Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

The Daily Audio Bible

This reading plan is provided by Brian Hardin from Daily Audio Bible.
Duration: 731 days

Today's audio is from the EHV. Switch to the EHV to read along with the audio.

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
โยบ 31-33

31 ข้าทำข้อตกลงกับดวงตาของข้าว่า
    ข้าจะไม่มองหญิงสาวด้วยความใคร่
ถ้าทำผิดในเรื่องนี้
    ข้าจะได้รับส่วนแบ่งอะไรจากพระเจ้าที่อยู่เบื้องบน
    ข้าจะได้รับมรดกอะไรจากพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ในที่สูงส่งนั้น
พระองค์จะให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับคนชั่วไม่ใช่หรือ
    และจะให้ความหายนะเกิดกับคนที่ทำผิดบาปไม่ใช่หรือ
พระเจ้าเห็นทุกสิ่งที่ข้าทำ
    และจับตาดูทุกย่างก้าวของข้าไม่ใช่หรือ
ข้าได้เดินในทางที่โกหกหรือ
    เท้าของข้ารีบไปหลอกผู้คนหรือ
ก็ให้พระเจ้าเอาข้าไปชั่งบนตราชั่งที่เที่ยงตรงดู
    แล้วพระเจ้าจะได้รู้ว่าข้านั้นดีรอบคอบ
ถ้าย่างก้าวของข้าหันออกนอกลู่นอกทางไป
    ถ้าใจของข้าไปตามกิเลสทางตาของข้า
    หรือถ้ามือของข้าเปื้อนความผิด
ก็ขอให้คนอื่นได้กินพืชผลที่ข้าปลูกไว้
    ขอให้พืชของข้าที่งอกออกมาถูกถอนทิ้งไป
ถ้าข้าถูกผู้หญิงยั่วยวนหลงไป
    หรือถ้าข้าไปซุ่มอยู่ที่ประตูเพื่อนบ้านเพื่อแอบเข้าหาเมียเขา
10 ก็ขอให้เมียของข้าไปบริการ[a] ให้กับชายอื่น
    และขอให้ชายอื่นคร่อมทับเธอ
11 เพราะถ้าข้าทำอย่างนั้น มันเป็นเรื่องน่าอับอายจริงๆ
    และเป็นความผิดบาปที่สมควรจะได้รับการลงโทษ
12 การมีชู้นั้นเป็นเหมือนไฟที่ผลาญไปถึงแดนพินาศ
    มันจะเผาพืชผลทั้งหมดของข้าถึงราก
13 ถ้าข้าไม่ให้ความเป็นธรรมกับคนใช้ชายหญิงของข้า
    ตอนที่พวกเขามาเรียกร้องสิทธิของเขาจากข้า
14 เมื่อพระเจ้าลุกขึ้นมากล่าวโทษข้า ข้าจะทำยังไง
    เมื่อพระองค์สอบสวนข้า ข้าจะตอบพระองค์ว่ายังไง
15 พระองค์ผู้ที่สร้างข้าในครรภ์แม่ไม่ได้สร้างพวกเขาด้วยหรือ
    เป็นพระเจ้าองค์เดียวกันไม่ใช่หรือที่ปั้นพวกเราทุกคนไว้ในครรภ์แม่
16 ถ้าข้าไม่ยอมให้สิ่งที่คนยากจนจำเป็น
    ถ้าข้าทำให้แม่หม้ายผิดหวังที่ข้าไม่ช่วย
17 ถ้าข้ากินอาหารของข้าคนเดียว
    และไม่ยอมแบ่งให้กับเด็กกำพร้ากินด้วย
18 จริงๆแล้ว ตั้งแต่หนุ่มๆมาแล้ว ข้าได้เลี้ยงดูเด็กกำพร้าเหมือนเป็นพ่อของพวกเขา
    และข้าได้ดูแลหญิงหม้ายตั้งแต่ข้าเกิดเลย
19 ถ้าข้าได้แต่มองดูคนที่กำลังจะตายเพราะไม่มีเสื้อผ้าใส่เฉยๆ
    หรือมองคนจนที่ไม่มีผ้าคลุมกายเฉยๆ
20 ถ้าพวกนั้นไม่ได้ขอให้พระเจ้าอวยพรข้า
    ที่ได้ให้เสื้อผ้าขนแกะจากฝูงของข้าให้พวกเขาอุ่นกาย
21 ถ้าข้าชูกำปั้นข่มขู่เด็กกำพร้า
    เพราะข้ารู้ว่ามีคนสนับสนุนข้าในศาลตรงประตูเมือง
22 ถ้าข้าได้ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ชั่วช้าเหล่านี้ ก็ขอให้กระดูกไหปลาร้าข้าหลุดจากบ่า
    และขอให้แขนของข้าหักออกจากข้อต่อเถิด
23 ข้าไม่สามารถทำผิดเหล่านั้นได้
    เพราะข้ากลัวฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าและความหายนะที่มาจากพระองค์
24 ถ้าข้าเอาทองคำเป็นที่พึ่ง
    ถ้าข้าเรียกทองคำบริสุทธิ์ว่า ‘ความมั่นคงของข้า’
25 ถ้าข้าชื่นชมยินดีในทรัพย์สมบัติมากมายของข้า
    หรือเพราะมือของข้าหามาได้มากมาย
26 ถ้าตอนที่ข้ามองดูดวงอาทิตย์ส่องแสง
    หรือดูดวงจันทร์เคลื่อนไปอย่างงดงาม
27     แล้วจิตใจของข้าแอบหลงใหล
    และปากข้าส่งจูบสักการะไปให้กับดวงสว่างเหล่านั้น
28 นั่นก็จะเป็นความผิดบาปที่สมควรได้รับโทษ
    และเป็นการทรยศต่อพระเจ้าที่อยู่เบื้องบน

29 ถ้าข้าชื่นชมยินดีเมื่อคนเหล่านั้นที่เกลียดชังข้าเจอกับความหายนะ
    ถ้าข้าดีใจเมื่อเขาเจอกับเรื่องร้ายๆ
30 แต่จริงๆแล้ว ข้าไม่ได้ปล่อยให้ปากข้าทำบาป
    โดยขอให้พวกเขาถูกแช่งตาย
31 ถ้าพวกผู้ชายในครัวเรือนของข้าไม่ได้ถามกันอยู่เรื่อยๆว่า
    ‘เนื้อที่นายให้มา ยังมีใครกินไม่อิ่มบ้าง’
32 แต่จริงๆแล้ว แม้แต่คนแปลกหน้า ข้าก็ไม่ได้ปล่อยให้นอนข้างถนน
    แต่เปิดประตูบ้านต้อนรับคนเดินทางทุกคน
33 ถ้าข้าพยายามปกปิดความผิดของข้าเหมือนกับที่คนอื่นทำกัน[b]
    ด้วยการเก็บซ่อนความผิดบาปข้าไว้ในอก
34 เพราะข้ากลัวความคิดชาวบ้าน
    หรือกลัวตระกูลต่างๆจะดูถูกข้า
    แล้วเก็บเงียบไว้ ไม่ยอมออกไปนอกเต็นท์

35 ข้าอยากมีผู้ตัดสินสักคนที่จะมารับฟังคดีของข้าเหลือเกิน
    ดูสิ ข้าได้ลงชื่อในคำยืนยันว่าข้าบริสุทธิ์แล้ว
    ขอให้พระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ตอบข้า
    ข้าอยากได้รายการฟ้องร้องที่คู่คดีเขียนขึ้นเหลือเกิน
36 ข้ากล้าแบกมันไว้บนบ่า
    และมัดมันไว้ที่หัวข้าเหมือนมงกุฎ
37 ข้าจะแจ้งในทุกเรื่องที่ข้าทำไป
    ข้าจะเดินอย่างราชาไปเข้าเฝ้าพระองค์

38 ถ้าที่ดินของข้าร้องขึ้นฟ้องข้า
    และรอยไถบนที่ดินนั้นต้องร่ำไห้
39 ถ้าข้าเคยกินผลผลิตของมันโดยไม่จ่ายค่าแรงคนงาน
    หรือปล่อยให้ผู้เช่าที่ต้องอดตาย
40 ก็ขอให้ต้นหนามงอกแทนข้าวสาลี
    และขอให้วัชพืชงอกแทนข้าวบาร์เลย์”

คำพูดของโยบได้จบลงตรงนี้

เอลีฮู ต่อว่าเพื่อนของโยบ

32 ดังนั้น ชายทั้งสามคนจึงหยุดโต้ตอบโยบ เพราะเห็นว่าโยบมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง แต่เอลีฮูลูกชายของบาราเคลคนบุชีจากตระกูลรามก็โกรธ เขาโกรธโยบเพราะว่าโยบอ้างว่าตนเองถูกและพระเจ้าผิด เอลีฮูยังโกรธเพื่อนทั้งสามคนของโยบด้วย เพราะพวกเขาไม่สามารถหาคำตอบให้กับโยบ ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าพระเจ้าผิด[c] เอลีฮูคอยที่จะตอบโยบ เพราะเพื่อนๆของโยบทั้งสามคนนั้นมีอายุมากกว่าเขา แต่เมื่อเอลีฮูเห็นว่าเพื่อนๆทั้งสามของโยบไม่มีคำตอบในปากให้กับโยบ เขาก็เลยโกรธ แล้วเอลีฮูลูกชายของบาราเคลคนบุชีจึงพูดว่า

“ผมยังอายุน้อยอยู่ แต่พวกท่านนั้นสูงอายุแล้ว
    ผมก็เลยไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นให้กับพวกท่าน
ผมบอกกับตัวเองว่า ‘ให้คนเหล่านั้นที่มีประสบการณ์พูด
    และให้ผู้สูงวัยสอนสติปัญญา’
แต่ความจริงแล้ว เป็นวิญญาณที่อยู่ในมนุษย์
    คือลมหายใจของพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์นั่นแหละที่ให้ความเข้าใจ
คนแก่ก็อาจจะไม่ฉลาดก็ได้
    คนสูงอายุก็อาจจะยังไม่เข้าใจว่าอะไรถูกต้องก็ได้
10 ผมจึงพูดว่าช่วยฟังผมหน่อย
    ใช่แล้ว ผมจะบอกในสิ่งที่ผมรู้
11 ดูสิ ผมได้คอยฟังคำพูดของพวกท่านแล้ว
    ผมได้ฟังเหตุผลของพวกท่านแล้ว
    ในขณะที่ท่านวุ่นอยู่กับการหาคำมาพูด
12 ผมได้ให้ความสนใจกับสิ่งที่พวกท่านพูดมา
    แต่ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าโยบผิด
    และในพวกท่านไม่มีใครตอบคำพูดของโยบ
13 พวกท่านอย่าเพิ่งพูดว่า “เขาฉลาดเกินไปสำหรับพวกเรา
    คงจะต้องเป็นพระเจ้าเองที่ชี้ความผิดให้กับเขาเห็น มนุษย์ทำไม่ได้หรอก”
14 แต่โยบพูดกับพวกท่านไม่ได้พูดกับผม
    แล้วผมก็จะไม่เอาคำพูดของพวกท่านไปตอบเขาหรอก

15 พวกเขาถึงกับนิ่งอึ้งไปและไม่ตอบอีก
    พวกเขาไม่เหลือคำพูดให้โต้แย้งอีกแล้ว
16 ผมคอยให้พวกเขาตอบอยู่ แต่พวกเขานิ่งเงียบ
    พวกเขายืนอยู่ตรงนั้นไม่พูดอะไร
17 ตอนนี้ถึงตาผมแล้วที่จะตอบ
    ผมจะบอกถึงสิ่งที่ผมรู้
18 ผมมีคำพูดมากมาย
    วิญญาณภายในผมบังคับให้ผมต้องพูด
19 ใช่แล้ว ใจผมเหมือนกับเหล้าองุ่นที่ปิดหมักอยู่
    เหมือนถุงหนังเหล้าองุ่นใหม่ที่พร้อมจะระเบิดแล้ว
20 ผมต้องพูด จะได้บรรเทา
    ผมต้องเปิดริมฝีปาก และตอบเขาไป
21 ผมจะไม่ลำเอียงเข้าข้างใคร
    และจะไม่ประจบประแจงใคร
22 เพราะผมประจบประแจงไม่เป็น
    แล้วถ้าผมทำอย่างนั้น ผู้สร้างผมคงจะกำจัดผมในไม่ช้า

33 ลุงโยบครับ ตอนนี้ช่วยฟังคำพูดของผมหน่อย
    ขอให้ตั้งใจฟังทุกๆคำที่ผมพูดด้วย
ผมเปิดปากแล้วนะ
    ลิ้นในปากของผมจะพูดแล้วนะ
คำพูดของผมกลั่นมาจากจิตใจที่ซื่อตรง
    ริมฝีปากของผมจะพูดออกมาอย่างชัดเจนในสิ่งที่ผมรู้
พระวิญญาณของพระเจ้าได้สร้างผมขึ้นมา
    และลมหายใจของพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ให้ชีวิตกับผม
ถ้าหากท่านตอบผมได้ ก็ตอบมาเลย
    เรียงถ้อยคำของท่านไว้ต่อหน้าผมและตั้งหลักไว้
ดูสิ ต่อหน้าพระเจ้า ผมกับท่านก็ไม่ได้แตกต่างกัน
    ผมก็ถูกสร้างขึ้นมาจากดินเหนียวเหมือนกัน
ไม่ต้องกลัวผมหรอก
    ผมจะไม่ใช้กำลังข่มขู่ท่านหรอก
แต่คำพูดของท่านยังก้องอยู่ในหูของผม
    และยังติดอยู่ในหัวของผม
ท่านพูดว่า ‘ข้าบริสุทธิ์ ไม่ได้ล่วงละเมิด
    ข้านั้นขาวสะอาด ไม่มีความผิดอะไร
10 แต่ดูสิ พระองค์ก็ยังหาเรื่องกับข้า
    และนับว่าข้าเป็นศัตรูของพระองค์
11 พระองค์เอาตรวนใส่เท้าข้า
    และไม่ว่าข้าจะไปที่ไหน พระองค์ก็คอยจับตาดูข้า’

12 แต่สิ่งที่ท่านพูดนี้ไม่ถูกต้อง ผมขอตอบท่านว่า
    พระเจ้านั้นยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์คนหนึ่งคนใด
13 ทำไมท่านถึงฟ้องร้องพระองค์ว่า
    ‘พระองค์ไม่ยอมตอบคำพูดของข้าพเจ้าสักคำ’
14 พระเจ้าพูดแล้วพูดอีก
    ถึงแม้มนุษย์อาจจะไม่สังเกตเห็นก็ตาม
15 ในความฝัน และภาพฝันยามค่ำคืน
    เมื่อมนุษย์หลับสนิท เมื่อพวกเขาเคลิ้มหลับอยู่บนเตียง
16 ในเวลานั้นเอง พระองค์เปิดหูพวกเขา
    และเตือนพวกเขา ทำให้พวกเขาตกใจกลัว
17 เพื่อพระองค์จะได้หันพวกเขาไปเสียจากการกระทำชั่วของพวกเขา
    และเพื่อไม่ให้พวกเขาหยิ่งยโส
18 เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาตกลงไปในหลุมลึกนั้น
    เพื่อชีวิตของพวกเขาจะได้ไม่ต้องข้ามแม่น้ำแห่งความตายนั้น

19 อาจมีคนหนึ่งถูกตีสอนด้วยความเจ็บปวดอยู่บนเตียงของเขา
    และด้วยความปวดร้าวเรื้อรังในกระดูกของเขา
20 จนเขาเบื่ออาหาร
    และไม่อยากกินแม้แต่อาหารที่เอร็ดอร่อยที่สุด
21 เนื้อหนังของเขาเหี่ยวไป ไม่เห็นอีกเลย
    แต่กระดูกที่เมื่อก่อนมองไม่เห็น ก็โผล่ออกมา
22 เขาก็คืบเข้าใกล้หลุมลึกนั้น
    ชีวิตของเขา ก็เข้าใกล้ความตาย
23 แล้วสมมุติว่ามีทูตสวรรค์องค์หนึ่ง
    จากหลายพันองค์ของพระองค์มาพูดให้กับเขา
    และบอกว่าคนนี้ซื่อตรง
24 ทูตองค์นั้นเมตตากับเขาและพูดกับพระเจ้าว่า
    ‘ช่วยปกป้องคนนี้ด้วย อย่าให้เขาต้องลงไปสู่หลุมลึกนั้น
    ข้าพเจ้ามีค่าไถ่ตัวเขาแล้ว
25 ขอเนื้อหนังของเขากลับไปเหมือนเด็ก
    ขอให้กำลังของเขากลับคืนมาเหมือนวัยหนุ่ม’
26 แล้วต่อจากนั้นคนนั้นอธิษฐานต่อพระเจ้าและพระองค์ยอมรับเขา
    เขาเข้าเฝ้าพระองค์ ด้วยความชื่นชมยินดี
    และพระองค์ทำให้เขากลับไปอยู่ในฐานะดีเหมือนเดิม
27 เขาร้องเพลงให้คนฟังว่า
    ‘ข้าทำบาป และเห็นผิดเป็นชอบ
    แต่มันไม่คุ้มค่าเลย
28 พระองค์ไถ่ชีวิตข้า ไม่ให้ลงไปสู่หลุมลึกนั้น
    เพื่อชีวิตของข้าจะได้พบแสงสว่างอีก’

29 พระเจ้าเคยทำแบบนี้ในชีวิตของคนบางคน
    ครั้งแล้วครั้งเล่า
30 เพื่อนำชีวิตของเขากลับจากปากหลุมลึกนั้น
    เพื่อเขาจะได้เห็นแสงสว่างแห่งชีวิตอีก
31 ลุงโยบครับ
    ตั้งใจฟังผมให้ดี เงียบก่อน ฟังผมพูดก่อน
32 หรือถ้าท่านมีอะไรจะพูดก็ตอบผมมาได้เลย พูดได้ครับ
    เพราะผมอยากจะให้ท่านได้รับการตัดสินว่าถูกอยู่แล้ว
33 ถ้าไม่งั้นก็ฟังผมก่อน
    เงียบก่อน แล้วผมจะสอนปัญญาให้กับท่าน”

2 โครินธ์ 3

ผู้รับใช้พระเจ้าเพื่อสัญญาใหม่

เรากำลังรับรองคุณสมบัติตัวเองอีกแล้วหรืออย่างไร หรือเราจะต้องเอาหนังสือรับรองตัวเองมาให้คุณ หรือต้องให้คุณออกหนังสือรับรองให้เหมือนกับที่คนอื่นๆเขาทำกันหรือ อันที่จริงตัวพวกคุณนี่แหละเป็นตัวหนังสือของเรา ที่เขียนอยู่ในจิตใจของเราให้คนได้รู้และอ่านกัน คุณทำให้เห็นว่าคุณเป็นตัวหนังสือจากพระคริสต์ที่เป็นผลมาจากงานรับใช้ของเราซึ่งไม่ได้เขียนด้วยน้ำหมึก แต่ด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ และไม่ได้เขียนอยู่บนแผ่นหิน[a] แต่เขียนลงบนใจมนุษย์

พระคริสต์ทำให้เรากล้าพูดอย่างนี้ต่อหน้าพระเจ้า ผมไม่ได้หมายความว่า ความสามารถที่เรามีนี้มาจากตัวเราเอง แต่มาจากพระเจ้าต่างหาก พระเจ้าทำให้เราสามารถรับใช้พระองค์ภายใต้สัญญาใหม่นี้ เป็นสัญญาระหว่างพระเจ้ากับคนของพระองค์ เพราะสัญญาใหม่นี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกฎที่เป็นตัวหนังสือ แต่ขึ้นอยู่กับพระวิญญาณ เพราะกฎที่เป็นตัวหนังสือนั้นทำให้ตาย แต่พระวิญญาณให้ชีวิต

สัญญาใหม่มีสง่าราศีมากกว่า

ขนาดงานรับใช้ที่นำความตายมาให้ และกฎที่สลักเป็นตัวหนังสือบนแผ่นหิน ยังมากับสง่าราศี เป็นสง่าราศีที่เปล่งออกมาบนใบหน้าของโมเสส จนทำให้คนอิสราเอลมองดูหน้าโมเสสนานๆไม่ได้ แล้วสุดท้ายมันก็จางหายไป ถ้าอย่างนั้นแล้วงานรับใช้ของพระวิญญาณจะไม่ยิ่งเปล่งสง่าราศีมากกว่านั้นอีกหรือ ขนาดงานรับใช้ที่ทำให้คนต้องถูกลงโทษยังมีสง่าราศีเลย แล้วงานรับใช้ที่ทำให้คนพ้นโทษ จะไม่ยิ่งเปล่งสง่าราศีมากกว่านั้นอีกหรือ 10 ความจริงแล้ว สง่าราศีของสัญญาเดิมไม่น่าเรียกว่าสง่าราศีเลยเมื่อเปรียบเทียบกับสง่าราศีอันเจิดจ้าของสัญญาใหม่นั้น 11 ดังนั้นถ้าสัญญาเดิมที่กำลังจะยกเลิกไปยังมีรัศมี แล้วสัญญาใหม่ที่จะคงอยู่ตลอดไป จะไม่ยิ่งมีสง่าราศีมากกว่านั้นอีกหรือ

12 ในเมื่อเรามีความหวังอย่างนี้ เราจึงกล้าพูดอย่างเปิดเผย 13 เราไม่เหมือนกับโมเสสที่เอาผ้าคลุมหน้าไว้ เพื่อคนอิสราเอลจะไม่เห็นเป้าหมายของคำสัญญาชั่วคราวที่กำลังจะยกเลิกไป 14 แต่จิตใจของพวกอิสราเอลแข็งกระด้าง เพราะถึงวันนี้เมื่ออ่านสัญญาเดิม ผ้าคลุมผืนเดิมก็ยังคงอยู่ ไม่ได้ถูกเอาออกไปเพราะในพระคริสต์เท่านั้นสัญญาเดิมนั้นถึงถูกยกเลิกไป 15 แต่จนถึงทุกวันนี้ ทุกครั้งที่อ่านกฎของโมเสส ผ้านั้นก็ยังคลุมจิตใจของพวกอิสราเอลอยู่ 16 แต่คนจะเอาผ้าคลุมออกได้อย่างที่พระคัมภีร์พูดเกี่ยวกับโมเสสว่า “เมื่อเขาหันมาหาองค์เจ้าชีวิต ผ้าคลุมนั้นก็ถูกเปิดออก”[b] 17 องค์เจ้าชีวิตที่ข้อนี้พูดถึงนั้นคือพระวิญญาณ และที่ไหนที่มีพระวิญญาณขององค์เจ้าชีวิต ที่นั่นก็มีอิสรภาพ 18 พวกเราทุกคนที่ไม่มีผ้าคลุมหน้าแล้วก็มองเห็นสง่าราศีขององค์เจ้าชีวิตเหมือนกับดูจากกระจก เรากำลังถูกเปลี่ยนให้เหมือนกับพระองค์ ทำให้เรามีสง่าราศีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดนี้มาจากองค์เจ้าชีวิตผู้เป็นพระวิญญาณ

สดุดี 43

[a] ข้าแต่พระเจ้า ช่วยตัดสินคดีว่าข้าพเจ้าเป็นฝ่ายถูกด้วย
    ช่วยสู้คดีให้กับข้าพเจ้ากับคนต่างชาติพวกนี้ที่ไม่ได้จงรักภักดีต่อพระองค์ด้วย
    ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนพวกนี้ที่เหลี่ยมจัดและชั่วช้าด้วยเถิด
เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
    ทำไมพระองค์ถึงทอดทิ้งข้าพเจ้า
ทำไมข้าพเจ้าถึงต้องร้องไห้คร่ำครวญ
    เพราะความโหดร้ายของศัตรูข้าพเจ้า

โปรดแสดงแสงสว่างของพระองค์และความซื่อสัตย์ของพระองค์
    เพื่อสิ่งเหล่านั้นจะได้นำทางข้าพเจ้า
ขอให้สิ่งเหล่านั้นนำข้าพเจ้าไปยังวิหารของพระองค์
    ที่อยู่บนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
แล้วข้าพเจ้าจะได้เข้าถึงแท่นบูชาของพระเจ้า
    และเข้าถึงพระเจ้าผู้ทำให้ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีด้วยความสุขล้น
ข้าแต่พระเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณ

ข้าพเจ้าถามตัวเองว่าทำไมข้าพเจ้าถึงโศกเศร้านัก
    ทำไมข้าพเจ้าถึงวุ่นวายใจอย่างนี้
ข้าพเจ้าควรจะฝากความหวังไว้กับพระเจ้า ใช่แล้ว ข้าพเจ้าจะมีเหตุที่จะสรรเสริญพระองค์อีกครั้ง
    พระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้าและเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า

สุภาษิต 22:8-9

คนที่หว่านความชั่วช้าก็จะเก็บเกี่ยวความหายนะ
    แล้วอำนาจในการทำชั่วของเขาก็จะสิ้นสุดลง
คนที่ใจดีจะได้รับพระพร
    เพราะเขาแบ่งปันอาหารให้กับคนจน

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International