The Daily Audio Bible
Today's audio is from the EHV. Switch to the EHV to read along with the audio.
โยบตอบเพื่อนๆ
12 แล้วโยบก็กล่าวตอบว่า
2 “ไม่ต้องสงสัยเลย
พวกท่านเป็นคนฉลาดชุดสุดท้าย
เมื่อพวกท่านตาย
โลกนี้ก็ไม่หลงเหลือความฉลาดไว้อีกแล้ว
3 แต่ข้าก็มีความเข้าใจเหมือนกัน ไม่ได้ด้อยไปกว่าท่านหรอก
ใครบ้างจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ที่ท่านพูด
4 แต่ตอนนี้ข้าได้กลายเป็นตัวตลกให้เพื่อนๆหัวเราะเยาะ
แต่ก่อนข้าเคยอธิษฐานต่อพระเจ้าและพระเจ้าก็ตอบข้าด้วย
ข้าเป็นคนมีคุณธรรมและไม่มีที่ติ แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นตัวตลกไปแล้ว
5 คนที่อยู่สบายๆพูดว่า ‘คนนี้เคราะห์ร้ายอยู่แล้ว ซ้ำเติมลงไปเลย’
พวกนี้พูดว่า ‘คนนั้นโซเซอยู่แล้วผลักให้มันล้มไปเลย’
6 แต่เต็นท์ของโจรอยู่อย่างสงบสุข
และคนที่ยั่วเย้าพระเจ้าก็อยู่อย่างปลอดภัย
ทั้งๆที่ชีวิตของพวกมันอยู่ในกำมือพระเจ้าอยู่แล้ว
7 แต่พวกท่านพูดว่า
‘ไปปรึกษาพวกสัตว์ดูสิ แล้วมันจะสอนท่าน
ไปปรึกษาพวกนกในอากาศดูสิ แล้วมันจะบอกท่าน
8 หรือ ไปปรึกษากับแผ่นดินโลกดูสิ แล้วมันจะสอนท่าน
ไปปรึกษาปลาในท้องทะเลดูสิ แล้วมันจะเล่าให้ท่านฟัง’
9 ในบรรดาสิ่งเหล่านี้ มีสิ่งไหนบ้างที่ไม่รู้ว่า
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของพระยาห์เวห์เอง
10 ชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงและลมหายใจของมนุษย์ทุกคน
อยู่ในมือของพระองค์
11 หูทดสอบคำพูด
เหมือนที่ปากแยกแยะรสชาติอาหารไม่ใช่หรือ
12 สติปัญญาย่อมอยู่กับผู้สูงวัย
และความเข้าใจก็มากับชีวิตที่ยืนยาวไม่ใช่หรือ
13 ข้าว่าสติปัญญาและฤทธิ์อำนาจเป็นของพระเจ้า
คำปรึกษาและความเข้าใจเป็นของพระองค์
14 ถ้าพระองค์รื้ออะไรลง จะไม่มีใครสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้อีก
ถ้าพระองค์ขังใครไว้ จะไม่มีใครปล่อยคนนั้นออกมาได้
15 ถ้าพระองค์หยุดยั้งน้ำฝนไว้ แผ่นดินก็จะเหือดแห้งไป
ถ้าพระองค์ส่งน้ำฝนลงมา มันจะท่วมท้นแผ่นดิน
16 กำลังและสติปัญญาเป็นของพระองค์
ทั้งคนที่ถูกหลอกและคนที่หลอกลวงล้วนอยู่ใต้อำนาจของพระองค์
17 พระองค์เปลื้องผ้าพวกที่ปรึกษาของแผ่นดิน แล้วนำพวกเขาออกไปแต่ตัวล่อนจ้อน
พระองค์ทำให้พวกผู้พิพากษากลายเป็นคนโง่
18 พระองค์ปลดสายสะพายของเหล่ากษัตริย์ออก
แล้วให้พวกกษัตริย์นั้นใส่แค่ผ้าคาดเอว
19 พระองค์เปลื้องผ้าพวกนักบวช แล้วนำพวกเขาออกไปตัวล่อนจ้อน
พระองค์โค่นอำนาจของผู้ที่ปกครองมาช้านาน
20 พระองค์ปิดปากของพวกที่ปรึกษาที่ได้รับความไว้วางใจ
พระองค์แย่งความเข้าใจไปจากพวกผู้นำอาวุโส
21 พระองค์เทการเย้ยหยันลงบนพวกเจ้านาย
และปลดดาบคาดเอวของนักรบที่แข็งแกร่ง
22 พระองค์เปิดเผยพวกเรื่องลึกลับที่แอบซ่อนอยู่ในความมืด
และนำความมืดมาสู่แสงสว่าง
23 พระองค์ทำให้ชนชาติต่างๆยิ่งใหญ่
แต่ต่อมาก็ทำลายมันลง
พระองค์ขยายอาณาเขตของชนชาติต่างๆ
แต่ต่อมาก็นำพวกเขาออกไปเป็นเชลย
24 พระองค์ริบเอาความรู้ของพวกผู้นำประชาชนบนแผ่นดินโลก
แล้วทำให้พวกเขาเดินพลัดหลงเข้าไปในดินแดนอันรกร้างที่ไม่มีถนนหนทาง
25 ผู้นำเหล่านั้นเดินคลำทางในความมืดมิดที่ไร้แสงสว่าง
พระองค์ทำให้พวกเขาเดินโซเซอย่างกับคนเมา
13 “ดูสิ ตาของข้าได้เห็นเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว
หูของข้าได้ยินและเข้าใจมันแล้ว
2 ท่านรู้อะไรข้าก็รู้ด้วย
ข้าไม่ได้ด้อยไปกว่าท่านหรอก
3 แต่ข้าอยากจะพูดกับพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์
และอยากจะต่อสู้คดีของข้ากับพระเจ้า
4 แต่พวกท่านใช้คำโกหกทั้งหลายมาเป็นยาทาข้าพเจ้า
พวกท่านทั้งหมดเป็นหมอที่ห่วยแตก
5 พวกท่านน่าจะนิ่งเงียบซะ
นั่นจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุดสำหรับท่าน
6 ตอนนี้ให้ฟังคำโต้แย้งของข้า
ให้ฟังคดีของข้า
7 พวกท่านจะพูดโกหกเพื่อพระเจ้าหรือ
หรือพูดหลอกลวงเพื่อพระองค์หรือ
8 พวกท่านจะลำเอียงเข้าข้างพระองค์หรือ
พวกท่านจะสู้คดีเพื่อพระเจ้าหรือ
9 เมื่อถึงคราวที่พระองค์ตรวจสอบพวกท่าน
พวกท่านคิดว่าจะออกมาดีหรือ
หรือพวกท่านคิดว่าจะหลอกพระองค์ได้
เหมือนกับที่มนุษย์คนหนึ่งสามารถหลอกอีกคนหนึ่งได้
10 พระองค์จะฟ้องร้องพวกท่านแน่
ถ้าพวกท่านแอบลำเอียง
11 เมื่อความโอ่อ่าตระการตาของพระองค์ปรากฏ ท่านจะไม่หวาดหวั่นหรือ
ความน่าเกรงขามของพระองค์ไม่ทำให้ท่านสะทกสะท้านหรือ
12 คำคมและพวกสุภาษิตของพวกท่านไร้ค่าอย่างขี้เถ้า
คำแก้ต่างของพวกท่านเปราะบางอย่างหม้อดิน
13 เงียบซะ แล้วปล่อยให้ข้าพูด
อะไรจะเกิดขึ้นกับข้าก็ให้มันเกิดเถอะ
14 ข้าจะยอมกัดเนื้อตัวเอง
ยอมเสี่ยงชีวิต
15 พระองค์อาจจะฆ่าข้า แต่ข้าไม่มีอะไรจะสูญเสียอีกแล้ว
ข้าจะต้องพูดแก้ตัวของข้าต่อหน้าพระองค์
16 ความกล้าของข้านี้อาจจะเป็นความรอดของข้า
เพราะคนชั่วจะไม่กล้ามายืนอยู่ต่อหน้าพระองค์หรอก
17 ให้ฟังถ้อยคำของข้าให้ดี
ให้คำพูดของข้าอยู่ในหูของท่าน
18 ข้าได้เตรียมคดีของข้าพร้อมแล้ว
ข้ารู้ว่าข้าเป็นฝ่ายถูก
19 มีใครเล่าสามารถพิสูจน์ว่าข้าผิด
ถ้ามี ข้าจะหุบปากและตายไป
20 ข้าแต่พระเจ้า ขอช่วยทำสองสิ่งนี้ให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไม่ต้องซ่อนตัวไปจากหน้าของพระองค์
21 คือช่วยเอามือของพระองค์ออกจากข้าพเจ้าหน่อย
และขออย่าให้ความน่ากลัวของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้าหวาดหวั่น
22 แล้วเบิกตัวข้าพเจ้ามาเถิด แล้วข้าพเจ้าจะตอบข้อกล่าวหา
หรือไม่อย่างงั้นก็ให้ข้าพเจ้าพูดก่อน แล้วพระองค์ค่อยแย้ง
23 ไหน มีกี่เรื่องที่ข้าพเจ้าทำผิดทำบาป
ช่วยให้ข้าพเจ้ารู้หน่อยว่าความละเมิดและความผิดบาปของข้าพเจ้าคืออะไร
24 ทำไมพระองค์ถึงซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า
และถือว่าข้าพเจ้าเป็นศัตรู[a] ของพระองค์
25 อะไรกัน พระองค์จะขู่ข้าพเจ้า
ผู้เป็นแค่ใบไม้ใบเดียวที่ปลิวตามลมนี่นะ
พระองค์จะไล่กวดเศษฟางแห้งอันเดียวนี่นะ
26 พระองค์ได้เขียนคำตัดสินต่างๆที่ขมขื่นให้กับชีวิตข้าพเจ้า
และพระองค์ทำให้ข้าพเจ้าต้องทนทุกข์ทรมานเพราะความบาปที่ข้าพเจ้าได้ทำในวัยหนุ่ม
27 พระองค์เอาโซ่ตรวนใส่เท้าข้า
แล้วพระองค์เฝ้ามองทุกฝีก้าวของข้า
และสะกดรอยทุกย่างก้าวของข้า
28 ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นแค่มนุษย์ที่ทรุดโทรมไปเหมือนของเน่า
เหมือนเสื้อผ้าที่ถูกแมลงกัดกิน”
14 มนุษย์ที่เกิดมาจากหญิง
ชีวิตก็สั้นและเต็มไปด้วยความยุ่งยาก
2 เขาผลิบานราวกับดอกไม้ แล้วก็เหี่ยวแห้งไป
เขาหายไปอย่างกับเงา ชีวิตเขาไม่ยั่งยืน
3 ทำไมพระองค์จะต้องมาเพ่งดูผู้ที่มีลักษณะอย่างนี้
และนำข้ามาสู้คดีกับพระองค์ด้วย
4 ใครเล่าจะทำสิ่งที่สกปรกให้กลับสะอาดได้อีก
ไม่มีหรอก
5 เพราะวันเวลาของคนได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
และพระองค์ก็ล่วงรู้จำนวนเดือนที่พวกเขาจะมีชีวิตอยู่
พระองค์ได้กำหนดขอบเขตของเวลา
ที่พวกเขาไม่สามารถข้ามไปได้
6 เลิกมองเขาได้แล้ว อย่าไปยุ่งกับเขาเลย
เผื่อบางทีเขาอาจจะมีความสุขบ้างสักเล็กน้อยเหมือนลูกจ้างรายวัน
7 ขนาดต้นไม้ก็ยังมีความหวังเลย
ถึงจะถูกโค่นลง มันก็ยังงอกขึ้นมาใหม่ได้
และหน่อของมันก็จะมีชีวิตต่อไป
8 ถึงรากของมันจะแก่อยู่ในดิน
และตอก็เริ่มตายอยู่บนพื้น
9 แต่พอมันได้กลิ่นของน้ำ
มันก็จะแตกหน่อและแตกกิ่งก้านออกมาเหมือนต้นไม้อ่อน
10 แต่สำหรับมนุษย์ เมื่อตายแล้ว เรี่ยวแรงก็หมดไป
มนุษย์สิ้นลม และก็ไม่อยู่แล้ว
11 เหมือนกับน้ำที่ระเหยไปจากทะเลสาบ
เหมือนกับแม่น้ำที่ขาดแหล่งน้ำของมันไป
12 มนุษย์นอนลงและไม่ลุกขึ้นอีก
เขาจะไม่ตื่น ตราบเท่าฟ้าสวรรค์ยังมีอยู่
ปลุกก็ไม่ตื่น
13 ข้าอยากให้พระองค์ซ่อนข้าไว้ในแดนคนตายเหลือเกิน
จะได้แอบข้าไว้จนกว่าพระองค์จะหายโกรธ
แล้วกำหนดเวลาที่จะนึกถึงข้าและนำข้าออกมา
14 ถ้ามนุษย์ตาย เขาจะฟื้นขึ้นมาได้อีกหรือ
ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าจะคอยและสู้ทนต่อการฝึกหนักเยี่ยงทหารของข้าไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม
จนกว่าจะถึงเวลาที่ข้าจะได้รับการปลดปล่อย
15 ถ้ามีการฟื้นขึ้น เมื่อพระองค์ร้องเรียกข้า ข้าก็จะได้ตอบ
พระองค์จะตั้งตาคอยผู้ที่พระองค์ได้สร้างขึ้นมา
16 พระองค์จะได้เฝ้าดูแลย่างก้าวของข้า
ไม่ใช่มาจ้องจับผิดข้า
17 ความละเมิดของข้าจะถูกปิดไว้ในถุง
พระองค์จะกลบความผิดของข้า
18 แต่ว่านี่ ภูเขาก็ถูกพังทลายและผุกร่อนไป
หินผาถูกเคลื่อนไปจากที่ของมัน
19 พวกโขดหินถูกน้ำเซาะจนกร่อน
ผิวดินของแผ่นดินถูกน้ำซัดไป
และความหวังของคนถูกพระองค์ทำลายไป
20 พระองค์ปราบเขาอย่างราบคาบตลอดไป
และเขาก็สูญสิ้นไป
พระองค์ใช้ความตายเปลี่ยนโฉมหน้าของเขา
และผลักเขาออกไป
21 ลูกๆของเขาอาจจะได้รับเกียรติ แต่เขาก็ไม่รู้เรื่อง
หรือลูกๆของเขาอาจจะตกต่ำลง เขาก็ไม่อาจรับรู้ได้
22 เขารู้สึกได้เพียงความเจ็บปวดในร่างของเขาเท่านั้น
และเขาคร่ำครวญเรื่องของตัวเองเท่านั้น”
เอลีฟัสตอบโยบ
15 แล้วเอลีฟัสแห่งเทมานก็กล่าวตอบว่า
2 “คนมีปัญญา เขาจะพ่นคำพูดใส่คนให้หงายหลังตึงไปอย่างนั้นหรือ
คนมีปัญญา เขาจะอัดอั้นลมตะวันออกไว้ในท้องอย่างนั้นหรือ
3 เขาจะสู้คดีด้วยคำพูดที่ไร้ประโยชน์
และไม่เป็นผลดีกับใครเลยอย่างนั้นหรือ
4 ท่านกำลังทิ้งความยำเกรงพระเจ้า
และกำลังลดความสำคัญของการมีสมาธิจดจ่ออยู่ต่อหน้าพระเจ้า
5 เพราะความผิดของท่านชักนำให้ปากของท่านพูดอย่างนี้
และท่านเลือกใช้ลิ้นที่เคลือบแฝงไปด้วยเล่ห์
6 ปากของท่านนั่นแหละที่กล่าวโทษตัวท่าน ไม่ใช่ข้า
ริมฝีปากของท่านต่างหากที่ปรักปรำท่าน
7 ท่านเป็นมนุษย์คนแรกที่เกิดมาหรือยังไง
ท่านเกิดก่อนพวกภูเขา หรือยังไง
8 ท่านได้ร่วมฟังอยู่กับสภาที่ปรึกษาของพระเจ้า หรือยังไง
มีแต่ท่านเท่านั้นหรือที่มีสติปัญญา
9 มีอะไรบ้างที่ท่านรู้ แต่พวกเราไม่รู้
มีอะไรบ้างที่ท่านเข้าใจ แต่พวกเราไม่เข้าใจ
10 ในพวกเรา มีคนหนึ่งที่ผมหงอกและสูงอายุ
แก่ยิ่งกว่าพ่อท่านเสียอีก
11 ท่านเห็นว่าคำพูดของพระเจ้าที่ให้กำลังใจท่านนั้น เป็นเรื่องขี้ผงสำหรับท่านหรือ
คือคำพูดที่เรากำลังพูดกับท่านอย่างสุภาพนี้
12 ทำไมท่านถึงปล่อยให้ความคิดนำท่านออกนอกลู่นอกทาง
ทำไมตาของท่านถึงมองไม่เห็นความจริง
13 จนทำให้ท่านเกรี้ยวกราดต่อพระเจ้า
และปล่อยคำพูดอย่างนี้ออกมาจากปากท่าน
14 มนุษย์เป็นใครกัน เขาจะสะอาดบริสุทธิ์ได้หรือ
มนุษย์ที่เกิดจากผู้หญิงนี่นะ จะดีรอบคอบได้หรือ
15 ดูเถิด ขนาดทูตสวรรค์ที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า พระองค์ยังไม่ไว้วางใจเลย
ขนาดดวงสว่างบนท้องฟ้า พระเจ้าก็ยังเห็นว่ายังไม่สะอาดบริสุทธิ์เลย
16 แล้วจะนับประสาอะไรกับมนุษย์ที่น่าขยะแขยงและเสื่อมทราม
ที่ดื่มความชั่วร้ายเข้าไปเหมือนน้ำ
17 ฟังข้าให้ดี ข้าจะอธิบายให้ท่านฟังว่าอะไรเป็นอะไร
ข้าจะเล่าให้ฟังถึงสิ่งทั้งหลายที่ข้าเห็นมา
18 เป็นเรื่องที่ผู้มีปัญญาได้เล่าให้ฟัง
ที่บรรพบุรุษของเขาไม่ได้ปิดบังไว้
19 พระเจ้าได้มอบแผ่นดินให้กับบรรพบุรุษพวกนั้นเท่านั้น
ไม่มีคนต่างชาติผ่านเข้าไปท่ามกลางพวกเขาเลย[b]
20 คนชั่วเป็นทุกข์กังวลยิ่งนักตลอดวันเวลาของเขา
ส่วนคนที่กดขี่ข่มเหงนั้นก็ทุกข์กังวลตลอดปีตลอดชาติ
21 ในหูเขามีแต่เสียงอันน่าสะพรึงกลัวก้องอยู่
และเมื่อเขารุ่งเรืองก็กังวลว่าจะมีโจรมาปล้นเขา
22 เขาไม่เชื่อว่าเขาจะหนีรอดจากความมืดมิดนั้น
และเขาเชื่อว่ามีดาบกำลังคอยฆ่าเขาอยู่
23 เขาเชื่อว่าเขาจะถูกโยนทิ้งออกไปเป็นอาหารให้ฝูงนกแร้ง
เขารู้ว่าเขาจะเจอกับความหายนะแน่
24 ความทุกข์ใจและกลัดกลุ้มใจทำให้เขาหวาดหวั่น
มันถาโถมเข้าหาเขาราวกับกษัตริย์ที่เตรียมพร้อมประจัญบาน
25 เพราะเขาชูกำปั้นใส่พระเจ้า
และโจมตีพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์อย่างนักรบ
26 เพราะเขาก้มหน้าก้มตาวิ่งเข้าใส่พระองค์
ด้วยโล่ที่แข็งแกร่งหนาทึบ
27 ถึงแม้ว่าเขาจะมีกินจนอ้วนฉุ
และประสบความสำเร็จในชีวิต
28 แต่เขาจะได้อาศัยอยู่ในเมืองร้าง
ในบ้านที่ใกล้จะพังเป็นกองซากปรักหักพังอยู่แล้ว
29 ดังนั้น คนนั้นจะไม่ร่ำรวยอีกต่อไป ทรัพย์สมบัติของเขาจะไม่ยั่งยืน
ทรัพย์สินของเขาจะไม่งอกเงยไปทั่วแผ่นดิน
30 เขาจะหนีความมืดมิดไปไม่พ้น
เปลวไฟจะทำให้ต้นอ่อนของเขาเหี่ยวแห้ง
ลมหายใจจากปากของพระเจ้าจะพัดพาตัวเขาไป
31 อย่าให้เขาหลงเชื่อในสิ่งที่ไร้ค่าซึ่งจะทำให้เขาหลอกตัวเอง
เพราะเขาจะได้สิ่งไร้ค่าเป็นผลตอบแทน
32 เขาจะได้รับกรรมอย่างเต็มที่และตายก่อนเวลาอันควร
แล้วกิ่งก้านของเขาจะไม่เขียวอีกแล้ว
33 เขาจะเป็นเหมือนเถาองุ่นที่ผลร่วงก่อนสุก
เป็นเหมือนต้นมะกอกที่ช่อดอกร่วงหล่นไป
34 เพราะกลุ่มคนที่ไม่นับถือพระเจ้าจะเป็นหมัน
และไฟก็จะเผาผลาญเต็นท์ของคนรับสินบน
35 พวกเขาตั้งท้องปัญหา และคลอดความชั่วร้ายออกมา
ครรภ์ของเขาให้กำเนิดความหลอกลวง”
29 ถ้าไม่มีการฟื้นจากความตาย คนที่เข้าพิธีจุ่มน้ำเพราะอยากจะไปอยู่กับคนที่ตายไปแล้ว[a] จะทำอย่างไร พวกนี้จะเข้าพิธีจุ่มน้ำเพื่อจะไปอยู่กับคนที่ตายไปแล้วทำไมกัน
30 ถ้าคนตายไม่ฟื้น ทำไมเราถึงยอมเสี่ยงกับอันตรายทุกๆชั่วโมง 31 พี่น้องครับ สาบานได้เลยว่า ผมตายทุกวัน เรื่องนี้มันแน่นอนพอๆกับที่ผมภาคภูมิใจจริงๆในพี่น้องที่อยู่ในพระเยซูคริสต์เจ้า 32 ถ้าผมต่อสู้กับพวกสัตว์ป่าในเมืองเอเฟซัส[b] (เปรียบเทียบให้ฟังนะครับ) ผมจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าคนตายไม่ฟื้น “ก็ให้กินและดื่มไปเลย เพราะพรุ่งนี้เราก็จะตายอยู่แล้ว”[c]
33 อย่าให้ใครมาหลอกคุณได้ “คบคนพาล คนพาลก็จะพาให้เสียนิสัยดีๆไป” 34 ให้มีสติอย่างที่ควรจะมี เลิกทำบาปเสียเพราะพวกคุณบางคนยังไม่รู้เรื่องพระเจ้าเสียด้วยซ้ำ ผมพูดอย่างนี้เพราะจะให้พวกคุณอับอายไปเลย
ตอนที่เราฟื้นจากความตายเราจะมีร่างแบบไหนหรือ
35 แต่อาจจะมีบางคนถามว่า “คนตายจะฟื้นขึ้นมาได้อย่างไร พวกเขาจะมีร่างแบบไหน” 36 ทำไมโง่อย่างนี้ สิ่งที่คุณหว่านนั้น มันจะต้องตายก่อนถึงจะมีชีวิตขึ้นมาได้ 37 และไม่ว่าคุณจะหว่านอะไรก็ตาม สิ่งที่คุณหว่านนั้นไม่ใช่ลำต้นที่มีรูปร่างใหญ่โตเหมือนกับสิ่งที่กำลังจะขึ้นมา มันเป็นแค่เมล็ด อาจจะเป็นเมล็ดข้าวสาลี หรือเมล็ดอย่างอื่น 38 แล้วพระเจ้าก็จะให้ต้นของมันตามที่พระองค์เลือก พระองค์ให้เมล็ดแต่ละชนิดมีลำต้นแตกต่างกันไป 39 เนื้อของสิ่งมีชีวิตก็แตกต่างกัน เนื้อมนุษย์ก็เป็นแบบหนึ่ง เนื้อของพวกสัตว์ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง นกก็อย่างหนึ่ง ปลาก็อีกอย่างหนึ่ง 40 ดวงดาวในท้องฟ้ามีรูปร่างที่ต่างกัน สิ่งมีชีวิตในโลกนี้ก็มีรูปร่างที่ต่างกัน รูปร่างของสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้ามีความงดงามอย่างหนึ่ง และรูปร่างของสิ่งในโลกนี้มีความงดงามอีกอย่างหนึ่ง 41 ดวงอาทิตย์มีความงดงามอย่างหนึ่ง ดวงจันทร์ก็อีกอย่างหนึ่ง ดวงดาวก็อีกอย่างหนึ่ง และแม้แต่ความงดงามของดวงดาวแต่ละดวงก็ยังแตกต่างกันเลย
42 มันจะเป็นอย่างนี้ เมื่อคนตายฟื้นขึ้นมาใหม่ ร่างรูปที่ถูกฝังในดินนั้นก็เน่าเปื่อยไป แต่รูปร่างที่ฟื้นขึ้นมาใหม่นี้ไม่มีวันเน่าเปื่อย 43 รูปร่างที่ถูกฝังในดินนั้นไม่มีเกียรติ แต่รูปร่างที่ฟื้นขึ้นมานี้มีสง่าราศี รูปร่างที่ถูกฝังในดินนั้นอ่อนแอ แต่รูปร่างที่ฟื้นขึ้นมานี้มีฤทธิ์อำนาจ 44 รูปร่างที่ถูกฝังในดินนั้นเป็นเพียงรูปร่างธรรมดา แต่ร่างที่ฟื้นขึ้นมานี้เป็นรูปร่างทิพย์จากพระวิญญาณ ดังนั้นในเมื่อมีรูปร่างธรรมดาก็ต้องมีรูปร่างทิพย์ด้วย 45 เหมือนกับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “อาดัมผู้ชายคนแรกได้กลายเป็นมนุษย์ธรรมดาที่มีชีวิต[d]”[e] แต่พระคริสต์ผู้เป็นอาดัมคนสุดท้ายได้กลายเป็นวิญญาณที่ให้ชีวิต 46 รูปร่างทิพย์ไม่ได้เกิดก่อน แต่รูปร่างธรรมดาเกิดก่อน แล้วรูปร่างทิพย์จึงตามมา 47 อาดัมมนุษย์คนแรกนั้นมาจากผงคลีดินในโลกนี้ ส่วนพระคริสต์มนุษย์คนที่สองมาจากสวรรค์ 48 พวกที่เป็นของโลกนี้ก็จะเป็นเหมือนอาดัมมนุษย์คนแรกที่มาจากผงคลีดินนั้น พวกที่เป็นของสวรรค์นั้นก็จะเป็นเหมือนพระคริสต์มนุษย์คนที่สองที่มาจากสวรรค์นั้น 49 ตอนนี้เรามีรูปร่างเหมือนกับอาดัมคนที่มาจากผงคลีดิน เช่นเดียวกันวันหนึ่งเราก็จะมีรูปร่างเป็นเหมือนพระคริสต์คนที่มาจากสวรรค์
50 พี่น้องครับ ผมจะบอกพวกคุณว่า ร่างที่เป็นเนื้อและเลือดของเราตอนนี้ ไม่สามารถที่จะมีส่วนในอาณาจักรของพระเจ้าได้ สิ่งที่เน่าเปื่อยได้ก็ไม่สามารถจะมีส่วนร่วมกับสิ่งที่ไม่มีวันเน่าเปื่อย 51 ฟังให้ดี ผมจะบอกความลับให้รู้ พวกเราจะไม่ตายกันหมดทุกคนหรอก แต่พวกเราทุกคนจะถูกเปลี่ยนแปลงทันทีทันใด 52 ในชั่วพริบตาเมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะเสียงแตรจะดังขึ้น และคนตายก็จะฟื้นขึ้นในรูปร่างที่ไม่มีวันเน่าเปื่อย และพวกเราที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะถูกเปลี่ยนแปลงไป 53 เพราะร่างที่กำลังเน่าเปื่อยจะสวมร่างที่ไม่เน่าเปื่อย และร่างที่ต้องตายนี้จะต้องสวมด้วยร่างที่ไม่มีวันตาย 54 เมื่อร่างที่เน่าเปื่อยนี้สวมสิ่งที่ไม่เน่าเปื่อยแล้ว และร่างที่ต้องตายนี้สวมสิ่งที่ไม่มีวันตายแล้ว สิ่งที่พระคัมภีร์เขียนไว้ก็จะเป็นความจริงที่ว่า
“ความตายก็พ่ายแพ้อย่างราบคาบแล้ว”[f]
56 พิษสงของความตายนั้นคือบาป และอำนาจของบาปก็มาจากกฎ 57 แต่ขอบคุณพระเจ้า ที่ทำให้เราชนะผ่านทางพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา
58 ดังนั้น พี่น้องที่รัก ให้มั่นคง อย่าหวั่นไหว และให้ทุ่มเทกับงานขององค์เจ้าชีวิตตลอดเวลา เพราะคุณก็รู้ว่าจะได้รับรางวัลสำหรับงานหนักที่คุณทำเพื่อองค์เจ้าชีวิตนั้นแน่
ชีวิตที่แสนสั้น
ถึงหัวหน้านักร้อง ถึงเยดูธูน[a] เพลงของดาวิด
1 ข้าพเจ้าพูดว่า “ข้าพเจ้าจะระวังในสิ่งที่ข้าพเจ้าทำ
และข้าพเจ้าจะไม่ยอมให้ลิ้นของข้าพเจ้าทำให้ข้าพเจ้าบาป”
เมื่ออยู่ในกลุ่มคนชั่ว ข้าพเจ้าจะเอาตะกร้อสวมปากข้าพเจ้าเอง
2 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่เรื่องที่ดีๆ
แต่ก็ทำให้ข้าพเจ้ายิ่งหงุดหงิดใจ
3 ข้าพเจ้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ภายใน
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ก็ยิ่งโกรธ
ข้าพเจ้าจึงต้องพูดออกมาว่า
4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยบอกข้าพเจ้าหน่อยว่าตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะมีชีวิตไปอีกนานแค่ไหน
ช่วยบอกข้าพเจ้าด้วยว่าชีวิตของข้าพเจ้านั้นจะสั้นแค่ไหน
5 ดูเถิด พระองค์ให้ชีวิตกับข้าพเจ้ายาวไม่เกินฝ่ามือเดียว
ชีวิตอันแสนสั้นของข้าพเจ้านี้แค่พริบตาเดียวในสายตาพระองค์
ชีวิตของคนเปรียบเหมือนไอน้ำที่จางหายไปอย่างรวดเร็ว เซลาห์
6 ชีวิตของคนเป็นเหมือนเงาที่ผ่านไป
ชีวิตผู้คนก็ยุ่งกับเรื่องโน้นเรื่องนี้ แต่เกิดผลที่ไม่ยั่งยืน
ผู้คนต่างก็พากันสะสมทรัพย์สมบัติมากมาย ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าใครจะได้ไป เมื่อเขาตายไป
7 องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีความหวังอะไรหรือ
ความหวังทั้งหมดของข้าพเจ้าอยู่ที่พระองค์
8 ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากความผิดทั้งสิ้นของข้าพเจ้าด้วย
อย่าให้ข้าพเจ้าต้องอดทนต่อคำเย้ยหยันของคนโง่เขลา
9 ข้าพเจ้าเป็นเหมือนคนใบ้
ข้าพเจ้าไม่ปริปากพูด เพราะพระองค์คือผู้ที่ลงโทษข้าพเจ้าอย่างนี้
10 โปรดหยุดลงโทษข้าพเจ้าเถิด
เพราะมืออันทรงพลังของพระองค์กำลังจะฆ่าข้าพเจ้าอยู่แล้ว
11 พระองค์ว่ากล่าวและลงโทษมนุษย์สำหรับความผิดที่เขาทำ
พระองค์ทำลายสิ่งที่พวกเขารักหวงแหน เหมือนกับมอดกัดกินเสื้อผ้า
ชีวิตของคนเปรียบเหมือนไอน้ำที่จางหายไปอย่างรวดเร็ว เซลาห์
12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
โปรดฟังเสียงร้องให้ช่วยของข้าพเจ้า
อย่าทำเป็นหูหนวกต่อน้ำตาของข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้าเป็นคนเดินทาง[b] ที่มาพักอยู่กับพระองค์
ข้าพเจ้าเป็นเหมือนบรรพบุรุษของข้าพเจ้าคือเป็นคนต่างด้าวที่ต้องพึ่งพระองค์
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์หันสายตาที่โกรธเคืองไปจากข้าพเจ้าได้แล้ว
ข้าพเจ้าจะได้มีความสุขสักหน่อย
ก่อนที่ข้าพเจ้าจะจากไป และไม่มีข้าพเจ้าอีกแล้ว
30 ถึงจะมีสติปัญญา ความเข้าใจ และคำปรึกษาดีแค่ไหนก็ตาม
ก็ช่วยไม่ได้หรอก ถ้าพระยาห์เวห์ต่อต้านเจ้า
31 ม้าก็เตรียมไว้พร้อมแล้วสำหรับวันทำสงคราม
แต่พระยาห์เวห์เป็นผู้ให้ชัยชนะ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International