Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the EHV. Switch to the EHV to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
โยบ 16-19

โยบตอบเอลีฟัส

16 แล้วโยบก็กล่าวตอบว่า

“ข้าเคยได้ฟังเรื่องอย่างนี้มามากแล้ว
    พวกท่านช่างเป็นผู้ปลอบประโลมที่สร้างความทุกข์ใจเสียจริงๆ
ลมปากของท่านไม่มีที่สิ้นสุดหรือยังไง
    มีอะไรกวนใจท่านหรือถึงต้องพูดไม่หยุดอย่างนี้
ข้าก็พูดอย่างที่พวกท่านพูดได้
    ถ้าพวกท่านมาอยู่จุดนี้แทนข้า
ข้าก็สามารถเรียงร้อยถ้อยคำมาต่อว่าพวกท่าน
    และส่ายหัวใส่พวกท่านได้
แต่ข้ากลับจะให้กำลังใจพวกท่านด้วยปากข้ามากกว่า
    และปลอบประโลมพวกท่านด้วยริมฝีปากของข้า เพื่อช่วยให้ท่านคลายจากความเจ็บปวด

แต่ตอนนี้ถึงข้าจะพูด ความเจ็บปวดก็ไม่ได้คลายไป
    ถึงข้าจะเงียบ ความเจ็บปวดก็ไม่ได้ทิ้งข้าไปอยู่ดี
พระเจ้าทำให้ข้าพเจ้าหมดเรี่ยวแรง
    พระองค์ทำลายทั้งครอบครัวของข้าพเจ้า
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าซูบผอม
    ซึ่งคนเอามาเป็นหลักฐานเอาผิดกับข้าพเจ้า
ความผอมแห้งของข้าพเจ้าลุกขึ้นมาต่อว่าข้าพเจ้า
    เป็นพยานปรักปรำข้าพเจ้าซึ่งๆหน้า
พระองค์ฉีกข้าพเจ้าด้วยความเกรี้ยวโกรธ และอาฆาตแค้นข้าพเจ้า
    พระองค์ขบฟันใส่ข้าพเจ้า
    พระองค์เป็นศัตรูของข้าพเจ้าที่จ้องข้าพเจ้าเขม็ง
10 ชาวบ้านอ้าปากกว้างหัวเราะเยาะข้าพเจ้า
    และตบหน้าเยาะเย้ยข้าพเจ้า เขารวมหัวกันต่อต้านข้าพเจ้า
11 พระเจ้ามอบข้าพเจ้าไปอยู่ใต้อำนาจของคนชั่ว
    พระองค์โยนข้าพเจ้าให้ไปตกอยู่ในกำมือของคนเลว
12 เมื่อข้าพเจ้ากำลังสุขสบาย พระองค์หักข้าพเจ้าเป็นชิ้นๆ
    พระองค์คว้าคอของข้าพเจ้าและทุบข้าพเจ้าจนละเอียด
พระองค์จับตัวข้าพเจ้ายืนขึ้นเป็นเป้า
13     นักยิงธนูของพระองค์รายล้อมตัวข้าพเจ้าอยู่
พระองค์แทงไตของข้าพเจ้าจมมิดอย่างโหดเหี้ยม
    และเทน้ำดีของข้าพเจ้าลงสู่พื้น
14 ข้าพเจ้าเป็นเหมือนกำแพงที่พระองค์ทะลวงเป็นช่องซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากทุกด้าน
    และพระองค์วิ่งโถมเข้าใส่ข้าพเจ้าราวกับนักรบ
15 ข้าพเจ้าเย็บผ้ากระสอบติดกับหนัง[a]ข้าพเจ้า
    และกำลังข้าพเจ้าก็จมดินไปแล้ว
16 ใบหน้าของข้าพเจ้าแดงก่ำเพราะร่ำไห้
    ขอบตาของข้าพเจ้าดำคล้ำไปหมดแล้ว
17 ถึงแม้ว่ามือข้าพเจ้าไม่เคยก่อความรุนแรง
    และคำอธิษฐานของข้าพเจ้าบริสุทธิ์

18 แผ่นดินโลกเอ๋ย อย่าปกปิดเลือดของข้าพเจ้าไว้เลย
    ขออย่าให้เสียงร้องของข้าพเจ้าหยุดลงเลย แต่ให้มันไปจนทั่ว
19 เดี๋ยวนี้เอง พยานของข้าพเจ้าก็อยู่ในสวรรค์
    ผู้ที่พูดแทนข้าพเจ้าก็อยู่เบื้องบนนั้น
20 เพื่อนๆของข้าพเจ้าเย้ยหยันข้าพเจ้า[b]
    ตาของข้าพเจ้าเทน้ำตาออกให้กับพระเจ้า
21 แต่พยานของข้าพเจ้าจะสู้คดีให้กับพระเจ้า
    อย่างที่เพื่อนควรจะทำให้กับเพื่อนของตน
22 เพราะว่าอีกไม่กี่ปี
    ข้าพเจ้าก็จะไปตามทางที่ไปแล้วไปลับ
17 วิญญาณของข้าพเจ้าใกล้แตกดับแล้ว วันเวลาของข้าพเจ้าใกล้จะมอดแล้ว
    หลุมศพรอคอยข้าพเจ้าอยู่
ใช่แล้ว มีแต่คนเยาะเย้ยอยู่รอบตัวข้าพเจ้า
    และข้าพเจ้าก็ต้องมองพวกนี้สบประมาทข้าพเจ้า

ข้าแต่พระเจ้า
โปรดยอมรับคำยืนยันของข้าพเจ้าที่ว่าข้าพเจ้าบริสุทธิ์ด้วยเถิด
    เพราะไม่มีผู้อื่นมายืนยันให้กับข้าพเจ้า
เพราะพระองค์ได้ปิดกั้นความคิดของพวกเขาไม่ให้เข้าใจ
    พระองค์จะไม่ได้รับการยกย่องจากการทำอย่างนั้น
คนพูดกันว่า
‘ผู้ที่ปรักปรำเพื่อนเพราะเห็นแก่ได้
    ลูกๆของเขาก็จะหิวหน้ามืด’
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน
    และเขาต่างถ่มน้ำลายรดหน้าข้าพเจ้า
ดวงตาของข้าพเจ้าพร่ามัว เนื่องจากความเศร้าโศก
    และแขนขาของข้าพเจ้าผอมเหลือแต่เงา
คนดีจะตกตะลึงกับเรื่องนี้
    คนบริสุทธิ์ก็จะปลุกเร้าตนเองให้ต่อต้านคนที่ไม่มีพระเจ้า
คนที่ทำในสิ่งที่ถูกต้องก็จะยึดมั่นในทางของเขา
    และคนมือสะอาดก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น

10 มาสิ พวกท่านทุกคน โจมตีข้าพเจ้าอีกสิ
    ข้าพเจ้าไม่เห็นใครในหมู่พวกท่านฉลาดสักคน
11 วันเวลาของข้าพเจ้าผ่านพ้นไปแล้ว
    แผนการของข้าพเจ้าแตกหักแล้ว
    คือสิ่งต่างๆที่ข้าพเจ้าหวังไว้นั้น
12 ความหวังเหล่านั้นทำให้กลางคืนเป็นกลางวัน
    และนำแสงสว่างมาสู่ความมืด
13 ถ้าข้าพเจ้าคาดหวังว่าแดนคนตายจะเป็นบ้านของข้าพเจ้า
    ถ้าข้าพเจ้ากางเตียงนอนในความมืดมิดนั้น
14 ถ้าข้าพเจ้าพูดกับหลุมลึกว่า ‘เจ้าเป็นพ่อของข้า’
    และพูดกับหนอนว่า ‘แม่จ๋า หรือ พี่สาวจ๋า’
15 ถ้าข้าพเจ้าทำอย่างนั้น
    ความหวังของข้าพเจ้าอยู่ที่ไหนกัน และใครจะเห็นอนาคตที่สดใสสำหรับข้าพเจ้า
16 ความหวังของข้าพเจ้าจะลงไปสู่แดนคนตาย ไม่ใช่หรือ
    ทั้งข้าพเจ้าและความหวังของข้าพเจ้า จะลงไปสู่ผงคลีดินด้วยกัน ไม่ใช่หรือ”

บิลดัดพูดกับโยบ

18 แล้วบิลดัดแห่งชูอาห์ก็กล่าวตอบ

“อีกนานไหมท่านถึงจะหยุดพูด
    หยุดใคร่ครวญสักหน่อยดีไหม
    แล้วเราจะได้พูดกันรู้เรื่อง
ทำไมท่านถึงมองพวกเราเหมือนวัวควาย
    ทำไมท่านถึงได้มองพวกเราโง่เง่าเต่าตุ่น
ท่านนั่นแหละที่ฉีกตัวเองเป็นชิ้นๆด้วยอารมณ์โมโหร้ายของตน
    จะให้โลกนี้ถูกทิ้งร้างหรือหินผาถูกเคลื่อนไป
    เพื่อให้มันเข้ากับความคิดของท่านหรือ
ไม่ว่าท่านจะคิดยังไงความสว่างของคนชั่วจะถูกดับไป
    และเปลวไฟของเขาจะไม่ส่องสว่างอีก
แสงสว่างในเต็นท์ของเขาจะมืดลง
    โคมไฟที่อยู่เหนือเขาจะถูกดับลง
ก้าวย่างที่แข็งแกร่งของเขาจะสั้นลง
    ส่วนแผนการของเขาจะกลับโค่นเขาเองให้ล้มลง
ใช่แล้ว เท้าของเขาก้าวสู่ตาข่ายที่เขาได้เตรียมไว้
    และก้าวสู่หลุมพรางที่ปิดซ่อนไว้
ส้นเท้าของเขาติดกับดัก
    และบ่วงแร้วนั้นรัดเขาไว้แน่น
10 มีเชือกซ่อนไว้บนพื้นเพื่อมัดตัวเขา
    มีกับดักซ่อนอยู่บนทางเดินเพื่อดักเขา
11 เรื่องน่ากลัวจากทุกด้านทำให้เขาหวาดหวั่น
    และพวกมันไล่ตามส้นเท้าของเขาไป
12 ความหิวโหยกัดกร่อนกำลังของเขา
    ความหายนะรอคอยโอกาสที่เขาจะสะดุดล้ม
13 โรคกัดกินผิวหนังของเขา
    โรคระบาด[c] กัดกินแขนขาของเขา
14 เขาถูกกระชากออกมาจากเต็นท์อันปลอดภัย
    และถูกนำตัวไปเข้าเฝ้ากษัตริย์แห่งความน่าสยองขวัญทั้งหลาย
15 ไฟก็มาอาศัยอยู่ในเต็นท์ของเขา
    ไฟกำมะถันถูกหว่านไปทั่วที่พักของเขา
16 รากเบื้องล่างของเขาก็เหี่ยวแห้งไป
    กิ่งด้านบนของเขาก็เหี่ยวเฉาลง
17 ความทรงจำถึงเขาก็สูญหายไปจากแผ่นดินโลก
    และชื่อของเขาก็ไม่เป็นที่กล่าวถึงตามถนนหนทางอีกต่อไป
18 เขาถูกโยนออกมาจากความสว่างเข้าสู่ความมืด
    และถูกขับไล่ออกไปจากแผ่นดินโลก
19 เขาไม่มีลูก ไม่มีผู้สืบสกุลในหมู่ประชาชนของเขา
    ในที่ต่างๆที่เขาเคยพัก ไม่มีลูกหลานของเขารอดชีวิตเหลืออยู่
20 คนทางตะวันตกเมื่อได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาต่างพากันตกตะลึง
    ส่วนคนทางตะวันออกฟังแล้วสยองขวัญ
21 ที่อยู่อาศัยทั้งหลายของคนชั่วก็เป็นอย่างนี้แน่
    ส่วนที่อยู่ของคนที่ลืมพระเจ้าก็เป็นอย่างนี้แหละ”

โยบพูดอีก

19 แล้วโยบก็ตอบว่า

“พวกท่านจะทรมานข้าไปอีกนานแค่ไหน
    พวกท่านพยายามจะบดขยี้ข้าเป็นชิ้นๆด้วยคำพูดอย่างนี้ไปอีกนานไหม
พวกท่านพยายามฉีกหน้าข้ามาตั้งสิบครั้งแล้ว
    ยังไม่รู้สึกอายที่ทำผิดต่อข้าอย่างนี้หรือ
สมมุติว่าข้าได้ทำผิดจริง
    ข้าเองจะต้องเป็นผู้รับผิด
ถ้าพวกท่านพองตัวว่าดีกว่าข้า
    และถือเอาความตกต่ำของข้าเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าข้าผิด
ก็รู้ไว้เถิดว่าเป็นพระเจ้าที่ทำให้ข้าดูเหมือนเป็นคนผิด
    แล้วปิดล้อมโจมตีข้าอย่างนี้
ถึงข้าจะร้องว่า ‘ช่วยด้วย ข้าถูกโบยตี’
    ก็ไม่มีใครฟังข้าอยู่ดี
ถึงข้าจะร้องให้ช่วย
    ก็ยังไม่มีความยุติธรรมเกิดขึ้น
พระองค์กั้นทางข้าไม่ให้ผ่าน
    และทำให้เส้นทางทั้งหลายของข้ามืดไป
พระองค์ปลดศักดิ์ศรีของข้าไปหมด
    และถอดมงกุฎไปจากหัวข้า
10 พระองค์รื้อข้าลงจากทุกด้าน จนข้าสูญสิ้นไป
    ความหวังของข้าถูกพระองค์ถอนรากถอนโคนเหมือนต้นไม้
11 พระองค์จุดความโกรธเกรี้ยวต่อข้า
    และนับว่าข้าเป็นศัตรูของพระองค์
12 กองทัพทั้งหลายของพระองค์เรียงหน้าบุกเข้ามาพร้อมกัน
    พวกเขาสร้างเนินดินไว้บุกกำแพงข้า
    และตั้งค่ายล้อมรอบเต็นท์ของข้า

13 พระองค์ทำให้พี่น้องของข้าเหินห่างจากข้า
    ส่วนเพื่อนๆของข้าทำตัวเป็นคนแปลกหน้ากับข้า
14 ญาติพี่น้องและพวกเพื่อนสนิทของข้าได้ทอดทิ้งข้าไป
    แขกทั้งหลายที่เคยมาบ้านข้าหลงลืมข้าหมดแล้ว
15 สาวใช้ของข้ามองข้าเป็นคนแปลกหน้า
    ข้ากลายเป็นคนต่างด้าวในสายตาพวกเขา
16 ข้าเรียกทาสชายของข้า แต่เขาไม่ตอบ
    แม้ข้าจะอ้อนวอนให้เขามาช่วยก็ตาม
17 กลิ่นปากของข้าเป็นที่น่ารังเกียจแก่เมียข้า
    และพี่น้องท้องเดียวกับข้าก็สะอิดสะเอียนข้า
18 แม้แต่เด็กเล็กๆก็ดูหมิ่นข้า
    เมื่อข้ายืนขึ้นพูด พวกเขาก็พูดต่อว่าข้า
19 พวกเพื่อนสนิททุกคนของข้าต่างก็สะอิดสะเอียนข้า
    ส่วนคนเหล่านั้นที่ข้ารักก็หักหลังข้า
20 กระดูกของข้าอ่อนปวกเปียกซะจนต้องเกาะหนังและเนื้อไว้
    ข้ารอดตายอย่างหวุดหวิดเหลือแต่หนังหุ้มฟัน
21 เพื่อนๆของข้า สงสารข้าด้วย สงสารข้าด้วยเถิด
    เพราะมือของพระเจ้าได้ตบตีข้า
22 ทำไมพวกท่านต้องไล่ล่าข้าเหมือนกับที่พระเจ้าทำอยู่นี้
    กินเนื้อข้ายังไม่อิ่มหรือ
23 ข้าอยากให้มีคนบันทึกคำพูดของข้าเหลือเกิน
    ข้าอยากให้จารึกไว้บนแผ่นหิน
24 ข้าอยากให้สลักคำพูดทั้งหมดของข้าไว้บนแผ่นหินตลอดไป
    ด้วยสิ่วเหล็กและเคลือบตะกั่ว
25 เพราะข้ารู้ว่าผู้ที่จะแก้ต่างให้กับข้านั้นมีชีวิตอยู่
    เขาจะยืนขึ้นในที่สุดเพื่อพูดแทนข้าบนผืนดินนี้
26 แม้ว่าหนังของข้าจะถูกถลกออกไปแล้วก็ตาม
    แต่ข้าก็ยังอยากจะเห็นพระเจ้าในขณะที่ข้ายังอยู่ในเนื้อหนังนี้
27 ข้าอยากจะเห็นพระองค์ด้วยตัวข้าเอง
    ด้วยตาของข้าเอง ไม่ใช่มีแต่คนอื่นเห็น
    ข้าคอยจนเหนื่อยใจแล้ว
28 เมื่อพวกท่านพูดว่า ‘ไล่ล่ามันไป’
    และกล่าวว่า ‘ปัญหาของมันก็อยู่ที่ตัวมันนั่นแหละ’
29 ให้ระวังดาบไว้ให้ดี
    เพราะความโกรธเกรี้ยวของพวกท่าน สมควรจะถูกลงโทษด้วยดาบ
    แล้วพวกท่านจะได้รู้ว่าการพิพากษามีจริง”

1 โครินธ์ 16

เรี่ยไรเพื่อช่วยคนของพระเจ้า

16 ทีนี้จะพูดถึงเรื่องการเรี่ยไรเงินสำหรับคนที่เป็นของพระเจ้า ผมขอสั่งให้คุณทำแบบเดียวกับที่ผมได้สั่งหมู่ประชุมต่างๆของพระเจ้าในแคว้นกาลาเทียคือ ทุกๆวันอาทิตย์ ให้แต่ละคนแบ่งเงินตามที่พระเจ้าอวยพรให้ แล้วเก็บรวบรวมไว้ที่บ้าน พอผมมาจะได้ไม่ต้องมีการเรี่ยไรกันอีก เมื่อผมมาถึง ผมก็จะส่งคนที่พวกคุณเลือกไว้พร้อมกับจดหมายแนะนำตัว และเงินที่พวกคุณได้บริจาคไปที่เมืองเยรูซาเล็ม ถ้าเห็นว่าผมน่าจะไปด้วย พวกนั้นก็จะไปพร้อมกับผม

แผนของเปาโล

เมื่อผมผ่านแคว้นมาซิโดเนีย ผมจะมาหาพวกคุณ เพราะผมตั้งใจที่จะผ่านมาทางนั้นอยู่แล้ว แต่ผมอาจจะพักอยู่กับพวกคุณสักระยะหนึ่ง หรือไม่แน่ว่าอาจจะอยู่ตลอดฤดูหนาว เพื่อคุณจะได้ช่วยสนับสนุนให้ผมเดินทางต่อไม่ว่าผมจะไปไหนก็ตาม ผมไม่อยากจะแวะเยี่ยมคุณแค่ครู่เดียว แล้วก็ไป เพราะผมกะจะอยู่กับพวกคุณให้นานหน่อย ถ้าองค์เจ้าชีวิตอนุญาตให้เป็นอย่างนั้น ตอนนี้ผมจะอยู่ที่เมืองเอเฟซัสไปก่อนจนกว่าจะถึงเทศกาลเพ็นเทคอสต์ เพราะโอกาสเปิดกว้างให้ผมทำงานที่นี่อย่างได้ผล และผมอยากจะตอบข้อกล่าวหาของคนมากมายที่ต่อต้านเรา

10 ทิโมธีมาถึงเมื่อไรก็อย่าทำให้เขาต้องรู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่กับพวกคุณ เพราะเขาทำงานขององค์เจ้าชีวิตเหมือนกับผม 11 อย่าให้ใครดูถูกเขาได้ ช่วยส่งเขาเดินทางกลับมาหาผมด้วย เพราะผมกับพี่น้องคนอื่นๆกำลังคอยเขาอยู่

12 ผมได้คะยั้นคะยอ อปอลโลพี่น้องของเราอย่างเต็มที่ ให้เขาร่วมเดินทางมากับพี่น้องพวกนั้นเพื่อมาเยี่ยมคุณ แต่ตอนนี้เขายังไม่อยากมา รอให้มีโอกาสเหมาะๆก่อนแล้วเขาจะมา

เปาโลลงท้ายจดหมาย

13 ระวังตัวให้ดี จงยืนหยัดมั่นคงในคำสอนที่คุณได้ไว้วางใจแล้ว มีใจกล้าเหมือนผู้ใหญ่ และเข้มแข็งไว้ 14 ให้ทำทุกอย่างด้วยความรัก

15 พวกคุณก็รู้ว่าครอบครัวของสเทฟานัส เป็นครอบครัวแรกที่เป็นคริสเตียนในแคว้นอาคายา และพวกเขาได้ทุ่มเทรับใช้คนที่เป็นของพระเจ้า พี่น้องครับ ผมขอร้องล่ะ 16 ขอให้ยินยอมคนอย่างนี้ รวมทั้งผู้ร่วมงานทุกคนและคนที่ทำงานอย่างตรากตรำด้วย

17 ผมดีใจที่สเทฟานัสและฟอร์ทูนาทัส และอาคายคัสมาหา พวกเขาทำให้ผมไม่รู้สึกว่าขาดพวกคุณไป 18 เขาทำให้ผมสดชื่นขึ้นเหมือนกับที่เคยทำให้กับพวกคุณ ให้เกียรติกับคนแบบนี้

19 หมู่ประชุมต่างๆของพระเจ้าในแคว้นเอเชียฝากความคิดถึงมา อาควิลลา ปริสคาและหมู่ประชุมของพระเจ้าที่ประชุมกันในบ้านของพวกเขา ก็ฝากความคิดถึงมาให้พวกคุณเป็นพิเศษในองค์เจ้าชีวิต 20 พี่น้องทุกคนฝากความคิดถึงมาให้ เมื่อพวกคุณเจอกันก็ขอให้ทักทายกันด้วยจูบอันบริสุทธิ์

21 ผมเปาโลเขียนคำร่ำลานี้ด้วยมือของผมเอง

22 ถ้าใครไม่รักองค์เจ้าชีวิต ก็ขอให้คนนั้นถูกสาปแช่ง

มาเถอะ องค์เจ้าชีวิต[a]

23 ขอให้พระเยซูเจ้าให้ความเมตตากรุณากับพวกคุณด้วย

24 ผมขอฝากความรักมาให้กับพวกคุณทุกคนในพระเยซูคริสต์

สดุดี 40:1-10

สรรเสริญและขอความช่วยเหลือ

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงของดาวิด

ข้าพเจ้าคอยพระยาห์เวห์อย่างอดทน
    พระองค์หันมาหาข้าพเจ้าและฟังเสียงร้องขอให้ช่วยของข้าพเจ้า
พระองค์ฉุดข้าพเจ้าขึ้นจากหลุมศพที่เต็มไปด้วยโคลนตม
    แล้ววางเท้าข้าพเจ้าลงบนหินและทำให้ข้าพเจ้าก้าวเท้าอย่างมั่นคง
พระองค์ใส่เพลงใหม่เข้าในปากของข้าพเจ้า
    เป็นเพลงสรรเสริญพระเจ้าของเรา
หลายคนจะได้เห็นสิ่งที่พระเจ้าทำ
    พวกเขาจะได้ยำเกรงและไว้วางใจในพระยาห์เวห์

ถือว่ามีเกียรติจริงๆคนที่ฝากความไว้วางใจในพระยาห์เวห์
    และไม่ได้หันไปขอความช่วยเหลือจากภูตผีปีศาจและรูปเคารพทั้งหลาย
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ได้ทำสิ่งที่มหัศจรรย์มากมายจริงๆ
    พระองค์มีแผนการที่ยอดเยี่ยมสำหรับพวกเราจนไม่มีใครจดพวกมันได้หมด
ถ้าข้าพเจ้าจะเล่าก็คงพูดไม่หมดหรอก
    เพราะมีมากเสียจนนับไม่ถ้วน

พระองค์ไม่ใช่อยากได้แค่เครื่องบูชาหรือเมล็ดพืชบูชา
พระองค์ไม่ได้แสวงหาแค่เครื่องเผาบูชาหรือเครื่องบูชาชำระตัว
    แต่พระองค์ได้เปิดหูของข้าพเจ้าเพื่อให้ข้าพเจ้าได้ยินและเชื่อฟัง[a]
ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงพูดว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้ามาแล้ว
    ในหนังสือม้วนก็ได้เขียนถึงเรื่องราวของข้าพเจ้าไว้แล้ว
พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอยากจะทำตามใจของพระองค์
    คำสั่งสอนของพระองค์ก็อยู่ในใจของข้าพเจ้าแล้ว”

ข้าพเจ้าได้บอกเรื่องข่าวดีนี้ในที่ชุมนุมใหญ่แล้ว
    คือได้บอกถึงสิ่งดีๆที่พระองค์ได้ทำ
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ก็รู้อยู่แล้วว่า
    ข้าพเจ้าจะไม่มีวันปิดริมฝีปากของข้าพเจ้าเลย
10 ข้าพเจ้าไม่ได้ปิดบังเรื่องคุณความดีของพระองค์ไว้ในใจข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าได้พูดถึงความซื่อสัตย์และความรอดของพระองค์
ข้าพเจ้าไม่เคยซ่อนเรื่องความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ของพระองค์
    จากที่ชุมนุมใหญ่เลย

สุภาษิต 22:1

22 ชื่อเสียงดี ย่อมดีกว่าความร่ำรวย
    เป็นที่นับถือย่อมดีกว่าเงินทอง

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International