The Daily Audio Bible
Today's audio is from the GW. Switch to the GW to read along with the audio.
กษัตริย์นาดับแห่งอิสราเอล
25 นาดับลูกชายของเยโรโบอัมขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ตรงกับปีที่สองที่อาสาเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ นาดับปกครองอยู่เหนืออิสราเอลเป็นเวลาสองปี 26 เขาทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ เขาเดินตามรอยพ่อเขาและทำบาปเหมือนกับพ่อซึ่งทำให้ชาวอิสราเอลหลงไปทำบาปด้วย
27 บาอาชา ลูกชายของอาหิยาห์ จากครอบครัวอิสสาคาร์วางแผนฆ่านาดับ และได้ฆ่านาดับตายที่เมืองกิบเบโธนของชาวฟีลิสเตีย ตอนที่นาดับและอิสราเอลทั้งหมดกำลังล้อมเมืองนั้นอยู่ 28 บาอาชาฆ่านาดับในปีที่สามที่อาสาเป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ แล้วบาอาชาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากนาดับ
กษัตริย์บาอาชาของอิสราเอล
29 ทันทีที่บาอาชาขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาได้ฆ่าคนในครอบครัวของเยโรโบอัมทิ้งจนหมด เขาไม่ยอมไว้ชีวิตคนในครอบครัวนี้เลยแม้แต่คนเดียว แต่กลับทำลายพวกเขาจนหมด ซึ่งเป็นไปตามคำพูดของพระยาห์เวห์ที่เคยพูดไว้ผ่านทางอาหิยาห์ชาวชิโลห์ ผู้รับใช้ของพระองค์ 30 เป็นเพราะบาปทั้งหลายของเยโรโบอัมที่ได้ทำไว้ ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้ชาวอิสราเอลพลอยทำบาปไปด้วย และเพราะเขาได้ไปยั่วพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลให้โกรธ
31 เหตุการณ์อื่นๆในยุคสมัยของนาดับและทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้ทำ ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของพวกกษัตริย์แห่งอิสราเอล 32 กษัตริย์อาสาและกษัตริย์บาอาชาทำสงครามกันตลอดเวลาในยุคของพวกเขา
33 ในปีที่สามที่อาสาเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ บาอาชา ลูกชายของอาหิยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์อยู่ที่ทีรซาห์ เขาได้ครอบครองอิสราเอลทั้งหมด และเขาครองราชย์อยู่เป็นเวลายี่สิบสี่ปี 34 เขาได้ทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ เขาเดินตามรอยเยโรโบอัม และทำบาปเหมือนกับเยโรโบอัม ซึ่งทำให้ชาวอิสราเอลหลงไปทำบาปด้วย
16 แล้วพระยาห์เวห์ก็ได้พูดต่อต้านบาอาชา ผ่านมาทางเยฮู ผู้พูดแทนพระองค์ เยฮูเป็นลูกชายของฮานานี พระองค์พูดว่า 2 “เรายกเจ้าขึ้นมาจากผงดินและทำให้เจ้าเป็นผู้นำของประชาชนชาวอิสราเอลของเรา แต่เจ้ากลับไปเดินตามรอยของเยโรโบอัมและเป็นต้นเหตุให้ประชาชนชาวอิสราเอลของเราหลงไปทำบาป และพวกเขาก็ยั่วให้เราโกรธด้วยบาปทั้งหลายของพวกเขา 3 ดังนั้น บาอาชา เราจะทำลายเจ้าและครอบครัวของเจ้า และเราจะทำให้ครอบครัวของเจ้าเป็นเหมือนกับครอบครัวเยโรโบอัมลูกชายของเนบัท 4 พวกหมาจะมารุมกินศพคนของเจ้าที่ตายอยู่ในเมือง และพวกนกบนฟ้าก็จะมากินศพคนที่ตายอยู่ในชนบท”
5 เหตุการณ์ต่างๆในยุคสมัยของบาอาชา สิ่งที่เขาได้ทำไปและความสำเร็จของเขา ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล 6 บาอาชาตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและถูกฝังไว้ที่ทีรซาห์ และเอลาห์ลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
7 ในหนังสือนั้นก็มีเรื่องที่พระยาห์เวห์ได้พูดถึงบาอาชาและครอบครัวของเขา ผ่านมาทางเยฮู ผู้พูดแทนพระองค์ ที่เป็นลูกชายของฮานานี เพราะความชั่วทั้งหมดที่บาอาชาทำไปในสายตาของพระยาห์เวห์ เขาทำตัวเหมือนกับครอบครัวของเยโรโบอัม แล้วเขาทำลายครอบครัวนั้นด้วย ทั้งหมดนี้ได้ไปยั่วให้พระองค์โกรธ
กษัตริย์เอลาห์ของอิสราเอล
8 ในปีที่ยี่สิบหกของกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ เอลาห์ลูกชายของบาอาชาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล และเขาครองบัลลังก์อยู่ในทีรซาห์เป็นเวลาสองปี
9 ศิมรี ผู้บังคับบัญชารถรบครึ่งหนึ่งของเขาวางแผนฆ่าเอลาห์ ในเวลานั้นเอลาห์อยู่ที่เมืองทีรซาห์ เขากำลังเมาอยู่ที่บ้านของอารซา อารซาเป็นผู้ควบคุมดูแลวังที่เมืองทีรซาห์ 10 ศิมรีเข้ามาและฆ่าเอลาห์ ตรงกับปีที่ยี่สิบเจ็ดที่กษัตริย์อาสาปกครองยูดาห์ แล้วศิมรีก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากเอลาห์
กษัตริย์ศิมรีของอิสราเอล
11 ทันทีที่ศิมรีขึ้นเป็นกษัตริย์ เขาฆ่าครอบครัวของบาอาชาตายจนหมด เขาไม่ไว้ชีวิตผู้ชายเลยแม้แต่คนเดียวไม่ว่าจะเป็นญาติหรือเพื่อนของบาอาชา 12 ดังนั้นศิมรีจึงได้ทำลายครอบครัวของบาอาชาทั้งหมด เรื่องนี้เกิดขึ้นตามคำพูดของพระยาห์เวห์ที่ได้พูดไว้เกี่ยวกับบาอาชา ผ่านทางเยฮูผู้พูดแทนพระเจ้า 13 เพราะบาปทั้งหลายที่บาอาชาและเอลาห์ลูกชายของเขาทำไว้ และเป็นต้นเหตุให้อิสราเอลต้องทำบาปไปด้วย พวกเขาไปกราบไหว้รูปเคารพที่ไร้ค่าเหล่านั้น ซึ่งเป็นการยั่วยุให้พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลโกรธ
14 เหตุการณ์ต่างๆในยุคสมัยของเอลาห์และทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำ ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล
15 ในปีที่ยี่สิบเจ็ดของกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ ศิมรีได้ขึ้นครองราชย์อยู่ในทีรซาห์เจ็ดวัน กองทัพเขาได้หยุดตั้งค่ายอยู่ใกล้กิบเบโธนซึ่งเป็นเมืองของชาวฟีลิสเตีย 16 เมื่อบรรดาชาวอิสราเอลในค่ายได้ยินว่าศิมรีได้วางแผนต่อต้านกษัตริย์และฆ่าเขาตายแล้ว พวกเขาจึงป่าวประกาศให้อมรีซึ่งเป็นแม่ทัพ ขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลในวันนั้นที่ในค่าย 17 แล้วอมรีและชาวอิสราเอลทั้งหมดก็พากันถอนทัพออกจากกิบเบโธนและไปล้อมเมืองทีรซาห์ไว้ 18 เมื่อศิมรีเห็นว่าเมืองถูกล้อม เขาจึงเข้าไปในป้อมของวังกษัตริย์ แล้วเผาวังพร้อมกับตัวเอง แล้วเขาก็ตายไปในกองไฟนั้น 19 ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะบาปที่เขาทำ เขาทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ และเดินตามรอยของเยโรโบอัมที่ทำบาปและเป็นเหตุทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย
20 เหตุการณ์ต่างๆในยุคสมัยของศิมรีและการทรยศของเขา ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล
กษัตริย์อมรีของอิสราเอล
21 แล้วประชาชนชาวอิสราเอลก็แตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนให้ทิบนีลูกชายของกีนัทขึ้นเป็นกษัตริย์ และอีกฝ่ายหนึ่งสนับสนุนอมรี 22 แต่คนที่ติดตามอมรีนั้นแข็งแกร่งกว่าฝ่ายของทิบนีลูกชายของกีนัท ดังนั้นทิบนีจึงตายและอมรีก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์
23 ในปีที่สามสิบเอ็ดของกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ อมรีขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล เขาเป็นกษัตริย์อยู่สิบสองปี โดยช่วงหกปีแรกอยู่ในเมืองทีรซาห์ 24 เขาซื้อเนินเขาสะมาเรียมาจากเชเมอร์ด้วยเงินสองตะลันต์[a] และสร้างเมืองขึ้นเมืองหนึ่งบนเขานั้น และให้ชื่อว่าเมืองสะมาเรีย ตามชื่อของเจ้าของเนินเขาคนก่อน
25 แต่อมรีได้ทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์และทำบาปมากยิ่งกว่ากษัตริย์องค์ก่อนๆเสียอีก 26 เขาเดินตามรอยของเยโรโบอัมลูกชายของเนบัทและทำบาปตามเขา ซึ่งเป็นเหตุทำให้อิสราเอลทั้งหมดพลอยทำบาปไปด้วย พวกเขาไปกราบไหว้รูปเคารพที่ไร้ค่าเหล่านั้น เป็นการยั่วยุพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลให้โกรธ
27 เหตุการณ์ต่างๆในยุคสมัยของอมรี รวมทั้งสิ่งต่างๆที่เขาทำไปและความสำเร็จของเขา ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล 28 อมรีตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและศพของเขาถูกฝังอยู่ในเมืองสะมาเรีย และอาหับผู้เป็นลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
กษัตริย์อาหับของอิสราเอล
29 ในปีที่สามสิบแปดของกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ อาหับลูกชายของอมรีขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล เขาครองราชย์อยู่ในเมืองสะมาเรีย ปกครองอยู่เหนืออิสราเอลเป็นเวลายี่สิบสองปี 30 อาหับลูกชายของอมรีทำสิ่งที่ชั่วช้าในสายตาของพระยาห์เวห์มากยิ่งกว่ากษัตริย์องค์ไหนๆที่อยู่ก่อนหน้าเขาเคยทำเสียอีก 31 แค่ทำตามบาปต่างๆของเยโรโบอัมลูกชายของเนบัทนั้นยังน้อยไป เขายังไปแต่งงานกับเยเซเบลลูกสาวของกษัตริย์เอ็ทบาอัลของชาวไซดอน และเริ่มไปรับใช้พระบาอัล และนมัสการพระนั้นอีกด้วย 32 เขาสร้างแท่นบูชาสำหรับพระบาอัลขึ้นในวิหารของพระบาอัลที่เขาสร้างขึ้นในเมืองสะมาเรีย 33 อาหับยังสร้างเสาเจ้าแม่อาเชราห์และยิ่งยั่วพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลให้โกรธมากยิ่งขึ้นกว่าที่พวกกษัตริย์แห่งอิสราเอลเคยทำมาก่อนหน้าเขา
34 ในสมัยของอาหับ ฮีเอลชาวเบธเอลได้สร้างเมืองเยริโคขึ้นใหม่อีกครั้ง เมื่อเขาสร้างฐานของเมืองนั้น อาบีรัมลูกชายคนแรกของเขาก็ตาย และเมื่อเขาสร้างประตูต่างๆขึ้น เสกุบลูกชายคนสุดท้องของเขาก็ต้องมาตายลงอีก ซึ่งตรงกับคำพูดของพระยาห์เวห์ ที่ได้พูดไว้ผ่านทางโยชูวาลูกชายของนูน[b]
เอลียาห์กับช่วงเวลาที่ฝนแล้ง
17 ขณะนั้นเอลียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าจากเมืองทิชบีที่อยู่ในกิเลอาด ได้พูดกับกษัตริย์อาหับว่า “ข้าพเจ้ารับใช้พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล พระองค์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่าจะไม่มีฝนหรือน้ำค้างตกลงมาเลยภายในสองสามปีนี้ นอกจากข้าพเจ้าจะสั่งให้มันตกลงมาเท่านั้น”
2 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับเอลียาห์ว่า 3 “ไปจากที่นี่เสีย มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกและหลบซ่อนอยู่ข้างลำธารเครีท ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 4 เจ้าจะได้ดื่มน้ำจากลำธารนั้น และเราได้สั่งพวกนกกาให้หาอาหารมาเลี้ยงเจ้าที่นั่น” 5 เขาจึงทำตามสิ่งที่พระยาห์เวห์บอกไว้ เขาไปที่ลำธารเครีทที่อยู่ทางทิศตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน และอยู่ที่นั่น 6 พวกกาทั้งหลายได้นำขนมปังและเนื้อสัตว์มาให้เอลียาห์ทั้งเช้าและเย็น และเขาก็ดื่มน้ำจากลำธารนั้น
7 แต่ต่อมาภายหลังลำธารนั้นได้แห้งขอดลง เพราะฝนไม่ตกลงบนแผ่นดินนั้น 8 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับเอลียาห์ว่า 9 “ให้ไปที่เมืองศาเรฟัทในไซดอนทันที และอยู่ที่นั่น เราได้สั่งให้แม่หม้ายคนหนึ่งในสถานที่นั้น จัดหาอาหารให้กับเจ้า”
10 เขาก็เลยเดินทางไปที่เมืองศาเรฟัท เมื่อเขามาถึงที่ประตูเมือง มีแม่หม้ายคนหนึ่งกำลังเก็บฟืนอยู่ เขาเรียกนางและบอกว่า “ขอน้ำใส่ไหของท่านมาให้เราดื่มหน่อย” 11 เมื่อนางกำลังจะเอามันมาให้เขา เขาก็เรียกนาง บอกว่า “ขอขนมปังสักก้อนให้เราด้วย”
12 นางตอบว่า “พระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่านมีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจได้เลยว่าฉันไม่มีขนมปัง มีเพียงแป้งหนึ่งกำมืออยู่ก้นไห กับน้ำมันอีกเพียงเล็กน้อยในเหยือก นี่ฉันกำลังเก็บฟืน เพื่อนำกลับไปทำอาหารที่บ้านให้ตัวเองและลูกชายของฉัน เพื่อเราจะได้กินมันแล้วก็อดตาย”
13 เอลียาห์พูดกับนางว่า “อย่ากลัวเลย กลับไปบ้านและทำอย่างที่ท่านได้พูดไว้ แต่ท่านต้องทำขนมปังก้อนเล็กๆให้เราก่อนจากของที่ท่านมีอยู่ และเอามันมาให้กับเรา หลังจากนั้นก็ทำขนมปังให้กับตัวท่านเองและลูกชายของท่าน 14 เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลพูด ‘แป้งในไหจะไม่มีวันหมดและน้ำมันในเหยือกจะไม่มีวันขาดไป จนกว่าจะถึงวันที่พระยาห์เวห์ทำให้ฝนตกลงบนแผ่นดินนี้’”
15 นางจากไปและทำตามที่เอลียาห์บอกนางไว้ และหลังจากนั้น ทั้งเอลียาห์ หญิงคนนั้นกับครอบครัวของนางก็มีอาหารกินทุกวัน 16 เพราะแป้งในไหไม่เคยหมด และน้ำมันในเหยือกก็ไม่เคยขาดไป ตามคำพูดของพระยาห์เวห์ที่ได้พูดไว้ผ่านทางเอลียาห์
17 ต่อมาลูกชายของหญิงคนนั้น ที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น เกิดไม่สบายขึ้นมา อาการของเขาทรุดหนักลงเรื่อยๆและในที่สุดก็หยุดหายใจ 18 นางได้พูดกับเอลียาห์ว่า “คนของพระเจ้า นี่ท่านโกรธฉันด้วยเรื่องอะไรหรือ ท่านมาที่นี่เพื่อที่จะมาย้ำเตือนถึงบาปของฉันและมาทำให้ลูกชายของฉันตายอย่างนั้นหรือ”
19 เอลียาห์ตอบว่า “มอบลูกชายของท่านมาให้เราเถิด” เขาเอาเด็กมาจากอ้อมแขนของนาง เขาอุ้มเด็กขึ้นไปบนห้องที่เขาอยู่ และวางตัวเด็กไว้บนเตียง 20 แล้วเขาก็ร้องต่อพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์นำความเศร้าโศกมาให้กับหญิงหม้ายคนนี้ที่ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ด้วยอย่างนี้หรือ พระองค์ทำให้ลูกชายของนางตายอย่างนี้หรือ” 21 แล้วเขาก็เหยียดตัวนอนทับเด็กชายคนนั้นสามครั้ง และร้องต่อพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า ขอชีวิตของเด็กชายคนนี้กลับคืนมาด้วยเถิด”
22 พระยาห์เวห์ได้ยินเสียงร้องของเอลียาห์ และชีวิตของเด็กชายคนนั้นก็กลับคืนมาสู่ร่างของเขา และเขาก็มีชีวิตขึ้นมา 23 เอลียาห์อุ้มเด็กลงมาจากห้องในบ้านหลังนั้น เขาได้มอบเด็กคืนให้กับแม่ และพูดว่า “ดูสิ ลูกชายของท่านมีชีวิตขึ้นมาแล้ว”
24 แล้วหญิงคนนั้น พูดกับเอลียาห์ว่า “ตอนนี้ ฉันรู้แล้วว่าท่านคือคนของพระเจ้า และพระยาห์เวห์ได้พูดผ่านมาทางปากของท่านจริงๆ”
24 ถัดมาอีกวันหนึ่งพวกเขาก็มาถึงเมืองซีซารียา ขณะนั้นโครเนลิอัสกำลังคอยพวกเขาอยู่ เขาเชิญญาติพี่น้องและเพื่อนสนิทมาด้วย 25 เมื่อโครเนลิอัสเห็นเปโตรเดินเข้ามาในบ้าน เขาก็ก้มลงกราบที่เท้าของเปโตร 26 แต่เปโตรพยุงเขาขึ้นและพูดว่า “ลุกขึ้นเถิด ผมก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น” 27 ตอนที่เปโตรพูดกับโครเนลิอัส เขาก็เดินเข้าไปข้างใน และพบกับกลุ่มคนที่มารวมกันอยู่ที่นั่นมากมาย 28 เปโตรพูดกับพวกเขาว่า “คุณก็รู้ว่า มันผิดกฎนะ ที่คนยิวจะไปคบค้าสมาคมหรือมาเยี่ยมเยียนคนที่ไม่ใช่ยิว แต่พระเจ้าได้แสดงให้ผมเห็นว่า ไม่ควรจะเรียกใครว่าคนต้องห้าม หรือไม่สะอาด 29 ดังนั้นพอมีคนไปเชิญผมมา ผมก็ไม่ได้คัดค้านอะไร แต่ผมขอถามหน่อยว่า คุณเชิญผมมาทำไม”
30 โครเนลิอัสจึงตอบว่า “เมื่อสี่วันก่อน เวลานี้ตอนบ่ายสามโมง ผมกำลังอธิษฐานอยู่ในบ้าน จู่ๆก็มีชายคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าแพรวพราวมายืนอยู่ตรงหน้า 31 เขาพูดว่า ‘โครเนลิอัส พระเจ้าได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว และสิ่งของที่เจ้าบริจาคช่วยเหลือคนจนนั้น ก็ทำให้พระเจ้านึกถึงเจ้า 32 ให้เจ้าส่งคนไปเมืองยัฟฟา เพื่อเชิญซีโมนที่คนเรียกว่าเปโตรมาที่นี่ เขาพักอยู่ที่บ้านของซีโมนช่างฟอกหนัง ที่ติดทะเลนั้น’ 33 ผมจึงส่งคนไปเชิญท่านมาทันที และท่านก็กรุณามากที่มา ตอนนี้พวกเราก็ได้อยู่กันพร้อมแล้วที่นี่ต่อหน้าพระเจ้า เพื่อฟังทุกสิ่งที่องค์เจ้าชีวิตสั่งให้ท่านพูด”
เปโตรประกาศข่าวดีที่บ้านของโครเนลิอัส
34 เปโตรจึงเริ่มพูดว่า “ตอนนี้ผมเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่าพระเจ้าไม่ได้ลำเอียง 35 พระองค์ยอมรับคนทุกชาติที่เคารพยำเกรงพระองค์ และทำตามความต้องการของพระองค์ 36 คุณรู้ถึงพระคำที่พระเจ้าได้มอบให้กับชาวอิสราเอล ที่พูดถึงข่าวดีแห่งสันติภาพที่ผ่านมาทางพระเยซูผู้เป็นพระคริสต์ผู้เป็นองค์เจ้าชีวิตของมนุษย์ทุกคน 37 คุณรู้ถึงเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วแคว้นยูเดีย เริ่มตั้งแต่แคว้นกาลิลีหลังจากที่ยอห์นได้ประกาศเรื่องการทำพิธีจุ่มน้ำ 38 คุณรู้เรื่องเกี่ยวกับพระเยซูชาวนาซาเร็ธว่าพระเจ้าเจิมพระองค์ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยฤทธิ์อำนาจอย่างไร และพระเยซูได้ทำสิ่งดีๆไปทั่ว และรักษาทุกคนที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของมารร้าย ที่พระองค์ทำได้ก็เพราะพระองค์มีพระเจ้าอยู่ด้วย 39 เราก็ได้เห็นและเป็นพยานถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ทำในดินแดนของชาวยิวและในเมืองเยรูซาเล็ม พวกเขาฆ่าพระองค์โดยจับไปตรึงบนไม้กางเขน 40 แต่พระเจ้าทำให้พระองค์ฟื้นจากความตายในวันที่สาม และให้พระองค์มาปรากฏตัวให้เห็น 41 แต่ไม่ใช่กับคนยิวทุกคน พระองค์ปรากฏตัวเฉพาะกับคนที่พระเจ้าได้เลือกไว้ก่อนหน้านี้ที่จะให้มาเป็นพยานเท่านั้น พยานพวกนี้ก็คือพวกเราที่ได้กินและดื่มกับพระองค์หลังจากที่พระองค์ฟื้นขึ้นจากความตายแล้ว 42 พระเยซูสั่งให้พวกเราออกไปประกาศกับคนทั่วไป และเป็นพยานว่า พระองค์เป็นคนนั้นที่พระเจ้าได้แต่งตั้งไว้ให้เป็นผู้ตัดสินทั้งคนเป็นและคนตาย 43 พวกผู้พูดแทนพระเจ้าทุกคนต่างเป็นพยานให้พระองค์ว่า พระเยซูจะยกโทษบาปให้กับทุกคนที่ไว้วางใจในพระองค์”
คนที่ไม่ใช่ยิวได้รับพระวิญญาณ
44 ขณะที่เปโตรกำลังพูดอยู่นั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ลงมาอยู่กับทุกคนที่ได้ฟังพระคำของพระเจ้า 45 พวกยิวที่เชื่อในพระเยซูที่มากับเปโตรต่างพากันประหลาดใจ เพราะพระเจ้าได้เทของขวัญแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้กับคนที่ไม่ใช่ยิวด้วย 46 เพราะพวกเขาได้ยินคนที่ไม่ใช่ยิวพวกนี้พูดภาษาที่ไม่รู้จัก[a] และยกย่องสรรเสริญพระเจ้า เปโตรพูดขึ้นว่า 47 “ใครจะห้ามคนพวกนี้ ไม่ให้เข้าพิธีจุ่มน้ำได้ล่ะ ในเมื่อพวกเขาก็ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เหมือนกับพวกเรา” 48 เปโตรจึงสั่งให้พวกเขาเข้าพิธีจุ่มน้ำในนามของพระเยซูผู้เป็นพระคริสต์ จากนั้นพวกเขาก็ได้ชวนให้เปโตรพักอยู่กับพวกเขาอีกสองสามวัน
ผู้รับใช้ในวิหารสรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
เพลงที่ร้องในระหว่างทางที่ขึ้นไปยังวิหาร
1 สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด พวกผู้รับใช้ทุกคนของพระองค์
ผู้ที่ยืนทำหน้าที่อยู่ในวิหารในตอนกลางคืน
2 ยกมือของท่านขึ้นต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
และสรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
3 ขอให้พระยาห์เวห์ ผู้สร้างสวรรค์และแผ่นดินโลก
อวยพรท่านจากศิโยน
9 คนที่ปกปิดความผิดของคนอื่นไว้รักษามิตรภาพ
ส่วนคนที่เล่าความผิดของเพื่อนให้คนอื่นฟังก็ทำลายมิตรภาพ
10 ต่อว่าคนหัวไวแค่ครั้งเดียว
ก็ยังได้ผลมากกว่าตีคนโง่ร้อยครั้ง
11 คนชั่วนั้นก็คิดแต่การกบฏ[a]
แต่พระเจ้าจะส่งคนโหดเหี้ยมไปลงโทษเขา
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International