Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the NET. Switch to the NET to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เนหะมียาห์ 12:27-13:31

พิธีมอบถวายกำแพงเมืองเยรูซาเล็ม

27 เมื่อถึงเวลามอบถวายกำแพงเมืองเยรูซาเล็ม พวกเขาพากันค้นหาพวกชาวเลวีจากทั่วทุกหนแห่ง และพาพวกเขามาที่เมืองเยรูซาเล็ม เพื่อเฉลิมฉลองพิธีมอบถวายกำแพงด้วยความยินดี มีคณะนักร้องขับร้องเพลงขอบคุณพระเจ้า และมีการร้องเพลง ด้วยฉาบ พิณใหญ่ และพิณเล็ก

28 พวกเขาได้ไปรวบรวมพวกนักร้องมาจากมณฑลรอบๆเมืองเยรูซาเล็ม และจากหมู่บ้านต่างๆของเมืองเนโทฟาห์ 29 เมืองเบธกิลกาล และจากทุ่งนาเกบา และอัสมาเวท เนื่องจากพวกนักร้อง ได้สร้างหมู่บ้านของตนขึ้นล้อมรอบเมืองเยรูซาเล็ม

30 บรรดานักบวชและพวกชาวเลวี ต่างชำระตนให้บริสุทธิ์ และชำระประชาชน รวมทั้งประตูและกำแพงเมืองให้บริสุทธิ์

31 จากนั้น ผมจึงนำพวกหัวหน้าของยูดาห์ ขึ้นไปบนกำแพงเมือง และแต่งตั้งคณะนักร้องใหญ่ขึ้นสองกลุ่ม ไว้ร้องเพลงขอบคุณพระเจ้า นักร้องกลุ่มแรกไปทางขวาของกำแพงไปจนถึงประตูกองขยะ 32 ถัดจากพวกเขาไปคือโฮชายาห์ และพวกหัวหน้ายูดาห์ ครึ่งหนึ่ง 33 รวมทั้งอาซาริยาห์ เอสรา เมชุลลาม 34 ยูดาห์ เบนยามิน เชไมอาห์ และเยเรมียาห์ 35 และมีพวกนักบวชบางคนที่มีแตร รวมทั้งมีเศคาริยาห์ ลูกชายโยนาธาน ที่เป็นลูกชายเชไมอาห์ ที่เป็นลูกชายมัทธานิยาห์ ที่เป็นลูกชายมีคายาห์ ที่เป็นลูกชายศักเกอร์ ที่เป็นลูกชายอาสาฟ 36 รวมทั้งพวกญาติพี่น้องของเขาคือ เชไมอาห์ อาซาเรล มิลาลัย กิลาลัย มาอัย เนธันเอล ยูดาห์ และฮานานี พร้อมกับเครื่องดนตรีของดาวิดคนของพระเจ้า เอสราผู้เป็นอาจารย์ เดินนำหน้าพวกเขา 37 พวกเขาเดินไปจนถึงประตูน้ำพุ แล้วพวกเขาเดินตรงขึ้นบันไดของเมืองดาวิด[a] ผ่านทางบันไดที่ขึ้นไปบนกำแพงเมือง ผ่านวังของดาวิด ไปถึงประตูน้ำที่อยู่ทางทิศตะวันออก

38 คณะนักร้องกลุ่มที่สองที่ร้องขอบคุณพระเจ้า เดินไปทางซ้าย และผมกับอีกครึ่งหนึ่งของพวกผู้นำประชาชน ได้เดินตามพวกเขาไปบนกำแพง ผ่านหอคอยเตาอบ ไปจนถึงกำแพงกว้าง 39 ผ่านประตูเอฟราอิม และประตูเมืองเก่า[b] ประตูปลา หอคอยฮานันเอล หอคอยร้อยพล จนถึงประตูแกะ และมาหยุดที่ประตูยาม 40 นักร้องขอบคุณพระเจ้าทั้งสองกลุ่มยืนประจำที่ในวิหารของพระเจ้า เช่นเดียวกับผมและเจ้าหน้าที่ครึ่งหนึ่งที่อยู่กับผม 41 นักบวชที่มีแตร คือเอลียาคิม มาอาเสอาห์ มินยามิน มีคายาห์ เอลีโอเอนัย เศคาริยาห์ และฮานันยาห์ 42 และมีนักบวชชื่อ มาอาเสอาห์ เชไมอาห์ เอเลอาซาร์ อุสซี เยโฮฮานัน มัลคิยาห์ เอลาม และเอเซอร์

บรรดานักร้องต่างร้องเพลง มียิสรายาห์เป็นหัวหน้าพวกเขา 43 ในวันนั้น พวกเขาพากันถวายเครื่องบูชาอันยิ่งใหญ่ด้วยความยินดี เพราะพระเจ้าทำให้พวกเขามีความสุขสนุกสนานรื่นเริงยิ่งนัก พวกผู้หญิงและเด็กต่างก็พากันรื่นเริงด้วย เสียงรื่นเริงในเยรูซาเล็มนั้นได้ยินไปไกล

44 ในช่วงนั้น พวกเขาได้เลือกผู้ชายบางคนขึ้นมาเพื่อดูแลพวกห้องเก็บของ ที่เอาไว้เก็บของถวาย เก็บพวกผลผลิตแรกของปี เก็บของที่คนเอามาถวายจากสิบเปอร์เซ็นต์ของผลผลิตของเขา ผู้ชายพวกนี้จะต้องเก็บรวบรวมผลผลิตจากพวกไร่นาที่เป็นของเมือง ตามที่กฎของโมเสสได้กำหนดไว้ให้ประชาชนเอามาให้กับพวกนักบวช และพวกเลวี คนยูดาห์พอใจกับพวกนักบวชและพวกเลวีเหล่านั้นที่รับใช้อยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ 45 พวกนักบวชและพวกเลวี ทำหน้าที่รับใช้พระเจ้าของพวกเขา และทำพิธีชำระต่างๆ ส่วนพวกนักร้อง และพวกยามเฝ้าประตูก็ทำหน้าที่ของตนตามคำสั่งของดาวิดและซาโลมอนผู้เป็นลูกชายเขา 46 นานมาแล้ว ในสมัยของดาวิด และอาสาฟ พวกเขามีคณะผู้นำนักร้อง และผู้นำสรรเสริญและขอบคุณพระเจ้า

47 ดังนั้นในสมัยของเศรุบบาเบล และในสมัยของเนหะมียาห์ คนอิสราเอลทั้งหมดจึงได้แบ่งอาหารส่วนหนึ่งให้กับพวกนักร้องและพวกยามเฝ้าประตูตามความต้องการในแต่ละวัน พวกเขายังแบ่งอาหารส่วนหนึ่งให้แก่พวกชาวเลวี และพวกชาวเลวีก็ได้แบ่งอาหารส่วนหนึ่งให้แก่ผู้สืบเชื้อสายมาจากอาโรน

คำสั่งสุดท้ายของเนหะมียาห์

13 ในวันนั้นพวกเขาอ่านหนังสือของโมเสสให้ประชาชนฟัง พวกเขาพบข้อความซึ่งเขียนไว้ว่า ไม่ควรให้ชาวอัมโมนหรือชาวโมอับเข้าในที่ประชุมเพื่อนมัสการพระเจ้า เพราะชาวอัมโมนและชาวโมอับไม่ได้ให้ขนมปังและน้ำกับชาวอิสราเอล แต่กลับจ้างบาลาอัมมาสาปแช่งพวกอิสราเอล แต่พระเจ้าได้เปลี่ยนคำสาปแช่งเป็นคำอวยพร[c] เมื่อประชาชนได้ยินกฎบัญญัติ พวกเขาก็แยกคนต่างชาติออกจากคนอิสราเอล

ก่อนหน้านี้ เอลียาชีบผู้เป็นนักบวช มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลห้องต่างๆในวิหารของพระเจ้า เขาได้แต่งงานกับญาติของโทบีอาห์ชาวอัมโมน เอลียาชีบได้ยกห้องใหญ่ห้องหนึ่งให้กับโทบีอาห์ ซึ่งเป็นห้องที่มีไว้เพื่อเก็บเครื่องถวายจากเมล็ดพืช เครื่องหอม เครื่องใช้ต่างๆของวิหาร และใช้เก็บสิบเปอร์เซ็นต์ของเมล็ดพืช ของเหล้าองุ่นใหม่ และของน้ำมัน สำหรับพวกชาวเลวี พวกนักร้อง และพวกยามเฝ้าประตู และเอาไว้เก็บของที่คนนำมาถวายให้กับพวกนักบวชด้วย ตามที่บัญญัติของโมเสสสั่งไว้

ตอนที่เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้อยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม เนื่องจากผมได้กลับไปหากษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแห่งบาบิโลน ซึ่งตรงกับปีที่สามสิบสองที่พระองค์ขึ้นครองราชย์[d] แต่ต่อมา ผมได้ขออนุญาตกษัตริย์ และกลับมายังเมืองเยรูซาเล็ม ผมได้รู้ถึงสิ่งที่เอลียาชีบผู้ชั่วร้ายได้ทำให้โทบีอาห์ นั่นคือเขาได้ยกห้องๆหนึ่งในวิหารของพระเจ้าให้กับโทบีอาห์ ผมถือว่ามันเป็นเรื่องชั่วร้ายมาก ดังนั้น ผมจึงโยนข้าวของของโทบีอาห์ออกไปนอกห้อง แล้วผมสั่งให้ชำระห้องให้บริสุทธิ์ และเอาเครื่องใช้ต่างๆของวิหารของพระเจ้า รวมทั้งเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช และเครื่องหอม กลับไปไว้ในห้องนั้นอย่างเดิม

10 ผมยังได้รับรู้อีกว่า พวกชาวเลวีไม่ได้รับส่วนแบ่งของพวกเขา ดังนั้นพวกชาวเลวีและพวกนักร้องที่ทำหน้าที่รับใช้อยู่ในวิหาร จึงกลับไปยังไร่นาของตน 11 ผมต่อว่าพวกเจ้าหน้าที่ว่า “ทำไมวิหารของพระเจ้าถึงได้ถูกละเลยอย่างนี้” แล้วผมจึงรวบรวมพวกชาวเลวี และพวกนักร้องกลับไปยืนอยู่ประจำที่ของพวกเขา 12 จากนั้นพวกคนยูดาห์ทั้งหมดจึงนำสิบเปอร์เซ็นต์ของเมล็ดพืช สิบเปอร์เซ็นต์ของเหล้าองุ่นใหม่ และสิบเปอร์เซ็นต์ของน้ำมัน มาไว้ยังพวกห้องเก็บของของวิหาร

13 แล้วผมได้แต่งตั้งคนขึ้นมาดูแลห้องเก็บของเหล่านั้น คือ เชเลมิยาห์ที่เป็นนักบวช ศาโดกที่เป็นอาจารย์ และเปดายาห์ที่เป็นชาวเลวี รวมทั้งแต่งตั้งฮานัน ลูกชายศักเกอร์ ที่เป็นลูกของมัทธานิยาห์ ให้เป็นผู้ช่วยพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นคนซื่อสัตย์ ดังนั้นพวกเขาจึงมีหน้าที่แจกจ่ายส่วนแบ่งให้กับเพื่อนร่วมงานของพวกเขา

14 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า

ขอโปรดระลึกถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ทำให้กับพระองค์

ขอพระองค์อย่าได้ลืมการดี

ที่ข้าพเจ้าได้ทำไปอย่างสัตย์ซื่อ

เพื่อวิหารของพระเจ้าของข้าพเจ้า

และเพื่อการรับใช้ทั้งหลายในวิหารนั้น

15 ในครั้งนั้น ผมเห็นประชาชนในยูดาห์ ได้เหยียบย่ำองุ่นอยู่ในบ่อ ทั้งๆที่เป็นวันหยุดทางศาสนา แถมยังเอาเมล็ดข้าวมากมายใส่ไว้บนหลังลา รวมทั้งเหล้าองุ่น ผลองุ่น มะเดื่อ และสัมภาระอื่นๆอีกหลายอย่าง แล้วพวกเขาก็นำของทั้งหมดนี้ไปยังเมืองเยรูซาเล็มในวันหยุดทางศาสนา ผมได้เตือนพวกเขาไม่ให้ขายอาหารในวันหยุดทางศาสนา

16 พวกชาวไทระที่อาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม ได้นำปลาและของหลายอย่างมาขาย และพวกเขากำลังขายให้กับคนยูดาห์และคนที่อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มในวันหยุดทางศาสนา 17 ผมเถียงกับพวกขุนนางของยูดาห์ และพูดกับพวกเขาว่า “รู้ไหมว่าพวกเจ้ากำลังทำสิ่งชั่วร้ายอะไรอยู่ พวกเจ้ากำลังละเมิดความศักดิ์สิทธิ์ของวันหยุดทางศาสนา” 18 บรรพบุรุษของพวกเจ้าก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน พระเจ้าของเราถึงได้นำความหายนะมาสู่พวกเราและเมืองนี้ พวกเจ้ากำลังละเมิดความศักดิ์สิทธิ์ของวันหยุดทางศาสนา พวกเจ้ากำลังนำโทษมาสู่อิสราเอลมากขึ้น

19 ผมก็เลยทำอย่างนี้คือ ในวันก่อนวันหยุดทางศาสนา เมื่อเริ่มมืด ผมได้สั่งให้ปิดประตูเมืองเยรูซาเล็มทั้งหมด และสั่งไม่ให้เปิดจนกว่าจะเลยวันหยุดทางศาสนาไป ผมให้คนรับใช้ของผมเฝ้าเวรที่ประตู เพื่อไม่ให้มีการขนของเข้ามาในเมืองในวันหยุดทางศาสนา

20 มีครั้งหรือสองครั้งที่พวกพ่อค้าและคนขายสินค้าต่างๆมานอนค้างคืนอยู่นอกกำแพงเมืองเยรูซาเล็ม 21 ผมเตือนพวกเขาว่า

“พวกเจ้ามานอนค้างคืนอยู่หน้ากำแพงเมืองทำไม ถ้าพวกเจ้าทำอย่างนี้อีก เราจะใช้กำลังกับพวกเจ้า”

หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่กลับมาในวันหยุดทางศาสนาอีกเลย

22 หลังจากนั้น ผมบอกกับพวกชาวเลวีให้ชำระตัวเองให้บริสุทธิ์ และให้ไปเฝ้าระวังประตูเมือง เพื่อรักษาวันหยุดทางศาสนาให้ศักดิ์สิทธิ์

ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า

ขอโปรดระลึกถึงสิ่งนี้ที่ข้าพเจ้าได้ทำให้กับพระองค์

ขอเมตตาข้าพเจ้าด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์

23 ในครั้งนั้นผมเห็นชายชาวยูดาห์ แต่งงานกับหญิงชาวอัชโดด ชาวอัมโมน และชาวโมอับ 24 ครึ่งหนึ่งของลูกๆพวกเขา พูดภาษาอัชโดด หรือภาษาของชนชาติอื่น พวกเด็กๆเหล่านั้นพูดภาษายูดาห์ไม่เป็น 25 ผมจึงบอกคนเหล่านั้นว่าพวกเขาทำผิด และสาปแช่งพวกเขา และผมได้ทุบตีพวกเขาบางคนและดึงผมของพวกเขา และทำให้พวกเขาสาบานในนามของพระเจ้า ผมพูดว่า “พวกเจ้าจะต้องไม่ยกลูกสาวให้เป็นเมียลูกชายของคนพวกนั้น และเจ้าเองก็ต้องไม่รับเอาลูกสาวของพวกเขามาเป็นเมียลูกชายของเจ้า หรือเป็นเมียเจ้าเอง 26 ที่กษัตริย์ซาโลมอน[e]แห่งอิสราเอลได้ทำบาปนั้นเป็นเพราะพวกผู้หญิงอย่างพวกนี้ไม่ใช่หรือ ในพวกประเทศทั้งหลาย ไม่มีกษัตริย์องค์ไหนที่เป็นเหมือนกับกษัตริย์ซาโลมอน ที่พระเจ้าของพระองค์ได้รักพระองค์มากขนาดนั้น พระเจ้าทำให้ซาโลมอนเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลทั้งหมด แต่เมียต่างชาติพวกนั้นทำให้พระองค์ทำบาป

27 แล้วอย่างนี้พวกเราควรฟังเจ้าหรือ และทำความชั่วที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ และทรยศต่อพระเจ้าของเราโดยแต่งงานกับพวกหญิงต่างชาติอย่างนั้นหรือ”

28 เอลียาชีบผู้เป็นนักบวชสูงสุดมีลูกชายคนหนึ่งชื่อว่าเยโฮยาดา ที่เป็นลูกเขยของสันบาลลัทชาวโฮโรนาอิม ผมได้ไล่เยโฮยาดาให้ไปอยู่ห่างไกลจากผม

29 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า

ขอโปรดระลึกถึงสิ่งที่พวกเขาทำต่อพระองค์

และลงโทษพวกเขาด้วยเถิด

เพราะพวกเขาได้ทำให้ความเป็นนักบวชเสื่อมไป

พวกเขาได้ทำให้ข้อตกลงที่พระองค์ได้ทำไว้กับพวกนักบวชและพวกชาวเลวีเสื่อมไป

30 ดังนั้นผมจึงชำระพวกนักบวชและพวกชาวเลวีให้บริสุทธิ์จากวิถีทางทั้งหมดของคนต่างชาติ แล้วให้พวกเขากลับไปทำหน้าที่ที่พวกเขาต้องรับผิดชอบ 31 ผมยังได้จัดการเรื่องการหาไม้ฟืนสำหรับแท่นบูชามาตามเวลาที่ได้กำหนดไว้ และยังจัดการเรื่องการถวายผลแรกของปี

ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า

ขอโปรดระลึกถึงสิ่งนี้ที่ข้าพเจ้าได้ทำให้กับพระองค์

และขอโปรดอวยพรข้าพเจ้าด้วยเถิด

1 โครินธ์ 11:1-16

11 เอาอย่างผมเถอะ เหมือนกับที่ผมเอาอย่างพระคริสต์

การคลุมหัว

ผมขอชมพวกคุณที่คิดถึงผมบ่อยๆในทุกเรื่อง และทำตามสิ่งต่างๆที่ผมสอนพวกคุณ แต่ผมอยากให้พวกคุณรู้ว่า พระคริสต์เป็นศีรษะของผู้ชาย[a]ทุกคน และผู้ชายก็เป็นศีรษะของผู้หญิง และพระเจ้าก็เป็นศีรษะของพระคริสต์ ผู้ชายทุกคนที่อธิษฐานออกเสียงหรือพูดแทนพระเจ้าโดยมีผ้าคลุมหัวอยู่ก็ลบหลู่ศีรษะของเขา[b]เอง แต่ผู้หญิงทุกคนที่อธิษฐานออกเสียงหรือพูดแทนพระเจ้า และไม่ได้เอาผ้าคลุมหัวไว้ นางก็ลบหลู่ศีรษะของนางเอง พอๆกับที่นางไปโกนหัวมา ถ้าผู้หญิงไม่มีผ้าคลุมศีรษะ นางก็ควรจะตัดผมเกรียนเสีย แต่ถ้าตัดผมเกรียนหรือโกนหัวก็จะทำให้นางขายหน้า ก็ให้นางเอาผ้าคลุมศีรษะซะ แต่ผู้ชายไม่ควรเอาผ้าคลุมศีรษะ เพราะเขาเป็นภาพสะท้อนและเป็นศักดิ์ศรีของพระเจ้า แต่ผู้หญิงก็เป็นศักดิ์ศรีของผู้ชาย เพราะผู้หญิงมาจากผู้ชาย ไม่ใช่ผู้ชายมาจากผู้หญิง และผู้ชายก็ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อผู้หญิง แต่ผู้หญิงถูกสร้างมาเพื่อผู้ชาย 10 เพราะเหตุนี้ พวกผู้หญิงจึงต้องรู้จักควบคุมตัวเองในเรื่องที่เกี่ยวกับศีรษะนี้[c] นางควรจะทำอย่างนี้เพื่อเห็นแก่พวกทูตสวรรค์ด้วย

11 อย่างไรก็ตามผู้หญิงก็ต้องพึ่งผู้ชายในองค์เจ้าชีวิต และผู้ชายก็ต้องพึ่งผู้หญิง 12 เริ่มแรกผู้หญิงมาจากผู้ชาย แต่ต่อมาผู้ชายก็เกิดมาจากผู้หญิง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็มาจากพระเจ้า 13 พวกคุณตัดสินใจกันเอาเองก็แล้วกันว่า มันเหมาะหรือเปล่าที่ผู้หญิงจะอธิษฐานออกเสียงต่อพระเจ้าในที่ประชุมโดยไม่มีผ้าคลุมศีรษะ 14 โดยทั่วไป เรารู้ว่ามันเสียศักดิ์ศรีที่ผู้ชายจะไว้ผมยาว 15 แต่สำหรับผู้หญิงที่ไว้ผมยาวก็สมศักดิ์ศรี เพราะเอาไว้คลุมหัวของนางตามธรรมชาติ 16 ตอนนี้ ถ้ามีใครคิดอยากจะเถียงในเรื่องนี้ ผมขอบอกให้รู้เลยว่า พวกเรารวมทั้งหมู่ประชุมต่างๆของพระเจ้า ไม่ทำอย่างอื่นนอกจากสิ่งที่สอนนี้

สดุดี 35:1-16

อธิษฐานขอให้พระยาห์เวห์แก้คดีให้

เพลงของดาวิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยต่อต้านคนเหล่านั้นที่ต่อต้านข้าพเจ้า
    ช่วยรบกับคนเหล่านั้นที่รบกับข้าพเจ้า
ช่วยคว้าโล่เล็กและโล่ใหญ่ของพระองค์
    และลุกขึ้นมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด
ช่วยใช้หอกและทวนต่อสู้กับคนเหล่านั้นที่ไล่ล่าข้าพเจ้าด้วยเถิด
    ช่วยบอกข้าพเจ้าด้วยว่า “ตัวเราเองได้มาช่วยกู้เจ้าแล้ว”

ขอให้คนเหล่านั้นที่มุ่งเอาชีวิตของข้าพเจ้า ได้พ่ายแพ้และอับอายขายหน้า
    ขอให้คนเหล่านั้นที่วางแผนทำร้ายข้าพเจ้า สับสนอลหม่านและถูกไล่หนีไป
ขอให้พวกเขาเป็นเหมือนแกลบที่ถูกลมพัดไป
    และถูกทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ขับไล่ไป
ขอให้ช่องทางหนีของพวกเขานั้นมืดมิดและลื่นไถล
    และถูกทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ไล่ล่าไป

เพราะพวกเขาวางตาข่ายดักข้าพเจ้า ทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรพวกเขา
    พวกเขาขุดหลุมพรางสำหรับข้าพเจ้า
ขอให้พวกเขาเจอกับความพินาศอย่างไม่ทันรู้ตัว
ขอให้พวกเขาติดตาข่ายที่เขาวางไว้ดักข้าพเจ้า
    และตกลงไปในหลุมพรางของตัวเองและพินาศไป

แล้วข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีในสิ่งที่พระยาห์เวห์ได้ทำไป
    และมีความสุขที่พระองค์ช่วยกู้ข้าพเจ้า
10 แล้วกระดูกทั่วตัวของข้าพเจ้าจะพูดว่า
    “ข้าแต่พระยาห์เวห์ จะมีใครเหมือนกับพระองค์อีก
พระองค์ช่วยคนยากจนให้รอดพ้นจากคนที่เอาเปรียบเขา
    และช่วยคนยากจนและคนขัดสนให้พ้นจากคนเหล่านั้นที่คอยปล้นพวกเขา”

11 พยานที่มุ่งร้ายต่อข้าพเจ้า
    ยืนขึ้นกล่าวหาข้าพเจ้าในสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่รู้เรื่อง
12 พวกเขาตอบแทนความดีของข้าพเจ้าด้วยความชั่ว
    คอยดักซุ่มฆ่าข้าพเจ้า[a]
13 เมื่อพวกเขาเจ็บป่วย ข้าพเจ้าใส่ชุดที่แสดงความเสียใจ
    และถ่อมใจลงอดอาหาร เมื่อคำอธิษฐานของข้าพเจ้าไม่ได้รับคำตอบ
14 ข้าพเจ้าทำเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนหรือพี่น้องของข้าพเจ้าเอง
    ข้าพเจ้าก้มลงด้วยความโศกเศร้าราวกับว่าเป็นแม่ของข้าพเจ้าเอง

15 แต่เมื่อข้าพเจ้ามีปัญหาพวกเขากลับพากันดีใจ
    คนที่ข้าพเจ้าไม่รู้จักรุมเข้ามาโจมตีข้าพเจ้า
    พวกเขาฉีกเนื้อข้าพเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อน
16 พวกเขาได้กัดฟันกรอดๆใส่ข้าพเจ้า
    พากันหัวเราะเยาะและตะโกนใส่ข้าพเจ้าอย่างหยาบคาย

สุภาษิต 21:17-18

17 คนรักความสนุกสนานจะยากจน
    คนที่รักเหล้าองุ่นและอาหารแพงๆจะไม่รวย
18 คนดีจะรอดพ้นจากอันตราย แต่คนชั่วจะต้องมารับอันตรายแทน
    คนทรยศก็รับอันตรายแทนคนเที่ยงตรง[a]

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International