Print Page Options Listen to Reading
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the NIV. Switch to the NIV to read along with the audio.

Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
2 พงศ์กษัตริย์ 4:18-5:27

18 เมื่อเด็กนั้นโตขึ้น วันหนึ่งเขาออกไปหาบิดาซึ่งทำงานอยู่กับคนงานเก็บเกี่ยว 19 และเขาบอกบิดาว่า “หัวของลูก! หัวของลูก!” บิดาของเด็กจึงสั่งคนรับใช้ว่า “อุ้มเขาไปหาแม่สิ” 20 หลังจากคนรับใช้อุ้มเขาไปหาแม่ เด็กนั้นก็นอนหนุนตักแม่จนเที่ยง แล้วเขาก็ตาย 21 นางอุ้มเขาขึ้นไปนอนบนเตียงของคนของพระเจ้า ปิดประตูและออกมา

22 นางบอกสามีว่า “ช่วยส่งคนรับใช้คนหนึ่งกับลามาให้ดิฉัน ดิฉันจะได้รีบไปหาคนของพระเจ้า แล้วจะรีบกลับมา”

23 สามีถามว่า “ทำไมต้องไปวันนี้ด้วย ไม่ใช่วันขึ้นหนึ่งค่ำหรือวันสะบาโตเลย”

นางตอบว่า “ไม่เป็นไร”

24 นางขึ้นลาและสั่งคนรับใช้ว่า “นำทางไปเร็วๆ ไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอกนะ อย่าลดความเร็ว นอกจากเราจะบอกเจ้า” 25 นางจึงออกเดินทางมาหาคนของพระเจ้าที่ภูเขาคารเมล

เมื่อคนของพระเจ้าเห็นนางแต่ไกลก็พูดกับเกหะซีคนรับใช้ว่า “โน่นแน่ะ! หญิงชาวชูเนมคนนั้นกำลังมา! 26 จงวิ่งออกไปรับนาง และถามดูว่า ‘ท่านสบายดีหรือ? สามีของท่านสบายดีหรือ? ลูกของท่านสบายดีหรือเปล่า?’ ”

นางกล่าวว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดี”

27 เมื่อนางมาถึงตัวคนของพระเจ้าที่ภูเขา นางยึดเท้าของเขาไว้แน่น เกหะซีพยายามจะผลักนางออกไป แต่คนของพระเจ้ากล่าวว่า “ปล่อยนางเถิด! นางทุกข์ใจยิ่งนักและองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปิดบังเรื่องนี้ไว้ และไม่ได้ตรัสบอกเราว่าเป็นเพราะเหตุใด”

28 นางกล่าวว่า “ท่านเจ้าข้า ดิฉันขอลูกชายจากท่านหรือ? ดิฉันขอร้องท่านไม่ใช่หรือว่า ‘อย่ามาให้ความหวังดิฉันเลย’?”

29 เอลีชากล่าวกับเกหะซีว่า “จงคาดเอวทับเสื้อคลุมให้ทะมัดทะแมง ถือไม้เท้าของเราวิ่งไป หากพบใครไม่ต้องทักทาย ถ้ามีใครร้องทักก็อย่าตอบ จงเอาไม้เท้าของเราไปวางบนหน้าเด็ก”

30 แต่มารดาของเด็กกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่และท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ดิฉันจะไม่ไปจากท่านฉันนั้น” ฉะนั้นเขาจึงลุกขึ้นและตามนางไป

31 เกหะซีล่วงหน้าไปก่อนและเอาไม้เท้าวางบนหน้าเด็ก แต่ไม่มีเสียงหรือการตอบสนองใดๆ เกหะซีจึงกลับมาบอกเอลีชาว่า “เด็กนั้นยังไม่ฟื้น”

32 เมื่อเอลีชามาถึง เด็กนั้นนอนตายอยู่บนเตียงของเอลีชา 33 เขาก็เข้าไป ปิดประตูอยู่กับเด็กนั้นตามลำพังและอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า 34 จากนั้นเขาขึ้นไปบนเตียงและนอนทาบบนร่างของเด็ก เอาปากทาบบนปาก ตาประกบตา มือประกบมือ ขณะที่เขาเหยียดกายลงบนเด็กนั้น ร่างของเด็กก็เริ่มอบอุ่นขึ้น 35 เอลีชาลงจากเตียง เดินไปเดินมาอยู่ในห้อง แล้วขึ้นไปบนเตียง เอนร่างทับบนร่างเด็กอีกครั้ง เด็กนั้นก็จามเจ็ดครั้ง แล้วลืมตาขึ้น

36 เอลีชาจึงเรียกเกหะซีมา แล้วสั่งว่า “ไปเรียกหญิงชาวชูเนมมา” เขาก็ไปเรียก เมื่อนางมา เอลีชากล่าวว่า “รับลูกของเจ้าไปเถิด” 37 นางเข้ามาหมอบลงกับพื้นแทบเท้าของเขา แล้วอุ้มลูกเดินออกไป

อาหารมีพิษ

38 เอลีชากลับไปยังกิลกาล เกิดการกันดารอาหารในแถบนั้น วันหนึ่งขณะที่เขานั่งอยู่ต่อหน้ากลุ่มผู้เผยพระวจนะ เขาบอกคนรับใช้ของเขาว่า “ทำอาหารหม้อใหญ่เลี้ยงคนพวกนี้ด้วย”

39 คนหนึ่งออกไปเก็บผักกลางทุ่ง แล้วเก็บน้ำเต้าป่ามา เขาหั่นใส่หม้อโดยไม่รู้ว่าเป็นผลอะไร 40 ครั้นตักอาหารรับประทานกัน พอเริ่มรับประทานก็ร้องว่า “ข้าแต่คนของพระเจ้า มีความตายอยู่ในหม้อนี้” และพวกเขารับประทานอาหารนั้นไม่ได้

41 เอลีชากล่าวว่า “เอาแป้งมาสิ” แล้วเขาก็เอาแป้งใส่หม้อ แล้วบอกว่า “ตักให้ทุกคนกินได้แล้ว” อาหารก็ไม่เป็นพิษอีก

การเลี้ยงคนนับร้อย

42 ชายคนหนึ่งจากบาอัลชาลิชาห์นำขนมปังข้าวบาร์เลย์ยี่สิบก้อนทำจากเมล็ดข้าวผลแรกของการเก็บเกี่ยว พร้อมด้วยรวงข้าวใหม่มามอบให้คนของพระเจ้า เอลีชาจึงสั่งว่า “จงนำไปเลี้ยงคนทั้งหลาย”

43 คนรับใช้ถามว่า “ของแค่นี้จะเลี้ยงคนนับร้อยได้อย่างไร?”

แต่เอลีชาตอบว่า “ไปเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘พวกเขาจะได้กินและยังมีเหลืออีก’ ” 44 เขาก็เอาขนมปังมากินกันและมีเหลือด้วยตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้

นาอามานหายจากโรคเรื้อน

ฝ่ายนาอามานเป็นแม่ทัพของกษัตริย์อารัม เขาเป็นคนสำคัญของเจ้านายและเป็นที่ยกย่องนับถือ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานชัยชนะแก่ประเทศอารัมผ่านทางเขา เขาเป็นนักรบเก่งกล้า แต่เป็นโรคเรื้อน[a]

กองทหารอารัมได้ไปรุกรานอิสราเอล และในบรรดาเชลย มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งถูกยกให้เป็นสาวใช้ของภรรยานาอามาน เด็กหญิงผู้นี้พูดกับนายหญิงว่า “หนูอยากให้นายท่านไปพบผู้เผยพระวจนะในสะมาเรีย! เขาผู้นั้นจะได้รักษานายท่านให้หายจากโรคเรื้อน”

นาอามานจึงกราบทูลเจ้านายตามที่เด็กผู้หญิงจากอิสราเอลคนนั้นบอก กษัตริย์อารัมตรัสว่า “อย่างนี้ต้องไปให้ได้ เราจะฝากสาส์นไปถึงกษัตริย์อิสราเอล” นาอามานจึงออกเดินทาง นำเงินหนักประมาณ 340 กิโลกรัม[b] ทองหนักประมาณ 70 กิโลกรัม[c] และเสื้อผ้าสิบชุดมาด้วย สาส์นถึงกษัตริย์อิสราเอลนั้นมีใจความว่า “พร้อมกับสาส์นนี้ เราขอส่งนาอามานผู้รับใช้ของเรามาให้ท่านรักษาโรคเรื้อน”

เมื่อกษัตริย์อิสราเอลได้อ่านสาส์นนั้นก็ฉีกฉลองพระองค์และตรัสว่า “เราเป็นพระเจ้าหรือ? ที่จะสามารถทำลายหรือให้ชีวิตได้? ทำไมเขาส่งคนโรคเรื้อนมาให้เรารักษา ดูสิ เขาพยายามหาเหตุมารุกรานเรานั่นเอง!”

เมื่อเอลีชาคนของพระเจ้าได้ยินว่ากษัตริย์อิสราเอลทรงฉีกฉลองพระองค์ ก็ส่งข่าวมาทูลพระองค์ว่า “ทำไมฝ่าพระบาทจึงทรงฉีกฉลองพระองค์? ขอส่งชายคนนั้นมาพบข้าพระบาท แล้วเขาจะได้รู้ว่ามีผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งในอิสราเอล” นาอามานจึงนั่งรถม้าศึกมาหยุดอยู่หน้าประตูบ้านของเอลีชา 10 เอลีชาส่งคนออกมาบอกนาอามานว่า “จงไปชำระตัวของท่านในแม่น้ำจอร์แดนเจ็ดครั้ง แล้วเนื้อของท่านจะกลับเป็นปกติและท่านจะหาย”

11 แต่นาอามานโกรธจัดและกล่าวว่า “เราคิดว่าเขาจะออกมาพบเรา มายืนร้องทูลพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา โบกไม้โบกมือเหนือแผลและรักษาเราให้หายจากโรคเรื้อน 12 แม่น้ำอาบานาและแม่น้ำฟารปาร์ที่ดามัสกัสไม่ดีกว่าแม่น้ำของอิสราเอลหรือ? เราไปอาบในแม่น้ำเหล่านั้นให้หายจากโรคไม่ได้หรือ?” ว่าแล้วนาอามานก็ผลุนผลันออกไปด้วยความโกรธ

13 แต่บ่าวของนาอามานไปพูดกับนายว่า “ท่านบิดา ถ้าผู้เผยพระวจนะบอกให้ท่านทำอะไรยากๆ ท่านจะไม่ทำหรอกหรือ? ยิ่งกว่านั้นเท่าใดท่านน่าจะทำตามเมื่อเขาบอกว่า ‘จงไปชำระตัวแล้วก็จะหาย’!” 14 ฉะนั้นนาอามานจึงลงไปที่แม่น้ำจอร์แดน แล้วจุ่มตัวเจ็ดครั้งตามที่คนของพระเจ้าสั่งไว้ แล้วเนื้อตัวของเขาก็กลับเป็นเหมือนเด็กหนุ่ม และหายจากโรคเรื้อน

15 นาอามานและผู้ติดตามทั้งหมดจึงกลับมาพบคนของพระเจ้า เขายืนอยู่ต่อหน้าเอลีชาและกล่าวว่า “ข้าพเจ้าทราบแล้วว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดในโลกนอกจากในอิสราเอล บัดนี้โปรดรับของกำนัลจากผู้รับใช้ของท่านเถิด”

16 แต่ผู้เผยพระวจนะตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าที่เรารับใช้ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด เราจะไม่รับแม้แต่สิ่งเดียวฉันนั้น” ถึงนาอามานคะยั้นคะยอ เขาก็ยืนกรานปฏิเสธ

17 นาอามานกล่าวว่า “ในเมื่อท่านไม่ยอมรับของกำนัล ก็ขอดินเท่าที่ล่อสองตัวจะบรรทุกได้ให้แก่ผู้รับใช้ของท่านเอากลับไปบ้าน เพราะต่อแต่นี้ไปผู้รับใช้ของท่านจะไม่ถวายเครื่องเผาบูชาหรือของถวายแด่เทพเจ้าอื่นใด เว้นแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า 18 แต่ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอภัยโทษผู้รับใช้ของท่านเรื่องหนึ่งคือ เมื่อกษัตริย์ผู้เป็นเจ้านายของข้าพเจ้าเข้าไปในวิหารของเทพเจ้าริมโมนเพื่อกราบไหว้ ข้าพเจ้าจะต้องคอยพยุงพระองค์และต้องค้อมตัวลงด้วย ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอภัยผู้รับใช้ของท่านที่จะต้องค้อมตัวลงคำนับในวิหารของเทพเจ้าริมโมน”

19 เอลีชากล่าวว่า “ไปโดยสวัสดิภาพเถิด”

หลังจากนาอามานออกเดินทางไปได้ระยะหนึ่ง 20 เกหะซีคนรับใช้ของเอลีชาคนของพระเจ้ารำพึงว่า “นายของเราใจดีเกินไป ไม่น่าปล่อยให้นาอามานคนอารัมไปโดยไม่รับของกำนัลจากเขา องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด เราจะวิ่งตามเขาไปและเอาบางอย่างจากเขาฉันนั้น”

21 ดังนั้นเกหะซีรีบรุดตามนาอามานไป เมื่อนาอามานเห็นเขาวิ่งมาหา ก็ลงจากรถม้ามาถามว่า “มีอะไรหรือ?”

22 เกหะซีตอบว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดี นายของข้าพเจ้าให้มาเรียนว่า ‘มีผู้เผยพระวจนะสองคนจากเทือกเขาเอฟราอิมเพิ่งมาถึง โปรดให้เงินหนักประมาณ 34 กิโลกรัม[d]กับเสื้อผ้าสองชุดแก่เขา’ ”

23 นาอามานตอบว่า “เอาไปประมาณ 68 กิโลกรัม[e]เลย” แล้วเขาก็ให้เสื้อผ้าสองชุด มัดแท่งเงินหนัก 68 กิโลกรัมเข้าด้วยกัน ใส่เป็นสองถุงมอบให้คนรับใช้สองคนแบกนำหน้าเกหะซีกลับไป 24 เมื่อเกหะซีมาถึงเนินเขา ก็รับถุงจากคนรับใช้นั้นเก็บไว้ในบ้าน แล้วให้คนรับใช้นั้นกลับไป 25 แล้วเกหะซีเข้ามายืนต่อหน้าเอลีชาผู้เป็นนาย

เอลีชาถามว่า “เจ้าไปไหนมาเกหะซี?”

เขาตอบว่า “ผู้รับใช้ของท่านไม่ได้ไปไหนเลย”

26 เอลีชากล่าวว่า “เมื่อชายผู้นั้นลงจากรถของเขามาพบเจ้า จิตใจของเราอยู่กับเจ้าด้วยไม่ใช่หรือ? นี่เป็นโอกาสที่จะรับเงิน เสื้อผ้า สวนมะกอก สวนองุ่น แกะ วัวและคนรับใช้ชายหญิงหรือ? 27 โรคเรื้อนของนาอามานจะติดตัวเจ้ากับลูกหลานตลอดไป” แล้วเกหะซีก็เป็นโรคเรื้อน เดินออกไปจากเอลีชา ผิวของเขาเป็นด่างขาวเหมือนหิมะ

กิจการของอัครทูต 15:1-35

การประชุมสภาที่เยรูซาเล็ม

15 มีบางคนจากแคว้นยูเดียมาที่เมืองอันทิโอกและสอนพวกพี่น้องว่า “ถ้าท่านไม่เข้าสุหนัตตามธรรมเนียมที่โมเสสสอนไว้ ท่านก็จะไม่ได้รับความรอด” คำสอนนี้ทำให้เปาโลกับบารนาบัสโต้แย้งถกเถียงกับพวกเขาอย่างรุนแรง ดังนั้นเปาโลและบารนาบัสจึงได้รับการแต่งตั้งพร้อมกับผู้เชื่อบางคนให้ขึ้นไปพบเหล่าอัครทูตและผู้ปกครองที่เยรูซาเล็มเกี่ยวกับปัญหานี้ คริสตจักรได้ส่งพวกเขาไป และขณะเดินทางผ่านแคว้นฟีนิเซียกับสะมาเรียพวกเขาก็ได้เล่าเรื่องที่คนต่างชาติกลับใจใหม่ ข่าวนี้ทำให้พี่น้องทั้งปวงยินดียิ่งนัก เมื่อมาถึงกรุงเยรูซาเล็มพวกเขาก็ได้รับการต้อนรับจากคริสตจักร เหล่าอัครทูตและผู้ปกครองและได้รายงานทุกสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกระทำผ่านพวกเขาให้คนเหล่านั้นฟัง

จากนั้นผู้เชื่อบางคนซึ่งอยู่ในกลุ่มพวกฟาริสียืนขึ้นกล่าวว่า “คนต่างชาติต้องเข้าสุหนัตและปฏิบัติตามบทบัญญัติของโมเสส”

เหล่าอัครทูตและผู้ปกครองประชุมกันเพื่อพิจารณาปัญหานี้ หลังจากอภิปรายกันมากแล้วเปโตรก็ลุกขึ้นกล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย ท่านทราบอยู่แล้วว่าก่อนหน้านี้พระเจ้าได้ทรงเลือกสรรข้าพเจ้าจากพวกท่านให้ประกาศเรื่องราวของข่าวประเสริฐแก่คนต่างชาติเพื่อพวกเขาจะได้ยินและเชื่อ พระเจ้าผู้ทรงทราบจิตใจได้ทรงสำแดงว่าทรงรับพวกเขาโดยประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่เขาเหมือนที่พระองค์ประทานแก่เรา พระองค์ไม่ได้ทรงแยกว่าพวกเขากับพวกเราแตกต่างกันเพราะพระองค์ทรงชำระจิตใจของพวกเขาโดยความเชื่อ 10 ก็แล้วบัดนี้เหตุใดท่านจึงพยายามลองดีกับพระเจ้าโดยวางแอกลงบนคอของสาวกเหล่านั้น? แอกซึ่งไม่ว่าเราหรือบรรพบุรุษของเราล้วนแบกไม่ไหว 11 อย่าเลย! เราเชื่อว่าที่เรารอดก็โดยพระคุณขององค์พระเยซูเจ้าของเราเช่นเดียวกับพวกเขา”

12 ทุกคนในที่ประชุมนิ่งฟังบารนาบัสกับเปาโลเล่าถึงหมายสำคัญและปาฏิหาริย์ต่างๆ ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำท่ามกลางคนต่างชาติผ่านพวกเขา 13 เมื่อพวกเขาพูดจบแล้วยากอบกล่าวขึ้นว่า “พี่น้องทั้งหลาย โปรดฟังข้าพเจ้า 14 ซีโมน[a] ได้อธิบายให้เราฟังแล้วว่าตั้งแต่แรกพระเจ้าทรงแสดงความห่วงใยของพระองค์ โดยเลือกคนต่างชาติบางคนมาเป็นประชากรของพระองค์ 15 ทั้งนี้สอดคล้องกับคำของผู้เผยพระวจนะซึ่งเขียนไว้ว่า

16 “ ‘หลังจากนี้เราจะกลับมา
และจะสร้างเต็นท์ของดาวิดที่ล้มลงแล้วขึ้นมาใหม่
เราจะสร้างสิ่งปรักหักพังขึ้นมาใหม่
และเราจะทำให้สิ่งเหล่านั้นคืนสู่สภาพดี
17 เพื่อบรรดาผู้ที่เหลืออยู่และชนต่างชาติทั้งปวงที่ได้ชื่อตามนามของเรา
จะแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงกระทำสิ่งเหล่านี้’[b]
18 ซึ่งเป็นที่ทราบกันมาหลายยุคสมัย[c]

19 “ดังนั้นข้าพเจ้าเห็นว่าเราไม่ควรสร้างความลำบากให้กับคนต่างชาติที่หันมาหาพระเจ้า 20 แต่ให้เราเขียนไปบอกพวกเขาว่าให้ละเว้นจากอาหารที่เป็นมลทินโดยรูปเคารพ จากการผิดศีลธรรมทางเพศ จากการกินเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และจากการกินเลือด 21 เพราะตั้งแต่โบราณกาลมีการเทศนาและอ่านธรรมบัญญัติของโมเสสในธรรมศาลาทุกวันสะบาโตในทุกๆ เมือง”

จดหมายจากที่ประชุมถึงผู้เชื่อชาวต่างชาติ

22 แล้วเหล่าอัครทูตและผู้ปกครองกับทุกคนในคริสตจักรได้ตัดสินใจให้เลือกบางคนในพวกเขาและส่งไปยังอันทิโอกกับเปาโลและบารนาบัส ที่ประชุมได้เลือกยูดาส (ที่เรียกกันว่าบารซับบาส) กับสิลาส ชายทั้งสองนี้เป็นผู้นำในหมู่พวกพี่น้อง 23 แล้วฝากพวกเขาถือจดหมายไปด้วย มีใจความว่า

จดหมายฉบับนี้จากเหล่าอัครทูตและผู้ปกครอง ผู้เป็นพี่น้องของท่าน

เรียน ท่านผู้เชื่อซึ่งเป็นชาวต่างชาติในเมืองอันทิโอก ในแคว้นซีเรีย และในแคว้นซิลีเซีย

ขอคำนับ

24 ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ยินว่ามีพวกเราบางคนไปหาท่านโดยไม่ได้รับมอบหมาย พวกเขาไปรบกวนท่านโดยกล่าวสิ่งที่ทำให้ท่านไม่สบายใจ 25 ฉะนั้นเราทุกคนเห็นพ้องต้องกันที่จะเลือกบางคนและส่งมาหาพวกท่านพร้อมกับบารนาบัสและเปาโลเพื่อนที่รักของเรา 26 ผู้ซึ่งยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อพระนามขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา 27 ด้วยเหตุนี้เราจึงส่งยูดาสกับสิลาสมาเพื่อยืนยันด้วยวาจาในสิ่งที่เราเขียน 28 พระวิญญาณบริสุทธิ์และพวกข้าพเจ้าเห็นชอบที่จะไม่วางภาระใดๆ บนพวกท่านเว้นแต่ข้อกำหนดต่อไปนี้คือ 29 ท่านทั้งหลายจงงดเว้นจากอาหารที่เซ่นสังเวยรูปเคารพ งดจากการกินเลือด การกินเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และงดจากการผิดศีลธรรมทางเพศ หากพวกท่านงดสิ่งเหล่านี้ได้จะเป็นการดี

ขอความสุขสวัสดีมีแก่ท่าน

30 คนเหล่านั้นจึงออกเดินทางมายังเมืองอันทิโอก พวกเขาเรียกประชุมคริสตจักรที่นั่นและมอบจดหมายให้ 31 เมื่อผู้คนที่นั่นอ่านจดหมายแล้วก็เกิดกำลังใจ 32 ยูดาสกับสิลาสเองซึ่งเป็นผู้เผยพระวจนะได้กล่าวหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อให้กำลังใจและเสริมสร้างพวกพี่น้องให้เข้มแข็ง 33 หลังจากใช้เวลาอยู่ที่นั่นระยะหนึ่งพวกพี่น้องก็ส่งพวกเขากลับไปหาบรรดาผู้ที่ส่งพวกเขามาพร้อมทั้งอวยพรให้มีสันติสุข[d] 35 ส่วนเปาโลกับบารนาบัสยังคงอยู่ที่เมืองอันทิโอก พวกเขาสั่งสอนและประกาศพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าร่วมกับอีกหลายคน

สดุดี 141

(บทสดุดีของดาวิด)

141 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์ ขอโปรดเสด็จมาหาข้าพระองค์โดยเร็ว
ขอทรงสดับฟังเมื่อข้าพระองค์ร้องทูล
ขอให้คำอธิษฐานของข้าพระองค์เป็นเหมือนเครื่องหอมต่อหน้าพระองค์
ขอให้การชูมือขึ้นทูลวิงวอนของข้าพระองค์เป็นเหมือนเครื่องบูชายามเย็น

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตั้งยามดูแลปากของข้าพระองค์
คอยเฝ้าประตูริมฝีปากของข้าพระองค์
ขออย่าให้จิตใจของข้าพระองค์ถูกโน้มน้าวไปหาสิ่งที่ชั่ว
ไปมีส่วนกับการกระทำที่ชั่วร้าย
ไปร่วมกับคนที่ทำชั่ว
ขออย่าให้ข้าพระองค์กินของโอชะของเขา

ขอให้คนชอบธรรม[a]ตีข้าพระองค์เถิด นั่นเป็นความกรุณา
ขอให้เขาว่ากล่าวข้าพระองค์ นั่นเป็นน้ำมันบนศีรษะของข้าพระองค์
ศีรษะของข้าพระองค์จะไม่ปฏิเสธ
แต่ข้าพระองค์ขออธิษฐานต่อต้านการกระทำของคนชั่วเสมอไป

บรรดาหัวหน้าของพวกเขาจะถูกเหวี่ยงลงจากหน้าผา
และคนชั่วร้ายจะเรียนรู้ว่าคำพูดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้นั้นถูกต้อง
พวกเขาจะพูดว่า “กระดูกของเราก็กระจัด
กระจายอยู่ที่ปากหลุมฝังศพ
เหมือนกับดินที่แตกร่วนเพราะถูกไถ”

ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต แต่ดวงตาของข้าพระองค์จับจ้องที่พระองค์
ข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์ ขออย่าทรงยอมให้ข้าพระองค์ตายไป
ขอทรงปกป้องข้าพระองค์ให้พ้นจากบ่วงแร้วที่พวกเขาวางล่อ
จากกับดักที่เหล่าคนทำชั่ววางไว้
10 ขอให้คนชั่วร้ายตกลงไปในตาข่ายของเขาเอง
ในขณะที่ข้าพระองค์ผ่านพ้นไปได้อย่างปลอดภัย

สุภาษิต 17:23

23 คนชั่วแอบรับสินบน
เพื่อบิดเบือนความยุติธรรม

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.