The Daily Audio Bible
Today's audio is from the GW. Switch to the GW to read along with the audio.
เอลียาห์ประณามอาหัสยาห์
1 หลังจากที่กษัตริย์อาหับตายแล้ว ชาวโมอับลุกขึ้นกบฏต่ออิสราเอล
2 วันหนึ่งกษัตริย์อาหัสยาห์อยู่บนดาดฟ้าห้องชั้นบนของเขา ในเมืองสะมาเรีย เขาพลัดตกทะลุไม้ระแนงลงมา และได้รับบาดเจ็บ เขาเรียกพวกผู้ส่งข่าวมา และบอกว่า “ไปถามพระบาอัลเซบูบที่เป็นพระของเมืองเอโครน ให้หน่อยว่า เราจะหายจากอาการบาดเจ็บนี้หรือไม่”
3 แต่ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์พูดกับเอลียาห์ชาวเมืองทิชบีว่า “ขึ้นไปพบกับผู้ส่งข่าวพวกนั้นของกษัตริย์แห่งเมืองสะมาเรีย และถามพวกเขาว่า ‘ในอิสราเอลไม่มีพระเจ้าแล้วหรือยังไง พวกเจ้าถึงต้องออกไปถามพระบาอัลเซบูบที่เป็นพระของเมืองเอโครน’ 4 เพราะทำอย่างนี้ พระยาห์เวห์ถึงพูดว่า ‘เจ้าจะไม่ได้ลุกขึ้นจากเตียงที่เจ้ากำลังนอนอยู่ แต่เจ้าจะต้องตายแน่’” แล้วเอลียาห์ก็ไป
5 เมื่อพวกผู้ส่งข่าวกลับไปหากษัตริย์ กษัตริย์จึงถามพวกเขาว่า “ทำไมพวกเจ้ากลับมาเร็วนัก”
6 พวกเขาตอบว่า “มีชายคนหนึ่งมาพบพวกข้าพเจ้า และเขาพูดกับพวกข้าพเจ้าว่า ‘กลับไปหากษัตริย์ที่ส่งพวกเจ้ามาและให้บอกเขาว่า พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้ “ในอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าแล้วหรือยังไง เจ้าถึงต้องส่งคนไปถามพระบาอัลเซบูบที่เป็นพระของเมืองเอโครน เพราะทำอย่างนี้ เจ้าจะไม่ได้ลุกขึ้นจากเตียงที่เจ้ากำลังนอนอยู่ แต่เจ้าจะต้องตายแน่”’”
7 กษัตริย์จึงถามพวกเขาว่า “คนที่มาพบพวกเจ้าและบอกเรื่องนี้กับพวกเจ้ามีรูปร่างหน้าตายังไง”
8 พวกเขาตอบว่า “เป็นผู้ชาย สวมเสื้อที่เป็นขนๆ[a] มีหนังคาดเอวอยู่” กษัตริย์จึงว่า “เอลียาห์ชาวเมืองทิชบีนั่นเอง”
9 แล้วกษัตริย์ส่งนายทหารคนหนึ่งพร้อมกับทหารอีกห้าสิบคนไปหาเอลียาห์ นายทหารคนนั้นขึ้นไปหาเอลียาห์ เขากำลังนั่งอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง นายทหารคนนั้นพูดกับเขาว่า “คนของพระเจ้า กษัตริย์สั่งให้เจ้าลงมา”
10 เอลียาห์ตอบนายทหารคนนั้นว่า “ถ้าเราเป็นคนของพระเจ้าจริง ก็ขอให้มีไฟลงมาจากสวรรค์และเผาผลาญเจ้าและคนห้าสิบคนของเจ้า”
แล้วก็มีไฟลงมาจากสวรรค์และเผาผลาญนายทหารคนนั้นกับคนห้าสิบคนของเขา
11 กษัตริย์จึงส่งนายทหารอีกคนหนึ่งพร้อมกับคนห้าสิบคนของเขาออกไปหาเอลียาห์อีก นายทหารคนนั้นขึ้นไปพูดกับเอลียาห์ว่า “คนของพระเจ้า กษัตริย์สั่งให้เจ้าลงมาเดี๋ยวนี้”
12 เอลียาห์ตอบว่า “ถ้าเราเป็นคนของพระเจ้าจริง ก็ขอให้มีไฟลงมาจากสวรรค์ และเผาผลาญเจ้าและคนห้าสิบคนของเจ้า”
แล้วก็มีไฟของพระเจ้าลงมาจากสวรรค์ เผาผลาญเขาและคนห้าสิบคนของเขาจนหมด
13 กษัตริย์จึงส่งนายทหารคนที่สามกับคนห้าสิบคนของเขาไปอีก นายทหารคนที่สามนี้ขึ้นไปและคุกเข่าลงต่อหน้าเอลียาห์ เขาขอร้องว่า “คนของพระเจ้า ขอให้ชีวิตของข้าพเจ้า และชีวิตของห้าสิบคนนี้ ที่เป็นผู้รับใช้ของท่าน มีค่าในสายตาของท่านด้วยเถิด 14 ข้าพเจ้ารู้ว่าไฟได้ลงมาจากสวรรค์และได้เผาผลาญนายทหารสองคนนั้นที่มาก่อนข้าพเจ้า รวมทั้งคนทั้งหมดของพวกเขาด้วย แต่ตอนนี้ขอให้ชีวิตของข้าพเจ้ามีค่าในสายตาของท่านด้วยเถิด”
15 ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์พูดกับเอลียาห์ว่า “ลงไปกับเขาเถิด ไม่ต้องกลัวเขาหรอก”
เอลียาห์จึงลุกขึ้นและลงไปกับเขาเพื่อไปหากษัตริย์
16 เอลียาห์บอกกับกษัตริย์ว่า “พระยาห์เวห์พูดว่า ‘ในอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าให้ท่านถามแล้วหรือยังไง ท่านถึงต้องส่งผู้ส่งข่าวพวกนั้นไปถามพระบาอัลเซบูบซึ่งเป็นพระของเมืองเอโครน’ เพราะท่านทำอย่างนี้ ท่านจะไม่มีวันได้ลุกออกจากเตียงที่ท่านกำลังนอนอยู่ แต่ท่านจะต้องตายแน่”
โยรัมขึ้นเป็นกษัตริย์แทนอาหัสยาห์
17 แล้วอาหัสยาห์ก็ตาย ซึ่งเป็นไปตามคำพูดของพระยาห์เวห์ที่เอลียาห์ได้พูดเอาไว้ เนื่องจากอาหัสยาห์ไม่มีลูกชาย โยรัม[b]จึงขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา ตรงกับปีที่สองที่กษัตริย์เยโฮรัมปกครองยูดาห์ เยโฮรัมเป็นลูกชายของกษัตริย์เยโฮชาฟัท
18 ส่วนเหตุการณ์อื่นๆในยุคสมัยของอาหัสยาห์และสิ่งที่เขาได้ทำไป ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล
พระยาห์เวห์รับตัวเอลียาห์ไปสวรรค์
2 เมื่อเกือบถึงเวลาที่พระยาห์เวห์จะรับตัวเอลียาห์ขึ้นสู่สวรรค์ด้วยลมพายุหมุน เอลียาห์และเอลีชากำลังเดินทางออกจากเมืองกิลกาล
2 เอลียาห์พูดกับเอลีชาว่า “อยู่ที่นี่นะ พระยาห์เวห์เรียกให้ข้าไปที่เมืองเบธเอล”
แต่เอลีชาพูดว่า “พระยาห์เวห์และท่านมีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่าข้าพเจ้าจะไม่ยอมทิ้งท่านไปเป็นอันขาด” เขาทั้งสองจึงลงไปที่เมืองเบธเอลด้วยกัน
3 พวกกลุ่มผู้พูดแทนพระเจ้า[c] ที่เมืองเบธเอลได้ออกมาพบเอลีชาและได้ถามเขาว่า “ท่านรู้หรือเปล่าว่า พระยาห์เวห์กำลังจะเอาตัวนายของท่านไปจากท่านในวันนี้”
เอลีชาตอบไปว่า “ข้ารู้แล้ว แต่อย่าได้พูดถึงมันเลย”
4 แล้วเอลียาห์ก็พูดว่า “เอลีชา เจ้าอยู่ที่นี่ก่อนนะ พระยาห์เวห์เรียกให้ข้าไปที่เมืองเยริโค”
เขาก็ตอบว่า “พระยาห์เวห์และท่านมีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่าข้าพเจ้าจะไม่ทิ้งท่านไปเป็นอันขาด” เขาทั้งสองจึงไปเมืองเยริโคด้วยกัน
5 พวกกลุ่มผู้พูดแทนพระเจ้าที่เมืองเยริโคขึ้นมาหาเอลีชาและถามเขาว่า “ท่านรู้หรือเปล่าว่า พระยาห์เวห์กำลังจะเอาตัวนายของท่านไปในวันนี้”
เขาตอบว่า “ข้ารู้แล้ว แต่อย่าได้พูดถึงมันเลย”
6 แล้วเอลียาห์พูดว่า “เอลีชา เจ้าอยู่ที่นี่นะ เพราะพระยาห์เวห์เรียกให้ข้าไปที่แม่น้ำจอร์แดน”
และเขาก็ตอบว่า “พระยาห์เวห์และท่านมีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า ข้าจะไม่ยอมทิ้งท่านไปเป็นอันขาด” เขาทั้งสองจึงเดินทางต่อไป
7 มีห้าสิบคนจากกลุ่มผู้พูดแทนพระเจ้าเหล่านั้น ได้เดินตามพวกเขาไป เอลียาห์และเอลีชาไปหยุดอยู่ที่ริมแม่น้ำจอร์แดน พวกห้าสิบคนนั้นยืนอยู่ห่างออกไป 8 เอลียาห์เอาเสื้อคลุมของเขาม้วนเข้าและฟาดลงไปในน้ำ ทันใดนั้น น้ำก็แยกออกสองข้างซ้ายขวา และทั้งสองคนก็เดินข้ามไปบนพื้นดินที่แห้งแล้วตรงนั้น
9 เมื่อพวกเขาข้ามไปแล้ว เอลียาห์พูดกับเอลีชาว่า “บอกมาสิว่าจะให้ข้าทำอะไรให้กับเจ้าก่อนที่ข้าจะถูกพาไปจากเจ้า” เอลีชาตอบว่า “ขอให้ข้าพเจ้าได้รับฤทธิ์เดชของท่านมากกว่าคนอื่นสองเท่าเหมือนสิทธิของลูกชายหัวปี เพื่อข้าพเจ้าจะได้เป็นผู้นำพวกเขาสืบจากท่าน”
10 เอลียาห์พูดว่า “เจ้าขอสิ่งที่ยากเหลือเกิน แต่ถ้าเจ้าเห็นเราตอนที่เราถูกรับตัวไปจากเจ้า เจ้าก็จะได้สิ่งที่เจ้าขอ แต่ถ้าเจ้าไม่เห็น เจ้าก็จะไม่ได้”
11 ในขณะที่พวกเขากำลังเดินคุยกันไปนั้น ทันใดนั้นก็มีรถรบเพลิงคันหนึ่งพร้อมกับพวกม้าเพลิงได้ปรากฏขึ้น และแยกพวกเขาทั้งสองออกจากกัน แล้วเอลียาห์ก็ถูกพัดขึ้นสู่สวรรค์ในลมพายุหมุน
12 เอลีชาเห็นเหตุการณ์นี้ และเขาร้องออกมาว่า “ท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านเป็นพวกรถรบและเหล่าทหารม้าของอิสราเอล”[d]
เอลีชาก็มองไม่เห็นเอลียาห์อีกต่อไป แล้วเอลีชาก็ฉีกเสื้อผ้าของเขาจนขาดจากกัน
เอลีชารับหน้าที่แทนเอลียาห์
13 เขาหยิบเสื้อคลุมที่เอลียาห์ทำหล่นไว้ และกลับไปยืนอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำจอร์แดน
14 แล้วเอลีชาก็เอาเสื้อคลุมที่เอลียาห์ทำหล่นไว้นั้น ตีลงไปในน้ำ และถามว่า “ตอนนี้พระยาห์เวห์ พระเจ้าของเอลียาห์อยู่ที่ไหน” เมื่อเขาตีน้ำ มันก็แยกออกเป็นสองข้างซ้ายขวา และเขาก็เดินข้ามไป
15 กลุ่มผู้พูดแทนพระเจ้าจากเยริโคที่กำลังมองดูอยู่พูดว่า “ฤทธิ์เดชของเอลียาห์ได้อยู่ในตัวเอลีชาแล้ว” และพวกเขาก็ออกไปพบกับเอลีชาและก้มกราบลงถึงพื้นต่อหน้าเขา 16 พวกเขาพูดว่า “ดูเถิด พวกเราเหล่าผู้รับใช้มีกันอยู่ห้าสิบคนซึ่งล้วนแต่มีร่างกายแข็งแรงทั้งนั้น ให้พวกเราไปค้นหานายของท่านเถิด บางทีพระวิญญาณของพระยาห์เวห์รับเขาขึ้นไปและปล่อยเขาลงบนภูเขาหรือหุบเขาแห่งใดแห่งหนึ่งก็ได้”
เอลีชาตอบไปว่า “ไม่ต้องหรอก อย่าส่งพวกเขาไปเลย”
17 แต่พวกเขายืนกรานอยู่อย่างนั้น จนเอลีชารู้สึกละอายใจที่จะปฏิเสธ เขาจึงพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ก็ให้พวกเขาไปเถิด”
และพวกเขาส่งคนห้าสิบคนไปค้นหาเป็นเวลาสามวัน แต่ไม่พบตัวเอลียาห์เลย 18 เมื่อพวกเขากลับมาหาเอลีชาซึ่งยังอยู่ในเมืองเยริโค เอลีชาก็พูดกับคนเหล่านั้นว่า “ข้าบอกพวกท่านแล้วว่าไม่ต้องไป”
เอลีชาทำให้น้ำสะอาด
19 มีคนหลายคนจากในเมืองมาพูดกับเอลีชาว่า “ดูเถิด เจ้านายของพวกเรา เมืองนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีซึ่งท่านก็เห็นอยู่ แต่น้ำของที่นี่ไม่ดีเลย และแผ่นดินก็ไม่เกิดผล”
20 เอลีชาจึงพูดว่า “นำชามใหม่มาให้เราใบหนึ่ง และเอาเกลือใส่มาในนั้นด้วย”
พวกเขาจึงนำชามใบใหม่ใส่เกลือมาให้เขา 21 แล้วเขาก็ออกไปที่ตาน้ำ และโยนเกลือในชามลงไปในนั้น และพูดว่า “พระยาห์เวห์พูดว่า ‘เราได้รักษาน้ำนี้ให้แล้ว มันจะไม่เป็นต้นเหตุของความตายหรือทำให้แผ่นดินไม่เกิดผลอีกต่อไป’”
22 และน้ำนั้นก็สะอาดมาจนถึงทุกวันนี้ ตามคำพูดที่เอลีชาได้พูดไว้
เด็กผู้ชายบางคนล้อเลียนเอลีชา
23 จากที่นั่น เอลีชาขึ้นไปถึงที่เมืองเบธเอล ในขณะที่เขากำลังเดินไปตามถนน มีเด็กอยู่กลุ่มหนึ่งออกมาจากในเมืองและมาเยาะเย้ยเขาว่า “ขึ้นไปเลย ไอ้ล้าน ขึ้นไปสิ ไอ้ล้าน”
24 เขาหันไปรอบๆมองดูเด็กเหล่านั้น และร้องสาปแช่งเด็กพวกนั้นในนามของพระยาห์เวห์ ทันใดนั้นก็มีหมีตัวเมียสองตัวออกมาจากป่า และมาฉีกเด็กทั้งสี่สิบสองคนในกลุ่มนั้นออกเป็นชิ้นๆ
25 เอลีชาเดินต่อไปจนถึงภูเขาคารเมล และจากที่นั่นเขาก็กลับไปที่เมืองสะมาเรีย
42 เมื่อเปาโลกับบารนาบัสกำลังจะไปจากที่ประชุมชาวยิว ผู้คนได้มาขอให้พวกเขา พูดเรื่องพวกนี้อีกในวันหยุดทางศาสนาครั้งหน้า 43 เมื่อการประชุมเลิกแล้ว มีชาวยิว และพวกที่เปลี่ยนมานับถือศาสนายิวหลายคนติดตามเปาโลและบารนาบัสไป ทั้งสองพูดคุยและกระตุ้นให้พวกเขายึดมั่นอยู่ในความเมตตากรุณาของพระเจ้าต่อไป 44 เมื่อวันหยุดทางศาสนามาถึงอีกครั้งหนึ่ง คนเกือบทั้งเมืองได้มาชุมนุมกันเพื่อฟังพระคำของพระเจ้า 45 เมื่อชาวยิวเห็นฝูงชนมากันแน่นขนัด ก็เกิดความอิจฉา จึงพูดดูถูกดูแคลนและคัดค้านคำพูดของเปาโล 46 แต่เปาโลและบารนาบัสก็พูดอย่างกล้าหาญว่า “เราจำเป็นที่จะต้องประกาศพระคำของพระเจ้าให้พวกคุณฟังก่อน แต่เมื่อคุณไม่ยอมเชื่อและตัดสินว่าตนเองไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่กับพระเจ้าตลอดไป ตอนนี้เราก็จะหันไปหาคนที่ไม่ใช่ยิว 47 เพราะองค์เจ้าชีวิตได้สั่งพวกเราว่า
‘เราทำให้เจ้าเป็นแสงสว่างกับคนที่ไม่ใช่ยิว
เพื่อเจ้าจะได้นำความรอดไปทุกหนทุกแห่งในโลก’”[a]
48 เมื่อคนที่ไม่ใช่ยิวได้ยินอย่างนี้ก็ดีใจ และยกย่องพระคำขององค์เจ้าชีวิต ส่วนคนที่พระเจ้าได้เลือกไว้ให้มีชีวิตกับพระองค์ตลอดไปนั้น พวกเขาก็ได้มาไว้วางใจ
49 พระคำขององค์เจ้าชีวิต ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วแคว้นนั้น 50 พวกยิวได้ไปยุยงพวกผู้หญิงที่เคร่งศาสนาและมีอิทธิพลกับพวกผู้ชายที่เป็นผู้นำในเมืองนั้น ให้มากดขี่ข่มเหงเปาโลและบารนาบัส และไล่ทั้งสองคนออกไปจากดินแดนของเขา 51 เปาโลและบารนาบัสสะบัดฝุ่นออกจากเท้า เป็นการประท้วงต่อคนเหล่านั้น แล้วทั้งสองก็ไปเมืองอีโคนียูม 52 แต่พวกศิษย์ของพระเยซูในเมืองอันทิโอก ต่างก็มีความสุขอย่างล้นพ้น และเต็มไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
เปาโลและบารนาบัสอยู่ในเมืองอีโคนียูม
14 ในเมืองอีโคนียูมก็เหมือนกัน เปาโลและบารนาบัสได้เข้าไปในที่ประชุมชาวยิว และ พูดป่าวประกาศ จนคนยิวและคนกรีกจำนวนมากเกิดความเชื่อ 2 แต่พวกยิวที่ไม่เชื่อได้ยุยงคนกรีกให้โกรธเคืองพวกพี่น้องของเราที่เชื่อ 3 เปาโลและบารนาบัสอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน และประกาศเรื่องขององค์เจ้าชีวิตอย่างกล้าหาญ และพระองค์ก็ให้เปาโลกับบารนาบัสทำสิ่งอัศจรรย์และปาฏิหาริย์ต่างๆได้ เพื่อยืนยันให้คนรู้ว่าพระคำเรื่องความเมตตากรุณาของพระองค์ที่ทั้งสองคนพูดนั้นเป็นเรื่องจริง 4 คนในเมืองก็แตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเข้าข้างพวกยิว อีกฝ่ายหนึ่งเข้าข้างพวกศิษย์เอกของพระเยซู
5 คนกรีก คนยิว และพวกผู้นำของพวกเขา คบคิดกันที่จะเอาหินขว้างทำร้ายเปาโลกับบารนาบัส 6 แต่ทั้งสองคนล่วงรู้แผนการนี้เสียก่อน จึงหนีไปที่เมืองลิสตราและเมืองเดอร์บีในแคว้นลิคาโอเนียและดินแดนแถวๆนั้น 7 พวกเขาก็ยังคงประกาศข่าวดีที่นั่นต่อไป
พระยาห์เวห์รู้ทุกเรื่อง
ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
1 ข้าแต่พระยาห์เวห์
พระองค์ได้สำรวจข้าพเจ้า และรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับข้าพเจ้า
2 ข้าพเจ้าจะนั่งลงหรือลุกขึ้น พระองค์ก็รู้
ข้าพเจ้าคิดอะไรอยู่ พระองค์ก็เข้าใจแม้พระองค์จะอยู่ห่างไกล
3 ไม่ว่าข้าพเจ้าจะไปที่ไหนหรือนอนที่ไหน พระองค์ก็เฝ้ามองอยู่
ข้าพเจ้าทำอะไร พระองค์ก็รับรู้หมด
4 ข้าแต่พระยาห์เวห์
พระองค์รู้ว่าข้าพเจ้าจะพูดอะไรก่อนที่ลิ้นของข้าพเจ้าจะพูดเสียอีก
5 พระองค์อยู่รอบตัวข้าพเจ้าทั้งหน้าหลัง
พระองค์วางมืออยู่บนข้าพเจ้า
6 ความรู้ของพระองค์น่าทึ่งเหลือเกินสำหรับข้าพเจ้า
สูงส่งเกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะเข้าใจได้
7 ข้าพเจ้าจะหนีพระวิญญาณของพระองค์ไปไหนพ้น
ข้าพเจ้าหนีหน้าพระองค์ไปไหนได้
8 ถ้าข้าพเจ้าจะขึ้นไปบนสวรรค์พระองค์ก็อยู่ที่นั่น
ถ้าข้าพเจ้านอนลงที่แดนคนตายพระองค์ก็อยู่ที่นั่น
9 ถ้าข้าพเจ้าจะขึ้นมาพร้อมกับดวงอาทิตย์ทางตะวันออก
และข้ามขอบฟ้าไปตกอีกฝากหนึ่งของทะเล
10 แม้แต่ที่นั่น มือของพระองค์ก็ยังนำข้าพเจ้า
และมือขวาของพระองค์พยุงข้าพเจ้าไว้
11 ถ้าข้าพเจ้าขอให้ความมืดซ่อนตัวข้าพเจ้าไว้
และขอให้กลางวันกลายเป็นกลางคืนรอบตัวข้าพเจ้า
12 มันก็ยังไม่มืดเกินไปสำหรับพระองค์
สำหรับพระองค์แล้วกลางคืนก็สว่างเหมือนกลางวัน
สำหรับพระองค์แล้วกลางคืนและกลางวันไม่แตกต่างกันเลย
13 พระองค์สร้างทั้งจิตและใจของข้าพเจ้า
พระองค์ทอข้าพเจ้าเข้าด้วยกันในท้องแม่
14 ข้าพเจ้าจึงขอบคุณพระองค์เพราะงานของพระองค์นั้นช่างน่าเกรงขามและน่าทึ่ง
พระองค์รู้จักข้าพเจ้าอย่างทะลุปรุโปร่ง
15 ตอนที่ข้าพเจ้าถูกก่อขึ้นมาในที่ลึกลับในท้องแม่
ตอนนั้นที่ข้าพเจ้าประกอบเข้าด้วยกันในสถานที่ที่มองไม่เห็น
ไม่มีกระดูกสักชิ้นหนึ่งของข้าพเจ้าที่รอดพ้นสายตาของพระองค์ไปได้
16 ดวงตาของพระองค์มองดูข้าพเจ้าก่อนที่ข้าพเจ้าจะเป็นรูปเป็นร่าง
ทุกวันคืนที่พระองค์ให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่
พระองค์ได้จดบันทึกไว้แล้วในสมุดของพระองค์ก่อนที่มันจะเกิดขึ้นเสียอีก
17 ข้าแต่พระเจ้า ความคิดทั้งหลายของพระองค์นั้นยากเกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะเข้าใจได้
รวมเข้าด้วยกันแล้วมันมากมายจนนับไม่ถ้วน
18 ถ้าข้าพเจ้านับความคิดเหล่านั้นได้ก็คงมีมากกว่าเม็ดทราย
ถ้าจะให้ข้าพเจ้านับหมด ข้าพเจ้าคงจะต้องมีชีวิตยืนยาวเท่ากับพระองค์
19 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าหวังจะเห็นพระองค์ฆ่าคนชั่วเหลือเกิน
ไอ้พวกฆาตกรไปให้พ้นจากข้า
20 คนพวกนั้นพูดสิ่งไม่ดีเกี่ยวกับพระองค์
พวกศัตรูของพระองค์อ้างชื่อของพระองค์ในคำสาบานที่หลอกลวง
21 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าเกลียดชังคนเหล่านั้นที่เกลียดชังพระองค์
ข้าพเจ้ารังเกียจคนเหล่านั้นที่กบฏต่อพระองค์
22 ข้าพเจ้าเกลียดคนเหล่านั้นเข้ากระดูกดำ
ศัตรูของพระองค์คือศัตรูของข้าพเจ้าด้วย
23 ข้าแต่พระเจ้า โปรดสำรวจข้าพเจ้าโปรดรู้ถึงจิตใจของข้าพเจ้า
โปรดทดสอบ โปรดรู้ถึงสิ่งต่างๆที่ข้าพเจ้าเป็นห่วง
24 ดูสิว่า ข้าพเจ้าเดินผิดทางหรือเปล่า
โปรดนำข้าพเจ้าไปบนหนทางอันเก่าแก่นั้นที่ถูกต้องมาตลอด
19 คนที่ชอบหาเรื่อง ก็ชอบการทะเลาะวิวาท
คนที่ชอบยกตัวเอง[a] ก็รนหาความพินาศ
20 คนคดโกงไม่รุ่งเรือง
คนหลอกลวงย่อมเคราะห์ร้าย
21 พ่อที่ให้กำเนิดคนโง่ย่อมเศร้าโศกเสียใจ
พ่อของคนโฉดเขลาย่อมไม่ดีใจ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International