Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the NIV. Switch to the NIV to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 พงศ์กษัตริย์ 4:18-5:27

18 เด็กคนนั้นเติบโตขึ้น และวันหนึ่งเขาออกไปหาพ่อของเขาซึ่งกำลังอยู่กับพวกคนเกี่ยวข้าว 19 เขาพูดกับพ่อว่า “โอย หัวหนู หัวหนู”

พ่อของเขาบอกกับคนใช้คนหนึ่งว่า “อุ้มเขาไปหาแม่ของเขาเถิด”

20 หลังจากนั้น คนใช้คนนั้นก็อุ้มเขาไปหาแม่ของเขา เด็กคนนั้นนั่งอยู่บนตักของนางจนกระทั่งถึงตอนเที่ยงแล้วเขาก็ตาย

21 นางขึ้นไปและวางลูกชายของนางลงบนเตียงของคนของพระเจ้า แล้วปิดประตูเดินออกไป 22 นางเรียกสามีของนางมาและพูดว่า “ช่วยให้คนใช้กับฉันคนหนึ่ง และลาตัวหนึ่งด้วย ฉันจะได้รีบไปหาคนของพระเจ้าคนนั้นและกลับมา”

23 เขาถามนางว่า “ทำไมต้องไปหาเขาวันนี้ด้วยเล่า นี่ยังไม่ถึงวันข้างขึ้น[a] หรือวันหยุดทางศาสนาเลย”

นางตอบไปว่า “ไม่เป็นไรหรอก”

24 นางผูกอานบนลาและพูดกับคนใช้ของนางว่า “นำทางไป ไม่ต้องลดความเร็วลงถ้าเราไม่ได้สั่งเจ้า”

25 นางจึงออกเดินทางไปและได้ไปเจอคนของพระเจ้าที่ภูเขาคารเมล

เมื่อเขาเห็นนางแต่ไกล คนของพระเจ้าพูดกับเกหะซี คนใช้ของเขาว่า “ดูสิ นั่นมันหญิงชาวชูเนมคนนั้นนี่ 26 วิ่งไปหานางสิ และถามนางว่า ‘ท่านสบายดีหรือเปล่า สามีของท่านและลูกของท่านสบายดีไหม’”

นางตอบว่า “ทุกคนสบายดี”

27 เมื่อนางมาถึงคนของพระเจ้าที่บนภูเขา นางเข้าไปกอดเท้าของเขา เกหะซีจะเข้ามาดึงตัวนางออกไป แต่คนของพระเจ้าพูดว่า “ปล่อยนางไว้เถิด นางกำลังเศร้าโศกเสียใจมาก แต่พระยาห์เวห์ได้ปิดบังเรื่องนี้และไม่ได้บอกให้เรารู้”

28 นางพูดว่า “เจ้านายของฉัน ฉันขอลูกชายจากท่านหรือยังไง ฉันพูดกับท่านว่า ‘อย่าหลอกฉันเลย’ ไม่ใช่หรือ”

29 เอลีชาพูดกับเกหะซีว่า “เสียบเสื้อคลุมของเจ้าไว้ในเข็มขัด ถือไม้เท้าของเราไว้และวิ่งไป ไม่ว่าเจ้าจะพบใครก็ตาม ไม่ต้องหยุดทักทาย และถ้ามีใครร้องทักทายเจ้า ก็อย่าตอบ ให้เอาไม้เท้าของเราไปวางบนหน้าของเด็กคนนั้น”

30 แต่แม่ของเด็กคนนั้นพูดว่า “พระยาห์เวห์และท่านมีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้รู้แน่ขนาดนั้นเลยว่า ไม่มีทางที่ฉันจะออกไปจากที่นี่โดยไม่มีท่านไปด้วย”

เอลีชาจึงลุกขึ้นและไปกับนาง

31 เกหะซีล่วงหน้าไปก่อนและไปวางไม้เท้าไว้บนหน้าของเด็กคนนั้น แต่ไม่มีเสียงหรืออะไรที่แสดงว่ามีชีวิต เกหะซีจึงมาหาเอลีชาและบอกกับเขาว่า “เด็กยังไม่ยอมตื่นขึ้นมาเลย”

32 เมื่อเอลีชาไปถึงบ้านหลังนั้น เขาเห็นศพของเด็กคนนั้นนอนอยู่บนเตียงของเขา 33 เขาเข้าไปในห้องและปิดประตูอยู่ในห้องกันสองคนและอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ 34 แล้วเขาก็ขึ้นไปบนเตียงและไปนอนทับตัวเด็ก เอาปากทับปาก ตาทับตา มือทับมือ เมื่อเขาเหยียดตัวของท่านบนเด็กคนนั้น ร่างกายของเด็กคนนั้นก็เริ่มอุ่นขึ้น

35 เอลีชาลุกขึ้นและเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องนั้น แล้วก็ขึ้นไปบนเตียงและเหยียดตัวออกทับบนตัวเด็กคนนั้นอีกครั้งหนึ่ง เด็กคนนั้นก็จามออกมาเจ็ดครั้งและลืมตา

36 เอลีชาเรียกเกหะซีเข้ามาและพูดว่า “เรียกหญิงชาวชูเนมคนนั้นเข้ามา”

เกหะซีก็ไปเรียกตัวนางมา เมื่อนางเข้ามา เขาก็พูดว่า “อุ้มลูกชายของท่านไปได้แล้ว”

37 นางเข้าไปข้างใน ก้มกราบลงที่เท้าของเอลีชา แล้วนางก็อุ้มลูกชายของนางออกไป

เอลีชากับน้ำแกงที่เป็นพิษ

38 เมื่อเอลีชากลับมาที่กิลกาล และเกิดภาวะอดอยากแห้งแล้งไปทั่วแผ่นดินนั้น ในขณะที่กลุ่มของผู้พูดแทนพระเจ้ากำลังชุมนุมอยู่กับเอลีชา เอลีชาบอกกับคนใช้ของเขาว่า “ตั้งหม้อใบใหญ่และทำน้ำแกงให้กับคนเหล่านี้กินเถิด”

39 คนหนึ่งในกลุ่มพวกเขาได้ออกไปในท้องทุ่ง เพื่อไปเก็บสมุนไพรและได้พบกับน้ำเต้าป่าเถาหนึ่งในป่า เขาได้เก็บผลน้ำเต้าห่อไว้ในเสื้อคลุมจนเต็ม เมื่อเขากลับมาถึง เขาได้หั่นมันใส่ลงไปในหม้อน้ำแกง โดยไม่รู้ว่าเป็นผลอะไร

40 เขาตักน้ำแกงแจกจ่ายให้คนเหล่านั้น แต่เมื่อพวกเขาเริ่มกินมัน พวกเขาก็ร้องออกมาว่า “คนของพระเจ้าเอ๋ย ความตายอยู่ในหม้อใบนี้” และพวกเขาก็ไม่ยอมกินมัน

41 เอลีชาพูดว่า “เอาแป้งมาให้หน่อย” เขาใส่แป้งลงไปในหม้อนั้นและพูดว่า “ตักมันให้กับคนเหล่านี้กินเถิด”

และน้ำแกงหม้อนั้นก็ไม่เป็นอันตรายใดๆ

เอลีชาเลี้ยงกลุ่มผู้พูดแทนพระเจ้า

42 ชายคนหนึ่งที่มาจากบาอัล-ชาลิชาห์นำอาหารที่ทำจากการเก็บเกี่ยวจากผลผลิตแรกของปี มาให้กับคนของพระเจ้าคนนั้น คือมีขนมปังบาร์เลย์ยี่สิบก้อน พร้อมกับปลายเมล็ดข้าวใหม่ในกระสอบของเขา เอลีชาพูดว่า “นำมันไปแจกจ่ายให้กับประชาชนกินเถิด”

43 แต่คนใช้ของเอลีชาถามว่า “อาหารแค่นี้จะพอแจกให้กับคนเป็นร้อยได้ยังไงกัน”

แต่เอลีชาตอบว่า “นำไปแจกให้ประชาชนกินเถิด เพราะพระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า ‘พวกเขาจะได้กินมันและยังมีเหลือ’”

44 แล้วเขาก็แจกจ่ายอาหารให้กับคนเหล่านั้น และพวกเขาก็กินกันและยังมีอาหารเหลืออยู่อีก เป็นไปตามคำพูดของพระยาห์เวห์

นาอามานหายจากโรคผิวหนังร้ายแรง

ในเวลานั้น นาอามานเป็นแม่ทัพของกษัตริย์แห่งอารัม เขาคือผู้ยิ่งใหญ่ในสายตาของเจ้านาย[b] ของเขาและเขาได้รับความนับถืออย่างสูง เพราะพระยาห์เวห์ได้ให้ชัยชนะแก่อารัมผ่านทางเขา เขาเป็นทหารกล้า แต่เขาเป็นโรคผิวหนังร้ายแรง

ขณะนั้นเองมีกองโจรจากอารัมออกไปที่อิสราเอล และจับหญิงสาวคนหนึ่งมาจากที่นั่น และนางได้มารับใช้เมียของนาอามาน นางพูดกับนายหญิงของนางว่า “ถ้านายผู้ชายของข้าพเจ้าได้พบกับผู้พูดแทนพระเจ้าคนนั้นที่อยู่ในสะมาเรีย เขาก็จะช่วยให้นายผู้ชายหายจากโรคนั้นได้”

นาอามานไปพบกษัตริย์เจ้านายของเขา และบอกกับกษัตริย์ในสิ่งที่หญิงสาวจากอิสราเอลคนนั้นพูดไว้ กษัตริย์ของอารัมตอบว่า “ไปเถิด เราจะส่งจดหมายไปถึงกษัตริย์ของอิสราเอลให้”

นาอามานจึงออกเดินทางไปและนำเงินไปด้วยสิบตะลันต์[c] ทองคำหนักหกพันเชเขล[d] และเสื้อผ้าอีกสิบชุด จดหมายที่เขานำไปให้กับกษัตริย์ของอิสราเอลนั้น เขียนว่า “เมื่อท่านได้รับจดหมายฉบับนี้ ขอให้ท่านรู้ไว้ว่า เราได้ส่งนาอามานผู้รับใช้ของเรามาพบท่าน เพื่อว่าท่านจะได้รักษาเขาให้หายจากโรคผิวหนังร้ายแรงของเขา”

ทันทีที่กษัตริย์ของอิสราเอลอ่านจดหมายฉบับนั้น เขาก็ฉีกเสื้อคลุมของเขาและพูดว่า “เราเป็นพระเจ้าหรือยังไง คิดว่าเรามีฤทธิ์เหนือความตายและชีวิตหรือ ทำไมชายคนนี้ถึงได้ส่งคนผู้นี้ที่เป็นโรคผิวหนังร้ายแรงมาให้เรารักษา ดูสิ เขากำลังหาเรื่องกับเราชัดๆ”

เมื่อเอลีชาคนของพระเจ้าได้ยินว่ากษัตริย์ของอิสราเอลได้ฉีกเสื้อคลุมของเขา เขาจึงส่งข้อความนี้มาให้ว่า “ทำไมท่านถึงต้องฉีกเสื้อผ้าของท่านด้วยเล่า ให้ชายคนนั้นมาหาข้าพเจ้าเถิด และเขาจะได้รู้ว่า ในอิสราเอล ยังมีผู้พูดแทนพระเจ้าหลงเหลืออยู่อีกคนหนึ่ง”

นาอามานจึงเดินทางไปพร้อมกับบรรดาทหารม้าและรถรบของเขา และไปหยุดอยู่ที่ประตูบ้านของเอลีชา 10 เอลีชาส่งผู้ส่งข่าวคนหนึ่งออกมาบอกกับเขาว่า “ไปล้างตัวของท่านเจ็ดครั้งในแม่น้ำจอร์แดน และผิวหนังของท่านก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิมและท่านก็จะหายจากโรค”

11 แต่นาอามานจากไปด้วยความโกรธและพูดว่า “ข้าคิดว่าอย่างน้อยเขาจะออกมาพบกับข้า และยืนอยู่ต่อหน้าข้า พร้อมกับเรียกชื่อของพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเขา แล้วก็โบกมือของเขาเหนือจุดที่เป็นโรค แล้วรักษาโรคของข้า 12 ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ แม่น้ำอาบานา และแม่น้ำฟารปาร์ของเมืองดามัสกัส ไม่ดีกว่าแม่น้ำทั้งหลายของอิสราเอลหรอกหรือ ทำไมข้าจะไปล้างตัวในแม่น้ำเหล่านั้นแล้วหายจากโรคไม่ได้หรือยังไง” เขาจึงหันกลับออกไปด้วยความโกรธ

13 แต่พวกคนรับใช้ของนาอามานเข้าไปหาเขาและพูดว่า “พ่อของเรา[e] ถ้าผู้พูดแทนพระเจ้าคนนั้นสั่งให้ท่านไปทำสิ่งที่ยากๆท่านก็ยังจะไปทำไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้น เมื่อเขาแค่สั่งท่านว่า ‘ไปล้างตัวท่านและหายจากโรค’ ท่านก็ยิ่งน่าจะทำตามนะ”

14 เขาจึงลงไปจุ่มตัวในแม่น้ำจอร์แดนถึงเจ็ดครั้ง ตามที่คนของพระเจ้าได้บอกกับเขาไว้ และผิวหนังของเขาก็กลับคืนเป็นเหมือนกับเด็ก และเขาก็หายจากโรค

15 แล้วนาอามานและคนทั้งหมดของเขาก็ได้กลับไปหาคนของพระเจ้า เขาไปยืนต่อหน้าเอลีชา และพูดว่า “ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าไม่มีพระเจ้าองค์อื่นอีกในโลกนี้นอกจากพระเจ้าของอิสราเอล ได้โปรดยอมรับของขวัญจากข้าผู้รับใช้ท่านด้วยเถิด”

16 แต่เอลีชาผู้พูดแทนพระเจ้าตอบว่า “พระยาห์เวห์ ผู้ที่เรารับใช้ มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เราจะไม่ยอมรับอะไรสักอย่างจากท่าน”

และถึงแม้ว่านาอามานจะรบเร้าตื้อให้เขารับของขวัญ เขาก็ไม่ยอมรับอยู่ดี 17 นาอามานจึงพูดว่า “ถ้าท่านไม่ยอมรับของขวัญจากเรา ก็ขอได้โปรดให้เราผู้รับใช้ท่านเอาดินที่นี่กลับไป ขอเอาไปมากที่สุดเท่าที่ล่อทั้งสองตัวนี้ของเราจะแบกไปได้[f] เพราะเราผู้รับใช้ท่านจะไม่ถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสัตวบูชาให้กับพระอื่นอีกแล้ว นอกจากพระยาห์เวห์เท่านั้น 18 แต่ขอให้พระยาห์เวห์ยกโทษให้กับข้าผู้รับใช้ท่านเรื่องหนึ่ง เมื่อกษัตริย์เจ้านายของข้าเข้าไปในวิหารของพระริมโมนเพื่อนมัสการพระนั้น เขาจะต้องพิงแขนของข้าทำให้ข้าต้องก้มลงด้วย เมื่อข้าก้มลงในวิหารของพระริมโมน ขอให้พระยาห์เวห์ยกโทษให้กับข้าผู้รับใช้ท่าน ที่ทำสิ่งนี้ด้วยเถิด”

19 เอลีชาตอบเขาว่า “ไปเป็นสุขเถิด”

ความโลภของเกหะซี

แต่เมื่อนาอามานเดินทางไปได้สักระยะหนึ่ง 20 เกหะซีคนรับใช้ของเอลีชาที่เป็นคนของพระเจ้า คิดในใจว่า “เจ้านายของเรา ปล่อยให้นาอามานชาวอารัมคนนั้นไปง่ายๆอย่างนี้หรือ โดยไม่ยอมรับสิ่งที่เขาเสนอให้ พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เราจะต้องวิ่งไปขออะไรจากเขาสักอย่าง” 21 เกหะซีจึงตามหลังนาอามานไป

เมื่อนาอามานเห็นคนวิ่งตามหลังเขามา เขาจึงกระโดดลงมาจากรถรบเพื่อมาพบกับเขา และถามว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า”

22 เกหะซีตอบว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดี เพียงแต่เจ้านายของข้าพเจ้าได้ส่งข้าพเจ้ามาเพื่อบอกว่า ‘มีชายหนุ่มสองคนจากกลุ่มของผู้พูดแทนพระเจ้า[g] เพิ่งมาหาเราจากเทือกเขาเอฟราอิม ขอได้โปรดให้เงินแก่พวกเขาสักหนึ่งตะลันต์[h] และเสื้อผ้าสักสองชุดด้วยเถิด’”

23 นาอามานจึงพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น เอาไปสองตะลันต์[i] เลย” เขารบเร้าให้เกหะซียอมรับเงินเหล่านั้น และเอาเงินสองตะลันต์ใส่ไว้ในถุงสองใบพร้อมกับเสื้อผ้าสองชุด เขาได้ให้มันกับคนรับใช้สองคนของเขาและพวกเขาก็แบกเดินนำหน้าเกหะซีไป 24 เมื่อเกหะซีมาถึงเนินเขาของเมืองที่มีป้อม เขารับเอาของเหล่านั้นมาจากคนรับใช้ทั้งสองคนนั้น และเขาก็ได้ให้ชายสองคนนั้นกลับไป แล้วเขาก็เอาของเหล่านั้นไปเก็บที่บ้าน

25 แล้วเกหะซีก็เข้าไปยืนอยู่ต่อหน้าเอลีชาเจ้านายของเขา เอลีชาได้ถามเขาว่า “เกหะซี เจ้าไปไหนมา”

เกหะซีตอบว่า “ผู้รับใช้ท่านไม่ได้ไปไหนเลย”

26 แต่เอลีชาพูดกับเขาว่า “เจ้าไม่รู้หรือว่า วิญญาณของเราอยู่กับเจ้า ตอนที่ชายคนนั้นลงมาจากรถรบของเขาเพื่อมาพบกับเจ้า นี่ไม่ใช่เวลาที่จะไปรับเงินหรือเสื้อผ้า หรือสวนมะกอก หรือสวนองุ่น หรือฝูงแกะ ฝูงวัวหรือทาสชาย-หญิง 27 โรคผิวหนังร้ายแรงของนาอามานจะติดอยู่กับเจ้าและลูกหลานของเจ้าตลอดไป”

แล้วเกหะซีก็ออกไปจากหน้าเอลีชา และเขาก็เป็นโรคผิวหนังร้ายแรงขาวอย่างหิมะ

กิจการ 15:1-35

การประชุมในเมืองเยรูซาเล็ม

15 มีบางคนเดินทางมาจากแคว้นยูเดีย และได้มาสั่งสอนพวกพี่น้องว่า “ถ้าพวกคุณไม่ได้เข้าพิธีขลิบตามกฎของโมเสส พวกคุณก็จะไม่รอด” เปาโลและบารนาบัสไม่เห็นด้วยกับพวกเขา จึงเกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ พี่น้องจึงแต่งตั้งเปาโล บารนาบัสกับบางคนในพวกเขาให้ไปหารือกับพวกศิษย์เอกของพระเยซูและพวกผู้นำอาวุโส ที่เมืองเยรูซาเล็มเกี่ยวกับปัญหานี้

หมู่ประชุมของพระเจ้าได้ส่งพวกนี้ออกเดินทางไป เมื่อผ่านแคว้นฟีนีเซียและแคว้นสะมาเรีย พวกเขาก็ได้เล่าเรื่องที่คนที่ไม่ใช่ยิวหันไปหาพระเจ้า ทำให้พี่น้องทุกคนดีใจมาก เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงเมืองเยรูซาเล็ม ก็ได้รับการต้อนรับจากหมู่ประชุมของพระเจ้า จากพวกศิษย์เอกของพระเยซู และจากพวกผู้นำอาวุโส พวกเขาเล่าทุกสิ่งที่พระเจ้าได้ทำร่วมกับพวกเขา ศิษย์ของพระเยซูบางคน ที่เป็นพวกฟารีสียืนขึ้นพูดว่า “พวกคนที่ไม่ใช่ยิวจะต้องเข้าพิธีขลิบ และต้องทำตามกฎของโมเสสด้วย” พวกศิษย์เอกของพระเยซูและพวกผู้นำอาวุโส จึงได้ประชุมหารือกันเกี่ยวกับปัญหานี้ หลังจากโต้เถียงกันอยู่นาน เปโตรก็ยืนขึ้นพูดว่า “พี่น้องครับ คุณก็รู้อยู่ว่าก่อนหน้านี้พระเจ้าได้เลือกผมจากท่ามกลางพวกคุณให้ไปประกาศพระคำแห่งข่าวดีให้กับพวกคนที่ไม่ใช่ยิวฟัง เพื่อพวกเขาจะได้เชื่อ พระเจ้าผู้รู้จิตใจของมนุษย์ดี ได้แสดงให้เห็นว่า พระองค์ยอมรับคนที่ไม่ใช่ยิว พระองค์ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์กับพวกเขาเหมือนที่ให้กับพวกเรา สำหรับพระเจ้าแล้ว เรากับพวกนั้น ไม่ได้แตกต่างกันเลย พระองค์ชำระจิตใจของพวกเขาด้วยความเชื่อเหมือนกัน 10 ถ้าอย่างนั้น พวกคุณลองดีกับพระเจ้าทำไม คือเอาแอก[a] ที่พวกเราหรือบรรพบุรุษของเราเอง ก็ยังแบกไม่ไหวไปสวมคอของพวกศิษย์ที่ไม่ใช่ยิว 11 แต่เราเชื่อว่า เรารอดโดยความเมตตากรุณาของพระเยซูผู้เป็นองค์เจ้าชีวิต และเราก็เชื่อว่าพวกคนที่ไม่ใช่ยิวก็รอดโดยวิธีนี้เหมือนกัน” 12 คนทั้งหมดจึงเริ่มเงียบ และตั้งใจฟังบารนาบัสและเปาโลเล่าเกี่ยวกับปาฏิหาริย์และสิ่งอัศจรรย์ทุกอย่างที่พระเจ้าได้ทำผ่านพวกเขาในหมู่คนที่ไม่ใช่ยิว 13 เมื่อพวกเขาพูดจบ ยากอบก็พูดขึ้นว่า “พี่น้องทั้งหลาย ฟังผมหน่อย 14 ซีโมน[b] ได้เล่าให้พวกเราฟังว่า พระเจ้าได้แสดงความห่วงใยต่อคนที่ไม่ใช่ยิวอย่างไรในครั้งแรก ก็ด้วยการเลือกเอาคนไม่ใช่ยิวบางคนมาเป็นชนชาติของพระองค์ 15 ซึ่งตรงกับที่พวกผู้พูดแทนพระเจ้าได้เขียนไว้

16 ‘หลังจากนี้เราจะกลับมา
    และเราจะสร้างบ้านของดาวิดที่พังทลายลงขึ้นมาใหม่
เราจะซ่อมแซมส่วนที่ปรักหักพัง
    เราจะตั้งมันขึ้นมาใหม่
17 ดังนั้นมนุษย์ที่เหลือทุกคน
    รวมถึงคนที่ไม่ใช่ยิวทุกคนที่เราได้เรียกให้มาเป็นของเรา
ก็จะแสวงหาเรา องค์เจ้าชีวิต
    นี่เป็นคำพูดขององค์เจ้าชีวิตผู้ทำสิ่งเหล่านี้[c]

18 ซึ่งเป็นที่รู้กันมาตั้งนานแล้ว’[d]

19 ดังนั้นผมขอตัดสินว่า เราควรเลิกสร้างปัญหาให้กับคนที่ไม่ใช่ยิวเหล่านั้น ที่กำลังหันมาหาพระเจ้า 20 แต่เราควรจะเขียนจดหมายไปบอกพวกเขาว่า

อย่ากินอาหารที่สกปรกในสายตาพระเจ้า เพราะเคยเอาไปเซ่นไหว้รูปเคารพ

อย่าทำผิดบาปทางเพศ[e]

อย่ากินเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอ

และอย่ากินเลือด

21 เพราะกฎพวกนี้ของโมเสส ก็ได้สั่งสอนกันอยู่แล้วในทุกๆเมือง ตั้งแต่สมัยโบราณและยังคงอ่านกันอยู่ในที่ประชุมชาวยิวทุกๆวันหยุดทางศาสนา”

จดหมายถึงผู้เชื่อที่ไม่ใช่ยิว

22 แล้วพวกศิษย์เอกของพระเยซู พวกผู้นำอาวุโส และหมู่ประชุมของพระเจ้าทั้งหมด ตัดสินใจเลือกผู้ชายบางคนในกลุ่มพวกเขาให้เดินทางไปที่เมืองอันทิโอกกับเปาโลและบารนาบัส พวกเขาเลือกยูดาสที่คนเรียกว่าบารซับบาสและสิลาส ผู้นำสองคนในหมู่พี่น้อง 23 พวกเขาฝากจดหมายไปกับสองคนนี้ด้วย ในจดหมายเขียนว่า

จากพวกศิษย์เอกของพระเยซู และพวกผู้นำอาวุโส ผู้เป็นพี่น้องของคุณ

สวัสดีพี่น้องที่ไม่ใช่ยิวในเมืองอันทิโอก ซีเรียและซิลีเซีย

24 เนื่องจากเราได้ยินว่า มีบางคนจากที่นี่ได้มาหาพวกคุณ และพูดบางอย่างที่สร้างปัญหาให้กับคุณ ทำให้คุณวุ่นวายใจ แต่เราไม่ได้ส่งพวกเขามา 25 พวกเราทั้งหมดจึงได้ตกลงใจที่จะเลือกผู้ชายบางคน เพื่อส่งมาหาคุณ พร้อมกับบารนาบัสและเปาโลคนที่เรารัก 26 ที่เสี่ยงชีวิตเพื่อพระเยซูผู้เป็นพระคริสต์และองค์เจ้าชีวิตของเรา 27 ดังนั้นเราจึงส่งยูดาสและสิลาสมา พวกเขาจะมาเล่าเองยืนยันถึงสิ่งต่างๆที่เราได้เขียนมา 28 ทั้งพระวิญญาณบริสุทธิ์และพวกเราเห็นดีด้วยกันว่าจะไม่วางภาระอะไรให้กับพวกคุณเลย นอกจากสิ่งที่จำเป็นพวกนี้ คือ

29 คุณควรหลีกเลี่ยงจากการกินเครื่องเซ่นไหว้รูปเคารพ

อย่ากินเลือด อย่ากินเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย

อย่าทำบาปทางเพศ

ถ้าพวกคุณอยู่ห่างเสียจากสิ่งพวกนี้ พวกคุณก็ทำดีแล้ว ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข

30 แล้วหมู่ประชุมของพระเจ้าก็ส่งบารนาบัส เปาโล ยูดาส และสิลาส ไปเมืองอันทิโอก พวกเขาได้เรียกหมู่ประชุมของพระเจ้ามาประชุมกัน และให้จดหมายนั้นกับพวกเขา 31 เมื่อได้อ่านจดหมายแล้ว ทุกคนต่างรู้สึกพอใจและมีกำลังใจ 32 ยูดาสและสิลาส ที่เป็นผู้พูดแทนพระเจ้าด้วย ก็พูดกับพวกพี่น้องเป็นเวลานาน ให้กำลังใจและช่วยให้พวกเขามีความเชื่อมากขึ้น 33 หลังจากที่ยูดาสและสิลาสอยู่ที่นั่นสักพักหนึ่ง ก็ถึงเวลาที่จะกลับไปหาพี่น้องที่ส่งพวกเขามา พี่น้องที่เมืองอันทิโอกก็ได้อวยพรให้เขาเดินทางกลับไปด้วยความปลอดภัย 34 [f]

35 แต่เปาโลและบารนาบัสยังอยู่ในเมืองอันทิโอก ได้สั่งสอนและประกาศพระคำขององค์เจ้าชีวิตเป็นข่าวดีร่วมกับคนอื่นๆอีกหลายคน

สดุดี 141

คำอธิษฐานขอการปกป้อง

เพลงสดุดีของดาวิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ รีบเร่งมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด
    โปรดรับฟังเมื่อข้าพเจ้าร้องเรียกพระองค์
ขอพระองค์ยอมรับคำอธิษฐานของข้าพเจ้าเหมือนกับกลิ่นของเครื่องหอมบูชา
    ขอพระองค์ยอมรับมือที่ชูขึ้นของข้าพเจ้าเหมือนกับเครื่องถวายในยามเย็น

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยตั้งยามให้ระวังปากของข้าพเจ้า
    ช่วยเฝ้าประตูแห่งริมฝีปากของข้าพเจ้าด้วยเถิด
ขออย่าได้หันจิตใจของข้าพเจ้าไปสู่สิ่งชั่วร้าย อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าไปร่วมมือกับคนชั่วทำสิ่งเลว
    และอย่าให้ข้าพเจ้าไปมีส่วนร่วมในงานเลี้ยงของพวกมัน

ขอให้คนดีลงโทษข้าพเจ้าเพราะหวังดีต่อข้าพเจ้า
    ขอให้เขาติเตียนข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าถือว่าเป็นเหมือนน้ำมันที่ชะโลมหัวของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่ปฏิเสธเลย
    แต่ข้าพเจ้ายังคงอธิษฐานต่อต้านสิ่งชั่วร้ายต่างๆที่คนชั่วทำอยู่
ขอให้พวกผู้นำของพวกเขาถูกโยนลงมาจากหน้าผา
    แล้วทุกคนจะได้รู้ว่าพระองค์ฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
กระดูกของพวกเขาจะแตกกระจุยกระจายที่ปากหลุมศพ
    เหมือนกับดินที่ถูกชาวนาไถพรวนจนแตกกระจาย[a]

ข้าแต่พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามองหาความช่วยเหลือจากพระองค์
    ข้าพเจ้าลี้ภัยในพระองค์ ดังนั้น ขออย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าต้องตาย
ปกป้องข้าพเจ้าจากหลุมพราง
    และจากพวกตาข่ายของคนที่ทำชั่วพวกนั้น
10 ขอให้คนชั่วพวกนั้นตกลงไปในกับดักของเขาเอง
    ในขณะที่ข้าพเจ้าเดินผ่านมันไปอย่างปลอดภัย

สุภาษิต 17:23

23 คนชั่วให้สินบนจากกระเป๋าเสื้อของเขา
    เพื่อให้บิดเบือนคดี

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International