ได้เลือกไว้ เป็นชนชาติใหญ่ ที่มีประชากรมากมายมหาศาลนับไม่ถ้วน 9 อย่างนั้น ขอโปรดมอบสติปัญญาให้กับผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะได้ใช้ปกครองชนชาติของพระองค์ และเพื่อจะได้แยกแยะว่าอะไรดีอะไรชั่ว เพราะจะมีใครเล่าที่สามารถปกครองประชากรอันมหาศาลนี้ของพระองค์ได้”
10 องค์เจ้าชีวิตรู้สึกพอใจที่ซาโลมอนขอสิ่งนี้ 11 พระเจ้าจึงพูดกับเขาว่า “เป็นเพราะเจ้าขอสิ่งนี้ และไม่ได้ขอให้มีอายุยืนยาว หรือขอความร่ำรวย หรือขอให้ฆ่าพวกศัตรูของเจ้า แต่เจ้ากลับขอสติปัญญาสำหรับตัวเจ้าเอง เพื่อจะได้รู้จักปกครองอย่างยุติธรรม 12 อย่างนั้น เราจะให้สิ่งที่เจ้าขอ เราจะทำให้เจ้าเฉลียวฉลาดและมองทุกอย่างได้อย่างทะลุปรุโปร่ง จนไม่มีใครฉลาดเหมือนเจ้าทั้งในอดีตและในอนาคตด้วย 13 แล้วเราจะแถมสิ่งที่เจ้าไม่ได้ขอให้ด้วย นั่นคือความร่ำรวยและเกียรติยศตลอดชีวิตของเจ้า แล้วจะไม่มีกษัตริย์องค์ไหนมาเปรียบเทียบกับเจ้าได้เลย 14 ถ้าเจ้าเดินตามทางทั้งหลายของเรา เชื่อฟังกฎและคำสั่งต่างๆของเราเหมือนที่ดาวิดพ่อของเจ้าเคยทำมา เราก็จะให้เจ้ามีชีวิตที่ยืนยาวด้วย”
15 แล้วซาโลมอนก็ตื่นขึ้น และเขาก็รู้ว่าเขาได้ฝันไป เขากลับมาที่เมืองเยรูซาเล็ม ไปยืนอยู่ต่อหน้าหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์[a] และได้ถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสังสรรค์บูชา แล้วเขาก็จัดงานเลี้ยงให้กับข้าราชการทั้งหมดของเขา
ซาโลมอนตัดสินคดีอย่างเฉลียวฉลาด
16 ต่อมา มีโสเภณีสองคนมาหากษัตริย์และได้มายืนอยู่ต่อหน้าเขา 17 หญิงคนหนึ่งพูดว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า หญิงคนนี้อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้คลอดลูกออกมาคนหนึ่ง ตอนนั้นนางก็อยู่ที่นั่นด้วย 18 หลังจากที่ลูกของข้าพเจ้าคลอดออกมาได้สามวัน หญิงคนนี้ก็คลอดลูกออกมาคนหนึ่งด้วย ในบ้านหลังนั้น มีเราอยู่กันแค่สองคน ไม่มีคนอื่นอีก 19 ในตอนกลางคืน ลูกชายของหญิงคนนี้ตายไป เพราะนางนอนทับเขา 20 แล้วนางก็ตื่นขึ้นมาตอนดึก และมาเอาลูกชายของข้าพเจ้าไปจากด้านข้างของข้าพเจ้า ในขณะที่ข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านยังหลับอยู่ นางเอาเด็กไปวางไว้ที่อกของนางและเอาตัวลูกชายของนางที่ตายแล้วมาไว้ที่อกของข้าพเจ้า 21 เช้าวันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าตื่นขึ้นมาเพื่อจะให้นมลูก แต่เขากลับตายเสียแล้ว แต่เมื่อข้าพเจ้ามองดูเขาใกล้ๆในตอนฟ้าสาง ข้าพเจ้าก็เห็นว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกที่ข้าพเจ้าคลอดออกมา”
22 แต่หญิงอีกคนได้พูดว่า “ไม่จริง เด็กที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นลูกชายของฉันเอง คนที่ตายไปเป็นลูกของเธอต่างหาก”
แต่หญิงคนแรกก็ยืนยันว่า “ไม่ใช่ คนที่ตายเป็นลูกของเธอ คนที่ยังอยู่เป็นลูกของฉัน” และพวกเขาก็โต้เถียงกันอยู่ต่อหน้ากษัตริย์
23 กษัตริย์จึงพูดว่า “คนนี้ก็บอกว่า ‘ลูกชายของฉันยังมีชีวิตอยู่ ลูกชายของเธอตายแล้ว’ ส่วนอีกคนก็พูดว่า ‘ไม่จริง ลูกชายของเธอตายแล้ว ลูกของฉันต่างหากที่ยังมีชีวิตอยู่’”
24 แล้วกษัตริย์ก็พูดว่า “เอาดาบมาให้เราเล่มหนึ่งสิ” พวกเขาจึงนำดาบเล่มหนึ่งมาให้กษัตริย์ 25 แล้วกษัตริย์ก็ออกคำสั่งว่า “ตัดเด็กที่มีชีวิตนี้ออกเป็นสองท่อนซะ และแบ่งให้พวกนางไปคนละครึ่ง”
26 หญิงคนที่ลูกชายยังมีชีวิตอยู่ ก็สงสารลูกของนางอย่างจับใจ จึงพูดกับกษัตริย์ว่า “ได้โปรดเถิด นายของข้าพเจ้า ให้เด็กที่ยังมีชีวิตกับนางไปเถิด อย่าฆ่าเขาเลย”
แต่หญิงอีกคนหนึ่งพูดว่า “แบ่งเลย ทั้งเธอและฉันจะได้ไม่มีใครได้ไป”
27 แล้วกษัตริย์ก็ตัดสินว่า “คืนเด็กที่ยังมีชีวิตให้กับหญิงคนแรกไป อย่าฆ่าเขาเลย เพราะนางคือแม่ที่แท้จริง”
28 เมื่อชนชาติอิสราเอลทั้งหมดได้ยินเรื่องการตัดสินครั้งนี้ พวกเขาต่างเคารพยำเกรงกษัตริย์ เพราะพวกเขาเห็นแล้วว่ากษัตริย์ได้รับความเฉลียวฉลาดมาจากพระเจ้า[b] เพื่อปกครองบ้านเมืองอย่างยุติธรรม
อาณาจักรของซาโลมอน
4 กษัตริย์ซาโลมอนได้ปกครองชนชาติอิสราเอลทั้งหมด 2 และต่อไปนี้คือข้าราชการระดับสูงทั้งหมดของเขา
อาซาริยาห์ลูกชายของศาโดกเป็นนักบวช
3 เอลีโฮเรฟและอาหิยาห์ลูกชายของชิชา เป็นเลขานุการ
เยโฮชาฟัทลูกชายของอาหิลูดเป็นผู้จดบันทึก
4 เบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดา เป็นแม่ทัพ
ศาโดกและอาบียาธาร์เป็นนักบวช
5 อาซาริยาห์ลูกชายของนาธัน เป็นหัวหน้าดูแลพวกผู้ว่าการเขตต่างๆ
ศบุดลูกชายของนาธันเป็นนักบวชและเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์
6 อาหิชาร์ทำหน้าที่ดูแลภายในวัง
อาโดนีรัมลูกชายของอับดาทำหน้าที่ควบคุมคนงานที่ถูกเกณฑ์มา
7 ซาโลมอนยังมีผู้ว่าการเขตต่างๆอีกสิบสองคน ทำหน้าที่ดูแลชนชาติอิสราเอลทั้งหมด ซึ่งพวกเขาจะช่วยเหลือในการจัดหาเสบียงอาหารให้กับกษัตริย์และครอบครัวกษัตริย์ทั้งหมด ผู้ว่าการแต่ละคนจะต้องจัดส่งเสบียงอาหารมาให้หนึ่งเดือนในหนึ่งปี 8 และต่อไปนี้คือชื่อของพวกเขา
เบนเฮอร์ เป็นผู้ว่าอยู่ในแถบเนินเขาเอฟราอิม
9 เบนเดเคอร์ เป็นผู้ว่าสำหรับ มาคาส ชาอัลบิม เบธเชเมชและเอโลน-เบธฮานัน
10 เบนเฮเสด เป็นผู้ว่าใน อารุบโบท (โสโคห์และแผ่นดินเฮเฟอร์ทั้งหมดอยู่ใต้อำนาจเขา)
11 เบนอาบีนาดับ เป็นผู้ว่าใน นาฟาทโดร์ (เขาแต่งงานกับทาฟัทลูกสาวของซาโลมอน)
12 บาอานาลูกชายของอาหิลูด เป็นผู้ว่าในทาอานาคเมกิดโดและเบธชานทั้งหมดซึ่งอยู่ถัดจากศาเรธานและอยู่ทางด้านใต้ของยิสเรเอล และตั้งแต่เบธชานถึงอาเบลเมโฮลาห์เลยไปถึงอีกฝากหนึ่งของโยกเมอัม
13 เบนเกเบอร์ เป็นผู้ว่าใน ราโมทกิเลอาด (ยาอีร์ลูกชายของมนัสเสห์ที่ได้ตั้งรกรากอยู่ในกิเลอาดอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา รวมทั้งเขตอารโกบในบาชานและเมืองอีกหกสิบเมืองในนั้นที่มีกำแพงสูงใหญ่และมีดานประตูที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ด้วย)
14 อาหินาดับลูกชายของอิดโด เป็นผู้ว่าในมาหะนาอิม
15 อาหิมาอัส เป็นผู้ว่าในนัฟทาลี (เขาได้แต่งงานกับบาเสมัทลูกสาวของซาโลมอน)
16 บาอานาลูกชายของหุชัย เป็นผู้ว่าในอาเชอร์และเบอาโลท
17 เยโฮชาฟัทลูกชายของปารูอาห์ เป็นผู้ว่าในอิสสาคาร์
18 ชิเมอีลูกชายของเอลา เป็นผู้ว่าในเบนยามิน
19 เกเบอร์ลูกชายของอุรี เป็นผู้ว่าในแผ่นดินกิเลอาด (ซึ่งเคยเป็นของกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์และกษัตริย์โอกของบาชาน) เขาเป็นผู้ว่าการเพียงคนเดียวที่ปกครองเขตนั้น
20 ชาวยูดาห์และชาวอิสราเอลมีจำนวนมากมายมหาศาลเหมือนเม็ดทรายบนหาดทราย พวกเขาอยู่กันอย่างมีความสุข และมีกินมีดื่มกันอย่างเหลือเฟือ
21 ซาโลมอนได้ปกครองเหนือพวกอาณาจักรทั้งสิ้น ตั้งแต่แม่น้ำยูเฟรติสไปจนถึงแผ่นดินของชาวฟีลิสเตียและไปจนสุดเขตแดนของประเทศอียิปต์ ประเทศเหล่านี้ได้ส่งส่วย[c] และอยู่ภายใต้อำนาจของซาโลมอนตลอดชีวิตของซาโลมอน[d]
22 เสบียงอาหารที่ซาโลมอนกับทุกคนในวังจะต้องใช้กินกันในแต่ละวัน คือ
แป้งอย่างดีสามสิบโคเร[e]
แป้งหยาบหกสิบโคเร[f]
23 วัวที่เลี้ยงในคอกสัตว์จนอ้วนพีสิบตัว
วัวที่เลี้ยงในทุ่งหญ้ายี่สิบตัว
แกะหนึ่งร้อยตัว
รวมทั้งกวาง เนื้อทรายและละมั่งตัวผู้[g] อีกหลายตัว และสัตว์ปีกที่ขุนไว้แล้ว
24 ซาโลมอนปกครองอยู่เหนือแผ่นดินทั้งหมดและเหนือกษัตริย์ทั้งหลายที่อยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส จากทิฟสาห์ไปจนถึงกาซา และมีสันติภาพอยู่รอบด้าน 25 ตลอดช่วงชีวิตของซาโลมอน ชาวยูดาห์และชาวอิสราเอลตั้งแต่ดานจนถึงเบเออร์เชบา ทุกคนต่างมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย นั่งอยู่ใต้เถาองุ่นและต้นมะเดื่อของตน
26 ซาโลมอนมีคอกขังม้าแต่ละตัวอยู่สี่พัน[h] คอก เป็นม้าสำหรับลากรถรบ และมีทหารบนรถม้าอยู่หนึ่งหมื่นสองพันคน 27 ผู้ว่าของแต่ละเขต เมื่อถึงเวลาที่จะต้องจัดส่งเสบียงอาหารให้กษัตริย์และคนทั้งหมดที่นั่งกินร่วมโต๊ะกับกษัตริย์ พวกเขาต่างก็ส่งเสบียงมาตามเดือนของตน และไม่ให้มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องเลย 28 พวกเขายังได้นำข้าวบาร์เลย์และฟางสำหรับพวกม้าลากรถรบและพวกม้าอื่นๆไปเก็บไว้ตามสถานที่ของมัน
ความเฉลียวฉลาดของซาโลมอน
29 พระเจ้าได้ให้ซาโลมอนมีความเฉลียวฉลาดและการมองที่ทะลุปรุโปร่งและมีความเข้าใจมากมายเหมือนกับเม็ดทรายบนชายหาด 30 ความเฉลียวฉลาดของซาโลมอนนั้นเหนือกว่าความฉลาดของทุกคนในฝั่งตะวันออก และเหนือกว่าความเฉลียวฉลาดทั้งสิ้นของคนในประเทศอียิปต์ 31 เขาฉลาดกว่าใครๆทั้งหมด แม้แต่เอธานชาวเอสราห์ หรือพวกลูกชายของมาโฮล คือเฮมาน คาลโคล์ และดารดา ชื่อเสียงของซาโลมอนได้เลื่องลือไปทั่วทุกชาติที่อยู่ล้อมรอบ 32 เขาได้พูด คำสุภาษิต ไว้ถึงสามพันข้อ และบทเพลงต่างๆของเขาก็มีจำนวนถึงหนึ่งพันกับห้าเพลง
33 ซาโลมอนได้บรรยายถึงชีวิตของพืช ตั้งแต่ต้นสนซีดาร์ของเลบานอนไปจนถึงต้นหุสบที่งอกออกมาจากกำแพงต่างๆ เขายังสอนเกี่ยวกับพวกสัตว์และนก สัตว์เลื้อยคลาน[i] และปลา 34 คนจากทุกชาติต่างก็มาฟังความเฉลียวฉลาดของซาโลมอน ซึ่งคนเหล่านี้ถูกส่งมาจากกษัตริย์ทั่วโลกที่ได้ข่าวเกี่ยวกับความเฉลียวฉลาดของเขา
การเลือกชายเจ็ดคนสำหรับงานพิเศษ
6 ในช่วงเวลานั้นเมื่อศิษย์ของพระเยซูเพิ่มมากขึ้นก็มีเสียงบ่นจากคนยิวที่พูดภาษากรีก ที่ต่อว่าคนยิวที่พูดภาษาอารเมค เพราะพวกแม่ม่ายที่พูดภาษากรีกถูกมองข้ามไปในเรื่องการแจกอาหารที่มีอยู่ทุกๆวัน 2 ศิษย์เอกทั้งสิบสองคนจึงเรียกศิษย์ทั้งหมดมารวมกันและพูดว่า “ไม่ถูกต้องแน่ ถ้าพวกเราจะมัวแต่ไปแจกอาหารกันอยู่ จนละเลยงานการสั่งสอนพระคำของพระเจ้าไป 3 ดังนั้นพี่น้องทั้งหลาย ช่วยเลือกคนในกลุ่มพวกคุณมาสักเจ็ดคน ที่มีชื่อเสียงดี เต็มไปด้วยพระวิญญาณ และเฉลียวฉลาด แล้วเราจะได้ตั้งให้พวกเขาดูแลงานด้านนี้ 4 ส่วนเราก็จะได้ทุ่มเทตัวเองให้กับการอธิษฐาน และการสั่งสอนพระคำของพระเจ้า”
5 ทุกคนพอใจกับข้อเสนอนี้ จึงเลือกสเทเฟน (ชายที่เต็มไปด้วยความเชื่อ และพระวิญญาณบริสุทธิ์) กับฟีลิป[a] โปรโครัส นิคาโนร์ ทิโมน ปารเมนัสและนิโคเลาส์ชาวเมืองอันทิโอก ซึ่งก่อนหน้านี้เปลี่ยนมานับถือศาสนายิว 6 พวกเขาเสนอคนทั้งเจ็ดต่อพวกศิษย์เอก แล้วพวกศิษย์เอกก็ได้อธิษฐานและวางมือบนคนทั้งเจ็ด 7 พระคำของพระเจ้าก็แพร่กระจายไป และในเมืองเยรูซาเล็มมีศิษย์ของพระเยซูเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ก็ยังมีนักบวชหลายคนที่มาไว้วางใจและเชื่อฟังคำสอนนี้ด้วย
ชาวยิวบางคนต่อต้านสเทเฟน
8 สเทเฟน คนที่เต็มไปด้วยความเมตตาและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ทำสิ่งมหัศจรรย์และปาฏิหาริย์มากมายต่อหน้าประชาชน 9 แต่มีบางคนที่มาจากที่ประชุมชาวยิวที่เป็นอิสระจากการเป็นทาสแล้ว (เป็นชื่อที่เขาเรียกกัน) พวกเขาเป็นพวกยิวที่มาจากเมืองไซรีน เมืองอเล็กซานเดรีย แคว้นซิลีเซีย และเอเชียได้มาโต้เถียงกับสเทเฟน 10 แต่พวกเขาเถียงสู้สเทเฟนไม่ได้ เพราะสเทเฟนพูดด้วยสติปัญญาที่มาจากพระวิญญาณ 11 ดังนั้นพวกเขาจึงติดสินบนชายบางคนให้พูดว่า “เราได้ยินชายคนนี้พูดดูหมิ่นโมเสสและพระเจ้า” 12 พวกนี้ยุยงให้ประชาชน ผู้นำอาวุโสและครูสอนกฎปฏิบัติ จับสเทเฟนและเอาตัวไปที่สภา 13 พวกเขานำพยานเท็จมาปรักปรำว่า “ชายคนนี้พูดต่อต้านสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ และต่อต้านกฎปฏิบัติตลอดเวลาไม่เคยหยุดเลย 14 เพราะพวกเราได้ยินเขาพูดว่า เยซูชาวนาซาเร็ธจะทำลายสถานที่แห่งนี้และจะเปลี่ยนแปลงธรรมเนียมปฏิบัติที่โมเสสให้กับเราไว้” 15 ทุกคนที่นั่งอยู่ในสภาต่างจ้องไปที่สเทเฟน และเห็นว่าใบหน้าของเขาดูเหมือนใบหน้าของทูตสวรรค์
ขอให้ความรุ่งเรืองกลับมา
เพลงที่ร้องในระหว่างทางที่ขึ้นไปยังวิหาร
1 เมื่อพระยาห์เวห์ทำให้ศิโยนเจริญรุ่งเรืองเหมือนเดิม
พวกเราคิดว่าเราฝันไป
2 ตอนนั้นพวกเรามีความสุขมากและโห่ร้องด้วยความยินดี
แม้แต่คนต่างชาติก็ยังพูดว่า “พระยาห์เวห์ทำสิ่งต่างๆที่ยิ่งใหญ่ให้กับคนพวกนี้”
3 ใช่แล้ว พระยาห์เวห์ทำสิ่งต่างๆที่ยิ่งใหญ่
ให้กับพวกเราและพวกเราได้ฉลองกัน
4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยนำความเจริญรุ่งเรืองกลับมาให้กับพวกเราอีกครั้ง
เหมือนฝนนำน้ำมาสู่ลำธารที่แห้งขอดอีกครั้ง
5 ขอให้คนเหล่านั้นที่หว่านพืชพร้อมน้ำตา
ได้เก็บเกี่ยวพร้อมกับเสียงโห่ร้องยินดี
6 ขอให้คนเหล่านั้นที่แบกถุงที่ใส่เมล็ดพืชออกไปหว่านในทุ่งด้วยน้ำตา
ได้โห่ร้องยินดีเมื่อแบกฟ่อนข้าวกลับมาเป็นมัดๆ
26 ความหิวของคนงานช่วยเขา
คือกระตุ้นให้เขาทำงาน
27 คนไร้ค่าวางแผนชั่ว
คำพูดของเขาเป็นไฟที่เผาผลาญ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International