Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the NET. Switch to the NET to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
โยบ 1-3

โยบคนดี

มีชายคนหนึ่งชื่อโยบ เขาอาศัยอยู่ในดินแดนอูส เขาเป็นคนดีพร้อม และสัตย์ซื่อ เขายำเกรงพระเจ้า และไม่ยอมทำความชั่วเลย

เขามีลูกชายเจ็ดคน และลูกสาวสามคน เขามีแกะและแพะเจ็ดพันตัว อูฐสามพันตัว วัวห้าร้อยคู่ ลาตัวเมียห้าร้อยตัว และมีคนใช้มากมาย

เขาก็เลยเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่คนที่อาศัยอยู่ทางทิศตะวันออก

ลูกชายของเขาแต่ละคนจะจัดงานเลี้ยงที่บ้านของพวกเขา หมุนเวียนกันไปตามเวรของพวกเขา และพวกเขาจะเชิญชวนพี่น้องหญิงทั้งสามคนให้มากินและดื่มร่วมกับพวกเขา เมื่อพวกเขาจัดงานเลี้ยงเวียนกันไปจนครบรอบแล้ว โยบก็จะทำพิธีชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์ โยบจะลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ และถวายเครื่องเผาบูชาสำหรับลูกแต่ละคนของเขา เพราะโยบคิดว่า “ลูกๆของข้าอาจจะทำบาป ด้วยการสาปแช่งพระเจ้าในใจก็เป็นได้”

โยบทำอย่างนี้เสมอมา

อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อพวกทูตสวรรค์มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์และผู้ฟ้องร้อง[a] ก็อยู่กับพวกทูตสวรรค์[b] นั้นด้วย

พระยาห์เวห์ถามผู้ฟ้องร้องว่า “เจ้าไปทำอะไรมา”

ผู้ฟ้องร้องตอบพระยาห์เวห์ว่า “ไปเที่ยวตรวจตราในแผ่นดินโลก และเดินสำรวจไปมาบนแผ่นดินนั้น”

พระยาห์เวห์พูดกับผู้ฟ้องร้องว่า “เจ้าได้สังเกตตัวโยบ ผู้รับใช้ของเราหรือเปล่า ไม่มีใครเลยในโลกนี้ที่เหมือนกับเขา เขาเป็นคนดีพร้อม สัตย์ซื่อ ยำเกรงพระเจ้า และไม่ยอมทำชั่ว”

ผู้ฟ้องร้องตอบพระยาห์เวห์ว่า “เขายำเกรงพระองค์เพราะได้สิ่งดีๆตอบแทนไม่ใช่หรือ

10 พระองค์ได้กั้นรั้วปกป้องรอบตัวเขา ครัวเรือนของเขา ตลอดจนทุกสิ่งที่เขาเป็นเจ้าของ ไม่ใช่หรือ พระองค์อวยพรการงานที่เขาทำ ไม่ใช่หรือ จนทำให้ทรัพย์สมบัติของเขาได้ขยายเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลไปทั่วทั้งแผ่นดิน 11 ลองยื่นมือของพระองค์ออกไปทำลายทุกสิ่งของเขาดูสิ เขาจะสาปแช่งพระองค์ต่อหน้าอย่างแน่นอน”

12 แล้วพระยาห์เวห์พูดกับผู้ฟ้องร้องว่า “เอาสิ ทุกอย่างของเขาอยู่ในกำมือของเจ้าแล้ว แต่ห้ามทำร้ายตัวเขา”

แล้วผู้ฟ้องร้องก็ออกไปจากเบื้องหน้าของพระยาห์เวห์

โยบสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง

13 อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อพวกลูกชายและลูกสาวของโยบมาร่วมกินและดื่มเหล้าองุ่นที่บ้านพี่ชายคนโตของพวกเขา 14 อยู่ๆก็มีผู้ส่งข่าวคนหนึ่งมาหาโยบและบอกว่า “ขณะที่ฝูงวัวกำลังไถดิน และพวกลาตัวเมียกำลังกินหญ้าอยู่ข้างๆฝูงวัวนั้น 15 ก็มีพวกเสบา[c] บุกเข้ามากวาดต้อนเอาพวกมันไป

และพวกมันใช้ดาบฆ่าฟันคนเฝ้าฝูงสัตว์ตายหมด เหลือแต่ข้าพเจ้าที่หนีรอดมาส่งข่าวกับท่าน”

16 ชายคนนี้พูดยังไม่ทันจบ ก็มีชายอีกคนหนึ่งเข้ามา พูดว่า “มีฟ้าผ่าจากพระเจ้าลงมาจากฟ้า เผาไหม้ฝูงแกะและแพะ รวมทั้งคนเฝ้าฝูงสัตว์นั้นจนหมดเกลี้ยง เหลือแต่ข้าพเจ้าที่หนีรอดมาส่งข่าวกับท่าน”

17 ชายคนนี้พูดยังไม่ทันจบ ก็มีชายอีกคนหนึ่งเข้ามาพูดว่า “มีชาวเคลเดีย[d] สามกลุ่มบุกเข้าปล้นฝูงอูฐ และกวาดต้อนเอาพวกมันไป แล้วพวกมันก็เอาดาบฆ่าฟันคนเฝ้าฝูงอูฐตายหมด เหลือแต่ข้าพเจ้าที่หนีรอดมาบอกข่าวกับท่าน”

18 ชายคนนี้พูดยังไม่ทันจบ ก็มีชายอีกคนหนึ่งเข้ามาพูดว่า “ในขณะที่ลูกชายและลูกสาวของท่านกำลังกินและดื่มเหล้าองุ่นในบ้านพี่ชายคนโตนั้น 19 ก็เกิดพายุลูกใหญ่พัดมาจากทะเลทราย พัดตีบ้านทั้งสี่ด้าน แล้วบ้านก็พังลงมาทับลูกๆของท่านตายหมด เหลือแต่ข้าพเจ้าที่หนีรอดมาส่งข่าวกับท่าน”

20 โยบก็ลุกขึ้นฉีกเสื้อคลุมของเขา โกนหัว[e] และล้มกราบลงกับพื้น 21 เขาพูดว่า

“ข้าพเจ้าออกจากท้องแม่มาตัวเปล่า
    ข้าพเจ้าก็จะกลับสู่ผืนดินตัวเปล่า
พระยาห์เวห์ให้มา และพระยาห์เวห์ก็เอากลับไป
    ขอให้ชื่อของพระยาห์เวห์ได้รับการสรรเสริญเถิด”

22 ถึงแม้จะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้กับโยบ โยบก็ไม่ได้ทำบาป เขาไม่ได้กล่าวหาพระเจ้าว่าพระองค์ทำผิด

ผู้ฟ้องร้องเล่นงานสุขภาพของโยบ

อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อพวกทูตสวรรค์มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ ผู้ฟ้องร้องก็มาอยู่กับพวกทูตสวรรค์นั้นด้วยเพื่อมารายงานตัวต่อพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์พูดกับผู้ฟ้องร้องว่า “เจ้าไปไหนมา”

ผู้ฟ้องร้องตอบพระยาห์เวห์ว่า “ไปเที่ยวตรวจตราในแผ่นดินโลก และเดินสำรวจไปมาบนแผ่นดินนั้น”

พระยาห์เวห์พูดกับผู้ฟ้องร้องว่า “เจ้าสังเกตตัวโยบ ผู้รับใช้ของเราหรือเปล่า ไม่มีใครเลยในโลกนี้ที่เหมือนกับเขา เขาเป็นคนดีพร้อม สัตย์ซื่อ ยำเกรงพระเจ้า และไม่ยอมทำชั่ว เขาก็ยังยึดมั่นในความดีพร้อมของเขา ทั้งๆที่เจ้าพยายามโน้มน้าวให้เราต่อต้านเขา และให้กลืนกินเขาเสียโดยไม่มีเหตุ”

ผู้ฟ้องร้องตอบพระยาห์เวห์ว่า “หนังแทนหนัง[f] แน่นอน มนุษย์จะสละทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีเพื่อแลกกับชีวิตของตน ลองยื่นมือของพระองค์ออกไปทำร้ายกระดูกและเนื้อของเขาดูสิ เขาจะสาปแช่งพระองค์ต่อหน้าอย่างแน่นอน”

แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผู้ฟ้องร้องว่า “เอาสิ ทุกอย่างของเขาอยู่ในกำมือของเจ้าแล้ว แต่ให้ไว้ชีวิตเขา”

ผู้ฟ้องร้องก็ออกไปจากเบื้องหน้าของพระยาห์เวห์

ผู้ฟ้องร้องทำให้โยบเกิดแผลพุพองตั้งแต่หัวจรดเท้า โยบนั่งอยู่กลางกองขี้เถ้าและใช้เศษหม้อดินแตกเกาครูดตามตัว เมียของเขาพูดกับเขาว่า “แกยังจะยึดมั่นในความดีพร้อมของแกอยู่อีกหรือ สาปแช่งพระเจ้า แล้วไปตายซะ”

10 โยบพูดกับนางว่า “เจ้าพูดเหมือนกับหญิงโง่ไม่มีผิด เราจะรับแต่สิ่งดีๆจากพระเจ้าเท่านั้น สิ่งเลวร้ายจะไม่ยอมรับเลยหรือ” ถึงแม้จะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้กับโยบ โยบก็ไม่ได้ทำบาปด้วยริมฝีปากของเขาเลย

เพื่อนทั้งสามคนของโยบ

11 ต่อมาเมื่อเพื่อนสามคนของโยบคือ เอลีฟัสชาวเทมาน บิลดัดชาวชูอาห์ และโศฟาร์ชาวนาอามาห์ ได้ยินเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับโยบ พวกเขานัดกันที่จะไปร่วมทุกข์และปลอบโยนโยบ พวกเขาต่างออกจากบ้านเรือนของตนมา 12 เมื่อพวกเขาเห็นโยบแต่ไกล พวกเขาแทบจะจำโยบไม่ได้เลย พวกเขาร้องไห้เสียงดัง และต่างฉีกเสื้อคลุมของตน แล้วต่างโยนฝุ่น[g]ขึ้นไปในอากาศให้ตกลงบนหัวของพวกเขา

13 แล้วเพื่อนทั้งสามก็ได้มานั่งอยู่กับโยบที่พื้นดิน เป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน โดยไม่ได้พูดอะไรกับโยบสักคำ เพราะพวกเขาเห็นว่าความเจ็บปวดของโยบนั้นแสนสาหัสนัก

โยบสาปแช่งวันที่เขาเกิด

หลังจากนั้น โยบอ้าปากและพูดสาปแช่งวันที่เขาเกิดมา โยบพูดว่า

“วันที่ข้าเกิดมานั้น
    น่าจะถูกทำลายไปซะก่อน
และไม่น่าจะมีคืนนั้นที่พูดว่า
    ‘มีการตั้งท้องเด็กชายคนหนึ่งขึ้นแล้ว’
วันนั้นน่าจะมืดมิดไป
    พระเจ้าที่อยู่เบื้องบนไม่น่าจะคิดถึงวันนั้น
    หรือให้แสงสว่างส่องลงมาในวันนั้นเลย
ความมืดและเงาแห่งความตายน่าจะอ้างสิทธิ์เหนือวันนั้น
    เมฆหนาทึบน่าจะปกคลุมวันนั้นไว้
    ความมืดมิดของดวงอาทิตย์น่าจะทำให้วันนั้นตกใจกลัว
ความหมองหม่นน่าจะยึดเอาคืนนั้นที่ข้าก่อเกิดขึ้นในท้องไปซะ
    คืนนั้นไม่น่าจะเชื่อมต่อกับวันอื่นๆของปีเลย
    วันนั้นไม่น่าจะถูกนับรวมอยู่ในเดือนต่างๆเลย
ความจริงแล้วคืนนั้นน่าจะเป็นหมันไป
    ไม่น่าจะมีเสียงร้องอย่างมีความสุขในคืนนั้นเลย
คนที่สาปแช่งวันน่าจะร่ายเวทมนตร์ใส่คืนนั้นด้วย
    คนที่เก่งในการปลุกเรียกตัวเลวีอาธาน[h] ขึ้นมา
    น่าจะสาปแช่งคืนนั้นด้วย
ดวงดาวในยามรุ่งสางน่าจะมืดไป
    คืนนั้นที่รอแสงสว่างอย่างตื่นเต้นไม่น่าจะได้พบแสงสว่างเลย
    คืนนั้นไม่น่าจะได้พบกับแสงสว่างแห่งยามรุ่งสางเลย
10 เพราะคืนนั้นไม่ได้ปิดครรภ์ของแม่ข้าไว้
    เพราะคืนนั้นไม่ได้ซ่อนความทุกข์ยากไปจากสายตาข้า
11 ทำไมข้าถึงไม่ตายตั้งแต่เกิด
    ทำไมข้าถึงไม่คลอดออกมาแล้วสิ้นใจไปเลย
12 ทำไมตักของแม่จึงรองรับข้าไว้
    และทำไมถึงมีเต้านมให้ข้าดูด
13 เพราะถ้าข้าตายไปเสียตั้งแต่แรกเกิด
    ตอนนี้ข้าคงนอนเหยียดยาวอยู่และไม่ถูกรบกวน
ข้าคงนอนหลับอยู่และคงได้พักผ่อน
14     อยู่ร่วมกับพวกกษัตริย์และบรรดาที่ปรึกษาแห่งแผ่นดินที่เคยสร้างเมืองปรักหักพังขึ้นใหม่สำหรับพวกเขาเอง
15 หรืออยู่กับพวกเจ้านายในวัง
    ที่เคยมีทองคำและเงินเต็มบ้าน
16 ทำไมข้าถึงไม่ถูกฝังเหมือนกับเด็กที่ตายในท้อง
    หรือเป็นทารกที่ไม่เคยเห็นแสงสว่าง
17 ที่หลุมศพนั้นคนชั่วจะหยุดก่อปัญหา
    ที่นั่นผู้ที่เหนื่อยล้าจะได้พักผ่อน
18 ที่นั่นเหล่าเชลยจะอยู่กันอย่างสบาย
    เพราะพวกเขาจะไม่ได้ยินเสียงร้องตะโกนของผู้คุม
19 ทั้งผู้น้อยและผู้ใหญ่ก็อยู่ที่นั่น
    ส่วนทาสก็เป็นอิสระจากเจ้านาย
20 ทำไมถึงให้แสงสว่างกับคนที่ทุกข์ทรมาน
    ทำไมถึงให้ชีวิตกับคนที่จมอยู่กับความขมขื่น
21 ทำไมไม่ยอมให้คนที่อยากตายได้ตายซะ
    พวกเขาขุดหาความตายยิ่งกว่าขุดหาทรัพย์สมบัติเสียอีก
22 พวกเขาดีใจแทบตายเมื่อเขาพบหลุมศพของตน
    พวกเขาร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน
23 ทำไมถึงให้ชีวิตกับคนที่ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม
    คือคนที่พระเจ้าได้ปิดกั้นรอบด้าน
24 อาหารของข้าคือการถอนหายใจ
    น้ำดื่มของข้าคือเสียงร้องคร่ำครวญ
25 เพราะสิ่งที่ข้ากลัวมากที่สุดนั้นก็ได้เกิดขึ้นกับข้า
    สิ่งที่ข้าหวาดผวาก็ได้ตกอยู่บนข้า
26 ข้าไม่มีความสงบสุข ไม่มีความเงียบสงบ
    ข้าไม่ได้พักผ่อน ข้ามีแต่ความว้าวุ่นใจ”

1 โครินธ์ 14:1-17

ใช้พรสวรรค์จากพระวิญญาณเพื่อช่วยเหลือหมู่ประชุมของพระเจ้า

14 ให้มุ่งทำตามความรัก และให้ใฝ่หาที่จะได้พรสวรรค์จากพระวิญญาณ โดยเฉพาะพรสวรรค์ในการพูดแทนพระเจ้า ความจริงแล้ว คนที่พูดภาษาแปลกๆได้นั้น ไม่ได้พูดกับมนุษย์หรอกแต่พูดกับพระเจ้า ไม่มีใครเข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไร เพราะเขากำลังพูดถึงสิ่งลึกลับผ่านทางพระวิญญาณ แต่คนที่พูดแทนพระเจ้านั้นกำลังพูดในสิ่งที่เสริมสร้าง ให้กำลังใจและปลอบใจคน คนที่พูดภาษาแปลกๆได้นั้นก็เสริมสร้างตัวเอง แต่คนที่พูดแทนพระเจ้านั้น ก็เสริมสร้างทั้งหมู่ประชุมของพระเจ้า ผมก็อยากให้พวกคุณทุกคนพูดภาษาแปลกๆได้ แต่ยิ่งกว่านั้นผมอยากให้พวกคุณพูดแทนพระเจ้าได้ เพราะคนที่พูดแทนพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่กว่าคนที่พูดภาษาแปลกๆได้เสียอีก นอกจากว่าเขาจะแปลภาษาแปลกๆนั้นได้ เพื่อเขาจะได้เสริมสร้างหมู่ประชุมของพระเจ้า

พี่น้องครับ ถ้าผมมาหาพวกคุณแล้วพูดภาษาแปลกๆ มันจะมีประโยชน์อะไรกับพวกคุณ ถ้าผมไม่ได้เอาสิ่งที่พระเจ้าเปิดเผยมาบอก หรือความรู้พิเศษที่มาจากพระเจ้า หรือมาพูดแทนพระเจ้า หรือเอาคำสอนมาให้ มันก็เหมือนกับสิ่งที่ไม่มีชีวิตที่ทำให้เกิดเสียงได้ เช่น ขลุ่ย หรือ พิณ ถ้าเครื่องดนตรีนี้ทำเสียงไม่ชัดเจน แล้วใครจะไปรู้ว่ากำลังเล่นเพลงอะไรอยู่ ถ้าเสียงของแตรรบไม่ชัดเจน แล้วใครจะเตรียมตัวสู้รบ ก็เหมือนกัน ถ้าพวกคุณไม่ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายๆใครจะไปรู้ว่าคุณพูดอะไร เหมือนกับพูดกับลม 10 แน่นอนว่าในโลกนี้มีตั้งหลายภาษา และทุกภาษาก็ล้วนมีเสียงทั้งนั้น 11 ถ้าผมไม่เข้าใจความหมายของเสียงนั้น เราก็จะเป็นคนต่างด้าวต่อกันเพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง 12 พวกคุณก็เหมือนกัน คุณใฝ่หาอยากได้พรสวรรค์จากพระวิญญาณเสียเหลือเกิน ก็ให้ใฝ่หาพรสวรรค์ต่างๆที่จะมาช่วยเสริมสร้างหมู่ประชุมของพระเจ้า

13 ด้วยเหตุนี้ คนที่พูดภาษาแปลกๆได้ ก็ให้ขอพระเจ้าให้แปลสิ่งที่พูดได้ด้วย 14 เพราะถ้าผมอธิษฐานเป็นภาษาแปลกๆ จิตวิญญาณของผมอธิษฐานก็จริง แต่สมองของผมไม่เกิดผลที่จะเป็นประโยชน์กับใครเลย 15 ถ้างั้น ผมจะทำอย่างไรดี ผมก็จะอธิษฐานด้วยจิตวิญญาณ และด้วยสมอง ผมก็จะร้องเพลงสรรเสริญด้วยจิตวิญญาณและด้วยสมอง 16 เพราะถ้าคุณสรรเสริญพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณเท่านั้น แล้วคนฟังไม่รู้เรื่องในสิ่งที่คุณขอบคุณพระเจ้า เขาจะพูด “อาเมน” ได้อย่างไร 17 คุณอาจจะขอบคุณได้ดีทีเดียว แต่มันไม่ได้เสริมสร้างคนอื่นเลย

สดุดี 37:12-29

12 พวกคนชั่วมักวางแผนร้ายต่อต้านคนดี
    และแยกเขี้ยวใส่พวกเขา
13 แต่องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า หัวเราะเยาะใส่คนพวกนั้น
    เพราะพระองค์รู้ดีว่า วันแห่งการตัดสินโทษคนชั่วกำลังจะมาแล้ว

14 พวกคนชั่วชักดาบออก และโก่งคันธนู
    เพื่อยิงใส่คนยากจนและคนขัดสน และฆ่าฟันคนที่ซื่อตรง
15 แต่ดาบนั้นจะแทงหัวใจที่ชั่วร้ายของพวกเขาเอง
    และคันธนูนั้นก็จะหักกระจุย

16 นิดๆหน่อยๆที่คนดีคนหนึ่งมี
    ก็ยังดีกว่าความร่ำรวยของคนชั่วหลายคน
17 เพราะพระยาห์เวห์จะหักแขนของคนชั่ว
    แต่พระองค์จะดูแลคนดี

18 พระยาห์เวห์จะเอาใจใส่คนที่ไร้ที่ติ
    และรางวัลของพวกเขาจะคงอยู่ตลอดกาล
19 ในยามวิกฤติพวกเขาจะไม่ต้องอับอาย
    ในเวลาที่เกิดกันดารอาหาร พวกเขาจะมีกินอย่างเหลือเฟือ

20 แต่คนชั่วจะถูกทำลายล้าง และศัตรูของพระยาห์เวห์จะสูญไป
    เหมือนดอกไม้ในทุ่ง[a] และหายไปเหมือนควัน

21 คนชั่วยืม แต่ไม่คืน
    แต่คนดีนั้นใจกว้างและแจกจ่ายให้กับผู้อื่น
22 คนเหล่านั้นที่พระยาห์เวห์อวยพร จะได้กรรมสิทธิ์ในแผ่นดิน
    ส่วนคนเหล่านั้นที่พระองค์สาปแช่ง จะถูกตัดออกจากแผ่นดิน

23 พระยาห์เวห์จะนำคนที่พระองค์พอใจไปตามทางที่ดีที่สุด
24 ถ้าคนดีสะดุด เขาก็จะไม่ล้มหรอก
    เพราะพระยาห์เวห์จับมือของเขาอยู่

25 ตั้งแต่ข้าพเจ้าเป็นหนุ่มจนแก่
    ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นคนดีถูกทอดทิ้ง
    ไม่เคยเห็นลูกหลานของเขาต้องไปขอคนอื่นกิน
26 คนดีมักใจกว้างและให้คนอื่นหยิบยืม
    และลูกๆของเขาเป็นพระพร

27 ดังนั้นให้หลีกเลี่ยงสิ่งชั่วร้ายและให้ทำดี
    แล้วเจ้าจะได้อยู่ในแผ่นดินตลอดไป
28 เพราะพระยาห์เวห์รักความยุติธรรม
    พระองค์ไม่ทอดทิ้งคนเหล่านั้นที่จงรักภักดีต่อพระองค์
พระองค์จะคุ้มครองพวกเขาอยู่เสมอ
    แต่ลูกหลานของคนชั่วจะถูกตัดออกไปจากแผ่นดิน
29 คนดีจะได้กรรมสิทธิ์ในแผ่นดิน
    และพวกเขาจะได้อาศัยอยู่บนแผ่นดินนั้นตลอดไป

สุภาษิต 21:25-26

25 คนขี้เกียจจะอดตาย[a]
    เพราะมือของเขาไม่ยอมทำงาน
26 คนโลภก็โลภอยู่วันยังค่ำ
    แต่คนที่ทำตามใจพระเจ้าก็ให้อย่างไม่ยั้ง

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International