Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the EHV. Switch to the EHV to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
โยบ 23-27

โยบตอบอีกแล้ว

23 แล้วโยบก็ตอบว่า

“แม้แต่ตอนนี้ ข้าก็ยังร้องบ่นด้วยความขมขื่น
    มือของพระองค์หนักอึ้งอยู่บนตัวข้าทั้งๆที่ข้าร้องครวญคราง
อยากรู้เหลือเกินว่า จะไปหาพระองค์ได้ที่ไหน
    จะได้เข้าไปถึงที่พักของพระองค์
ข้าจะยื่นคดีของข้าต่อหน้าพระองค์
    และจะให้ปากข้าเต็มไปด้วยข้อพิสูจน์ว่าข้าถูก
แล้วจะได้รู้ว่าพระองค์จะตอบข้าว่ายังไง
    จะได้เข้าใจถึงสิ่งที่พระองค์จะพูดกับข้า
พระองค์จะโต้แย้งคดีกับข้าด้วยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์หรือ
    ไม่หรอก พระองค์จะต้องฟังข้าแน่
คนซื่อตรงมีสิทธิ์ที่จะชี้แจงเหตุผลให้กับพระองค์ได้
    แล้วข้าจะได้หลุดพ้นจากคดีนี้ของข้าตลอดไป
ถ้าข้าไปทางทิศตะวันออก พระองค์ก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น
    หรือถ้าข้าไปทางทิศตะวันตก ข้าก็มองไม่เห็นพระองค์เหมือนกัน
ถ้าข้าไปทางเหนือ พระองค์ซ่อนตัว
    ข้าก็หาพระองค์ไม่เจอ
    ถ้าข้าหันไปทางใต้ ข้าก็ไม่พบพระองค์เหมือนกัน
10 แต่พระองค์รู้ดีว่าข้าไปตามเส้นทางไหน
    เมื่อพระองค์ทดสอบข้า ก็จะเห็นว่าข้าเป็นเหมือนทองคำบริสุทธิ์
11 เท้าของข้าได้เดินตามรอยเท้าของพระองค์ไป
    ข้าได้ยึดมั่นในเส้นทางของพระองค์นั้น ข้าไม่ได้ออกนอกลู่นอกทางเลย
12 ข้าไม่ได้ละไปจากคำสั่งที่ออกจากริมฝีปากของพระองค์เลย
    แต่ข้าได้สะสมคำพูดจากปากของพระองค์มากกว่าที่กำหนดให้ซะอีก
13 แต่พระองค์เด็ดขาด ไม่มีใครทำให้พระองค์เปลี่ยนใจได้
    เมื่อพระองค์อยากจะทำอะไร พระองค์ก็จะทำสิ่งนั้น
14 สิ่งที่พระองค์ได้กำหนดไว้ให้กับข้า พระองค์จะทำให้สำเร็จ
    แล้วพระองค์มีแผนการอย่างนี้มากมายในจิตใจของพระองค์
15 ข้าก็เลยกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าพระองค์
    แค่คิด ข้าก็กลัวพระองค์แล้ว
16 พระเจ้าทำให้จิตใจข้าขลาดกลัว
    พระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ทำให้ข้าหวาดหวั่น
17 แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ข้าจะไม่ให้ความมืดปิดปากข้า
    ถึงแม้ว่าความมืดอันหนาทึบจะมาปกคลุมหน้าข้าไว้

24 ทำไมพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ถึงไม่ได้กำหนดวันต่างๆที่จะตัดสินคดีต่างๆ
    ทำไมคนเหล่านั้นที่รู้จักพระองค์ถึงมองไม่เห็นวันเหล่านั้นที่พระองค์ลงโทษคนชั่ว
คนชั่วย้ายหลักเขตที่ดิน
    พวกเขาขโมยฝูงแพะแกะไปรวมเข้ากับฝูงตัวเอง
เขาต้อนเอาลาของเด็กกำพร้าไป
    และยึดเอาวัวตัวผู้ของแม่หม้ายเป็นประกัน
เขาผลักคนขัดสนไปจากถนนหนทาง
    คนยากจนของแผ่นดินต่างต้องไปซ่อนตัวไว้
คนยากจนต้องออกไปทำงานหนัก
    คุ้ยหาอาหารให้ลูกกินในที่รกร้างว่างเปล่าเหมือนลาป่าในทะเลทราย
พวกเขาต้องไปเก็บเกี่ยวในทุ่งนาของคนอื่น
    และเก็บเศษผลองุ่นในสวนองุ่นของคนชั่ว
ในตอนกลางคืน พวกเขาต้องนอนตัวเปลือยเปล่า
    ไม่มีเสื้อผ้าใส่ ไม่มีผ้าห่มกันหนาว
ฝนจากเทือกเขาทำให้พวกเขาเปียก
    พวกเขายึดเอาซอกหินเพราะไม่มีที่อื่นที่จะไปหลบ
พวกคนชั่วกระชากเด็กที่กำพร้าพ่อไปจากอกแม่
    และเอาทารกของคนยากจนเป็นประกัน
10 พวกคนจนเหล่านั้นเดินเปลือยเปล่า ไม่มีเสื้อผ้าใส่
    พวกเขาต้องแบกฟ่อนข้าวให้กับคนอื่น ทั้งๆที่ตัวเองหิวโซไม่มีอะไรจะกิน
11 พวกเขาต้องคั้นน้ำมันมะกอกในสวนของคนชั่ว
    และต้องเหยียบย่ำองุ่นอยู่ในบ่อทั้งๆที่ตัวเองกระหายไม่มีอะไรจะดื่ม
12 ส่วนในเมืองนั้น คนที่กำลังจะตายต่างร้องครวญคราง
    และลำคอของผู้บาดเจ็บร่ำร้องขอความช่วยเหลือ
    แต่พระเจ้าก็ไม่ได้สนใจต่อคำร้องขอของพวกเขา[a]

13 มีบางคนที่เกลียดแสงสว่างในตอนกลางวัน
    พวกเขาไม่คุ้นกับหนทางที่มีแสงสว่าง
    และไม่ชอบอยู่บนเส้นทางทั้งหลายที่มีแสงสว่าง
14 ฆาตกรลุกขึ้นมาตอนใกล้ค่ำ
    เพื่อไปฆ่าคนจนและคนขัดสน
    แล้วในกลางคืนเขาก็ทำตัวเป็นขโมย
15 สายตาของคนเล่นชู้นั้นก็เฝ้ารอให้ดวงอาทิตย์ตก
    และพูดว่า ‘ไม่มีสายตาไหนเห็นข้าหรอก’
    และเขาก็ปิดบังหน้าของเขา
16 ตอนมืดขโมยก็ขุดช่องเข้าไปในบ้านของคนอื่น
    ในตอนกลางวันขโมยพวกนี้ก็เก็บตัวไว้
    พวกเขาไม่คุ้นกับแสงสว่าง
17 สำหรับคนพวกนี้ ความมืดอันลึกล้ำนั้นก็เปรียบเหมือนเวลาเช้า
    พวกเขาเป็นเพื่อนกับเรื่องน่าสยดสยองทั้งหลายของความมืดมิดอันลึกล้ำ

18 ขอให้คนชั่วเหล่านี้ลอยละลิ่วไปเหมือนฟางแห้งที่ลอยอยู่บนน้ำ
    ขอให้ทรัพย์สมบัติของเขาบนแผ่นดินถูกสาปแช่ง
    ขออย่าให้มีใครไปทำงานในสวนองุ่นของพวกเขา
19 ขอให้แดนคนตายลักเอาคนที่ทำบาปเหล่านี้ไป
    เหมือนกับความแห้งแล้งและความร้อนระอุลักเอาน้ำที่ละลายจากหิมะไป
20 ขอให้แม่ของพวกเขาลืมเขาไป
    ขอพวกหนอนมองพวกเขาเป็นของหวาน
    ขอให้คนลืมพวกเขาอย่างสนิท
    ขอให้คนชั่วช้าถูกหักลงเหมือนต้นไม้
21 คนชั่วเอาเปรียบผู้หญิงที่ไม่มีลูก
    พวกเขาไม่ยอมช่วยเหลือแม่หม้าย
22 แต่ว่าพระเจ้าใช้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์ต่อชีวิตให้กับพวกผู้มีอิทธิพลเหล่านั้น
ถึงแม้ในยามที่พวกเขาคิดว่าจะต้องตายแล้ว พวกเขาก็ยังลุกขึ้นมาใหม่ได้อีก
23 พระเจ้าปกป้องและค้ำจุนพวกเขา
    พระองค์เฝ้าดูแลทุกย่างก้าวของพวกเขา
24 แต่ถึงแม้พวกคนชั่วจะอยู่ในตำแหน่งสูงระยะหนึ่ง
    ขอให้เขาสูญสิ้นไป
    ขอให้เขาตกต่ำลง
    ขอให้เขาเหี่ยวแห้งไปอย่างวัชพืช
    ขอให้เขาเฉาตายไปอย่างยอดรวงข้าว
25 เรื่องนี้ไม่มีใครพิสูจน์ได้หรอกว่าข้าโกหก
    ไม่มีใครชี้ได้หรอกว่าข้าพูดผิด”

บิลดัดตอบโยบ

25 แล้วบิลดัดชาวชูอาห์ก็ตอบว่า

“พระเจ้าทรงครอบครอง พระองค์น่ายำเกรง
    พระองค์สร้างสันติในสวรรค์ชั้นฟ้าของพระองค์
ทหารในกองทัพของพระองค์นั้นนับไม่ถ้วน
    แสงสว่างของพระองค์สาดส่องลงมายังทุกคน
มนุษย์จะเป็นผู้บริสุทธิ์ต่อหน้าพระเจ้าได้หรือ
    คนที่เกิดจากผู้หญิงจะสะอาดบริสุทธิ์ได้หรือ
ขนาดดวงจันทร์ก็ยังไม่สุกใส
    และหมู่ดาวก็ยังไม่บริสุทธิ์ในสายตาของพระองค์เลย
แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์
    ที่เป็นเพียงแมลงหนอน
    และนับประสาอะไรกับคนเราที่เป็นแค่ตัวหนอน”

โยบพูดอีก

26 แล้วโยบก็ตอบว่า

“ท่านนี่ช่างช่วยเหลือผู้ที่หมดเรี่ยวแรงได้ดีมาก
    ท่านนี่ช่างเป็นผู้ช่วยให้รอดจริงๆสำหรับผู้ที่อ่อนแอ
ท่านช่างให้คำปรึกษาที่มหัศจรรย์กับผู้ที่ขาดปัญญาเสียจริง
    ท่านช่างให้คำแนะนำที่แสนจะวิเศษมากมายเสียนี่กระไร
ใครกันนี่ที่มาช่วยให้ท่านเปล่งคำพูดออกมาอย่างนี้
    วิญญาณของใครกันนี่ที่กำลังออกมาจากพวกท่าน

[b] วิญญาณคนตายทั้งหลายตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัว
    ในแดนคนตายที่อยู่ใต้ชั้นน้ำซึ่งอยู่ใต้แผ่นดินโลก
ต่อหน้าพระเจ้า แม้แต่แดนคนตายก็เปลือยอยู่
    ดินแดนแห่งความพินาศนั้นไม่มีอะไรปกปิด
พระองค์คลี่ฟ้าทางเหนือออกเหนือที่เวิ้งว้าง
    และแขวนโลกเอาไว้บนความว่างเปล่า
พระองค์ห่อน้ำไว้ในเมฆอันหนาทึบของพระองค์
    และน้ำนั้นไม่ได้ทำให้เมฆฉีกขาด
พระองค์เอาเมฆของพระองค์
    ปูคลุมหน้าของดวงจันทร์เต็มดวง
10 พระองค์ขีดเส้นขอบฟ้าไว้เหนือทะเล
    แบ่งเขตแดนระหว่างความสว่างกับความมืด
11 เมื่อพระองค์ตะโกน
    พวกเสาหลักของฟ้าสวรรค์ก็สะดุ้งสั่นไหว
12 พระองค์ใช้พละกำลังปราบทะเลให้สงบลง
    และใช้ปัญญาของพระองค์บดขยี้ราหับ[c]
13 ลมหายใจของพระองค์ทำให้ฟ้าสว่างสดใส
    มือของพระองค์แทงงูใหญ่[d] ที่กำลังเลื้อยหนีไป
14 นี่เป็นแค่เสี้ยวเดียวของสิ่งที่พระองค์ทำ
    ที่เราได้ยินนี้เป็นแค่เสียงกระซิบของฤทธิ์อำนาจพระองค์เท่านั้น
    ส่วนฤทธิ์อำนาจทั้งหมดที่กึกก้องเหมือนฟ้าร้องนั้น ใครจะไปเข้าใจได้”

27 โยบเริ่มพูดต่ออีกว่า

2-4 “ถึงแม้ว่าพระองค์เอาความยุติธรรมไปจากข้า
ถึงแม้ว่าพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ทำให้ชีวิตข้าขมขื่น
ข้าขอสาบานว่า พระองค์มีชีวิตอยู่แน่ฉันใด
    ข้าจะไม่ปล่อยให้ริมฝีปากของข้าพูดโกหก
    ลิ้นของข้าจะไม่พูดคำหลอกลวง
    ตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิตอยู่
    ตราบเท่าที่ลมหายใจจากพระเจ้ายังอยู่ในรูจมูกข้า
ไม่มีวันที่ข้าจะพูดว่าพวกท่านถูก
    ข้าจะไม่มีวันพูดโกหกว่าข้าผิดหรอกตราบเท่าวันตาย
ข้าจะยืนหยัดในความบริสุทธิ์ของข้าและจะไม่ยอมปล่อยมัน
    จิตใจของข้าไม่ได้ฟ้องข้าสำหรับสิ่งทั้งหลายที่ข้าทำในชีวิต
ขอให้ศัตรูของข้าถูกลงโทษเหมือนคนชั่วร้าย
    ขอให้ผู้ที่ต่อต้านข้าถูกลงโทษเหมือนคนทำชั่ว
ผู้ที่ไม่นับถือพระเจ้าจะมีความหวังอะไรเมื่อพระเจ้าตัดเขาออกไป
    เมื่อพระเจ้าเอาชีวิตของเขาไป
เมื่อความยากลำบากมาสู่เขา
    พระเจ้าจะฟังเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเขาหรือ
10 เขาจะชื่นชมยินดีในพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์หรือ
    เขาจะร้องเรียกหาพระองค์ตลอดเวลาหรือ
11 ข้าจะสอนพวกท่านถึงเรื่องพลังอำนาจของพระเจ้า
    ข้าจะไม่ปิดบังความจริงเกี่ยวกับพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์
12 อันที่จริง พวกท่านก็ได้เห็นเองแล้ว
    ทำไมพวกท่านยังพูดเรื่องไร้สาระอยู่อีก

13 นี่คือส่วนแบ่งที่คนชั่วได้รับจากพระเจ้า
    นี่คือมรดกที่คนกดขี่ข่มเหงได้รับจากพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์
14 ถึงเขามีลูกเพิ่มทวีขึ้นมากมาย ดาบก็จะมาฆ่าพวกเขา
    ส่วนลูกหลานของพวกเขาก็จะไม่มีอาหารพอกิน
15 คนของเขาที่ยังเหลือรอดชีวิตก็จะถูกฝังเพราะโรคระบาด
    และเมียหม้ายของพวกเขาก็จะไม่ไว้ทุกข์
16 ถึงคนชั่วกองเงินมากมายเหมือนฝุ่น
    และกองเสื้อผ้าราวกับดินเหนียว
17 เขาอาจจะเป็นคนกองมันขึ้นมาก็จริง แต่จะเป็นคนที่ซื่อตรงที่ได้ใส่มัน
    และคนบริสุทธิ์จะแบ่งปันเงินนั้น
18 พวกบ้านที่คนชั่วสร้างจะเปราะบางเหมือนรังนก
    เปราะบางเหมือนเพิงของยามเฝ้าสวนองุ่น
19 ในคืนหนึ่ง เขาอาจล้มตัวลงนอนอย่างคนมั่งคั่ง แต่คืนต่อไปอาจจะไม่เป็นอย่างนั้น
    พอเขาลืมตาขึ้น ความมั่งคั่งนั้นได้สูญหายไปหมดแล้ว
20 เรื่องสยดสยองต่างๆท่วมท้นเขาราวกับน้ำท่วม
    ในตอนกลางคืนลมพายุก็หอบเขาไป
21 ลมตะวันออกยกเขาขึ้น แล้วเขาก็จากไป
    มันกวาดเขาไปจากที่ของเขา
22 พายุพัดกระแทกใส่เขาอย่างไม่ปรานี
    พวกเขาพยายามวิ่งหนีฤทธิ์ของพายุนั้น
23 ลมตบมือเยาะเย้ยพวกเขา
    และผิวปากใส่เขาจากที่อยู่ของมัน”

2 โครินธ์ 1:12-2:11

เปาโลเปลี่ยนแผน

12 เราภูมิใจที่ใจของเราบอกว่าทุกสิ่งที่เราทำในโลกนี้โดยเฉพาะสายสัมพันธ์กับพวกคุณนั้น เราได้ทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และด้วยความจริงใจที่มาจากพระเจ้า เราทำสิ่งเหล่านี้ก็เพราะความเมตตากรุณาของพระเจ้า ไม่ได้ทำตามความเฉลียวฉลาดของโลกนี้ 13 แน่นอน ทุกอย่างที่เขียนมานี้ เราไม่ได้ปิดบังอะไรเลย เป็นสิ่งที่คุณอ่านเข้าใจได้ทั้งนั้น และผมหวังว่าคุณจะเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง 14 เหมือนกับที่คุณเข้าใจเราอยู่บ้างแล้ว ดังนั้นในวันที่พระเยซูเจ้ากลับมาพวกคุณจะได้ภูมิใจในตัวเรา เหมือนกับที่เราภูมิใจในตัวคุณด้วย

15 ผมมั่นใจว่าคุณคิดอย่างนี้ ผมก็เลยตัดสินใจมาเยี่ยมคุณก่อน เพื่อคุณจะได้ประโยชน์สองต่อ 16 คือผมกะว่าจะมาแวะเยี่ยมคุณทั้งตอนขาไป และตอนขากลับจากแคว้นมาซิโดเนีย หลังจากนั้นคุณจะได้ช่วยสนับสนุนผมเดินทางต่อไปที่แคว้นยูเดีย 17 คุณคิดว่าตอนที่ผมวางแผนนี้ ผมรวนเรเอาแน่เอานอนไม่ได้หรือ ผมวางแผนอย่างที่คนในโลกนี้เขาทำกันหรือ ที่เดี๋ยวก็บอกว่า “ได้” เดี๋ยวก็บอกว่า “ไม่ได้”

18 พระเจ้านั้นซื่อสัตย์ พระองค์เป็นพยานให้กับเราได้ว่า สิ่งที่เราบอกกับคุณนั้นไม่เคย “ได้” และ “ไม่ได้” พร้อมๆกันเลย 19 เพราะพระบุตรของพระเจ้าคือพระเยซูคริสต์ที่สิลวานัส ทิโมธี และผมได้ประกาศไปท่ามกลางพวกคุณนั้นไม่ได้เป็นทั้ง “ได้” และ “ไม่ได้” ในเวลาเดียวกัน แต่ตรงกันข้าม ในพระองค์นั้นมีแต่คำว่า “ได้” เท่านั้น 20 เพราะไม่ว่าพระเจ้าจะสัญญาไว้มากมายขนาดไหนก็ตาม สัญญาก็ได้อย่างนั้นทุกข้อในพระคริสต์ เพราะอย่างนี้นี่เองเราถึงได้พูดคำว่า “อาเมน” ผ่านทางพระเยซูคริสต์ เพื่อพระเจ้าจะได้รับเกียรติยศ 21 พระเจ้านี่แหละทำให้ทั้งเราและคุณตั้งมั่นคงอยู่ในพระคริสต์และพระองค์ก็ได้เจิมเรา[a] 22 พระองค์ได้ประทับตราว่าพระองค์เป็นเจ้าของเราด้วย และพระองค์ก็ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ อยู่ในใจเราไว้เป็นมัดจำงวดแรกของทุกสิ่งที่พระองค์สัญญาว่าจะให้กับเรา

23 พระเจ้าเป็นพยานได้ ที่ผมไม่แวะมาที่เมืองโครินธ์ตอนขากลับนั้น ก็เพราะไม่อยากจะมาลงโทษพวกคุณ 24 นี่ไม่ได้หมายความว่าเราอยากจะเป็นเจ้านายเหนือความเชื่อของคุณหรอก เพราะพวกคุณมีความเชื่อที่มั่นคงดีอยู่แล้ว แต่เราเป็นเพื่อนร่วมงานกับคุณเพื่อสร้างความสุขให้กับคุณ

ตอนนั้นผมก็เลยตัดสินใจไม่มาเยี่ยมพวกคุณ เพื่อจะได้ไม่มีเรื่องทุกข์ใจเกิดขึ้นอีก เพราะ ถ้าผมทำให้คุณเป็นทุกข์ แล้วทีนี้ใครจะมาทำให้ผมมีความสุขได้อีก ถ้าไม่ใช่พวกคุณที่ผมทำให้ทุกข์ใจ ผมถึงได้เขียนอย่างนั้นไปในฉบับก่อน เพื่อที่ว่าเมื่อผมมาเยี่ยม ผมจะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์จากคนที่น่าจะทำให้ผมมีความสุข เพราะผมเชื่อว่าเมื่อคุณเห็นผมมีความสุข คุณก็จะมีความสุขด้วย ตอนที่ผมเขียนถึงคุณนั้น ผมรู้สึกหนักใจมาก ปวดร้าวใจมาก และเต็มไปด้วยน้ำตา ที่เขียนมานั้นไม่ใช่จะให้คุณทุกข์ใจ แต่อยากจะให้คุณรู้ว่าผมรักคุณขนาดไหน

ควรให้อภัยกับคนที่ทำผิดไปแล้ว

ถ้ามีใครก่อให้เกิดความทุกข์ เขาไม่ได้ทำให้ผมเป็นทุกข์หรอกนะ แต่เขาได้ทำให้พวกคุณทั้งหมดเป็นทุกข์ไม่มากก็น้อย (ผมไม่อยากจะพูดให้มันเลวร้ายจนเกินไป) ที่พวกคุณส่วนใหญ่ลงโทษเขานั้นก็เพียงพอแล้ว ต่อไปก็ให้อภัยและให้กำลังใจเขาดีกว่า เพื่อเขาจะได้ไม่จมอยู่ในความทุกข์นั้น ผมขอร้องให้คุณแสดงความรักต่อเขาอย่างชัดเจนด้วย นั่นเป็นเหตุที่ผมเขียนมาถึงพวกคุณในตอนนั้น เพื่อทดสอบดูว่าคุณเชื่อฟังทุกเรื่องหรือเปล่า 10 ถ้าคุณอภัยให้ใคร ผมก็อภัยให้กับคนนั้นแล้วเหมือนกัน และสิ่งที่ผมอภัยให้นั้น (ถ้ามี) ผมก็ทำเพื่อพวกคุณต่อหน้าพระคริสต์ 11 เราทำทั้งหมดนี้เพื่อจะได้ไม่ถูกซาตานหลอก เพราะเรารู้ทันกลอุบายต่างๆของมัน

สดุดี 41

คำอธิษฐานของคนป่วย

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด

คนที่เอาใจใส่คนยากจน ถือว่ามีเกียรติจริงๆ
    เมื่อคนนั้นตกทุกข์ได้ยาก พระยาห์เวห์จะช่วยเหลือเขา
พระยาห์เวห์จะปกป้องเขาและช่วยรักษาชีวิตเขาไว้
    เขาจะได้รับพระพรในแผ่นดินนี้
    และพระองค์จะไม่มอบเขาไปให้พวกศัตรูของเขาทำตามใจชอบ
เมื่อเขานอนป่วยอยู่บนเตียง พระยาห์เวห์จะทำให้เขาแข็งแรง
    เมื่อเขาป่วย พระองค์ก็รักษาให้เขาหายเหมือนเดิม

ข้าพเจ้าพูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าได้ทำบาปต่อพระองค์
    แต่โปรดเมตตาข้าพเจ้าและรักษาข้าพเจ้าด้วยเถิด”
แต่พวกศัตรูพากันพูดเรื่องร้ายๆเกี่ยวกับข้าพเจ้าว่า
    “เมื่อไหร่มันจะตายสักที จะได้ถูกลืมไปซะ”
และถ้ามีใครมาเยี่ยมเยียนข้าพเจ้า
    พวกเขาแกล้งพูดอย่างเป็นห่วงเป็นใย
    แต่อันที่จริงมาเพื่อเก็บรวบรวมข่าวร้ายเกี่ยวกับข้าพเจ้า
    เพื่อออกไปกระจายข่าวลือนั้น
ทุกคนที่เกลียดข้าพเจ้าซุบซิบกัน
    คาดหวังว่าข้าพเจ้าจะต้องแย่แน่ๆ

พวกเขาพูดว่า
    “เขาถูกโรคร้ายซัดเข้า ไม่มีทางลุกขึ้นมาจากเตียงนั้นได้แน่”
ขนาดเพื่อนสนิท ที่ข้าพเจ้าเคยไว้วางใจ
    คนที่เคยกินอยู่กับข้าพเจ้า ยังหักหลังข้าพเจ้าเลย[a]
10 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอโปรดเมตตาด้วยเถิด
    ช่วยข้าพเจ้าให้ลุกขึ้น เพื่อกลับไปแก้แค้นคนพวกนั้น

11 แล้วข้าพเจ้าจะได้รู้ว่าพระองค์พอใจข้าพเจ้า
    เพราะศัตรูไม่ได้โห่ร้องมีชัยเหนือข้าพเจ้า
12 พระองค์พยุงข้าพเจ้าไว้ เพราะข้าพเจ้าบริสุทธิ์
    และตั้งข้าพเจ้าให้อยู่ต่อหน้าพระองค์ตลอดไป
13 สรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล
    ผู้ที่ดำรงอยู่มาตั้งแต่ในอดีตกาลและจะดำรงอยู่ตลอดไปชั่วนิรันดร์
    อาเมน และ อาเมน

สุภาษิต 22:5-6

ทางของคนคดโกงมีขวากหนามและบ่วงแร้ว
    แต่คนที่ระมัดระวังการใช้ชีวิตก็จะอยู่ห่างไกลจากสิ่งเหล่านั้น
ช่วยเด็กหนุ่มให้เริ่มต้นในทางที่ถูกต้อง
    แม้เมื่อเขาแก่ตัวลง เขาจะไม่ละทิ้งทางนั้นไป

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International