The Daily Audio Bible
Today's audio is from the GW. Switch to the GW to read along with the audio.
นาดับแห่งอิสราเอล
25 นาดับโอรสของเยโรโบอัมขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล ตรงกับปีที่สองของรัชกาลกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ ทรงครองราชย์เหนืออิสราเอลอยู่สองปี 26 ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ดำเนินตามวิถีและบาปของราชบิดา ซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม
27 ฝ่ายบาอาชาบุตรอาหิยาห์เผ่าอิสสาคาร์วางแผนและลงมือสังหารนาดับ ขณะที่ทรงร่วมกับกองทัพอิสราเอลล้อมเมืองกิบเบโธนของฟีลิสเตีย 28 บาอาชาปลงพระชนม์นาดับแล้วขึ้นครองราชย์แทน ตรงกับปีที่สามของรัชกาลกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์
29 ทันทีที่ขึ้นครองราชย์ บาอาชาก็ประหารวงศ์วานทั้งปวงของเยโรโบอัม ไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิตเลย เป็นไปตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้ผ่านทางอาหิยาห์ชาวชิโลห์ผู้รับใช้ของพระองค์ 30 เพราะบาปที่เยโรโบอัมได้ทำและชักนำอิสราเอลให้ทำตาม และเพราะเขาได้ยั่วยุพระพิโรธของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
31 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของนาดับและพระราชกิจทั้งปวงมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ? 32 มีสงครามระหว่างอาสากับบาอาชากษัตริย์แห่งอิสราเอลตลอดรัชกาล
บาอาชาแห่งอิสราเอล
33 บาอาชาบุตรอาหิยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์เหนือดินแดนอิสราเอลทั้งหมดที่เมืองทีรซาห์ ตรงกับปีที่สามของรัชกาลกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ ทรงครองราชย์อยู่ 24 ปี 34 บาอาชาทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ดำเนินตามวิถีและบาปของเยโรโบอัม ซึ่งชักนำให้อิสราเอลทำตาม
16 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยฮูบุตรฮานานีกล่าวโทษบาอาชาว่า 2 “เราได้ยกเจ้าขึ้นมาจากฝุ่นธุลี ให้เป็นผู้นำของอิสราเอลประชากรของเรา แต่เจ้ากลับดำเนินตามทางของเยโรโบอัม เจ้าชักนำอิสราเอลประชากรของเราให้ทำบาป และยั่วยุให้เราโกรธด้วยบาปของพวกเขา 3 ฉะนั้นเราจะทำลายล้างบาอาชากับวงศ์วาน ทำให้วงศ์วานของเจ้าเป็นเช่นวงศ์วานของเยโรโบอัมบุตรเนบัท 4 คนของบาอาชาที่ตายในเมืองจะถูกสุนัขกิน ส่วนคนที่ตายในท้องทุ่งจะถูกนกจิกกิน”
5 สำหรับเหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลบาอาชา พระราชกิจและความสำเร็จต่างๆ มีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ? 6 บาอาชาทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และถูกฝังไว้ในทีรซาห์ และเอลาห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน
7 ยิ่งกว่านั้นพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าผ่านมาทางผู้เผยพระวจนะเยฮูบุตรฮานานีมาถึงบาอาชากับราชวงศ์ เพราะความชั่วทั้งปวงที่ได้ทรงทำในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงทำได้ยั่วยุพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงประพฤติตนเหมือนราชวงศ์เยโรโบอัม และเพราะพระองค์ได้ทรงทำลายราชวงศ์นั้นด้วย
กษัตริย์เอลาห์แห่งอิสราเอล
8 เอลาห์โอรสบาอาชาขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล ตรงกับปีที่ยี่สิบหกของรัชกาลกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ ทรงครองราชย์ในทีรซาห์อยู่สองปี
9 ศิมรีผู้บัญชาการกองรถรบหลวงครึ่งกองวางแผนกบฏต่อพระองค์ ครั้งนั้นกษัตริย์เอลาห์ประทับอยู่ที่ทีรซาห์ทรงเมามายอยู่ที่บ้านของอารซาเจ้ากรมวังประจำทีรซาห์ 10 ศิมรีก็เข้ามาปลงพระชนม์ ตรงกับปีที่ยี่สิบเจ็ดของรัชกาลอาสาแห่งยูดาห์ จากนั้นศิมรีขึ้นครองราชย์แทน
11 ทันทีที่ขึ้นครองราชย์ ศิมรีก็ประหารครอบครัวของบาอาชาทั้งหมด พระองค์ไม่ทรงไว้ชีวิตชายแม้แต่คนเดียว ทั้งญาติและมิตร 12 ดังนั้นศิมรีทำลายครอบครัวบาอาชาทั้งหมดตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะเยฮู 13 เพราะบาปทั้งปวงที่บาอาชาและโอรสเอลาห์ได้ทำและชักนำให้อิสราเอลทำตาม พวกเขาได้ยั่วยุพระพิโรธของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลด้วยรูปเคารพอันไร้ค่า
14 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของเอลาห์ รวมทั้งพระราชกิจต่างๆ มีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?
กษัตริย์ศิมรีแห่งอิสราเอล
15 ในปีที่ยี่สิบเจ็ดของรัชกาลกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ ศิมรีทรงครองราชย์ในทีรซาห์อยู่เจ็ดวัน กองทัพตั้งค่ายอยู่ใกล้เมืองกิบเบโธนของฟีลิสเตีย 16 เมื่อชนอิสราเอลในค่ายได้ข่าวว่าศิมรีวางแผนกบฏและปลงพระชนม์กษัตริย์แล้ว ก็ประกาศให้แม่ทัพอมรีเป็นกษัตริย์อิสราเอลในวันนั้นเองที่ค่าย 17 อมรีและชนอิสราเอลทั้งหมดจึงถอนทัพจากกิบเบโธนมาล้อมทีรซาห์ 18 เมื่อศิมรีเห็นว่าเมืองถูกยึด ก็เข้าไปในป้อมพระราชวัง จุดไฟเผาวังและคลอกตัวเองตาย 19 นี่เป็นเพราะบาปที่ศิมรีได้ทำ คือทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ดำเนินตามวิถีและทำบาปแบบเดียวกับเยโรโบอัม ทั้งยังชักนำให้อิสราเอลทำตามด้วย
20 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของศิมรีและการกบฏของพระองค์บันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?
กษัตริย์อมรีแห่งอิสราเอล
21 ครั้งนั้นประชากรอิสราเอลแตกแยกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนอมรี อีกฝ่ายสนับสนุนทิบนีบุตรกินัท 22 แต่ฝ่ายอมรีเข้มแข็งกว่าฝ่ายทิบนีบุตรกินัท ดังนั้นทิบนีจึงถูกฆ่าตายและอมรีขึ้นเป็นกษัตริย์
23 อมรีขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลตรงกับปีที่สามสิบเอ็ดของรัชกาลกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ ทรงครองราชย์อยู่สิบสองปี โดยปกครองอยู่ในทีรซาห์หกปี 24 อมรีทรงซื้อภูเขาสะมาเรียจากเชเมอร์ เป็นเงินหนักประมาณ 70 กิโลกรัม[a] แล้วทรงสร้างเมืองขึ้นบนภูเขาขนานนามว่าสะมาเรียตามชื่อเชเมอร์เจ้าของเดิม
25 แต่อมรีทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า และทรงทำบาปยิ่งกว่ากษัตริย์องค์ก่อนๆ ทุกองค์ 26 อมรีทรงดำเนินตามวิถีทั้งสิ้นและทรงทำบาปแบบเดียวกับเยโรโบอัมบุตรเนบัท ทั้งยังชักนำให้อิสราเอลทำตามด้วย พวกเขาได้ยั่วยุพระพิโรธของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลด้วยรูปเคารพอันไร้ค่า
27 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของอมรี พระราชกิจและความสำเร็จทั้งปวงมีบันทึกในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ? 28 อมรีทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ที่สะมาเรีย และอาหับโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน
กษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอล
29 อาหับโอรสของอมรีขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในปีที่สามสิบแปดของรัชกาลกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ ทรงครองราชย์อยู่ในสะมาเรียและทรงปกครองอิสราเอลอยู่ 22 ปี 30 อาหับโอรสของอมรีทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้ายิ่งกว่ากษัตริย์องค์ก่อนๆ 31 อาหับไม่เพียงเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยที่จะทำบาปต่างๆ ตามเยโรโบอัมบุตรเนบัท แต่พระองค์ยังอภิเษกกับเยเซเบลธิดาของกษัตริย์เอทบาอัลแห่งไซดอน และทรงเริ่มปรนนิบัติและนมัสการพระบาอัล 32 อาหับทรงสร้างแท่นบูชาสำหรับพระบาอัลในวิหารของพระบาอัลที่ทรงสร้างขึ้นในสะมาเรีย 33 นอกจากนี้อาหับยังทรงสร้างเสาเจ้าแม่อาเชราห์ และยั่วยุพระพิโรธของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลยิ่งกว่ากษัตริย์อิสราเอลองค์ก่อนๆ ทุกองค์
34 ในรัชกาลของอาหับ ฮีเอลจากเบธเอลสร้างเมืองเยรีโคขึ้นใหม่ เมื่อวางฐานราก เขาต้องสูญเสียอาบีรัมบุตรหัวปี และเมื่อติดตั้งประตูเมือง เขาต้องสูญเสียเสกุบบุตรคนสุดท้อง ทั้งนี้เป็นไปตามพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสผ่านทางโยชูวาบุตรนูน
นกกาเลี้ยงเอลียาห์
17 ครั้งนั้นเอลียาห์ชาวทิชบีในกิเลอาดกล่าวกับอาหับว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลซึ่งข้าพเจ้าปรนนิบัติรับใช้อยู่นั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด จะไม่มีน้ำค้างหรือฝนในสองสามปีข้างหน้าจนกว่าข้าพเจ้าจะบอกให้มีฉันนั้น”
2 แล้วมีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเอลียาห์ว่า 3 “จงไปซ่อนตัวที่ลำห้วยเครีททางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 4 เจ้าจะดื่มน้ำจากลำห้วยและเราได้สั่งให้นกกานำอาหารมาเลี้ยงเจ้า”
5 เอลียาห์ก็ปฏิบัติตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา และไปอาศัยอยู่ที่ลำห้วยเครีททางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 6 นกกาคาบขนมปังและเนื้อมาให้เขาทุกเช้าและทุกเย็น และเขาดื่มน้ำจากลำธาร
หญิงม่ายที่ศาเรฟัท
7 ต่อมาลำห้วยนั้นก็แห้งผากเพราะไม่มีฝนตกเลยทั่วดินแดนนั้น 8 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเอลียาห์ว่า 9 “จงไปอาศัยอยู่ที่เมืองศาเรฟัทในไซดอน เราได้สั่งหญิงม่ายคนหนึ่งที่นั่นให้เลี้ยงดูเจ้า” 10 เอลียาห์จึงไปยังศาเรฟัท เมื่อมาถึงประตูเมืองก็เห็นหญิงม่ายคนหนึ่งกำลังเก็บฟืน เขาจึงเรียกนางและร้องขอว่า “ช่วยเอาน้ำใส่เหยือกมาให้เราดื่มสักนิดได้ไหม?” 11 ขณะที่หญิงนั้นจะไปเอามา เขาบอกนางว่า “โปรดช่วยเอาขนมปังมาให้สักชิ้นด้วย”
12 หญิงนั้นตอบว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ดิฉันไม่มีขนมปังเลยสักชิ้นฉันนั้น มีเพียงแป้งหยิบมือเดียวในหม้อ กับน้ำมันก้นไห นี่ก็กำลังเก็บฟืนจะเอาไปทำอาหารกินกับลูกชาย จากนั้นก็จะต้องอดตาย”
13 เอลียาห์กล่าวกับนางว่า “อย่ากลัวเลย กลับบ้านไปทำตามที่เจ้าว่าเถิด แต่ทำขนมชิ้นเล็กๆ มาให้เราก่อน จากนั้นจึงทำอาหารให้ตัวเจ้ากับลูกชายของเจ้า 14 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘จะมีแป้งไม่ขาดหม้อ น้ำมันไม่ขาดไห จนถึงวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าให้ฝนตกลงมาบนดินแดนนี้’ ”
15 หญิงม่ายนั้นจึงไปทำตามที่เอลียาห์สั่ง แล้วก็มีอาหารทุกวันไม่ขาดสำหรับเอลียาห์และนางกับครอบครัว 16 เพราะมีแป้งไม่ขาดหม้อ น้ำมันไม่ขาดไห เป็นจริงตามพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสผ่านทางเอลียาห์
17 ต่อมาบุตรชายของหญิงนั้นล้มป่วย อาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ และในที่สุดก็สิ้นลม 18 นางจึงกล่าวกับเอลียาห์ว่า “โอ คนของพระเจ้า ทำไมถึงทำกับดิฉันอย่างนี้? ท่านมาที่นี่เพื่อจะเตือนให้ระลึกถึงบาปของดิฉัน และประหารลูกชายของดิฉันหรือ?”
19 เอลียาห์ตอบว่า “ส่งลูกของเจ้ามาให้เราสิ” แล้วเขาก็รับตัวเด็กนั้นจากอ้อมแขนของแม่ อุ้มขึ้นไปในห้องชั้นบนซึ่งเขาพักอาศัยอยู่ วางเด็กนั้นลงบนเตียงของเขา 20 แล้วร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงนำความทุกข์โศกมายังหญิงม่ายซึ่งข้าพระองค์อาศัยอยู่ด้วยนี้ โดยทำให้ลูกของนางเสียชีวิตหรือ?” 21 แล้วเขาเหยียดกายทับตัวเด็กนั้นสามครั้ง และร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอโปรดให้เด็กชายคนนี้ฟื้นคืนชีวิตด้วยเถิด!”
22 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสดับฟังคำร้องทูลของเอลียาห์ เด็กนั้นก็ฟื้นคืนชีวิต 23 เอลียาห์จึงอุ้มเขาลงมาข้างล่างมอบให้แก่มารดาและกล่าวว่า “ดูเถิด ลูกของเจ้ายังมีชีวิตอยู่!”
24 หญิงนั้นจึงกล่าวกับเอลียาห์ว่า “ตอนนี้ดิฉันทราบแล้วว่าท่านเป็นคนของพระเจ้า และพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าจากปากของท่านเป็นความจริง”
24 วันต่อมาเปโตรก็มาถึงเมืองซีซารียา โครเนลิอัสกำลังคอยต้อนรับพวกเขาอยู่และได้เชิญญาติตลอดจนเพื่อนสนิทมาชุมนุมกัน 25 พอเปโตรเข้าไปในบ้านโครเนลิอัสก็ออกมาพบและหมอบลงแทบเท้าด้วยความยำเกรง 26 แต่เปโตรรั้งเขาให้ลุกขึ้นพร้อมทั้งกล่าวว่า “ยืนขึ้นเถิด ข้าพเจ้าเองก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง”
27 เปโตรสนทนาพลางเดินเข้าไปข้างในและพบคนมากมายชุมนุมกันอยู่ 28 จึงกล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายย่อมทราบดีว่าเป็นการขัดบทบัญญัติของเราที่ชาวยิวจะคบหาหรือเยี่ยมเยียนคนต่างชาติ แต่พระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าว่าไม่ควรเรียกใครว่าเป็นมลทินหรือไม่สะอาด 29 ฉะนั้นเมื่อมีคนไปเชิญข้าพเจ้าก็มาโดยไม่คัดค้านประการใด ขอถามว่าเหตุใดจึงไปเชิญข้าพเจ้ามา?”
30 โครเนลิอัสตอบว่า “เมื่อสี่วันก่อนข้าพเจ้าอธิษฐานอยู่ในบ้านราวๆ ตอนนี้คือบ่ายสามโมง ทันใดนั้นมีชายคนหนึ่งสวมชุดเป็นประกายวาววับมายืนอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า 31 และกล่าวว่า ‘โครเนลิอัสเอ๋ย พระเจ้าทรงได้ยินคำอธิษฐานของท่านและระลึกถึงสิ่งที่ท่านได้เจือจานแก่คนยากไร้แล้ว 32 จงส่งคนไปเมืองยัฟฟาแล้วรับตัวซีโมนที่เรียกว่าเปโตรมาเถิด เขาเป็นแขกพักอยู่ในบ้านของซีโมนช่างฟอกหนังซึ่งอยู่ริมทะเล’ 33 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงส่งคนไปเชิญท่านมาทันทีและท่านก็เมตตามาแล้ว บัดนี้ข้าพเจ้าทั้งหลายอยู่พร้อมหน้ากันต่อหน้าพระเจ้าเพื่อรับฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาให้ท่านกล่าวแก่เรา”
34 แล้วเปโตรจึงกล่าวว่า “บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นจริงแล้วว่าพระเจ้ามิได้ทรงเลือกที่รักมักที่ชัง 35 แต่ทรงรับคนจากทุกชาติที่ยำเกรงพระองค์และทำสิ่งที่ถูกต้อง 36 ท่านย่อมทราบเรื่องราวที่พระเจ้าทรงมีไปถึงประชากรอิสราเอลซึ่งเป็นการแจ้งข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขโดยทางพระเยซูคริสต์ผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของคนทั้งปวง 37 ท่านย่อมทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วแคว้นยูเดียเริ่มตั้งแต่ในแคว้นกาลิลีภายหลังบัพติศมาที่ยอห์นประกาศ 38 คือที่พระเจ้าทรงเจิมตั้งพระเยซูแห่งนาซาเร็ธด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยฤทธานุภาพ และที่พระองค์เสด็จไปทั่ว ทรงทำความดีและรักษาคนทั้งปวงที่ตกอยู่ใต้อำนาจของมารเพราะพระเจ้าสถิตกับพระองค์
39 “พวกข้าพเจ้าเป็นพยานถึงสิ่งสารพัดที่พระองค์ทรงกระทำในดินแดนของชาวยิวและในกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาฆ่าพระองค์โดยแขวนพระองค์บนต้นไม้ 40 แต่ในวันที่สามพระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตายและให้พระองค์ปรากฏแก่สายตาของผู้คน 41 ไม่ใช่ทุกคนได้เห็นพระองค์ มีแต่พยานทั้งหลายที่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้เท่านั้นที่เห็น คือพวกข้าพเจ้าซึ่งได้กินดื่มกับพระองค์หลังจากที่พระองค์ทรงเป็นขึ้นจากตาย 42 พระองค์ทรงบัญชาพวกข้าพเจ้าให้ประกาศแก่คนทั้งปวงและเป็นพยานว่าพระองค์คือผู้ที่พระเจ้าทรงตั้งให้เป็นผู้พิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย 43 ผู้เผยพระวจนะทั้งปวงล้วนยืนยันเกี่ยวกับพระองค์ว่า ทุกคนที่เชื่อในพระองค์จะได้รับการอภัยบาปโดยทางพระนามของพระองค์”
44 ขณะเปโตรยังกล่าวถ้อยคำเหล่านี้อยู่พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาเหนือคนทั้งปวงที่ได้ยินเรื่องราวนี้ 45 เหล่าผู้เชื่อที่เข้าสุหนัตแล้วซึ่งมากับเปโตรพากันประหลาดใจที่พระเจ้าทรงเทพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมาเป็นของประทานแก่คนต่างชาติด้วย 46 เพราะพวกเขาได้ยินคนเหล่านั้นพูดภาษาแปลกๆ[a] และสรรเสริญพระเจ้า
แล้วเปโตรกล่าวว่า 47 “ใครจะห้ามคนเหล่านี้ไม่ให้รับบัพติศมาด้วยน้ำ? พวกเขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เช่นเดียวกับเราแล้ว” 48 ดังนั้นเปโตรจึงสั่งให้คนเหล่านั้นรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ จากนั้นพวกเขาเชิญเปโตรให้พักอยู่ด้วยสองสามวัน
(บทเพลงใช้แห่ขึ้นไปยังเยรูซาเล็ม)
134 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า บรรดาผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้ที่ปรนนิบัติรับใช้ยามค่ำคืนในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า
2 จงชูมือของท่านในสถานนมัสการ
และสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
3 ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
ทรงอวยพรท่านจากศิโยน
9 ผู้ที่ส่งเสริมความรักก็ลบความบาดหมาง
ผู้ที่ฟื้นฝอยหาตะเข็บก็ทำให้เพื่อนสนิทหมางใจกัน
10 ว่ากล่าวตักเตือนคนรู้จักคิดเพียงครั้งเดียว
ได้ผลกว่าเฆี่ยนหลังคนโง่ร้อยที
11 คนชั่วส่งเสริมให้คนกบฏต่อพระเจ้า
แต่ยมทูตที่ไร้ความปรานีจะถูกส่งไปสู้กับเขา
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.